ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 - Just Another Girl
- Just Another Girl -
“แต่งงานกันนะ”
คิมแจจุง เอ่ยถามคนรักเสียงใส ท่ามกลางบรรยากาศสุดโรแมนติคของร้านอาหารสุดหรูบนตึกระฟ้าใจกลางกรุงโซล ภาพด้านนอกคือแสงสียามค่ำคืนของเมืองใหญ่ที่ไกลสุดสายตา ความงดงามซึ่งเข้ากันอย่างลงตัวกับเสียงเพลงทำนองหวานหูในวันสำคัญแบบนี้
“เราแต่งงานกันเถอะ”
เสียง ทุ้มหวานถามย้ำอีกครั้ง พร้อมยื่นแหวนทองคำขาวเนื้อเกลี้ยงซึ่งประดับด้วยเพชรน้ำงามเม็ดเล็กไปตรง หน้าหญิงผู้เป็นที่รัก แวบแรกเธอดูตกใจราวกับไม่เชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็แค่ครู่เดียว... ก่อนที่เธอจะนั่งนิ่งมองแหวนในมือเขา เธอไม่ได้มีท่าทีดีใจ ไม่สิ...แววตาของเธอ สีหน้าของเธอ ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมาด้วยซ้ำ
แจจุงคิดว่าเมื่อเธอเห็นแหวน แล้วเธอจะยิ้มกว้างมองมันด้วยสายตาเป็นประกาย เขาคาดหวังว่าเธอจะตอบตกลงด้วยเสียงสั่นเครือและน้ำตาที่เอ่อคลอ แจจุงคิดว่ามันจะเหมือนอย่างในซีรี่ย์...แต่ทุกอย่างก็ผิดจากที่คาดไปหมด
“ทำไมเงียบไปล่ะ? ไม่ดีใจเหรอ? ฉันขอเธอแต่งงานอยู่นะ”
“..........”
“นี่...”
“ฉันคงแต่งงานกับคุณไม่ได้...”
ก่อน คำตอบที่ได้รับจะทำให้แจจุงเป็นฝ่ายนิ่งไปบ้าง ตอนที่ตัดสินใจว่าจะขอผู้หญิงคนนี้แต่งงานเขามั่นใจมากว่าเธอต้องตอบตกลง มันแทบไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะทำให้เธอปฏิเสธ คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออก ในเมื่อเรารักกัน เขารักเธอ และเธอก็บอกเสมอว่ารักเขา
“...ทำไมล่ะ...เรารักกันไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันเคยคิดว่าฉันรักคุณ...แต่พอนานวันเข้าฉันถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่ มันเป็นแค่ความพอใจ...ก็เท่านั้น”
สรุปคือ...คำว่ารักที่ผ่านมา...มันเป็นแค่คำโกหก?
“พูด ตามตรง...ฉันไม่คิดจะฝากชีวิตไว้กับคุณหรอกนะ คุณคิดว่าไอ้อาชีพร้องเพลงตามผับมันจะหาเงินได้สักเท่าไรกัน? คุณคิดว่าคุณจะเลี้ยงดูฉันให้อยู่อย่างสุขสบายได้เหรอ? ฉันว่าไม่... แล้วอีกอย่างคุณคิดว่ามันสนุกนักหรือไงเวลาได้ยินใครต่อใครพูดว่ามีคนรัก หน้าสวยกว่าตัวเอง ฉันเป็นผู้หญิงนะ คุณคิดว่าฉันจะรู้สึกยังไงที่มีแต่คนชมว่าผู้ชายอย่างคุณสวยกว่าน่ะ”
สรุปอีกที...ว่าเรื่องของเราที่ผ่านมา...มันเป็นแค่การหลอกลวง?
