ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Distance : การเดินทางที่ยาวไกล

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 3 : รุกฆาต!

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 49


                       "คิดดีแล้วหรอเฟริน" น้ำเสียงของมาทิลด้าย้ำความคิดของอดีตตัวป่วนประจำป้อมอัศวินที่ตอนนี้หันไปเป็นตัวป่วนประจำคาโนวาลเครียดๆ เฟรินฉีกยิ้มกว้างกับคำถามนั้น

                       "แน่นอน ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไปหาคนอื่นทำแทนดีกว่า" ตอบด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะโดยไม่สนใจกับสีหน้าวิตกของมาทิลด้าที่จ้องมองแผ่นกระดาษในมือ รายชื่อของผู้ที่จะต้องลงแข่งในหมากกระดานเกียรติยศรอบสุดท้าย

                       "แต่จู่ๆ จะให้คาโลไปเป็นเบี้ย แล้วยกโรเป็นคิงแทนอย่างนี้ไม่แรงไปหน่อยหรอ ที่สำคัญควีนน่ะเขาให้ผู้หญิงเป็นไม่ใช่หรอ" เอ่ยอย่างหนักใจ ก็เล่นเอาขอทานไปเป็นคิงนี่นา ถึงจะเป็นขอทานกิตติมศักดิ์ก็เหอะ แถมยังเปลี่ยนตำแหน่งเกือบทั้งหมด เจ้าตัวแสบยิ้มกว้างกว่าเดิม นึกอยู่แล้วว่ามาทิลด้าต้องค้าน หึๆๆ

                       "ก็ไม่มีกฎข้อไหนบอกนี่ ว่าควีนต้องให้ผู้หญิงเป็นคนเล่น อีกอย่างนะถ้าขโมยยังมาเรียนกับเจ้าหญิงได้ ขอทานก็สามารถเป็นคิงได้เหมือนกัน" เหลือบไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าหญิงแห่งอเมซอนที่ยังคงยืนทำหน้าเฉยไม่รู้สึกอะไรเป็นน้ำแข็งตายด้าน มาทิลด้าถอนหายใจหนัก คิดดีแล้วหรอเนี่ยที่ให้เจ้าตัวยุ่งคนนี้เป็นคนถือป้ายกระดานเกียรติยศ

                       "ฉันก็เห็นด้วยกับมาทิลด้านะ จัดตำแหน่งแบบนี้ยังไงก็ดูเหมือนจับฉ่ายมากกว่า" แองเจลีน่าออกความเห็นบ้าง ถึงจะเห็นฝีมือการเดินหมากของเฟรินมาแล้วก็เหอะ แต่มันน่าเชื่อใจซะที่ไหนล่ะกับหัวขโมยที่ดีแต่ชอบก่อเรื่องทั้งวัน

                       "ยอมคุณเฟรินเถอะค่ะ ยังไงซะพวกเราต้องชนะเท่านั้นนะคะ" เรนอนเตือนเสียงแผ่ว นั่นล่ะคือเหตุผลสำคัญที่พวกเธอจำต้องยอมรับการจัดสรรคนของเฟริน

                       เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ ณ ห้องอาหารดราก้อนที่แสนจะคึกคัก เช่นเดียวกับทุกๆ วันที่เมื่อพักเที่ยงนักเรียนหลายชั้นปีต่างพากันมาหาอะไรใส่กระเพาะ ก่อนที่จะไปผจญกับบทเรียนที่แสนน่าเบื่อหน่ายในช่วงบ่ายต่อ เช่นเดียวกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วหากยังคงอยู่เนื่องด้วยงานเลี้ยงรุ่นที่ทยอยกันลงมากินข้าวเหมือนเช่นสมัยเรียนปกติ

                       "ทำไมมันต้องรีบขนาดนั้นด้วยนะ" เจ้าของตาสีม่วงประกายบ่นพึมพำเบาๆ ขำไปกับท่าทางของเพื่อนตัวแสบ อีกคนหนึ่งที่เดินไปเข้าแถวช้าๆ ก็ไม่ตอบอะไรซึ่งเขาก็เดาไว้แล้วจึงไม่สนใจ

