ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Heart\'s Hacker Project

    ลำดับตอนที่ #2 : Program 1 : Stardust (รักลอยลม)

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 49



             "คงจะมีสาวๆจำนวนไม่น้อยแอบสงสัยในใจว่า ทำไมนะ! แฟนของเราถึงไม่เอาใจใส่เหมือนแฟนคนอื่นเค้าบ้าง กะอีแค่วันสำคัญไม่กี่วันก็ยังจำกันไม่ได้ นัดกันแต่ละทีก็สายแล้วสายอีก ยิ่งคิดยิ่งเจ็บใจ อืม! นั่นสิ! เรื่องของ วายุเวทย์ และ ละอองฟ้า อาจเป็นคำตอบให้คุณ"

        

    *******************

             สายลมเย็นต้นฤดูหนาวยังคงพัดผ่านใบหน้ารูปไข่ไปอย่างช้าๆ ราวจะหยอกเย้ากับเส้นผมยาวสลวยของเด็กสาว ให้ปลิวไสวไปมาคล้ายการร่ายรำของนางระบำฮาวาย แต่ถึงกระนั้น ลมเย็นๆที่พัด ก็ไม่อาจนำพาความรุ่มร้อนในจิตใจของเด็กสาวให้ลอยละล่องจากไป คงเป็นเพราะการรอคอยตลอดสองชั่วโมง ณ.ใจกลางสยามสแควร์นี้ก็เป็นได้ ที่ทำให้สาวน้อยในชุดกระโปรงสั้นสีขาวสดใส ยังคงหมกมุ่นกับอารมณ์หงุดหงิดของตน จนแม้แต่เจ้าตัวเองก็ไม่ทันสังเกตว่า ตกเป็นจำเลยที่ทำให้หนุ่มๆแถวนั้น เหลียวมองจนตาค้างไปตามๆกัน สิ่งเดียวที่พอจะทำได้เพื่อเป็นการฆ่าเวลา อันถือเป็นการซ้อมมือก่อนที่จะได้ฆ่าใครบางคน คือการเฝ้ามองผู้คนมากมายจากทั่วสารทิศ แต่งกายมาประชันกันราวการแสดงแฟชั่นบนแคทวอล์ก แม้จะเป็นช่วงหัวค่ำของวันอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับย่านนี้

    "ห้านาทีสุดท้าย สัญญา!(รอบที่ร้อยแล้วมั้งยัยฟ้า) คราวนี้ล่ะ กลับแน่ๆ" ละอองฟ้าพึมพำกับตัวเอง "ทำไมฉันต้องมาทนกับไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่ด้วยนะ"

             เป็นอีกครั้งที่สาวน้อยก้มลงดู แทค ฮอยเออร์ ของตนอย่างร้อนรน ดวงตากลมโตสีน้ำตาลน่าพิสมัยฉายประกายแห่งความโกรธเคืองอย่างชัดเจนจนหน้าขนลุก เสียงบ่นพึมพำจากเรียวปาก ยังคงทำงานอยู่อย่างไม่มีทีท่าว่าจะมีวันสิ้นสุด

    "เฮ้! ฟ้า" เสียงที่คุ้นเคยฉุดใบหน้าของสาวน้อยขึ้นมา ดวงตาของเด็กสาวพยายามสอดส่ายหาต้นตอท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากที่เคลื่อนไหวอยู่ทั้งสองฝั่งของฟากถนน

    "เฮ้! ฟ้า ยูฮู้~~~~~~~" เสียงเรียกดังขึ้นอีกครั้ง "เวทอยู่ทางนี้ เห็นเวทหรือยัง"

             ภาพที่ละอองฟ้าเห็นคือเด็กหนุ่มผมสั้นร่างสูงกำลังโบกมือไปมาพรางกึ่งเดินกึ่งวิ่งข้ามถนนมาหาตน ด้วยสภาพเนื้อตัวที่โทรมเกินบรรยายภายใต้ชุดนักกีฬาฟุตบอลตัวเก่าที่ใส่อยู่ ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าการซ้อมที่พึ่งจะผ่านมา มีความหนักหนาขนาดไหน กลิ่นจากเม็ดเหงื่อที่ชุ่มตัวอยู่ขณะนี้ สามารถทำให้ใครก็ตามที่เดินผ่าน อาเจียนออกมาได้อย่างไม่ยากเย็น

    "แฮ่กๆๆ โทษทีฟ้า" เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังก้มหน้าหอบอยู่ "วันนี้พี่ดินแกอยากให้เราซ้อมเพิ่มน่ะ แฮ่กๆ เพราะใกล้แข่งฟุตบอลจตุรมิตรเข้ามาทุกทีแล้ว แฮ่กๆ พี่แกว่าปีนี้ อัศวเดชา จะแพ้ เทพสถิตวิทยา เหมือนปีที่แล้วอีกไม่ได้ เลยเคี่ยวทีมเป็นพิเศษ"

             สาวน้อยจิกชายหนุ่มด้วยหางตา บนใบหน้ามีริ้วรอยแห่งความบูดบึ้งอย่างเด่นชัด แต่กลับไม่มีเสียงใดๆถูกเอ่ยออกมา ห้วงเวลาถูกปล่อยให้เดินผ่านไปจนเด็กหนุ่มเริ่มอึดอัด

    "เวทพยายามมาให้ทันแล้วนะ ดูสิ! เสื้อผ้า น้ำท่า ก็ยังไม่ได้จัดการเลย ซ้อมเสร็จปุ๊บ เวทก็เผ่นมาปั๊บ" วายุเวทย์อ้อนขอความเห็นใจ ซึ่งเป็นทางเดียวที่เด็กหนุ่มคิดได้ว่าจะทำลายบรรยากาศที่เป็นอยู่นี้ แต่มันกลับล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

             ละอองฟ้าจ้องหน้าแฟนหนุ่มนิ่งอย่างเบื่อหน่าย สายตาเริ่มหันไปสนใจรถยนต์ที่ขวักไขว่อยู่บนท้องถนนราวกับไม่เคยเห็นมาตลอดชีวิต

    "โอเค! เราจะไปนั่งร้านไหนดีฟ้า ช่วยเวทคิดทีสิ" ความพยายามอีกครั้งของคนผิด

    "....."

    "งั้นดูหนังกันดีมั้ย อาทิตย์นี้มีเรื่องดีๆเข้าเพียบเลยนะ Heart's Hacker เป็นไง กำลังดังเลยน้า(ตรงไหน)"

    ".........."

    "หรือจะไปเดินดูเสื้อกันดีล่ะ ฟ้าไม่ได้ดูนานแล้วนี่ ตอนเดินมานี่ เวทเห็นอยู่ร้านหนึ่ง เสื้อน่ารักเหมาะกับฟ้ามาก ถ้าสนใจเราไปกันมั้ย"

    "..............."

    "งั้นไม่ต้องทำอะไร" ชายหนุ่มเริ่มฉุน "แค่หาที่นั่งคุยกันเฉยๆก็ได้ เอ้า!"

             ละอองฟ้ายังคงนิ่งราวรูปปั้นเทพธิดา แต่บรรยากาศโดยรอบมาคุสิ้นดี

    "นี่ฟ้า! เวทจะได้ฟังเสียงฟ้ามั้ยวันนี้" เสียงชายหนุ่มเข้มขึ้น "เวทเหนื่อยนะ อย่ามาหาเรื่องกันตอนนี้เลย"

             ในวินาทีที่เสียงเด็กหนุ่มสิ้นสุดลง ละอองฟ้าหันกลับไปมองเจ้าของเสียง สีหน้าตื่นตะลึงไม่เชื่อหู เขาถือดียังไงมาขึ้นเสียงกับเธอ กะอีแค่อดทนง้อแฟนแค่ห้านาทีสิบนาทีเนี่ยมันจะตายเหรอ นี่เธอรอเขาเป็นชั่วโมงเชียวนะ มันเทียบไม่ได้เลยกับเวลาที่เขาเสียไป หญิงสาวตัดสินใจหันหลังสาวเท้าหนีด้วยอารมณ์ที่เดือดไม่แพ้กัน

    "โธ่! ฟ้า บอกแล้วไงว่าขอโทษ จะไม่ยกโทษให้กันบ้างเหรอ" เด็กหนุ่มร้องขึ้น เท้าขยับตามแฟนสาวอย่างไม่ลดละ

             เด็กสาวก้าวไปข้างหน้าโดยไม่มีท่าทีว่าจะสนใจเสียงที่ไล่ตามมาจากด้านหลัง สายตารอบข้างเริ่มหันมาสนใจคนทั้งคู่ แต่มันไม่สามารถสะกิดอารมณ์ใดๆของละอองฟ้าให้เย็นลงได้ ความต้องการที่จะหนีไปให้ไกลยังคงเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดในขณะนี้ของเธอ

    "เข้าใจอะไรให้มันง่ายๆได้มั้ยฟ้า ปีนี้เราหมายมั่นกับการแข่งครั้งนี้ไว้มาก" วายุเวทย์ยังคงเสียงดัง "แถมปีหน้าเวทจะได้เป็นกัปตัน ถ้าเวทไม่อยู่ซ้อม น้องๆมันจะคิดยังไง เฮ้ย!" เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง ร่างเกือบชนแฟนสาว ซึ่งหยุดเดินแล้วหันหน้ากลับมาอย่างฉับพลัน

    "เออใช่! ฉันมันคนเข้าใจอะไรยาก" ละอองฟ้าไม่อาจเก็บอารมณ์ได้อีก "นายวายุเวทย์ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องมาทนรอนายแบบนี้นะ จะให้ฉันยกโทษให้เหรอ นายรู้มั้ยว่านายพูดแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว"

    "แป๊บนะ ขอนับก่อน" เสียงเด็กหนุ่มกลับมาทะเล้นอีกครั้ง พลางยกมือขึ้นทำท่านับ "หนึ่ง สอง ส..."

    "นายเวท!" สาวน้อยแผดเสียง "นายจะยั่วฉันใช่มั้ย ถ้าจะนับกันจริงๆ นิ้วคนทั้งกรุงเทพฯก็ไม่พอ ตลอดสองปีที่ครบกัน นัดกี่ครั้งๆ นายเคยมาทันบ้างมั้ย ไม่ต้องหวังให้มารอเหมือนแฟนชาวบ้านเค้าหรอกนะ แค่ให้มาถึงพร้อมกันยังไม่เคย มีผู้ชายดีๆที่ไหนเค้าทำกัน"

      

    "ขอโทษ เวทล้อเล่น เวทคิดว่ามันอาจจะ..." วายุเวทย์แผ่วลงอย่างคนสำนึกผิด

    "พอทีๆ เวทจะขอโทษกับทุกเรื่องไม่ได้หรอกนะ" หญิงสาวตัดบท "ฟ้าไม่อยากฟังคำแก้ตัวทุกครั้งที่เราเจอกัน มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลยเวท"

    "ฟ้า" วายุเวทย์เอ่ยเสียงแผ่ว "เวทสัญญาว่านัดครั้งต่อไปต้องดีขึ้นแน่นอน ฟ้าเชื่อเวทสิ"

    "ครั้งที่เท่าไรล่ะ ฟ้าแน่ใจว่าไม่ใช่ครั้งต่อไปแน่ๆ เพราะเวทดีแต่สัญญาไปเรื่อยกับทุกเรื่อง แต่ไม่เคยทำมันได้อย่างที่พูดสักที"

    "นัดครั้งต่อไปเวทจะมาให้ทัน ไม่สิ! เวทจะมาก่อนเวลาให้ได้คอยดู" สายตาเว้าวอนถูกส่งไปยังเด็กสาว ดวงตาสีน้ำตาลคู่โตที่มองตอบ บ่งบอกว่ากำลังตัดสินใจอะไรบ้างอย่างที่ยาก ยากมากๆเลยทีเดียว

    "เวท"

    "เชื่อเวทนะฟ้า" เด็กหนุ่มมีความหวังอีกครั้ง

    "เวทอาจไม่ได้อยากคบฟ้าจริงๆก็ได้" ละอองฟ้ากัดฟัน เสียงสั่นเครืออย่างเต็มกลั้น "เราเลิกกันดีกว่ามั้ย" หยดน้ำไหลอาบสองแก้มของเด็กสาว

