ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -FanFic บารามอส- เวลากับสายลม

    ลำดับตอนที่ #33 : [#33] Ending to Begin - 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.17K
      7
      11 ส.ค. 52

    href="file:///C:\DOCUME~1\Windows\LOCALS~1\Temp\msohtml1\01\clip_filelist.xml" />

     

    เธอเป็นใคร?

    คำถามสะท้อนก้องอยู่ในหัว ไม่เพียงแต่ตัวคนถูกถามแต่ยังรวมไปถึงคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้นด้วย ทว่าก่อนที่ความไม่พอใจและโกรธเคืองจะเกิดขึ้น ร่างของคาโลก็ทรุดฮวบลงพร้อมพายุที่จางหายไป

    คาโล!” เฟรินทิ้งร่างโกโดมเข้าไปประคองอีกฝ่ายอย่างลืมตัว แต่ถูกอีกฝ่ายปัดมือทิ้งอย่างไม่ไยดี ตาสีฟ้าคมจ้องเขม็งมาทางเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อใจ

    อย่ามายุ่ง

    เฟรินอึ้ง... แววตาแบบนี้ ท่าทางแบบนี้หวนให้เธอนึกถึงวันที่ได้เจอคาโลเป็นครั้งแรก

    เย่อหยิ่ง ถือตัว ทระนง อวดดี

    ใช่...เจ้าชายคาโล วาเนบลี แห่งคาโนวาล

    แต่ถึงเป็นเช่นนั้น...

    หมัดเล็ก ๆ กำแน่นก่อนสวนเข้าหน้าคนป่วยที่เพิ่งฟื้นลืมตาได้ไม่นาน

    อย่ามาบ้าอะไรตอนนี้ได้ไหม!!”

    เฟรินตวาดเสียงดังลั่น มือกำหมัดแน่นสั่นระริกทั้งหงุดหงิด ทั้งโกรธ เสียใจ ปวดใจ และ...เจ็บใจ

    กะอีแค่ยืนยังทำไม่ได้ แล้วจะมาทำอวดดีใส่คนอื่นเขาอีก!”

    คนถูกต่อยเบิกตากว้าง งงเกินกว่าจะทันรู้ว่าตัวเองสมควรจะโกรธที่จู่ ๆ ก็ถูกผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ต่อยหน้า เฟรินลุกพรวดขึ้นยืน สะบัดหน้าเชิดขึ้นเพื่อซ่อนน้ำตาที่เริ่มเอ่อคลอ แล้วจึงหันไปหาคิลที่ยังยืนสงบ

    ฉันจะไปตามหมอหลวง แกกับพี่ลอเรนซ์ช่วยดูอาการมันไปก่อน แต่ถ้ามันงี่เง่ามากนักก็ทุบหัวให้มันสลบอีกหนไปเลยก็ได้

    สิ้นคำ ร่างบางนั้นก็ก้าวยาว ๆ ออกจากวิหารอย่างรวดเร็ว


    -----------------------------------------------------------------


     เสร็จจากเรื่องวุ่นวายคือเรื่องวุ่นวายกว่า

    ลอเรนซ์สบถเบา ๆ กับตัวเองขณะเดินไปยังวิหารเพื่อทำงานของตัวเองเหมือนทุกวัน

    หลังจากเฟรินออกจากวิหาร เจ้ารุ่นน้องนักฆ่านั่นก็จัดการทำให้คิงแห่งคาโนวาลสลบไปอีกครั้ง

    ขี้เกียจตอบคำถามมันน่ะ

    นั่นคือประโยคสุดท้ายที่อีกฝ่ายพูดก่อนอุ้มร่างโกโดมแล้วหายตัวไป ถึงจะบอกว่าหายตัวแต่เขาก็รู้ดีว่าหมอนั่นยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ที่ไหนสักแห่งในวังแน่นอน

