ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -FanFic บารามอส- เวลากับสายลม

    ลำดับตอนที่ #19 : [#19] Result

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.2K
      5
      7 ต.ค. 50


               
    ห้องสี่เหลี่ยมใหญ่ ม่านหนาหนักสีเข้มที่เพิ่งเปลี่ยนทันทีที่ย่างเข้าฤดูหนาวปิดกั้นลมหนาวจากภายนอก เสียงสะเก็ดไฟลั่นเปรี๊ยะเป็นระยะจากความร้อนที่ระอุอยู่ภายใน กึ่งกลางห้องคือโต๊ะทรงกลมพร้อมเก้าอี้สิบสองตัว เหนือเก้าอี้นั้นคือบุคคลทั้งสิบสองผู้มีอำนาจรองจากกษัตริย์ ริ้วรอยและบรรยากาศเคร่งเครียดกับบทสนทนาที่ค่อนข้างหนักเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของคาโนวาลทำให้แก้วชาทั้งหลายแทบจะไม่ถูกแตะจนเย็นชืด


               
    จนกระทั่งพระอาทิตย์เริ่มคล้อยบ่าย หัวข้อสนทนาก็ค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนประเด็น คำพูดเริ่มรุนแรงและเผ็ดร้อนมากขึ้นจนใกล้จะถึงจุดแตกหัก ประธานผู้ที่นั่งนิ่งอยู่นานจำต้องลุกขึ้นให้เสียงโต้เถียงทั้งหมดเงียบลง


               
    "
    เราทั้งหมดไม่ได้ต้องการให้เรื่องออกมาเป็นแบบนี้" หัวหน้าอำมาตย์เรเชอร์เปรยแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบที่เพิ่งจะได้พบหลังจากที่การประชุมเริ่มขึ้น นัยน์ตาสีน้ำเงินกวาดมองผู้ร่วมประชุมช้าๆ ทีละคน จนไปสบกับดวงตาสีอำพันที่มองตรงมาพร้อมรอยยิ้มเยาะบนใบหน้า


               
    "
    คนที่เสนอทางเลือกนี้คือท่านไม่ใช่เหรอท่านเรเชอร์" คนถูกถามพยักหน้าช้ารับคำหาเรื่องนั่นแต่โดยดี "เพราะนั่นคือทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนั้นอย่างที่ฉันเคยบอก ท่านไพซิส"


               
    เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังถี่จากคนหลายคนในวงประชุม


               
    "
    เพราะฉะนั้นเรื่องมันถึงได้เป็นอย่างนี้ไงท่านเรเชอร์ ฉันคัดค้านตั้งแต่แรกแล้วเรื่องการรับธิดาแห่งความมืดมาเป็นราชินีแห่งคาโนวาล" จนถึงบัดนี้ ไพซิสก็ยังไม่ยอมรับงานอภิเษกเมื่อสามปีก่อน และเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นความขัดแย้งนั้นก็เริ่มรุนแรง "ฉันเตือนท่านแล้วอำมาตย์เรเชอร์ ผู้หญิงคนนั้นคือธิดาแห่งความมืด ผู้ที่จะนำพาความพินาศมาให้กับคาโนวาลหรือใครก็ตามแต่ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับหล่อน!"


               
    "
    ระวังคำพูดของท่านหน่อยท่านไพซิส ฝ่าบาทคงไม่โปรดนักถ้าได้ยินประโยคนั้นเข้า" นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มปราดมองคนพูดเขม็งแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อไพซิสตอบสนองคำเตือนนั้นด้วยเสียงหัวเราะหึๆ ในลำคอ


               
    "
    ท่านจะไปฟ้องฝ่าบาทรึท่านเรเชอร์"


               
    "
    ฉันไม่มีความจำเป็นอะไรต้องทำอย่างนั้น เพียงแต่อยากให้ท่านสำนึกบ้างว่าคนที่ท่านพูดถึงอยู่ในตำแหน่งใดและท่านอยู่ในตำแหน่งใด" วาจาราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความรู้สึกเชือดเฉือนในเบื้องลึกทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของคนฟังเลือนหายไป


               
    "
    ถึงในตอนแรกราชินีจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ แต่สามปีที่ผ่านมาก็ทรงแสดงให้เห็นว่าทรงพยายามแค่ไหน ความผิดพลาดของราชินีเพียงอย่างเดียวคือการที่ไม่สามารถให้กำเนิดทายาท" เรเชอร์เงียบเสียงลงกวาดสายไปโดยรอบอีกครั้งแล้ววกกลับมามองกระดาษรายงานเบื้องหน้าของตนอย่างเหม่อลอย