    "ฟ้าพูดอะไรอยู่น่ะ" เด็กหนุ่มตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น "ฟ้าไม่ได้คิดอย่างนั้นจริงๆหรอกใช่มั้ย ล้อเวทเล่นอย่างนี้ไม่สนุกนะ"

    "ฟ้าคิดว่ามันเป็นทางออกที่ดีที่สุดของเราแล้ว" เสียงเด็กสาวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่

    "ฟ้ากำลังทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ รู้ตัวบ้างมั้ย" วายุเวทย์มองเข้าไปในดวงตาของแฟนสาวราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่

             ไม่เคยรู้เลย! ละอองฟ้ามองแฟนหนุ่มทั้งน้ำตา แม้วินาทีนี้ เค้าก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะเข้าใจอะไรเธอเลย ที่ตัดสินใจไปมันอาจจะดีที่สุดแล้วจริงๆก็ได้สำหรับคนทั้งคู่ ฝืนไปก็รังแต่จะฝากความเจ็บปวดให้กันมากขึ้นซะเปล่าๆ เจ็บ! อยู่ๆความเจ็บปวดก็แล่นผ่านสายเลือดเข้าสู่หัวใจเด็กสาวอย่างรุนแรง เธอไม่แน่ใจว่าผู้ชายตรงหน้าจะเจ็บได้ครึ่งหนึ่งของเธอมั้ย แม้ว่าคนที่บอกเลิกจะเป็นเธอเองก็ตาม

      

    "เราอย่าเจอกันอีกเลยนะ" เด็กสาวทิ้งไว้ ก่อนจะหันหลังวิ่งจากไป ปล่อยให้หยาดน้ำตาที่พลิ้วเป็นสาย ปลิวเข้าปะทะหน้าชายหนุ่มซึ่งยืนนิ่งอยู่ด้วยความสับสนที่พุ่งพล่านอยู่ในใจ

    "โธ่เว้ย!!!" ชายหนุ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่งหลังรู้สึกตัวอีกครั้ง "ฟ้าก็รู้ว่าเวทไม่อยากให้เป็นแบบนี้ ก็ได้ๆ อยากเลิกใช่มั้ย เลิกก็เลิกโว้ยใครจะไปสน"

             วายุเวทย์ยืนตะโกนไล่หลังเด็กสาวอย่างลืมตัว โดยไม่รู้สึกว่าตอนนี้ตนเป็นที่สนใจของคนรอบข้างสักเพียงใด และยิ่งไม่มีวันรู้ว่า ละอองฟ้าเดินจากไปพร้อมกับความเจ็บปวดมากมายสักเพียงไหนเมื่อได้ยิน

    *******************

    "อะไรนะ! นายนั่นกล้าพูดกับแกขนาดนี้เลยเหรอฟ้า" ธารตะวันเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเพื่อนสาว ยืดตัวขึ้นพับแขนเสื้อราวกับนักเลงด้วยท่าทางที่เอาเรื่อง

    "ชู่ว์~~~~" ละอองฟ้าแนบนิ้วชี้ของตนไว้ที่ริมฝีปาก "เบาๆหน่อยยัยวัน นี่มันโรงอาหารนะยะ" เด็กสาวหน้าแดงเรื่อ สอดส่ายสายตามองคนรอบข้างอย่างลนลาน ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยว่าต่างก็หันมาจ้องท่าทางแปลกๆของธารตะวันอย่างสนใจ บางกลุ่มถึงกับซุบซิบอะไรบางอย่างแล้วหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน

    "ไม่สนเฟ้ย!" นักเลงสาวยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุด "นายนั่นถือดียังไง มาทำให้ดาวของ อัจฉริยะวิทย์ ต้องเสียน้ำตา"

    "นี่ยัยวันพอเถอะ มันจบไปแล้ว นั่งลงกินข้าวต่อได้แล้วโว้ย ใกล้เข้าเรียนแล้ว" ละอองฟ้าเริ่มหัวเสีย พยายามดึงเพื่อนสาวลงมานั่งที่เดิม "ไม่งั้นฉันเทข้าวแกทิ้งจริงๆนะ เอ้า!"

    "นั่งเถอะยัยวัน ฉันเริ่มปวดหัวแล้วเหมือนกัน" เอกอัปสรเพื่อนสาวอีกคนพูดเสียงเรียบ มองคนเจ้าอารมณ์ผ่านแว่นตาอย่างเบื่อหน่าย "ฟ้ามันเศร้าอยู่ไม่เห็นเหรอ ตอกย้ำมันอยู่ได้"

    "โอ๊ะโอ๋! ดอกพิกุลร่วงแล้ว" ธารตะวันเปลี่ยนเป้าหมายไปยังเอกอัปสร ก่อนนั่งลงโดยไม่สนใจสายตามาดร้ายของเหยื่อที่มองมา "เอาล่ะ! มาต่อเรื่องยัยฟ้าดีกว่า"

    "ยังไม่จบอีกเหรอ พอเลยๆ เรื่องฉันน่ะ" เจ้าของเรื่องโบกมือไปมาอย่างไม่ใส่ใจ

    "เรื่องอะไรจะหยุด กับไอ้ผู้ชายเฮงซวยนี่มันต้องเอาให้หนัก" เสียงธารตะวันจริงจังขึ้น "นายนั่นไม่รู้หรือไงว่าคนที่มาตามจีบเธอ ถ้ามายืนต่อแถวกัน คงจะยาวถึงเชียงใหม่นู่นล่ะมั้ง"

    "แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ตรงไหน" ละอองฟ้าเอ่ยขึ้นแต่กลับให้ความสนใจขาไก่ที่อยู่ในจานมากกว่า

    "เกี่ยวดิ มันจะได้สำนึกสักทีไง ว่าถ้าไม่เอาใจใส่แกให้มากกว่านี้ ยังมีคนอื่นที่เค้าทำได้ดีกว่ารออยู่อีกเป็นคันรถ"

    "เวทเค้าต้องซ้อมบอลนี่ ใกล้แข่งแล้วด้วย" สาวน้อยเริ่มซึมอีกครั้ง "อีกอย่าง ตอนนี้พูดไปก็เท่านั้น มันไม่ช่วยอะไรแล้ว"

    "โห! แก้ตัวให้อีก แม่นางฟ้าแม่เทพธิดา ก็บอกไอ้เวรนั่นไปสิ ให้มันไปครบกับลูกฟุตบอลให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย เลิกกันน่ะดีแล้ว" ธารตะวันเขี่ยข้าวในจานเล่น "ฉันไม่เข้าใจ นายเวทนี่มันมีดีที่ตรงไหน หน้าตาก็งั้นๆ ฐานะก็...นะ โอเค~~ รูปร่างอาจจะดีเพราะเป็นนักกีฬานิ แต่แล้วไง ถ้านิสัยไม่ได้เรื่อง ก็ไม่รู้จะทนคบไปทำไม จริงมั้ย!"

    "แกก็พูดเกินไป เวทเค้าก็มีดีเหมือนกัน" ละอองฟ้าค้าน

    "แล้วมันดีที่ตรงไหนล่ะกั๊บ" ธารตะวันทำท่าล้อเลียนผู้ประกาศข่าวชื่อดัง "ชี้ชัดๆสิกั๊บ"

    "เอ่อ....อย่างเช่น....เอ่อ(นี่เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาทบทวนเป็นวัน ไม่รู้หรือไงยะหล่อน)" ละอองฟ้าอึกอัก ลดสายตาลงมองจานข้าวพลางใช้ความคิดอย่างหนักที่สุดเท่าที่เคยใช้มาในชีวิต

             ตุบ!!! กำปั้นธารตะวันถูกฟาดลงบนโต๊ะ

    "พยานมีทีท่าไม่มั่นใจ คำให้การฟังไม่ขึ้น เบิกเครื่องประหารหัวสุนัข" ธารตะวันเปลี่ยนมาสวมบทเปาบุ๋นจิ๋น ประกาศตัดสินชะตากรรมของเพื่อนเสียงดัง

    "พอทีเถอะวัน ฟ้ามันหงอยแล้ว เลิกแกล้งมันสักที" เอกอัปสรเอ่ยขึ้นหลังจากสมัครใจเป็นแค่ผู้ชมอยู่นาน

    "เฮ้อ!" ท่าทีของตัวแสบเริ่มอ่อนลงเมื่อสังเกตเห็นอาการของละอองฟ้า "นายนั่นเคยบอกชอบแกจริงๆจังๆกับเค้าบ้างมั้ยเนี่ย ฉันล่ะสงสัย"

    "ไม่รู้สิ ฉันไม่เคยถาม" เด็กสาวตอบเสียงแผ่ว สายตาเหม่อไปยังกลุ่มเด็กผู้ชายที่เตะฟุตบอลอยู่ในสนาม ไม่มีใครทักเธอคงไม่คิด แฟนกันแค่คำว่าชอบมันเป็นเรื่องธรรมดานี่นะ แต่ไอ้เรื่องธรรมดานี่แหละที่ตาบ้านั่นไม่เคยทำ เธอทนมาได้ยังไงนะตั้งสองปี

    "ไม่เคยเลย! แม่เจ้า!" ธารตะวันร้องอย่างตื่นตระหนก สีหน้าเหมือนพึ่งจะได้ยินกำหนดการโลกแตกก็ไม่ปาน "โอ้! แม่พระผู้อารี แกทนนายนั่นได้ยังไง ฉันล่ะเชื่อแกเลย คบกันมาตั้งแต่ม.3แล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้ม.5แล้วนะแก สองปียังไม่เคยบอกชอบกัน พวกแกจะทำสถิติโลกกันหรือไง แค่บอกชอบเนี่ยนะ!" เด็กสาวหรี่ตาลง แสดงให้รู้ว่าระอาด้วยการส่ายหัวไปมา "จริงๆแล้วพวกแกเป็นปลากัดใช่มั้ย แค่มองหน้ากันก็เป็นแฟนกันได้"

    "มากไปๆ นี่แกพูดไม่อายปากเลยนะ ทำยังกับเคยมีแฟนงั้นแหละ" ละอองฟ้าสวนกลับบ้าง

    "เฮ้ยๆ อย่าดูถูก อย่างฉันหนุ่มๆวิ่งไล่กันให้ควั่บ"

    "อ๋อ~~~" แววตาเจ้าเล่ห์ของละอองฟ้าฉายขึ้น "ใช่ๆ จริงด้วยแม่เนื้อหอม"

    "เฮ้ย! ฉันไม่ได้หมายถึงไอ้นั่นนะ" ธารตะวันเหมือนพึ่งคิดได้ นึกสาปแช่งความปากไวของตัวเองก็สายไปเสียแล้ว ความหวาดกลัวต่อชื่อที่เพื่อนสาวกำลังจะเอ่ยขึ้นเริ่มเกาะกุมจิตใจ "ไม่ใช่มันแน่ๆ"

    "อืม~~~ จริงด้วย บอกรักกันทุกวันเลยนี่ น่าอิจฉาจริงจริ๊งงงง" ละอองฟ้าได้ทีเริ่มขี่แพะ

    "ไม่นะ แกอย่าพูดชื่อที่แกก็รู้ว่าใครนั่นออกมานะ" เหงื่อตัวแสบชุ่มเต็มใบหน้า ท่าทางหวาดกลัวดูสมจริงอย่างที่น่าจะพุ่งตุ๊กตาทองใส่

    "ใครจะไปเหมือนพ่อยอดขมองอิ่มของแกล่ะวัน หวานกันจนน้ำตาลอาย นายนั่นชื่ออะไรนะ" คนเป็นต่อมองเพื่อนโบกมือปัดป้องไปมาอย่างสะใจ

    "อายุยืนจริงๆ พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา" เอกอัปสรขัดจังหวะพร้อมขยิบตาเป็นสัญลักษณ์ให้มองตาม "นู่น~~~~เดินมานั่นแล้ว"

    "ใช้ได้นี่ รู้คิวด้วยแฮะว่าน่าจะออกมาตอนไหน" ละอองฟ้ามองไปยังเป้าหมายอย่างทึ่งๆ

    "เหว๋อ~~~~~" ใบหน้าธารตะวันราวเจอปีศาจจากอเวจี "ข้าวน่ะ ฉันไม่กินแล้ว เจอกันบนห้องเรียนเลยละกัน"

