ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Distance : การเดินทางที่ยาวไกล

    ลำดับตอนที่ #26 : บทที่ 25 : การกลับมาของน้ำแข็ง

    • อัปเดตล่าสุด 13 มี.ค. 49


                       "เออนี่...ว่าจะถามไอ้เฟรินตั้งนานแล้ว แต่มีเรื่องจนลืมทุกที ทำไมไอ้สองคนนั้นถึงให้ผ่าปฐพีกับคทาพิพากษากับไอ้ลิงสองตัวนี่ล่ะ แทนที่จะหาอาวุธอย่างอื่นให้มันจะดีกว่า" คิลถามขึ้นมาต่อ

                       "ก็คง...ขี้เกียจดูแลมั้ง" โรเดาไปเรื่อย แล้วหัวเราะหึๆ

                       "จริงๆ แล้วเป็นเพราะท่านพ่อกับท่านแม่อยากให้พวกเราเรียนรู้การใช้อาวุธโดยเร็วน่ะครับ แล้วอาวุธที่ท่านทั้งสองคิดว่าดีที่สุดก็คือสองอย่างนี้" เนอาร์เฉลยปริศนาข้อนี้ให้คิลฟัง ตาสีม่วงหันไปมองคทาที่วางอยู่บนพื้นแล้วต้องตาโตอีกรอบ ขณะที่โรนั้นได้แต่ยิ้มที่มุมปากอย่างยินดี

                       ฟื้นแล้วสินะ....คาโล

    ----------------------------------------------------

                       กำแพงน้ำแข็งแกร่งพุ่งขึ้นรับคมดาบที่ฟาดฟันลงมา ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความดีใจ หันหลังขวับกลับไปมองไอ้คนที่ไม่ได้สติอยู่เมื่อครู่ ตาสีฟ้าดุอย่างที่เคยเห็น ดวงหน้าสลักที่แม้จะซีดแต่ก็ดูเป็นคนมากกว่าเดิม ในมือคือคทาสีดำที่ถูกส่งมอบให้ผู้เป็นทายาท หากบัดนี้มันกลับมาหาเจ้าของเดิมอีกครั้ง

                       "คาโล!!" ตาสีน้ำตาลเป็นประกายอย่างมีความหวัง ลองให้มันมีสติศึกนี้คงไม่พ้นไปจากชัยชนะแน่ๆ คาโลยันตัวขึ้นยืน ตาสีฟ้าปรากฏความงงงวยกับภาพเบื้องหน้า เฟรินที่นอนอยู่บนเตียง อีกคนก็นั่งฉีกยิ้มอยู่ตรงหน้า

                       มันเกิดอะไรขึ้น??

                       "ไอ้บ้า!! กว่าจะได้สตินะแก เกือบม่องไปทั้งคู่แล้วมั้ย" หลุดจากความดีใจได้ปากก็ปล่อยหมาออกมาทันที พลางยันตัวเองให้ลุกขึ้นมายืนบ้าง คาโลมองร่างบางดุๆ มือใหญ่เอื้อมมาเช็ดเลือดที่ไหลจากแผลใต้ตาซ้ายเบาๆ สัมผัสเย็นของมืออีกฝ่ายอดทำให้เฟรินใจหายวูบไม่ได้ คาโลเบนสายตาไปมองร่างสูงที่ยืนตะลึงกับการกลับมาของเขาแล้วไอเย็นก็แผ่ออกมาอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อรู้ว่า ใคร...เป็นคนทำให้คนๆ นี้มีบาดแผล

                       "โรนัน!!" เสียงทุ้มเข้มเต็มไปด้วยโทสะดังขานชื่อบุคคลตรงหน้า เกล็ดหิมะโปรยปรายลงมาพร้อมกับอาณาเขตที่ถูกสร้างขึ้น คาโลปักคทาพิพากษาลงกับพื้นหินปากเริ่มร่ายเวทย์ โรนันขยับยิ้มแม้ว่าในใจจะเริ่มหวาดกลัวกับพลังของคนที่มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องและศักดิ์กษัตริย์แห่งคาโนวาล พายุหิมะแบบต้นฉบับโหมกระพือขึ้นภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กแห่งนี้ โรนันไม่ยอมปล่อยให้โอกาสที่เปิดช่องระหว่างที่คาโลกำลังร่ายเวทย์พุ่งตัวเข้าหาอย่างรวดเร็ว เฟรินที่ยืนอยู่ตรงหน้ายกดาบขึ้นมาขวางทันที

