ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Distance : การเดินทางที่ยาวไกล

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 : หาเรื่องหรอไง

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 49


                       เสียงพูดคุยดังสนั่นไปทั่วตลาดอย่างที่เป็นอยู่ทุกวัน ของที่ตั้งวางขายก็แทบจะไม่แตกต่างกันไปซักเท่าไหรนัก แต่...ทำไมไอ้นี่มันถึงชอบออกจากปราสาทมาเดินอยู่เรื่อย!! ตาสีม่วงที่ปรากฏแววขุ่นมัวเล็กน้อยนั้นจับจ้องอยู่ที่ร่างบางๆ ของเพื่อนสนิทตนที่เดินร้านนู้นเข้าร้านนี้อย่างสนุก ในขณะที่สามีมันต้องนอนพักฟื้นเพื่อให้กระดูกเข้าที่ได้สนิท (ก่อนหน้านั้นกระดูกทำงานหนักเล็กน้อย -*- ) หลังจากที่เมื่อเช้าได้ถามอาการของคาโลที่หายเร็วอย่างเหลือเชื่อ เจ้าตัวบอกมาว่า เพราะยาประคองชีวิตอีกทั้งก่อนที่กระดูกจะหักทั้งตัวร่างของเขาก็โดนย้ายไปข้างสนามเสียก่อน ส่วนเรนอนนั้นวันนี้พักผ่อนอยู่กับห้อง หรือถ้าจะพูดให้ถูกคือถูกบังคับให้พักผ่อนมากกว่า

                       "เฮ้...เดินพอรึยัง นี่ฉันเมื่อยขาแล้วนะ" คิลเริ่มบ่นออดๆ ฝ่ายที่กำลังสนุกหันมาฉีกยิ้มกว้าง ค่อยๆ ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า ก่อนจะโชว์สิ่งที่อยู่ในมือที่ทำให้คนมองแทบช็อค กระเป๋าตังค์ 4 ใบหลากสีเรียงกันอย่างเป็นระเบียบบนมือเรียวๆ นั้น

                       "นี่แก...." เฟรินหัวเราะหึๆ พลางเก็บทั้งหมดลงกระเป๋า แล้วเดินลัลล้าหาเหยื่อคนต่อไป คิลอึ้งไปนิดก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาอย่างไม่กลัวสายตาชาวบ้านชาวช่อง ขนาดเปลี่ยนยศจากหัวขโมยเป็นราชินี แต่ไอ้นิสัยหัวขโมยก็แก้ไม่หายจริงๆ นั่นล่ะ ยิ่งคิดยิ่งขำ หากเสียงโวยวายดังขัดขึ้นซะก่อน คิลเงยหน้าขึ้นมองหาเจ้าตัวดีที่ชอบสร้างปัญหา หรือมันจะไปหาเรื่องใครเข้าอีกแล้ว

                       "ปล่อยข้านะ!!! ไอ้หมอวิตถาร ไอ้เฒ่าลามก ซกมก โลลิค่อน" เสียงเล็กๆ ดังโวยวายมาด้านหน้า ชายหนุ่มรู้สึกโล่งใจไปเล็กน้อย เมื่อเสียงที่ได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงเพื่อนของตน แต่ไอ้อาการโล่งอกก็ต้องชะงักไป เมื่อเห็นเฟรินยืนมองเหตุการณ์รวมอยู่ในกลุ่มหน้าๆ สังหรณ์ไม่ดีแฮะ ว่าแล้วก็แหวกฝูงชนเข้าไปยืนชิดอย่างรวดเร็ว

                       "ไปกันเถอะ แกออกมานานเกินไปแล้ว"

                       "เดี๋ยว...รอดูไอ้นี่ก่อน" เฟรินเอ่ยเรียบๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องตรงไปยังร่างของเด็กชายตัวเล็กที่ถูกจับหิ้วขึ้นมา ในมือมีห่อกระดาษ ไม่ต้องเล่าก็รู้อยู่ ว่าเกิดอะไรขึ้น ชายชราร่างสูงอายุราวๆ 50-60 ปี ผมบนหัวนั้นเกือบจะเป็นสีขาวทั้งหมดแล้ว เขามองหน้าเด็กน้อยนั่นอย่างโกรธเคือง

