คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : บทที่ 24 : แผนการ
"เพิ่งรู้ว่าคนอย่างท่านนี่นอกจากจะวางแผนได้ดีเยี่ยมแล้ว ยังปั้นเรื่องเก่งอีกด้วย ไม่คิดจะไปแต่งนิยายขายบ้างหรอไง...เจ้าชายโรนัน" จำเลยที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา หลักฐานในมือ แถมจะปฏิเสธก็ทำไม่ได้เพราะเหตุการณ์มันเห็นกันอยู่ทนโท่กวาดตาไปรอบๆ ส่วนหนึ่งของความทรงจำเริ่มระลึกได้ว่าเสียงที่ขัดเขาเป็นเสียงของใคร แต่ว่า...
ไม่น่าจะเป็นไปได้!
เสียงหัวเราะดังขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของอีกฝ่าย ในเมื่อไม่เสียแรงที่เธอยอมเงียบดูการกระทำของคนๆ นี้โดยไม่ลงมือซะก่อน
"แปลกใจมากเลยหรอไงที่ผมยังไม่ตายน่ะ" เสียงหวานนั้นยังคงเอื้อนเอ่ยต่อไปโดยไม่มีความคิดที่จะโผล่หน้ามาให้เห็นคนพูดแม้แต่น้อย
"หลบซ่อนตัวอยู่ในความมืดไม่กล้าเผชิญหน้าไม่ถือว่าเป็นนักรบ" คราวนี้เสียงหัวเราะกลับระเบิดดังหนักกว่าเก่า ชวนให้คนพูดหน้าเสียราวกับได้พูดในสิ่งที่น่าอายและน่าขบขันเสียเต็มประดา
"ขำอะไร!!" โรนันตวาดลั่นอย่างระงับอารมณ์ที่ไม่เยือกเย็นเท่าปกติ เวลาที่กระชั้นชิดกับแผนที่ไม่เป็นไปตามแผนมันทำให้เขาเครียดจนแทบบ้า เพราะการเดิมพันครั้งนี้เขาพนันด้วยชิปทั้งหมดในมือ เสียงหัวเราะสะดุดลงหากยังคงแว่วมาให้ได้ยินอยู่บ้าง
"ที่ท่านพูดก็ถูก เสียแต่ตรงที่ว่าผมไม่ใช่นักรบ แต่เป็นขโมย มนุษย์มักกลัวความมืด แต่สำหรับนักฆ่าและขโมยมันคือเพื่อนชั้นยอดที่จะคอยพรางตัวไม่ให้เหยื่อเห็นตัว" เสียงหวานขาดช่วงไปเล็กน้อยก่อนจะต่อ
"และถึงจะเป็นขโมยที่หากินกับคนอื่น โกหกหลอกลวงไปวันๆ แต่สำหรับเพื่อนและครอบครัวจะมีก็แต่ความซื่อสัตย์ต่อกัน ผมขอถามหน่อยเถอะเจ้าชายโรนัน สำหรับท่านแล้ว นักรบคือผู้ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งอำนาจโดยไม่สนวิธีการอย่างนั้นหรอไง" คำยอกย้อนเจ็บปวดยิ่งสร้างโทสะให้คนฟังมากขึ้น แต่แล้วเสียงหัวเราะเบาๆ ในความรู้สึกที่แปลกไปทำให้โรนันได้สติขึ้นมา นึกหัวเสียกับอารมณ์ร้อนของตนเอง เกือบจะโดนปั่นหัวแล้วมั้ยล่ะ ก่อนจะยิ้มขึ้นที่มุมปาก
