คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ 26 : คนที่เหลืออยู่
"เป็นยังไงบ้าง" เนอินหันมามองผู้เป็นแม่ที่เดินหน้าเครียดเข้ามาหาแล้วส่ายหน้าหนักใจ
"ยังไม่ยอมออกมาจากห้องเลย ถึงจะยอมเล็มอาหารกินบ้างก็เถอะ" เฟรินมองไปยังประตูบานใหญ่ที่เรียกได้ว่าเกือบจะปิดตายมาตลอดทั้งอาทิตย์นับตั้งแต่พวกเธอกลับมาถึงคาโนวาล เรื่อยลงมายังถาดอาหารที่พร่องไปเพียงนิดเดียว
เป็นเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง และไม่อยากให้มันเกิด
ใช่...ไม่มีใครอยากให้มันเกิด
สภาพของลูกชายคนรองนั่งกอดศพคนรักของตนไว้แน่นไม่ยอมปล่อยสะเทือนใจเธอเสียจนต้องเบือนหน้าหนีทั้งน้ำตา ขณะที่คาโลที่เธอคิดว่าน่าจะเข้าไปสั่งให้เนอาร์ปล่อยศพของซีเวียซะกลับยืนเฉย คอยบีบไหล่ให้กำลังใจเธออยู่เงียบๆ เสียแทน
สิ่งที่ตาสีฟ้าคมกริบคู่นั้นเห็นจากภาพตรงหน้า คือภาพซ้อนของตนเมื่อสมัยที่คิดว่าจะต้องเสียเฟรินไป
ไม่มีอะไรต่าง...
เพียงแต่ครั้งนี้...หนึ่งชีวิตที่เป็นที่รักของใครคนหนึ่งได้จากไปแล้วจริงๆ
"สองคนนั้นล่ะ" เฟรินป้ายน้ำตาออกลวกๆ หันไปถามเพื่อนนักฆ่าที่ยืนดูอยู่ไม่ไกล ทันทีที่เธอมาถึงกิลดิเรกก็วิ่งมาหาเนอาร์ก่อนเป็นอันดับแรก ยิ่งมาเห็นสภาพของเนอาร์ด้วยแล้วแบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกว่าคิดถูกที่ไม่ให้นาตาชาตามมาด้วย
"ขังเอาไว้ในห้อง เพราะที่นี่ไม่มีคุก แล้วก็ไม่อยากให้เรื่องเดือดร้อนไปถึง 'ที่โน่น' ด้วย"
'ที่โน่น' ในความหมายของคิลก็คือฝั่งการเมืองของกิลดิเรกที่ยังคงไม่รู้เรื่องราวอะไร และจะ 'ต้อง' ไม่รู้อะไรด้วย
"ไม่กลัวว่าจะหนีกันรึไง" เฟรินถามเสียงสูง ให้คาโลต้องบีบไหล่เธอแรงขึ้นเพื่อเรียกสติ
"ถ้าหมายถึงคนที่ยิงธนูล่ะก็ไม่ เพราะฉันจัดการมัดไว้แน่นหนา ปิดหู ปิดตา พร้อมยัดผ้าไว้ในปากกันไม่ให้มันกัดลิ้นตายเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกคน..." คิลละประโยคแล้วหันไปหาเนอินที่ยืนอยู่ไม่ไกล หลานชายสบตาสีม่วงนั้นแล้วจึงเป็นฝ่ายตอบแทน
"ดูจะได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจ...เล็กน้อย" คำสุดท้ายแผ่วลงราวกับไม่แน่ใจซักเท่าไหร่ "ตอนนี้เลยให้ลงเวทนิทราเอาไว้ก่อน เพราะกลัวว่าจะกลายเป็นบ้าไปเสียก่อนที่จะกลับไปถึงคาโนวาล"
เฟรินพยักหน้ารับรู้แล้วหันไปทางร่างของนักฆ่าสาวที่อยู่ห่างออกไป เธอหันมามองคาโลที่รู้ว่าเธอต้องการอะไร ร่างสูงปล่อยมือจากลาดไหล่บางลงข้างตัว มองตามแผ่นหลังบอบบางที่เดินห่างออกไปอย่างนึกเป็นห่วง
"เวซิล" คนถูกเรียกหันกลับมามองราชินีแห่งคาโนวาลเงียบๆ นัยน์ตาสีเขียวอ่อนนั่นยังคงแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักทั้งวันทั้งคืนติดต่อกัน เฟรินรู้มาว่าหล่อนร้องจนกระทั่งเนอินต้องลงเวทนิทราให้เพื่อให้อีกฝ่ายได้พักผ่อน
คำพูดมากมายกระจุกอยู่ในลำคอ เฟรินไม่รู้ว่าเธอควรจะพูดอะไรก่อนดี ความคิดความรู้สึกมากมายกำลังหมุนวนเป็นน้ำวนอยู่ภายในสมอง
อย่างน้อย...ก็คำขอโทษ
"ฉัน..."
"คุณจะขอโทษไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก" เวซิลขัดขึ้นมาแทบจะทันทีที่อีกฝ่ายเปิดปาก เธอมองใบหน้าขาวที่ยังคงเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแล้วเบนออกไปมองสวนเบื้องหน้าเสียแทน
"แต่ถ้าฉันไม่ขอให้เธอตามพวกเขาไป...ซีเวียก็คงไม่ตาย" นัยน์ตากลมโตกระตุกวูบเมื่อได้ยินชื่อของเพื่อนรักที่จะไม่มีวันได้เห็นหน้าอีกต่อไป
แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบไปอยู่นาน จนกระทั่งเวซิลเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแหบแห้งราวกับไม่ได้พูดมาหลายวัน
"คำขอโทษของคุณมันไม่ช่วยให้ซีเวียฟื้นขึ้นมาได้" เธอพูด "และมันก็ไม่ใช่ความผิดของคุณในเมื่อทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นการตัดสินของซีเวียเอง"
"แต่..."
"ถ้าคุณอยากจะขอโทษฉันจริงๆ" เวซิลหันมาสบตาสีน้ำตาลอ่อน "ก็ช่วยจัดการตัดสินโทษให้สมควรกับที่คนผิดควรจะได้รับ และจัดงานศพให้ซีเวียนั่นก็เพียงพอแล้ว"
สิ้นคำพูดนั้น นักฆ่าสาวก็หมุนตัวเดินออกไป เนอินที่ยืนมองอยู่ห่างๆ เห็นอย่างนั้นแล้วก็วิ่งตามไปแทบจะทันที
"ไม่นึกว่านายจะกลายเป็นคนขี้แย" คำล้อจากด้านหลังไม่ได้ช่วยให้น้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองของเฟรินหยุดไหลได้ ซึ่งถ้าเป็นปกติเธอคงหันกลับไปฉีกยิ้มกว้าง หยอกถามว่าอะไรที่ทำให้คิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาลคิดอยากจะพูดอะไรแบบนี้ได้
...ไม่ใช่วันนี้
"ฉันไม่น่าคิดอะไรแผลงๆ เลยคาโล" เฟรินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและยังไม่หันกลับมา "การกระทำของฉันทำให้คนอื่นต้องตาย มันไม่ต่างอะไรกับเมื่อก่อนเลยแม้แต่นิดเดียว"
ในครั้งนั้นเสียงคร่ำครวญของผู้คนกับการสูญเสียนั้นดังก้องอยู่ตลอดเวลา ตัวเธอเองที่ช็อกกับความจริงที่มือของเธอต้องเปื้อนเลือดคนบริสุทธิ์นับร้อยนับพันก็คิดว่าความรู้สึกมันคงไม่ต่างกัน
หากครั้งนี้เธอก็ได้รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดมันผิด
ไม่ว่าคนที่ลงมือจะตั้งใจหรือไม่ เสียใจกับการกระทำของตัวเองเพียงใด
...คนที่เจ็บปวดที่สุดคือคนที่เหลืออยู่...
คนที่สูญเสียผู้ที่เป็นที่รัก
คนที่ต้องมีชีวิตอยู่กับความทรงจำ
คน...ที่ต้องก้าวเท้าไปตามทางเดินที่เต็มไปด้วยน้ำตาของตนเอง
และที่เจ็บปวดที่สุด...