                       "แกไม่มีสิทธิ์มาด่าข้า ไอ้อาร์ค! นี่แกขโมยยาของข้าไป 3 หนแล้วรู้ตัวบ้างรึปล่าว" ชายคนนั้นตะโกนแล้วโยนเด็กชายซัดกระแทกกับพื้น...จุกแน่ๆ ดูเหมือนจะไม่พอ หมอคนนั้นก้าวเข้ามาเตรียมกระทืบซ้ำ หากร่างบางๆ ของใครบางคนกลับก้าวเข้ามาขวาง โดยที่ไอ้คนที่ได้รับหน้าที่มาคุมได้แต่ยืนอ้าปากค้าง ชายคนนั้นเลิกคิ้วสูง

                       "มีอะไรหรอน้องสาว... อย่าบอกนะว่าจะปกป้องไอ้เด็กขโมยนี่" สายตากราดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างโลมเลียและกักฬขะ ชิชะ!...มองอย่างนั้นหมายความว่าไงวะ เฟรินเริ่มคิ้วกระตุก นึกถึงคำพูดของไอ้เด็กน้อยด้านหลังที่ได้ยินครั้งแรก ท่าจะจริงซะแล้ว....

                       "ก็ข้าบอกเจ้าแล้ว ว่าแม่ข้ากำลังป่วย แค่ขอเศษยาแบ่งมาบ้าง เจ้าก็ไม่ให้ แม่ข้าต้องการยา...ถ้าไม่ได้ยา แม่ข้าก็ต้องตาย" เด็กน้อยตะโกนตอบกลับ ขณะที่น้ำตาหยาดเล็กๆ เริ่มร่วงผล็อยลงมา เจ้าตัวนั้นก็รู้ดีถึงได้รีบปาดออกและสะกดเสียงสะอื้นเอาไว้ในใจ หล่อนเหลือบมองเด็กน้อย พื้นเพที่แตกต่างกัน แต่มีจุดร่วมคล้ายๆ กัน

                       "อยากได้ยาก็ต้องจ่ายเงิน โลกนี้ไม่มีอะไรฟรีนะโว้ยย" คำพูดจี้ใจดำคนที่ยืนขวางดังจึ้ก! ใช่... แม้แต่หัวขโมยก็ต้องแลกสิ่งที่อยากได้กับฝีมือและชีวิตที่ต้องเข้าไปเสี่ยง และดูจากสภาพเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นที่เด็กคนนี้ใส่ ก็บอกได้เหมือนกัน ว่าค่ายาที่แสนแพงนั้นคงไม่มีปัญญาหามาได้

                       "ไอ้หมอขี้งก! เป็นหมอแท้ๆ มีคนกำลังจะตายกลับเห็นเงินมาก่อนชีวิต" เด็กน้อยนามว่าอาร์คด่าฉอดๆ ไม่ยอมง่ายๆ ส่วนคนที่เป็นจำเลยโดนด่าเอาๆ เส้นเลือดที่หัวก็เริ่มปูด สาวเท้าเข้ามาเตรียมลงโทษไอ้เด็กเวรตรงหน้า

                       "เด็กนี่ก็พูดถูกนี่นาลุง" เสียงหวานใสๆ ดังขัดขึ้น เฟรินเงยหน้ามองอีกฝ่ายยิ้มๆ "เป็นหมอน่ะ ต้องเห็นคนป่วยมาเป็นอันดับแรก เพราะถ้าไม่มีคนป่วยก็ไม่ต้องมีหมอ จริงมั้ย" ถามเสียงสูงน่ากวนส้นเป็นอย่างยิ่ง

                       "อ้อ...คิดจะเข้าข้างไอ้เด็กขโมยนี่จริงๆ ด้วยสินะ ไอ้เรื่องนั้นข้าก็รู้ แต่ยังไงการหายาก็ต้องใช้เงิน ไม่รู้ล่ะ ถ้าวันนี้ไอ้เด็กนี่ไม่เจ็บตัวซะบ้างคงไม่รู้จักเข็ด น้องสาวก็หลบไปดีกว่า อย่าหาว่าฉันไม่เตือน" ว่าแล้วก็ย่างสุมเข้าไป หากร่างบางๆ นั้นยังคงยืนนิ่ง สายตาขี้เล่น ตามแบบฉบับของหัวขโมยอารมณ์ดีที่เคยทออยู่ในตาสีน้ำตาลนั้นมลายหายไป กลายเป็นแววตาที่เย็นชาจนน่ากลัว แววตาของกษัตริย์ที่น่าเกรงขาม คิลอึ้งไป... มันติดเชื้อไอ้คาโลหรอวะเนี่ย