               
    "
    และเพราะอย่างนั้นไม่ใช่รึไง ถึงทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างนี้ กับแค่ฝ่าบาทแต่งตั้งพระสนมขึ้นมาเสียคนถึงกับหนีออกนอกวัง ไม่นึกถึงตำแหน่งหน้าที่ของตน หึ..นี่หรือที่ท่านว่าสามารถเป็นราชินีที่ดี" ไพซิสยังคงพูดต่อเสียงเข้ม ฝ่ายอีกสิบคนที่เหลือบ้างก็พยักหน้าเห็นด้วย บ้างก็นั่งนิ่งเฉยไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา ตัวของเรเชอร์เองนั้นก็ยอมรับว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดนั้นก็ถูก แต่เมื่อนึกย้อนไปถึงอดีตที่เหตุการณ์ไม่แตกต่างกันมากนักเพียงแต่ความจำเป็นของเหตุการณ์มันต่างกัน


               
    คิงบาโรกับเจ้าหญิงอลิเซีย


               
    คิงคาโลกับเจ้าหญิงเฟลิโอน่า


               
    เหมือนกับการไหลย้อนกลับของกระแสเวลา


               
    "
    ในตอนแรกท่านก็ยอมให้ฝ่าบาทเลือกธิดาแห่งความมืดมาเป็นราชินีทั้งๆ ที่มีคนไม่ยอมรับมากมาย ได้ข่าวมาว่าถูกเลี้ยงให้เป็นหัวขโมยถึงสิบห้าปีนี่ แล้วเป็นอย่างไร...สมใจท่านไหมกับราชินีหัวขโมยคนนี้"


               
    "
    อำมาตย์ไพซิส" น้ำเสียงเย็นเยียบจากหัวหน้าอำมาตย์ดังเรียกสติของคนที่เริ่มพูดพล่ามไม่ไว้หน้าใครต้องชะงัก ตาสีน้ำเงินสบตาสีอำพันนิ่ง ไร้ซึ่งแววตำหนิหรือไม่พอใจ หากคมดุจสายตาเหยี่ยวที่จ้องมองเหยื่อ


               
    "
    ถ้าท่านในตอนนั้นมีทางเลือกทำไมท่านถึงไม่พูด" ไพซิสเม้มปากแน่น เพราะในตอนนั้นเขาเองก็อับจนหนทางกับคิงองค์ใหม่ที่แสนเอาแต่ใจที่ต้องการให้จัดงานอภิเษกระหว่างพระองค์กับธิดาแห่งความมืด ถึงกับเสนอว่าหากใครไม่เห็นด้วยก็ให้ประลองเพื่อหาผู้ชนะ หากจะให้จัดประลองสรรหาคิงใหม่ก็คงไม่พ้นผลลัพธ์เดิม แล้วใครจะกล้าท้าประลองกับคิงผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนักรบปีศาจแห่งคาโนวาล!


               
    หากเมื่อเวลาผ่านไป ช่องทางการจัดการราชินีที่ไม่ต้องการก็ปรากฎขึ้นเมื่อสภาวะร่างกายที่บอบช้ำหลังมหาสงครามทำให้หล่อนไม่สามารถตั้งครรภ์ได้ อีกทั้งกิริยา มารยาท การวางตัวทั้งหลายที่จำเป็นต่อการเป็นราชินี หล่อนก็ไม่มีติดตัวแม้แต่นิดเดียว ประชาชนเองก็ใช่ว่าจะยอมรับราชินีครึ่งคนครึ่งปีศาจคนนี้ได้ทั้งหมด ช่องทางการถอดถอนตำแหน่งก็ปรากฎขึ้น เพียงแค่ใช้กฎประเพณีบางข้อบวกกับแรงของประชาชนอีกเล็กน้อย คาโนวาลก็จะได้ราชินีคนใหม่ที่ดีกว่านี้


               
    มันควรจะเป็นเช่นนั้น...


               
    ถ้าไม่เพราะคนตรงหน้าเขากับคำว่า 'ให้โอกาส'!!!


