ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Believed

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 : จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 49


                       ตั้งแต่เกิดมาเรียกว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งที่ทำให้พวกเขาต้องเครียดมากที่สุดในรอบยี่สิบปีเลยก็ว่าได้ บรรยากาศอันน่าอึดอัดที่ดำเนินมาร่วมสองชั่วโมงจากการพูดเป็นต่อยหอยของร่างบางตรงหน้าที่ยังไม่มีทีท่าจะหยุดลงง่ายๆ ภายในห้องของโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากท่าเรือนัก ชายหนุ่มใบหน้าพิมพ์เดียวกันนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น เหนือขึ้นไปคือผู้เป็นแม่ที่นั่งฉอดๆๆๆ และผู้เป็นพ่อที่ยืนอยู่เงียบๆ ไม่คิดจะห้ามอาการไม่สำรวมของภรรยาในยามนี้แม้แต่น้อย และแน่นอนว่าเรื่องทำให้คนอย่างเฟริน เดอเบอร์โรว์ยอมปากเปื่อยในครั้งนี้ก็ต้องเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาทำไปทำให้ชื่อเสียงของคาโนวาลป่นปี้ไม่เป็นชิ้นดีด้วยคำครหาที่ว่าไร้มารยาทและความรับผิดชอบ มันคงจะไม่มีอะไร...ถ้าไม่เพราะไอ้ที่ลูกชายตัวแสบของเธอไปทำขายหน้านั่นจะไม่ใช่ต่อหน้าผู้ที่มีศักดิ์เป็นอาแท้ๆ ของเธอ ชามัล ฟาโรเวล เดอะ คิง ออฟ บารามอสที่ปัจจุบันยังคงยึดบัลลังก์ไว้ได้อย่างแน่นหนา เนอินถอนหายใจเฮือกอย่างเบื่อหน่ายกับอาการขี้บ่นของผู้เป็นแม่ที่นับวันยิ่งจะเพิ่มปริมาณมากขึ้น คิดแล้วก็เผลออดยิ้มกว้างขึ้นมาไม่ได้

                       นี่ล่ะนะที่เขาเรียกว่าคนแก่มักขี้บ่น

                       "ดูเหมือนว่าแกยังไม่ได้รู้สึกสำนึกผิดอะไรเลยนะ เนอิน" น้ำเสียงหวานทักห้วนให้คนยิ้มเงยหน้าขึ้นสบตาแล้วยิ้มกว้างขึ้นกว่าเดิมราวกับต้องการท้าทาย เนอาร์เหลือบมองพี่ชายด้วยหางตาเงียบๆ ด้วยความเคยชิน ไม่มีครั้งไหนที่แม่ลูกจะคุยกันดีๆ ได้เกินสิบนาที แน่นอนว่ารวมถึงการอบรมจากท่านแม่อย่างหาได้อย่างแบบนี้แล้วด้วย มักจะลงท้ายด้วย.....

                       "ก็แค่คิดว่าเจ๊บ่นเก่งขึ้นเหมือนคนแก่ไม่มีผิด"

                       ปึด!

                       "ไอ้เนอิน!!!" เหมือนเสียงอะไรบางอย่างขาดผึงลง เฟรินก็กระโจนเข้าไปกะจะเสยหมัดงามๆ เข้าหน้าหล่อๆ ที่ได้เชื้อจากพ่อมันซักเปรี้ยงตอบแทนให้คุ้มกับการที่มันชอบเตือนสติเธอว่าแก่ลงแค่ไหน บวกกับไอ้สรรพนามที่เธอพยายามแหกปากให้มันเลิกเรียกเธอแบบนั้น หากเอวบางกลับถูกรวบเอาไว้ด้วยลำแขนแกร่งของผู้เป็นสามีแทน เฟรินดิ้นขลุกขลักไม่ยอมละความพยายามจนเมื่อวงแขนนั้นเริ่มกระชับเข้าหาไออุ่นของคิงน้ำแข็งมากกว่าเดิม นั่นล่ะ...ถึงจะยอมหยุด