                       "ถ้าแค่จ่ายเงิน ลุงก็จะให้ยาใช่มั้ย" น้ำเสียงราบเรียบเต็มไปด้วยอำนาจถูกเอื้อนเอ่ยออกจากกลีบปากบางๆ คู่นั้น หมอชราชะงักไปทันที อะไรวะ แม่นี่มันเป็นใครกัน เที่ยวสอดเรื่องชาวบ้านมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว เขาจ้องหน้าเด็กน้อยที่เงยหน้าสู้สายตา มันดูหยิ่งผยองจนน่าหมั่นไส้

                       "ไม่! ถ้าเป็นคนอื่นล่ะข้าให้แน่ แต่กับไอ้เด็กนี่ไม่มีทาง!!! อวดดี จองหองอย่างนี้ อยากรู้นักว่าถ้าแม่มันตายจะเป็นยังไง"

                       ผัวะ!!!

                       ขาดคำหมัดเล็กๆ ก็ตรงเข้ากระแทกใบหน้าตอบๆ นั้นเต็มแรง จนคนโดนต่อยกระเด็นล้มลงกับพื้น

                       "เด็กมันผิดเพราะไปขโมยยาของลุงฉันไม่เถียง แต่การที่ลุงเป็นหมอกลับพูดจาที่แช่งให้คนป่วยไปตายแบบนี้ อย่าเรียกตัวเองว่าหมอดีกว่า!!!" เฟรินตะโกนลั่น จนคิลกุมขมับ น็อตหลุด ฟิวส์ขาดซะแล้ว... ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ๆ

                       "พอเถอะ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าไอ้คาโลรู้แกจะซวยนา" สายตาคมๆ ตวัดมามองเป็นเชิงว่า 'ก็ช่างมันสิ เรื่องนี้กูยอมไม่ได้' จนเขาต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก เริ่มตั้งจิตอธิษฐานถึงคาโลที่นอนอยู่ที่ห้องพัก คาโลเอ๋ยยย มาช่วยฉันหน่อยเหอะ คนที่จะขัดไอ้เฟรินได้มีแกคนเดียว~ ชายชรายันตัวเองขึ้นมา จ้องใบหน้าหวานนั้นอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ขอบปากปรากฏรอยเลือดเล็กๆ ถึงแม้จะอยู่ในช่วงหน้าสิวหน้าขวาน แต่คิลก็อดคิดไม่ได้ว่า หมัดหนักดีนี่หว่า.. ฝีมือยังไม่ตก

                       "นังนี่! ไม่กลัวตายซะแล้ว กล้ามาชกข้าได้ ขอกรีดไอ้หน้างามๆ นั่นกับแผลอีกซักสองแผลหน่อยเถอะ" คราวนี้เฟรินเริ่มเอาจริง ถึงขนาดเรียกผ่าปฐพีมาไว้ในมือ จนบรรดาเอดินเบิร์กมุงรีบสลายโต๋กันอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังคงมองดูอยู่ห่างๆ ส่วนหมอคนนั้นก็ชักมีดออกมาขู่

                       "ใครกันแน่ที่ไม่กลัวตาย..." เฟรินยิ้มเยาะ เข้าทางเราเป๊ะ! "ใครกันระหว่างเฟริน วาเนบลี (ฟังแล้วสยองขนเล็กน้อยว่ามะ) ที่กำลังต่อสู้ปกป้องตัวเองกับเด็กน้อย จากหมอแก่ๆ คนนึงที่กล้าหันคมมีดเข้าใส่ราชินีแห่งคาโนวาล" สิ้นคำพูด คนที่สาวเท้าเข้ามาต้องหยุดกึก มันว่าอะไรนะ.... เมื่อมาถึงขั้นนี้ นักฆ่าแห่งซาเรสก็ถึงบางอ้อ แล้วกลั้นหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว แสบนี่หว่าไอ้เฟริน กฏของเอดินเบิร์กคือห้ามฆ่าคนตาย แต่...ถ้าถูกจับในฐานะลอบปลงพระชนน์ราชินีแห่งคาโนวาลก็ต้องคุมตัวไปลงโทษที่คาโนวาลแทน และ...แน่ล่ะ ว่าคงไม่พ้นโทษประหาร

                       "หึ! ราชินีประเทศไหน แต่งตัวซอมซ่อ เดินตลาดอย่างสามัญชน ถ้าอย่างเจ้าเป็นราชินีแห่งคาโนวาล ข้าก็เป็นคิงของคาโนวาลแล้วล่ะ" คำพูดนี้ทำให้คิลต้องหลุดก๊ากออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ บทดวงจะจู๋ก็จู๋ซะกุดติดลบเลยนะลุงหมอ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ โอย ปวดท้อง... ขณะที่คิลกำลังหัวเราะแทบเป็นแทบตาย เฟรินกลับมีเพียงสีหน้ายิ้มๆ