“บาง ทีถ้าวันนี้คุณไม่ขอฉันแต่งงานเราอาจจะคบกันต่อไปได้อีกหน่อย แต่พอคุณพูดขึ้นมามันเลยทำให้ฉันคิดได้ว่าเราสองคนมาไกลเกินไปแล้วและคงไม่ ดีแน่ถ้าเราจะปล่อยให้ทุกอย่างไปไกลมากกว่านี้ มันควรจะจบ...”
“..........”
“เอาเป็นว่า...ฉันขอโทษแล้วก็ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะ ลาก่อน...”
เสียง หวานเอ่ยอย่างเย็นชาไม่ต่างอะไรกับแววตาที่เธอใช้มองผู้ชายตรงหน้า ก่อนที่เธอจะหยิบกระเป๋าลุกจากโต๊ะทำท่าจะเดินจากไป ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มันเป็นการบอกเลิกและบอกลาที่รวดเร็วมากจนแจจุงเกือบตั้งตัวไม่ทัน แต่ก็แค่ ‘เกือบ’ เพราะเขายังมีสติมากพอที่จะคว้าแขนผู้หญิงคนนั้นไว้ตอนที่เธอกำลังจะเดิน ผ่านเขาไป มือขาวๆ ที่ไม่ได้ใหญ่ไปกว่ามือของผู้หญิงสักเท่าไรบีบแขนอีกฝ่ายแน่น ไม่ใช่ว่ากลัวหรือไม่ต้องการให้เธอจากเขาไป แต่การปล่อยให้เธอที่เอาแต่พูดฝ่ายเดียวมาเดินจากไปเฉยๆ แบบนี้...มันไม่ใช่คิมแจจุง
“คิดว่ามาบอกเลิกกันแล้วจะเดินหนีไปง่ายๆ อย่างนั้นหรือไง?”
แจ จุงถามเสียงเย็น เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เผชิญหน้ากับผู้หญิงที่เคยบอกว่ารักกันนักหนาด้วยสายตาแข็งกร้าว ไม่มีแล้วความอ่อนโยนในดวงตาคู่สวยสีเทาเข้มคู่นั้น ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งความรู้สึก ‘รัก’ ที่เขาคิดว่าเคยมีให้ผู้หญิงคนนี้ มือขาวๆ ยังคงบีบแขนอีกฝ่ายแน่น ถ้าทำได้...แจจุงก็อยากจะหักแขนของเธอที่เคยโอบกอดเขาให้หักเสียคามือ
“เพราะ เธอบอกว่ารักกัน...ฉันถึงหามาประเคนให้เธอทุกอย่าง ยอมตามใจ ยอมให้ทุกสิ่งที่เธอต้องการ...เพียงเพราะคำว่ารักจอมปลอมของเธอที่ทำให้ฉัน กลายเป็นคนโง่ เป็นไอ้หน้าโง่ที่เอาแต่วาดฝันว่าเราจะมีอนาคต มีครอบครัวที่มีความสุขด้วยกัน...”
“..........”
“ถ้าไม่รักก็น่าจะบอกให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่หลอกให้คนอื่นเขาทุ่มเทเลี้ยงเธอจนอิ่มแล้วก็ทิ้งกันไปง่ายๆ เข้าใจไหม...ยัยผู้หญิงเลว...”
ประโยค คำถามที่ถูกพูดใส่หน้าด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นทำเอาคนฟังโกรธจนควบคุมตัวเอง ไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นเงื้อมืออีกข้างขึ้นสูงหวังจะตบหน้าอีกฝ่ายสักที แต่แจจุงก็รับฝ่ามือที่ฟาดลงมาเต็มแรงไว้ได้ก่อนที่มันจะกระทบถูกใบหน้า เขายิ้มเยาะให้หญิงสาวที่ทำอะไรเขาไม่ได้ ก่อนจะผลักเต็มแรงจนเธอล้มกลิ้งไปนั่งกองอยู่ที่พื้น ผู้หญิงคนนั้นตวัดสายตาเจ็บปวดปนเจ็บแค้นมาให้เขา แน่นอนว่าแจจุงก็จ้องกลับด้วยสายตาแข็งกร้าวที่ไม่เหลือเยื่อใยใดๆ ตอบไปอย่างเท่าเทียมกัน
“บอกเลิกฉันแล้วยังกล้าคิดมาตบฉันอีกหรือไง? ฝันไปเถอะ!”