                       "นั่งด้วยคนนะ" ว่าแล้วก็นั่งฉับลงฝั่งตรงข้ามขอทานแห่งทริสทอร์ซะง่ายๆ ไม่ต้องรอคำอนุญาต ตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ จนคนตรงหน้าอดมองไม่ได้ เฮ้อ...นี่หรอ ราชินีแห่งเดมอสและบารามอส แถมพ่วงตำแหน่งราชินีแห่งคาโนวาลอีกตำแหน่ง ครู่หนึ่งคิลกับคาโลก็เข้ามาสมทบ

                       "นายจะกินช้าๆ บ้างไม่ได้หรอเฟริน นี่คาโลไม่ได้สอนแกให้รู้ว่าราชินีที่ดีควรกินแบบไหนหรอไง" เฟรินตวัดมองแล้วกระตุกยิ้มไม่ใส่ใจ แล้วก้มลงจ้วงต่อ โดยมีสายตาปรามๆ ที่ไม่เคยใช้ได้ผลจ้องมอง

                       "สอนแล้วแต่มันไม่จำ"

                       "เฟริน" เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ทั้งโต๊ะหันกลับไปมองคนเรียก ยกเว้นคาโล มาทิลด้าเดินมานั่งข้างๆ ด้วยสีหน้าจริงจังเช่นเคย

                       "เรื่องหมากกระดานเกียรติยศ...เรนอนเสนอให้เธอเป็นคนถือป้าย"

                       เคร้ง!!

                       "ไม่!" เฟรินคว้าช้อนขึ้นมากินต่อ เหอะ!...ไอ้เรื่องน่าเบื่ออย่างนั้นน่ะ ให้ตายก็ไม่ทำ

                       "ทำไม" น้ำเสียงเริ่มแข็งขึ้นมาเล็กๆ ใช่ว่าเธอจะเห็นด้วยกับเรนอนหรอกนะ แต่โดนขอร้องมาให้มาพูดต่างหาก คนฟังฉีกยิ้มกว้างกวนๆ เผลอลูบแผลเป็นใต้ตาซ้ายอย่างเคยตัว

                       "ก็ถ้าให้ฉันเล่น ก็สงสารพวกทีมอื่นๆ แย่น่ะสิ" มาทิลด้าขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่เจ้าของตาสีเขียวกลับยิ้มที่มุมปาก ฝีมือหมากรุกของไอ้หมอนี่ หรือจะเรียกว่าแม่นี่ดีนะ หึๆๆ เขาที่เจอมากับตัวได้ยิ้มบางๆ คิลเริ่มขำคิกคักชอบใจ ส่วนคาโลยังคงนั่งกินข้าวต่อไป

                       "หมายความว่ายังไง" หล่อนถามกลับ คาโลเริ่มส่งสายตาเจื้อยแจ้วนั้นให้หยุดลง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อคำพูดประโยคนี้หลุดออกมา

                       "โธ่! ให้ฉันเป็นคนเล่น อย่างนี้ถ้วยรางวัลก็เป็นของพวกเราอยู่แล้วว" ส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคออย่างอวดเก่ง หารู้ไม่มฤตยูได้มาอยู่ข้างหลังแล้ว

                       "ขนาดนั้นเลยหรอเฟริน" เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นพาให้คนฟังขนลุกเกรียวหันขวับกลับไปมอง คิงโรเวน ฮาเวิร์ด แห่งเจมิไนยืนยิ้มอยู่ คนที่เพิ่งอวดภูมิตัวเองส่งยิ้มแหยๆ ให้ ซวยแล้วมั้ยตู พี่เขามายืนตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เพียงแต่โรเวน แต่ข้างหลังยังมีอดีต 2 คู่หูดูโอแห่งป้อมอัศวิน