คือการที่ต้องมองคนที่เราให้ความสำคัญที่สุดต้องทนทุกข์กับความสูญเสียนั้น
บางที...นี่คงเป็นบทลงโทษของเธอ
คาโลมองร่างที่เริ่มสั่นน้อยๆ ด้วยแรงสะอื้น
"เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของนาย...เฟริน" เขาเอ่ยเสียงเรียบหากเต็มไปด้วยความอ่อนโยนอย่างที่นานๆ ครั้งจะได้ยิน คาโลเอื้อมมือแตะไหล่บางแล้วดึงร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอด
"นายแค่อยากให้ลูกเจอสิ่งที่เรียกว่าความรัก อยากให้เนอาร์รู้จักที่จะพูดคุยกับคนอื่น ความหวังดีของนายไม่ใช่ความผิด" ร่างสูงพูดช้าๆ พร้อมกับลูบศีรษะที่ปกคลุมด้วยเรือนผมสีน้ำตาลอย่างปลอบโยน
"แต่ถ้าฉันไม่เริ่มมันขึ้นมา" เสียงอู้อี้จากหน้าที่ฝังอยู่บนอกของคาโล บวกกับมือเล็กที่กำเสื้อเขาเสียแน่นจนมือนั้นขาวซีดทำให้เขาต้องถอนหายใจหายใจออกมา แล้วค่อยๆ แกะมือนั้นออกมากุมเอาไว้
"นายทำนายอนาคตเหมือนราชินีจันทราไม่ได้เฟริน สิ่งที่นายทำ สิ่งที่นายเลือกก็เพื่อความสุขของลูก นายเลือกทางให้เนอาร์ได้ แต่ตัดสินใจที่ว่าจะรักซีเวียหรือไม่แทนเขาไม่ได้ นายควบคุมการกระทำของอาเวเรียไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะการตัดสินใจในแต่ละครั้งของทั้งสามคนนั้น เรามีหน้าที่แค่เฝ้ามอง" คาโลพูดยาวช้าชัด
"สิ่งที่เราทำเพื่อซีเวียได้ก็คือตัดสินลงโทษคนผิดและจัดงานศพให้เขาอย่างที่สมควรจะทำ" คาโลไม่ใช่คำว่า 'พระชายา' เพราะมันไม่ใช่ความสัมพันธ์เช่นนั้น
เพราะมันคือความรัก...ถึงได้เจ็บปวดยามที่เสียมันไป
"เพราะฉะนั้นก็เลิกร้องไห้ได้แล้ว" หากตรงกันข้าม...เมื่อคำพูดอ่อนโยนนั้นได้พังทลายทำนบน้ำตาของเฟรินให้พังลงมา พร้อมกับเสียงร้องไห้โฮราวกับเด็กน้อยที่ดังก้องไปในความเงียบ
หลังจากนั้นพวกเฟรินก็เร่งเดินทางกลับคาโนวาลทันทีพร้อมกับนักฆ่าที่ถูกโยนลงคุกแทบจะทันทีที่เท้าของพวกเธอแตะธรณีประตูเมือง ส่วนอาเวเรียที่มียศเป็นท่านหญิง ประกอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องวงในที่แทบจะไม่มีใครรู้ จึงถูกกักบริเวณไว้ในห้องที่มีเวรยามแน่นหนา โดยมีนักฆ่าจากซาเรสคุมเข้มเป็นบริการเสริม
"โตจนหาเมียแต่งได้แล้ว แต่ยังชอบทำตัวเป็นเด็ก" เฟรินบ่นเสียงใส หากคนฟังที่มีศักดิ์เป็นลูกย่อมอ่านน้ำเสียงของผู้เป็นแม่ได้ทันที แต่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กับความเครียดสะสมในช่วงหลายวันมานี้ทำให้นิสัยชอบขัดคอคนของเขาเหมือนจะหายไป
"ยังไงช่วงนี้ก็ปล่อยให้เนอาร์มันอยู่คนเดียวไปก่อนก็แล้วกัน เอาไว้ถึงเวลาค่อยเรียก" เฟรินพูดขึ้น "เพราะยังไงตอนนี้มีเรื่องสำคัญที่กว่านั้น"
ตาสีฟ้าใสเป็นประกายวาบขึ้น ริมฝีปากยกยิ้มกว้าง
"ตามตัวได้แล้วเหรอ" ตาสีน้ำตาลของคนฟังหันมาสบพร้อมด้วยรอยยิ้มที่กว้างไม่แพ้กัน