               
    "
    สิ่งสำคัญตอนนี้ไม่ใช่การทะเลาะว่าใครผิดใครถูก แต่เป็นการตัวราชินีให้เจอให้เร็วที่สุด" เรเชอร์ถอนหายใจหนักอีกครั้ง ริ้วรอยตามใบหน้าทั้งความหนักใจทำให้ร่างสูงนั้นชรากว่าความเป็นจริง "ฝ่าบาทเองก็ออกตามหาด้วยพระองค์เองอย่างหนัก ทั้งยังต้องทรงงานทั้งวันทั้งคืน พวกท่านคงไม่อยากให้เราต้องหาคิงองค์ใหม่ในเร็ววันนี้หรอกใช่ไหม"


               
    กระแสเสียงทอดต่ำ ประโยคสุดท้ายตาสีน้ำเงินสบกับตาสีอำพันนั้นแล้วเบนไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว แต่ต่อให้เร็วแค่ไหนก็ไม่พ้นสายตาของไพซิส


               
    ..
    นั่นคือคำเตือน..


               
    เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นให้บทสนทนาทั้งหมดยุติลง เมื่อหัวหน้าอำมาตย์เอ่ยอนุญาต มหาดเล็กก็ก้าวเข้ามาก้มตัวทำความเคารพ


               
    "
    ท่านอำมาตย์เรเชอร์ พระสนมมีคำสั่งให้เข้าพบ" เสียงกระซิบกระซาบพึมพำดังขึ้นกับความสงสัยที่ก่อตัวขึ้น เรเชอร์เองแม้จะสงสัยมากแค่ไหนก็ทำเพียงแค่พยักหน้าตอบ


               
    "
    เข้าใจแล้ว งั้นก็เลิกประชุมแค่นี้ก็แล้วกัน"


    ---------------------------------- 

     

                นัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มเพ่งมองบุคคลตรงหน้ากับคำพูดประโยคก่อนหน้านี้ของอีกฝ่าย มือที่เริ่มเหี่ยวย่นตามกาลเวลากำเข้าออกอย่างใช้ความคิด


               
    เขา...เคยคิดว่าผู้หญิงน่ากลัว


               
    แต่ถึงอย่างนั้น...ก็ไม่คิดว่าจะเลวร้ายขนาดนี้


               
    "
    เรารู้ว่าท่านลำบากใจ" น้ำเสียงหวานใสเอ่ยเปรยชวนฟัง แต่เมื่อนึกถึงเหตุที่ทำให้เจ้าหล่อนจำต้องใช้เสียงอย่างนี้แล้วความหวานนั้นก็ไม่ต่างกับน้ำผึ้งอาบมีดคมซ้ำด้วยยาพิษร้ายแรง


               
    "
    ราชินีที่ไม่สามารถให้กำเนิดทายาท ทั้งมีการกระทำและกิริยาที่ไม่เหมาะสม ฉันล่ะไม่เข้าใจท่านจริงๆ ว่าทำไมถึงปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้" พระสนมแห่งคาโนวาลยังคงเอื้อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนจะรู้ทันความคิดของอำมาตย์เฒ่าตรงหน้า


               
    "
    กระหม่อมไม่มีสิทธิตัดสินใจในเรื่องนั้น"


               
    "
    แต่ท่านก็คัดค้านได้" มีเดียทอดเสียงยาว ถ้วยชาประณีตราคาแพงถูกยกขึ้นแตะกับริมฝีปากบาง


               
    "
    ถึงเป็นเช่นนั้น ผู้ที่จะตัดสินใจก็คือฝ่าบาท และที่กระหม่อมอยากจะกราบทูลก็คือ เรื่องที่พระสนมกำลังพูดถือเป็นเรื่องใหญ่ จะตัดสินใจอะไรก็ต้องผ่านการกลั่นกรองจากสภาอำมาตย์และฝ่าบาทเสียก่อน"


               
    หรือพูดให้กระแทกเข้ากลางใจ


               
    มีเดียเหยียดยิ้มกับประโยคแฝงความนัยนั้น


               
    มันไม่ใช่เรื่องของเธอ!!


               
    "
    ท่านก็รู้ว่าปกติฝ่าบาทงานยุ่งมากแค่ไหน ยังต้องออกไปตามหาราชินีที่สมัครใจถูกลักพาตัวไปแบบนั้นทั้งวันทั้งคืน"


               
    ประกายตากล้าวาววามขึ้นภายในนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้ม หากกิริยาที่ปรากฎยังคงอยู่สภาพสำรวมตามมารยาทที่ดีในการเข้าเฝ้าเชื้อพระวงศ์


               
    "
    พระสนมกล่าวเหมือนกับรู้ว่าราชินีถูกใครจับตัวไป" มีเดียขยับยิ้มบาง ลดแก้วชาในมือลงวางกับโต๊ะให้นางกำนัลคนสนิทรินเพิ่มอีกถ้วย