                       "อวดเก่ง" นักบวชผมทองบ่นหงุดหงิด ผิดกับซาตานผมดำที่ยิ้มแย้ม

                       "เอาน่า ลอรี่..." ไม่ทันขาดคำฤทธิ์มีดสั้นก็ฟันฉับ ลูคัสก้มหลบวืดแล้วเงยหน้ามายิ้มให้ ยิ่งทำให้ลอเรนส์หงุดหงิดหนักขึ้นไปอีก

                       "ในเมื่อเฟรี่มั่นใจขนาดนั้นเห็นทีบ่ายนี้พวกเราคงได้พบกันในรอบสุดท้ายนะ" ลูคัสเอ่ยยิ้มๆ แต่เน้นทีละพยางค์จนดูน่ากลัว เฟรินหน้าซีดหดเหลือ 2 เซนต์ คิลหัวเราะคิกคักชอบใจกับเรนอนสองคน คาโลหยุดกินหันมามองบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่ โรกับมาทิลด้านั้นนั่งฟังอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว

                       "นั่นสิ ถือว่าเป็นการแสดงการเคารพต่อรุ่นพี่ด้วยไง เพราะขนาดราชินีของคาโนวาลพูดก็ต้องไม่คืนคำเช่นกษัตริย์จริงมั้ย??" ขอทานตาสีเขียวสนับสนุนออกนอกหน้าจนราชินีแห่งคาโนวาลอยากเอาจานข้าวยัดปากพล่อยๆ ของมันโดยไม่สนภาพลักษณ์ (ปกติก็ไม่สนอยู่แล้ว) ดีแต่หาเรื่องมาให้เขาเหนื่อยอยู่เรื่อย โรเวนพยักหน้าหงึกหงัก

                       "โรพูดถูกแล้ว เอาล่ะ...ฉันจะรอเธอนะ เฟลิโน่า วาเนบลี" จากคำพูดเมื่อเช้า ทำให้บรรยากาศในห้องนั่งเล่นตึงเครียดขึ้นมา ยิ่งเห็นผังการจัดหมากของโรเวนที่ให้สี่ขุนพลลงเป็นตัวสำรอง ไม่เว้นแม้แต่ไธนอส แม้ว่าการจัดหมากแบบนี้จะเป็นการจัดหมากเฉพาะรอบแรก แต่ก็ทำให้บรรยากาศไปด้วยความฮึกเหิมที่จะตีฝ่าไปให้ถึงรอบชิงเพื่อที่อาจจะได้ประลองกับสามในสี่ขุนพล

                       "ว่าไงก็ว่าตามกัน ในเมื่อตัดสินใจแล้ว" มาทิลด้าสรุปอย่างอ่อนใจ

                       "แล้วเรื่องรอบแรกล่ะครับ กำหนดมาให้แต่รอบสุดท้ายแบบนี้ อย่าบอกว่าคุณเฟรินจะใช้ชุดนี้ตลอด" ซีบิลถามขึ้นมาคำถามเดียวที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คน เฟรินฉีกยิ้มให้อีกครั้ง จุ๊ปากเบาๆ อย่างน่ากวน

                       "รอบแรกๆ ใครจะสมัครลงตำแหน่งไหนก็ตามใจ แต่คิงต้องให้ไอ้คาโลเป็น" เสียงผิวปากดังล้อเลียนชวนให้หน้าขึ้นสี หากสิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงรอยยิ้มกวนๆ ในแบบที่ไม่มีใครรู้ว่าคนๆ นี้กำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนขอทานที่เตรียมยกตัวเองเป็นคิงในศึกรอบชิงได้แต่จิบน้ำชายิ้มมุมปาก ก็แค่อยากให้ไอ้คาโลมันอยู่ใกล้หูใกล้ตาหน่อยก็แค่นั้น ทำเป็นอ้อมโน่นอ้อมนี่ หึๆ