    ทันทีที่หมอหลวงมาถึงและตรวจร่างกายอย่างคร่าว ๆ คิงคาโลก็ถูกย้ายกลับไปพักผ่อนยังห้องบรรทม หลังจากนั้นคือการเก็บกวาดหิมะที่กองอยู่เต็มวิหาร หากจะบอกว่านั่นคือความวุ่นวายแล้ว เหตุการณ์ต่อมาคงไม่ต่างจากหายนะ (ของคาโนวาล)

    เมื่อความทรงจำของคิงคาโลตลอดระยะเวลาสิบปีขาดหายไป ใช่...ความทรงจำช่วงก่อนเข้าเรียนที่เอดินเบิร์กจนถึงปัจจุบันนั่นเอง

    แน่นอนว่าข่าวนี้ถูกปิดกั้นไม่ใช้ประชาชนรู้ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้เกิดความแตกตื่น แต่สาเหตุสำคัญคือมันเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศ หากให้ประเทศเพื่อนบ้านรู้ก็อาจจะเกิดสงครามแย่งชิงดินแดนอีกหน

    ดังนั้นไม่ว่าฝั่งปกครองหรือฝั่งศาสนจักรต่างก็มีเรื่องวุ่นวายให้ทำกันไม่เว้นแต่ละวัน

    อันที่จริงนักบวชต่างถิ่นอย่างเขาที่เผลอไปอยู่ในเหตุการณ์ต้องถูกลบความทรงจำ และถูกกักบริเวณจนกว่าเรื่องทั้งหมดจะดีขึ้น แต่คงเป็นเพราะฐานะรุ่นพี่ของคิงและควีน หรืออาจจะเป็นอะไรก็ตามแต่ทำให้เขาไม่ต้องผ่านเวทลบความทรงจำ

    ประตูห้องสวดมนต์ถูกเปิดออกให้เห็นรูปปั้นพระแม่สีขาวบริสุทธิ์ เก้าอี้ยาวเรียงแถวเป็นระเบียบ และแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกสีเกิดเป็นลวดลายบนพื้นหินอ่อน

    ทั้งหมด...ไม่ต่างจากวันแรกที่เขาเปิดประตูบานนี้

    เพียงแต่วันนี้ไม่มีเสียงดนตรีแว่วหวาน ไม่มีเงาร่างใครสักคนตรงแถวหน้าสุด และไม่มีดาบยาวฟาดลงมา

    ลอเรนซ์ก้าวชิดแท่นหินอ่อนที่ว่างเปล่า ยกมือเอื้อมแตะแผ่นหินที่เย็นเฉียบ

    จะว่าไป...เกือบหนึ่งปีแล้วสินะที่เขามาอยู่ที่นี่

    ตาสีอเมธิสต์เหลือบมองเก้าอี้ยาวด้านหลังที่ว่างเปล่า

    ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่... ที่เคยชินกับภาพที่มีใครบางคนนั่งเงียบๆ อยู่บนเก้าอี้ตัวนั้น ถือกล่องดนตรีที่บรรเลงซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับไม่มีวันจบสิ้น เขาไม่ได้คิดอยากให้เรื่องราวทั้งหมดดำเนินอย่างนั้นไปเรื่อย ๆ เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ ยังไงเสียคาโลต้องออกเดิน ไม่ว่าจะได้ตัวยัยจอมยุ่งคนนั้นกลับมาหรือไม่ และเขาเองก็ต้องกลับแอเรียสในต้นฤดูหนาวที่กำลังใกล้เข้ามา เพียงแต่...

