ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Distance : การเดินทางที่ยาวไกล

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 6 : ข่าวดี

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 49


                       ตาสีม่วงจ้องมองร่างสองร่างที่คนนึงเดินเกาะแขนไม่อายสายตาชาวบ้านในแบบที่เขาแน่ใจว่า ปกติมันไม่มีทางทำเด็ดๆ ขณะที่ไอ้คนโดนเกาะแขนแม้จะมีสีหน้าเครียดๆ หรือถ้าจะพูดไปแล้วก็คือสีหน้าปกติของมันก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หรือมันจะเกิดการพัฒนาขึ้นภายในวันเดียว (พูดเหมือนปรสิตเลย -*- ) คิดแล้วต้องกลั้นหัวเราะไว้เงียบๆ ตอนเจอกันใหม่ๆ ล่ะกัดกันแทบตาย หุๆๆ แต่หัวเราะไม่ทันไร พอขาก้าวพ้นประตูปราสาทเอดินเบิร์กเท่านั้นแหละ เจ้าตัวดีรีบปล่อยแขนเหมือนมันเป็นของร้อนยังไงยังงั้น

                       "เฮ้อ...เหนื่อยจัง คิลไปกินข้าวกัน" ปากก็ชวนแต่คุณเธอเดินนำลิ่วไปโรงอาหารเรียบร้อยแล้ว โดยไม่สนใจสามีสุดที่รักที่เดินเกาะแขนมาตลอดทาง คิลเกาหัวงงๆ

                       "มันเป็นอะไรของมันวะ เมื่อกี้ก็เห็นเกาะแขนกันดีๆ อยู่นี่" หันไปเปรยกับร่างขาวข้างๆ ที่ถอนหายใจเบาๆ

                       "สร้างภาพไง สงสัยเรียนมาจากบทเรียนนั่น" คาดลตอบพลางส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายใจ ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่ให้มันไปเรียนกับผีพี่สาวในคทา ต่อหน้าล่ะเรียบร้อยกุลสตรี ยกให้เขาเป็นที่หนึ่ง แต่พอลับหลังแค่นั้นแหละ นิสัยเดิมก็กลับมา เฮ้อ... ฝ่ายคิลที่ได้ยินก็หลุดหัวเราะก๊ากออกมา สมกับที่เป็นลูกของทายาทนักต้ม ก๊ากๆๆ แล้วต้องกลั้นไว้เมื่อเห็นสายตาดุๆ ของอีกฝ่าย

                       "หึๆ เอาน่ามันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้วนี่ ว่าแต่แกเหอะ ถึงกระดูกหายดีสมบูรณ์แล้วหรอไง" คาโลนิ่งไปเล็กน้อย

                       "ถ้าไม่ออกมา เมื่อกี้ก็คงกลายเป็นเรื่องใหญ่ มันชอบเอาตำแหน่งไปใช้อยู่เรื่อย" คิลหัวเราะกึกๆ เบาๆ ปากก็ด่า แต่ใจจริงก็เป็นห่วงนั่นล่ะ นึกย้อนไปเมื่อเช้านี้ภายในห้องพักของกษัตริย์และราชินีแห่งคาโนวาล ที่มีเขาเพียงคนเดียวที่กล้าเปิดประตูผางเข้าไปโดยไม่ต้องเคาะ มันคงจะเป็นภาพธรรมดาที่จะเห็นร่างสูงยืนแต่งตัวอยู่หน้ากระจกและเจ้าตัวตื่นสายยังคงหลับอุตุบนเตียงใหญ่ที่ผ้าห่มซัดกระเด็นไปคนละทาง ไร้ซึ่งมุมใดที่จะบอกได้ว่าเป็นผู้หญิงเช่นทุกวัน หากวันนี้แปลกออกไปตรงที่คาโลนั้นแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยและนั่งอ่านหนังสืออย่างที่มันชอบทำ แต่...ไอ้ตัวดีเฟรินกลับนอนหลับพริ้มโดยมีผ้าห่มสูงขึ้นมาถึงคอในสภาพเรียบร้อยผิดปกติ!!!!!!!! ตาสีฟ้าหันมามองเพื่อนที่ยืนตาค้างไม่เชื่อสายตาตัวเองเงียบๆ

                       'สงสัยเมื่อวานมันจะช็อคหนัก' คิลบ่นพึมพำกับตัวเองก่อนจะพาตัวเองนั่งลงที่โต๊ะเครื่องแป้ง เพราะสายตาเย็นๆ นั้นส่งมาเป็นคำสั่งว่า 'ห้ามนั่งที่เตียงเด็ดขาด!' แต่ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างบางบนเตียงก็เริ่มกระดุกกระดิก เปลือกตาบางค่อยๆ ลืมขึ้นพร้อมกับตาสีน้ำตาลกลมโตมองสลับระหว่างสองบุคคลในห้องอย่างตื่นไม่เต็มที่ดีนัก คาโลปิดหนังสือลุกขึ้นมานั่งข้างเตียงเอ่ยถามเบาๆ

                       'หิวมั้ย เดี๋ยวฉันไปบอกให้เขาเอาอะไรขึ้นมาให้กิน' แทนทีคนอาการปกติจะเป็นฝ่ายถาม กลายเป็นว่าคนป่วยเป็นคนถามแทน คิลหัวเราะเบาๆ ชักมีอะไรแปลกๆ แฮะ เฟรินพยักหน้าเงียบๆ นี่ล่ะเรื่องแปลก!!!!!!!!!!!!!! คาโลที่ไม่เจ้ากี้เจ้าการปลุกเจ้าตัวดี และไอ้เฟรินที่ทำท่าเหมือนง่วงหนักหนา ง่วงกว่าปกติ ถึงมันจะขี้เซาแค่ไหน แต่ถ้าลองได้ตื่นเองแบบนี้ก็ไม่มีทางจะนอนต่อแน่นอน