“แกทำร้ายผู้หญิง! แกมันเลว!!”
“โหย ยย ช่วยไม่ได้ ในเมื่อผู้หญิงอย่างเธอดันมาเลวกับผู้ชายอย่างฉันก่อน! บอกไว้เลยนะ คนอย่างคิมแจจุงใครดีมาคือดีตอบ ส่วนใครที่ร้ายกับฉันมันจะโดนร้ายกลับเป็นสามเท่า!”
แจจุงตวาดเสียง ลั่น ก่อนจะก้มลงไปคว้ากระเป๋าถือของผู้หญิงตรงหน้า เธอไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ยื้อยุดกันอยู่นาน ด้วยแรงของผู้ชายที่อย่างไรก็มีมากกว่าทำให้แจจุงแย่งมันมาอยู่ในมือจนได้ ท่ามกลางเสียงร้อยโวยวายแหลมหู เขาเปิดกระเป๋าค้นจนเจอสิ่งที่ต้องการ ยังไม่ทันที่เจ้าของจะได้ตั้งหลักลุกมาแย่งคืน แจจุงก็เขวี้ยงกระเป๋าใบนั้นใส่ตัวหญิงสาวเต็มแรง เกือบเรียกได้ว่าเขวี้ยงใส่หน้า ก่อนจะหันไปเรียกบริกรในร้านที่พากันยืนอึ้งด้วยความตกใจ
“นี่น้อง มานี่คนซิ!”
“คะ...ครับ !” บริกรหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ตัวแจจุงที่สุดตั้งสติได้เป็นคนแรก เขารีบก้าวมายืนก้มหน้าก้มตาตรงหน้าคุณลูกค้าจอมโหดที่ตอนนี้แค่อาจหาญสบตา ก็ยังเป็นเรื่องน่ากลัวเกินไป
“คุณลูกค้าจะรับอะไรเพิ่มครับ”
“ไม่ล่ะ ฉันจะคิดเงินเลย ค่าอาหารทั้งหมดรูดเอาจากบัตรใบนี้นะ”
“อะไรกัน!? นั่นมันบัตรเครดิตฉันนะ!!”
“เลิกกันแล้วฉันจะมาเสียเงินเลี้ยงข้าวเธอทำไมล่ะยัยบ้า!”
“คิมแจจุง!!”
“ค่า อาหาร ‘ทั้งหมด’ คุณผู้หญิงคนนี้จะจ่ายเอง...ตามนั้นนะน้อง” เอ่ยเสียงเฉียบราวกับเป็นวาจาสิทธิ์แค่นั้น ก่อนปลายนิ้วเรียวที่คีบบัตรเครดิตสีเงินวาววับจะตวัดส่งบัตรใบนั้นให้กับ พนักงานในร้าน ดวงตาคู่โตปรายมองหญิงสาวที่เอาแต่ร้องโวยวายทว่าทำอะไรเขาไม่ได้ด้วยสายตา ของผู้ที่เหนือกว่า
ไม่ว่าเรื่องวันนี้จะจบลงอย่างไร ไม่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่หวังหรือไม่...นั่นไม่ใช่ประเด็น สิ่งสำคัญที่สุดคือคนแพ้ต้องไม่ใช่เขา คนที่ผิดหวัง คนที่ต้องพัง คนที่ต้องถูกทิ้งอยู่ข้างหลัง...แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คิมแจจุงคนนี้!
