ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ผมชื่อแน๊ตครับ^_^
“ไอ้แน๊ต รู้ตัวเปล่าว่าหน้ามึงเวลายิ้มมันกวนทีนแค่ไหน”
“จริงอย่างที่มันว่า ถามจริงเหอะจะมีวันไหนมั้งวะที่ข้าจะไม่เห็นแกยิ้มนะ”
นั้นคือคำถามที่เพื่อนผมชอบถามผมอยู่ประจำจนเหมือนคนพูดทักทายทุกครั้งที่พวกมันเห็นผมเลยละ หึหึ ครับ ผมชื่อแน๊ต นักเรียนปี2 คณะประติมากรรมครับ ผมก็เป็นนักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ หน้าตาก็งั้นๆ แต่จุดเด่นของผมคงจะเป็นที่นิสัยผมละมั้งครับ ไม่ว่าใครที่ไหนมารู้จักผมก็ชอบพูดอยู่อย่างเดี๋ยวว่าผมอารมณ์ดีมากเกินไป
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาไม่ชอบให้ผมอารมณ์ดี อ้า เอาเถอะๆ ตอนนี้ผมอายุ20ปีได้แล้ว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีแฟนแม้แต่คนเดียว ไม่เคยจับมือผู้หญิง ไม่เคยแม้แต่จะลองเข้าไปพูดจีบด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมจะลอง ผมก็อายจนเข่าอ่อน แต่ใช่ว่าผมเป็นคนขี้อายนะครับ ผมเป็นแบบนี้แค่เวลาจะลองจีบใครก็เท่านั้น แต่ถ้าจะไปพูดคุยเป็นเพื่อนนั้นมันก็อีกเรื่อง
“เฮ้ย...ไอ้แน๊ต ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว จะไปเปล่า” เพื่อนผม สัน เรียกผม ผมยิ้มกลับก่อนจะกระโดดกอดคอมัน
“ไปสิๆ ว่าแต่วันนี้เราจะทำอะไรกันวะ”
“แล้วข้าจะไปรู้หรอ ยังไม่ทันเข้าห้องเลยก็ถามสะแหละ ประสาทหรอวะ”
“แหม สันก็...” ผมกระพริบตาปริบๆพลางเอามือลูบไปตามอกมันเล่น ใช่ครับ ผมเป็นเกย์.....(อ้าวเฮ้ย...ได้ไงอะ ฉันเป็นพระเอกไม่ใช่หรอ-แน๊ต)(เออ จริงแหะ) ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่เกย์ครับ แหะๆ(=_=)
“ไอ้แน๊ต ทำบ้าอะไรวะ”
“แหมๆ ล้อเล่นน้า แกก็รู้ข้าไม่ใช่เกย์สักหน่อย”
“ก็ใครจะไปรู้ละ แฟนสักคนก็ไม่เคยมี มันก็ปรกติที่จะคิดอย่างนั้นนี้หว่า”
“โอ้โห่...แกคิดกับเขาเป็นด้วยหรอO_O”
“ไอ้แน๊ต มึงนี้มัน .” ผมหัวเราะร่าพลางปล่อยมือออกจากคอเพื่อนชายแล้ววิ่งหนีไปที่ห้องเรียนด้วยความเร็วสูง
                กว่าจะหมดเรียนทุกข้ามของผมและกว่าที่ผมจะนึกได้ว่าโรเรียนจะปิดแล้วก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าๆ ให้ตายเถอะ ดีนะที่คุณลุงภารโรงเขาเดินเข้ามาตรวจตามห้องต่างๆ ไม่งั้น ผมโดนขังอยู่ในห้องสมุดแหง่ๆ
ว่าแต่ ทำไมถนนแถวนี้มันเปลี่ยวจังวะ แถมยังมีซอยมืดๆอยู่เต็มไปหมด ไอ้ไฟตามถนนก็เหมือนกัน ทำไมมันยังไม่เปิดอีก ไม่รู้รึไงว่านี้มันมึดแล้ว สองทุ่มจะสามทุ่มอยู่แล้วนะโว๊ย