                       "โทษทีนะลุง...คิงของคาโนวาลน่ะคือไอ้คาโลมัน ถ้าอยากได้ตำแหน่งนั้นก็ไปสู้กับมันเองก็แล้วกัน และที่สำคัญนะ...คิงองค์ปัจจุบันน่ะ หนุ่มกว่าลุงตั้งเยอะ" แล้วก็หัวเราะหึๆ เป็นการตบท้าย ดูเหมือนจะลืมไปแล้วว่าไอ้ที่ทะเลาะกันเนี่ยเพราะอะไร... ( - -" )

                       "นินทาอะไร" เสียงทุ้มเย็นชาถามห้วนๆ ตามนิสัยดังจากด้านหลัง เฟรินสะดุ้งเฮือก ก่อนจะหันมายิ้มแห้งๆ ให้กับเจ้าของเรือนผมสีเงิน สูงโปร่ง ในชุดลำลองธรรมดายืนกอดอกอยู่ ตาสีฟ้าที่ตอนนี้ปรากฏแววโกรธเล็กๆ ที่ราชินีของเขาหนีออกมานอกปราสาท แถมยังมาทำตัวให้เป็นจุดเด่นอีกต่างหาก ไม่รู้ตัวเลยหรอไงว่ามีคนคิดจะลอบสังหารน่ะ หมอชราขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วไอ้หนุ่มท่าทางสำอางนี่มันใครกัน

                       "ปล่าวนะคาโล... ฉันแค่ช่วยไม่ให้เด็กคนนี้โดนไอ้หมอวิตถารคนนี้ทำร้ายเอาเพราะไปขโมยยา แต่พอบอกว่าฉันจะเป็นฝ่ายจ่ายเงิน มันก็บอกว่าไม่รับแถมจะทำร้ายฉันอีก ก็เลยต้องป้องกันตัว" ร่างบางๆ ก้าวเท้าเข้าไปเกาะแขนคาโลอย่างเอาใจ น้ำเสียงหวานๆ เล่าเจื้อยแจ้วคร่าวๆ ให้ฟัง แน่ล่ะ...ว่าตัดส่วนที่เธอตั๊นหน้าไอ้หมอนั่นออกไป

                       "แล้วทำไมต้องเอ่ยถึงฉัน" ถามกลับเป็นเชิงสั่งว่าบอกความจริงมาเดี๋ยวนี้! หากเจ้าตัวดีก็ยังคงยิ้มแป้น ก่อนจะสลดลงเล็กน้อย

                       "ก็...ตอนแรกกะจะขู่ด้วยผ่าปฐพี แต่ไอ้หมอนั่นท่าทางจะเอาจริง แกก็น่าจะรู้นะ ว่าฉันไม่ได้จับดาบมานานแค่ไหน ซ้อมก็ไม่ได้ซ้อม พอมาตอนนี้จะเอาแรงที่ไหนไปสู้ ฉันเลยใช้ตำแหน่งขู่ไป ว่าคนที่หันมีดให้ราชินีนั่นล่ะจะกลายเป็นคนหาเรื่องเข้าตัว แต่มันก็ไม่เชื่อ แถมยังบอกว่าถ้าฉันเป็นราชินีแห่งคาโนวาล มันก็คงเป็นคิงของคาโนวาล แล้วอย่างนี้ไม่ให้ฉันโมโหได้หรอ" น้ำเสียงออดอ้อนสุดฤทธิ์กับประกายตาวิบวับน่าสงสารที่ทำให้ผู้ชมรอบๆ ต้องอึ้งอีกครั้ง โอ้....อะไรจะแหลได้เก่งขนาดนี้

                       "ถ้าแกไม่เชื่อถามคิลดูก็ได้ มันเห็นตั้งแต่ต้นจนจบเลย" จู่ๆ ก็โยนให้เพื่อนที่ยืนขำต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อตัวแสบโยนตำแหน่งผู้สมรู้ร่วมคิดมาให้ ตาสีฟ้าตวัดหันมามองเป็นคำถาม คิลมองร่างบางตัวต้นเรื่องอย่างเคืองๆ แต่มันกลับฉีกยิ้มกวนประสาทมาให้

