ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Believed

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ 26 : คนที่เหลืออยู่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 769
      0
      1 เม.ย. 50


               
    "เป็นยังไงบ้าง" เนอินหันมามองผู้เป็นแม่ที่เดินหน้าเครียดเข้ามาหาแล้วส่ายหน้าหนักใจ


               
    "ยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลย ถึงจะยอมเล็มอาหารกินบ้างก็เถอะ" เฟรินมองไปยังประตูบานใหญ่ที่เรียกได้ว่าเกือบจะปิดตายมาตลอดทั้งอาทิตย์นับตั้งแต่พวกเธอกลับมาถึงคาโนวาล เรื่อยลงมายังถาดอาหารที่พร่องไปเพียงนิดเดียว


               
    เป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง และไม่อยากให้มันเกิด


               
    ใช่...ไม่มีใครอยากให้มันเกิด




               
    สภาพของลูกชายคนรองนั่งกอดศพคนรักของตนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยสะเทือนใจเธอเสียจนต้องเบือนหน้าหนีทั้งน้ำตา ขณะที่คาโลที่เธอคิดว่าน่าจะเข้าไปสั่งให้เนอาร์ปล่อยศพของซีเวียซะกลับยืนเฉย คอยบีบไหล่ให้กำลังใจเธออยู่เงียบๆ เสียแทน


               
    สิ่งที่ตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้นเห็นจากภาพตรงหน้า คือภาพซ้อนของตนเมื่อสมัยที่คิดว่าจะต้องเสียเฟรินไป


               
    ไม่มีอะไรต่าง...


               
    เพียงแต่ครั้งนี้...หนึ่งชีวิตที่เป็นที่รักของใครคนหนึ่งได้จากไปแล้วจริงๆ


               
    "สองคนนั้นล่ะ" เฟรินป้ายน้ำตาออกลวกๆ หันไปถามเพื่อนนักฆ่าที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล ทันทีที่เธอมาถึงกิลดิเรกก็วิ่งมาหาเนอาร์ก่อนเป็นอันดับแรก ยิ่งมาเห็นสภาพของเนอาร์ด้วยแล้วแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าคิดถูกที่ไม่ให้นาตาชาตามมาด้วย


               
    "ขังเอาไว้ในห้อง เพราะที่นี่ไม่มีคุก แล้วก็ไม่อยากให้เรื่องเดือดร้อนไปถึง 'ที่โน่น' ด้วย"


               
    'ที่โน่น' ในความหมายของคิลก็คือฝั่งการเมืองของกิลดิเรกที่ยังคงไม่รู้เรื่องราวอะไร และจะ 'ต้อง' ไม่รู้อะไรด้วย


               
    "ไม่กลัวว่าจะหนีกันรึไง" เฟรินถามเสียงสูง ให้คาโลต้องบีบไหล่เธอแรงขึ้นเพื่อเรียกสติ


               
    "ถ้าหมายถึงคนที่ยิงธนูล่ะก็ไม่ เพราะฉันจัดการมัดไว้แน่นหนา ปิดหู ปิดตา พร้อมยัดผ้าไว้ในปากกันไม่ให้มันกัดลิ้นตายเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกคน..." คิลละประโยคแล้วหันไปหาเนอินที่ยืนอยู่ไม่ไกล หลานชายสบตาสีม่วงนั้นแล้วจึงเป็นฝ่ายตอบแทน


               
    "ดูจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ...เล็กน้อย" คำสุดท้ายแผ่วลงราวกับไม่แน่ใจซักเท่าไหร่ "ตอนนี้เลยให้ลงเวทนิทราเอาไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นบ้าไปเสียก่อนที่จะกลับไปถึงคาโนวาล"


               
    เฟรินพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปทางร่างของนักฆ่าสาวที่อยู่ห่างออกไป เธอหันมามองคาโลที่รู้ว่าเธอต้องการอะไร ร่างสูงปล่อยมือจากลาดไหล่บางลงข้างตัว มองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินห่างออกไปอย่างนึกเป็นห่วง


               
    "เวซิล" คนถูกเรียกหันกลับมามองราชินีแห่งคาโนวาลเงียบๆ นัยน์ตาสีเขียวอ่อนนั่นยังคงแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักทั้งวันทั้งคืนติดต่อกัน เฟรินรู้มาว่าหล่อนร้องจนกระทั่งเนอินต้องลงเวทนิทราให้เพื่อให้อีกฝ่ายได้พักผ่อน


               
    คำพูดมากมายกระจุกอยู่ในลำคอ เฟรินไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดอะไรก่อนดี ความคิดความรู้สึกมากมายกำลังหมุนวนเป็นน้ำวนอยู่ภายในสมอง


               
    อย่างน้อย...ก็คำขอโทษ


               
    "ฉัน..."