                       'งั้นก็นอนต่อก็แล้วกัน เดี๋ยวอาหารมาแล้วจะปลุกอีกที' และเฟรินก็ยังคงพยักหน้าหงึกหงักเหมือนคนไม่ยอมตื่น ทำไมวันนี้ไอ้คาโลมันใจดีจังวะ แล้วทำไมวันนี้มันโคตะระจะง่วงด้วยเนี่ย ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่นา หัวสมองค่อยคิดไปเรื่อยๆ ทบทวนว่าเมื่อคืนทำอะไรถึงได้เพลียขนาดนี้ แล้วจู่ๆ ตาโตๆ ก็ลืมพรึ่บอย่างนึกขึ้นได้

                       เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

                       เมื่อนึกเรื่องราวได้หมด หน้าขาวๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงสด อายโว้ยยยยยยยยยยย อายอย่างที่ไม่เคยอายมาก่อนในชีวิตนี้ ยิ่งสำเหนียกถึงร่างกายที่ไร้อาภรณ์ของตนยิ่งอยากเอาหน้าซุกเตียงให้ทะลุแผ่นดินไปซะงั้น

                       'ไม่สบายรึปล่าวเฟริน หน้าแกแดงจัดเลยว่ะ ติดไข้ไอ้คาโลมันหรอไง' คิลถามงงๆ ในใจก็อดคิดขึ้นมาไม่ได้ ทำไมจู่ๆ ถึงทำท่าสาวซะขนาดนั้น แต่คนฟังน่ะสะดุ้งเฮือก มือรีบยื้อผ้าห่มไว้แน่นกว่าเดิมก่อนจะตวาดลั่น

                       'แกออกไปเดี๋ยวนี้ไอ้คิล!!!' สร้างความงงงันให้กับเพื่อนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่าตูไปทำอะไรให้มันเคืองฟะ แต่ก็ยอมเดินออกจากห้องแต่โดยดี หากขณะที่หันกลับมาปิดประตู ตาสีม่วงก็หันไปเจอะกะแผ่นหลังเนียนๆ ที่ลุกขึ้นมานั่ง โดยที่ส่วนหน้าเจ้าตัวยังคงยื้อผ้าผ่มปิดเอาไว้อยู่ เสียงโวยวายแว๊ดๆ ของเฟรินดังลอดประตูออกมาส่งผลให้ผิวเข้มๆ ของเขาร้อนขึ้นมาทันที หรือว่ามันสองคน....

                       ยิ่งคิดก็ยิ่งขำกิ๊กกั๊กหนักกว่าเก่า ดูท่าเขาอาจจะได้อุ้มหลานเร็วๆ นี้ซะแล้วล่ะมั้ง หึๆๆๆ

                       "ขำอะไรของแก" เสียงดุๆ ดังมากจากกษัตริย์แห่งคาโนวาลที่จ้องมา คิลรีบโบกมือปฏิเสธ แต่ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มกว้าง จน...ดูน่าหมั่นไส้

                       "ไปกินข้าวเถอะ เย็นแล้วด้วย พวกนายต้องเตรียมของกลับอีกไม่ใช่หรอไง

    ----------------------------------------------------

                       อาการดี๊ด๊า กระโดดโลดเต้นไปรอบๆ ม้า ไร้ซึ่งภาพพจน์ของราชินีอย่างสิ้นเชิง นักฆ่าแห่งซาเรสยืนมองร่างบางคุ้นตาวิ่งไปมารอบๆ ม้าอย่างอารมณ์ดี หรือว่าไอ้ที่เราเห็นที่ตลาดจะเป็นภาพลวงตาฟะ

                       "เฮ้ คาโล ไปกันได้รึยัง ฉันอยากกลับเร็วๆ" เฟรินเร่งคนที่กำลังคุยกับโรเวนอยู่ไม่ไกล ตาสีหันมามองดุๆ เช่นเคย และแน่นอน...ว่าเธอก็ไม่สนใจมัน -*-

                       "เฟริน..." คิลเรียกแล้วโยนลูกสุนัขสีน้ำตาลตัวที่เธอเคยขอคาโลให้เอากลับคาโนวาลให้ เฟรินเงยหน้ามองอย่างไม่เข้าใจ

                       "ไอ้คาโลมันวานให้ไปเอามาให้แก จะเอาไปเลี้ยงไม่ใช่หรอ" ตาสีน้ำตาลทอประกายไปด้วยความดีใจแต่เจ้าตัวพยายามรักษามาดเอาไว้

                       "ว่าแต่แกจะเลี้ยงได้หรอเนี่ย"

                       "ได้ไม่ได้ ไว้แกไปเยี่ยมฉันที่คาโนวาลก็รู้เองล่ะ" คำสบประมาทที่โต้กันไปโต้กันมาสร้างเสียงหัวเราะให้เพื่อนสนิททั้งสองคนที่ไม่ได้พบกันนาน เพราะไม่ถนัดที่จะพูดกันหวานๆ หรือแสดงความรู้สึกออกไปด้วยคำพูดตรงๆ การแสดงออกด้วยท่าทางเหมือนเช่นเมื่อก่อนจึงดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