    สนุกไหม?...ผลจากยาของนาย

    ใจร้ายจริงลอรี่

    มีดบินพุ่งไปปักผนังใกล้ร่างที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืด นัยน์ตาสีดำใต้กรอบแว่นพรายระยับด้วยรอยยิ้มขณะก้าวออกมา

    ฉันก็เสียใจนะที่คาลี่จะจำฉันกับลอรี่ไม่ได้อีก

    คำพูดกับรอยยิ้มบนใบหน้านั้นทำให้ลอเรนซ์สรุปได้ในทันทีว่าคนพูดกำลังตอแหลหน้าตาย และส่งมีดอีกสองเล่มไปให้แทนคำต่อว่า ซึ่งลูคัสก็โยกหลบได้สบาย ๆ เช่นเดิม

    แต่ก็เป็นอย่างที่เคยพูดใช่ไหมล่ะ? ว่าพระเจ้าสร้างให้เราสองคนมาคู่กัน

    มีดอีกสองเล่มปักลงบนพนักเก้าอี้ที่คนพูดเพิ่งขยับหลบได้ด้านข้าง

    ลอเรนซ์ส่งสายตาดุไปเป็นคำถาม แต่ไม่คิดจะเอ่ยปากเพราะไม่อยากเสวนากับคนตรงหน้าเท่าไหร่นัก

    ก็ถ้าไม่มีลอรี่ ลูคัสว่าพลางหลบมีดบินอีกหน ถึงจะถอนพิษจากยาได้ แต่อาการของคาลี่อาจจะแย่กว่านี้ก็ได้

    เวทแก้คำสาปที่มาช้าไปราวสามวันทำให้ความทรงจำหายไปสิบปี หากไม่มีมัน...คาโลคงไม่ต่างจากเด็กทารกแรกเกิดที่ลืมกระทั่งวิธีพูด

    ลอเรนซ์ขมวดคิ้ว จากที่ฟังเหมือนอีกฝ่ายกำลังพูดชมแต่ไม่รู้สึกน่าดีใจสักนิด

    ว่าแต่...จะกลับแอเรียสเมื่อไหร่ล่ะ

    จู่ ๆ บทสนทนาก็ถูกเปลี่ยนกระทันหัน ตาสีม่วงเหลือบมองคนถามเพียงเล็กน้อยแล้วเดินไปยกงานของตนออกมาขัด

    อีกสี่เดือน

    ลูคัสทุบมือเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มกว้าง

    ดีเลย ช่วงนี้ยังไม่มีงานใหม่เข้ามา งั้นเดี๋ยวฉันคอยอยู่เป็นเพื่อนลอรี่จนกว่า...

    ลอเรนซ์รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างในหัวขาดผึง มีดสี่เล่มถูกซัดออกไปก่อนจะได้คิด ตามด้วยเสียงตวาดหงุดหงิดของตัวเอง

    ไสหัวของแกออกไปให้พ้นสายตาฉันเดี๋ยวนี้เลย!!”



    -----------------------------------------------------------------

     

    เหนื่อย...

    คำเพียงคำเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวและร่างกาย ขณะที่คนในช่วงอายุเดียวกันคนอื่นกำลังพักผ่อนกับเวลาเกษียณของตน แต่เขาต้องมาวิ่งไปวิ่งมาในวัง แทบไม่มีเวลาให้พักหายใจ อย่างเช่นวันนี้...ตื่นเช้ามาก็เจอประชุม จบประชุมก็ต้องไปตรวจดูพวกครูที่กว้านหามาสอน คิง เสร็จจากนั้นก็ต้องกลับไปนั่งอ่านเอกสารรายงานประชุม แต่อ่านไม่ทันจบก็ถูกคิงคาโลเรียกตัวไปพบ

    งานนี้จะเจออะไรอีกนะ

    เรเชอร์ถอนหายใจอีกครั้ง เมื่อการเข้าเฝ้าครั้งสุดท้ายมันมีแต่เหตุการณ์ร้าย ๆ เกิดขึ้น จึงช่วยไม่ได้ที่ครั้งนี้จะรู้สึกกังวล แต่ก็นั่นล่ะ...เขาเลือกได้ที่ไหนกัน

    มหาดเล็กหน้าประตูขานชื่ออำมาตย์เฒ่า วินาทีต่อมาคือประโยคอนุญาตดังมาจากภายในห้อง

    กระหม่อม เรเชอร์พึมพำแผ่วเบาขณะก้มหน้าทำความเคารพร่างสูงโปร่งที่ยืนทำหน้าเครียดอยู่กลางห้อง ไอเย็นคละคลุ้งจนขนลุกซู่แต่ชายชราก็ยังมีท่าทีสงบอยู่