ผมหยุดบ่นกับตัวเอง(?)ก่อนจะเดินต่อไป แล้วพอผมเดินผ่านซอยมึดๆที่ว่าเท่านั้นแหละไอ้ไฟข้างถนนก็เปิดขึ้นมาทันที เล่นเอาผมตกใจไม่น้อยเลย เอ๋ เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ผมเห็นอะไรแวบๆอยู่ในซอยในรึเปล่านะ หรือก็แค่เงาตัวเอง เอาวะๆ เช็คดูหน่อยก็ได้
ผมถอยหลังกลับไปยืนอยู่ตรงซอยนั้นอีกครั้ง พลางเพ่งตามองเข้าไปในซอยนั้น ไหนๆ ไม่ใช่เงาเราจริงๆด้วย แต่มันอะไรละ ไ้อ้ไฟบ้าที่เพิ่งจะเปิดมันก็ไม่ได้ช่วยเอาสะเลยจริงๆ ผมหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มขยับตัวเข้าไปใกล้เงาตะคุ้มๆนั้นมากยิ่งขึ้น
แปะ เท้าผมเหยิบเข้ากับของเหลวบางอย่างทำให้ผมหยุดแล้วก้มลงไปมองทันที เอ๋ น้ำสีแดง น้ำแดง?.....................ละ....เลือด เฮ้ยๆ ใครเอาหมามาฆ่าแล้วทิ้งแถวนี้หรอวะ ผมเงยหน้ามองไปที่ต้นเหตุของเลือดพวกนี้
ไม่ใช่หมานี้หว่า..............อ้ากกกกกกกกกกกกกก ผีหลอกกกกกก อะ ไม่ใช่สิผีไม่มีจริงงั้นก็...คน....คนตายโว๊ยยยยยยย(=_=)
“อะ...อึก...” ร่างเล็กๆตรงหน้าผมส่งเสียงออกมาเล็กน้อยทำให้ผมหยุดโวยวายในหัวตัวเอง ยังๆ เขายังไม่ตาย พอผมตั้งสติได้ก็รีบวิ่งเข้าหาร่างเล็กที่นอนคว่ำอยู่กับพื้นทันที
“คะ...คุณ...เออ...นอนที่นี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวเป็นหวัด” ร่างเล็กตรงหน้าผมเงยหน้ามามองผมเหมือนกำลังค้อนผมยังไงยังงั้น เอ๋ ทำไมละ ผมอุตส่าห์หวังดี(=_=)
“อะ แค่กๆ” เหมือนว่าเธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่อยู่ๆเธอก็ไอออกมาเป็นเลือดสะก่อน เฮ้อ เห็นไหมๆ เจ็บแล้วยังไม่เจียมอีก
“เป็นไรไหมคุณ” ผมถามอีกครั้งพลางพยายามพยุงเธอลุกขึ้นนั่งพิงกำแพง แต่พอผมมองหน้าเธออีกทีก็รู้ว่าเธอสลบไปแล้ว อ้าว เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่าตายแล้ว
“คุณ คุณ ” ผมเขย่าไหลเธอเบาๆแต่ก็ไม่เห็นว่าเธอจะตื่น ผมเกาหัวตัวเองอย่างสิ้นคิด เอาวะ พอกลับบ้านไปทำแผลด้วยก็แล้วกัน แค่นั้นแหละ ผมก็ช้อนตัวผู้หญิงคนนั้นขึ้นแล้วเริ่มออกเดินไปทันที อ้าาาาาาาาา เสื้อนักเรียนผมเปื้อนเลือด ซักออกไหมวะเนี้ย TT^TT
                ไม่นานหนักผมก็มาถึงบ้านตัวเอง ผมหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูแล้วรีบเข้าไปทันที แน่ละ ถ้าข้างบ้านเขาออกมาเห็นไม่โทรแจ้งตำรวจคิดว่าผมฆ่าคนหรอกหรอ
ผมปิดประตูบ้านแล้วล็อกมันอีกครั้งก่อนจะตรงไปที่ห้องนั่งเล่น เออ ถ้าผมวางเธอที่โซฟา งั้นโซฟาก็จะเปื้อนเลือดด้วยนะสิ TT^TT ไม่ได้ๆ ไอ้แน็ตชีวิตคนสำคัญกว่า เอาวะ ซักนิดเดียวก็คงออก ไม่ออกก็เผาซื้อตัวใหม่แม่งมัน แม่จะได้ไม่รู้...............แล้วจะเอาตังมาจากไหนวะ?