ความ จริงยัยนี่ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่บังเอิญผ่านเข้ามา ไม่ยากหรอกถ้าเขาจะตัดผู้หญิงขี้โกหกที่หลอกให้เขาเป็นไอ้หน้าโง่อยู่ได้ ตั้งนานออกจากชีวิต คิมแจจุงไม่เคยรักใครมากกว่าตัวเองอยู่แล้ว เขาไม่ปล่อยให้คนอื่นมามีอิทธิพลจนทำร้ายหัวใจตัวเองแน่ๆ
…Just Another Girl…
คิด แล้วเจ้าตัวส่งเสียงเยาะดังหึ ก่อนจะคลี่ยิ้มเหยียดให้ ‘อดีต’ คนรัก แล้วเดินเชิดออกจากร้านไปโดยไม่เหลียวหลังมองหญิงสาวที่ยังคงร้องกรี๊ด โวยวายไล่หลังเขาไม่หยุดแม้แต่นิดเดียว
ท่ามกลางความวุ่นวายที่เหล่า พนักงานของร้านซึ่งเริ่มเรียกสติกลับมาได้ต้องตามเก็บกวาด ณ มุมหนึ่งมีเสียงหัวเราะดังหึไม่ต่างอะไรกับเสียงหัวเราะเย้ยหยันของแจจุงดัง แว่วมาจากร่างสูงในชุดสูทสีเทาเข้มที่นั่งจิบไวน์เงียบๆ เรียวตาคมสีเข้มทอประกายทรงอำนาจยังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวหน้าตาสะสวยที่ กำลังถูกพยุงให้ลุกขึ้นยืนอย่างสนใจ อันที่จริงคนที่เขาสนใจไม่ใช่เธอแต่เป็นผู้ชายคนนั้นที่เพิ่งทำตัวร้ายกาจ กับเธอต่างหาก
ชองยุนโฮ เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น เขาเห็นตั้งแต่ตอนที่คนหน้าหวานหัวบลอนด์นั่นขอเธอแต่งงาน กระทั่งเธอปฏิเสธจนเกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดขึ้น ทั้งที่ไม่ได้อยากสนใจหรือรับรู้เรื่องส่วนตัวของชาวบ้านเสียเท่าไร แต่ช่วยไม่ได้...ร้านอาหารสุดหรูแห่งนี้ใช่ว่าจะกว้าง เช่นเดียวกับเสียงเพลงคลาสสิคที่บรรเลงคลอเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะก็ใช่ ว่าจะดังอะไรมากมายนัก
ยุนโฮคิดว่าตัวเองเข้าใจว่าทำไมผู้หญิงคนนั้น ที่ปฏิเสธเจ้าหนุ่มหัวบลอนด์นั่น หน้าตาท่าทางที่แทบแยกไม่ออกว่าหญิงหรือชาย ไหนจะรูปร่างอ้อนแอ้นบอบบางที่ไม่น่าจะปกป้องใครได้นั่นอีก อาจจะเป็นตรรกะที่ประหลาดอยู่สักหน่อย แต่จากการประเมินด้วยสายตา...คนที่กล้าย้อมผมสีบลอนด์ทองทั้งหัวแล้วใส่ชุด สูทสีแดงเลือดหมูตั้งแต่หัวจรดเท้า คนที่ใช้สองนิ้วคีบบัตรเครดิตและใช้สายตาจิกคนอื่นด้วยท่าทีราวกับนางพญา คนแบบนั้น....ถ้าเปลี่ยนเป็นนั่งเชิดหน้าสวยๆ รอให้ ‘ผู้ชาย’ อื่นมาขอแต่งงานยังดูเข้าท่าและน่าเชื่อเสียมากกว่า