    ท่านพอจะมีสิ่งใดที่สามารถอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้บ้างคิงคาโลเริ่มเรื่องพลางแตะลงบนกล่องกำมะหยี่สีดำสนิทบนโต๊ะ อำมาตย์เรเชอร์ก้มศีรษะเล็กน้อยก่อนเดินเข้าไปหา เรื่อง

    เมื่อเห็นว่า เรื่อง นั้นคืออะไรก็ถอยออกมาก่อนเอ่ย

    ทูลฝ่าบาท เมื่อประมาณครึ่งปีก่อน ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นำทับทิมของฝ่าบาทคาเลียร์มาทำเป็นสร้อยเพื่อมอบให้ราชินีกระหม่อม เพียงแต่ระหว่างรอแบบสร้อยนั้นทับทิมเกิดเป็นรอยบิ่น ฝ่าบาทจึงรับสั่งให้เจียระไนส่วนที่บิ่นทิ้งแล้วย่อขนาดสร้อยลงกระหม่อม

    สิ้นคำอธิบาย ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอยู่ชั่วอึดใจหนึ่ง

    ทำไม...มันถึงบิ่น

    ไม่ทราบกระหม่อม เวลานั้นฝ่าบาทก็ไม่ได้ตรัสอะไรนอกจากสั่งให้กระหม่อมนำทับทิมไปเจียระไน อำมาตย์เฒ่าก้มตัวต่ำลงแสดงความนอบน้อมอย่างที่สุด หวังเพียงอย่าให้คิงพิโรธกับคำตอบของตน

    เมื่อนายไม่ปรารถนาจะพูด แล้วข้ารับใช้อย่างตนจะมีสิทธิอะไรไปตั้งคำถาม?

    ดูเหมือนอีกฝ่ายก็คงคิดได้เช่นนั้น ท่าทีจึงมีเพียงแค่อาการหงุดหงิดเงียบ ๆ

    ถ้าอย่างนั้นก็ฝากท่านมอบมันให้เธอก็แล้วกัน คาโลเอ่ยตัดบทแล้วหมุนตัวเดินไปนั่งหลังอดีตโต๊ะทำงานเพราะบัดนี้มันเปลี่ยนสภาพกลายเป็น โต๊ะเรียน แทน

    เรื่องของเรื่องก็คือเฟรินตัดสินใจสั่งเหล่าข้าหลวงทุกคนในวังให้ หุบปาก เรื่องของเธอ และบอกคาโลเพียงว่าเขากำลังจะมีพระโอรส(หรือพระธิดา) แต่เพราะร่างกายของ ราชินีที่อ่อนแออีกทั้งยังทรงครรภ์แก่ ดังนั้นหมอหลวงจึงแนะนำให้พาราชินีไปพักผ่อนยังที่ที่มีอากาศบริสุทธิ์เพื่อหลีกเลี่ยงความตึงเครียดภายในวัง ที่อาจจะส่งผลต่อเด็กในท้อง

    และแม้ว่าคาโลจะอยากพบหน้า ราชินีมากแค่ไหน แต่ความยุ่งยากจากการสูญเสียความทรงจำทำให้เขาไม่มีเวลาไปเยี่ยมได้ดั่งใจ