    ----------------------------------------------------

                       แล้วด้วยการจัดผังหมากอย่างมั่วซั่วที่สุดนับแต่มีการแข่งหมากกระดานเกียรติยศมาก็นำพาเอาทีมของเฟรินฝ่าฟันมาจนถึงรอบสุดท้ายได้อย่างไม่น่าเชื่อสายตาใครๆ โดยที่ตัวคิงนั้นแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ได้แต่ยืนปั้นหน้านิ่งสร้างป้อมน้ำแข็งเย็นๆ ให้คนถือป้ายได้คลายร้อนเท่านั้น และด้วยกิตติศัพท์ที่เลื่องลือถึงการจัดหมากพิศดารของเฟริน เมื่อประกาศจากมิสแรมเซิลดังไปทั่วบริเวณเอดินเบิร์ก ผู้คนต่างก็ล้นหลามกันเข้ามาชมจนบัตรไม่พอ เกือบจะเกิดจลาจลขึ้นมาย่อมๆ สุดท้ายก็จำต้องเสกพื้นที่ให้กว้างขึ้นเพื่อรองรับคน (งานนี้ฟรี มีใครอยากไปบ้างง)

                       "โอ้โห คนเพียบเลยว่ะ" ครี๊ดผิวปากหวือเมื่อแอบมองผ่านประตูมองขึ้นไปบนอัฐจรรย์พิเศษที่สร้างขึ้นมาใหม่

                       "ปอดหรอไง" เจคหยอกใส่แล้วหัวเราะหึๆๆ ชายตาเดียวหัวเราะก๊ากใหญ่

                       "ไอ้บ้า อยากออกไปเร็วๆ มากกว่า อยากรู้ว่าพวกพี่โรเวนจะจัดสี่ขุนพลลงมามั้ย" ตอบแล้วทำตาเป็นประกายวิบวับอย่างตื่นเต้น อีกมุมหนึ่งคิลกำลังนั่งหัวเราะกิ๊กกั๊กกับสงครามปากย่อมๆ ของเพื่อนตัวดีทั้งสองคน

                       "เข้าใจแล้วใช่มั้ยว่าห้ามใจอ่อน ต่อให้เป็นแค่เบี้ยและเหลือเพียงตัวเดียวบนกระดานก็สามารถชนะได้นะเฟ้ย เพราะงั้นห้ามใจอ่อนเข้าใจมั้ย" เฟรินคาดคั้นเอาคำตอบของคำถามนี้มาร่วมหลายนาทีแล้ว หากคาโลกลับทำหน้าเฉยไม่สนใจ ส่วนเรนอนนั้นก็ได้แต่มองยิ้มๆ เธอถูกกันไม่ให้ลงแข่งเนื่องด้วยเหตุผลที่เฟรินรู้อยู่คนเดียว ซึ่งดูเหมือนคิลเองก็พอใจมากทีเดียว หลังจากที่กังวลอยู่นานว่ามันจะเอาเรนอนลงเพื่อให้ทีมเขาชนะหรือไม่ เมื่อทั้งหมดดื่มน้ำประคองชีวิตเรียบร้อยก็ทยอยกันเดินออกไปประจำตำแหน่งในสนามขนาดใหญ่ ขณะที่เฟรินคว้าข้อมือสามีเธอไว้ได้ก่อน ตาสีฟ้าหันมาสบเป็นเชิงถามแกมตำหนิ

                       "ถ้าเห็นว่าไม่ไหวก็บอก ฉันจะได้ยอมแพ้" แม้ว่าเธอจะมั่นใจว่าคนๆ นี้ไม่มีทางแพ้ใครแน่ๆ แต่ความหวั่นใจลึกๆ ก็ดูจะไม่หายไปง่ายๆ คาโลนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อรู้เหตุผลที่เธอดึงเขาไว้ มือใหญ่ยกขึ้นลูบศีรษะเล็กนั้นเบาๆ