               
    "คุณจะขอโทษไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก" เวซิลขัดขึ้นมาแทบจะทันทีที่อีกฝ่ายเปิดปาก เธอมองใบหน้าขาวที่ยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้วเบนออกไปมองสวนเบื้องหน้าเสียแทน


               
    "แต่ถ้าฉันไม่ขอให้เธอตามพวกเขาไป...ซีเวียก็คงไม่ตาย" นัยน์ตากลมโตกระตุกวูบเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนรักที่จะไม่มีวันได้เห็นหน้าอีกต่อไป


               
    แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบไปอยู่นาน จนกระทั่งเวซิลเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบแห้งราวกับไม่ได้พูดมาหลายวัน


               
    "คำขอโทษของคุณมันไม่ช่วยให้ซีเวียฟื้นขึ้นมาได้" เธอพูด "และมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินของซีเวียเอง"


               
    "แต่..."


               
    "ถ้าคุณอยากจะขอโทษฉันจริงๆ" เวซิลหันมาสบตาสีน้ำตาลอ่อน "ก็ช่วยจัดการตัดสินโทษให้สมควรกับที่คนผิดควรจะได้รับ และจัดงานศพให้ซีเวียนั่นก็เพียงพอแล้ว"


               
    สิ้นคำพูดนั้น นักฆ่าสาวก็หมุนตัวเดินออกไป เนอินที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เห็นอย่างนั้นแล้วก็วิ่งตามไปแทบจะทันที


               
    "ไม่นึกว่านายจะกลายเป็นคนขี้แย" คำล้อจากด้านหลังไม่ได้ช่วยให้น้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองของเฟรินหยุดไหลได้ ซึ่งถ้าเป็นปกติเธอคงหันกลับไปฉีกยิ้มกว้าง หยอกถามว่าอะไรที่ทำให้คิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาลคิดอยากจะพูดอะไรแบบนี้ได้


               
    ...ไม่ใช่วันนี้


               
    "ฉันไม่น่าคิดอะไรแผลงๆ เลยคาโล" เฟรินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและยังไม่หันกลับมา "การกระทำของฉันทำให้คนอื่นต้องตาย มันไม่ต่างอะไรกับเมื่อก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว"


               
    ในครั้งนั้นเสียงคร่ำครวญของผู้คนกับการสูญเสียนั้นดังก้องอยู่ตลอดเวลา ตัวเธอเองที่ช็อกกับความจริงที่มือของเธอต้องเปื้อนเลือดคนบริสุทธิ์นับร้อยนับพันก็คิดว่าความรู้สึกมันคงไม่ต่างกัน


               
    หากครั้งนี้เธอก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดมันผิด


               
    ไม่ว่าคนที่ลงมือจะตั้งใจหรือไม่ เสียใจกับการกระทำของตัวเองเพียงใด


               
    ...คนที่เจ็บปวดที่สุดคือคนที่เหลืออยู่...


               
    คนที่สูญเสียผู้ที่เป็นที่รัก


               
    คนที่ต้องมีชีวิตอยู่กับความทรงจำ


               
    คน...ที่ต้องก้าวเท้าไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยน้ำตาของตนเอง


               
    และที่เจ็บปวดที่สุด...


               
    คือการที่ต้องมองคนที่เราให้ความสำคัญที่สุดต้องทนทุกข์กับความสูญเสียนั้น


               
    บางที...นี่คงเป็นบทลงโทษของเธอ


               
    คาโลมองร่างที่เริ่มสั่นน้อยๆ ด้วยแรงสะอื้น


               
    "เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนาย...เฟริน" เขาเอ่ยเสียงเรียบหากเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่นานๆ ครั้งจะได้ยิน คาโลเอื้อมมือแตะไหล่บางแล้วดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอด


               
    "นายแค่อยากให้ลูกเจอสิ่งที่เรียกว่าความรัก อยากให้เนอาร์รู้จักที่จะพูดคุยกับคนอื่น ความหวังดีของนายไม่ใช่ความผิด" ร่างสูงพูดช้าๆ พร้อมกับลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอย่างปลอบโยน


               
    "แต่ถ้าฉันไม่เริ่มมันขึ้นมา" เสียงอู้อี้จากหน้าที่ฝังอยู่บนอกของคาโล บวกกับมือเล็กที่กำเสื้อเขาเสียแน่นจนมือนั้นขาวซีดทำให้เขาต้องถอนหายใจหายใจออกมา แล้วค่อยๆ แกะมือนั้นออกมากุมเอาไว้


               
    "นายทำนายอนาคตเหมือนราชินีจันทราไม่ได้เฟริน สิ่งที่นายทำ สิ่งที่นายเลือกก็เพื่อความสุขของลูก นายเลือกทางให้เนอาร์ได้ แต่ตัดสินใจที่ว่าจะรักซีเวียหรือไม่แทนเขาไม่ได้ นายควบคุมการกระทำของอาเวเรียไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจในแต่ละครั้งของทั้งสามคนนั้น เรามีหน้าที่แค่เฝ้ามอง" คาโลพูดยาวช้าชัด


               
    "สิ่งที่เราทำเพื่อซีเวียได้ก็คือตัดสินลงโทษคนผิดและจัดงานศพให้เขาอย่างที่สมควรจะทำ" คาโลไม่ใช่คำว่า 'พระชายา' เพราะมันไม่ใช่ความสัมพันธ์เช่นนั้น


               
    เพราะมันคือความรัก...ถึงได้เจ็บปวดยามที่เสียมันไป


               
    "เพราะฉะนั้นก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว" หากตรงกันข้าม...เมื่อคำพูดอ่อนโยนนั้นได้พังทลายทำนบน้ำตาของเฟรินให้พังลงมา พร้อมกับเสียงร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อยที่ดังก้องไปในความเงียบ


               
    หลังจากนั้นพวกเฟรินก็เร่งเดินทางกลับคาโนวาลทันทีพร้อมกับนักฆ่าที่ถูกโยนลงคุกแทบจะทันทีที่เท้าของพวกเธอแตะธรณีประตูเมือง ส่วนอาเวเรียที่มียศเป็นท่านหญิง ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องวงในที่แทบจะไม่มีใครรู้ จึงถูกกักบริเวณไว้ในห้องที่มีเวรยามแน่นหนา โดยมีนักฆ่าจากซาเรสคุมเข้มเป็นบริการเสริม


     


               
    "โตจนหาเมียแต่งได้แล้ว แต่ยังชอบทำตัวเป็นเด็ก" เฟรินบ่นเสียงใส หากคนฟังที่มีศักดิ์เป็นลูกย่อมอ่านน้ำเสียงของผู้เป็นแม่ได้ทันที แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับความเครียดสะสมในช่วงหลายวันมานี้ทำให้นิสัยชอบขัดคอคนของเขาเหมือนจะหายไป


               
    "ยังไงช่วงนี้ก็ปล่อยให้เนอาร์มันอยู่คนเดียวไปก่อนก็แล้วกัน เอาไว้ถึงเวลาค่อยเรียก" เฟรินพูดขึ้น "เพราะยังไงตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่กว่านั้น"


               
    ตาสีฟ้าใสเป็นประกายวาบขึ้น ริมฝีปากยกยิ้มกว้าง


               
    "ตามตัวได้แล้วเหรอ" ตาสีน้ำตาลของคนฟังหันมาสบพร้อมด้วยรอยยิ้มที่กว้างไม่แพ้กัน


               
    "ไม่ใช่ตามตัวได้" เฟรินตอบ


               
    "แต่เป็นวิ่งเข้ามาหาเลยล่ะ"


    ------------------------------------------------


               
    แก้วน้ำชาใบเล็กกระทบกับจานรองดังกึกเบาๆ ตามแรงของผู้วาง


               
    แม้ชาถ้วยนี้จะมาจากใบชาที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี ถึงขนาดที่นางกำนัลที่ยกมาให้ยังเอ่ยปากว่าเป็นชนิดที่ดีที่สุดในเอเดน หากรสชาดของมันกลับดูจืดชืดเมื่อความสนใจของเวซิลล่องลอยออกไปไกล