“อะ....” ผู้หญิงในอ้อมแขนร้องออกมาแสดงถึงความเจ็บปวด อ้าาาาาก ช่างโซฟาแม่งแล้ว ผมกัดฟันว่างร่างเล็กๆนั้นลงบนโซฟาแล้ววิ่งไปในครัวเพื่อที่จะเอากล่องพยาบาลมา พอเจอก็รีบวิ่งกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ผมเปิดกล่องนั้นขึ้น...........................มีแต่พลาสเตอร์........................อะไรวะเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
                10 นาทีผ่านไป ผมวิ่งกลับมาในบ้านพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลครบท่วน ในตายเถอะ ครอบครัวผมนี้มันอะไรกับ มีกล่องพยาบาลกล่องสะใหญ่ แต่ข้างในมีแต่พลาสเตอร์ ไอ้ผมก็ตกใจที่คนเจ็บเขาเป็นหนักรีบวิ่งไปที่ร้านขายยาทั้งๆที่ยังไม่เปลี่ยเสื้อ คนขายเงี้ยมองผมใหญ่เลย ก็ไม่แปลกหรอก ปกติมีใครเขาใส่เสื้อเปื้อนเลือดมั้งเล่า แถมยังไม่ใช่เลือดของตัวเองอีก
ผมถอนหายใจอย่างปลงๆก่อนจะเดินไปที่ร่างเล็กๆที่ยังคงหมดสติอยู่ เธอใส่เสื้อก้ามสีดำและกางเกงยีนสีดำเช่นกันทำให้มองไม่เห็นเลือดบนเสื้อผ้า แต่ผิวกับผิวเธอเลยละ ผิวเธอขาวราวหิมะนั้นยิ่งทำให้เห็นเลือดบนตัวเธอได้อย่างดีเลยทีเดียว ว่่าแต่ เห็นแต่เลือดๆเนี้ย แล้วแผลมันอยู่ตรงไหนมั้งวะ เลือดมันออกสะเยอะจนผมมองหาแผลไม่เจอ ผมคงต้องเช็ดเลือดพวกนี้ออกสะก่อนสินะ
                เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าผมจะทำแผลทุกแผลบนตัวผู้หญิงคนนี้เสร็จ ให้ตายเถอะ เธอไปทำอะไรมานะถึงได้มีแผลเต็มตัวแบบนี้นะ คิ้วขวาแตก หน้าผากก็มีแผลยาว ตรงคอมีรอยขูดลึกแต่ก็ไม่ลึกมากหนัก หัวไหลขวามีแผลลึกมาก ดูเหมือนว่าต้องเย็บสะด้วย เข่าซ้ายถลอกเล็กน้อย ข้อเท้าขวาพลิกบวมเป่ง และมีรอยบาดตรงหลังข้อเท้าซ้ายด้วย
ดูจากแผลบนตัวเธอยังไงๆผมก็นึกไม่ออกว่าคุณเธอเขาไปทำอะไรมา แต่หลังจากทำแผลให้เธอ ผมรู้อะไรบางอย่าง .ผู้หญิงบ้าอะไรวะ สวยชิบเป๋งเลยยย ทั้งชีวิตผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยแตะต้องตัวผู้หญิงนอกจากในครอบครัวตัวเอง แต่อยู่ดีๆ วันนี้ก็มีนางฟ้าตกลงมาจากสวรรณ์จมกองเลือดให้ผมเจอ
ร่างเล็กนิดเดียวตามแบบผู้หญิงทั่วๆไป ผมยาวสีน้ำตาลแดงสยายลงไปถึงสะโพก ผิิวขาวเนียนสวย คิวเข้มตาโต จมูดนิดปากหน่อย อากกกกกกกกกกกกกก สวยโว๊ย ว่าแต่ตาสีอะไรวะ ตอนแรกมองไม่ค่อยเห็น สนใจแต่ไอ้น้ำเลือดบนตัวคุณเธอเขามากกว่า
“อืมมม ฮัดชิ้ว” เธอขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะจามออกมา ผมเอียงคอมองหน้าใสที่ยังคงหลับพริ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้รา หว่าาาา เสียงก็น่ารัก อย่างรู้จังว่าเธอเป็นคนยังไง หน้าตากับเสียงก็น่ารัก นิสัยเขาต้องน่ารักด้วยแน่ๆเลย อะ...แต่ไอ้แผลตามตัวนี้ละ เธอได้มายังไง................
