คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : บทที่ 14 : กิลดิเรก
"จะไปกันรึยัง" คนที่ยืนอยู่ด้านข้างพักใหญ่เปรยถามทำลายความเงียบโดยรอบ ซีเวียหันกลับมามองก่อนตอบ "ถามตัวเองก่อนดีกว่า"
เวซิลชะงักกึก มองหน้าเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขของเธอนิ่งก่อนจะขยับยิ้มยอมแพ้
"ฉันเคยปิดอะไรเธอได้ซักเรื่องไหมนะ" คำถามเรียกรอยยิ้มบางจากคนฟัง ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปมองท้องฟ้าที่สว่างและนวลไปด้วยแสงจันทร์
"ยังไงเรื่องก็แตกแล้ว อยู่ต่อไปก็ใช่ที่ อีกแค่สองสามวันก็น่าจะถึงกิลดิเรกแล้วด้วย" นั่นสินะ...หน้าที่ที่ได้แลกกับชีวิตของพวกเธอทั้งสองคือการติดตามสองเจ้าชายแห่งคาโนวาลโดยลับๆ ทำยังไงก็ได้ให้สามารถรายงานความเคลื่อนไหวโดยไม่ให้เจ้าตัวรู้ จริงๆ แล้วข้อตกลงคือหน้าที่นี้จะยกเลิกเมื่อทั้งหมดเดินทางถึงกิลดิเรก เมื่อลูกรู้มีหรือที่คนเป็นพ่อแม่จะไม่รู้ว่าแผนแตก
เร็วไปซักหน่อยคงไม่มีปัญหาอะไร
เพราะ...ยังไงความสัมพันธ์แบบนี้ก็ต้องจบลง
จะช้า...หรือจะเร็วก็แค่นั้น
แต่...บางอย่างที่กำลังรบกวนใจเวซิลกำลังพยายามบอกว่ารอต่อไปอีกนิด อยากอยู่ให้ครบกำหนดหน้าที่ ซีเวียถอนหายใจแผ่วเบาให้เด็กสาวผมทองรู้สึกตัว
"คิดสูงเกินเอื้อม ตกลงมาจะเจ็บหนัก" คำเตือนสติจากเพื่อนรักทำให้เวซิลต้องยิ้มออกมาด้วยอุ่นใจ อย่างน้อยก็มีเพื่อนคนนี้ที่เข้าใจและยืนข้างเธอ หากในแววตาสีเขียวนั้นก็เต็มไปด้วยรอยเศร้ากับสิ่งที่ได้ยิน
ดาว...อย่างหวังจะเทียบเคียงพระจันทร์
เพราะจะมีแต่ทำให้แสงของตัวเองยิ่งริบหรี่และอาจจะหายไปจากท้องฟ้าเลยก็เป็นได้
"แน่นอนสิซีเวีย ทำไมเหรอ" ลาดไหล่บางรับน้ำหนักเบาของความเป็นห่วงที่ถ่ายทอดจากมือเรียวนั่นได้ ซีเวียสูดหายใจลึกแล้วหันมายิ้ม "เอาเป็นว่าเรารอกันต่อไปอีกนิดก็แล้วกัน ดีไหม"
"อืม ก็ดี อยู่กับพวกนี้ไม่น่าเบื่อดี" เวซิลยิ้มกว้าง หากคนมองนั้นกลับไม่คิดอย่างที่เธอคิด
แม้จะรู้ดีว่าบางทีการทำเช่นนั้นรังแต่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับเพื่อนรักของเธอก็ตาม
----------------------------------------------------------
เสียงฝีเท้าย่ำตึกๆ หลายเสียงดังไปตามแผ่นหินอ่อนที่ปูบนพื้น กว้างขวางจนน่าจะเรียกถนนมากกว่าทางเดิน ระหว่างทางก็พบผู้คนประปรายก้มหัวให้เป็นระยะ คนที่กำลังจ้ำตามมองแผ่นหลังขาวสะอาดด้วยชุดของนักบวชระดับสูงเบื้องหน้าแล้วนึกหงุดหงิดขึ้นมา
ไม่...ไม่ใช่หงุดหงิดกับความขาวของผ้านั่นแน่
แต่เป็นอาการเมินเฉยไม่สนใจกับการมาของพวกเขานั่นมากกว่า ไอ้เราก็นึกว่าจะได้เห็นสีหน้าตกใจ ไม่ก็แววตาที่แปลกใจก็ยังดี หรือจะเป็นนิสัยเหมือนเช่นท่านพ่อ เนอินสบถพรืดเบาๆ เพราะยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด แต่ห้ามไม่ให้ตัวเองคิดไม่ได้นี่ยิ่งหงุดหงิดกว่า