                       "ใจเย็นหน่อยสิเจ้าชาย ดิ้นรนไปก็ปล่าวประโยชน์ ยืนนิ่งๆ เตรียมเป็นไอติมหวานเย็นจะดีกว่ามั้ง" เฟรินฉีกยิ้มเหนือกว่า อาจเป็นเพราะกลิ่นอายของชัยชนะจึงทำให้เขาฮึกเหิมมากขึ้นก็เป็นได้

                       "ใครยืนนิ่งก็โง่สิ!" โรนันกระโดดหลบออกมา เฟรินเองก็ไม่กระโจนเข้าซ้ำ แต่ยืนดูทีท่าอยู่ห่างๆ แต่ถ้าจะให้พูดจริงๆ คือขาทั้งสองข้างแทบจะไม่มีแรงก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่มากกว่า นึกด่าไอ้คนมาดมากที่ยังร่ายเวทย์เฉื่อยชาอยู่ด้านหลัง นี่ถ้ามันฟื้นเร็วกว่านี้เขาก็ไม่ต้องมายืนบื้อให้ถูกไล่ต้อนหรอก พายุเกล็ดหิมะม้วนตัวเข้าระหว่างกลางของทั้งสองฝ่ายก่อนจะค่อยๆ ก่อเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา สี่ขายืนหยัดอยู่เหนือพื้นน้ำแข็ง เส้นขนสีขาวสะอาดตาชี้ไม่เป็นระเบียบเท่าไหร่นัก ดวงตาสีเหลืองทองฉายแววหงุดหงิดเหมือนคนร่ายเวทย์ เบื้องหน้าของเฟรินและคาโลคือ หมาป่าหิมะเวทย์ หนึ่งในเวทย์ชั้นสูงของสโนว์แลนด์

                       "แกไม่เคยบอกว่าสร้างไอ้ตัวนี้ได้นะคาโล" เฟรินกระซิบกระซาบเสียงเบา นึกหวั่นๆ กับตาสีทองที่จ้องมาทางพวกเขาไม่น้อย คาโลไม่พูดอะไรร่ายเวทย์ควบคุมหมาป่าทันที ขาทั้งสี่เกร็งแล้วดีดตัวไปหมายขย้ำคอศัตรูของผู้เป็นนาย โรนันกระโดดหลบฉากออกไปแต่ความเร็วของสัตว์ป่าย่อมเหนือกว่า แขนซ้ายถามเป็นแผลยาวแม้จะไม่ลึกมากนักแต่ก็เรียกเลือดให้ไหลเป็นทางได้เหมือนกัน มือใหญ่กระชับด้ามดาบที่เปื้อนเลือดของตัวเองไว้แน่น ตาสีดำเริ่มกลอกไปมาอย่างวิตกกับสถานการณ์ที่พลิกฝ่ามือไป จะบุกเข้าไปตรงๆ เหมือนอย่างที่ทำมาคงไม่ได้

                       ...นอกจากไอ้ขโมยตัวแสบแล้วยังมีหมาบ้าเพิ่มมาอีกตัว...

                       คาโลไม่รอจังหวะอีกฝ่ายตั้งตัว สั่งหมาป่าหิมะจู่โจมต่อทันที ร่างสูงยกดาบขึ้นรับคมเขี้ยวและคมเล็บไว้แต่ก็ถึงกับทรุดไปด้วยแรงมหาศาลที่สัมผัส ขายาวยันเข้าที่ท้องของมันเต็มแรงส่งให้ร่างสี่ขาของมันลอยไปปะทะกับกำแพงดังพลั่กใหญ่ ผู้ควบคุมถึงกับกระอั่ก โรนันเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มมุมปาก ดูท่าทางก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีทางชนะซะแล้ว ว่าแล้วก็โจนเข้าหาหมาป่าหิมะที่ยืนรออยู่แล้ว มันส่งเสียงคำรามในลำคอพุ่งตัวเข้าหาอย่างไม่ยอมรอรับง่ายๆ

                       ฉัวะ!!