               
    "
    ก็ถ้าหากเป็นการลักพาตัวทั่วไป ป่านนี้ก็น่าจะมีหนังสือร้องขอมาซักฉบับไม่ใช่หรือท่านอำมาตย์"


               
    เรเชอร์ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธอะไรกับคำถามนั้น


               
    ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ไม่คิดที่จะรู้


               
    แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องรู้...สาเหตุที่ทำให้ราชินียอมทิ้งเกียรติของตนที่เพียรสร้างและแสดงให้คาโนวาลเห็นถึงสามปี


               
    "
    กระหม่อมก็ยังไม่เห็นว่านั่นจะเป็นเหตุผลในการถอนกำลังค้นหา" ตาสีเขียวเริ่มมีประกายวูบวาบขัดใจ ก่อนจะเก็บอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว


               
    "
    ท่านจะบอกว่าไม่ว่ายังไงก็คือต้องให้ฝ่าบาทตัดสินใจ?" คนถูกถามยังไม่ตอบในทันที อะไรบางอย่างกำลังร้องเตือนเขาหากตอบอะไรออกไป


               
    ไม่ว่าจะตอบใช่...หรือไม่ก็ตาม!


               
    และดูเหมือนการนิ่งเฉยของเขาจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจความหมายเป็นอย่างแรก นัยน์ตาสีเขียวนั้นจึงดูหงุดหงิดมากขึ้นเล็กน้อย


               
    "
    เอาเถอะ...ถ้าเช่นนั้นก็เห็นจะเปล่าประโยชน์ที่จะพูดคุยกับท่าน" เมื่อเจตนา ความคิดถูกเปิดเผยเกือบหมด ความเกรงใจจึงเหลือเพียงน้อยนิด


               
    "
    เช่นนั้นกระหม่อมทูลลา" เรเชอร์ก้มตัวทำความเคารพ หากเมื่อก้าวเท้าพ้นธรณีประตูไปได้เพียงก้าว เสียงหวานใสของพระสนมมีเดียก็เปรยดังขึ้น


               
    "
    ฉันเองก็มีเลือดเนื้อของคาโนวาลอยู่ครึ่งหนึ่ง ซ้ำเป็นครึ่งหนึ่งที่มีความสำคัญ ความห่วงใยก็ย่อมต้องมีมากขึ้นเป็นธรรมดา...ท่านอำมาตย์"


               
    ร่างบางทรุดตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน ยกมือไล่นางกำนัลข้างกายให้ถอยออกไปนอกห้อง


               
    ...
    สงครามจิตวิทยา...


               
    ไอ้แก่ของสภาอำมาตย์เล่นยากกว่าที่เธอคิด และดูเหมือนจะเป็นหมากที่เธอเอามาใช้ไม่ได้เสียด้วย


               
    ริมฝีปากปากเม้มสนิทเข้าหากันอย่างตัดสินใจ หากความสนใจของหล่อนก็ถูกเรียนบางสิ่งที่อยู่นอกระเบียง ตาสีเขียวเป็นประกายวาววับเมื่อเห็นว่าสิ่งนั้นคืออะไร มีเดียผุดลุกปรี่ไปยังระเบียงกว้างนั่นอย่างรวดเร็ว มือขาวรวบเอาพิราบสื่อสารที่เกาะอยู่ตรงราวพร้อมแกะห่อกระดาษห่อเล็กที่ขามันออกมาก่อนจะปล่อยมันให้บินขึ้นฟ้าแล้วกลับเข้ามาในห้องพร้อมปิดหน้าต่างสนิท


               
    นอกเหนือจากพัสดุห่อเล็กที่เธอเฝ้ารอแล้วยังมีกระดาษจดหมายแผ่นเล็กผูกติดมากับพัสดุนั้นด้วย มีเดียวางห่อกระดาษลงบนโต๊ะเบามือราวกับว่ามันทำมาจากแก้วก็ไม่ปาน ก่อนจะคลี่กระดาษแผ่นเล็กออกอ่าน


               
    กลีบปากบางเหยียดยิ้มกว้างยินดีกับข้อมูลในจดหมายนั้น เมื่ออ่านจบมีเดียก็โยนมันลงในเตาผิงใหญ่ ละสายตามามอง 'ของ' ที่เธอสั่งไป ใช่...เธอได้ของดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก เธอรู้สึกมีความสุขยิ่งกว่าวันใดนับตั้งแต่ที่เหยียบย่างเข้ามาคาโนวาล


               
    อย่างน้อย...สิ่งที่เธอคิดก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว


    **************************************TBC...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×