                       เมื่อเห็นว่าร่างในอ้อมกอดยอมหยุดพยศ คาโลจึงเบนสายตาคมไปหาตัวต้นเรื่องที่เห็นเรื่องฟาดปากกับบุพการีเป็นกิจกรรมย่อยอาหารและการคลายเครียดอย่างหนึ่งแทน ตาสีฟ้าของผู้เป็นลูกสบนิ่งก่อนที่เจ้าตัวจะถอนหายใจลุกขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้แทนเช่นเดียวกับเนอาร์

                       "ยังไงพวกผมสองคนก็ขอยืนยันคำเดิม" คำตัดสินใจถูกเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงจริงจัง จริงจังมากเสียจนคนฟังถึงกับอึ้ง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ เงียบเสียจนแทบจะได้ยินเสียงหายใจของแต่ละคนก่อนจะถูกทำลายลงด้วยเสียงหายใจของผู้ที่เรียกว่าน่าจะอยู่ในตำแหน่งที่ลำบากที่สุด

                       "ถึงอย่างนั้นก็ต้องกลับไปกล่าวขอโทษ" คาโลพูดขึ้น หากเฟรินกลับโบกมือว่อนไปมา

                       "ปล่าวประโยชน์" เนอินพยักหน้าเห็นด้วยแทบจะทันที

                       "ท่านพ่อคิดว่าคิงชามัลจะยอมรับคำขอโทษโดยไม่มีเงื่อนไขอย่างนั้นหรอไง" ประโยคที่ทำให้เขาต้องหนักใจเป็นสองเท่า ใช่ว่าจะไม่รู้...แต่ถ้ารู้ขนาดนั้นทำไมถึงทำอะไรไม่คิด คาโลนึกสบถในใจ คิดแล้วก็เหลือบมองใบหน้าหวานที่พยายามผลักให้ตัวเองหลุดเป็นอิสระแล้วยอมปล่อยแต่โดยดี

                       "แล้วแกจะทำยังไง" คราวนี้ถึงตาที่ผู้เป็นลูกนิ่งเงียบบ้าง เพราะนอกจากแผนการณ์หนีให้พ้นจากพิธีหมั้นบ้าๆ นั่นแล้วก็ไม่มีอะไรอยู่ในหัวเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นเพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เนอาร์ถอนหายใจ

                       "ท่านหญิงเพโลเนียกับท่านหญิงอาเวเรียมีอะไรไม่ดีหรอไง พวกแกถึงได้ปฏิเสธ" เฟรินเอ่ยเข้าประเด็นต่ออีกครั้งหนึ่ง ตาสีน้ำตาลคมเบือนออกไปมองนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิดพยายามนึกหน้าเจ้าของชื่อทั้งสองคนที่อาจจะเคยเจอกันซักครั้งสองครั้งในงานใดงานหนึ่งที่คาโนวาล

                       "ท่านหญิงนกหวีดกับท่านหญิงไม้ล้มลุกเนี่ยนะ" คำอธิบายลักษณะที่หลุดออกมาจากปากเนอินอย่างหวาดๆ ทำให้คนที่กำลังนึกถึงกับปิ๊งขึ้นมาแทบจะทันที ภายในงานเมื่อสองปีก่อนที่จัดขึ้นด้วยเหตุผลอะไรก็ตามที่เขาลืมไปแล้ว ได้มีการเชิญบุคคลสำคัญของประเทศอื่นๆ มาด้วย และสองคนในจำนวนของสตรีผู้สูงศักดิ์จากบารามอสและคาโนวาล ก็คือเด็กสาวร่างบอบบางแต่ความแหลมของเสียงเธอเป็นหนึ่งในใต้หล้า อีกทั้งมือทั้งสองยังมีความเหนียวชนิดที่ขนาดคนกะล่อนอย่างเนอินยังสลัดไม่พ้น และอีกคนหนึ่ง...ท่านหญิงผู้อ่อนแอ ทำอะไรไม่เป็นซักอย่าง ซุ่มซ่ามเป็นอันดับหนึ่ง ที่สำคัญ...เอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ

                       ท่านพ่อกับท่านแม่ใช้ซีรีบรัมส่วนไหนคัดเลือกสองคนนี้เนี่ย

                       เนอาร์คิดแล้วส่ายหน้าปลง เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะถูกใจของเฟรินก่อนที่จะหายไปอย่างรวดเร็วด้วยสายตาปรามของร่างสูงข้างๆ แล้วกลับมาเก๊กหน้าให้ดูเป็นเคร่งเครียดเหมือนเดิม....ใช่ ความเคร่งเครียดที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

                       "นั่นไม่ใช่คำที่สมควรจะพูดนะเนอิน" เฟรินเตือนด้วยรอยยิ้มกว้างกับอาการพยายามกลั้นหัวเราะเต็มสตรีมขณะที่คนใกล้ตัวก็ดูจะอึดอัดไม่แพ้กัน งานนี้ไม่บอกก็รู้ว่าใครเป็นคนเสนอชื่อของสองคนนี้

                       คงเป็นอำมาตย์เฒ่าประจำสำนักและแม่ทัพใหญ่ที่มีความเหมือนกันในด้านการตามใจลูกสาวสุดฤทธิ์

                       จะดีก็แต่ท่านหญิงเพโลเนียออกจะลุยได้ทุกที่เพราะถูกฝึกมากับแม่ทัพใหญ่ผู้เป็นพ่อก็เท่านั้น

                       และแน่นอนว่าคงมีเหตุผลชนิดที่ท่านพ่อปฏิเสธไม่ออก

                       เนอินไหวไหล่เล็กน้อยไม่ใส่ใจกับคำกล่าวหา เพราะรู้ดีว่าทั้งสองคนต่างก็เห็นด้วยกับความคิดของตน

                       "แล้วใครที่เจ๊จะเลือกมาเป็นไม้กันหมาให้พวกผม" คนถูกถามฉีกยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงคนที่ตัวเองคัดเลือกมา อ้าปากจะตอบแต่ถูกคนที่เงียบอยู่นานสอดปากขึ้นมาแทน

                       "ท่านพ่อท่านแม่คงไม่คิดบังคับให้พวกผมแต่งงานแบบคลุมถุงชนหรอกใช่มั้ยฮะ" เฟรินสะอึกไปรอยยิ้มกว้างหุบฉับลงทันที อดีตที่ผ่านมาแล่นเข้ามาในหัว เธอเข้าใจความรู้สึกของลูกชายทั้งสองคนดี แต่...ตำแหน่งที่มันค้ำคออยู่กลับกลายเป็นโซ่ตรวนที่มัดขังพวกเขาแยกออกจากอิสระ

                       "แล้วพวกแกจะหลุบหางหนีไปแบบพวกขี้ขลาดงั้นสิ" นัยน์ตาสองคู่กร้าวขึ้นมาแทบจะทันทีเมื่อได้ยินคำสบประมาณ ก่อนที่ตาสีฟ้าจะทอแสงอ่อนลงเมื่อรู้ดีว่าหล่อนกำลังปั่นหัวพวกเขาและเปลี่ยนกลับมาเป็นแววขี้เล่นของคนที่ไม่คิดจริงจังอะไรกับชีวิตแทน

                       "ถ้านั่นแลกกับอิสรภาพในการตัดสินใจเรื่องนี้ล่ะก็...ใช่ครับ" เนอาร์พูดขึ้น ยิ่งสร้างความหนักใจให้กับคนกลางมากขึ้น ลองให้ลิงสองตัวตัดสินใจได้แน่วแน่แบบนี้...ป่วยการที่จะพูด เฟรินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคมพยักหน้าให้แล้วถอนหายใจเฮือกเตรียมเดินออกจากห้องไปพร้อมกับร่างสูง