ยุนโฮแค่ยิ้มมุม ปากตอนที่ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งซึ่งเชิญเขามารับประทานมื้อเย็นวันนี้ออกตัวขอ โทษกับเรื่องวุ่นวาย แม้ไม่ใช่ความผิดของเขาแต่ด้วยมารยาทเจ้าภาพก็จำเป็นต้องเอ่ยอะไรนิดหน่อย ตามสมควร ก่อนเรื่องไร้สาระจะถูกกลบด้วยประเด็นทางธุรกิจที่ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือกัน บนโต๊ะอาหาร บทสนทนากึ่งทางการดำเนินไปเรื่อยเปื่อยโดยมีอาหารรสเยี่ยมเป็นตัวชูโรงเคล้า กับไวน์รสเลิศ กระทั่งเวลาผ่านไปเกือบครึ่งค่อนคืนมื้อเย็นที่จบลงด้วยข้อตกลงซึ่งเป็นผลดี ต่อผู้ถือหุ้นทุกฝ่ายก็สิ้นสุดลง
ร่างสูงแยกย้ายกับผู้ถือหุ้นคน อื่นๆ ที่มาคนขับรถนำรถมาจอดรอรับหน้าโรงแรม ส่วนเขาซึ่งวันนี้ขับรถมาเองโดยไม่มีผู้ติดตามนั้นไม่รีบเท่าไร ยุนโฮยื่นกุญแจรถส่งให้พนักงานของโรงแรม ก่อนจะยืนล้วงกระเป๋ารอเท่ๆ โดยทำเป็นเมินสายตาหวานเชื่อมของสาวน้อยสาวใหญ่แถวนั้นที่มองทอดสะพานมา ตอนนั้นเองที่เรียวตาคมบังเอิญไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง ไม่สิ...ใครบางคนที่เดินตุปั๊ดตุเป๋เมาเป็นปูออกมาจากบาร์ของโรงแรม
ยุ นโฮจำคนๆ นี้ได้แม่น ผู้ชายหน้าหวานผมสีบลอนด์กับชุดสูทสีแดงเลือดหมูที่สร้างเรื่องไว้ที่ร้าน อาหารเมื่อตอนหัวค่ำ ร่างสูงยืนมองอีกฝ่ายเงียบๆ ไม่ได้มีท่าทีสนใจมากไปกว่าคนทั่วไป กระทั่งมีผู้ชายท่าทางไม่น่าไว้ใจอีกคนเดินตามออกจากบาร์มา หมอนั่นตามมาคว้าแขนคนตัวบาง ทำท่ายื้อยุดจะให้เดินไปด้วยกัน มองดูแล้วอาจจะเหมือนคู่รักงอนง้อกันทั่วไป ถ้าไม่ติดว่ามีเสียงทุ้มหวานอ้อแอ้ดังโวยวายให้ได้ยิน
“แกเป็นใคร เนี่ย!? บอกแล้วไงว่าไม่ไปๆ จะพาฉันไปไหน!?” ฟังมาถึงตรงนี้ยุนโฮก็พอจะเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น เดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายคงกำลังจะถูกหิ้ว ก็นะ...รูปร่างหน้าตาแบบนั้น แถวเมาแทบไม่ได้สติอีก ดูหิ้วได้ง่ายๆ อยู่หรอก
“ปล่อยฉันนะไอ้บ้านี่!”
“ขอโทษนะ”
ไม่ รู้อะไรดลใจให้ยุนโฮก้าวเข้าไปขวาง คนเมาที่ยืนไม่อยู่ทำท่าจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่ช้อนตาขึ้นมองเขา ดวงตากลมโตสีเทาเข้มฉ่ำเยิ้มที่ยังเจือประกายกร้าวฉายแววงุนงง แต่ก็ยอมโอนอ่อนเซมาหาตอนที่ยุนโฮออกแรงรั้งให้มายืนข้างๆ กัน
“อะไร? แกเป็นใคร มายุ่งอะไรด้วย!?”