"แล้วจะซ่อนตัวถึงเมื่อไหร่กัน ราชินีเฟลิโอน่า วาเนบลี" ต่างฝ่ายต่างเงียบไปพักหนึ่ง ร่างบางๆ ค่อยๆ ก้าวออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง ตาสีน้ำตาลทอประกายจากแสงจันทร์ที่ลอดหน้าต่างเข้ามา ผมสีน้ำตาลยาวไม่มีวี่แววของการถูกหั่นให้สั้นอย่างที่ร่างบนเตียงเป็น และที่สำคัญที่สุดคือ ริมฝีปากแดงอิ่มที่กระตุกยิ้มบ่งบอกถึงสัญญาณชีวิตที่ยังไม่หลุดหายออกไปจากร่างบางๆ นั้น หญิงสาวอยู่ในชุดทะมัดทะแมงเล็กน้อย หากไร้ซึ่งอาวุธใดๆ
"น่าแปลกใจ... ถ้าเจ้าคือเฟลิโอน่าตัวจริงแล้วที่นอนอยู่บนเตียงนี่..." โรนันเปรยช้าๆ ไม่ได้ใส่ใจกับสถานะตัวเองที่ตกเป็นจำเลยแม้แต่นิดเดียว
"นั่นก็เฟลิโอน่าเหมือนกันเจ้าชาย อย่ามาโยกโย้ให้เสียเรื่อง ไอ้นิสัยแบบนั้นขอให้เป็นนิสัยของขโมยจะเหมาะกว่านะเจ้าชาย" ตาสีดำวาววับเมื่อถูกสบประมาทเข้าเต็มๆ ดาบในมือถูกระชับขึ้นโดยไม่รู้ตัวก่อนจะคลายตัวและทิ้งปลายดาบลงกับพื้น
"ฉันไม่ลงมือกับผู้หญิง นั่นไม่ใช่วิสัยนักรบ" เฟรินหัวเราะหึๆ ล้วงเอาแหวนที่เพิ่งเรียกคืนมาสวม ใบหน้าหวานของหญิงสาวค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นแววกร้านโลกของชายที่ผ่านชีวิตตรากตรำมา พร้อมกับความตกใจของคนที่มองอยู่
"คงจะเคยเห็นผมในร่างนี้สินะ" คำเปรยที่เรียกเอาสติให้กลับมา
"ผ่าปฐพี!"
----------------------------------------------------
"แล้วเมื่อไหร่แกจะได้ฤกษ์เล่าซะที" นักฆ่าความอดทนต่ำถามเสียงหงุดหงิด เพราะนั่งรอจนมันจะกินเสร็จแล้วมันก็ยังไม่ปริปากพูด โรยกน้ำขึ้นดื่มเป็นการจบรายการ ปล่อยให้เด็กน้อยอีกสองคนเขมือบกันต่อ
"นายอยากรู้เรื่องไหนล่ะ" คิลหยุดไปครู่หนึ่ง
"ทุกเรื่องที่แกปิดบัง" โรฉีกยิ้มกว้างให้แล้วพยักหน้า
"งั้นก็...เรื่องของสองคนนี่ก่อนก็แล้วกัน" พูดพลางก็ชี้ไปยังเนอิน เนอาร์ที่ตอนนี้แข่งกินเร็วอย่างเอาเป็นเอาตาย คิลพยักหน้า
"ก่อนอื่น..ก็คงต้องเล่าถึงตอนที่พวกนี้กำลังซ้อมอยู่ที่เดมอสล่ะมั้ง ปกติแล้วคู่ซ้อมของเนอินจะเป็นเฟริน และเนอาร์จะเป็นโกโดม แต่มีอยู่วันนึงเฟรินมันบอกให้สลับคู่ซะ" โรหยุดนิดนึงขยับจะจิบชาต่อแต่มีดเล่มเล็กก็เข้ามาจ่อที่คอพร้อมสายตาที่ว่า 'ถ้าแกไม่เล่าต่อ จะไม่มีสิทธิ์ได้พูดอีกแน่ๆ' ตาสีเขียวสบตาสีม่วงนั้นแล้วเล่าต่ออย่างว่าง่าย
"ก็...นั่นล่ะ ปกติแล้วเนอาร์จะใช้คทาพิพากษาส่วนเนอินจะใช้ผ่าปฐพี และด้วยฝีมือแล้วก็ถือว่าเก่งมาก"