    "ฮิๆ ใครเห็นนักรบสาวเมื่อครู่บ้างมั้ย ไม่รู้หายไปไหนแล้ว" ละอองฟ้าฉีกยิ้มมองเพื่อนลุกลี้ลุกลนเก็บของเข้ากระเป๋า "เอ้าๆ เก็บผิดเก็บถูกแล้วนั่น"

    "เฮอะ! ให้เก่งมาจากไหนก็ขอบายย่ะ ถ้าต้องมาเจอกับไอ้เจต" คนเคยเก่งตอบเสียงสั่น

    "อ่าว! แล้วแกจะไม่เข้าแถวหน้าเสาธงเหรอ ใกล้เวลาแล้วนะ" เอกอัปสรท้วง

    "เฮ้ย! ไว้ก่อน ตอนนี้ชีวิตสำคัญกว่าอื่นใด" ธารตะวันตอบห้วนๆโดยไม่มองหน้าเพื่อน

    "วันจ๋~~~~า สุดที่รักของเจต เจตมาแล้ว" เสียงต้นตอแห่งความสะพรึงดังขึ้นจากทางเข้าโรงอาหาร ชักจูงให้ทุกสายตามองไปยังต้นเสียงเป็นจุดเดียว

    "ไม่-ทัน-แล่ว" หน้าธารตะวันซีดลงอย่างเห็นได้ชัด หันไปมองตัวการที่กำลังเคลื่อนตัวใกล้เข้ามาด้วยความเร็วแสง "นักรบของแกตอนนี้ กำลังหนีผีอยู่นี่ไง" ความทะเล้นทำให้ยังมีกระใจหันไปเล่นกับเพื่อน ก่อนออกตัวเผ่นสุดแรงเกิด "เฮ้ย!!! มันมาแล้ว เจอกันบนห้องนะโว้ย"

    "วันจ๋~~~~า รอเจตด้วย"

    "ไอ้บ้าเจต! อย่าตามมานะโว้ย ฉันถีบจริงๆนะ เอ้า!"

    "รอเจตด้วย ที่รักจ๋~~~~~~"

    "อย่าตามมาน้~~~~~~~า ไอ้บ้าเจต"

    "ถึงบ้า ก็บ้ารักนะจ๊ะ ที่ร้า~~~~~"

    "อย่าตามม้~~~~~~"

    "รอด้วยยยยย"

    "ม่ายยยยย"

    "........"

    "......"

    "...."

    "คู่นี้เค้ารักกันดีนะ ฮิๆ" ละอองฟ้าคิกคัก มองตำรวจหนุ่มวิ่งไล่โจรสาวอย่างครึ้มใจ

    "คู่สร้างคู่สมเชียวล่ะ ฉันว่านะ" เอกอัปสรเสริม ก่อนที่สองสาวจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ลืมเรื่องไม่สบายใจเมื่อครู่ราวกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นเลย

    *******************

             ท้องฟ้าเบื้องบนถูกย้อมเป็นสีแสดอีกครั้งตามรอบกาล นกกาประสานเสียงเซ็งแซ่ ร้องเรียกพวกพ้องชวนกันกลับเข้ารังหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งวัน หน้าประตูรั้วของ อัจฉริยะวิทย์ ก็ไม่ต่างจากโรงเรียนมัธยมโดยทั่วไปของประเทศไทย ในยามนี้ มหกรรมฟู้ดแฟร์ได้ถูกจัดขึ้นตลอดทั้งสองฝั่งของถนน เสียงอื้ออึงจากผู้คนเบาบางลงมากอันเนื่องมาจากเลยผ่านเวลาเลิกเรียนมาได้สักพักหนึ่งแล้ว แต่ถึงกระนั้น เหล่าขาประจำชอบกลับเย็นก็ยังคงเกาะกลุ่มเคลื่อนผ่านประตูออกมาให้ได้เห็นกันไม่ได้ขาด

    "โว้ยยยยยย! รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ เซ็งโว้ยยยยยย!" ธารตะวันบ่นสลับก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ ท่ามกลางเสียงพูดคุยของกลุ่มนักเรียนที่เคลื่อนออกมาจากโรงเรียน "ยัยสรมันจะให้เรารอถึงเมื่อไหร่ เลิกเรียนมาเป็นชาติแล้วนะ ชักช้าประจำเลยยัยเนี่ย"

    "ฉันบอกแกแล้วนี่ สรมันไปส่งรายงานให้ฝ่ายปกครองแป๊บเดียว ก็เรื่องกิจกรรมที่จะจัดขึ้นในวันสถาปนาโรงเรียนไง เห็นแกสนใจยิ่งกว่าใครไม่ใช่เหรอ" ละอองฟ้าเอ่ยเสียงยุ่งมองดูขนมโตเกียวที่สั่งไว้

    "เรื่องสนุกแบบนี้ใครล่ะจะไม่สน ปีนี้เค้าว่าจัดใหญ่ด้วยนี่ เฮ้ย! อย่าเปลี่ยนเรื่องดิ" เด็กสาวอุทานอย่างนึกได้ "แต่แม่นั่นให้เรามารอเป็นชั่วโมงแล้วนะ ไม่รู้มีเรื่องอะไรคุยกันนักหนา"

    "แกบ่นเป็นอาชีพเหรอไง เดี๋ยวเสร็จมันก็มาเองแหละ มันไม่ได้พิศวาสอาจารย์ฝ่ายปกครองนักหรอก" ละอองฟ้ายื่นเงินให้พ่อค้าขนมโตเกียว สายตาจับจ้องน้ำแข็งใสในตู้กระจกของร้านข้างๆอย่างสนใจ

    "อืมมม ไม่แน่นะ เห็นยัยนั่นส่งตาหวานให้อาจารย์พิชัยบ่อยๆ" ตัวแสบหรี่ตาหน้าทะเล้น

    "ไอ้บ้า! หาเรื่องโดนหวดแล้วไง" ละอองฟ้าแยกเขี้ยวใส่เสียงหัวเราะคิกคักของเพื่อนรัก

    "ล้อเล่นน่า ทำเป็นเครียดไปได้ ปรับอารมณ์น่ะ รู้จักมั้ย ยืนรออย่างนี้น่าเบื่อจะตาย"

    "ระวังเหอะ จะได้เรียกบิดามารดาที่บ้านมาช่วยปรับ" เด็กสาวค้อน "เออ! แล้วแกจะรีบอะไรนักหนา ฟ้ายังไม่ทันมืดเลย"

    "วันนี้ฉันนัดสุดที่รักไว้ย่ะ" ดวงตาชวนฝันของธารตะวันเหม่อมองไปยังท้องฟ้าที่แสนไกล

    "ไอ้เจตเหรอ" ละอองฟ้ามองเพื่อนอย่างเหนื่อยหน่าย

    "พูดงี้ต่อยกันดีกว่าแก ฉันกำลังอยู่บนสวรรค์อย่าดึงฉันลงนรกได้มั้ย" ธารตะวันแหวเพื่อน "วันนี้ฉันมีนัดกับพี่ตรัยย่ะ" แล้วตัวแสบก็กลับมาตาลอยเข้าสู่ห้วงฝันอีกครั้ง

    "พวกบ้าดารา" ละอองฟ้าพึมพำด้วยน้ำเสียงที่ดูแคลน

    "พี่ตรัยไม่ใช่แค่ดาราธรรมดา" ธารตะวันตาเขียว

    "งั้นเค้าเป็นตัวประหลาดจากดาวไหนล่ะยะ" ละอองฟ้าพยายามกลั้นหัวเราะสุดชีวิต ภาพสัตว์ประหลาดนานาพันธุ์ผุดขึ้นในหัวราวกับดอกเห็ด

    ธารตะวันตาขวาง "เค้าเป็นเทพบุตรในใจฉันย่ะ" แล้วกลับมายิ้มกริ่มอย่างมีความสุข หากใครผ่านมาเห็นคงแย่งกันโทรแจ้งศรีธัญญาเป็นแน่

    "พวกอนุรักษ์วัตถุโบราณ" ละอองฟ้าเหล่เพื่อนด้วยหางตา

    "ใครแก่ๆ พูดดีๆนะ พี่ตรัยของฉันหน้าใสตลอดเวลา"

    "เป็นพ่อแกได้เนี่ยนะ ยังหน้าใส ถ้าใช่ก็วิปริตแล้วแก" ละอองฟ้านึกถึงเด็กทารกผมขาวโผลนโดยไม่ได้ตั้งใจ

    "จ้าๆ นายวายุเวทย์ดีที่สุดแล้ว จริงมั้ย! ไม่รู้ล่ะ นี่ถ้าฉันกลับไปดูพี่ตรัยไม่ทันละก็ น่าดู! ละครเรื่องใหม่ของพี่เค้าด้วยนะวันนี้" เด็กสาวมองละอองฟ้าอย่างหงุดหงิด แล้วเริ่มคิดว่าวิวมุมอื่นน่าจะดีกว่าหน้าเพื่อนของตน พลันสายตาก็ไปปะทะกับใครบางคนที่ไม่ค่อยอยากเจอ "อายุยืนจริงนะ พ่อคุ๊ณณณณ"

    "อะไรน่ะ ยัยสรมาแล้วเหรอ" ละอองฟ้ายังคงไม่ละสายตาจากขนมในถุง

    "ถ้าเป็นยัยนั่นก็ดีสิ แต่นี่น่ะ โจทก์แก" ธารตะวันเอ่ยเสียงเซ็ง

    "โจทก์ชั้น! แล้วมันใครกันล่ะ บอกมาสิท่ามากอยู่ได้" ไส้ครีมมันน่าจะอยู่มุมนี้นะ จะเล่นซ่อนหากับฉันใช่มั้ย

    "เงยหน้าขึ้นมาดูเองดิ โตเกียวมันไม่หนีไปไหนหรอก"

    "เรื่องมากจริงแก ทำงานอยู่กรมเจ้าท่าเหรอไง" ใบหน้าของละอองฟ้าผละจากถุงขนมโตเกียวอย่างช้าๆ

             เข็มนาฬิกาหยุดเดิน สายลมหยุดพัด ผู้คนรอบข้างราวไร้ชีวิตยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง มีเพียงสายตาสองคู่ที่สบผสานกัน สายตาคู่แรกแฝงความสับสนที่สังเกตได้ไม่ยาก ส่วนอีกคู่ ฉายแววเว้าวอนขอความเห็นใจอย่างสุดประมาณ

     "เวทมารับ กลับบ้านด้วยกันนะฟ้า" ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยเสียงแผ่ว พลางยื่นมือออกมาจับหูกระเป๋าของแฟนสาว

        

    *******************

             ร้อน! เด็กหนุ่มบอกตัวเองมาตลอดทาง ต้นเหตุไม่ได้เกิดจากสภาพอากาศ ผิวหนังยังคงบอกได้ถึงสายลมเอื่อยๆที่พัดอยู่โดยรอบ อาจเป็นเพราะรังสีอำมหิตที่เปล่งออกมาจากเด็กสาวข้างกายก็เป็นได้ ที่ทำให้เหงื่อของเขาชโลมร่างได้มากมายขนาดนี้ ความกลัวทำให้ไม่กล้าแม้จะหันไปสบสายตาอีกคู่หนึ่ง ทำได้แค่เพียงมองเส้นทางเคยชินที่อยู่ตรงหน้าอย่างจำใจ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาส่งเด็กสาว ภาพสองข้างทางที่เรียงรายไปด้วยบ้านกินลมหลากสไตล์ค่อยๆไหลผ่านไปอย่างช้าๆ หากเลยผ่านสนามเด็กเล่นที่อยู่ตรงหน้า ก็จะถึงจุดหมายของการเดินทางในครั้งนี้ เหมือนคิดได้! วันนี้เขามาเพื่อจะพูด พูด! พูด! แล้วก็พูด ไม่ใช่เดินเงียบเป็นก้อนหินอยู่อย่างนี้ หลังตั้งสติรวบรวมลมปราณจากท้องน้อย มองขึ้นฟ้า อืม! ดาวสวยแฮะ! เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน

    "คืนนี้ดาวสวยดีนะฟ้า" วายุเวทย์พยายามเปิดบทสนทนา

             ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก หญิงสาวนิ่ง

    "ลมเย็นดีเนอะ" แต่คนพูดเหงื่อชุ่มหลังราวอาบน้ำแล้วลืมเช็ดตัว

             หากจะนับเสียงจิ้งหรีดที่ดังระงมจากสองข้างทางแทนการตอบรับ ก็คงถือว่าไม่เลวนักสำหรับความพยายามในครั้งนี้ เด็กหนุ่มเริ่มกระสับกระส่าย เหลือบเห็นสนามเด็กเล่นข้างทาง ซึ่งทำให้เขารู้ว่า เหลือเวลาอีกไม่มากนักที่จะทำให้สถานการณ์ทุกอย่างดีขึ้น

    "ฟ้า! เวทว่าเราต้องคุยกันนะ"

    "........."