ติ๊ดๆ เสียงนาฬิกาข้อมือของผมดังขึ้นทำให้ผมก้มลงไปมองมัน จ๊ากกกกกเที่ยงคืนแล้วหรอ ไม่ได้ๆ ต้องไปนอนแล้ว ไม่งั้นพรุ่งนี้ตื่นไม่ทันไปเรียนแน่เลย มีเรียนตอนเช้าสะด้วย
ผมหันไปมองผู้หญิงคนนั้นที่นอนอยู่บนโซฟาอีกครั้ง ผมปล่อยเธอนอนที่โซฟาแล้วผมไปนอนบนเตียงในห้องตัวเองจะดีหรอ อาาาาา แต่มันบ้านผมนี้หน่า ถึงโซฟาบางตัวแม่ผมจะเป็นคนยัดเยียดให้ผมเก็บไว้ใช่ก็เถอะ แต่ถ้าให้เธอไปนอนบนเตียงที่ห้องผม มันก็ยังไงๆอยู่ .........วะ นอนที่พื้นข้างๆโซฟาแม่งนี้แหละ ไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาก็นอนได้แล้ว อะ จริงด้วยผ้าห่ม ไอ้แน๊ตเอ๋ย แกลืมไปได้ยังไง จะให้คนป่วยเขานอนหนาวตายไปยันเช้ารึไงวะ
ผมวิ่งไปทีห้องนอนผมแล้วเอาหมอนและผ้าห่มลงมาที่ห้องนั่งเล่น...............มีผ้าห่มผืนเดียว...............=_= วะ ไอ้แน๊ตเอ๋ย มึงเป็นผู้ชายต้องเสียสละให้ผู้หญิงสิวะ แถมเขายังป่วยอยู่ด้วย เอาๆ นอนๆ ผมเอาผ้าห่มวางลงบนตัวของผู้หญิงคนนั้นก่อนที่ตัวเองจะล้มลงที่พื้นแล้วนอนไปบ้าง โชคดีนะที่เมืองไทยมันเป็นเมืองร้อน ไม่งั้นผมหนาวแต่แหงๆ ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ประเทศไทยร้อน ผม ไอ้แน๊ตคนนี้ จะไม่ลืมบุญคุณของท่านเล้ยยยยย สาาาาาธุ
“จริงอย่างที่มันว่า ถามจริงเหอะจะมีวันไหนมั้งวะที่ข้าจะไม่เห็นแกยิ้มนะ”
นั้นคือคำถามที่เพื่อนผมชอบถามผมอยู่ประจำจนเหมือนคนพูดทักทายทุกครั้งที่พวกมันเห็นผมเลยละ หึหึ ครับ ผมชื่อแน๊ต นักเรียนปี2 คณะประติมากรรมครับ ผมก็เป็นนักเรียนธรรมดาๆคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ หน้าตาก็งั้นๆ แต่จุดเด่นของผมคงจะเป็นที่นิสัยผมละมั้งครับ ไม่ว่าใครที่ไหนมารู้จักผมก็ชอบพูดอยู่อย่างเดี๋ยวว่าผมอารมณ์ดีมากเกินไป
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาไม่ชอบให้ผมอารมณ์ดี อ้า เอาเถอะๆ ตอนนี้ผมอายุ20ปีได้แล้ว ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีแฟนแม้แต่คนเดียว ไม่เคยจับมือผู้หญิง ไม่เคยแม้แต่จะลองเข้าไปพูดจีบด้วยซ้ำ ทุกครั้งที่ผมจะลอง ผมก็อายจนเข่าอ่อน แต่ใช่ว่าผมเป็นคนขี้อายนะครับ ผมเป็นแบบนี้แค่เวลาจะลองจีบใครก็เท่านั้น แต่ถ้าจะไปพูดคุยเป็นเพื่อนนั้นมันก็อีกเรื่อง
“เฮ้ย...ไอ้แน๊ต ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว จะไปเปล่า” เพื่อนผม สัน เรียกผม ผมยิ้มกลับก่อนจะกระโดดกอดคอมัน
“ไปสิๆ ว่าแต่วันนี้เราจะทำอะไรกันวะ”
“แล้วข้าจะไปรู้หรอ ยังไม่ทันเข้าห้องเลยก็ถามสะแหละ ประสาทหรอวะ”