"แน่นอนอยู่แล้ว คนอย่างผมน่ะทำอะไรก็ดีทุกอย่าง" เนอินที่กลับสู่สภาพปกติหลังจากสลับอาวุธกันระหว่างทางเดินเริ่มโม้โดยที่อาหารยังเต็มปาก
"แต่ก็ฟันไม่โดนท่านแม่จังๆ ซักที" เนอาร์แขวะเข้าให้ ตาสีฟ้าตวัดมองคนพูดเคือง
"เขาเรียกว่าออมมือโว้ย ใครบ้าจะกล้าลงดาบกับท่านแม่จริงๆ เหมือนอย่างแกล่ะ" คราวนี้ตาสีน้ำตาลเรียบเฉยนั้นเป็นฝ่ายตวัดมองรอยยิ้มกวนนั้นบ้าง
"แม้จะเป็นการฝึกแต่การออมมือถือว่าไม่ให้เกียรติคู่ต่อสู้" แล้วสงครามปากที่ต่อจากสงครามเขมือบอันเป็นกิจวัตรก็เริ่มขึ้น โรยิ้มกับภาพตรงหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันมาเล่าต่อ
"แต่พอสลับอาวุธกันแค่นั้นล่ะ เฟรินถูกไล่ต้อนจนเกือบเสียท่า ส่วนโกโดมก็ถูกแช่แข็งเป็นไอติม ยังดีที่จ้าวเอวิเดสมาห้ามทัพไว้ทัน ไม่งั้นคงสนุกกว่านี้" ว่าแล้วก็หัวเราะหึๆ เมื่อนึกถึงเรื่องที่พูด
"แล้วเฟรินตอนนี้อยู่ไหน" คิลถามต่อเมื่อคำถามแรกจบไปเรียบร้อยแล้ว
"ไปทำธุระสำคัญอยู่น่ะ" คำตอบที่ไม่ได้สร้างความกระจ่างให้เขาเลยแม้แต่น้อย และดูเหมือนมันจะไม่ยอมเปิดปากไปมากกว่านี้แล้วด้วย นักฆ่าส่ายหน้าไปมาอย่างเซ็งๆ หันมามองสองลิงที่ยังตีกันแล้วเลยไปยังอาวุธที่วางไว้ไม่ไกลตัวนัก
คทาพิพากษากับ.....
"เฮ้ย! ผ่าปฐพีหายไปไหนแล้วเนอิน" คิลถามเสียงหลงตาก็มองสลับพื้นที่ว่างเปล่ากับใบหน้ากวนตีนที่ถอดออกมาจากผู้เป็นแม่ เนอินตอบช้าๆ ชัดๆ ให้คนฟังเริ่มเดาได้ว่า 'ไอ้ธุระสำคัญ' ที่ไอ้ขอทานมันว่าคืออะไร
"ก็เจ้าตัวคงเรียกไปมั้ง"
----------------------------------------------------
เคร๊ง!!
โรนันยกดาบขึ้นรับเกือบไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายฟาดดาบลงมา ทำเอาเสียหลักเซไปเล็กน้อย เฟรินไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือเบี่ยงดาบไปยังทิศที่คู่ต่อสู้เสียหลักทันที หากโรนันเองก็ไวกระโดดหลบได้ทัน รอยแผลจางๆ ที่ต้นแขนพร้อมเลือดที่ซึมปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ดูเหมือนจะไม่ได้เก่งแต่ปากซะแล้ว พุ่งเข้าฟาดฟันกับหญิงสาวที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นชายหนุ่ม(?) โดยที่เฟรินได้แต่เป็นฝ่ายรับเท่านั้น สมองเล็กๆ เริ่มคิดหนัก ไอ้บ้านี่ฝีมือก็ดี หน้าตาก็ใช้ได้ ทำไมมันถึงคิดจะเป็นกบฏกันนะ!
เคร๊ง!