             นี่เค้าซ้อมละครใบ้หรือไง วายุเวทย์มองเด็กสาว ความหงุดหงิดในใจเติบโตขึ้นทุกที หรือต้องเลิกกันจริงๆ ไม่นะ! เขาไม่ต้องการแบบนั้น ในเมื่อไม่มีอะไรจะเสีย ยังไงวันนี้ก็ต้องคุยให้รู้เรื่อง ให้เป็นมารร้ายก็เอา

    "ฟ้า! มานี่" ไวเท่าความคิด วายุเวทย์ฉุดแฟนสาวพุ่งตรงไปยังชิงช้าในสนามเด็กเล่น

    "โอ้ย! เจ็บนะไอ้บ้า! ปล่อยฉัน" สาวน้อยนึกถึงความรู้สึกในวัยเด็ก ในวันที่แม่พยายามลากตนไปโรงเรียนเป็นครั้งแรก

    "อ่าว! นึกว่าต้องมีแฟนเป็นใบ้แล้วซะอีก" รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้น

    "ใครแฟนนาย เราเลิกกันแล้ว จำไม่ได้เหรอ" ละอองฟ้ารู้สึกได้ถึงแรงฉุดที่มากขึ้นหลังจากเด็กหนุ่มได้ยินสิ่งที่เธอร้องออกไป "ปล่อยฉันนะ! ไอ้เวทบ้า!"

    "ไม่!" น้ำเสียงเด็ดขาดดังขึ้น

    "ปล่อยยยยยยยยยยย"

    "ม่ายยยยยยยยยย"

    "ปล่อยช้านนนนนน" ละอองฟ้าน้ำตาซึม พยายามแกะนิ้วที่บีบแน่นออกจากข้อมือที่เริ่มแดงของเธอ

    "ก็ได้!" อยู่ๆเด็กหนุ่มก็ปล่อยมือ ทำให้ร่างของเด็กสาว

             ตุบ!!! เสียงสะโพกกระแทกลงบนชิงช้า

    "นั่งนิ่งๆตรงนี้!" จอมโหดออกคำสั่ง แววตาจับจ้องละอองฟ้าที่กำลังนั่งจ๋อมอยู่

    "นายเวท! นี่นายเกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย อู๊ยยยยย" เด็กสาวลูบสะโพกไปมา สีหน้ายู่ยี่อย่างเห็นได้ชัด

             แววสงสารปรากฏในดวงตาเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง แต่เมื่อสาวน้อยหันมาจ้อง ความรู้สึกเมื่อครู่ที่มีอยู่ ถูกแทนที่ด้วยสายตาจริงจังอย่างที่เค้าไม่เคยทำมาก่อน เอาล่ะสิ! จะเริ่มยังไง คุยเรื่องอะไรดีนะ รู้อยู่ว่ามาเพื่อปรับความเข้าใจ แต่มันควรจะมีอะไรปูเรื่องก่อนเห็นด้วยมั้ย แล้วมันควรจะเป็นเรื่องอะไรล่ะ โว้ยยยยย!!! คุยเรื่องอะไรวะ คนสุดกลุ้มคิดพลางหันดูรอบๆตัว

    "นายเวท! นายลากฉันมาเพื่อจ้องตากันเท่านั้นเหรอ ฉันไม่ว่างขนาดนั้นนะ ถ้าไม่มีอะไรพูด ฉันจะกลับบ้านแล้ว" เสียงใสปลุกพวังเด็กหนุ่ม

             เอาวะ! วายุเวทย์ยืดตัวขึ้น กำหมัดอย่างมั่นใจ ดวงตาเลื่อนขึ้นมองผืนฟ้า แม้คืนนี้จะไม่มีแสงเดือน แต่ประกายจากกลุ่มดาวบนฟากฟ้าก็ทอแสงสาดส่องลงมา ราวกับว่าจะโอ่อวดความงามของค่ำคืนให้เหล่านักเดินทางได้ต้องมนต์ เคลิบเคลิ้มกับงานศิลป์อันวิจิตรของทวยเทพที่ประดิษฐ์ขึ้น สายลมที่พัดมาเป็นระยะ ช่วยขจัดความรุ่มร้อนในจิตใจเด็กหนุ่มให้บรรเทา

    "ดาวเต็มท้องฟ้าเลยเนอะ(แค่เนี้ย)" วายุเวทย์สลัดคราบฮิตเลอร์ทิ้ง "เวทก็แค่อยากจะชวนฟ้าออกมานั่งดูดาวด้วยกันสักครั้ง ก็เท่านั้น(ใครบอกที ทุเรศใช่มั้ย)"

             ตายล่ะ! ผีเข้าแล้วแฟนฉัน หลังความตกใจเด็กสาวพยายามซ่อนความผิดหวังที่ผุดขึ้นข้างใน เธอไม่อยากได้ยินเรื่องนี้ เขาน่าจะรู้ว่าเรื่องอะไรที่เธออยากฟัง เอาเถอะ! หวังอะไรมากกับนายนี่

    "เนี่ยนะ วิธีชวนของนาย เพื่อนนายสอนมาหรือไง"

    "อืม! มันก็...." เด็กหนุ่มมองเหยื่อสาวตรงหน้า "ได้ผลดีไม่ใช่เหรอ"

    "ช่ายยยย ดีมาก ดีเหลือเกิน" ละอองฟ้ากัดฟัน ยื่นแขนของตนให้เด็กหนุ่มดู "นี่ไง ผลของมัน เป็นจ้ำขนาดนี้ นายจะรับผิดชอบยังไง"

             วายุเวทย์ทำหมือนไม่ได้ยิน เดินวนเตะยอดอ่อนของใบหญ้าเล่นไปรอบๆชิงช้าแทนคำตอบ ในขณะที่สมองทำงานอย่างหนักเพื่อคิดว่าจะเอายังไงต่อไปดี ความเงียบที่ไม่รู้จุดสิ้นสุด นำมาซึ่งความหงุดหงิดภายในใจของเด็กสาว

    "ฉันจะกลับบ้าน ฉันไม่ได้อยากดูดาวบ้าๆกับนาย" เสียงร้องตวาดดังขึ้นพร้อมกับร่างที่เหยียดตรงของเด็กสาว

    "นั่นๆ ดูนั่นสิฟ้า ดาวเหนือใช่มั้ย สวยเชียว" นิ้ววายุเวทย์ชี้ขึ้นฟ้าอย่างสะเปะสะปะ

    "นั่นมันดาวหมีใหญ่" เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงดูแคลน

    "แหะๆ อ่าวเหรอ ฟ้านี่เก่งจริงๆ" เสียงหัวเราะกลบเกลื่อนดังขึ้น "อุ๊ย! ดูนั่นสิ ดาวดวงนั้นลอยไปนู่นแล้ว ตลกดีเนอะ"

    "นั่นมันเครื่องบิน" ละอองฟ้าตอบกลับอย่างเหนื่อยหน่าย จ้องมองชายที่อยู่ตรงหน้าซึ่งพยายามหลบสายตาด้วยความอาย "นายได้อะไรกลับมาจากโรงเรียนบ้างเนี่ย ฉันอยากจะรู้จริงๆ ไม่เอาแล้ว ฉันไม่อยากเล่นอะไรบ้าๆนี่กับนายอีกแล้ว ฉันกลับบ้านล่ะนะ"

    "เวทไม่ให้กลับ บ้านฟ้าอยู่แค่นี้ เดินอีกห้านาทีก็ถึง นั่งดูดาวเป็นเพื่อนเวทก่อนจะเป็นไร" เสียงวายุเวทย์เข้มขึ้นอีกครั้ง

             ละอองฟ้าจ้องเด็กหนุ่มอย่างมาดร้าย ไม่เข้าใจ! วันนี้นายนี่ไปกินดีหมีดีเสือมาจากไหน หรือว่าเป็นเพราะเธอ ใช่ ต้องใช่แน่ๆ โดนบอกเลิกเป็นสาเหตุให้คนคลั่งได้ เหมือนเคยว่าจะได้ยินจากรายการอะไรสักอย่างทางทีวี สายตาเริ่มสอดส่ายหาอาวุธเพื่อต่อกร เย้! ใต้ไม้กระดกสีเหลืองขึ้นสนิมมีดาบเด็กเล่นสีแดงแป๊ดถูกทิ้งอยู่ ในขณะที่เด็กสาวคิดหายุทธวิธีเพื่อเคลื่อนกายไปเก็บดาบที่ตกอยู่นั้น

    "ฟ้าจำวันแรกที่เราเจอกันบนรถเมล์ได้มั้ย" วายุเวทย์ไม่ละสายตาจากท้องฟ้า

    "เหลือเชื่อ! นายจำอะไรพวกนี้ได้ด้วย" สีหน้าเด็กสาวดูดีขึ้น แต่แล้ว

    "ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ วันนั้นฟ้ามองเวทตาไม่กระพริบเลยนี่"

             รอยยิ้มของละอองฟ้าหุบลง แทนที่ด้วยเขี้ยวที่แยกออก สายตามุ่งร้ายถูกส่งไปยังเป้าหมายอย่างยากที่จะหลบ

    "นาย-ว่า-ใคร-ตา-ไม่-กระ-พริบ-นะ"

    "อ่าว! อย่าทำเป็นลืมสิ แค่ก้าวแรกที่ขึ้นรถ ฟ้าก็แอบมองเวทตลอดเลยไม่ใช่เหรอ" แววตาใสซื่อช่างน่าเหยียบจริงๆในความคิดละอองฟ้า

    "ว่าแล้~~~ว คนอย่างนายจะจำอะไรได้" หางตาเด็กสาวแสดงความเหยียดหยามคู่กรณีเต็มที่ "นายต่างหากล่ะ ที่แอบมองฉัน ผ่านไอ้หนังสือบ้าๆที่นายหยิบขึ้นมาบังหน้านั่น เชอะ จะหยิบเล่มไหนไม่หยิบ ดันหยิบเพนท์เฮ้าท์ขึ้นมา คนมองกันทั้งรถ เพื่อนนายสะกิดยังไม่รู้ตัวเล้ย~~~" ละอองฟ้าวางท่าอย่างมีชัย

    "มั่วแล้ว!" วายุเวทย์หน้าแดง หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อ "ใครกันแน่ที่มัวแต่มองเวทจนนั่งรถเลยป้าย ต้องรีบร้องบอกคนขับให้จอดแทบไม่ทัน เวทยังจำใบหน้าฟ้าตอนที่ลุกลี้ลุกลนวิ่งลงไปจากรถได้เลย"

    "เป็นนายจะไม่มองไอ้โรคจิตที่หยิบหนังสือโป๊ขึ้นมาบังหน้าบนรถเมล์หรือไง" ละอองฟ้าเขม็งตาเอาเรื่อง

    "เฮอะ! แต่มองจนไม่สนป้ายที่จะลงเนี่ยนะ เชื่อตายล่ะ!" วายุเวทย์ไม่ยอมแพ้

      

     "เออแล้วไง ใครกันแน่ยะที่วิ่งตามฉันมาหน้าตาตื่นไม่แพ้กัน บอกมาซิ"