    แน่นอน...ทั้งหมดอยู่ในแผนของ ราชินี

    เพราะเหตุที่คาโลสูญเสียความทรงจำตั้งแต่ก่อนเข้าเรียนเอดินเบิร์ก และไม่มีวันที่คาโนวาลจะส่งคิงกลับเข้าไปเรียนใหม่ให้เสียศักดิ์ศรี ดังนั้นเหล่าข้าหลวงในวังจึงต้องวิ่งเต้น สอนคิงคาโลใหม่ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด แต่การสอนทุกอย่างและบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดในสิบปีภายในเวลาไม่กี่เดือนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นนอกเหนือจากเวลาอาหารสามมื้อหลัก ที่เหลือก็จะเป็นเวลาเรียน เรียน และเรียน ไม่ก็เปลี่ยนเป็นพิจารณาเอกสารง่าย ๆ เพื่อเรียนรู้งาน สุดท้ายนักเรียนกิตติมศักดิ์จึงไม่มีเวลากระดิกตัวไปทำอย่างอื่น

                    หัวหน้าสภาอำมาตย์เหลือบมองเสี้ยวหน้าที่ก้มลงอ่านงานประจำวันด้วยความรู้สึกหลากหลาย ใจอยากอธิบายทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ก็รู้ดีว่านั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ถูกต้อง

                    คาโนวาลจำเป็นต้องมีกษัตริย์

                    และจะต้องเป็นนักรบปีศาจนาม คาโล วาเนบลี เท่านั้น!

    อำมาตย์เฒ่าสรุปกับตัวเองอีกครั้งก่อนก้มศีรษะรับคำสั่ง

    รับด้วยเกล้า

     

    -----------------------------------------------------------------


    งานนี้ท่านต้องเหนื่อยอีกแล้วสินะ คงไม่ได้เกษียณง่าย ๆ แน่ ๆ

    เฟรินพูดแล้วก็ยิ้มกว้างมองร่างชราที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก้มศีรษะลงเล็กน้อย

    เรื่องนั้นกระหม่อมทำใจแล้ว

    ได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มจึงยิ่งฉีกกว้างมากขึ้น ใจหนึ่งก็นึกสงสาร แต่อีกใจหนึ่งก็อดสมน้ำหน้าไม่ได้ เธอไม่ใช่แม่พระถึงจะไม่รู้สึกโกรธคนที่ทำให้เรื่องทั้งหมดกลายเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้อาฆาตแค้นด้วยรู้ดีว่าสาเหตุของการกระทำนั้นคือความหวังดีอย่างสูงสุดของคนคนหนึ่งที่จะมีให้กับประเทศชาติของตน

    ดังนั้น เพื่อทั้งคิงทั้งข้ารับใช้ก็คงต้องเหนื่อยกันหน่อย

    แม้เฟรินอยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราะไม่ออก

    ถึงคิงจะลืมราชกิจทุกอย่าง แต่ก็ใช่ว่าราชกิจมันจะสงสาร รอเวลาให้คิงขี้ลืมกลับมาสะสางนี่ ดังนั้นงานทั้งหมดในช่วงนี้ ราชินี จึงต้องรับไปทำ ทั้งหมด

    เฟรินถอนหายใจหนัก ๆ โยนกระดาษในมือใส่กองที่ต้องพิจารณาอีกหน แล้วหยิบงานชิ้นใหม่ขึ้นมา(จดหมายเชิญงานอะไรสักอย่าง ซึ่งเฟรินโยนใส่กอง ไม่อนุมัติ ทันที)

    นอกจากเรื่องเรียนของคาโล หญิงสาวหยุดหัวเราะกิ๊กในลำคอ ยังมีอะไรอีกรึเปล่าท่านเรเชอร์

    หัวหน้าสภาอำมาตย์นิ่งไปเล็กน้อยก่อนขยับตัวหยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อคลุมตัวหลวมโคร่ง

    ฝ่าบาท...ฝากสิ่งนี้ให้กระหม่อมถวายแก่ราชินี

    ในมือเหี่ยวย่นนั้นคือกล่องกำมะหยี่สีดำสนิท ภายในกล่องนั้นคือทับทิมสีแดงสด ทว่ามันไม่ได้เป็นเพียงหินสีแดงที่มีรอยบิ่นแต่มันถูกเจียระไนเสียใหม่และถูกประกอบเป็นสร้อยลวดลายงดงาม...คุ้นตา