ดาบสุดท้ายทำให้ดาบใหญ่อย่างผ่าปฐพีกระเด็นหลุดจากมือเฟริน โรนันจ่อดาบเข้าที่คอของหัวขโมยทันที
"รู้ผลแพ้ชนะแล้วสินะ" เฟรินหายใจหอบจากการออกแรงไปเยอะ แล้วฉีกยิ้มเพื่อให้สถานการณ์ตรงหน้าเย็นลง
"ผมอยากรู้จริงๆ เจ้าชายโรนัน...ทำไมคนอย่างท่านถึงต้องลงทุนวางแผนให้ซับซ้อนขนาดนี้ด้วย ท่านเองก็มีฝีมือแต่กลับยอมแพ้ต่อจิตใจด้านมืดแบบนี้" เสียงทุ้มนิดๆ ดังกังวาลอย่างไม่คุ้นหูเท่าไหร่นักให้คนถูกถามกระตุกยิ้มเย็นชา
"จะพูดอะไรก็พูดไป ฉันไม่มีหน้าที่ตอบคำถามของคนใกล้ตาย"
"อย่างน้อยก็ถือว่าทำให้ผมฉลาดขึ้นหน่อยก็ดีนะ" โรนันนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะยิ้มออกมา
"ยังอวดดีไม่เปลี่ยนเลยนะราชินีเฟลิโอน่า ก็ได้...ฉันจะบอกให้ก็ได้ เพราะนายเพิ่งมาคาโนวาลหลังจากที่เสร็จศึกชิงบัลลังก์เรียบร้อยแล้ว จะว่าไปมันไม่ควรจะเรียกว่าศึกเสียด้วยซ้ำ กษัตริย์บาโรใช้อำนาจเปลี่ยนกฏประเพณีในการคัดตัวหาคิงองค์ใหม่โดยการอนุญาตให้เจ้าชายที่ประสูตรจากเครือญาติใกล้ชิดของพระองค์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ลงแข่งชิงตำแหน่ง ฉัน...ที่เป็นเจ้าชายจากพระญาติห่างๆ จึงหมดสิทธิ์ที่จะคว้าตำแหน่งนั้นมา" ความเงียบก่อตัวขึ้นช้าๆ ครู่หนึ่ง
"และทันทีที่คาโลขึ้นเป็นกษัตริย์ก็อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงจากเดมอสและบารามอสเข้ามาเป็นราชินี ตำแหน่งที่สูงส่งอย่างนั้นกลับมอบให้หญิงสาวที่ทำตัวเยี่ยงไพร่ไร้การศึกษา แถมยังมาเปลี่ยนกฏที่ใช้กันมาหลายชั่วอายุคนอีก น่าขำมั้ยล่ะ??" ประโยคสุดท้ายถูกถามราวกับไม่ต้องการคำตอบ เสียงหัวเราะหึๆ เบาๆ ดังท่ามกลางความเงียบภายในห้อง เฟรินนั่งฟังเงียบๆ แต่ในหัวกลับแล่นความคิดไปมาราวกับรถด่วนสายด่วนพิเศษ
"แต่บางทีฉันอาจจะต้องขอบใจเธอ..เฟลิโอน่า เพราะมันทำให้ฉันมีสิทธิ์ในบัลลังก์กษัตริย์อีกครั้ง แต่ฉันก็มานั่งคิดว่า...ตราบใดที่ยังมีคาโล ฉันก็ไม่มีทางได้เป็นกษัตริย์อย่างแน่นอน จึงจำใจต้องคิดแผน...แผนที่จะทำให้ได้สิ่งที่ฉันต้องการมาไว้ในมือ"
"แล้วกษัตริย์โคมิเน่ก็คือหมากตัวหนึ่งที่ท่านต้องใช้" เฟรินสวนขึ้นมาให้คนที่กำลังเล่าชะงักกึก ก่อนจะนึกบริพาทตัวเองที่ปากเร็วเกินสมอง หากโรนันกลับยิ้มพยักหน้า ตาสีดำนั้นเริ่มเป็นประกายราวกับกำลังเล่าเรื่องสนุกบันเทิงเรื่องหนึ่ง