                       ดาบใหญ่ฟันผ่านไหลของมันพาดเป็นรอยยาว ขณะที่คมเล็บของมันเองก็เกี่ยวเอาเนื้อตรงสีข้างของเขาเหมือนกัน รอยดาบบนตัวหมาป่าค่อยๆ เลือนหายหากกลับไปปรากฏอยู่กับคาโลที่ยืนควบคุมอยู่ เฟรินรีบฉีกแขนเสื้อรัดปากแผลเพื่อห้ามเลือดให้อย่างรวดเร็ว ตาสีฟ้ารวบรวมสมาธิกับการต่อสู้ตรงหน้า ไม่สนใจกับบาดแผลที่เกิดขึ้นบนร่างกายที่เริ่มทวีจำนวนขึ้น ตาคมประกายวาบขึ้น

                       "ฮีลซ็อต!" ร่างของนักรบในตำนานที่เขาไม่ได้เห็นมานานค่อยๆ ปรากฏกายขึ้น แม้จะไม่มีร่างชัดเจนนักเพราะต้องแบ่งพลังไปควบคุมหมาป่าหิมะเวทย์ เฟรินเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะรู้ว่าการใช้พลังขนาดนี้มันสิ้นเปลืองขนาดไหน

                       "เฮ้ย คาโล แกไม่ต้องจริงจังขนาดนั้นก็ได้ ไว้จับเป็นแล้วค่อยว่ากันไม่ได้ดีกว่าหรอไง" นิสัยไม่ชอบเห็นเรื่องชีวิตเป็นเรื่องเล็กเริ่มสำแดงออกมาอีกครั้ง ถึงจะรู้ว่าไอ้ที่กำลังสู้อยู่นั่นคือคนที่หมายหัวเขากับลูกชายไว้ก็ตาม หากคาโลที่ยืนนิ่งกลับไม่ได้ยินเสียงพูดนั้นแม้แต่นิดเดียว จิตใจจมอยู่กับการต่อสู้เบื้องหน้าเหมือนดั่งการต่อสู้เมื่อสิบกว่าปีก่อน เฟรินเริ่มหวาดวิตกกับสถานการณ์ตรงหน้ามากขึ้น

                       ฉัวะ!

                       เสียงคมดาบผ่านเนื้อหนังอีกครั้ง โรนันตอนนี้ได้แต่ยืนหอบเนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผลจากดาบของฮีลซ็อตและกรงเล็บของหมาบ้าที่เขาประณามไว้ เขากัดฟันกรอดๆ อย่างแค้นเคือง และเริ่มรู้ดีว่าระดับฝีมือของคาโลอยู่ในระดับที่เขาไม่สามารถเอาชนะได้ วูบหนึ่งคือความยินดีที่ได้ปะทะฝีมือ อีกหนึ่งคือความอัปยศให้กับคนที่ตนคิดมาเสมอว่าไร้ความสามารถ ร่างสูงโงนเงนไปมา เรี่ยวแรงหดหายจากการเสียเลือดจำนวนมาก อีกทั้งเสียงแรงไปเยอะเมื่อครั้งที่ปะทะกับเฟรินก่อนหน้านั้น

                       กรรส์!!

                       เสียงคำรามดังขึ้นพร้อมกับร่างของสัตว์หน้าขนแห่งสโนว์แลนด์กระโจนพรวดใส่โรนันที่ตั้งตัวไม่ติด แขนทั้งสองถูกกดติดลงกับพื้นด้วยขาหน้าทั้งสองของหมาป่าหิมะ เล็บของมันโค้งล็อคแขนไว้กับพื้น บัดนี้โรนันจึงได้รู้สึกถึงกลิ่นอายของความตายลอยวนอยู่รอบตัวเขา แม้จะอยู่ในสนามรบมามากมายแค่ไหน แต่นี่เป็นครั้งแรก ที่รู้สึกถึงความตายว่ามันใกล้ตัวขนาดนี้ ตาสีทองของมันจ้องลงมาอย่างกระหายเลือด เขี้ยวสีขาวเป็นระเบียบแสยะออกราวกับยิ้มเยาะ หากมันยังคงทำหน้าที่แค่หยุดการเคลื่อนไหวของเขาเท่านั้น ฮีลซ็อตก้าวเข้ามาทางเหนือศีรษะเขา ดาบใหญ่โค้งถูกยกสูงชี้ลงมาเตรียมประหารให้สมความผิด

                       ...หรือนี่คือความตาย...