“แหม สันก็...” ผมกระพริบตาปริบๆพลางเอามือลูบไปตามอกมันเล่น ใช่ครับ ผมเป็นเกย์.....(อ้าวเฮ้ย...ได้ไงอะ ฉันเป็นพระเอกไม่ใช่หรอ-แน๊ต)(เออ จริงแหะ) ไม่ใช่ครับ ผมไม่ใช่เกย์ครับ แหะๆ(=_=)
“ไอ้แน๊ต ทำบ้าอะไรวะ”
“แหมๆ ล้อเล่นน้า แกก็รู้ข้าไม่ใช่เกย์สักหน่อย”
“ก็ใครจะไปรู้ละ แฟนสักคนก็ไม่เคยมี มันก็ปรกติที่จะคิดอย่างนั้นนี้หว่า”
“โอ้โห่...แกคิดกับเขาเป็นด้วยหรอO_O”
“ไอ้แน๊ต มึงนี้มัน .” ผมหัวเราะร่าพลางปล่อยมือออกจากคอเพื่อนชายแล้ววิ่งหนีไปที่ห้องเรียนด้วยความเร็วสูง
                กว่าจะหมดเรียนทุกข้ามของผมและกว่าที่ผมจะนึกได้ว่าโรเรียนจะปิดแล้วก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่าๆ ให้ตายเถอะ ดีนะที่คุณลุงภารโรงเขาเดินเข้ามาตรวจตามห้องต่างๆ ไม่งั้น ผมโดนขังอยู่ในห้องสมุดแหง่ๆ
ว่าแต่ ทำไมถนนแถวนี้มันเปลี่ยวจังวะ แถมยังมีซอยมืดๆอยู่เต็มไปหมด ไอ้ไฟตามถนนก็เหมือนกัน ทำไมมันยังไม่เปิดอีก ไม่รู้รึไงว่านี้มันมึดแล้ว สองทุ่มจะสามทุ่มอยู่แล้วนะโว๊ย
ผมหยุดบ่นกับตัวเอง(?)ก่อนจะเดินต่อไป แล้วพอผมเดินผ่านซอยมึดๆที่ว่าเท่านั้นแหละไอ้ไฟข้างถนนก็เปิดขึ้นมาทันที เล่นเอาผมตกใจไม่น้อยเลย เอ๋ เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้ผมเห็นอะไรแวบๆอยู่ในซอยในรึเปล่านะ หรือก็แค่เงาตัวเอง เอาวะๆ เช็คดูหน่อยก็ได้
ผมถอยหลังกลับไปยืนอยู่ตรงซอยนั้นอีกครั้ง พลางเพ่งตามองเข้าไปในซอยนั้น ไหนๆ ไม่ใช่เงาเราจริงๆด้วย แต่มันอะไรละ ไ้อ้ไฟบ้าที่เพิ่งจะเปิดมันก็ไม่ได้ช่วยเอาสะเลยจริงๆ ผมหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มขยับตัวเข้าไปใกล้เงาตะคุ้มๆนั้นมากยิ่งขึ้น
แปะ เท้าผมเหยิบเข้ากับของเหลวบางอย่างทำให้ผมหยุดแล้วก้มลงไปมองทันที เอ๋ น้ำสีแดง น้ำแดง?.....................ละ....เลือด เฮ้ยๆ ใครเอาหมามาฆ่าแล้วทิ้งแถวนี้หรอวะ ผมเงยหน้ามองไปที่ต้นเหตุของเลือดพวกนี้
ไม่ใช่หมานี้หว่า..............อ้ากกกกกกกกกกกกกก ผีหลอกกกกกก อะ ไม่ใช่สิผีไม่มีจริงงั้นก็...คน....คนตายโว๊ยยยยยยย(=_=)
“อะ...อึก...” ร่างเล็กๆตรงหน้าผมส่งเสียงออกมาเล็กน้อยทำให้ผมหยุดโวยวายในหัวตัวเอง ยังๆ เขายังไม่ตาย พอผมตั้งสติได้ก็รีบวิ่งเข้าหาร่างเล็กที่นอนคว่ำอยู่กับพื้นทันที
“คะ...คุณ...เออ...นอนที่นี้ไม่ได้นะ เดี๋ยวเป็นหวัด” ร่างเล็กตรงหน้าผมเงยหน้ามามองผมเหมือนกำลังค้อนผมยังไงยังงั้น เอ๋ ทำไมละ ผมอุตส่าห์หวังดี(=_=)
