คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : บทที่ 28 : ทักท้วง
"ฝ่าบาท ทรงไว้ชีวิตลูกสาวของกระหม่อมด้วยพระเจ้าค่ะ" ทันทีที่ทั้งหมดแยกย้ายออกจากโถงประชุม คาโลก็มุ่งหน้าสู่ห้องทำงานเพื่อเขียนคำสั่งประหารท่านหญิงอาเวเรีย แต่ทันทีที่คำสั่งนั้นประกาศออกไป ไม่กี่นาทีต่อมาอำมาตย์แทนเนอร์ก็ขอเข้าพบตามที่เขาคาดเอาไว้
คาโลเงียบเป็นคำตอบ พร้อมกับใช้สายตาคมของตนจ้องมองร่างของบุคคลที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า
ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อ
แต่ทำผิดก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนทำ
"หากจะลงโทษ.. คนที่สมควรลงโทษควรจะเป็นกระหม่อมมากกว่าพระเจ้าค่ะ" แทนเนอร์พูดโดยไม่เงยหน้าขึ้นมา "เป็นเพราะกระหม่อมเลี้ยงลูกแบบตามใจจนเสียคน ถ้าหม่อมฉันเข้มงวดกับอาเวเรียให้มากกว่านี้..."
"เก็บคำแก้ตัวของท่านไว้เถอะ" คาโลเอ่ยตัดบท อำมาตย์เฒ่าเงยหน้าพรวดขึ้นมาด้วยสีหน้าตกใจปนหวาดกลัว
"ฝ่าบาท! กระหม่อมไม่ได้มีความคิดที่จะแก้ตัว เพียงแต่อยากจะกราบทูลว่าเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นมาจากวิธีการเลี้ยงดูลูกของกระหม่อม.. เพราะฉะนั้น..."
"ท่านแน่ใจหรือ" คิงแห่งคาโนวาลพูด ตาสีฟ้าคมยังคงมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อกาฬ ใบหน้าคล้ำและเต็มไปด้วยริ้วรอยของกาลเวลา ยิ่งหมองคล้ำมากกว่าทุกครั้งที่เขาเคยเห็น
เพราะความห่วงใยต่อลูกสาว และความหวาดกลัวต่อความตายที่ลูกสาวของตนกำลังเผชิญ
แทนเนอร์สะอึกนิ่งงันไป สายตาหลุบต่ำมองพื้นอย่างที่ถ้าเป็นปกติคงโดนติเตียนเรื่องมารยาทในการเข้าพบกษัตริย์ หรืออาจจะถึงกับถูกลงโทษ แต่คาโลก็ยังคงนิ่งไม่ใส่ใจ ในเมื่อบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่สำคัญกว่า
"ฉายาเดอะเสจของเธอน่าจะทำให้เธอคิดให้มากกว่าคนอื่น" คำติเตียนดังเรียบเรื่อย หากดังก้องในหัวของคนฟัง
"แต่อย่างน้อยก็เห็นแก่ความดีความชอบ จะปลดหม่อมฉันออกก็ได้พระเจ้าค่ะ ขอแค่..."
"เพราะท่านเป็นอำมาตย์และอาเวเรียเป็นท่านหญิงนั่นล่ะ ถึงผ่อนผันไม่ได้" คาโลขัดขึ้น "เพราะเป็นคนที่มียศศักดิ์ถึงยอมปล่อยให้เรื่องผ่านไปไม่ได้"
ตาสีฟ้ามองผู้ที่แม้จะตำแหน่งทางการเมืองและสังคมต่างกัน หากความรู้สึกและความเข้าใจย่อมเหมือนกัน
ในฐานะของผู้เป็นพ่อ
คาโลผ่อนลมหายใจหนัก ใจจริงเขาออกจะรำคาญอาการไร้เหตุผลของอีกฝ่ายอยู่ก็ตาม แต่จะปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป เห็นจะเกิดผลเสียในอนาคตแน่ๆ
"ท่านคิดว่า ถ้าประชาชนรู้เรื่องนี้ขึ้นมา และไม่มีการลงโทษคนผิด พวกเขาจะมองเราเป็นยังไง"
"แต่ตอนนี้ยังไม่มีใคร..."