                       "เฟรินไปกันได้แล้ว"

                       "ไว้เจอกัน รีบๆ มีทายาทเข้าล่ะ ไหนๆ แกก็ไปเปลี่ยนไอ้กฏที่ให้พ่อลูกสู้กันแล้วนี่" คิลตบบ่าแรงๆ จะว่าให้กำลังใจก็ใช่ แต่จะว่าสัพหยอกก็ใช่เหมือนกัน (- -) เฟรินแยกเขี้ยวใส่ หน้าแดงซ่านด้วยความอายก่อนจะกระโดดขึ้นม้า และขบวนของคาโนวาลก็ค่อยๆ หายลับสายตาไป


    ----------------------------------------------------

                       "นาเดีย! คุณนาเดีย!!" เสียงหวานตะโกนเรียกข้ารับใช้ส่วนตัวทันทีที่กลับมาถึงวัง สองขาเรียวๆ วิ่งทั่กๆ หาให้วุ่น ไม่สนใจสายตาปรามดุๆ ที่ส่งตามหลังมาแต่งอย่างใด ก่อนจะเปิดประตูเข้าห้องนอน เผื่อว่ากำลังจัดห้องอยุ่

                       "อยู่นี่เพคะ ขอต้อนรับกลับมาค่ะ" นาเดียก้าวมาถึงค้อมตัวลงเล็กน้อย สะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสเปียกชื้นที่แก้ม เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบกับตัวต้นเหตุ

                       "ได้มาจากเอดินเบิร์กน่ะ น่ารักมั้ย" ยกขึ้นอวดพร้อมกับยิ้มกว้าง อีกฝ่ายยิ้มพยักหน้า

                       "น่ารักเพคะ แต่ว่า...ไปทำยังไงให้ฝ่าบาทยอมให้เลี้ยงสุนัขเพิ่มได้" เฟรินฉีกยิ้มกว้าง

                       "มันมีวิธี ไอ้คาโลน่ะชอบให้อ้อน แถมยังใจอ่อนด้วย" ว่าแล้วก็หัวเราะคิกคัก เอ...ทำไมมันเสียวสันหลังวาบๆ

                       "อ้อ งั้นหรอ" คนที่ชอบนินทาสะดุ้งเฮือก ทำไมมันชอบมาได้จังหวะทุกทีนะ คิดแล้วก็หันไปยิ้ม

                       "มาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่ให้สุ้มให้เสียงตกใจหมด" พูดพลางก็กอดหมาน้อยแน่น เหมือนกับเป็นที่พึ่ง คาโลไม่ตอบอะไรได้แต่ก้าวเข้ามาใกล้ๆ แล้วจัดการโยนหมาน้อยให้นาเดียไป

                       "พามันไปอาบน้ำให้เรียบร้อย" เธอค้อมตัวแล้วผละไป โดยที่...ไม่ลืมล็อคห้องให้เรียบร้อย ปล่อยให้คนสองคนจัดการสอบสวนกันเอง และไม่มีใครกล้าเฉียดเข้าไปใกล้ห้องนั้นเลยตลอดทั้งวัน

    ----------------------------------------------------

                       "ว่าไงนะ!!" เจ้าตัวที่แทบช็อคเป็นลมไปอีกรอบผุดลุกขึ้นทันทีที่ฟังคำวินิจฉัยอาการจากหมอหลวง ขณะที่ข้ารับใช้ข้างๆ ต่างพากันกรี๊ดกร๊าดดีใจจนออกนอกหน้า บางทีอาจะเป็นเพราะในห้องนี้ไม่มีคิงน้ำแข็งก้อนแห่งคาโนวาลก็เป็นได้ หมอหลวงยิ้มกว้าง

                       "ฟังไม่ผิดหรอกฝ่าบาท ทรงตั้งครรภ์ได้ 3 เดือนแล้วพะยะค่ะ" ไม่ๆๆๆ ตั้งครรภ์=ท้อง=ลูก.......................ไม่!!!!!!!!!!!!!!!! แค่คิดก็เวียนหัวจนคนรอบๆ ต้องรี่กันเข้ามาประคองไว้แทบไม่ทัน

                       "นี่ลุงหมอ ลุงหมอคงดูผิดไปแล้วมั้ง ผมอาจจะแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือ...กินมากเกินไปก็ได้นะ" เฟรินแย้งเสียงสั่นๆ

                       ....กินมากเกินไปกับผีแกน่ะสิ!!! แค่กินมากมันไม่ทำให้เป็นลมได้วันละ 3 หนหรอก ที่สำคัญไอ้ฤดูนางนั่นก็ไม่มาเกือบ 3 เดือนแล้วไม่ใช่หรอ ใจหนึ่งแย้งขึ้นมา

                       ....ไม่มีทาง!! ฉันเนี่ยนะท้อง!!! ผู้ชายนะเฟ้ย อีกเสียงหนึ่งแย้ง

                       ....แล้วสภาพแกตอนนี้ผู้ชายหรอฟะ เสียงแรกถามกลับออกแนวเยาะเย้ย

                       .....................................................................................