    "ก็เวทเอาของที่ฟ้าลืมบนรถมาคืนให้ จำไม่ได้เหรอ" รอยยิ้มผุดขึ้นอีกครั้ง "เวทยังคิดว่าฟ้าแกล้งลืมซะอีก"

    "นายเวท! นี่นายกำลังว่าฉันอ่อยนายอยู่นะ" เด็กสาวตาเขียว

    "หรือไม่ใช่" เสียงทะเล้นตอบกลับมา

    "เปลือกฮอลล์" ละอองฟ้าหวีด

    "อะไรนะ(จำได้จริงๆด้วย)" เด็กหนุ่มหลบสายตา เอ่ยเสียงแผ่ว

    "ฉัน-บอก-ว่า" ละอองฟ้าลากเสียงราวกับสอนเด็กเล็กๆพูด "ที่นายเอามาคืนให้ฉันน่ะ เป็นกระดาษห่อลูกอม" เด็กสาวส่ายหัวช้าๆ "นี่นายคงไม่คิดจริงๆใช่มั้ย ว่าฉันลืมกระดาษลูกอมนั่น"

             ละอองฟ้ามองร่างสูงตรงหน้าสำรวจรองเท้าตัวเองด้วยความอายอย่างผู้ชนะ

    "แหะๆ ใครจะไปรู้ล่ะ ช่วงนั้นเห็นเค้าจัดชิงโชคด้วยนี่ ใครๆเค้าก็เก็บสะสมกันให้ตรึม เวทก็คิดว่... เอ๊ะ!" วายุเวทย์เงยหน้าขึ้น "แต่ฟ้าก็รับคืนไป แถมยังขอบใจเวทด้วยนี่"

             ฝ่ายสวนกลับมองแฟนสาวสะดุ้งจนสุดตัว พลางกอดอกด้วยท่าทีที่เหนือกว่า

    "แม่ฉันสอนมาดีย่ะ ใครเก็บของมาคืนต้องขอบใจ" ละอองฟ้ายืดอกเถียง

    "โอเค! ขอบใจแล้วทำไมต้องแถมเบอร์โทรศัพท์ด้วยล่ะ" เด็กหนุ่มไม่ลดละ

    "กรี๊ดดดดดดดดดดด" คนโดนกล่าวหาสั่นเป็นเจ้าเข้า "เรื่องอื่นยังพอทน แต่เรื่องนี้ฉันยอมไม่ได้ ใครได้ยินจะคิดยังไง ฉันกุลสตรีนะยะ ถ้านายไม่ขอแล้วฉันจะให้เหรอ"

    "แล้วใครใช้ให้ฟ้าให้ล่ะ" วายุเวทย์ยวน กลอกตาไปมา

    "แล้วใครใช้ให้เวทขอล่ะ" ละอองฟ้าสวน กำหมัดแน่น

    "แล้วใครให้ล่ะ"

    "แล้วใครขอล่ะ"

    "ใครให้ล่ะ"

    "ใครขอล่ะ"

    "ให้ล่ะ"

    "ขอล่ะ"

             ความเงียบโรยตัวลง สายตาหนุ่มสาวจ้องประสานกันนิ่ง รอยยิ้มเล็กๆปรากฏที่มุมปากแล้วค่อยๆขยายขึ้น ขยายขึ้น จน! เสียงหัวเราะสองเสียงระเบิดขึ้นแทบจะพร้อมกัน

    "ฟ้า! เวทขอโทษ" รอยยิ้มอบอุ่นฉายขึ้นบนใบหน้า "ฟ้าก็รู้ว่าการแข่งครั้งนี้สำคัญกับเวทขนาดไหน"

    "แล้วฟ้าไม่สำคัญเหรอ" เด็กสาวงอนแก้มป่อง

    "ฟ้าก็รู้ว่าเวทไม่ได้คิดอย่างนั้น" วายุเวทมองแฟนสาวอย่างเอ็นดู "เอาเป็นว่าจะต้องให้เวททำยังไง ฟ้าถึงจะยอมยกโทษให้"

    "อืมมมม" ละอองฟ้าหรี่ตาใช้ความคิด "มันต้องมีของขวัญปลอบใจ"

    "เหว๋ออออออ" เด็กหนุ่มตาโต เม็ดเหงื่อกับมาอีกครั้ง "เดือนนี้ค่าขนมเวทหมดแล้วนะ"

    "หรือจะเลิกกัน" คนได้ทีขู่

    "จ้าๆ กลัวแล้ว" วายุเวทย์ลนลานส่งสายตาขอความเห็นใจสุดๆ "จะเอาอะไรก็เอา อย่าแพงนักนะฟ้า"

             เด็กสาวเหลือบมองบนฟ้า มือขวายกขึ้นลูบคางตัวเองเล่น รอยยิ้มพิมพ์อยู่ราวกับว่าจะไม่มีวันจางหาย แตกต่างกับร่างสูงตรงหน้า ซึ่งยืนรอคำตอบด้วยความกระวนกระวายใจเป็นที่สุด

    "ฟ้า! ตกลงเป็นอะไรดี" วายุเวทย์เร่ง "ที่สำคัญอย่าแพงนักน้~~~"

    "เดี๋ยวสิ! คิดอยู่ไม่เห็นเหรอ" ละอองฟ้าตาเขียวใส่ "อืม! นึกออกแล้ว"

    "อย่าแพงนะฟ้า" สายตาหวาดๆสะท้อนไปยังผู้มีอำนาจตัดสิน

    "ดาว"

    "อะไรนะ! พูดใหม่สิฟ้า" เด็กหนุ่มไม่เชื่อหูตัวเอง

    "ฟ้าอยากได้ดาวที่อยู่บนนู้~~~" ละอองฟ้าชี้นิ้วขึ้นสู่เบื้องบน

    "เฮ้ย! พูดเล่นน่ะ ใครมันจะเอามาให้ได้" วายุเวทย์ตะลึง "เอาเป็นอย่างอื่นเถอะ ที่มันหาง่ายกว่านี้น่ะ"

    "ไม่เอา!" เด็กสาวยื่นคำขาด "ฟ้าต้องได้ดาว เวทเป็นคนชวนฟ้ามาดูเองนะ แล้วตอนนี้ฟ้าก็เกิดอยากได้มันขึ้นมา อีกหนึ่งอาทิตย์จะครบรอบสองปีที่เราคบกัน คงไม่ได้ลืมใช่มั้ย" ละอองฟ้าหรี่ตามองแฟนหนุ่มอย่างแคลงใจ ถอนหายใจ แล้วสรุปด้วยตัวเองได้ว่า "โอเค เวทลืม แต่ฟ้าไม่สน ไปค้นมาให้ได้ว่าวันไหน แล้วเอาดาวมาให้ฟ้าที่บ้านวันนั้น ตกลงมั้ย"

    "แต่..."

    "ห้ามสาย!"

    "แต่..."

    "ห้ามเบี้ยว!"

    "แต่..."

    "ห้ามลืม! จำไว้! นี่คือโอกาสครั้งสุดท้ายของนาย อีกอาทิตย์เจอกันนะที่รัก" ละอองฟ้าอ้อนเสียงหวาน "ขอบใจล่วงหน้าสำหรับของขวัญ แล้วเจอกันนะจ๊ะ จูจุ๊บ!" เด็กสาวส่งจูบผ่านอากาศ แล้ววิ่งราวกับเหาะจากไป ปล่อยทิ้งให้

             วายุเวทย์ตาค้างมองร่างที่หายไป มือทั้งคู่ยี่หัวอย่างบ้าคลั่ง เสียงกัดฟันในปากดังขึ้น จำไม่ได้แล้วว่าขามาเขารู้สึกร้อนแค่ไหน เพราะว่าในขณะนี้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังยืนอยู่ ณ. ขั้วโลกเหนือ ในช่วงเวลาที่พายุหิมะกระหน่ำอย่างรุนแรง

       

    *******************

    "ไม่โหดไปหน่อยเหรอฟ้า" เอกอัปสรท้วงระหว่างเดินกลับบ้านด้วยกัน

    "อย่าซื่อไปหน่อยเลยน่ะคุณหนู ใครเค้าหมายความอย่างนั้นจริงๆ ถ้านายเวทไม่บื้อขนาดควายเรียกพี่ล่ะก็ คงรู้ว่าควรทำยังไง จริงมั้ยฟ้า" ธารตะวันหันไปมองละอองฟ้า ผู้มีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้ามาตลอดวัน

             คนเปี่ยมรักได้แต่ผงกหัวรับอย่างกระตือรือร้น เธอกลัวว่าความสุขที่มีจะทะลักออกมา หากเปิดปากไปมากกว่านี้

    "แล้วต้องทำยังไงล่ะ" เอกอัปสรคิ้วขมวด

    "เฮ้อ! ไอ้สี่จุดศูนย์ศูนย์ที่แกได้ทุกเทอม มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยใช่มั้ย" ธารตะวันมองเพื่อนอย่างเหนื่อยใจ "นี่แหละน้า! ฉันถึงไม่อยากตั้งใจเรียน"

    "ไม่เห็นเกี่ยวกันเลย" เอกอัปสรค้อนตัวแสบชุดใหญ่ "แล้วตกลงจะบอกฉันมั้ย"

    "บอกสิ นานๆฉันจะฉลาดกว่าแกสักที โอกาสแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆนะแก" ธารตะวันกระแอม วางท่าผู้รู้ข่ม "ส่วนใหญ่ที่ทำกันคงเป็นดาวกระดาษ หรือจี้รูปดาวน่ารักๆสักอัน แต่อย่างหลังคงไม่ใช่ นายนั่นจนออก" สาวน้อยขัดตัวเอง "จะเป็นอะไรก็ได้ ที่จะสรรค์หามา แต่ต้องเป็นรูปดาว ส่วนใหญ่เค้าก็ให้กันประมาณเนี้ย"

    "อ๋อ~~~~" เอกอัปสรพยักหน้าเข้าใจ

    "ไม่เชื่อถามยัยฟ้าดู...." ธารตะวันหันไปขอความเห็นเพื่อน แต่กลับพบใบหน้าเปื้อนยิ้มที่คงไม่มีวันจาง "ยัยนี่เค้าฝึกเป็นแป๊ะยิ้มสำหรับตรุษจีนปีหน้าหรือไง" ตัวแสบหันไปป้องปากกระซิบกับเพื่อนอีกคน

             เอกอัปสรยักไหล่ราวจะบอกว่า ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ย่ะ

    "เออ! แล้วเรื่องงานวันสถาปนาไปถึงไหนแล้วล่ะ แม่กรรมการนักเรียน" ธารตะวันเปลี่ยนเป้าหมาย เนื่องจากเริ่มเบื่อแป๊ะยิ้มแล้ว

    "ช่วงนี้ก็คงมีแต่ประชุม จะยุ่งจริงๆคงหลังปิดเทอม ตอนนั้นฉันคงกลับบ้านพร้อมพวกแกแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว เพราะต้องคุมการเตรียมงานจนดึก" เอกอัปสรตอบเสียงแผ่ว

    "อย่าทำเป็นเศร้าน่า ดีออก ใครๆก็รู้ว่าคู่รักคู่ใหม่เกิดขึ้นจากการจัดงานสถาปนาทุกปี" ธารตะวันแซว "ไม่รู้เหรอ เค้าเรียกงานนี้อีกชื่อว่า-สถาปนาสานรัก-"

    "ใครจะไปแสนรู้อย่างแก" เอกอัปสรหน้าเปลี่ยนสี

    "ฮั่นแน่! หน้าแดงเชียว อ๋อ! รู้แล้ว ที่เธอยอมตรากตรำเป็นกรรมกร เอ้ย! กรรมการนักเรียนอยู่นี่ก็เพื่องานนี้โดยเฉพาะเลยใช่ม้า~~~" ธารตะวันหัวเราะคิกคัก ทำหูทวนลมไม่สนใจคำแขวะของเพื่อน

    "ยัยวันบ้า! หยุดพูดเรื่องนี้เลยนะแก ไม่งั้น..." กรรมการนักเรียนคนเก่งง้างกระเป๋าขู่เพื่อน

    "จี้ใจดำล่ะซี้" ตัวแสบยักคิ้ว หัวเราะร่า ก่อนวิ่งหนีกระเป๋าที่ฟาดมาเต็มแรงไปรอบๆอย่างสะใจ