                       "นายทำหน้าที่ของนายให้ดีก็แล้วกัน" เฟรินพยักหน้าช้าๆ ก่อนจะเดินออกไปและขึ้นไปประจำตำแหน่ง ตาสีน้ำตาลทอดมองไปยังฝั่งตรงข้าม คิ้วบางเผลอขมวดเข้าหากันแล้วแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายส่งลอเรนส์และโซมาเนียลงมาเป็นเบี้ย ขณะเดียวกันก็จับชิวาสมาเป็นม้า และให้ลูคัสเป็นบิชอฟ หากไม่เพียงแต่ฝ่ายเฟรินที่แปลกใจ ทุกคนก็ต้องฮือฮาเมื่อเห็นตัวเดินหมากที่สลับกับรอบแรกๆ ที่ผ่านมา  ตัวเบี้ยแปดตัวมีทิวดอร์ โซโล ครี๊ด คาโล แองเจลีน่า เจค คิลและเอ็ดเวิร์ด เรือมีนิกส์กับโคลว์ ม้ามีเดทกับอาชูร่า  บิชอปโดนส่งให้ซีบิลกับมาทิลด้า ควีนนี่ให้กัสรับไป สุดท้ายคนที่ได้ตำแหน่งคิงคือโร เซวาเรส เดอะ เบ็กการ์ ออฟ ทริสทอร์

                       "อย่างนี้สิค่อยน่าสนใจหน่อย" เดทเงยหน้าขึ้นมาจากคอม้ามองคู่ต่อสู้พลางบิดขี้เกียจ

                       "ตะกี้ไอ้เฟรินมันคุยอะไรกับแก" คิลสะกิดคนข้างๆ กระซิบถามให้ได้ยินกันแค่สองคน หากกษัตริย์แห่งคาโนวาลที่ตอนนี้ต้องมารับบทเป็นเบี้ยตามคำสั่งนายเหนือหัว(??)กลับทอดสายตามองไปยังคู่ต่อสู้อย่างสงบเช่นเดียวกับกัสและโร ขณะที่เอ็ดเวิร์ด เจค โซโล และครี๊ดเริ่มวอร์มอัพร่างกายตาเป็นประกายระยิบระยับ ส่วนนิกส์ก็ยังคงนั่งฮัมเพลงง่วงๆ ตามประสานักกวี ซีบิลยืนหลับตานิ่งรวบรวมสมาธิ มาทิลด้านั้นตอนนี้มีแต่ความกังวลใจกับการที่ต้องฝากการแข่งนี้ไว้กับเจ้าตัวดีที่นั่งขมวดคิ้วอยู่ด้านบน

                       "เบี้ยสอง จีสี่" เสียงใสๆ ดังเปิดกระดานก่อนและการแข่งขันก็ได้เริ่มต้นขึ้น โรเวนส่งเบี้ยมาปะทะกับครี๊ดและเอ็ดเวิร์ด ชัยชนะได้ตกเป็นของรุ่นน้องพร้อมๆ กับที่กำลังใจไหลเวียนเข้ามาท่วมท้น หากความดีใจนั้นคงอยู่ได้ไม่นานนัก เมื่อแองเจลีน่าถูกชีวาสจัดการต้องโดนส่งออกนอกสนามไปเบี้ยจึงเผชิญหน้ากับคิง โดยมีเสียงสวรรค์จากเบื้องบนลงมาสั่งกำชับเป็นระยะๆ .....

                       "ถ้าแกแพ้ ฉันจะประกาศเรื่องของแก" ขณะศึกที่ตำแหน่งคิงยังไม่ได้เริ่ม อีกด้านหนึ่งกลับปะทุขึ้นอย่างดุเดือด

                       ฟึ่บ!!

                       เสียงผ้าสะบัดลมอย่างรวดเร็วดังมานานพอๆ กับที่มีดหลายสิบเล่นตวัดผ่านเงาที่วิ่งวนไปมา ตาสีอะมีธีสต์กวาดตามอย่างหงุดหงิด บ่นพึมพำเบาๆ "ทำตัวเป็นลิงไปได้"

                       ฉึก!