                       "ไม่มีทาง เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะฝ่าบาท หม่อมฉันเอาหัวเป็นประกัน" สาวเจ้าฟังแล้วอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ความดื้อแพ่งยังคงมีอยู่ เจ้าตัวเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าค้นเอาคทาสีดำคู่มือสามีมาแกะผ้าพันออก

                       "ลุงหมอ! ออกมาหน่อยผมมีเรื่องจะถาม" ขาดคำกลุ่มควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมา ก่อนจะรวมตัวกันเป็นร่างของหมอชราคุ้นตาที่ไม่ได้พบกันเสียนาน

                       "นายหญิง...มีอะไรหรอ" เธอยื่นแขนให้ไม่พูดมาก (สั่งอย่างเดียว)

                       "ตรวจ!" อีกฝ่ายทำหน้างงๆ ไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมตรวจร่างกายอีกฝ่ายแต่โดยดี แล้วสีหน้าแปลกใจก็ปรากฏขึ้น

                       "ว่าไง" เฟรินเร่งถามทันทีที่ตรวจเสร็จ ลุงิ้มให้

                       "ก็สบายดีนี่ ไม่เห็นจะเจ็บป่วยตรงไหน" คำพูดฟังแล้วชวนให้โล่งใจ เฟรินฉีกยิ้มกว้าง ก็นั่นไง....หมอหลวงตรวจมั่วชัดๆ อย่างนี้ต้องลงโทษให้ไปทำความสะอาดปราสาททั้งหลังดีมั้ยเนี่ย

                       "เพียงแค่นายหญิงกำลังจะมีผู้สืบสกุลให้นายท่านเท่านั้นเอง" ประโยคต่อมา เหมือนจะเป็นประโยคสั่งประหาร ความรู้สึกเหมือนโลกทั้งโลกพังครืนลงมา คราวนี้ควันสีขาวอีกกลุ่มก็พลันปรากฏขึ้น เฟรินสะดุ้งเฮือก รู้ดีว่ากำลังจะเจอกับอะไร เตรียมวิ่งออกจากห้อง หาก....

                       "นายหญิง!!! วิ่งอย่างนั้นไม่ได้นะคะ มันจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์" เสียงแจ๋วๆ ที่ห่างหายไปเสียนาน เสียงที่เธอพยายามที่จะไม่นึกถึงมันตั้งแต่ผ่านหลักสูตรมหาโหดนรกแตกนั่น ร่างจางๆ ของผีสาวค่อยๆ ปรากฏขึ้น

                       "น่าดีใจนะคะ ในที่สุดนายท่านก็มีทายาทจนได้" เธอยังคงพร่ำเพ้อต่อไป ไม่สนใจบรรดาข้ารับใช้ที่เป็นลมจากการช็อคเห็นผีกลางวันแสกๆ เหลือก็เพียงแต่นาเดียที่เคยร่วมงานกัน ลำบากเธอต้องปลุกเรียกสติบรรดาคนที่สลบทีละคนๆ

                       "งั้นหม่อมฉันจะไปทูลฝ่าบาทนะเพคะ"

                       "ไม่!! ห้ามบอกมันนะ ทุกคนด้วย...ห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกคาโลมันเด็ดขาด" เฟรินตะโกนแทรกขึ้นมาสร้างความแปลกใจและงุนงง

                       "ทำไมล่ะคะ ข่าวดีแบบนี้ควรจะต้องประกาศให้รู้กันทั่วคาโนวาลเสียด้วยซ้ำ" นาเดียถามงงๆ ผู้ที่กำลังจะเป็นแม่คนหน้าขึ้นสีเล็กน้อย พอจะเข้าใจความรู้สึกไอ้คิลกับเรนอนขึ้นมานิดๆ แล้วสิ

                       "ไม่รู้ล่ะ ถ้าผมรู้ว่าใครเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกล่ะก็ หึๆๆๆ" เสียงหัวเราะตบท้ายสร้างความวหวาดหวั่นให้กับคนฟัง ไม่ใช่เรื่องที่จะโดนประหาร แต่อาจจะเป็นเรื่องของหาย หรือการป่าวประกาศบางสิ่งบางอย่างที่แต่ละคนพยายามปกปิดเอาไว้ แต่แน่ล่ะ...คนที่รู้มีเพียงราชินีแห่งคาโนวาลที่มีลิ้นเป็นทอง(สาลิกา) อยากรู้เรื่องไหนไปหลอกถามเขามาหมด

                       "เอาล่ะ ผมจะนอนละ ทุกคนแยกย้ายกันไปเหอะ อย่าลืมนะ...ห้ามบอกไอ้คาโลเด็ดขาด" ย้ำอีกครั้งก่อนที่ทั้งหมดจะทยอยกันออกไปนอกห้อง บรรดาวิญญาณในคทาต่างก็หายวับไป เหลือแต่นาเดียที่ถูกรั้งเอาไว้ เฟรินจัดการพันผ้าและเก็บเอาไว้อย่างเดิมแล้วเดินกระแทกตัวลงนอนกับเตียงกว้างอย่างสับสน

                       "ทำไมคุณเฟรินถึงไม่อยากบอกฝ่าบาทล่ะคะ พอจะบอกได้มั้ย" นาเดียเข้ามานั่งใกล้ๆ เริ่มใช้ไม้อ่อน เฟรินมองหน้าหล่อนนิดนึงก่อนจะตอบ

                       "ก็...แค่ไม่อยากบอก" ข้าฯ คนสนิทยิ้มบางๆ

                       "แต่นานวันเข้าท้องก็ต้องนูนออกมาจนเห็นได้ชัดอยู่ดี แล้วไหนจะเรื่องยาบำรุงอีก" คราวนี้เฟรินทำหน้ายุ่ง เมื่อพูดถึงยา