ขณะที่เนอินกำลังหัวเสีย เนอาร์กลับใช้เวลาไปกับการสังเกตสิ่งรอบตัว ประติมากรรมในรูปลักษณ์ของเทพต่างๆ เรียงรายไปตามแนวทางเดิน หากเพ่งพิศให้ดีจะเห็นร่องรอยแยกของเนื้อหินเส้นบางๆ บ่งบอกอายุของมัน หินอ่อนสีชมพูที่แม้จะดูเก่าแต่เมื่อถูกปูต่างแทนพรมกลับดู 'หรูหรา' กว่าพรมแดงมากมายนัก ซ้ายมือคือสวนหญ้ากั้นระหว่างหอพักกับตัวอาคารหลักไว้อย่างที่คนเดินนำอธิบายคร่าวๆ เมื่อครั้งที่ไปเยี่ยมท่านแม่ที่คาโนวาลเมื่อหลายปีก่อน ภายในสวนคือบ่อน้ำพุ กึ่งกลางนั้นคือหินสลักเป็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านรองรับอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่มีสายน้ำพุ่งขึ้นมา
ตัวสวนเองแค่มองปราดเดียวก็รู้ว่าได้รับการดูแลดีแค่ไหน พุ่มไม้ถูกตัดกิ่งที่ไม่จำเป็นทิ้งก่อเป็นกำแพงเตี้ยๆ เก้าอี้หินมากมายวางกระจายไปทั่ว มีบางส่วนที่หักชำรุดแต่ก็ยังคงวางอยู่เช่นนั้น ส่วนต้นไม้ก็ยืนต้นร่มเงาจนดูสวยงามและร่มรื่นน่าพักผ่อน
นี่คือความยิ่งใหญ่ของศาสนจักรแห่งกิลดิเรก
แม้ไม่หรูหราหรือใหญ่โต แต่บางอย่างในความเก่าแก่เหล่านี้บ่งบอกถึงอายุที่ศาสนจักรอยู่เคียงข้างกิลดิเรกมานานพอๆ กับที่ชนชั้นกษัตริย์ถือกำเนิดขึ้น อีกทั้งกลิ่นอายความสงบที่สัมผัสก็ยังแฝงถึงอำนาจอีกด้วย
ก็ไม่น่าแปลกใจที่ 'ฝั่งโน้น' จะหวั่นๆ กับ 'ฝั่งนี้'
เนอาร์บอกกับตัวเองเงียบๆ
ประตูบานใหญ่ถูกเปิดช้าเพราะน้ำหนักของมัน ก่อนจะเผยให้เห็นห้องรับรองขนาดไม่ใหญ่มากนัก โต๊ะไม้กับโซฟาตั้งอยู่กลางห้อง หน้าต่างบานใหญ่ขอบบนสูงเกือบจรดเพดาน ของส่วนใหญ่ในห้องนี้ไม่มีอะไรมากนักนอกจากตู้หนังสือกระจกที่อัดแน่นไปด้วยตำราต่างๆ ซึ่งน่าจะเป็นตำราเกี่ยวกับศาสนาทั้งหมด
"เราไม่ค่อยได้ต้อนรับแขกซักเท่าไหร่" กัสเอ่ยเสียงต่ำ ขณะที่เดินไปเปิดผ้าม่านสีครีมออกทีละบานจนแสงสว่างลอดผ่านมาให้รู้สึกอบอุ่นแม้ว่าจะเข้าฤดูหนาวแล้วก็ตาม โรเดินไปนั่งลงที่โซฟาก่อนที่คนอื่นๆ จะเดินไปนั่งบ้าง
"ดูเหมือนท่านน้าจะไม่แปลกใจเลยนะครับ ที่พวกผมแห่กันมาโดยไม่บอกล่วงหน้า" กับน้าชายคนนี้ดูเนอินจะมีสัมมาคารวะขึ้นมาโข คงเพราะท่าทางที่ดูนิ่งสงบนั้นก็เป็นได้ ตาสีฟ้ามองคนพูดนิ่ง
"ก็น่าจะเหมือนกันทั้งแม่ทั้งลูก" เนอินชะงักกึกไม่รู้จะโกรธดีหรืออึ้งดี ขอทานก้มหน้าลงกลั้นหัวเราะเมื่อหลานชายตนถูกเหน็บเข้าไปหนึ่งดอกอย่างรวดเร็ว ส่วนเนอาร์นั้นได้แต่นิ่งคิดหวังให้พี่ชายตนเลิกหาเรื่องใส่ตัวโดยเร็ว เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับร่างนักบวชที่ยกถาดน้ำชามาวางบนโต๊ะ หลังจากที่จัดการรินให้แขกเรียบร้อยแล้วก็ก้มตัวถอยออกไปพร้อมกับปิดประตูไว้เช่นเดิม