                       "เฮ้อ...พวกแกนี่มันพวกดื้อด้าน" แค่นั้นรอยยิ้มกว้างก็ระบายขึ้นบนใบหน้าของเนอิน ขณะที่เนอาร์ขยับยิ้มเล็กน้อย แต่แล้วสีหน้าลำบากใจก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหัวขโมยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับคำประกาศิตที่ประกาศให้คนฟังตัวแข็งทื่อก่อนที่ประตูจะปิดลง

                       "แต่เสียใจว่ะ..พวกแกต้องกลับไปขอโทษคิงชามัลที่บารามอส แล้วก็ต้องแต่งงานกับคนที่พวกฉันเลือก"

                       กริ๊ก!

                       ปึง!!

                       เนอินถลาไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว กลอนประตูถูกบิดอย่างรวดเร็วหากไม่สามารถทำให้ประตูตรงหน้าขยับเปิดออกได้ตามที่คิดจะทำ ขณะที่เนอาร์ก็สำรวจหน้าต่างที่ถูกปิดล็อกไว้ด้วยเช่นกัน ตาสีฟ้าวาวโรจน์เต็มไปด้วยโทสะ

                       "ท่านพ่อ! ท่านแม่!" มือใหญ่ทุบประตูโครมๆ หวังจะให้บุคคลที่เพิ่งเดินออกไปเดินกลับมาปลดปล่อยพวกเขาไป แต่ก็ไร้ผลใดๆ ทั้งสิ้น คิ้วเข้มกระตุกแรง จะด้วยเพราะอาการเจ็บใจที่โดนหลอก หรือเพราะเรื่องที่คิดไม่เป็นไปตามที่วางไว้ก็ไม่ทราบได้ ดาบใหญ่คู่กายก็ได้ถูกเรียกเข้ามาในมือ

                       โครม!!

                       เนอินฟาดผ่าปฐพีลงไปเต็มแรง แต่มันไม่ได้สร้างรอยขีดข่วนใดๆ ให้กับประตูตรงหน้าได้แม้แต่น้อย ตาสองคู่เบิกกว้างอย่างรู้ตัวว่าเสียทีให้กับผู้เป็นพ่อเสียแล้ว

                       เมื่อจอมเจ้าเล่ห์อันดับหนึ่งกับคิงน้ำแข็งแห่งคาโนวาลมาจับมือกันแบบนี้...คนที่ไม่รอดคือพวกเขา!!

                       ถึงปกติจะมีเรื่องให้ทะเลาะกันมาตลอด แต่ถ้าลองได้ร่วมมือกันเมื่อไหร่แล้ว...ความบรรลัยจะมาเยือนศัตรูของสองคนนั้น เนอาร์คิดอย่างเจ็บแสบรู้ซึ้งดีถึงความแข็งแกร่งและความโหดร้ายของการสองคนนี้ ฝ่ายเนอินก็ฟาดแรงทั้งหมดใส่ทุกส่วนของห้องไม่ยั้ง เตียง ตู้ โต๊ะ ผ้าม่านถูกแปรสภาพเป็นเศษไม้อย่างรวดเร็ว ตาสีฟ้าวาวโรจน์ด้วยโทสะที่พุ่งแทบดันให้สมองทะลุกะโหลกออกมาก่อนจะจัดการปลดสร้อยข้อมือเก่าเก็บเข้ากระเป๋าแล้วคว้าเอาคทาพิพากษาจากมือน้องชายมาถือไว้

                       เมื่อพูดไม่รู้เรื่องก็ต้องใช้วิธีนี้!!