"ไม่ใช่ตามตัวได้" เฟรินตอบ
"แต่เป็นวิ่งเข้ามาหาเลยล่ะ"
------------------------------------------------
แก้วน้ำชาใบเล็กกระทบกับจานรองดังกึกเบาๆ ตามแรงของผู้วาง
แม้ชาถ้วยนี้จะมาจากใบชาที่ได้รับการคัดสรรมาอย่างดี ถึงขนาดที่นางกำนัลที่ยกมาให้ยังเอ่ยปากว่าเป็นชนิดที่ดีที่สุดในเอเดน หากรสชาดของมันกลับดูจืดชืดเมื่อความสนใจของเวซิลล่องลอยออกไปไกล
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คาโนวาลถือเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเธอ
ทั้งการที่มีคนคอยปรนนิบัติ การได้รับความเอาใจใส่ดูแล ปัจจัยพื้นฐานที่เมื่อก่อนเธอกับซีเวียต้องกระเสือกกระสนแทบตายเพื่อให้ได้มันมา ที่นี่ก็มีพร้อมเพียงแค่เอ่ยปากขอ
เหมือนฟ้ากับเหว และนรกกับสวรรค์
ความแตกต่างทุกๆ อย่างที่เธอเพิ่งจะรับรู้ทำให้เกิดบางสิ่งภายในใจ
อะไรที่ไม่ใช่ความไม่สบายใจ ความทุกข์ใจ หรือความกังวล
คิ้วเรียวเผลอกระตุกเข้าหากันเมื่อพยายามจะตีความหมายความรู้สึกที่ก่อตัวขึ้น
บางที...อาจจะเป็น 'ความจริง'
ตลอดชีวิตของเธอและซีเวียมีเพียงคำว่า 'เมื่อวานหรือวันนี้' มากกว่า 'พรุ่งนี้' ดังนั้นการคาดหวังว่าตัวเองจะได้พบความรักกับชายหนุ่มรูปงามหรือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์จากประเทศใดประเทศหนึ่งจึงไม่เคยมีอยู่ในสมอง
ไม่เฉพาะแต่เธอ...หากรวมถึงซีเวียด้วยเช่นกัน
ตาสีเขียวอ่อนเป็นประกายปวดร้าวขึ้นมาเมื่อนึกถึงเพื่อนนักฆ่าของเธอ
เพราะซีเวียเป็นมากกว่านั้น...
มากกว่าเพื่อนร่วมอาชีพ
มากกว่าเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุข
มาก...เทียบเท่ากับเป็นครอบครัวของเธอ
ครอบครัว...เพียงคนเดียว
ริมฝีปากบางกัดเม้มเข้าหากันแน่น ฝ่ามือเรียวกำเข้าหากันจนข้อนิ้วขาวโพลนและสั่นกึก ไม่นาน...เลือดสีแดงก็ไหลซึมออกมาตามร่องนิ้ว หากความเจ็บปวดนั้นกลับเทียบไม่ได้กับแววตารวดร้าวที่ฉายชัดบนนัยน์ตาคู่โต
"เจอ-ตัว-แล้ว!!"
อั่ก!!
คนที่กำลังเข้าสู่ภาวะอารมณ์เศร้าโทมนัสต้องใช้แขนยันตัวเองไม่ให้ตกเก้าอี้หัวทิ่มพื้นเสียก่อน และเมื่อตั้งสติได้ก็พบว่ารอบคอของตนมีวงแขนเล็กเกี่ยวกระหวัด พร้อมด้วยเสียงหัวเราะสดใสจากด้านหลังของเด็กน้อยที่เหมือนจะถูกใจเธอนับตั้งแต่เหยียบย่างเข้ามาในวังแห่งนี้
"เจ้าหญิงนาตาชา ทำอย่างนั้นไม่ได้นะเพคะ!! โอ้ยยย หม่อมฉันหัวใจจะวาย" เสียงของพระอภิบาลคนเก่าคนแก่ดังขึ้นก่อนที่จะได้เห็นตัว
"เอาไว้ให้วายจริงๆ ก่อนแล้วจะเรียกหมอให้"
"ต๊าย!!! ตรัสอย่างนั้นได้ยังไงกันเพคะ" นาเดียเอามือทาบกับอก สีหน้าตกใจปนดุนั้นดูน่าขำมากกว่าน่ากลัว สุดท้ายแทนที่เจ้าหญิงตัวดีจะสำนึกผิดก็กลับจบลงที่เสียงหัวเราะชอบใจเหมือนเช่นเคย
"พี่เวซิลหลบหน้านาตาชามาอยู่ที่นี่เอง หาซะแทบแย่เลยค่ะ" เด็กน้อยผู้ถอดแบบมาจากคิงแห่งคาโนวาลไม่ผิดเพี้ยนยิ้มกว้าง ยอมให้นักฆ่าสาวปลดวงแขนของตนลงแต่โดยดี