               
    ทุกสิ่งทุกอย่างที่คาโนวาลถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอ


               
    ทั้งการที่มีคนคอยปรนนิบัติ การได้รับความเอาใจใส่ดูแล ปัจจัยพื้นฐานที่เมื่อก่อนเธอกับซีเวียต้องกระเสือกกระสนแทบตายเพื่อให้ได้มันมา ที่นี่ก็มีพร้อมเพียงแค่เอ่ยปากขอ


               
    เหมือนฟ้ากับเหว และนรกกับสวรรค์


               
    ความแตกต่างทุกๆ อย่างที่เธอเพิ่งจะรับรู้ทำให้เกิดบางสิ่งภายในใจ


               
    อะไรที่ไม่ใช่ความไม่สบายใจ ความทุกข์ใจ หรือความกังวล


               
    คิ้วเรียวเผลอกระตุกเข้าหากันเมื่อพยายามจะตีความหมายความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้น


               
    บางที...อาจจะเป็น 'ความจริง'


               
    ตลอดชีวิตของเธอและซีเวียมีเพียงคำว่า 'เมื่อวานหรือวันนี้' มากกว่า 'พรุ่งนี้' ดังนั้นการคาดหวังว่าตัวเองจะได้พบความรักกับชายหนุ่มรูปงามหรือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์จากประเทศใดประเทศหนึ่งจึงไม่เคยมีอยู่ในสมอง


               
    ไม่เฉพาะแต่เธอ...หากรวมถึงซีเวียด้วยเช่นกัน


               
    ตาสีเขียวอ่อนเป็นประกายปวดร้าวขึ้นมาเมื่อนึกถึงเพื่อนนักฆ่าของเธอ


               
    เพราะซีเวียเป็นมากกว่านั้น...


               
    มากกว่าเพื่อนร่วมอาชีพ


               
    มากกว่าเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข


               
    มาก...เทียบเท่ากับเป็นครอบครัวของเธอ


               
    ครอบครัว...เพียงคนเดียว


               
    ริมฝีปากบางกัดเม้มเข้าหากันแน่น ฝ่ามือเรียวกำเข้าหากันจนข้อนิ้วขาวโพลนและสั่นกึก ไม่นาน...เลือดสีแดงก็ไหลซึมออกมาตามร่องนิ้ว หากความเจ็บปวดนั้นกลับเทียบไม่ได้กับแววตารวดร้าวที่ฉายชัดบนนัยน์ตาคู่โต


               
    "เจอ-ตัว-แล้ว!!"


               
    อั่ก!!


               
    คนที่กำลังเข้าสู่ภาวะอารมณ์เศร้าโทมนัสต้องใช้แขนยันตัวเองไม่ให้ตกเก้าอี้หัวทิ่มพื้นเสียก่อน และเมื่อตั้งสติได้ก็พบว่ารอบคอของตนมีวงแขนเล็กเกี่ยวกระหวัด พร้อมด้วยเสียงหัวเราะสดใสจากด้านหลังของเด็กน้อยที่เหมือนจะถูกใจเธอนับตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในวังแห่งนี้


               
    "เจ้าหญิงนาตาชา ทำอย่างนั้นไม่ได้นะเพคะ!! โอ้ยยย หม่อมฉันหัวใจจะวาย" เสียงของพระอภิบาลคนเก่าคนแก่ดังขึ้นก่อนที่จะได้เห็นตัว


               
    "เอาไว้ให้วายจริงๆ ก่อนแล้วจะเรียกหมอให้"


               
    "ต๊าย!!! ตรัสอย่างนั้นได้ยังไงกันเพคะ" นาเดียเอามือทาบกับอก สีหน้าตกใจปนดุนั้นดูน่าขำมากกว่าน่ากลัว สุดท้ายแทนที่เจ้าหญิงตัวดีจะสำนึกผิดก็กลับจบลงที่เสียงหัวเราะชอบใจเหมือนเช่นเคย


               
    "พี่เวซิลหลบหน้านาตาชามาอยู่ที่นี่เอง หาซะแทบแย่เลยค่ะ" เด็กน้อยผู้ถอดแบบมาจากคิงแห่งคาโนวาลไม่ผิดเพี้ยนยิ้มกว้าง ยอมให้นักฆ่าสาวปลดวงแขนของตนลงแต่โดยดี


               
    "พี่ไม่ได้หลบหน้า แค่มานั่งคิดอะไรเพลินๆ"