    "ยัยวันบ้า! บ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

             เสียงด่าทอสลับเสียงหัวเราะเกิดขึ้นทั่วบริเวณ ละอองฟ้ารู้สึกเป็นสุขมองเพื่อนวิ่งไล่จับกันไปมา ตอนนี้เธอเห็นอะไรๆก็สดชื่นไปหมด โลกทั้งโลกแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพู ดอกไม้ข้างทางสีชมพู เสาไฟฟ้าก็สีชมพู นกก็ชมพู อุ๊ย! นั้นแมวก็ชมพู จิ้งจกยังชมพู กองอึบนถนนก็ เอ่อ! ไม่ดีกว่า เธอสลัดความคิดน่ากลัวเมื่อครู่แล้วสอดส่ายหาคอเลกชั่นสีชมพูชิ้นต่อไปอย่างอิ่มใจ

    *******************

    "แม่ค้~~~~~า ไม่ต้องค่ะ ฟ้าเปิดเอง" ละอองฟ้าหน้าตาตื่นวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้าน หลังได้ยินเสียงกริ่งที่หน้าประตูรั้วดังขึ้น

    "จ้าๆ" หญิงสูงวัย ตอบรับเสียงใสจากในครัว

             เด็กสาวมองนาฬิกาที่ข้อมือ สิบโมงสามสิบห้า! เลยเวลานัดมาห้านาที ใช้ได้ๆ สำหรับหมอนั่นแค่นี้ก็ถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นแล้ว เธอหยุดตรงประตูบ้าน มองผ่านช่องกระจก เลยผ่านสนามหญ้าไปยังรั้วไม้สีขาวด้านนอก วายุเวทย์ยืนกระสับกระส่ายอยู่อีกฝั่งของรั้ว เสื้อยืดสีขาวในแจ๊กเก็ตดำทำให้เด็กหนุ่มดูเท่ไม่แพ้ใคร มือหนึ่งกำขวดแก้วอะไรสักอย่างไว้ ส่วนอีกข้าง กอดหนังสือปกหนังสีน้ำตาลเล่มเล็กๆไว้แนบอกอย่างหวงแหน เด็กสาวเริ่มจัดเสื้อแขนจีบสีชมพูน่ารักของตน ก่อนขยับกระเป๋าใบจิ๋วที่สะพายอยู่ให้เข้าที่ ปีนี้นับว่าโชคดีที่วันสำคัญของเธอตรงกับวันเสาร์ ไม่เหมือนปีที่แล้ว ดันตรงกับวันจันทร์ เซ็งชะมัด! เธอทบทวนตารางแผนการเที่ยวในใจอย่างกระตือรือร้น โอเค! พร้อมแล้ว ประตูบ้านค่อยๆถูกเด็กสาวเปิดออก

    "นายมาสาย" ละอองฟ้าแว๊ดขึ้นแต่รอยยิ้มดูเด่นชัดกว่า

    "ห้านาทีเนี่ยนะ" เด็กหนุ่มตาละห้อย "อย่าโหดไปหน่อยเลย"

    "เออๆ วันนี้จะยกโทษให้ เห็นว่ามีของมาเซ่นหรอกนะ" เด็กสาวยิ้มร่า เดินไปยังรั้วไม้

    "จ้าๆ ติดเชื้องกมาจากยัยวันหรือไงแม่คู๊ณณณณ"

             กริ๊ก!!! ประตูไม้ถูกเปิดออก

    "ไหนล่ะ ดาวของฟ้า"

    "นี่ๆ แม่คุณ จะให้เวทนั่งพักก่อนได้มั้ย เหนื่อยนะเนี่ย" วายุเวทย์ตัดพ้อ "เอานี่" เด็กหนุ่มยื่นมือขวาซึ่งกำอะไรบางอย่างออกมา

    "อะไรน่ะเวท" เด็กสาวมองมือที่กำอยู่ราวเด็กลุ้นของเล่นชิ้นใหม่

             วายุเวทย์ยิ้มพราย ค่อยๆคลายมือออก ดั่งพระพรายเป็นใจ ลมที่พัดเอื่อยกลับโหมแรงขึ้น หอบเอาสิ่งที่อยู่ในมือ ปลิวไสวลอยขึ้นสู่ฟ้า เด็กหนุ่มเงยหน้ามองผลงานของตน ก่อนก้มลงมองใบหน้าเปี่ยมสุขของแฟนสาวอย่างภูมิใจ

    "มุขเก่า" เด็กสาวรำพึงแม้ยิ้มละไมอยู่

             รอบๆคู่รัก ถูกโอบกอดด้วยดาวกระดาษหลากสี พลิ้วตามสายลมราวเริงระบำ

    "โห!ปาก รู้มั้ย! การพับมุขเก่าของฟ้าสำหรับเวท มันนรกแค่ไหน" เด็กหนุ่มหน้ายุ่ง "ที่มาสายก็เพราะพึ่งทำไอ้บ้านี่เสร็จเนี่ยแหละ" วายุเวทย์พูดพลางยื่นขวดแก้วทรงกระบอกให้เด็กสาว

             ละอองฟ้าตาเป็นประกายมองขวดแก้วที่เต็มไปด้วยดาวกระดาษเล็กๆ มีสีอะไรบ้างนะ อืม ฟ้า ขาว แล้วก็ชมพู ช่วงนี้สีอื่นหมดสต็อกหรือไง หากมีสีมากกว่านี้ คงสวยพิลึก เด็กสาวคิด

    "เชื่อแล้วจ้า ว่านรก" ละอองฟ้าคิกคักมองดาวในขวด ซึ่งบิดบ้างเบี้ยวบ้าง หาดวงที่สมบูรณ์ได้ยาก "เอ๊ะ! นั่นหนังสืออะไรน่ะเวท เห็นกอดไว้แน่นเชียว"

    "ม...ไม่มีอะไรหรอก" เด็กหนุ่มลนลาน ซ่อนหนังสือตัวการไว้ด้านหลัง "ของยัยส้มน่ะ ติดมือมา"

    "ของน้องก็ขอน้องสิ ทำเป็นหวงไปได้" เด็กสาวบ่น แล้วกลับไปให้ความสนใจกับขวดแก้วในมือต่อ

             วายุเวทย์โล่งอก กลอกตามองฟ้าหน้าเจื่อน ฟู่~~~เกือบไป ถ้าวันนี้อารมณ์ดีแบบนี้ได้ตลอดก็คงดีไม่น้อย ในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังคิดอะไรเพลินๆ ริงโทนจากมือถือในกางเกงยีนส์ก็ส่งเสียงดังขึ้น

    "ใครโทรมาน่ะเวท"

    "พี่ดินโทรมา" วายุเวทย์กลืนน้ำลาย มองหน้าแฟนสาวอย่างหวาดๆ หลังจากก้มดูหน้าจอโทรศัพท์

    "บอกพี่เค้าไปสิ ว่าวันนี้เวทมีธุระ" ละอองฟ้าเสียงเข้มขึ้น ดวงตาคาดคั้นร่างสูงที่อยู่ตรงหน้า

    "เวทขอคุยกับพี่ดินหน่อยนะฟ้า ไม่นานหรอก"

    "หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ" เด็กสาวมองดูแฟนหนุ่มเดินหลบไปหาที่คุยโทรศัพท์อย่างไม่สบอารมณ์

             ไม่เข้าใจ! ความขุ่นมัวแผ่ซ่านในกายละอองฟ้า ไอ้พี่ดินนี่ที่บ้านมีปฏิทินบ้างมั้ยเนี่ย ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้มันวันเสาร์ นายเวทก็อีกคน จะดิลิเวอรี่เกินไปแล้ว เค้าโทรมาทีไรดูลุกลี้ลุกลนทุกที คนอื่นๆในทีมจะเป็นแบบนี้กันบ้างมั้ย ไม่มีใครคิดจะค้านระบอบนี้กันบ้างหรือไง ยิ่งคิดเด็กสาวยิ่งเซ็ง

    "ตกลงว่าไง" ละอองฟ้าร้องถามเมื่อแฟนหนุ่มเดินกลับมาอีกครั้ง

    "คือ เอ่อ.." เสียงแผ่วรับ

    "ว่าไง" อีกเสียงตวาด

    "พี่ดินบอกว่า" เด็กหนุ่มเหลือบมองแฟนสาวราวนักโทษมองผู้คุม "คิดแผนที่จะสู้กับเทพสถิตได้แล้ว ขอเรียกประ....."

             เพลี้ย!!! เสียงฝามือกระทบผิวหนัง หน้าวายุเวทย์หมุนตามแรง หนังสือในมือกระเด็นลงสู่พื้น

              ละอองฟ้าจ้องแฟนหนุ่มเขม็ง รอยเกรี้ยวกราดปรากฏทั่วใบหน้า หยาดน้ำตากลับมาทำหน้าที่ของมันอีกครั้ง เสียงกัดฟันดังเป็นระยะ เด็กสาวเหลือบมองขวดแก้วในอ้อมแขน ไวเท่าความคิด

             เพล้ง!!! เสียงแก้วกระทบพื้นแตก ดาวดวงน้อยกระจายตามแรงส่งไปทั่วทุกทิศ

    "ฟ้า!" เด็กหนุ่มร้องด้วยความตกใจ

    "หยุด" ละอองฟ้าร้องขึ้น "ฉันไม่อยากฟังอะไรจากปากนายอีกแล้ว นายไม่เคยทำอะไรได้ตามที่รับปากไว้เลย"

    "เดี๋ยว! ฟ้า" เป็นอีกครั้งที่วายุเวทย์พยายามอธิบาย แต่...

    "พอเถอะ" เด็กสาวก้มหน้าลง หยดน้ำตาร่วงลงกระทบปลายเท้า "ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีกแล้ว ไม่ว่าวันนี้หรือวันไหน"

    "ถ้าเป็นความต้องการของฟ้า" วายุเวทย์เบือนสายตาหลบภาพตรงหน้า "เวทจะทำ"

             เหนื่อยใจ! วายุเวทย์ลืมทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว โลกดูหมุนเร็วกว่าทุกวัน ต่อให้เขาพยายามมากเท่าไหร่ หรืออธิบายความจำเป็นมากเพียงไหน คำว่าเหตุผลไม่เคยใช้ได้กับผู้หญิงคนนี้ มันเป็นอย่างนั้นมาตลอดและคงจะเป็นตลอดไป อ่อนใจ! เด็กหนุ่มมองดาวกระดาษบนพื้นอย่างปวดร้าว คงจะไม่มีเวทย์มนต์ใดทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่ดีขึ้นได้อีกแล้ว แม้แต่....วายุเวทย์

    "เวทต้องไปแล้วฟ้า" เด็กหนุ่มนิ่ง มองร่างแฟนสาวทรุดลงกับพื้น ในใจเจ็บเกินบรรยาย ก่อนตัดใจเบือนหน้าหันหลังให้ ทิ้งเสียงสะอื้นที่แว่วตามสายลมไว้เบื้องหลัง

    *******************

             มดราวพันตัว! ไม่สิ! หมื่นตัวต่างหาก! ไม่ใช่ๆ มันมากกว่านั้น เหล่ากองทัพมดนับล้านๆ กำลังใช้เขี้ยวอันแหลมคมของพวกมัน กัดกินหัวใจของละอองฟ้าอย่างบ้าคลั่ง หากหยาดน้ำตาสามารถชะล้างความเจ็บปวดที่อยู่ในใจได้จริง เธอก็หวังให้มันทำหน้าที่นั้นโดยเร็วที่สุด ความหวังตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ถูกแฟนหนุ่มเหยียบย่ำอย่างง่ายดายในเสี้ยววินาทีที่โทรศัพท์บ้าๆนั่นดังขึ้น เด็กสาวเฝ้ามองแผ่นหลังของร่างสูงตรงหน้าเคลื่อนลับผ่านม่านน้ำตาอย่างปวดใจ นายนั่นทิ้งโอกาสสุดท้ายที่เธอให้ ถือดียังไงมาทำกันแบบนี้ ความจริงวันนี้เขาควรจะทำเรื่องทุกอย่างให้มันง่ายขึ้นไม่ใช่เหรอ แต่นี่กลับ...