"พี่ไม่ได้หลบหน้า แค่มานั่งคิดอะไรเพลินๆ"
นาตาชาเอียงคอมองหน้าของคนพูด เส้นผมสีเงินยาวสลวยเรี่ยละพื้น ท่าทางแบบนั้นทำให้เวซิลนึกถึงตุ๊กตาตัวสวยที่เคยเห็นในร้านขายของเล่น เพียงแต่ตุ๊กตาตัวนี้มีชีวิตและน่ารักกว่าเท่านั้นเอง
"จริงนะคะ" คนฟังระบายยิ้มบางขึ้นบนใบหน้ากับคำถามย้ำนั้นพร้อมกับพยักหน้ารับให้ใบหน้าเล็กยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง แล้วก็ง้อง้ำต่อแทบจะทันที
"แสดงว่าท่านพี่เนอินโกหกนาตาชาอีกแล้ว"
คิ้วบางเลิกสูงไม่เข้าใจคำเปรยนั้น ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคขยาย
"ท่านพี่เนอินบอกว่านาตาชาพูดมาก พี่เวซิลก็เลยรำคาญ ฮึ! คนที่พูดมากน่ะท่านพี่เนอินต่างหาก" ฝ่ายนาเดียที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่างต้องรีบเอ่ยปรามเจ้าหญิงองค์เล็กแห่งคาโนวาล แต่เด็กน้อยเถียงกลับ
"ก็ไม่เคยมีใครว่านาตาชาพูดมากนี่ ทั้งท่านพ่อ ท่านแม่ แม้แต่ท่านพี่เนอาร์ก็ยังไม่เคยว่า มีแต่บอกว่านาตาชาอัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย"
เวซิลหัวเราะ ไม่ใช่เป็นเพราะคำพูดที่ฟังดูเข้าข้างตัวเองของเด็กสาวตรงหน้า แต่เป็นความจริงของคำพูดนั้นต่างหาก
ถ้าใครก็ตามที่ได้ใกล้ชิดกับพวกวาเนบลีก็จะรู้ถึงความจริงที่ว่า...
ทั้งคิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาลที่แค่ได้ยินชื่อเด็กที่ร้องไห้ยังต้องเงียบ
ราชินีแห่งคาโนวาล ผู้มีอดีตเป็นธิดาแห่งความมืด บุตรีสุดรักของจ้าวปีศาจเอวิเดส
เจ้าชายฝาแฝดที่ลือกันว่าโหดเหี้ยมแข็งแกร่งเฉกเช่นชาวคาโนวาล
ผู้คนทั้งหมดในข่าวลือนั้น...ถูกสยบด้วยรอยยิ้มของเด็กสาววัยห้าขวบนาม นาตาชา วาเนบลี
...บ้าเห่อกันทั้งตระกูล...
"แล้วมีเรื่องอะไรเหรอถึงได้ตามหาพี่" เวซิลถามให้นาตาชาเปลี่ยนเรื่องพูด
"พี่เนอินให้มาตามตัวไปที่โถงประชุมค่ะ"
"ทำไมล่ะ" คิ้วบางเลิกสูงไม่เข้าใจ นาตาชาส่ายหน้าเร็วๆ "ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แค่บอกว่าให้มาตามพี่เวซิลไปที่โถงประชุม"
"พี่ไม่ไปจะดีกว่า" เวซิลตอบตัดบททันทีโดยไม่ต้องคิดอะไรมากนัก
ใช่...เธอจะไปทำไมไอ้โถงประชุมอะไรนั่น ฟังแล้วเหมือนจะเป็นที่ที่สำหรับประชุมพวกขุนนางชั้นสูง หึ! ขืนให้ไปมีแต่จะทำให้คันไม้คันมืออยากชักมีดออกมาเท่านั้น
รอยยิ้มเย็นเหยียดขึ้นตรงมุมริมฝีปาก หากเป็นคนทั่วไปคงได้สะดุ้งเฮือก แต่ไม่ใช่กับสองคนที่เจอความเยียบเย็นเป็นปกติอยู่ทุกวัน
"แต่ดิฉันว่าคุณควรจะไปนะคะ" นาเดียเปรยขึ้นยิ้มรับนัยน์ตาสีเขียวใบไม้ที่หันมามอง
"เพราะจะเป็นการตัดสินความเรื่องของท่านหญิงอาเวเรียค่ะ"
*************************************TBC...
ความคิดเห็น