    ถ้าจำไม่ผิด...มันเป็นลวดลายที่มีเดียเคยเอามาให้เธอดู

    สร้อย...ของราชินีแห่งคาโนวาล

    ตาสีน้ำตาลมองอำมาตย์เฒ่าที่ก้มหน้าก้มตา เธอจึงเอ่ยให้อีกฝ่ายพูดต่อ

    วันนี้ฝ่าบาทรับสั่งให้กระหม่อมเข้าเฝ้า เรเชอร์เริ่มโดยมองไม่เห็นว่าทำไมต้องย้อนกลับไปถึงขนาดนั้น แต่เฟรินก็ยังคงเงียบปล่อยให้พูดต่อไป

    รับสั่งว่าให้ถวายสร้อยเส้นนี้แก่ราชินีกระหม่อม

    เฟรินขยับยิ้มเหยียด

    ราชินีคนไหนล่ะ คนเก่า หรือ คนใหม่’”

    เสียดสีทั้งคนฟังทั้งตัวเอง ทว่ามันทำอะไรไม่ได้กับหัวใจที่เริ่มด้านชา

    เพราะการสูญเสียความทรงจำ ทำให้คาโลเข้าใจว่าคนที่กำลังจะคลอดลูกคือราชินีแห่งคาโนวาล หรือพูดง่าย ๆ ว่าเขาเข้าใจว่ามีเดียกับเธอเป็นคนคนเดียวกัน

    รับสั่งว่าให้ถวายแก่ราชินี กระหม่อมจึงคิดว่าเป็นพระองค์

    เฟรินเบิกตากว้าง อึ้งอยู่นานแต่ในที่สุดก็หัวเราะออกมา

    งั้นเหรอ...ความพยายามของเธอสัมฤทธิ์ผลแล้วสินะ เธอได้รับการยอมรับแล้วสินะ อย่างน้อย...ก็จากหัวหน้าสภาอำมาตย์หัวแข็งคนนี้

    ทว่า...

    หญิงสาวหยุดหัวเราะ เปลี่ยนมาเป็นรอยยิ้มบางบนตรงมุมปาก

    ขอบคุณแต่ฉันไม่ต้องการ ท่านเก็บไว้ให้คนอื่นเถอะ เพราะถ้าอยู่ในมือฉันก็มีแต่จะเผลอขายทิ้งทำทุน

    ทำทุน?

    ตาสีน้ำเงินกระตุกขึ้นมองใบหน้าหวานที่ยังคงส่งยิ้มมาให้ตน

    เฟรินไม่แปลกใจที่จะเห็นสีหน้างงงวยของอีกฝ่าย ในเมื่อเรื่องนี้เธอยังไม่ได้บอกให้ใครรู้ และถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากจะบอกใคร แต่ถ้าทำอย่างนั้นก็ไม่ต่างจากการหนีแบบที่เธอเคยทำ

    วันที่มีเดียคลอดลูก วันนั้นจะเป็นวันที่ราชินีแห่งคาโนวาลสิ้นพระชนม์

    ฝ่าบาท!!”

    หญิงสาวเบิกตากว้างอีกครั้งแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

    เป็นครั้งแรกนะที่ท่านเรียกฉันแบบนั้นเธอว่าพลางยกมือขัดอีกฝ่ายที่อ้าปากจะพูด อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ฉันเป็นแค่คนธรรมดาและกลัวตายมากกว่าที่ท่านคิด

    แม้จะได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดสั้นแต่รอยยิ้มบนใบหน้านั้นก็ยังสร้างความกังวลให้กับเรเชอร์ไม่จางหาย

    ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะออกจากคาโนวาล

    ฝ่าบาท!!”

    รอบนี้ทั้งเสียงทั้งความตกใจเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุด ตาสีน้ำเงินฉายแววตระหนกอย่างที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อน

    ถึงตอนนี้คิงคาโลจะทรงลืม...