                       หากไม่ทันที่จะได้ร่ายเวทย์หรือทำอะไรมากไปกว่านี้ คทาสีดำในมือก็อันตรธานหายไปเช่นเดียวกับดาบใหญ่ในมือของน้องชาย  เนอินสบถออกมาอย่างรุนแรง ส่วนเนอาร์นั้นได้แต่ยืนนิ่งพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอาวุธคู่มือของเขาทั้งสองได้หายไปไหน

                       มันได้กลับไปหาเจ้าของเดิมของมันตามคำเรียกของทั้งสองคนนั่น!!

                       "บ้าเอ้ย!!" เนอินสบถพรืดยาวไม่สิ้นสุดหวังจะให้มันช่วยระบายความแค้นที่ถูกพ่อแม่ตัวเองเล่นเข้าให้ลดลงบ้าง แต่ก็เปล่าเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หงุดหงิดที่ตัวเองไม่เฉลียวใจว่าท่านแม่จะเตรียมรับมืออย่างไรบ้าง ไม่คิดว่าทำไมคนอย่างท่านพ่อและท่านแม่ยอมมาเจรจาทั้งๆ ที่รู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางรับข้อตกลง ระหว่างที่เนอินกำลังกราดเกรี้ยวกับความเขลาของตัวเอง เนอาร์กลับยืนสงบนิ่งหากเหงื่อกาฬกับไหลออกมามากมายจนพี่ชายผิดสังเกต

                       "เป็นอะไรไปเนอาร์" อีกฝ่ายไม่ตอบแต่ชี้ไปยังกำแพงที่มีร่องรอยของการฟาดฟันผิดกับจุดอื่นๆ ที่ยังคงเรียบเป็นปกติ เนอินถลาเข้าไปพังมันด้วยเวทย์ทำลายขนาดเล็กทันที แล้วประตูแห่งอิสระก็เปิดออก หากคนที่ต่อสู้ดิ้นรนกับอาณาเขตของผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นเวลานานถึงกับขาอ่อนไปนิด เนอินฉุดอีกฝ่ายขึ้นมาแล้ววิ่งออกไปทางรูที่เขาเป็นคนสร้างขึ้น เสียงหวูดเรือดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าอีกไม่นานมันจะออกจากท่าเรือ เนอาร์กัดฟันกรอดเบื้องหน้าพวกเขาคือทหารที่ยืนขวางทางและสุดท้ายคือสองตัวแสบที่สุดแห่งคาโนวาลที่ยืนอยู่ด้านหลังสุด ตาสีน้ำตาลหันไปสบตาสีฟ้าแวบนึงแล้วพยักหน้า เนอินที่เห็นอย่างนั้นก็เข้าใจได้ทันที ไม่ใช่ว่าเขาเองจะไม่รู้ การจะฝ่าทหารไปโดยไม่ให้ตายเป็นเรื่องง่าย แต่ถ้าให้ไปเผชิญหน้ากับสองคนนั่น...ต่อให้ตายก็ไม่อยากทำ!!

                       "เจอกัน!" ขาดคำทั้งสองก็แยกออกไปเป็นสองทางให้ทหารลนลานไม่รู้ว่าจะตามไปทางไหนก่อนดี ร่างสองร่างเบื้องหลังขยับยิ้มให้กันเล็กน้อยแล้วแยกกันไปจัดการงานของตนต่อทันที

                       หากรอดพ้นตรงนี้ไปได้ คิดว่าเขาควรจะเข้าโบสถ์ซักครั้ง

                       เนอินคิดพลางหอบฮั่กขณะที่กำลังวิ่งไปที่ท่าเรือ สองสามวันนี้ต้องมาวิ่งหนีการไล่ล่ามาตลอด ยิ้มเครียดกระตุกขึ้นมาให้เห็นอย่างหาได้ยากนักจากคนอย่างเขา ไม่นานนักขาทั้งสองก็พาเขามาถึงท่าเรือ ตาสีฟ้ากวาดหาธงสามเหลี่ยมแล้วก็ต้องสะดุดกับเรือลำเขื่องที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก เหนือขึ้นไปบนเสากระโดงเรือคือธงสีครีมทรงสามเหลี่ยมกำลังโบกไสวไปมาท่ามกลางธงสีเหลี่ยมของเรือลำอื่นๆ และที่สำคัญที่สุดคือ...เรือลำนั้นกำลังจะออกจากท่า!!