"ฉันจัดห้องไว้ให้เรียบร้อยแล้ว ยังไงก็พักอยู่ที่นี่เลยก็แล้วกัน เพียงแต่ว่าห้องที่เหลือมันมีน้อย คงต้องแบ่งกันนอนห้องละสามคน แต่สำหรับท่านหญิงเราได้จัดห้องแยกไว้ให้แล้ว" กัสหันไปพูดกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามพลางก้มศีรษะเล็กน้อย
"ลำบากคุณแล้วล่ะค่ะ" เพโลเนียเอ่ยตามมารยาทด้วยน้ำเสียงอย่างที่ท่านหญิงทั่วไปชอบใช้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวที่เดินทางรอนแรมทรหดกับพวกเขาได้ถึงสี่วันเต็มๆ โดยไม่ปริปากบ่น(แต่กรีดร้องเวลาเนอินแกล้งขับเกวียนเสียหลัก)
"ส่วนพวกเธอ..." กัสเปรยไปมองสองสาวนักฆ่าที่เงียบมาตั้งแต่เจอกันหน้ากัน "ฉันจัดห้องแยกไว้ให้อยู่กันสองคนเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน"
"ขอบคุณค่ะ" ซีเวียตอบเรียบๆ แม้จะแปลกใจอยู่บ้างก็ตามที
"เดินทางกันมาหลายวันคงจะเหนื่อย ยังไงก็ไปพักผ่อนกันก่อน ถึงเวลาอาหารจะให้คนไปเรียก" กัสลุกขึ้นเดินออกไปเรียกนักบวชที่อยู่แถวนั้น แล้วทั้งหมดลุกขึ้นเดินแยกย้ายตามคนนำทางไป
"ดูจะเตรียมการไว้ดีนะ" โรเปรยขึ้นพร้อมกับยิ้ม กัสเบนสายตากลับมามองอดีต....ขอทาน
"เมื่อวานฉันเพิ่งได้รับจดหมายจากเฟรินว่าพวกนายจะมา แต่...ไม่คิดว่าจะมากันเยอะแบบนี้" โรหัวเราะเบาๆ กับอาการเป็นห่วงลูกชายสุดที่รักทั้งสองของคิงและควีนแห่งคาโนวาล ลองเป็นแบบนี้แสดงว่าสองสาวนั่นทำพลาด ในเมื่อแผนของอดีตหัวขโมยมันอ่านได้ง่ายแสนง่าย เสียแต่ลูกชายของมันกลับไม่รู้เรื่องรู้ราว เข้าใจว่าคนเป็นแม่ส่งเขามาเฝ้าดูเสียนี่
"บอกตามตรงว่าตอนแรกฉันคิดว่าจะเห็นนายกับคิล" โรยิ้มยกชาร้อนๆ ที่ส่งควันฉุยขึ้นมาจิบ "ขอทานกับนักฆ่า ฟังยังไงก็ไม่น่าจะอยู่ด้วยกัน" กัสนิ่งไปก่อนจะสวนขึ้นมา
"แต่ถ้าเป็นกษัตริย์กับนักฆ่านี่พอจะเป็นไปได้สินะ" คนฟังยังคงยิ้มไม่ตอบอะไร
"แล้วทำไมนายถึงมาอยู่กับพวกนี้ได้" ตาสีเขียวเป็นประกายขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงเหตุผล
"หาอะไรทำแก้เซ็งน่ะ"
"ไม่ใช่ว่ากำลังหนีอะไรเหมือนกับสองคนนั่นรึไง" คำสวนทันทีทันใดเผลอทำเอาสะดุ้งเล็กๆ หากโรก็รีบเก็บอาการได้อย่างรวดเร็วแสร้งเป็นเติมน้ำชาเสีย
"นักฆ่าสองคนนั่น...ใช้ได้" คำเดียวแต่แปลได้หลายความหมาย โรพยักหน้าเห็นด้วย คำว่า ใช้ได้ ของกัสคือ ดี แต่จะดีเท่าที่คนที่อยากให้ 'ดี' รึไม่นั่นคงตอบแทนไม่ได้ และแม้จะไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะต้องมานั่งสังเกตเรื่องของคนอื่น ถ้าไม่เพราะไอ้ตัวแสบแห่งป้อมอัศวินมันฝากฝังมา
"แต่ก็ยาก" วลีสุดท้ายหลุดออกมาสร้างเสียงหัวเราะให้กับขอทานแห่งทริสทอร์ จนคนพูดต้องเลิกคิ้วสูง "ฉันพูดผิด?"