                       "ช่างมันเหอะ ไว้ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากันอีกที เออนี่คุณนาเดีย...เวลาท้องเนี่ยเขาต้องทำไงบ้าง แล้วเวลาเลี้ยงลูกนี่ยากมั้ย ผมกลัวเวลาคลอดคงเจ็บน่าดู" ถามเป็นต่อยหอย หน้ายิ้มระรื่นตื่นเต้นจนคนที่มองแล้วอดยิ้มไม่ได้ คิดแล้วก็สยองเหมือนกันนะเนี่ย ไม่นึกไม่ฝันว่าหัวขโมยอย่างเฟริน เดอเบอร์โรว์ จะต้องมาคลอดลูก

                       "เจ็บค่ะ เจ็บมากๆ ด้วย" คำตอบทำเอาคนฟังหน้าซีดเผือด งั้นไปทำแท้งดีมั้ยเนี่ย

                       "แต่ว่านะคะ... เวลาที่อุ้มลูกครั้งแรก คนที่เป็นแม่จะลืมความเจ็บปวดไปเลยล่ะค่ะ" นาเดียลูบศีรษะเล็กนั้นอย่างเอ็นดู เธอเองก็มีลูก จึงรู้ดีถึงหัวอกของคนเป็นแม่ เฟรินนั่งนิ่งเงียบ...เงียบซะจนคนที่นั่งอยู่ด้วยอดสงสัยไม่ได้ ก็เคยอยู่นิ่งๆ อย่างนี้ซะที่ไหนล่ะ

                       "เป็นอะไรไปคะ" เฟรินสะดุ้งยิ้มแห้งๆ

                       "แค่กำลังนึกว่า...ถ้าคาโลรู้มันจะดีใจมั้ย.....แค่นั้นเอง" ตอบพลางหน้าขึ้นสี ใช่...มันจะดีใจมั้ยนะ นาเดียหัวเราะ

                       "แน่สิคะ คนที่มีครอบครัวก็ต้องดีใจกันทั้งนั้นล่ะค่ะ ลูกน่ะ ก็เหมือนของขวัญที่ส่งมาให้พ่อกับแม่ เป็นเหมือนสื่อที่ทำให้พ่อและแม่รู้ว่าเพราะความรักถึงทำให้ทั้งสองมาอยู่ด้วยกัน" เฟรินนั่งฟังเงียบๆ ก่อนจะเอ่ย

                       "ผม...ไม่คิดว่าจะเป็นแม่หรือผู้ปกครองของใครได้หรอกฮะ เคยคิดว่าเป็นผู้หญิงนี่โคตะระจะลำบาก แต่...พอคิดว่าตัวเองกำลังจะมีลูกแล้ว....มันกลับรู้สึกดีใจแทน เฮ้อ...คงจะบ้าไปแล้วแน่ๆ" ผมสีน้ำตาลยาวถูกยีเบาๆ จนยุ่งไปทั้งหัว

                       "ไม่หรอกค่ะ เอาเป็นว่า ตอนนี้คุณเฟรินต้องรักษาสุขภาพให้มากๆ เพราะในท้องมีอีกหนึ่งชีวิตที่คุณเฟรินจะต้องรับผิดชอบ เพราะฉะนั้นคงทำอะไรห่ามๆ อย่างที่เคยทำไม่ได้แล้วนะคะ" แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกันคิกคัก พูดคุยกันอย่างมีความสุขภายในห้องนั้นเอง เหอะๆๆๆๆ

    ----------------------------------------------------

                       บรรยากาศเย็นยะเยือกแผ่ปกคลุมไปทั่วปราสาทในฤดูร้อน จนน่าสงสัยว่าอากาศมันกลับตาลปัตรไปแล้วหรือยังไง ภายในห้องประชุมใหญ่บรรดาข้าราชบริพารต่างก้มหน้ากันเป็นแถบๆ ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตากับสายตาเยือกแข็งสีฟ้าของคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะแม้แต่คนเดียว หลายคนออกจะรู้สึกถึงเงาดำที่แผ่จางๆ อยู่ด้านหลังร่างสูงนั่นด้วยซ้ำไป แม้ว่าจะเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดมากที่สุดในชีวิตแต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากออกมา

                       "เอาล่ะ...สรุปว่างบประมาณทั้งหมดไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น เรื่องภาษีก็จัดการไปตามที่บอก มีใครจะเสนออะไรอีกมั้ย

                       "......................................................................"

                       "งั้นก็เลิกประชุมแค่นี้" เหมือนกับคำสั่งปลดปล่อยนักโทษประหารให้กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ทุกคนต่างพากันเก็บของแล้วหายวับไปแทบจะทันที ทิ้งไว้แต่กษัตริย์หนุ่มที่นั่งขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจหนักๆ ออกมา หลายเดือนมานี้เฟรินมีท่าทีแปลกๆ เดี๋ยวก็ขอย้ายไปนอนกับนาเดีย เดี๋ยวก็ขอกินข้าวคนเดียว แถมทำลับๆ ล่อๆ เหมือนทำผิดอะไรซักอย่าง พยายามหลบหน้าเขา และเรื่องวุ่นๆ ที่เคยเจอบ่อยๆ ก็เงียบหายไป มันก็น่าจะดีใจ แต่...มันแปลกเกินไปต่างหากล่ะ ที่จู่ๆ ไอ้ตัวดีจะรู้สึกสำนึกผิดทำตัวเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ ที่เขาทำกัน ยิ่งตอนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ มันไม่โผล่หน้ามาให้เห็นกี่อาทิตย์กันแล้วนะ คาโลถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะสบัดหน้าไล่ความคิดทั้งหมด เรียกหาข้ารับใช้ใกล้ๆ