                       เนอินเพิ่มสปีดตัวเองขึ้นอีก นึกในใจคาดว่าเนอาร์น่าจะอยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว เพราะเส้นทางที่อีกฝ่ายแยกไปนั้นมาถึงท่าเรือนี่ง่ายกว่าเขา หากร่างบางคุ้นตาก็โผล่พรวดขึ้นมาดักหน้าเขาไว้ เนอินสบถพรืดหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อคิดอย่างช้าๆ ที่จะหลุดออกไปจากตรงนี้ให้ได้

                       "ทำไมแกถึงได้ดื้อด้านนักนะเนอิน" เฟรินบ่นอย่างเบื่อๆ ไอ้การที่ต้องมาเล่นไล่จับกับลูกชายอย่างนี้เป็นไปได้เธอก็ไม่อยากทำ อายุอานามมันมากขึ้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรี่ยวแรงมันหดหายไปตามเวลาที่หายไปเช่นกัน

                       "งั้นก็ลองถามตัวท่านแม่เองว่าทำไมชอบขัดคำสั่งท่านพ่อหนีไปเที่ยวตลาดบ่อยๆ" ลูกชายย้อนพร้อมกับขยิบตากวนใส่ เฟรินไหวไหล่ด้วยอาการชินชากับคำพูดถากถางของลูกชายมากขึ้นทุกวัน

                       "ยังไงซะก็ช่วยกับไปแบบที่แขนขาแกยังดีอยู่ก็แล้วกัน" ตาสีน้ำตาลวาบขึ้นพร้อมกับผ่าปฐพีถูกเรียกเข้ามาในมือ หากเมื่อจะพุ่งตัวออกไป สิ่งผิดปกติก็เกิดขึ้น อาการผะอืดผะอมรวมทั้งเรี่ยวแรงหดหายแล่นขึ้นมาให้รู้สึก ดาบใหญ่ตอนนี้กลายเป็นไม้ค้ำไม่ให้ร่างของตัวเองล้มลงไปแทน เกิดอะไรขึ้น? หญิงสาวถามตัวเองอย่างงงๆ จะบอกว่าไอ้ลูกตัวแสบวางยาเธอก็เป็นไปไม่ได้ วันนี้เธอไม่ได้ทำอะไรแผลงๆ เลย แม้แต่นิดเดียว.........แต่วันนี้เธอกินเนื้อ!!!!

                       โดนน่องไก่ทำพิษ...ให้ตายสิ!!

                       เฟรินสบถอุบด้วยความภูมิใจกับการมือไวปากไวของตนที่คว้าอะไรได้ก็เข้าปากที่แก้ไม่หายมาตั้งแต่เด็ก แล้วตอนนี้ไอ้ความภูมิใจนั้นมันก็ย้อนเข้ามาทำร้ายตัวเธอเอง เนอินที่พอจะเดาสาเหตุได้ก็ฉีกยิ้มกว้างแล้ววิ่งฉากหลบไปอีกทางพร้อมกับหยอดให้อีกดอก

                       "เขาบอกว่าเนื้อสัตว์ที่นี่เป็นสินค้าส่งออกอันดับสองรองจากอาหารทะเลนะท่านแม่ จงภูมิใจว่าท่านแม่กำลังส่งเสริมราษฎรของบารามอสอีกทั้งได้ลิ้มรสเนื้อที่เป็นที่หนึ่งในบารามอสอีกด้วย" ชายหนุ่มวิ่งหน้าตั้งออกมาที่ท่าเรือมุ่งไปยังเรือที่แล่นเลียบท่าไปเรื่อยๆ จนใกล้จะสุดความยาวของท่าเรือเต็มที