                       มีดเล่มสุดท้ายปักขวางหน้าคิลที่ชะงักกึก ตาสีม่วงจ้องมองรุ่นพี่อย่างชอบใจ อย่างนี้สิ มันถึงจะสนุก ยิ้มกระตุกขึ้นที่มุมปากเหมือนจะเย้ยหยันคนที่จ้องมองไม่สบอารมณ์

                       "สู้เขานะลอรี่ ฉันให้กำลังใจนายอยู่ใกล้ๆ นี่" ลูคัสตะโกนเชียร์ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมที่หงิกจนใกล้จะกลายเป็นเลขแปด และเพราะอยู่ในการต่อสู้ จึงไม่จำเป็นต้องระวังตัวว่ามีดบินที่เขาแสนจะคุ้นเคยจะตวัดกลับมาตอนนี้

                       "เลิกเล่นได้แล้ว" มีดสั้นนับสิบในมือทั้งสองข้างปรากฏขึ้น เจ้าของนัยน์ตาสีม่วงประกายยิ้มกว้าง นั่นสิ...เลิกเล่นดีกว่า คิดแล้วก็หายวับจากจุดที่ยืนพริบตาไปโผล่ล็อคด้านหลังของผู้เป็นรุ่นพี่ ประกายไฟฟ้าแล่นแปลบปลาบบนมือ

                       "จบซะแล้ว" คิลเอ่ยแผ่วเบา จัดการช็อตกระแสไฟฟ้าเข้าที่ลำคอ หากร่างของลอเรนส์ที่เขาล็อคไว้กลับหายวับไป ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรต่อ มีดสั้นสองเล่มก็พุ่งปักเข้าที่ขาทั้งสอง เลือดสีแดงสดไหลกลืนกับสีกางเกง

                       "เห็นภาพติดตาหรอไง" ลอเรนส์ถามโดยที่ใบหน้ายังคงเต็มไปด้วยรอยหงุดหงิด คิลดึงมีดสั้นออกแล้วซัดทิ้งออกไปข้างตัว "เร็วนักก็ต้องทำให้หยุด"

                       "เบี้ยหนึ่งยอมแพ้" เสียงใสประกาศสงบศึกพร้อมกับที่ร่างของคิลหายวับไปอยู่ข้างสนาม

                       "เฮ้!...ฉันยังไม่แพ้ซะหน่อย" คนถูกสั่งให้ยอมแพ้โวยวายขณะที่แพทย์สนามวิ่งเข้ามาดูอาการที่ขา

                       "เฟรินทำถูกแล้ว ดูที่คอแกสิ" คาโลที่เดินไปยังตำแหน่งบีสี่ในสนามเป็นคนตอบ ปากแผลบางหากคมกริบที่ลำคอ ทำให้เลือดอุ่นๆ ค่อยๆ ไหลซึมออกมาไม่รู้ตัว ตอนไหนเนี่ย... กลับมาดูทางคิงที่เริ่มดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ เมื่อชิวาสพยายามเข้าโจมตีหากโรก็สามารถป้องกันได้ทั้งหมด ยิ่งการต่อสู้นานเท่าไหร่เฟรินก็ร้อนใจมากขึ้นเท่านั้น

                       "ไอ้โร ฉันให้เวลาแกอีกไม่นาน ไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนบอกมันตรงนี้ล่ะ" คำสั่งจากคนถือป้ายประกาศเปรี้ยงลงมา ทำให้ขอทานต้องสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะยอมพยักหน้าเข้าใจ มนต์บทสั้นๆ ถูกบริกรรมขึ้น แล้วจู่ๆ ชิวาสก็ล้มลงหมดสติก่อนจะโดนย้ายร่างไปข้างสนาม ท่ามกลางความตกตะลึงของเพื่อนๆและคนดู ที่ดูอยู่

                       "แกใช้เวทย์อะไรวะไอ้โร" ครี๊ดตะโกนถาม หากมีเพียงรอยยิ้มบางๆ จากเจ้าตัวเป็นคำตอบ ชิ...ไอ้นี่ชอบหมกเม็ดคราวก่อนก็ทีนึงแล้ว