                       "เฟรินอยู่ไหน"

                       "เอ่อ...อยู่กับคุณนาเดียในห้องเพคะ" คิ้วเข้มเลิกขึ้นแปลกใจ ทั้งๆ ที่ป่านนี้มันต้องวิ่งเล่นกับเจ้าฟาร์สุดที่รักของมันนี่นา(หมาค่ะ) แต่เขาก็แค่พยักหน้าแล้วเดินออกไป หากพ้นไปครึ่งทางก็นึกได้ว่าลืมของจึงย้อนกลับมาเอา

                       "ดีหรอที่ทูลฝ่าบาทว่าคุณเฟลิโอน่าอยู่ที่ห้องน่ะ" เสียงข้ารับใช้สาวสองคนคุยกันในห้องประชุม คงจะทำความสะอาดกันอยู่

                       "ก็...ไม่เห็นจะเป็นอะไรนี่ ยังไงซะคุณเฟลิโอน่าก็ไหลไปได้อยู่แล้ว ที่สำคัญฉันไม่ได้พูดเรื่องนั้นไปซะหน่อย" คาโลชะงักกึก เรื่องนั้น?? อารมณ์โมโหกรุ่นค่อยๆ ปะทุขึ้น แต่ก็ยังคงยืนนิ่งแอบฟังต่อไป (เพิ่งรู้กษัตริย์ทำแบบนี้ก็ได้ด้วย---หุบปาก..คาโล)

                       "แต่ฉันก็ไม่เข้าใจคุณเฟลิโอน่านะ ทั้งๆ ที่ข่าวดีขนาดนี้ ถ้าฝ่าบาททรงทราบล่ะก็ ทั้งวังคงได้เลี้ยงฉลอง" ความสงสัยเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ อะไร? เรื่องอะไรที่เรารู้แล้วต้องเลี้ยงฉลอง?? มันยอมเปลี่ยนสรรพนามให้คนอื่นเรียกว่าราชินีงั้นหรอ? หรือว่ายอมรับแล้วว่าตัวเองเป็นผู้หญิงก็เลยหันกลับไปเรียน 1008 วิธีการเป็นผู้หญิงที่ถูกต้องใหม่

                       "สงสัยจะอยากแกล้งล่ะมั้ง รู้ก็รู้ว่านิสัยคุณเฟลิโอน่าน่ะเป็นยังไง ที่สำคัญน่ะ...คงหวงลูกล่ะมั้ง คิคิ" แล้วเสียงหัวเราะคิกคักก็ดังมาให้ได้ยิน แต่ไอ้คนที่ยืนแอบฟังอยู่หน้าห้องนั้นช็อคตาค้างไปเรียบร้อยแล้ว ลูก?? หวง???

    ----------------------------------------------------

                       ปัง!!!

                       เสียงประตูเปิดกระแทกทำเอาคนในห้องสองคนที่นั่งคุยกันสะดุ้งเฮือก ร่างบางๆ ทรุดตัวลงนอนตะแคงข้างกับเตียงพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มสูงถึงคอ ขณะที่นาเดียเองก็ทำสีหน้านิ่งเฉย พยายามปกปิดความตกใจเอาไว้ ใช่...มันคงจะไม่มีอะไร ถ้าเขาไม่รู้ความจริง!! ขายาวๆ ก้าวฉับๆ เข้ามากระแทกตัวนั่งลงบนเตียง เรียกให้ข้ารับใช้แล่นลงไปนั่งที่พื้นแทบไม่ทัน

                       "เป็นอะไรของแกวะคาโล เปิดประตูดังลั่นขนาดนั้น อยากได้ประตูใหม่หรอไง" เฟรินถามห้วนๆ แต่ไม่ได้สร้างความหงุดหงิดให้กับคนฟังที่ตอนนี้มีแต่ความสงสัย และก็ต้องการคำตอบตอนนี้ ที่นี่ และเดี๋ยวนี้!!! ตาสีฟ้าจ้องส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นท้องเงียบๆ ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นว่าท้องมันนูนขึ้นอย่างชัดเจน จนคนถูกจ้องหน้าขึ้นสี

                       "มองอะไรของแก! จะทำตัวเป็นคนลามกแทนก้อนน้ำแข็งหรอไง" คราวนี้ตาสีฟ้าเลื่อนมาจับอยู่ที่ใบหน้า มือใหญ่คว้าข้อมือบางๆ ขึ้นมา

                       "ทำไมแกไม่บอกฉัน" เฟรินทำหน้างง อะไรของมันฟะ ถามแค่นี้จะไปรู้มั้ยเนี่ย

                       "อะไรที่ฉันไม่บอกแก งงโว้ย!!" พยายามจะสลัดมือให้หลุดแต่ก็ไม่เป็นผล คาโลชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ๆ ตาสีน้ำตาลจ้องสบตาสีฟ้าที่มีแววของความโกรธเล็กๆ เราไปทำอะไรให้มันโกรธอีกเนี่ย (ยังไม่รู้ตัว)

                       "กี่เดือนแล้ว" คำถามใหม่สั้นๆ ง่ายๆ กระชับได้ใจความหากผ่าเปรี้ยงลงมา สองคนที่ตอนนี้แบกความผิดโทษฐานปิดบังเจ้าพนักงานเริ่มหน้าซีดขึ้นมา

                       "อะ...อะไรเล่า กี่เดือนอะไรของแก" เฟรินเฉไฉออกนอกเรื่อง ใครไปบอกมันฟะ แง่งๆๆ คาโลกระตุกยิ้มน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ผุดลุกขึ้นยืน

                       "ไม่บอกก็ตามใจ ไปตามหมอหลวงมา! ฉันจะไปสอบสวนพวกข้ารับใช้ว่ามีใครบ้างที่รู้แล้วปิดบัง จะได้จับตัดคอเสียบประจานให้หมด" คราวนี้เฟรินหน้าซีดเผือด ร้องห้ามเสียงหลง

                       "อย่านะคาโล! ฉันบอกให้ไม่ให้บอกนายเอง" เธอลุกขึ้นมานั่ง สู้สายคมของอีกฝ่าย

                       "ตอนนี้ก็ 5 เดือนแล้ว" จำใจต้องตอบออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งที่กะจะปิดจนคลอดซะด้วยซ้ำ แววตาเข้มทอแสงอ่อนลง คาโลนั่งข้างๆ

                       "ทำไมแกไม่บอกฉัน" ถามซ้ำอีกครั้ง ไม่อยากฟังจากปากของคนอื่น เฟรินหน้าแดงเล็กๆ อ้ำอึ้ง

                       "คุณเฟรินเขากลัวว่าฝ่าบาทจะไม่อยากได้ทายาทเพคะ เพราะฝ่าบาทเคยบอกว่าเด็กๆ น่ะน่ารำคาญ" นาเดียเฉลยให้ฟังพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ขณะที่เจ้าตัวนั้นแยกเขี้ยวใส่ หักหลังกันนี่นา

                       "มีพ่อคนไหนที่ไม่รักลูกตัวเองบ้างเฟริน ทั้งๆ ที่ฉันอยากฟังจากปากนายแท้ๆ" แม้จะพูดเป็นเชิงตำหนิ แต่มือนั้นก็ดึงร่างบางเข้ามากอด ในใจตอนนี้มันพองโตไปหมด แค่คิดว่าลูกของเขากับเธอกำลังจะออกมาลืมตาดูโลก ในชีวิตเขามีเรื่องให้ดีใจไม่มากนัก และหนึ่งในนั้นก็คือเรื่องนี้

                       "ขอโทษ แค่อยากทำให้นายแปลกใจ" เฟรินรับผิดเสียงอ่อย คาโลผละออกมา มือลูบเส้นผมสีน้ำตาลยาวเล่น ดูมันสิ...รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกนี่ มันไม่ดีใจเลยหรอไง

                       "นายไม่ดีใจหรอ" ตาสีฟ้ามีประกายความแปลกใจ

                       "ทำไมจะไม่ดีใจล่ะ"

                       "ก็แกทำหน้าเฉยซะขนาดนั้น นี่หรอหน้าของคนที่กำลังจะเป็นพ่อคน" สะบัดหน้าพรืดไปอีกทาง เตรียมลุกหนี แต่ถูกดึงไว้ก่อน

                       "จะไปไหน" คาโลถามเสียงเข้ม

                       "ไปเล่นกับฟาร์ แกรู้ก็ดีแล้วอยู่แต่ในห้อง เบื่อจะตายชัก"

                       "ไม่ได้! ห้ามแกทำอะไรที่มันห่ามๆ เด็ดขาด ถ้าลูกเป็นอะไรขึ้นมาจะว่าไง" เฟรินตบหัวตัวเองดังเผียะ เอาเข้าไป...คำพูดเดียวกับผีพี่สาวเลย หรือว่าไอ้การที่มันรู้ความจริงจะแย่กว่าเดิมเนี่ย และสิ่งที่เธอคิดก็ไม่ผิด เมื่อคำสั่งจากกษัตริย์แห่งคาโนวาลให้เธอต้องอยู่ในสายตาของคนดูแลอย่างใกล้ชิด ห้ามเข้าใกล้ฟาร์หมาสุดรักจนกว่าจะคลอดด้วยเหตุผลที่ว่าอาจมีเชื้อโรค (หมาในวังนะนั่น) ห้ามวิ่งไปมาเพราะกลัวจะหกล้ม ห้ามเดินมาก ห้ามนู่นห้ามนี่ จนเธอแทบจะบ้าตาย


                       จนกระทั่ง...เวลาล่วงเลยไปจนหน้าหนาว หิมะขาวโพลนด้านนอกไม่ได้ทำให้อารมณ์ของผู้ที่กำลังเฝ้ารออยู่หน้าประตูใหญ่ลดลงแม้แต่น้อย เช้าของวันนี้เฟรินเกิดปวดท้องขึ้นมา ทำเอาทุกคนภายในวังต้องวิ่งกันวุ่น เพื่อเตรียมรับขวัญของรัชทายาทที่กำลังจะเกิดมา ข้ารับใช้หญิงวิ่งเข้าวิ่งออกหลายรอบจนน่าเวียนหัว หากที่น่าเวียนหัวมากกว่าคือการเดินสวนสนามของกษัตริย์แห่งคาโนวาลที่หน้าห้องมากกว่า ในมือมีคทาสีดำสนิท ข้างกายคือผีสาวที่ได้แต่ยืนให้กำลังใจนาย ที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หน้าต่างและโคมไฟในรัศมี 10 เมตรถูกแช่แข็งไปเรียบร้อยแล้ว

