คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 21 : ระเบิด
อาร์คบิชอฟแห่งกิลดิเรกกำลังคิดจะหางานใหม่
ใช่...งานอะไรก็ได้ที่จะไม่ส่วนเกี่ยวเนื่องกับอดีตหัวขโมยตัวดีนั่น
แต่เห็นจะเป็นไปได้ยากตราบใดที่มันยังมีขอทานแสนรู้นั่นอยู่ในโอวาท(?)
และขอทานแสนรู้ที่ว่านั่นป่านนี้มันคงไปปั้นหน้ายิ้มจิบชาอยู่มุมใดมุมหนึ่งของมหาวิหาร ปล่อยให้ระเบิดสองลูกในชุดเจ้าสาวนั่งจับเวลาระเบิดตัวเองอยู่ข้างๆ พวกเขา
"สรุปแล้วมันหมายความว่ายังไงคะ" ระเบิดลูกแรกเริ่มจุดชนวนด้วยเสียงแหลมสูงให้สามนักบวชเริ่มเหงื่อตกแต่ยังซ่อนอาการกันไว้ได้
"ก็สรุปกันอย่างที่ท่านทั้งสองเห็น" กัสตอบช้าชัดด้วยสีหน้าเรียบๆ เป็นหลักให้เพื่อนนักบวชอีกสองคนค่อยใจชื้นขึ้นมา
อย่างน้อยถ้าถูกบอมมันก็คงโดนก่อน
"สรุปแล้วท่านโกหกเรื่องจดหมายจากควีนเฟลิโอน่าสินะคะ" ระเบิดอีกลูกเอ่ยหน้าซีดเสียงเย็นขณะที่ข้ารับใช้กำลังพัดวีพร้อมโบกสำลีชุบแอมโมเนียอยู่ไม่ห่าง
"เราไม่ได้โกหก"
"แล้วทำไม!!.." เพโลเนียเกือบกรี๊ดออกมาแต่กัสรีบยกมือห้ามไว้
"ตามที่จดหมายว่าไว้คือให้เราจัดงาน แต่การให้คำสัตย์สาบานนั้นขึ้นอยู่กับตัวของพวกท่านเอง"
"ถ้าท่านไม่มั่นใจว่าเจ้าชายจะแต่งงาน แล้วจะจัดงานขึ้นเพื่ออะไร!!" เพโลเนียยังคงกรีดเสียงถาม จนเอ็ดเวิร์ดอยากวิ่งไปหาสำลีมาอุดหูหากไม่ติดตรงที่ว่าอีกสองคนคงไม่มีทางยอมให้เขาไปง่ายๆ
เพราะแน่นอนว่าไปแล้วจะไม่กลับมาอีก!!
"อันนี้ท่านต้องไปถามควีนเฟลิโอน่าเองแล้วล่ะท่านหญิง"
"นี่ท่าน!" ท่านหญิงแห่งคาโนวาลแทบจะลงไปกรี๊ดเมื่อได้คำตอบเป็นการตอกกลับของคนตรงหน้า
ให้ไปถามเอง...
หึ! ถ้ายังกล้าแบกหน้าไปถามหน้าของเธอก็หนาเกินกำแพงเมืองแล้ว!!
"ดูท่าทาง..." น้ำเสียงอ่อนแรงดังแผ่วเบาในห้องเงียบทำให้สายตาทั้งหมดหันไปมองอาเวเรียที่ตอนนี้หน้าเริ่มซับสีมากขึ้น "ศาสนจักรของกิลดิเรกจะมีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีกับคาโนวาลนะคะ"
"การจัดการในครั้งนี้ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับประเทศชาติท่านหญิง" อาเวเรียเหยียดยิ้มนั่งตัวตรงให้ข้ารับใช้ประคองถ้วยชาหอมให้เธอดื่ม
"ถึงขนาดจดหมายลงพระนามส่งมาให้โดยตรงเนี่ยนะคะ" กัสยิ้มบาง แต่เพื่อนเก่าเพื่อนแก่สมัยเรียนเริ่มร้อนๆ หนาวๆ กับรอยยิ้มนั้น
หมอนี่เริ่มโกรธแล้ว
"ท่านหญิง การจัดงานแต่งงานถือเป็นหนึ่งในงานของศาสนจักร ยิ่งเมื่อมีบุพการีอุตส่าห์เขียนจดหมายมาขอร้องจะให้เราทำนิ่งเฉยอย่างนั้นหรือ"
"ทั้งๆ ที่ท่านยังไม่รู้แน่ชัดว่าจดหมายนั่นจริงหรือปลอมด้วยซ้ำ?" อาเวเรียหัวเราะขื่นๆ หากกัสยังคงยิ้ม
"เราไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบว่าลายมือใครเป็นของใคร ในเมื่อเราถามท่านหญิงแล้วว่าจะจัดไหม ท่านก็บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าจัด นอกจากให้คิดว่าทั้งพวกท่านทั้งเจ้าชายทั้งสองรักกันดีและพร้อมจะแต่งงาน"
คราวนี้หน้าขาวไม่ใช่แค่ซับสีแต่เริ่มแดงจัดด้วยความโกรธปนอายแทน
"ท่านต้องการหักหน้าเรา!"