               
    นาตาชาเอียงคอมองหน้าของคนพูด เส้นผมสีเงินยาวสลวยเรี่ยละพื้น ท่าทางแบบนั้นทำให้เวซิลนึกถึงตุ๊กตาตัวสวยที่เคยเห็นในร้านขายของเล่น เพียงแต่ตุ๊กตาตัวนี้มีชีวิตและน่ารักกว่าเท่านั้นเอง


               
    "จริงนะคะ" คนฟังระบายยิ้มบางขึ้นบนใบหน้ากับคำถามย้ำนั้นพร้อมกับพยักหน้ารับให้ใบหน้าเล็กยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง แล้วก็ง้อง้ำต่อแทบจะทันที


               
    "แสดงว่าท่านพี่เนอินโกหกนาตาชาอีกแล้ว"


               
    คิ้วบางเลิกสูงไม่เข้าใจคำเปรยนั้น ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคขยาย


               
    "ท่านพี่เนอินบอกว่านาตาชาพูดมาก พี่เวซิลก็เลยรำคาญ ฮึ! คนที่พูดมากน่ะท่านพี่เนอินต่างหาก" ฝ่ายนาเดียที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างต้องรีบเอ่ยปรามเจ้าหญิงองค์เล็กแห่งคาโนวาล แต่เด็กน้อยเถียงกลับ


               
    "ก็ไม่เคยมีใครว่านาตาชาพูดมากนี่ ทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ แม้แต่ท่านพี่เนอาร์ก็ยังไม่เคยว่า มีแต่บอกว่านาตาชาอัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย"


               
    เวซิลหัวเราะ ไม่ใช่เป็นเพราะคำพูดที่ฟังดูเข้าข้างตัวเองของเด็กสาวตรงหน้า แต่เป็นความจริงของคำพูดนั้นต่างหาก


               
    ถ้าใครก็ตามที่ได้ใกล้ชิดกับพวกวาเนบลีก็จะรู้ถึงความจริงที่ว่า...


               
    ทั้งคิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาลที่แค่ได้ยินชื่อเด็กที่ร้องไห้ยังต้องเงียบ


               
    ราชินีแห่งคาโนวาล ผู้มีอดีตเป็นธิดาแห่งความมืด บุตรีสุดรักของจ้าวปีศาจเอวิเดส


               
    เจ้าชายฝาแฝดที่ลือกันว่าโหดเหี้ยมแข็งแกร่งเฉกเช่นชาวคาโนวาล


               
    ผู้คนทั้งหมดในข่าวลือนั้น...ถูกสยบด้วยรอยยิ้มของเด็กสาววัยห้าขวบนาม นาตาชา วาเนบลี


               
    ...บ้าเห่อกันทั้งตระกูล...


               
    "แล้วมีเรื่องอะไรเหรอถึงได้ตามหาพี่" เวซิลถามให้นาตาชาเปลี่ยนเรื่องพูด


               
    "พี่เนอินให้มาตามตัวไปที่โถงประชุมค่ะ"


               
    "ทำไมล่ะ" คิ้วบางเลิกสูงไม่เข้าใจ นาตาชาส่ายหน้าเร็วๆ "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แค่บอกว่าให้มาตามพี่เวซิลไปที่โถงประชุม"


               
    "พี่ไม่ไปจะดีกว่า" เวซิลตอบตัดบททันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมากนัก


               
    ใช่...เธอจะไปทำไมไอ้โถงประชุมอะไรนั่น ฟังแล้วเหมือนจะเป็นที่ที่สำหรับประชุมพวกขุนนางชั้นสูง หึ! ขืนให้ไปมีแต่จะทำให้คันไม้คันมืออยากชักมีดออกมาเท่านั้น


               
    รอยยิ้มเย็นเหยียดขึ้นตรงมุมริมฝีปาก หากเป็นคนทั่วไปคงได้สะดุ้งเฮือก แต่ไม่ใช่กับสองคนที่เจอความเยียบเย็นเป็นปกติอยู่ทุกวัน


               
    "แต่ดิฉันว่าคุณควรจะไปนะคะ" นาเดียเปรยขึ้นยิ้มรับนัยน์ตาสีเขียวใบไม้ที่หันมามอง


               
    "เพราะจะเป็นการตัดสินความเรื่องของท่านหญิงอาเวเรียค่ะ"



    *************************************TBC...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×