                       โรนันหลับตาลงอย่างง่ายดาย เตรียมรับความเป็นนิรันดร์จากคมดาบที่ลอยอยู่เหนือตน

                       "คาโล!" เฟรินตวาดเสียงลั่นพร้อมกับเขย่าตัวร่างสูงให้ได้สติกลับคืนมา ตาสีฟ้าว่างเปล่าเบนหันมามองคนที่กำลังขัดขวางการประหารอย่างสงสัย

                       "แค่จับมันก็พอ เข้าใจมั้ย! ถ้ามันตายไปแล้วจะหาเหตุผลอะไรที่ทำให้ฉันกับลูกยังมีชีวิตอยู่ได้ล่ะวะ!!" ตาสีน้ำตาลฉายประกายความเด็ดเดี่ยว แต่เมื่อร่างตรงหน้ายังไม่มีทีท่าจะกลับมาง่ายๆ ดาบใหญ่จึงยกขึ้นมาจ่ออยู่ที่คอของตัวเอง

                       "ถ้าแกไม่หยุด ฉันก็จะปาดคอตัวเอง" น้ำเสียงมั่นคงบ่งบอกถึงสภาพเตรียมใจของคนพูดทำให้ความตรึงเครียดบางอย่างสลายตัว ร่างของฮีลซ็อตค่อยๆ จางหายไป เหลือแต่หมาป่าหิมะเวทย์ที่ยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไป

                       "ทำไมแกยังไม่ตาย" เสียงทุ้มดุทักโดยที่ไม่คลายเวทย์ เฟรินฉีกยิ้มนึกด่ามันในใจ ดูสิ...เจอหน้ากันอีกทีแทนที่จะถามว่าทำไมถึงไปสู้กับโรนัน กลับผ่าไปถามเรื่องทำไมเขายังไม่ตาย

                       "คนมันเก่งโว้ย! ขโมยที่ดีต้องดวงดีดวงแข็ง เคยได้ยินมั้ย" ว่าแล้วก็ยักคิ้วให้อีกที คาโลส่ายหน้าอ้าปากจะถามต่อแต่เจ้าตัวดีกลับเดินไปหากบฏที่โดนจับเอาไว้ เหมือนจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร คาโลจึงคลายเวทย์ออก หมาป่าหิมะเวทย์ที่ขยับไปมาเริ่มแข็งกลายเป็นน้ำแข็งรูปสัตว์ป่าน่าเกรงขามอย่างที่มันเคยมีชีวิตแม้เพียงชั่วครู่ก็ตาม

                       "เอาล่ะเจ้าชายโรนัน ผมคงต้องเชิญท่านเข้าไปอยู่ในคุกชั่วคราวจนกว่าเรื่องศึกกับโคมิเน่จะคลี่คลาย" เฟรินเอ่ยพร้อมกับยิ้ม ขณะที่ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ๆ

                       "จะบอกได้รึยังว่าทำไมยังไม่ตาย"

                       "วะ! แกนี่ก็ตื้อจริง เอาไว้ให้เรื่องมันจบก่อนไม่ได้หรอไง รู้มั้ยช่วงที่แกสติแตกอยู่น่ะเรื่องมันวุ่นวายขนาดไหน"

                       "ใช่..อย่างที่เฟรินมันพูดนั่นแหละคาโล" เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเสริมพร้อมกับร่างสี่ร่างเดินเข้ามาอย่างสบายๆ เพราะบรรดาทหารที่ประจำการอยู่หลับไปเรียบร้อยหมดแล้ว คาโลหันกลับไปมองแล้วอึ้ง เมื่อเห็นลิงสองตัวที่ยืนฉีกยิ้มให้ผู้เป็นพ่ออยู่ข้างเพื่อนรักสองคน

                       "ถ้าพวกแกปิดบังอะไรแม้แต่นิดเดียว..." ประโยคสุดท้ายถูกละไว้ แต่แค่ตาสีฟ้าที่มองมาอย่างคาดโทษก็เรียกให้คนที่มองอยู่รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ กันเป็นแถว ยกเว้นก็แต่...สองลิงที่ดำรงตำแหน่งรัชทายาทแห่งคาโนวาลที่ยังคงฉีกยิ้มได้อย่างไม่สะทกท้าน


    ****************************TBC.....

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×