“อะ แค่กๆ” เหมือนว่าเธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่อยู่ๆเธอก็ไอออกมาเป็นเลือดสะก่อน เฮ้อ เห็นไหมๆ เจ็บแล้วยังไม่เจียมอีก
“เป็นไรไหมคุณ” ผมถามอีกครั้งพลางพยายามพยุงเธอลุกขึ้นนั่งพิงกำแพง แต่พอผมมองหน้าเธออีกทีก็รู้ว่าเธอสลบไปแล้ว อ้าว เฮ้ยๆ อย่าบอกนะว่าตายแล้ว
“คุณ คุณ ” ผมเขย่าไหลเธอเบาๆแต่ก็ไม่เห็นว่าเธอจะตื่น ผมเกาหัวตัวเองอย่างสิ้นคิด เอาวะ พอกลับบ้านไปทำแผลด้วยก็แล้วกัน แค่นั้นแหละ ผมก็ช้อนตัวผู้หญิงคนนั้นขึ้นแล้วเริ่มออกเดินไปทันที อ้าาาาาาาาา เสื้อนักเรียนผมเปื้อนเลือด ซักออกไหมวะเนี้ย TT^TT
                ไม่นานหนักผมก็มาถึงบ้านตัวเอง ผมหยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูแล้วรีบเข้าไปทันที แน่ละ ถ้าข้างบ้านเขาออกมาเห็นไม่โทรแจ้งตำรวจคิดว่าผมฆ่าคนหรอกหรอ
ผมปิดประตูบ้านแล้วล็อกมันอีกครั้งก่อนจะตรงไปที่ห้องนั่งเล่น เออ ถ้าผมวางเธอที่โซฟา งั้นโซฟาก็จะเปื้อนเลือดด้วยนะสิ TT^TT ไม่ได้ๆ ไอ้แน็ตชีวิตคนสำคัญกว่า เอาวะ ซักนิดเดียวก็คงออก ไม่ออกก็เผาซื้อตัวใหม่แม่งมัน แม่จะได้ไม่รู้...............แล้วจะเอาตังมาจากไหนวะ?
“อะ....” ผู้หญิงในอ้อมแขนร้องออกมาแสดงถึงความเจ็บปวด อ้าาาาาก ช่างโซฟาแม่งแล้ว ผมกัดฟันว่างร่างเล็กๆนั้นลงบนโซฟาแล้ววิ่งไปในครัวเพื่อที่จะเอากล่องพยาบาลมา พอเจอก็รีบวิ่งกลับมาที่ห้องนั่งเล่นอีกครั้ง ผมเปิดกล่องนั้นขึ้น...........................มีแต่พลาสเตอร์........................อะไรวะเนี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
                10 นาทีผ่านไป ผมวิ่งกลับมาในบ้านพร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลครบท่วน ในตายเถอะ ครอบครัวผมนี้มันอะไรกับ มีกล่องพยาบาลกล่องสะใหญ่ แต่ข้างในมีแต่พลาสเตอร์ ไอ้ผมก็ตกใจที่คนเจ็บเขาเป็นหนักรีบวิ่งไปที่ร้านขายยาทั้งๆที่ยังไม่เปลี่ยเสื้อ คนขายเงี้ยมองผมใหญ่เลย ก็ไม่แปลกหรอก ปกติมีใครเขาใส่เสื้อเปื้อนเลือดมั้งเล่า แถมยังไม่ใช่เลือดของตัวเองอีก
ผมถอนหายใจอย่างปลงๆก่อนจะเดินไปที่ร่างเล็กๆที่ยังคงหมดสติอยู่ เธอใส่เสื้อก้ามสีดำและกางเกงยีนสีดำเช่นกันทำให้มองไม่เห็นเลือดบนเสื้อผ้า แต่ผิวกับผิวเธอเลยละ ผิวเธอขาวราวหิมะนั้นยิ่งทำให้เห็นเลือดบนตัวเธอได้อย่างดีเลยทีเดียว ว่่าแต่ เห็นแต่เลือดๆเนี้ย แล้วแผลมันอยู่ตรงไหนมั้งวะ เลือดมันออกสะเยอะจนผมมองหาแผลไม่เจอ ผมคงต้องเช็ดเลือดพวกนี้ออกสะก่อนสินะ
