คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Backstreet Boys
Incomplete/Backstreet Boys
Backstreet boys คือวงบอยแบนด์ ซึ่งสมาชิกในวงนั้นเป็นชาวอเมริกันผิวขาวที่มาจากชนชั้นกลาง ทางวงร้องเพลงในแนวลูกผสมระหว่าง new jack balladry, hip-hop, R&B, และ dance club pop ซึ่งเป็นที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงทางฝั่งแคนนาดาและยุโรป ด้วยอัลบั้มเปิดตัวของพวกเขาในปี 1996 ด้วยการขึ้นไปผงาดอยู่ในท๊อปเท็นชาร์ตทั่วทุกประเทศในทวีปยุโรป แต่ที่น่าแปลกคือในบ้านเกิดของพวกเขา อเมริกา กว่าจะเปิดตัวได้ก็เกือบอีกสองปีถัดมา
แกนหลักของวง Backstreet Boys ก็คือ 2 ลูกพี่ลูกน้อง Kevin Richardson(กี้สสส์) และ Brian Littrell ซึ่งทั้งสองนั้นมาจาก Lexington, KY ทั้งสองเริ่มร้องเพลงตั้งแต่เมื่อครั้งที่พวกเขายังเป็นเด็ก โดยเริ่มจากเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์ ที่ๆพวกเขาทั้งสองร้องเพลงในสไตล์ของ Boyz II Men ส่วนอีกสองสมาชิกหลักอย่าง Howie Dorough และ A.J. Mclean นั้นชาว Orlando รัฐฟลอริด้า ซึ่งเจอกันขณะที่ี่ย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และสมาชิกคนสุดท้ายของวงคือ Nick Carter จากการออดิชั่น ของสื่อโฆษณาท้องถิ่น ภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ในการออดิชั่นครั้งหนึ่งของพวกเขาทั้ง 3 นั้นต่างก็ค้นพบว่าตัวเองชอบแนวเพลง classic soul และสามารถร้องเข้าขากันได้เป็นอย่างดี พวกเขาร่วมร้องเพลงกันในนามของวง Trio band ซึ่งภายหลังไม่นานนักหลังจากทำการฟอร์มวง Trio band ขึ้นมา Richardson สมาชิกลำดับที่ 4 ของวงก็ได้ย้ายมาที่ Orlando เป็นที่ๆนี้เขาได้กลายมาเป็นไกด์นำทัวร์ Disney World แต่ทว่าในยามค่ำคืน เขามีความมุ่งมั่นฝึกฝนที่จะผันตัวเองมาเป็นนักดนตรีมืออาชีพ ในที่สุดเขาก็ได้พบกับ Dorough, Carter และ McLean โดยผ่านทางเพื่อนร่วมงาน จากนั้นทั้งสิ่จึงตัดสินใจฟอร์มวงกันขึ้น โดยตั้งชื่อวงของพวกเขา ตามชื่อตลาดนัดขายของเก่าแห่งหนึ่ง (คล้ายๆคลองถมบ้านเรานั่นแหละเจ้าค่ะ) ที่ Orlando และ Litterell เองก็ถูกชักชวนให้เข้าร่วมกับวงเพื่อให้กลายเป็นวงบอยด์แบน 5 ชีวิต
ด้วยความเป็นเพื่อนกับโปรดิวซ์เซอร์อย่าง Louis J. Pearlman ทางวงจึงได้รับการจัดการบริหารที่ไว้วางใจได้จาก Donna และ Johny Wright ผู้ซึ่งดึงพวกเขาขึ้นมาจรัสแสงด้วยการเชิญตัวแทน A&R จากหลายๆสังกัดมาดูการแสดงสดคอนเสิร์ตแรกของพวกเขา และแล้วในที่สุดทางสังกัดค่ายเพลงอย่าง Jive Records เริ่มสนใจทางวง และเซ็นสัญญากับทางวงในปี 1994 ทางค่าย Jive/ Zomba ได้จัดให้ทางวงได้ทำงานร่วมกับโปรดิวเซอร์อย่าง Veit Renn และ Tim Allen ซึ่งพวกเขาทั้งสองยังต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการทำอัลบั้มร่วมกับวงหลายต่อหลายเดือน อัลบั้มระดับตำนานอัลบั้มนี้ออกวางขายทั่วยุโรปในช่วงปลายปี 1995 ซึ่งได้เสียงตอบรับอย่างดีและติดอันดับท็อปเท็นในชาร์ตต่างๆของประเทศภาคพื้นแผ่นดินใหญ่ในยุโรป (ไม่รวมอังกฤษเพราะอังกฤษเป็นเกาะนะเจ้าคะ) ในปี 1995 ส่วนที่ประเทศอังกฤษนั้น Backstreet Boys ได้รับรางวัลวงดนตรีหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจนได้รับรางวัล Smash Hits ต้องขอบคุณซิงเกิ้ลยอดฮิตที่ดังระเบิดทั่วโลกของพวกเขาอย่าง We've got it going on ภายหลังจากที่พวกเขาปล่อยซิงเกิ้ลยอดฮิตในทวีปยุโรปอีกเพลงอย่าง I'll never break your heart ทางวงก็ปล่อยอัลบั้มเปิดตัวอันยอดเยี่ยมที่ยุโรปและแคนนาดาในปี 1996 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นและทะยานขึ้นไปติดท็อปเท็นชาร์ตหลายสัปดาห์ในหลายๆประเทศ แต่แม้ว่าพวกเขาจะเป็นที่นิยมในทวีปยุโรปและแคนาดาก็ตามทีทว่าซิงเกิ้ล "We've Got It Goin' On" นั้นอยู่ในอันดับที่ต่ำมากๆในอเมริกาในปี 1995 ซึ่งอาจเกิดมาจากสาเหตุโดยตรงที่ว่าอัลบั้ม Backstreet boys เวอร์ชั่นอเมริกันนั้นไม่มีวางจำหน่ายจนกระทั่งในปี 1997 ที่นำเอาซิงเกิ้ลยอดนิยมและเพลงใหม่มารวมไว้ (ซึ่งมีการนำเพลงหลักๆของอัลบั้ม Backstreet's Back ที่ขายเฉพาะในยุโรปเท่านั้นมาบรรจุอยู่ในอัลบั้มด้วย) นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของพวกเขาในอเมริกาด้วยซิงเกิ้ลฮิตๆอย่าง "Quit Playin' Games (With My Heart)" และ "As Long as You Love Me" อัลบั้มนี้ยังคงได้รับกระแสการตอบรับอย่างไม่หยุดยั้งไปจนถึงปี 1999 ด้วยซิงเกิ้ล "Everybody (Backstreet's Back)," "I'll Never Break Your Heart," and "All I Have to Give" ซึ่งทุกซิงเกิ้ลที่กล่าวมานั้นล้วนแล้วแต่เข้าไปเทียบท่าในชาร์ตเพลงแทบทั้งสิ้น ซึ่งทั้งสองเพลงแรกและสองเพลงหลัง และยอดขายสรุปรวมของอัลบั้มนี้นั้นขายได้มากกว่า 13 ล้านก้อปปี้ ในระหว่างนั้นทางวงก็กำลังประสบกับความอลหม่านวุ่นวาย ส่วน Littrell ต้องเผชิญกับการผ่าตัดหัวใจที่บกพร่องมาตั้งแต่กำเนิดตั้งแต่ต้นปี 1998 และทางวงก็เป็นคดีความกับ Pearlman และทีมผู้บริหารของเขาเกี่ยวกับเรื่องลิขสิทธิ์ลิขสิทธิ์เป็นปีๆ พอคดีเริ่มซาลง Pearlman ยังคงเป็นผู้จัดการวงตามเดิม (คนอื่นๆโดนไล่ออกไปหมด) และทางวงก็กลับมาเริ่มทำงานในอัลบั้มต่อไป
อัลบั้ม Millennium ซึ่งออกวางขายในหน้าฤดูของปี 1999 นั้นเปิดตัวสูงสุดด้วยอันดับหนึ่งในสัปดาห์แรกและขายได้ถึงหนึ่งล้านก้อปปี้ทั่วโลก แม้ว่าความจริงซิงเกิ้ลเพลงเหล่านี้จะไม่ได้ถูกปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการในสหรัฐอย่างเพลง I want it that way, larger than life, Show me the meaning of being lonely และเพลง The One แต่ทุกเพลงล้วนเป็นเพลงยอดนิยมติดลมบนสูงสุดบนชาร์ตด้วยตัวของมันเอง ทางวงก็ได้ปล่อยอัลบั้ม Christmas album ออกมาก่อนจะถึงสิ้นปี ซึ่งในขณะนั้นอัลบั้ม Millennium ยังคงเป็นอัลบั้มครองใจมหาชนขายได้ถึง 12 ล้านก้อปปี้เฉพาะในอเมริกา และอีกครั้ง และแล้วทางวงก็จู่โจมอย่างสายฟ้าแลปต่อจากอัลบั้มก่อน หลังจากการหยุดทำอัลบั้มฮิตมานาน ด้วยการปล่อยอัลบั้ม Black & Blue ออกมาในฤดูใบไม้ร่วงของปี 2000
ทางวงได้จัดทัวร์คอนเสิร์ตขึ้นมาเพื่อสนับสนุนอัลบั้มนี้ แต่ภายหลังจาก 7 ปีแห่งการทัวร์คอนเสิร์ตและการบันทึกเสียงอัลบั้มอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง จึงทำให้สมาชิกทุกคนในวงเห็นพ้องต้องกันว่าควรถึงเวลาหยุดพักซักทีโดยที่ Brian Littrell ได้กลายมาเป็นพ่อคน ในขณะเดียวกับที่ Kevin Richardson ได้ก้าวไปแสดงในละครบอร์ดเวย์อย่างละครเพลงเรื่อง Chicago ส่วน Nick Carter ก็ทำงานอัลบั้มเดี่ยวของตัวเองโดยที่อัลบั้มชุดนี้มีชื่อว่า Now or never ในปี 2002 ส่วน Howie Dorough ทำงานการกุศลกับมูลนิธิ Dorough Lupus เพื่อเป็นการเกียรติแก่น้องสาวของเขาที่เสียชีวิตไปด้วยโรคภัย และ A.J. McLean เสนอตัวเองไปอยู่บนพาดหัวข่าวเรื่องการถูกควบคุมความประพฤติของตัวเอง และแล้วในปี 2004 ทางวงก็กลับมารวมตัวอีกครั้ง และเริ่มต้นทำงานในอัลบั้มใหม่ ซึ่งผลสรุปสุดท้ายจากประสบการณ์ที่เพิ่มพูนและพัฒนาการของพวกเขาที่กลั่นกรองบวกกับความละเมียดละไม ของงานเพลงของพวกเขาจึงได้ อัลบั้ม Never Gone ออกมาซึ่งออกวางขายในช่วงเดือนมิถุนายนปี 2005 นี้เอง
ถ้ามีความคืบหน้าอย่างอื่นจะเอามาลงให้นะ /^[]^
ความคิดเห็น