                       "ม้าดีแปด รุกฆาต" สิ้นคำประกาศเสียงฮือฮาก็ดังขึ้น เพราะส่วนใหญ่ต่างจับตาคู่ของเบี้ย และคิงที่เพิ่งจะสู้จบไปเมื่อครู่ เมื่อเดทก้าวมาถึงตำแหน่งคิง ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้ม หากคิงนั้นกลับยืนนิ่งรอเวลาที่อีกฝ่ายเป็นฝ่ายบุกเข้าไป เมื่อเห็นว่าผู้เป็นคิงไม่บุก เดทจึงเป็นฝ่ายบุกเสียเอง เสียงดาบปะทะกันดังสนั่นไปทั่วสนาม ยิ่งนาน...นัยน์ตาของเดทก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ พร้อมกับที่เงาทะมึนคล้ายมังกรค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่แขน มือขวาฟาดดาบลงไปอย่างแรง หากอีกมือหนึ่งกลับปรากฏงูเห่าสีดำมะเมื่อม เดททิ้งมันลงกับพื้นแล้วจับดาบด้วยมือทั้งสองกดลงไปด้วยแรงมหาศาลเพื่อรอเวลาที่งูเห่าตัวนั้นจะเป็นตัวตัดสิน ในขณะที่แววแห่งชัยชนะกำลังจะปรากฏให้ฝั่งรุ่นน้อง คำสั่งจากโรเวนที่ทำให้เฟรินแทบหยุดหายใจก็ดังขึ้น

                       "เบี้ยหนึ่ง บีสี่ ปะทะเบี้ย" รุ่นพี่ผู้อารมณ์ดีตลอดศกขัดกับฉายาซาตานก้าวเข้ามาพร้อมกับยิ้มให้

                       "ฉันอยากสู้กับนายมานานแล้ว คาลี่" คาโลไม่ตอบอะไร ลูคัสยิ้มเย็นๆ ก่อนจะถอดแว่นตาออก เสียงกระพือปีกของเหยี่ยวเวทย์ดังเข้ามาให้ได้ยินราวกับต้องการข่มขวัญ

                       "ไม่มีคทาแบบนี้คงจะใช้เวทย์ลำบากหน่อยนะ" แววตาสีดำที่เคยมีรอยยิ้มหายไปจนหมด และถูกทดแทนด้วยความน่ากลัว พร้อมๆ กับรังสีของการฆ่าแผ่พุ่งออกมา คาโลกระชับดาบในมือ ลูคัสพูดถูก...เขาไม่ถนัดที่จะจับดาบเท่าจับคทา

                       แกว๊ก!!!

                       เหยี่ยวใหญ่ตัวหนึ่งโฉบต่ำลง หมายสร้างบาดแผลให้อีกฝ่าย หากคาโลกระโดดหลบพ้นอย่างเฉียดฉิวก่อนจะพุ่งเข้าใส่รุ่นพี่ที่ยืนนิ่ง ขาที่ก้าววิ่งหยุดชะงักราวกับถูกบางอย่างพันธนาการเอาไว้ ตาสีฟ้าตวัดมองเบื้องล่าง เงาของเขา...กำลังยึดขาเอาไว้กับที่

                       ฟ่อ!!

                       เมื่อเงยหน้าขึ้นมา คือดวงตาสีเหลืองเรียวที่กำลังจ้องสะกดให้เขาลืมหายใจ มหาจงอางตัวใหญ่ค่อยๆ เลื้อยเข้ามาใกล้ ราวกับต้องการทรมานให้ผู้ที่ถูกตรึงค่อยๆ คลั่งช้าๆ คาโลตัวแข็งทื่อรู้ดีว่าตนกำลังถูกสะกดด้วยสายตานั่น ไม่ทันไร งูใหญ่ก็เลื้อยมาหยุดอยู่ตรงหน้า มันชูคอแผ่แม่เบี้ย แผงคอของมันใหญ่พอๆ กับร่มใหญ่ที่กางเต็มที่ มันกำลังจะฉกกัด...