                       "เอ้อ...ใช่ อย่างที่ไอ้เฟรินมันบอกนั่นล่ะ แถมตอนที่ทะเลาะกันเมื่อกี้ มันยังบอกเลยว่ามันอ่ะ คิดถูกแล้วที่แต่งงานกับคิงของคาโนวาล เพราะมันอ่ะ รักแกมากกกกกกกกก" แกล้งลากเสียงยาวแก้เผ็ดเพื่อนตัวแสบที่ตอนนี้หน้าขึ้นสีด้วยความอาย ไอ้คิล!! ฉันไม่ได้ให้แกเสริมซะหน่อย รอให้จบเรื่องนี้ก่อน แก...........ตายยยย!!! ขณะที่ยืนเถียงกันอยู่ ความอดทนของชายชราก็หมดลง พุ่งตัวเข้าใส่เป้าหมายที่ยืนเขินอยู่ หมายจะให้มีดในมือปักเข้าส่วนใดส่วนหนึ่ง หากความเร็วของนักฆ่าแห่งซาเรสที่หายวับไปล็อคคออีกฝ่ายนั้นเร็วกว่า

                       "อ๊ะๆ อย่าดีกว่าลุง แค่นี้ก็ประหาร 7 ชั่วโคตรแล้วนะ" คิลพูดกลั้วหัวเราะ คนที่โดนล็อคก็ได้แต่ดิ้นไปมาเพื่อที่จะให้หลุดออกมา เสียงวิ่งของคนกลุ่มหนึ่งวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ที่ชุมนุมกัน หัวหน้าเสนาธิการฝ่ายซ้ายและขวาวิ่งตาลีตาลานกันเข้ามา หมอที่เป็นชายชรา หรือชายชราที่เป็นิ้มสะใจ

                       "เดี๋ยวพวกแกได้เข้าคุกแน่"

                       "ฝ่าบาท เกิดอะไรขึ้นพะยะค่ะ" สรรพนามเรียกร่างสูงผมสีเงินที่ เขาด่ามันอยู่ในใจว่าสำอางแทบทำให้ช็อคตาย คาโลตวัดตามองผู้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่เล็กน้อย หากเจ้าตัวดีที่ผละขึ้นมายืนตัวตรงวางมาดกลับเป็นฝ่ายชิงตอบแทน

                       "มาก็ดีแล้ว ท่านเบแลนด์ ท่านหมอคนนี้บังอาจหันมีดเข้าหาเรา กฏของเอดินเบิร์กคือห้ามฆ่าคนตาย แต่เราจะขอคุมตัวคนๆ นี้กลับไปลงโทษที่คาโนวาลจะได้หรือไม่" คำพูดวางอำนาจอย่างที่ไม่ค่อยจะได้ยิน ยกเว้นเวลาอยากแกล้งเขาถูกเอ่ยขึ้น เสนาธิการฝ่ายซ้ายนิ่งไป ก่อนจะค้อมตัวลง

                       "คงต้องขอคำตัดสินจากท่านเลโมธีก่อนพะยะค่ะราชินี หม่อมฉันไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้เองได้" คำสรรพนามเรียกร่างบางผมสีน้ำตาลอ่อน ยิ่งทำให้คนโดนข้อหาลบหลู่ราชินีแห่งคาโนวาลหน้าซีดเผือดหนักกว่าเก่า คาโลยกมือห้ามก่อนที่เรื่องมันจะเลยเถิดไปกว่านี้

                       "ไม่ต้องล่ะ เบแลนด์ ยังไงซะ เขาก็ยังไม่ได้ทำอันตรายกับเฟริน กลับกันได้แล้ว เตรียมตัวกลับคาโนวาลพรุ่งนี้" เฟรินพยักหน้าว่าง่ายๆ ก็...อารมณ์อยากกลับบ้านมันมีมากกว่าอารมณ์อยากหาเรื่องคนแล้วนี่นะ

                       "เอ้อ..คาโล เดี๋ยวให้หมอหลวงมาดูอาการแม่เด็กคนนี้ด้วยนะ" คาโลมองเด็กน้อยที่สะดุ้งกับตาสีฟ้าคมๆ นั่น ก่อนจะพยักหน้า แม้ว่าจะไม่ค่อยเห็นด้วยก็ตามที เฟรินยิ้มกว้าง เดินตามร่างสูงกลับปราสาทเอดินเบิร์ก ส่วนคิลนั้นปล่อยมือที่จับล็อคอีกฝ่ายไว้ก่อนจะวิ่งตามไป โดยไม่ลืมที่จะหยอกตบท้ายอีกเล็กน้อย

                       "รอดตายไปนะลุง"


    ****************************TBC.....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×