"เราแค่พูดความจริงเท่านั้นท่านหญิง" แต่เหมือนเจ้าหล่อนจะเริ่มไม่ฟังใครเสียแล้วเมื่อเธอผุดลุกขึ้นยืนยื่นนิ้วชี้กราดใส่อาร์คบิชอฟแห่งกิลดิเรกอย่างไม่สมควรกระทำ
"ท่านหักหน้าเรา! รวมทั้งไอ้ขอทานตัวดีนั่นด้วย" เพโลเนียเริ่มได้สติลุกขึ้นแตะแขนปรามแต่ถูกสะบัดดังเผียะใหญ่ ตาสีน้ำเงินวาววับเอาเรื่อง
"ท่านหลอกเราเรื่องจดหมาย ที่ไม่ยอมให้ดูจดหมายนั่นเพราะแท้จริงแล้วมันไม่มี ท่านหลอกเรา!!" เสียงหวานกรีดแหลม
"เราไม่ได้หลอกท่าน จะให้เราสาบานต่อหน้าพระเจ้าก็ได้" กัสพยายามอธิบายอย่างยากลำบาก ถ้าตามปกติเขาคงสงบอยู่ได้ แต่กับผู้หญิงที่ดีแต่กรี๊ดกร๊าดไม่รู้เรื่องไม่ยอมรับตัวเองนี่เขาไม่เคยรับได้
ยิ่งภายในมหาวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยแล้ว
"เก็บคำสาบานของท่านไว้ให้คิงโนอาร์เถอะ!!"
ชื่อของคิงแห่งกิลดิเรกทำให้บรรยากาศขมวดเป็นเกลียวขึ้นมาทันที แม้แต่โคลวที่ยืนเงียบนึกว่าหลับไปแล้วยังจ้องท่านหญิงแห่งคาโนวาลเขม็ง
"เราบอกท่านแล้วท่านหญิง ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประเทศชาติหรือการแทรกแซงอะไรทั้งนั้นหากนั่นเป็นสิ่งที่ท่านกำลังคิดว่าเราทำ"
หรือคาโนวาลทำ
"จะอ้างอะไรก็ไว้ทำทีหลังเถอะ ฉันจะเขียนจดหมายแจ้งท่านพ่อว่าศาสนจักรแห่งกิลดิเรกได้ทำอะไรให้เราบ้าง!!"
กัสลุกพรวดเช่นเดียวกับเอ็ดเวิร์ดและโคลว เพราะหากปล่อยเรื่องไว้เป็นแบบนี้ มันจะกลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วยเหตุชนวนเพราะผู้หญิงเอาแต่ใจเพียงคนเดียว หากไม่ทันที่ทั้งสามคนจะพุ่งไปจับตัวท่านหญิงแห่งคาโนวาลเอาไว้ บานประตูใหญ่ก็เปิดออกพร้อมร่างของขอทานตัวต้นเหตุที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม
"ท่านกำลังทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่นะท่านหญิง" โรพูดโดยที่รอยยิ้มยังไม่จาง อาเวเรียเหยียดยิ้มเมื่อเจอตัวบุคคลที่เธอชังที่สุด
"จะให้โทษก็ต้องโทษท่านที่หลอกเรา แต่บางทีเราอาจจะผิดเองที่หลงเชื่อคำขอทานชั้นต่ำที่ยกตัวขึ้นเป็นผู้สนองพระโอษฐ์คิงคาโนวาลอย่างท่าน" เพโลเนียสะดุ้งเฮือก เธอรู้ว่าอาเวเรียเริ่มคุมสติตัวเองไม่ได้ตามประสาเด็กที่ไม่เคยถูกขัดใจและไม่เคยผิด
"ผมไม่เคยยกตนสูงท่านหญิง" โรพูดช้า "อย่างน้อยอาชีพขอทานก็ค่อนข้างมั่นคงกว่าหัวขโมย"