             พอแล้วพอที ถึงเวลาต้องเขี่ยใครสักคนออกจากชีวิต คราบน้ำตาที่ถูกปาดทิ้งไปจากใบหน้าหวานรูปไข่ แสดงถึงการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว แววมุ่งมั่นถูกฉายขึ้นอีกครั้ง

             เอ๊ะ! หนังสือนั่น!

             เด็กสาวมองไปยังหนังสือปกหนังบนพื้นซึ่งถูกลืมทิ้งไว้ ก่อนสมองจะทันได้คิด แขนของเธอก็ถูกสั่งให้ยื่นไปหยิบมันมาไว้ในมือเรียบร้อยแล้ว

             หวงนักหวงหนา! มันจะสำคัญขนาดไหนเชียว ใครจะเชื่อว่าเป็นของน้องสาวตามที่บอก เอ๊ะ! หรือว่านายนั่นมีคนอื่น แล้วหนังสือนี่ก็คือหลักฐานในคดีนี้ ที่ไม่มีเวลาให้เธออาจเพราะเขาเทเวลาทั้งหมดให้ยัยนั่น คิดแล้วจี๊ดจับใจ จะปล่อยให้มีอะไรคาใจไม่ได้ ไหนๆจะเคลียร์ มันต้องเคลียร์ให้หมด นิ้วมือเรียวเล็กของเด็กสาวค่อยๆพลิกหน้าปกขึ้น หัวใจคืบคลานเข้าสู่ย่านอาร์ ซี เอ ด้วยจังหวะแดนซ์ ดวงตาจ้องเขม็งไปยังหน้าแรกซึ่งเผยให้เห็นอย่างช้าๆ...

    1 มกราคม

    เฮ้อ! โดนยัยฟ้าเทศน์ฉลองปีใหม่(เป็นมงคลกับชีวิตจริงจริ๊ง) แค่สายนิดสายหน่อย ทำไงได้ล่ะ คนมันลืมนี่ ดันมานัดช่วงนี้ ใครๆก็คิวแน่นด้วยกันทั้งนั้นจริงมั้ย ไม่ได้มีผู้จัดการส่วนตัวมาจัดคิวให้เหมือนดาราสักหน่อย สุดท้ายถูกไล่ให้ไปหาอะไรมาใช้จำแทนสมองกลวงๆที่มี อืมมม ตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อไดอารี่เล่มนี้มา หนังสือบ้าอะไรแพงชะมัด ตั้งสองร้อยกว่าแน่ะ เอาวะ! ไหนๆก็ซื้อมาแล้ว ใช้ให้คุ้มก็สิ้นเรื่อง แต่น แต่น แต๊น ไดอารี่เล่มแรกของสุดหล่อวายุเวทย์เปิดตัวแล้ว(ค่อนข้างเสี่ยวว่ามั้ย)

             รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากละอองฟ้า สีหน้าแสดงความแปลกใจ เรื่องนี้เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำ แค่คำพูดส่งๆ ไม่คิดว่านายนั่นจะทำจริงๆ ไออุ่นโอบกอดเด็กสาวอย่างไม่รู้ตัว

    14 กุมภาพันธ์

    โว้ยยยยยยย(อยากลากเสียงถึงนราธิวาส) ใครเป็นคนบัญญัติวันวาเลนไทน์ขึ้นมาวะ จะเอาระเบิดไปขว้างมัน หลังจากโดนขู่ว่าจะเลิกคบหากยังสายอีก ไอ้เราก็เตรียมตัวดีแล้วนะ เก็บเงินเพื่อวันนี้มาเป็นชาติ แล้วไง... พี่ดินเรียกซ้อมด่วน กรรม! สมาชิกในทีมบ่นอุบเรื่องความพิการในต่อมโรแมนติกของพี่แก เศร้า! วันนี้ชาวบ้านเค้าสวีทกับแฟนกันหมด(ยกเว้นทีมเรา T-T) เสียงประท้วงอื้ออึงไม่อาจเปลี่ยนความตั้งใจของจอมเผด็จการได้(ด้านม๊ากกกกก) พยายามคุกเข่าอ้อนวอนสุดชีวิต เป็นผลให้โดนล้อว่ากลัวเมีย(อายอย่างแรง) แต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย ชะตากรรม(ที่รู้กัน)หลังจากโทรไปบอกขอเลิกนัด คือต้องมาทนนั่งฟังยัยฟ้าร่ายยาวเป็นชั่วโมงแล้วขอเลิก ตามคิวเป๊ะ! พรุ่งนี้ต้องลองปรึกษาไอ้เสือแจ็ก ซี้ตัวแสบ จะได้ปล้นวิธีง้อสาวดีๆสักวิธีสองวิธีมาจากมัน แต่ตอนนี้... ง่วงจัด ฮ้าววววว!

    24 กุมภาพันธ์

    ในที่สุดการต่อสู้กับคำประณามว่ากลัวเมียมาเป็นอาทิตย์ก็สิ้นสุดลง ความเบื่อทำให้พวกมันแพ้ภัยตัวเอง(ขอบคุณสวรรค์) บ่ายนี้ไอ้แจ็ก(นักสืบประจำห้อง)มาเฉลยเรื่องซ้อมสายฟ้าแลบเมื่อวาเลนไทน์ที่ผ่านมา ให้ตายเถอะ ไอ้พี่ดินนะไอ้พี่ดิน ถูกสาวหักอกแล้วมาลงกับน้องๆ(แสบม๊ากกกก) หลังจากเล่าให้ทุกคนในทีมฟังเรื่องนี้ การประชุมวาระซ่อนเร้นหาวิธีแก้แค้นจึงเกิดขึ้น ส่วนทางด้านยัยฟ้า เฮ้อ! ยังต้องพยายามง้อต่อไป ผู้หญิงนี่เล่นตัวชะมัด เงินในกระเป๋าไม่เหลือแล้วนะแม่คุ๊ณณณณ(หมดไปกับร้อยแปดวิธีง้อสาวของไอ้แจ๊ก) สู้ต่อไปทาเคชิ โย่ว~~~

    3 มีนาคม

    เย้~~~~~ หลังจากต้องกู้ธนาคาร(รู้ใช่มั้ยว่าประชด)มาง้อยัยฟ้า ในที่สุดก็สำเร็จ คืนดีได้เลี้ยว สบายใจมั่กๆ แถมเมื่อเช้าความสะใจก็ระเบิดขึ้น หลังจากทีมลงขันเลี้ยงพี่ดินด้วยต้มยำโคตรพริก ฮามาก! พี่แกเล่นพล่านไปทั่วโรงอาหารด้วยท่าเต้นของ เท่ง เทิดเทิง เพื่อร้องหาน้ำ แต่ที่ฮาสุดเห็นจะเป็นตอนไอ้แจ็กตีหน้าเศร้าเข้าไปขอโทษพี่ดิน มันอ้างมาได้ไม่อายปากว่าใส่พริกเพลินเพราะมัวแต่มองเหล่หญิง(เอากับมัน) ส่วนคนอื่นๆกลั้นหัวเราะกันสุดชีวิต กับภาพลิ้นที่บวมคับปากของพี่แก คงจะแจ๋วกว่านี้ ถ้าตอนเย็นไม่ถูกเอาคืนด้วยโปรแกรมซ้อมสุดโหด(สงสัยลิ้นพี่ดินคงยังไม่หายดี คำสั่งอู้อี้มาก วิ่งไปฮาไป ตะคริวกินท้อง ซวยอีกตู T^T)

             เด็กสาวหัวเราะคิกคักเสียงใส นัยน์ตากลมโตแฝงแววทะเล้น หนังสือตรงหน้าถูกเปิดด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น ความกว้างของรอยยิ้มขยายขึ้นตามจำนวนหน้ากระดาษที่ผ่านสายตา จนกระทั่ง...

    21 กันยายน

    ฟุตบอลจตุรมิตรใกล้เข้ามาทุกที ทำเอาทีมคึกคักเป็นพิเศษ ช่วงนี้พี่ดินเครียดมากเพราะเป็นการแข่งใหญ่ครั้งสุดท้ายในชีวิต ม.ปลาย ทุกคนเลยถูกเคี่ยวอย่างหนักยิ่งกว่าทาส แม้แต่ผีเจาะปากอย่างไอ้แจ็กยังเงียบ เหนื่อยและเพลียสุดๆ ยิ่งปีหน้าถูกเสนอชื่อให้เป็นกัปตันคนต่อไป ทำให้รู้สึกว่าถูกกดดันจากคนรอบข้างอย่างแรง คงทำตัวเหลวไหลไม่ได้อีกพักใหญ่ๆเลยล่ะ เฮ้อ! หลังจากซ้อมเสร็จรีบเผ่นไปหาฟ้าที่สยาม แต่ก็ยังสายอยู่ดี(เศร้า) วันนี้ท่าของจะขึ้นแฮะ ถูกโวยยกใหญ่(หงุดหงิดโคตรๆ) แถมฟ้ายังร้องไห้อีกด้วย ไม่เคยเห็นฟ้าร้องไห้เลยตั้งแต่คบกันมา รู้สึกแย่มาก T^T ถึงจะอธิบายเท่าไหร่คุณเธอก็ไม่ยอมฟัง ไม่เข้าใจ! ผู้หญิงนี่ไม่มีเหตุผลกันบ้างหรือไง ถ้าไม่จำเป็นคงไม่มีใครตั้งใจไปเดทสายหรอกจริงมั้ย ถูกขอเลิกอีกแล้ว ประจำเลย คิดว่าไม่น่าจริงจังอะไรเหมือนเคย แต่เอ๊ะ! ครั้งนี้ยัยนั่นร้องไห้ด้วยนี่ ไม่ค่อยดีแฮะ พรุ่งนี้อู้ซ้อมสักวัน แล้วไปรับยัยฟ้าหลังเลิกเรียนดีกว่า ชัวร์ไว้ก่อน( อิอิ )

    22 กันยายน

    ตอนเช้าปรึกษาไอ้แจ็กเรื่องหนีซ้อม โล่งอก! มันบอกจะช่วย ดีใจมากเพราะเรื่องซุงแหลไอ้เวรนี่เก่งสุด แต่ต้องเลี้ยงข้าวกลางวันมันเป็นการตอบแทน(รักมันจริงจริ๊ง กรอด) หลังเลิกเรียนยุทธการแหกค่ายนรกผ่านไปได้ด้วยดี(มืออาชีพมาเองนี่ ไอ้แจ็กว่างั้น) จ๊ากกกก! ที่เขียนมาทั้งหมดกลายเป็นปัญหาเด็กๆไปเลย หลังจากคุยกับยัยฟ้าเมื่อหัวค่ำ ซวยๆๆ ซวยอย่างแรง โว้ยยยยยย! ใครมีดาวขายบ้างมั้ยเนี่ย ตังค์ก็ไม่มี ถึงมีใครขายก็ไม่มีเงินซื้อ กลุ้มโว้ยยยยย! สงสัยพรุ่งนี้ต้องไปปรึกษาหมอนพพร เอ้ย! ไม่ใช่! ปรึกษาไอ้แจ็กอีกตามเคย(ฟู่~~~~ รอดตัวไป)