                       "เฮ้!! รอด้วยสิพี่ชาย" เนอินตะโกนลั่นให้พวกลูกเรือชะโงกมาดู ชายหนุ่มโบกมือไปมาเป็นเชิงให้พาเขาไปด้วย แล้วบันไดเชือกก็ถูกโยนลงมาให้เขากระโดดคว้าแล้วก้าวขึ้นไปอย่างรวดเร็ว โดยมีเพียงสายตาตกตะลึงของผู้เป็นแม่ที่มาช้าไปเพียงก้าวเดียวเท่านั้น

                       เนอินนั่งหายใจหอบ รู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะกระโดดออกมาสูบเอาอ๊อกซิเจนเข้าไปแทนจมูก เมื่อตั้งสติได้ว่าตนได้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราช(?)แล้วก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ขณะเดียวกันก็เริ่มสำรวจเรือลำนี้ทันที คิ้วเข้มขมวดเล็กน้อย เมื่อเห็นสัมภาระมากมายไม่ว่าจะเป็นลังไม้หรือแม้แต่ถุงผ้าต่างๆ เรียงวางเต็มไปหมด ไม่เหมือนเรือโดยสารทั่วไปก่อนจะตัดสินใจถามลูกเรือที่เดินไปเดินมา

                       "พี่ชาย เรือลำนี้จะมุ่งหน้าไปไหนหรอ" แค่นั้นล่ะ เสียงหัวเราะก็ดังกระหึ่มขึ้นมาราวกับคำถามที่เขาถามมันช่างโง่เสียเต็มประดา

                       "เอ้า!! แล้วที่ขอขึ้นเรือนี่ไม่รู้หรอว่าเรือลำนี้จะไปไหน" เนอินหัวเราะตามไปกับพวกลูกเรือหากแต่ภายในใจกับเริ่มหัวเราะไม่ออก

                       "โธ่! ก็ตอนนั้นมันชุลมุนนี่นาพี่ชาย ไอ้พวกนั้นน่ะมันจะจับผมไปเป็นแพะข้อหาฆ่าคนตายที่บารามอส ถ้าให้เลือกพี่ชายก็ต้องทำแบบผมล่ะ" คำโกหกคำโตสร้างความสนุกสนานให้กับคนฟังได้มากขึ้น หากเสียงที่ตอบคำถามเขากลับไม่ใช่เสียงห้าวของกลุ่มคนที่ล้อมรอบเขา กลับเป็นเสียงหวานใสคุ้นหูจากด้านหลังของเนอินแทน

                       "จะบอกให้ก็ได้ เรือลำนี้มุ่งหน้าพริสท์โบโรว์ไงล่ะ"


    ***************************************************TBC ก๊าบบบ


    Talk > สวัสดียาม....เช้า อือ มันเช้าแล้วล่ะตอนตีสองเนี่ย ต้องกราบขออภัยในความล่าช้า T^T กว่าตอนนี้จะออกมาเป็นแบบนี้ขอบอกว่าข้าเจ้าลบไปสามรอบแล้ว แต่งแล้วแก้จนเบื่อ มันเป็นนิสัยเสียๆ อย่างหนึ่งของข้าเจ้าเอง เอิ้กๆๆ พยายามจะไม่ดองแล้วน้า แต่แต่งไม่ค่อยออก = = อารมณ์มันต่างจากตอนที่แต่งการเดินทางฯ เยอะเหมือนกัน แต่...บารามอสจะกลับมา!!! 555 มาก็พล่ามอะไรก็ไม่รู้ เอาเป็นว่าตอนนี้ตอนแรกๆ อาจจะดูดีตอนหลังๆ อาจจะสถุลไปบ้าง (อีกแล้ว) ก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ (โค้ง)
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×