เอ็ดเวิร์ดกับโคลวอมยิ้มเล็กน้อย และแม้กัสจะไม่ยิ้มแต่บรรยากาศรอบตัวก็คลายตัวลงเล็กน้อย
"คำพูดกับการกระทำมันขัดกันชัดๆ ใครจะไปรู้ถ้าขอทานคิดจะถีบตัวเองให้สูงขึ้น ยิ่งมีช่องทางที่แสนสะดวกด้วยแล้ว" ตาสีเขียวเป็นประกายวาบขึ้นเล็กน้อย เพโลเนียที่ยืนอยู่ด้านข้างเริ่มวิตกมากขึ้นทุกที
ขอทานอย่างโร เซวาเรสมีอะไรมากกว่าที่เห็น นั่นคือสิ่งที่เธอรู้สึกมาตลอดตั้งแต่ที่เริ่มรู้จักกันในงานเลี้ยงหนึ่งในคาโนวาล คำพูด กิริยาการวางตัว ความรู้ทุกอย่างดูอีกฝ่ายจะมีพร้อมเกินกว่าที่จะเป็นขอทานธรรมดาที่ได้เล่าเรียนในเอดินเบิร์ก
บางทีแล้วชายคนนี้อาจจะเป็นคนที่น่ากลัวพอๆ กับคิงคาโลเลยทีเดียว
"อา...มีบางอย่างที่ผมอยากเตือนท่านหญิงเล็กน้อยในฐานะที่พอจะรู้จักคิงคาโล.." โรเงยหน้าขึ้นยิ้มให้อาเวเรีย หากรอยยิ้มนั่นกลับเต็มไปด้วยแรงกดดันจนหลายคนเริ่มเหงื่อแตก "..คนอย่างเขาไม่ใช่คนที่จะถูกใครปั่นหัวได้ง่ายๆ"
ประโยคบอกเล่าธรรมดา ฟังดูน่าตลกเสียด้วยซ้ำเมื่อคิดถึงความจริง แน่นอน...จะมีคิงที่ไหนบ้างที่ถูกขอทานเหยียบหัวขึ้นเป็นคิงเสียแทน
อาเวเรียเม้มกลีบปากบางแน่นจนรอบริมฝีปากนั้นเป็นสีขาวซีด มือบางกำแน่นจนสั่นไปทั้งร่าง และทันใดนั้นร่างบอบบางก็หล่นวูบลงกับพื้น ยังโชคดีที่เอ็ดเวิร์ดพุ่งไปรับร่างนั้นไว้ได้ทัน เหล่าข้ารับใช้พากันกรีดร้องวี๊ดว้ายถลาเข้ามาพัดโบกไปมาเสียจนนักบวชผมทองแทบจะทิ้งร่างบางนั้นลงพื้นซะเดี๋ยวนั้น
สุดท้ายความวุ่นวายก็สิ้นสุดลงพร้อมกับร่างของท่านหญิงอาเวเรียถูกพาออกไปจากห้องพร้อมกับบรรดาข้ารับใช้คนสนิท ความเงียบสงบจึงเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง
"ต้องขอโทษ...แทนท่านหญิงด้วยนะคะ" เพโลเนียก้มหน้าพึมพำแผ่วเบา
"ผมเองก็ต้องขอโทษที่พูดแรงเกินไป ท่านหญิงเอง...ไม่โกรธเหรอครับ" โรเปรยถาม
"โกรธค่ะ" เธอรับทันที "ฉันโกรธที่คุณรู้ดีว่าเรื่องจะจบลงเช่นไรแต่ยังปิดปากเงียบ"
"ผมก็แค่เดา ท่านหญิงคงไม่อยากฟังนักหรอก"
เพโลเนียหัวเราะขื่นๆ "ถึงตอนนี้ไม่อยากฟังก็ต้องฟังค่ะ แต่คนที่อยากให้พูดให้ฟังกลับหาตัวไม่เจอเสียนี่"
โรหัวเราะอีกครั้ง ขณะหันไปยักคิ้วให้กัสที่ยืนขมวดคิ้วหงุดหงิดอยู่ไม่ไกล
"ก็คงพยายามหาทางพูดให้คนที่ไม่อยากฟังอยู่ล่ะมั้ง"
*************************************TBC.....
Talk > ตอนนี้สั้นไปหน่อยนะคะ ^^"
ความคิดเห็น