                เกือบครึ่งชั่วโมงกว่าผมจะทำแผลทุกแผลบนตัวผู้หญิงคนนี้เสร็จ ให้ตายเถอะ เธอไปทำอะไรมานะถึงได้มีแผลเต็มตัวแบบนี้นะ คิ้วขวาแตก หน้าผากก็มีแผลยาว ตรงคอมีรอยขูดลึกแต่ก็ไม่ลึกมากหนัก หัวไหลขวามีแผลลึกมาก ดูเหมือนว่าต้องเย็บสะด้วย เข่าซ้ายถลอกเล็กน้อย ข้อเท้าขวาพลิกบวมเป่ง และมีรอยบาดตรงหลังข้อเท้าซ้ายด้วย
ดูจากแผลบนตัวเธอยังไงๆผมก็นึกไม่ออกว่าคุณเธอเขาไปทำอะไรมา แต่หลังจากทำแผลให้เธอ ผมรู้อะไรบางอย่าง .ผู้หญิงบ้าอะไรวะ สวยชิบเป๋งเลยยย ทั้งชีวิตผมไม่เคยมีแฟน ไม่เคยแตะต้องตัวผู้หญิงนอกจากในครอบครัวตัวเอง แต่อยู่ดีๆ วันนี้ก็มีนางฟ้าตกลงมาจากสวรรณ์จมกองเลือดให้ผมเจอ
ร่างเล็กนิดเดียวตามแบบผู้หญิงทั่วๆไป ผมยาวสีน้ำตาลแดงสยายลงไปถึงสะโพก ผิิวขาวเนียนสวย คิวเข้มตาโต จมูดนิดปากหน่อย อากกกกกกกกกกกกกก สวยโว๊ย ว่าแต่ตาสีอะไรวะ ตอนแรกมองไม่ค่อยเห็น สนใจแต่ไอ้น้ำเลือดบนตัวคุณเธอเขามากกว่า
“อืมมม ฮัดชิ้ว” เธอขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะจามออกมา ผมเอียงคอมองหน้าใสที่ยังคงหลับพริ้มอย่างไม่รู้เรื่องรู้รา หว่าาาา เสียงก็น่ารัก อย่างรู้จังว่าเธอเป็นคนยังไง หน้าตากับเสียงก็น่ารัก นิสัยเขาต้องน่ารักด้วยแน่ๆเลย อะ...แต่ไอ้แผลตามตัวนี้ละ เธอได้มายังไง................
ติ๊ดๆ เสียงนาฬิกาข้อมือของผมดังขึ้นทำให้ผมก้มลงไปมองมัน จ๊ากกกกกเที่ยงคืนแล้วหรอ ไม่ได้ๆ ต้องไปนอนแล้ว ไม่งั้นพรุ่งนี้ตื่นไม่ทันไปเรียนแน่เลย มีเรียนตอนเช้าสะด้วย
ผมหันไปมองผู้หญิงคนนั้นที่นอนอยู่บนโซฟาอีกครั้ง ผมปล่อยเธอนอนที่โซฟาแล้วผมไปนอนบนเตียงในห้องตัวเองจะดีหรอ อาาาาา แต่มันบ้านผมนี้หน่า ถึงโซฟาบางตัวแม่ผมจะเป็นคนยัดเยียดให้ผมเก็บไว้ใช่ก็เถอะ แต่ถ้าให้เธอไปนอนบนเตียงที่ห้องผม มันก็ยังไงๆอยู่ .........วะ นอนที่พื้นข้างๆโซฟาแม่งนี้แหละ ไปเอาหมอนกับผ้าห่มมาก็นอนได้แล้ว อะ จริงด้วยผ้าห่ม ไอ้แน๊ตเอ๋ย แกลืมไปได้ยังไง จะให้คนป่วยเขานอนหนาวตายไปยันเช้ารึไงวะ
ผมวิ่งไปทีห้องนอนผมแล้วเอาหมอนและผ้าห่มลงมาที่ห้องนั่งเล่น...............มีผ้าห่มผืนเดียว...............=_= วะ ไอ้แน๊ตเอ๋ย มึงเป็นผู้ชายต้องเสียสละให้ผู้หญิงสิวะ แถมเขายังป่วยอยู่ด้วย เอาๆ นอนๆ ผมเอาผ้าห่มวางลงบนตัวของผู้หญิงคนนั้นก่อนที่ตัวเองจะล้มลงที่พื้นแล้วนอนไปบ้าง โชคดีนะที่เมืองไทยมันเป็นเมืองร้อน ไม่งั้นผมหนาวแต่แหงๆ ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ประเทศไทยร้อน ผม ไอ้แน๊ตคนนี้ จะไม่ลืมบุญคุณของท่านเล้ยยยยย สาาาาาธุ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น