"อำมาตย์แทนเนอร์!!" คาโลตวาดเสียงดัง เจ้าของชื่อสะดุ้งเฮือก ตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะก่อนที่จะเริ่มสั่นกึกกับความกดดันและความน่ากลัวที่สัมผัสได้จากคิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาล
นัยน์ตาสีฟ้าที่เมื่อครู่พอจะมีแววของความเห็นใจ บัดนี้เต็มไปด้วยร่องรอยของโทสะและความไม่พอใจอย่างเต็มเปี่ยม
"ท่านเองก็ทำงานมานาน ตั้งแต่ที่ท่านพ่อยังอยู่ ท่านน่าจะรู้กฏหมายบ้านเมืองดีกว่าเราด้วยซ้ำ" น้ำเสียงเย็นเยียบอย่างที่นานๆ จะได้ยินซักครั้งแช่แข็งลมหายใจของคนฟัง
"ในฐานะที่เป็นพ่อเหมือนกัน เรารู้ว่าท่านรู้สึกอย่างไร แต่ท่านต้องแยกเรื่องส่วนตัวออกจากเรื่องงาน ความผิดของอาเวเรียจะไม่มีการลดหย่อนใดๆ ทั้งสิ้น" คาโลประกาศด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด "ถ้าท่านหมดเรื่องแล้วก็เชิญออกจากห้อง เรายังมีงานที่ต้องทำ"
"เหมือนกันตรงไหนล่ะพระเจ้าค่ะ!" แทนเนอร์ที่เหมือนจะหลุดจากภวังค์และความหวาดกลัวโพล่งถามขึ้นด้วยน้ำตา
"ฝ่าบาทยังไม่สูญเสีย... ทั้งพระโอรสพระธิดาก็ยังทรงอยู่ดี ไม่มีพระองค์ไหนถูกสั่งประหารนี่พระเจ้าค่ะ แล้วฝ่าบาทจะเข้าใจความรู้สึกของหม่อมฉันได้อย่างไร!! หม่อมฉันเสียภรรยาไปหลังจากที่อาเวเรียเกิดได้ไม่นาน หลังจากนั้นทั้งชีวิตของหม่อมฉันมีแค่อาเวเรีย จึงตามใจเขาทุกอย่าง และเรื่องที่เกิดขึ้นก็เป็นผลจากการกระทำนั้น แต่ถึงอย่างนั้นอาเวเรียก็ยังเป็นลูกสาวของกระหม่อม ลูกสาวเพียงคนเดียวของกระหม่อม!! แล้วฝ่าบาทจะให้หม่อมฉันใจเย็นมองลูกของตัวเองถูกประหารไปต่อหน้าต่อหน้างั้นหรือพระเจ้าค่ะ!!!"
คาโลนิ่งเงียบปล่อยให้อีกฝ่ายตะโกนโหวกเหวกออกมาอย่างใจเย็น
"ถ้า..ถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนที่ผิดเป็นพระโอรสหรือพระธิดา.." แทนเนอร์เอ่ยเสียงแผ่ว "ฝ่าบาทจะยังทรงยื่นคำสั่งประหารเป็นบทลงโทษให้กับบุตรของฝ่าบาทหรือไม่พระเจ้าค่ะ!"