“ฉันเป็นเพื่อนหมอนี่...เห็นทีจะไม่ยุ่งไม่ได้”
“เพื่อน?” คนเมาย้อนถามเสียงสูง ปากกลมๆ เตรียมจะอ้าเถียงแต่ก็โดนสายตาคมๆ ของคนตัวสูงกว่าเบรกเอาไว้ก่อน
“นายโทรบอกให้ฉันมารับเองไม่ใช่เหรอคิมแจจุง”
เจ้า ของชื่อส่งเสียง ‘ห๊ะ’ ก่อนจะร้องอ๋อลากยาวเมื่อสติสตังที่ไม่ค่อยจะครบถ้วนประมวลเหตุการณ์ทั้งหมด จนเข้าใจทุกอย่าง คนตัวบางหัวเราะคิกราวกับถูกอกถูกใจ สองแขนเรียวสอดเข้ามากอดแขนยุนโฮหมับ แล้วก็เอาหัวกลมๆ สีบลอนด์ซบลงไปกับไหล่กว้าง ท่าทีสนิทสนมแบบไม่ทันตั้งตัวที่ทำเอาร่างสูงถึงกับขมวดคิ้วมุ่น บางทีที่เข้ามาช่วยก็ไม่ได้หมายความว่าจะอนุญาตให้มาตีซี้จนเกินพอดีแบบนี้ ได้นะ
“ใช่แล้วๆ คนนี้เพื่อนฉัน เพื่อนฉันมารับแล้ว” คนเมาพูดเสียงยานให้คนฟังทำหน้าหงุดหงิด และเมื่อเห็นว่าเหยื่อได้หลุดมือไปแล้วแน่ๆ ผู้ชายคนนั้นก็เดินกลับเข้าไปในบาร์อย่างหัวเสีย แจจุงแลบลิ้นใส่แผ่นหลังกว้างที่ไกลออกไปจนลับตา ก่อนจะหันมายิ้มกว้างตาเยิ้มให้คนที่ตัวเองยังกอดแขนแน่นไม่ยอมปล่อย
“ขอบ คุณนะที่ช่วย” ว่าแล้วก็ซบลงกับไหล่กว้างอีกทีให้ร่างสูงต้องเบือนหน้าหนี กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้ถ้าไม่ดื่มหนักจริงคนอื่นจะเข้าใจผิดได้นะว่าโดนเหล้า สาด
“ก็ไม่ได้อยากช่วยเท่าไรนักหรอก”
“แหมๆ แต่ก็ช่วยอยู่ดีใช่ไหมล่ะ รู้ชื่อกันด้วยอ่ะ รู้ได้ไงเหรอ?”
“ฉันได้ยินผู้หญิงคนนั้นเรียกนายที่ร้านอาหาร”
“อ๋อ...ยัย บ้านั่น!...” ยุนโฮคิ้วขมวดหนักกว่าเดิมตอนที่มือขาวของอีกฝ่ายกำเสื้อเขาแน่นจนสูทเนื้อ ผ้าชั้นดียับยู่ยี่ไปหมด บอกตามตรงว่าเขาไม่สนใจสักนิดว่าคนๆ นี้จะเจ็บแค้นแค่ไหนแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาความแค้นมาลงที่เสื้อแพงๆ ของเขาแบบนี้!
“เลิกเกาะฉันได้แล้ว เหม็นเหล้า” มือแกร่งพยายามดันหัวกลมๆ ให้ออกห่างจากไหล่ตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จ นอกจากจะไม่ยอมเอาหัวออกไปแล้วยังไม่ยอมปล่อยแขนเขาอีกต่างหาก
“นี่นาย...”