โรโบกมือไปมาพลางวางแก้วลงบนจานรอง
"ถ้าเจ้าชายกับนักฆ่าว่ายาก เจ้าชายกับหัวขโมยนี่ก็อภินิหาร" เมื่อคนชอบสวนกลายเป็นคนถูกสวนกลับเสียเอง กัสจึงได้แต่อึ้งก่อนที่จะอดหัวเราะตามไปกับเพื่อนร่วมรุ่นไม่ได้
"หัวขโมยมันซ่อนทอง หรือสองคนนี่มีอะไรให้ซ่อน?" ขอทานแห่งทริสทอร์หยุดหัวเราะแต่ยังคงยิ้มไปเรื่อยๆ "เพราะไม่มีถึงไม่ต้องดูว่าซ่อนอะไร แต่ควรจะดูว่า 'เป็นอะไร' "
"แล้วนายเห็นอะไร'?" คนฟังส่ายหน้าช้าเป็นเชิงปฏิเสธ แต่นัยน์ตากลับพราวระยับ
"ก็เห็นนักฆ่ากับเจ้าชาย" ตาสีฟ้ามองคนที่ตนไม่สามารถไล่ให้จนมุมได้ซักครั้งแล้วถอนใจออกมาเบาๆ
"ให้ฉันเดานะกัส" โรเปรยขึ้นช้าหากชัดเจน "เฟรินคงไม่เขียนจดหมายมาบอกแค่ให้เตรียมห้องพัก" ตาสีฟ้าเป็นประกายถูกใจกับประโยครู้ทันของขอทานแห่งทริสทอร์ที่ยังไม่ทิ้งชื่อห้องสมุดเคลื่อนที่
"แล้วนายคิดว่าเฟรินเขียนมาว่าอะไร?" โรยิ้มอีกครั้ง
"ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกันกับที่ฉันยังไม่เห็นเอ็ดเวิร์ดและโคลว์"
---------------------------------------------------------
"น่าเบื่อชะมัด!" เสียงทุ้มบ่นกระปอดกระแปดทิ้งตัวลงนอนกับเตียงกว้างที่ต้องอาศัยนอนเบียดกันสามคน แต่ก็ยังดีกว่านอนบนดินแข็งๆ เย็นๆ แถมวันดีคืนดีอาจจะมีอะไรมาไต่ให้รำคาญไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันอีก ห้องพักที่เล็กสำหรับสามคนแต่คนนำทางบอกว่านี่เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาห้องพักทั้งหมด ทำให้พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะแค่จู่ๆ ก็มาอาศัยด้วยเหตุผลน่าอายนี่เป็นไปได้ก็ไม่อยากจะมาอยู่แล้ว เนอินนอนกลิ้งปากก็บ่น "น่าเบื่อๆๆ" จนคนที่กำลังมองภาพโดยรอบผ่านหน้าต่างบานใหญ่ต้องหันกลับมามองดุหน้าตึงเรียบเหมือนคนเป็นพ่อชอบทำ
"ถ้านายเบื่อมากก็มาลองกระโดดจากหน้าต่างนี่ลงไปดูไหม" พี่ชายฝาแฝดชะงักกึก ไอ้บ้า! โดดจากชั้นห้าลงไปถ้าคอไม่หักก็อาจจะพิการ เนอาร์หันกลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้งเมื่อเสียงน่ารำคาญเงียบลง เบื้องหน้าคือราชวังสีขาวเด่นเป็นสง่าท่ามกลางบ้านเรือนหลังเล็กที่กระจายกันไปทั่ว ที่น่าสังเกตคือ แต่ล่ะบ้านจะมีพื้นที่ไว้สำหรับปลูกสวนดอกไม้ ผลก็คือนอกจากทุ่งหญ้าสีเขียวที่สามารถเห็นได้แล้วก็ยังมีสีสันมากมายของดอกไม้ดูตื่นตาตื่นใจ สมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวที่อยู่ในอันดับสามประเทศน่าเที่ยวของเนอิน
ก๊อกๆ
ประตูห้องเปิดออกช้าๆ พร้อมกับร่างบอบบางของท่านหญิงเพโลเนียที่หยุดยืนอยู่หน้าห้อง จากชุดที่เปลี่ยนไปแต่ยังคงความอลังการไว้เช่นเดิมพอจะทำให้สองหนุ่มเดาได้ว่าเรื่องวุ่นวายใจกำลังจะเกิดขึ้นอีกแล้ว
*****************************************
Talk > ขอบอกว่าตามทันต้นฉบับแล้ว กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกก
ความคิดเห็น