                       "อุแว้ๆๆๆ" เสียงร้องใสๆ ดังออกมาจากในห้อง เรียกสติให้คาโลหันขวับ ใจอยากจะเข้าไป แต่ถูกห้ามเอาไว้ก่อน

                       "ใจเย็นๆ ค่ะนายท่าน อีกสักครู่นายท่านได้เข้าไปแน่ๆ ค่ะ" ผีสาวร้องเสียงหลงเมื่อเห็นว่านายของหล่อนจะเปิดประตูเสียให้ได้ ร่างสูงสะบัดหน้าลดมือลงอย่างหงุดหงิด ผีที่มองอยู่ยิ้มน้อยๆ คงจะเป็นห่วงนายหญิงมากสินะเจ้าคะ

                       "เป็นพระโอรส ยินดีด้วยเพคะ" หมอตำแยที่เรียกเข้ามาทำคลอดให้เปิดประตูออกมาโดยที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ ก่อนจะหลีกทางให้คุณพ่อคนใหม่เข้าไปภายในห้องแต่โดยดี คาโลตรงรี่เข้าไปที่ร่างของหญิงสาวที่นอนหลับตาอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้าขาวแดงระเรื่ออีกทั้งเหงื่อยังเต็มใบหน้าและลำตัว ขณะที่ข้าฯ คนอื่นๆ กำลังจัดการสิ่งของต่างๆ ร่างสูงก้มลงจุมพิศที่หน้าผากบางนั้นแผ่วเบา เรียกให้คนที่หลับตาค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามอง

                       "อดทนได้ดีมากเฟริน" ใบหน้าเข้มเปื้อนรอยยิ้มอ่อนโยน

                       "แกก็พูดได้สิ มาคลอดเองดูมั้ย" เฟรินเถียงเบาๆ ไม่มีแรงจะตะคอกใส่ ขอล่ะ...ครั้งนี้ครั้งเดียว ไม่อยากท้องอีกแล้ว ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างเมื่อนาเดียอุ้มห่อผ้าเข้ามาใกล้ ก่อนจะค่อยๆ มอบให้เธออุ้ม ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ไม่จำเป็นที่จะต้องสอนวิธีที่ถูก เฟรินก็รู้ว่าควรจะอุ้มยังไง หากอีกห่อผ้าหนึ่งที่ตามมาถูกยื่นให้ชายหนุ่มที่นั่งงงอยู่

                       "แฝดเพคะ เป็นพระโอรสทั้งคู่เลย" นาเดียเฉลยแล้วยิ้มกว้าง คาโลอึ้งไป รับลูกชายอีกคนของตนมาอุ้มไว้โดยไม่ต้องสอนเช่นเดียวกัน

                       "เหมือนฉันนะคาโล" เฟรินเอ่ยแผ่วเบาขณะที่มองหน้าลูกในอ้อมอก ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ความรู้สึกตื้นตัน ดีใจจนแทบจะจุก นี่คงเป็นความรู้สึกที่นาเดียบอก ดีใจจนลืมความเจ็บปวดนั่นจนหมด

                       "ส่วนคนนี้เหมือนแก" เธอชะโงกดูทารกอีกคนในอ้อมแขนสามี จู่ๆ น้ำตาที่ไม่น่าจะเห็นก็รื้นขึ้น ทำเอาคาโลตกใจ รีบถามหาหมอหลวง แต่เธอโบกมือไว้เสียก่อน

                       "ฉันไม่เป็นอะไรหรอกคาโล ไม่นึกว่าคนอย่างฉันจะเป็นแม่คนได้" เธอยิ้มทั้งน้ำตา เพราะไม่เคยมีความทรงจำกับแม่ ทำให้เธอไม่รู้ว่าคำว่าแม่เป็นยังไง แต่พอต้องมาเจอ มันกลับทำให้เธอรู้สึกรักแม่อลิเซียมากขึ้นกว่าเดิม แค่เธอเห็นหน้าลูกก็ไม่อยากจะจากไปไหน แล้วแม่ที่ต้องตายไปก่อนล่ะ ตอนนั้นจะรู้สึกยังไง คาโลจูบที่ขมับเบาๆ เป็นการปลอบโยน บางที..การกระทำก็ดีกว่าคำพูดใดๆ

                       "ให้ฉันตั้งชื่อลูกนะคาโล" ร่างสูงพยักหน้าอนุญาต เฟรินขมวดคิ้วเล็กน้อย

                       "ลูกเป็นผู้ชาย...งั้นก็ เนอินกับเนอาร์นะ คนโตชื่อเนอิน คนเล็กชื่อเนอาร์"

                       "คนไหนล่ะ" คาโลถามพลางขมวดคิ้ว ก็ดันเป็นฝาแฝดนี่ แถมไม่มีตำหนิเด่นชัด

                       "คนที่ฉันอุ้มอยู่เป็นคนโต เขาคลอดก่อน ดูดีๆ นะผมเป็นสีน้ำตาล" ร่างสูงชะโงกเข้ามาดูใกล้ๆ ก่อนจะพยักหน้า

                       "คุณเฟรินพักผ่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะดูแลพระโอรสให้เอง" นาเดียเอ่ยขัดเมื่อเห็นว่า หน้าขาวๆ นั้นเริ่มซีด เฟรินลังเลนิดนึง หากก็ยอมส่งลูกให้เธออุ้มแต่โดยดี แล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็วในอ้อมกอดของคาโล


    ****************************TBC.....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×