คำถามไม่กลัวตายของอำมาตย์เฒ่าทำให้ห้องทำงานเงียบกริบ เหลือเพียงแต่เสียงหอบหายใจอันคับแค้นของคนพูด
"การสมมติ..." ในที่สุดคาโลก็พูดขึ้นทำลายความเงียบ "ไม่ได้ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง"
แทนเนอร์ยิ้มหยันกับคำพูดนั้น
สุดท้าย...ก็แค่คิงที่ทำตัวเป็นคนดี รักความยุติธรรม
"สามคนนั้นไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น และถ้ามันเกิดขึ้นจริง...เราจะเป็นคนตัดหัวคนผิดเอง" คำประกาศกร้าวทำเอาคนที่นึกเย้ยหยันต้องหุบยิ้มฉับ
ไม่ใช่เพราะคำพูด หากเป็นแววตาที่หนักแน่นจนน่ากลัว
"ถ้าท่านมีเวลาจะไปคิดเรื่องอะไรแบบนั้น ขอบอกให้ท่านกลับไปคิดว่าจะใช้เวลาของอาเวเรียที่เหลืออยู่ทำอะไรเป็นครั้งสุดท้ายจะดีเสียกว่า" คาโลตัดบท โดยไม่ลดความกดดันลงแม้แต่น้อย "และถ้ายังคิดจะกวนเราด้วยเหตุผลเดิม ท่านอาจจะได้ล่วงหน้าไปรอลูกสาวก่อนก็ได้"
แทนเนอร์ถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว ปกติแล้วคิงน้ำแข็งมักไม่ค่อยพูด ไม่แสดงความรู้สึก ยิ่งความโกรธเกรี้ยวแล้วแทบจะไม่มีให้เห็นนับตั้งแต่ที่มีคนร้ายลอบเข้ามาทำร้ายเจ้าหญิงนาตาชาเมื่อหลายปีก่อน เหล่าขุนนางจึงได้รับรู้ถึงความน่ากลัวที่แท้จริงของฉายาคิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาล
อำมาตย์เฒ่าก้มหน้าลงอย่างสิ้นหวัง ก่อนจะยอมเดินออกจากห้องไป
ปัง..
สิ้นเสียงปิดประตู คาโลเกือบเผลอถอนหายใจเฮือกใหญ่กับคำถามของอำมาตย์แทนเนอร์ที่ยังคงวนเวียนให้ได้ยิน
หากเป็นสามคนนั้น...เขาจะกล้าสั่งประหารอีกหรือไม่
คำตอบนั้นง่ายนิดเดียว คือ...
เขาไม่รู้
จะเป็นเพราะความมั่นใจในการเลี้ยงดูหรือนิสัยของลูกทั้งสามคนนั้น เขาก็ไม่รู้เช่นกัน เพียงแต่ใช้ชีวิตไปในแต่ละวันอย่างที่อยากทำ ส่วนอนาคตที่คิดถึงจึงมีเพียงแต่เส้นทางของคาโนวาลที่จะเป็นเท่านั้นเอง
ปัง!!!
ประตูบานเดินเปิดกระแทกออกอีกครั้งพร้อมแขกคนใหม่ที่ดูจะสร้างความปวดหัวให้กับคาโลมากกว่าเดิม
ตาสีฟ้าดุส่งสัญญาณเตือนไปยังบุคคลที่กล้าพังประตูห้องทรงงานกษัตริย์
แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองเช่นเดิม..
"ผมไม่เห็นด้วยที่จะประหารอาเวเรีย! ไหนว่าเราตกลงกันเรียบร้อยแล้วยังไงท่านพ่อ"
คาโลเกือบยกมือกุมขมับตัวเองกับมารยาทของบุตรชายคนโต ไหนจะพังประตูเข้ามา ไหนจะตะโกนโหวกเหวก ไม่เห็นแก่ที่เขาเป็นกษัตริย์ ก็น่าจะสำนึกหน่อยว่าเป็นพ่อมัน
"ก็ตามที่คุยกันไว้" คิงหนุ่มตอบเสียงเรียบ ขณะที่เนอินเดินมาตบโต๊ะทำงานเสียงดังปึงใหญ่จนเอกสารกระจายหล่นลงพื้น
"ตรงไหนที่ท่านพ่อว่า เราตกลงกันว่าจะลงโทษอาเวเรียให้สาสมไม่ใช่เหรอ" ตาสีฟ้าของคาโลเงยขึ้นสบตาสีของลูกชายเล็กน้อยก่อน
ดูมันเถอะ...แค่สร้างความรำคาญยังไม่พอ นี่ยังยืนค้ำหัวพูดกับพ่อมันอีก
"แล้วมันไม่ถูกตรงไหน"
เนอินหรี่ตาลงมอง
"ท่านพ่อคิดจะเล่นตลกอะไรกันแน่ เราตกลงกันแล้วว่าจะส่งอาเวเรียเข้าห้องมืด หรือท่านพ่อจะผิดคำพูด"
"แล้วฉันตอบเหรอว่าได้"
..............................
ใช่...คาโลไม่ได้พูดอะไรเลย เพียงแต่เงียบไว้แล้วหันหลังเดินเข้าห้อง ตามปกติแล้วการเงียบของคาโลคือการตอบรับ แต่...