“เกาะ หน่อยไม่ได้เหรอ? ถ้าไม่เกาะต้องล้มแน่ๆ ดูสิ...” ว่าแล้วก็พิสูจน์ให้ร่างสูงเห็นด้วยการปล่อยมือจากแขนแกร่ง ทันทีที่ต้องยืนทรงตัวด้วยตัวเองร่างบางๆ ก็เซถอยหลังจนสะดุดขาตัวเองแทบหงายหลังลงไปกองที่พื้น ดีหน่อยที่ยุนโฮยังมีความเห็นใจในเพื่อนมนุษย์อยู่บ้าง ร่างสูงเข้าไปคว้าตัวแจจุงไว้ สอดแขนเข้าไปช่วยพยุงให้ก่อนที่อีกฝ่ายจะล้ม
“เอ้า ยืนดีๆ!” คนเมาหัวเราะคิกคัก ตอนแรกก็ว่าจะขอเกาะแค่นิดหน่อยแต่เหมือนมันได้ใจสองแขนเลยเอื้อมไปกอดเอวคนตัวสูงไว้เสียเลย
“เฮ้ย! ให้มันน้อยๆ หน่อย ใครอนุญาตให้มากอด!?” แจจุงหัวเราะลั่นกว่าเดิม สองแขนรัดเอวยุนโฮแน่น ติดหนึบยิ่งกว่ากาวอีก
“อย่า ขี้งกน่า...” พูดเสียงยานยืดพลางซบหัวลงกับไหล่กว้าง จมูกโด่งสวยปัดป่ายอยู่แถวลำคอให้ร่างสูงรู้สึกแปลกๆ จะว่าจั๊กจี้ก็ไม่ใช่แต่มันก็อธิบายไม่ได้เหมือนกัน ถึงตอนนี้เรียวตาคมเริ่มกวาดมองไปรอบๆ ความกระอักกระอ่วนใจค่อยๆ ก่อตัวขึ้นเมื่อสายตาหลายคู่พากันจับจ้องมายังพวกเขา มันปกติหรือไงที่ผู้ชายสองคนจะยืนกอดกันกลมแบบนี้
“ปล่อยฉันได้แล้วคิมแจจุง!”
“อื้อ...ไม่เอา...กลับบ้านไม่ไหว พาไปส่งบ้านหน่อยสิ...”
“เห?”
“ไป ส่งบ้านหน่อยนะ” คนเมาช้อนตาฉ่ำเยิ้มขึ้นมองแล้วคลี่ยิ้มหวาน รอยยิ้มที่ทำเอาร่างสูงซึ่งกำลังจะอ้าปากเอ่ยปฏิเสธลืมคำพูดตัวเองไปเสีย อย่างนั้น แต่นั่นยังไม่เท่ากับคำพูดและการกระทำต่อมาของคนตัวบาง...
“ถ้ายอมไปล่ะก็...จะเป็นเด็กดีเลย...” เสียงทุ้มหวานกระซิบข้างหูแผ่วเบา ก่อนจะ...
“...แจจุงสัญญา”
จุ๊บเบาๆ ที่ริมฝีปากได้รูปไปหนึ่งที ให้เจ้าของคำสัญญานี้ต้องยืนตัวแข็งทื่อ พร้อมคำถามหนึ่งคำถามที่ดังก้องอยู่ในใจ
ผู้ชายคนนี้กับผู้ชายคนที่เขาเจอที่ร้านอาหาร...มันคนเดียวกันแน่ใช่ไหมเนี่ย!?
To Be Continue
โปรดอย่าถามว่าเราทำอะไรลงไปนะ โอเค๊? ฮ่าๆๆๆ
*หัวเราะกลบเกลื่อนแล้ววิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว*
ถือซะว่าเปิดเรื่องใหม่ฉลอง HDD ใหม่นะคะ!
ปล. อยากเม้ามอยในทวิตกรุณาติดแท็ก #WWWYJ โดยพร้อมเพรียงกัน!
Contact on twitter @WilyRover
โปรดอย่าถามว่าเราทำอะไรลงไปนะ โอเค๊? ฮ่าๆๆๆ
*หัวเราะกลบเกลื่อนแล้ววิ่งหนีจากไปอย่างรวดเร็ว*
ถือซะว่าเปิดเรื่องใหม่ฉลอง HDD ใหม่นะคะ!
ปล. อยากเม้ามอยในทวิตกรุณาติดแท็ก #WWWYJ โดยพร้อมเพรียงกัน!
Contact on twitter @WilyRover
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น