    23 กันยายน

    เฮอะๆ มืออาชีพนะเอ็ง มืออาชีพตรงไหนวะ ไอ้-เวร-แจ็ก! ถูกจับได้ครับท่าน(เศร้า) เมื่อวานที่อู้ถูกจับได้ ไม่รู้พี่ดินแกไปรู้มาจากไหน สุดท้ายเลยต้องวิ่งรอบสนามกับไอ้แจ็กสิบรอบ เหนื่อยแทบตาย แต่ไอ้แจ็กกลับยังทะเล้น พูดมาได้ "พระเอกมันก็ต้องมีพลาดกันบ้าง ไม่งั้นหนังจะสนุกเหรอ" อยากด่ามันใจจะขาด แต่ไม่ไหว เพราะมัวแต่หอบอยู่ หลังซ้อมเสร็จปรึกษาเรื่องดาวกับมัน พึ่งรู้ว่าไอ้แจ็กเป็นคนที่ทำหน้าสมเพชได้กวน...ที่สุดก็คราวนี้ หลังโดนมันหลอกด่าฟรี มันก็เฉลยให้รู้ว่าควรทำยังไง(ผู้หญิงนี่จะพูดอะไรให้มันชัดๆไปเลยไม่ได้หรือไงนะ เซ็ง!) งานนี้คงต้องให้ส้ม น้องสาวสุดที่เลิฟช่วยสอนซะแล้ว "แค่นั้นยังไม่พอโว้ย มันต้องมีหมัดเด็ดไว้น็อกสาว" นี่คือคำประกาศของเสือแจ็ก จะตื้อยังไง มันก็ไม่ยอมบอก บ่ายเบี่ยงท่าเดียวให้รอถึงพรุ่งนี้ มันว่ารับรองยัยฟ้ากระโดดกอดแทบไม่ทัน(ก็ดีใจอยู่หรอกนะ แต่สายตาเจ้าเล่ห์ของไอ้แจ็กนี่สิ น่ากลัวชะมัด!) รอคอยหมัดเด็ด(ตามคำโฆษณา)พรุ่งนี้ อย่างใจจดใจจ่อจ้~~~~^_^v

             คิดไม่ถึง! หากใครมาบอกเด็กสาวคงไม่เชื่อ คนที่พูดนับคำได้อย่างวายุเวทย์ กลับบรรยายเรื่องราวมากมายผ่านตัวอักษรได้อย่างไม่มีเบื่อ เธอเคยคิดว่ารู้จักผู้ชายคนนี้ดี จนถึงเมื่อสักครู่ ขณะนี้ ความไม่แน่ใจถูกแสดงผ่านแววตาของเธอ ที่สำคัญเธอได้รู้ว่า แทบจะไม่มีวันไหนเลยที่นายบื้อคนนั้นจะหยุดคิดถึงเรื่องของเธอ แม้ในวันที่ไม่ได้เจอกันก็ตาม แล้วยังเรื่องหมัดเด็ดอีกล่ะ มันคืออะไร! มีใครให้คำตอบได้บ้าง! ตกลงนี่เธอเป็นคนทำลายทุกอย่างเองใช่มั้ย คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน คำถามจำนวนมหาศาลบีบอัดอยู่ในสมองของเด็กสาว ขอบตาเอ่อล้นด้วยของเหลว ใช่สิ! อีกหน้า! อยากอ่านหน้าต่อไป ในใจละอองฟ้าร่ำร้อง กระดาษแผ่นต่อมาถูกพลิกขึ้นผ่านมือเล็กๆที่สั่นเทา

    24 กันยายน

    ลากไอ้แจ็กมาถามเรื่องหมัดเด็ดทันทีที่เห็นหน้า มันบอกว่าที่ให้รอเพราะต้องไปถามพี่ชายมันก่อน ว่าจะยอมช่วยมั้ย พึ่งรู้ว่าพี่มันเป็นพวกบ้าดูดาว ที่ไหนมีข่าวว่าดาวจะตก พ่อเป็นอพยพตามไปราวกับนกหนีหนาว แถมงานอดิเรกดันชอบเก็บเศษอุกาบาตเล่น(ไอ้แจ็กว่ามีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่ทำ) มันว่าอ้อนวอนแทบตาย เพื่อขอคอเล็กชั่นส่วนตัวของพี่มาให้ นี่ก็ไม่ได้หลับได้นอนทั้งคืน(ดูจากความคึกของมันเมื่อเช้า ไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่แฮะ) ในที่สุด! แต่น แต่น แต๊น(มันร้องอย่างนี้จริงๆนะ) ก็ได้มา แต่ขนาดเล็กเท่าขี้ตาจนคิดว่าอาจต้องใช้แว่นขยายในห้องวิทย์ส่องดู ยัง! ยังไม่จบแค่นั้น! ของฟรียังคงไม่มีในโลก(แม้คิดว่าไอ้แจ็กต้องได้มาฟรีๆแน่นอน) เฮ้อ! ค่าขนมสามเดือนกับเศษกรวดจุลลินทรีย์(รักเพื่อนนรกนี่ขึ้นทุกวัน กรอด) แต่ถ้าฟ้าชอบก็คุ้มล่ะน่า แทบรอวันเดทไม่ไหว คราวหน้าคงต้องใช้หมึกสีชมพูเขียนแทนซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ ^_^v

             แพละ!!! เสียงหยดน้ำกระทบเนื้อกระดาษ คำว่า "สีชมพู" ในไดอารี่ เลือนรางเพราะความชื้น

             หากเพียงย้อนวันและคืนหวนกลับได้ ไม่ต้องมากมาย เด็กสาวขอแค่ครึ่งชั่วโมง แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น! แม้รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่หัวใจยังคงเว้าวอนอยู่เช่นนั้น หยาดน้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้มราวกับจะไม่มีวันสิ้นสุด ดวงตาจ้องนิ่งไปยังเศษขวดแก้วที่แตกละเอียดบนพื้น ดาวกระดาษยังคงกองสุมกันอยู่เป็นหย่อมๆ มีบางดวงรอยพับปริออกจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม

             จะปล่อยให้ของขวัญชิ้นสุดท้ายจากนายนั่น ต้องมาพังไม่เป็นท่าแบบนี้ไม่ได้ เสียงในหัวของเด็กสาวก้องอยู่อย่างนั้น แม้ไม่มีวันที่ทั้งคู่จะกลับมาเหมือนเดิมได้อีก แต่เธอตัดสินใจแล้วว่า จะเก็บหนังสือที่แนบแน่นในอ้อมกอดและดาวเล็กๆที่กระจายอยู่ ไว้แทนความทรงจำที่ดีตลอดไป

             ดาวพิการสีชมพูหวานดวงนั้นถูกหยิบขึ้นมาอย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะสลายไปเมื่อสัมผัส ถึงสีของดาวจะสดใสแต่ภาพที่เห็นกลับพล่าเลือนด้วยหยาดน้ำตา สะท้อนถึงความเจ็บปวดภายในใจได้เป็นอย่างดี นิ้วเรียวค่อยๆแก้รอยปริออกเพื่อพับใหม่ให้คืนสภาพอีกครั้ง

             เอ๊ะนั่น! เด็กสาวสะดุดกับบางสิ่งใต้รอยพับ ตัวอักษร ละอองฟ้า- ปรากฏขึ้นบนกระดาษหลังโดนคลี่ออก

             ทำไมชื่อของเธอถูกซ่อนไว้ในนี้ล่ะ นายนั่นต้องการเล่นตลกอะไร พลันสายตาเด็กสาวก็ขยับเลื่อนไปยังกลุ่มดาวบนพื้นอีกครั้ง ไวเท่าความคิด ในที่สุดดาวสีชมพูสดอีกดวงก็ถูกแก้รอยพับออก

    "ละอองฟ้า" เด็กสาวเอ่อเสียงแผ่ว เห็นได้ชัดว่าภายใต้ดาวสีชมพูทุกดวงซ่อนชื่อเธอไว้ ถ้าอย่างนั้น....

             ไม่รอช้า! ละอองฟ้ายื่นมือไปหยิบดาวสีฟ้าที่กำลังกลิ้งตามแรงลมขึ้นมา ค่อยๆแก้รอยพับออก นี่ถ้าเธอเดาไม่ผิด วายุเวทย์- เหมือนใจคิด สีฟ้าแทนตัวนายนั่น ดวงตาเด็กสาวเบิ่งขึ้น แล้วสีสุดท้ายล่ะ สีขาวใช้แทนอะไร เธอวางดาวสีฟ้าในมือลง ความตื่นเต้นเขย่าใจทั้งใจให้สั่นไหวราวนั่งรถไฟเหาะ รอยพับของดาวสีขาวในมือถูกคลายออก ดั่งคำสาปถูกปลด เสียงสะอื้นดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกระดาษสีขาวในมือร่วงหล่นลงสู่พื้น สองมือเลื่อนขึ้นป้องปาก

    "สมแล้วที่เป็นนาย วายุเวทย์! แม้แต่คำที่สำคัญขนาดนี้ นายยังใช้ปากกาแทนปากตัวเอง" เสียงรำพึงดังขึ้น อย่างน้อยเธอก็รู้สักที ถึงแม้จะ...

             ราวเวทย์มนต์ของเมอร์ลิน ลมเหนือพัดผ่านสาวน้อยโดยไม่ทันตั้งตัว เป็นเหตุให้ไรผมพัดไสวไปมา หลังจากเสยผมที่ปลิวลงมาปิดใบหน้าขึ้น ภาพดาวกระดาษนับร้อยที่ปลิวขึ้นตามแรงลมถูกฉายขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ด้วยจำนวนที่มากกว่า รอบตัวเด็กสาวจึงราวกับฟลอร์เต้นรำแห่งดวงดาว สีฟ้า-สีชมพู-สีขาว พลิ้วสลับกันไปผ่านสายตาที่เลื่อนตาม ภาพตระการตาเกิดขึ้นกับละอองฟ้าอีกครั้ง เหมือนหลุดเข้าไปในโลกแห่งความฝัน ณ.วินาทีนี้ เธอบอกตัวเองไม่ถูกจริงๆว่า รู้สึกมีความสุขหรือจมกับความเศร้ามากกว่ากัน ความตะลึงงันเล่นงานอารมณ์ของเธออย่างรุนแรง และก่อนที่จะรู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี...

             นั่นมัน... เหมือนเห็นสิ่งแปลกปลอม แสงสะท้อนจากวัตถุคล้ายโลหะสาดเข้าสู่วิถีการมอง ด้วยความสงสัย เด็กสาวตัดสินใจยื่นแขนไปคว้าโลหะต้นเหตุที่กำลังเคลื่อนตามแรงลมมาไว้ในมือ เพื่อที่จะพบว่า ของที่อยู่ในอุ้งมือขณะนี้ คือสายรัดข้อมือแสตนเลสเส้นเล็กหาค่าอะไรแทบไม่ได้ แต่สิ่งที่เรียกรอยยิ้มของเธอให้ปรากฏขึ้น กลับกลายเป็นจี้พลาสติกใสรูปดาวบรรจุวัตถุคล้ายก้อนกรวดอยู่ภายใน

    "แสบนักนะนายเวท บังอาจซ่อนของขวัญชิ้นพิเศษของฉันไว้ในขวดแก้ว แล้วเล่นเทดาวกระดาษตั้งเยอะแยะทับลงไป ทำแบบนี้ใครมันจะไปมองเห็น" จี้ถูกกำไว้แนบอก ถ้าเพียงแต่เธอไม่คิดจะเก็บดาวไว้ ถ้าเพียงแค่เธอไม่สนใจขวดแก้วที่ทำแตกบนพื้น "นี่ถ้าไม่มีลมพัด จี้ก็คงยังนอนหลับอยู่ใต้กองดาว รอเวลาที่จะถูกกวาดทิ้ง" คิดแล้วเด็กสาวโล่งใจอย่างประหลาด เธอเกือบไม่มีวันได้เป็นเจ้าของมัน "ใช่! ถ้าเพียงแต่ไม่มีลม ไม่มีลม..."

             หยุด! หยุดสักทีกับการรอคอย จะเป็นไรไป หากผู้หญิงจะเป็นฝ่ายง้อแฟนตัวเองสักครั้ง หลังจากที่ปล่อยให้เค้าวิ่งไล่ตามมาตลอด ดวงตาคู่โตของละอองฟ้าเป็นประกาย บรรยากาศโดยรอบราวกับมีรุ้งพาดผ่านอย่างไม่มีที่สิ้นสุด โทรศัพท์เครื่องจิ๋วถูกล้วงขึ้นมาจากกระเป๋า ริมฝีปากบางแย้มรอยยิ้มกว้าง ในขณะที่นิ้วเรียวเล็กกดหมายเลขที่คุ้นเคย

    *******************

             "แม้จะพูดไม่เต็มปากว่าตลอดกาล แต่วันนี้ ใจสองดวงก็เรียงร้อยผูกพัน เหมือนดังสายลมและดวงดาว ที่ยังคงเคลื่อนคล้อยตามกันไปบนนภา"

    Next Loading Program 2 : Love Me Love My Dog (จับหัวใจใส่กรง)
     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×