                       "คาโล!!!" เสียงเรียกสติดังมาจากด้านหลัง ทำให้เขากระโดดหลบฉากไป เป้าหมายที่เล็งไว้แต่แรกจึงกลายเป็นพื้นสนาม ไม่รอช้าคาโลก็พุ่งเข้าใส่ต้นร่างที่เป็นคนเรียกมันออกมา หากเหยี่ยวเวทย์ที่คุ้มกันอยู่รอบๆ โฉบลงมาข่วนหลังเป็นแผลใหญ่เหวอะหวะ เลือดสีแดงไหลรินกับปากแผลที่น่ากลัว ยิ่งทำให้คนที่มองใจหาย ลืมการตัดสินระหว่างคิงกับม้าที่อยู่อีกด้านหนึ่งเสียสนิท คาโลกัดฟันกรอดแล้วยืนนิ่งสนิท จนลูคัสเลิกคิ้วสูงอย่างแปลกใจ ถอดใจแล้วอย่างนั้นหรอ??

                       ฟ้าที่มืดมัวจากการกระทำของเดทเริ่มค่อยๆ แปรเปลี่ยน เสียงฟ้าร้องแปลบปลาบดังครืนไปทั่ว คนที่อยู่บนอัฒจรรย์เริ่มหาที่หลบฝนกันยกใหญ่ เหลือเพียงไม่กี่คนที่ยังคงจับตาการต่อสู่ที่น่าสนใจนี้ ตาสีฟ้าถูกจ้องสบกับตาสีดำนั่นอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อใช้ดาบไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้ แล้วพายุหิมะขนาดใหญ่ก็เริ่มโปรยปรายและโหมซัดลงมาในสนาม บาดแผลที่หลังถูกน้ำแข็งเกาะเป็นการห้ามเลือดชั่วคราว

                       "อา...เอาจริงซะทีนะ" ลูคัสยิ้มพอใจ แต่สายตาไม่ได้ละไปจากคิงแห่งคาโนวาลไปแม้แต่นิดเดียว แล้วงูใหญ่อีกสองตัวก็ปรากฏตัวข้างกายคาโล มันชูคอส่ายไปมาราวกับต้องการร่ายรำให้ผู้ที่พบเห็นเผลอไผล หากไม่นานนักน้ำแข็งก็เริ่มเกาะงูทั้งสองตัว ด้วยเหตุที่เป็นงูที่เกิดจากเวทย์มันจึงไร้ซึ่งสัญชาตญาณการเอาตัวรอดหรือความหวาดกลัว จนในที่สุดก็กลายเป็นน้ำแข็งไปทั้งหมด

                       "เลือกเล่นงูได้มั้ง" คาโลเอื้อนเอ่ยเสียงเย็นๆ เย็นเสียจนหญิงสาวที่นั่งดูอยู่เริ่มหวาดกลัว หรือมันจะกลายเป็นปิศาจนั่นอีก ลูคัสยังยิ้ม...ยิ้มกว้างจนน่าสงสัย

                       "ฮ่าๆๆ ฉันไม่ได้เล่นแต่งูนะคาลี่" สิ้นคำ เถาวัลย์ไม้ก็พุ่งขึ้นมารัดตัวคาโล มันเลื้อยขึ้นไปปิดปากที่เตรียมจะร่ายมนต์ทำลายมัน

                       "สู้กับนายนี่ก็สนุกดีนะคาลี่ แต่...เห็นทีต้องทำให้มันจบซะแล้ว" แล้วเถาไม้เหล่านั้นก็เริ่มรัดตัวเองแน่นขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าเจ็บปวดที่ไม่เคยได้เห็นปรากฏขึ้นบนใบหน้าน้ำแข็งนั่น น้ำแข็งที่ห้ามเลือดไว้แตกออก ทำให้เลือดสีแดงไหลรินเล็ดลอดช่องว่างระหว่างเถาวัลย์

                       กร๊อบ!!!

                       "ไม่!!!!!!!!!!!!" เฟรินตะโกนลั่น แล้วสติทั้งหมดก็ดับวูบไป


    ****************************TBC.....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×