...ไม่ใช่กับกรณีนี้
"ท่านพ่อ!!!" เนอินเผลอตะโกนเสียงดังจนคาโลต้องหันมามองด้วยสายตาที่เย็นเยียบอย่างไม่พอใจ
"อย่ามาโวยวายไม่เข้าเรื่องนะเนอิน"
ได้ผลแทบจะทันทีเมื่อคนฟังหุบปากฉับ ถึงเขาจะชอบทำเป็นไม่ฟังคำเตือนของผู้เป็นพ่อ แต่ที่ทำได้ก็เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เตือนจริงจังอะไร แต่เมื่อใดที่แววตาดุนั้นเปลี่ยนเป็นความเยียบเย็น นั่นคือเวลาที่ควรจะหุบปากแล้วปฏิบัติอย่างว่าง่ายจะดีกว่า ถ้าไม่ต้องการให้ตัวเองกลายเป็นไอติมน้ำแข็ง
"เรื่องคราวนี้มันไม่เหมือนกับคราวของนาตาชานะเนอิน"
"แต่คนที่ตายมันคนรักของเนอาร์"
"คนตายก็ตายไปแล้ว ทรมานคนเป็นไปคนตายจะฟื้นอย่างนั้นหรือไง" เนอินนิ่งอึ้งจนต่อคำถามนั้น หากตาสีฟ้าที่รับสืบทอดจากผู้เป็นพ่อยังคงไหวระริกอย่างไม่ยอมแพ้
"แล้วที่เนอาร์มันต้องทรมานอยู่หลายวันนี่เป็นเพราะใครล่ะท่านพ่อ"
"ก็ใครใช้ให้มันทำแบบนั้นล่ะ" เสียงที่สามเอ่ยขึ้นก่อนที่เจ้าของเสียงจะปรากฏกายพร้อมรอยยิ้มกว้าง
"หนวกหูเป็นบ้าเลยพวกแกสองคนนี่ เสียงดังออกไปข้างนอกโน่น" เฟรินต่อว่าแบบไม่จริงจัง ทรุดตัวลงนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่
"ท่านแม่..." ตาสีน้ำตาลมองคนเรียกแล้วเลิกคิ้วสูง
มันสำนึกได้ด้วยเหรอว่าเธอเป็นแม่มัน
"ถึงอาเวเรียจะฆ่าซีเวีย แต่ที่เนอาร์มันเลือกจะขังตัวเองก็เป็นการตัดสินใจของมัน ขนาดทั้งแกทั้งฉันจิก ทึ้ง ดึงเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมขยับ แล้วอย่างนี้จะไปโทษท่านหญิงเขาได้ยังไง"
"แต่ถ้าอาเวเรียไม่..."
"เนอิน" เฟรินเรียกชื่อบุตรชายคนโตด้วยน้ำเสียงที่เริ่มจริงจังขึ้น "ฉันรู้ว่าแกเป็นห่วงเนอาร์ และยิ่งพวกแกเป็นฝาแฝดถึงยิ่งผูกพันกันมากกว่าพี่น้องทั่วไป แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น คนที่จะจัดการชีวิตของเนอาร์ได้ก็มีแต่เจ้าตัวเพียงคนเดียว นอกนั้นไม่ว่าใครก็ไม่มีสิทธิ์.. ทั้งฉัน... หรือแกที่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของเนอาร์เองก็ตาม"
เนอินหุบปากเงียบ มีไม่กี่ครั้งที่ผู้เป็นแม่จะออกโรงติเตียนหรือสั่งสอนเขาโดยตรง และแต่ละครั้งที่ว่านั่น เขาก็ไม่สามารถเถียงหรือย้อนคำอะไรได้เลย
"เพราะฉะนั้นตอนนี้ที่แกควรจะทำคือไปหาอะไรยัดใส่ปากเนอาร์มันซะ หลายวันมานี่เล่นลดน้ำหนักซะหุ่นบางจนจะปลิวตามลมได้อยู่แล้ว" เฟรินตัดบท ก่อนเสริม "อ้อ! แล้วก็ช่วยไสหัวไปได้แล้วฉันมีเรื่องจะพูดกับคาโล
ไล่กันซึ่งๆ หน้า...