    หายไปต่างหากท่านอำมาตย์ เฟรินแก้คำให้ถูกต้องโดยที่รอยยิ้มยังไม่จาง ทั้งเรื่องราวในเอดินเบิร์ก สงครามระหว่างเอเดนกับเดมอส เรื่องราวตลอดสิบปีที่ผ่านมา...หายไป ไม่ใช่ถูกลืม

     

    ปกติแล้ว ยาตัวนี้จะทำหน้าที่ขัดขวางสมองส่วนที่เป็นกระบวนการความคิด ซึ่งก็คล้าย ๆ กับเวทสะกดใจนั่นล่ะกระหม่อม แต่คำสาปที่กำกับไว้ทำให้มันเพิ่มประสิทธิภาพ แทนที่จะขัดขวางแต่มันกลับทำลายทิ้งอย่างถาวร...

     

    คำอธิบายของโกโดมยังก้องอยู่ในหัวของทั้งสองคน ปิดประตูความคิดที่จะหายาแก้เพื่อฟื้นฟูความทรงจำทั้งหมดลง คาโลจึงจำเป็นต้องเรียนรู้ทุกอย่างตั้งแต่หนึ่งอีกครั้ง

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น หากฝ่าบาททรงได้ใกล้ชิดกันอีกครั้ง...

    ขโมยก็คือขโมย ย่อมกลายเป็นพระราชาไม่ได้ เฟรินขัดขึ้นอีกครั้ง นั่นคือประโยคแรกที่คาโลพูดกับฉัน

    หญิงสาวขยับยิ้มเศร้า พยักหน้า...ให้กับตัวเอง

    ถึงจะน่าหมั่นไส้แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันคือความจริง

    เธอยืดตัวขึ้นพิงพนักอย่างเหนื่อยอ่อน ตาสีน้ำตาลเหลือบมองกองกระดาษมากมายตรงหน้า

    ฉันไม่สามารถรับน้ำหนักความรับผิดชอบต่อประชาชนทั้งคาโนวาลได้ ไอ้ที่ทำอยู่นี่ก็เพราะจำเป็น และอย่างที่ท่านเห็นว่าการตัดสินใจของฉันบางครั้งมันก็...ผิดพลาด

    เฟรินยิ้มเครียดเมื่อนึกถึงความผิดพลาดครั้งล่าสุดของเธอเมื่อสองวันก่อนจนทำให้เกือบเกิดจราจล

    ขโมยเป็นพระราชาไม่ได้ เพราะขโมยรับผิดชอบได้แค่ชีวิตของตัวเองเท่านั้น วันนี้...ฉันเข้าใจคำพูดนั้นดีแล้ว

    เอกสารกองพะเนินในส่วนของ ต้องพิจารณาอีกครั้งก็เป็นหลักฐานรองรับคำพูดของเฟรินได้ดี แม้ว่าเธอจะเคยเรียกประชุมหลายต่อหลายครั้งเพื่อฟังงานทั้งหมด แม้จะออกไปดูด้วยตาตัวเองไม่ได้แต่เธอก็มักจะใช้ให้คิลคอยช่วยไปสำรวจแทน ถึงอย่างนั้น ความผิดพลาดก็ยังเกิด...บ่อยครั้ง

    ถ้าจะบอกว่าเป็นเพราะไม่คุ้นชินกับงาน ก็คงต้องบอกว่าเธอไม่มีวันคุ้นเคยกับมันได้

    เช่นนั้น... ในที่สุดฝ่ายที่เปิดปากก่อนกลายเป็นอำมาตย์เฒ่า

    เช่นนั้น...เหตุใดถึงทรงอภิเษก...

    คำถามสั้น ๆ ที่ทำให้คนฟังถึงกับนิ่งอึ้งด้วยจนต่อคำตอบ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้าสร้อย

    ...จนแม้แต่คนมองก็รู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย...





    TBC...
    **********************************

    ใครได้กลิ่นไหม้ โปรดอย่าใส่ใจ ="=

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×