เนอินคิดพลางถอนหายใจเฮือก ลองให้ทั้งท่านพ่อกับท่านแม่เข้าคู่กันแบบนี้ คงหมดหวังที่จะขอให้เปลี่ยนใจเรื่องการลงโทษของอาเวเรีย
ก็ช่วยไม่ได้...มีใครจะกล้าขัดล่ะ
เนอินถอนหายใจอีกครั้ง และยอมเดินออกจากห้องไป โดยไม่ลืมที่จะปิดประตูให้เรียบร้อย
อีกครั้งที่ความเงียบเข้าปกคลุมห้องทำงานอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่ยัยตัวดีจะเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
"แกกว่าฉันคิดถูกไหมที่ไม่เตือนเนอินมัน" ตาสีฟ้าของคาโลเหลือบมองภรรยาของตนแล้วตวัดกลับไปมองบานประตูใหญ่อีกครั้ง
"ถ้าเตือนจะยิ่งวุ่นวาย" ได้ยินอย่างนั้นแล้วเฟรินก็หลุดหัวเราะกิ๊กออกมา "นั่นสิ มีหวังได้ใช้โซ่ล่ามขังไว้ในห้องไม่ให้ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกันแน่ๆ"
ตาสีน้ำตาลทอแสงอ่อนลงเมื่อนึกถึงว่าที่สะใภ้ที่มีฉายาเป็นนักฆ่า จากที่พอจะได้ยินมาดูเหมือนอีกฝ่ายจะเจอเหตุการณ์เลวร้ายมามากมาย และนั่น...ทำให้เธอเป็นกังวล
เพราะสำหรับคนทั่วไปแล้วความสุขกับการได้อยู่กับคนที่ตนรักอาจจะถือได้ว่าสำคัญที่สุด
แต่กับคนที่ไม่เคยได้รับความรัก...
กับคนที่โหยหาความรัก...
กับคนที่เคยสูญเสียคนที่เคยรักมากที่สุด...
ไม่ว่าจะในฐานะเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว
ความสุขตรงหน้ากลับกลายเป็นแก้วที่แสนเปราะบาง
ใฝ่ฝันที่จะไคว่ขว้า..
หากก็หวาดกลัวที่จะแตะต้อง
กลายเป็นความพอใจที่จะได้เพียงแค่มองมันด้วยสายตาเหงาๆ
ไม่ว่าแก้วนั้นจะเลื่อนเข้ามาใกล้มากเพียงใด
หรือพยายามทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าแก้วนั้นแข็งแรงเพียงใด
ระยะห่างก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
จนในที่สุด...ก็จะหลบสายตา
...ไม่มอง...
...ไม่ฟัง...
...ไม่สัมผัส...
ปิดผนึกความรู้สึกสิ่งที่เรียกว่าความสุขไว้ในส่วนลึกของจิตใจ
ไม่ต่างอะไรกับตุ๊กตาที่ขยับได้ด้วยกลไกทางร่างกายหากไร้ความรู้สึก
แต่อย่างนั้นตัวเธอก็อยากจะเชื่อ...
ในฐานะที่เป็นแม่ และในฐานะที่เคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
เชื่อว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ทั้งสองคนเผชิญด้วยกัน กันจะเป็นสายใยที่มองไม่เห็นเหนี่ยวรั้งให้สิ่งที่เธอคิดไม่เกิดขึ้น
สิ่งที่เธอทำได้...มีเพียง 'เชื่อมั่น' เท่านั้นเอง
********************************TBC....
Talk > เอามาต่ออย่างรวดเร็ว สำหรับเรื่องนี้ ตามที่ได้วางเอาไว้ก็จะเหลืออีกประมาณ 2 ตอนจะจบแล้ว \(>[]<)/
ส่วนเรื่องที่จะพิมพ์มั้ยนั่น อาจจะ... แค่อาจจะนะคะ และถ้าพิมพ์คงพิมพ์แค่ 50-100 เล่ม ยังไงคงต้องดูคนที่จะตกเป็นเหยื่อ เอ้ย!! คนที่สนใจอยากจะได้น่ะค่ะ ^^"
เอาเป็นว่าจะพิมพ์รึไม่ จะแจ้งอีกทีตอนหน้านะคะ ^^
ขอบคุณที่ให้ความสนใจค่ะ m(_ _)m
ความคิดเห็น