"ถูกต้อง บางทีฉันอาจจะไม่ต้องเล่าต่อแล้ว ในเมื่อเธอก็รู้หมดทุกอย่างแล้วนี่" เฟรินเหลือบมองผ่านตัวโรนันไปก่อนจะเบิกกว้างให้คนที่มองดูหันขวับกลับไปอย่างเสียสมาธิ จังหวะนี้เอง เฟรินก็กระโดดม้วนตัวหลบแล้วคว้าผ่าปฐพีที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา โรนันที่รู้ตัวว่าเผลอไปก็หันกลับมา ดวงตาฉายแววแค้นที่ตัวเองถูกหัวขโมยหลอก เฟรินมองสบไม่เกรงกลัวแล้วฉีกยิ้ม
"ถึงอย่างนั้นก็ต้องลากท่านไปหาสภาอำมาตย์ให้สารภาพจากปากท่านเอง เจ้าชายโรนัน" รอยยิ้มเหยียดกระตุกขึ้นเล็กน้อย
"คิดจะจับฉันมันยังเร็วไป" แล้วการปะทะกันก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง ห่างออกไปไม่มากนัก แก้วตาสีฟ้าที่เหม่อลอยมาหลายวันเกิดประกายกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับว่าเสียงพูดคุย เสียงปะทะดาบที่ดังอยู่ภายในห้องนั้นเป็นตัวกระตุ้นสติที่กระเจิงไปให้กลับมา เรียวปากกระซิบแผ่วเบาเอ่ยชื่อของคนที่ถวิลหามากที่สุดยามนี้ ยามที่ไร้ซึ่งใครข้างกาย
"เฟ...ริน" เสียงเรียกที่เบาแสนเบาแต่ดังได้จังหวะในช่วงที่สองคนกำลังสู้อยู่ผละออกดูเชิงกันอยู่ ความเงียบภายในห้องทำให้เสียงเรียกนั้นดังมากพอที่จะเรียกสติของโรนันให้หันกลับไป เฟรินเองที่สะดุดเล็กน้อยเพราะถูกเรียกชื่อก็แทบจะถลาเข้าไป หากติดตรงที่การต่อสู้ที่ยังติดพันอยู่ตรงหน้าเท่านั้น ตาสีดำเป็นประกายแวววับเกลียดชังยามมองหน้าสลักของผู้ที่เขาคิดว่าเป็นคนแย่งชิงอำนาจจากเขาไป โรนันแสยะยิ้มอีกครั้งหันมามองหน้าเฟรินที่ตอนนี้ยืนคุมเชิงเอาไว้ไม่ไกล
"โดนเธอปั่นหัวจนลืมจุดประสงค์ไปเลยนะเนี่ย" เฟรินสะดุ้งเฮือกเมื่อเดาความคิดของคู่ต่อสู้ออก ดาบในมือโรนันถูกเง้อขึ้นหมายปลิดชีวิตกษัตริย์คาโนวาล สองขาถีบพื้นส่งตัวเองพุ่งไปยังร่างที่นั่งไม่ได้สติ
โครม!!!
ร่างสองร่างปะทะเข้ากับโต๊ะหัวเตียงอย่างแรง ต่างฝ่ายต่างกลิ้งโค่โล่ เลือดสีแดงสดสาดกระจายจากบาดแผลใต้ตาซ้ายที่กระแทกเข้ากับขอบโต๊ะนั้นซ้ำแผลเก่า เลือดส่วนหนึ่งกระเด็นไปโดนใบหน้าขาวตัดกันอย่างชัดเจน เฟรินสบถหัวเสีย ทำไมมันถึงได้งี่เง่าไม่เลิกนะ ถึงจะน่าดีใจว่าที่มันเป็นแบบนี้เพราะเขา แต่นี่มันควรจะกลับมาได้แล้วนะโว้ย!!! คิดแล้วก็ถีบยันโครมคนงี่เง่าข้างตัวให้กระเด็นออกไปอีกรอบหนึ่ง ดาบที่ฟาดลงมาจึงทำได้แค่เพียงจั่วลมเท่านั้น เฟรินยันตัวกระโดดข้ามดาบที่เจ้าของยังตั้งตัวไม่ติดไปหาร่างที่งอเป็นกุ้งเพราะความจุกอยู่ไม่ไกล
"ถ้าแกยังไม่ฟื้นอีกนะคาโล ฉันจะฆ่าแกซะ"
เคร๊ง!
เฟรินยกผ่าปฐพีขึ้นรับประกายไฟวาบขึ้นเล็กน้อย นึกเดือดในใจขึ้นมาเรื่อยๆ ถ้าผละออกไปไอ้คนข้างๆ นี่ก็ไม่รอดแน่ แต่ถ้ายันกันอยู่ตรงนี้เราเองก็จะเสียเปรียบเรื่องกำลัง เฟรินรวบรวมกำลังผลักดาบนั้นกลับออกไป หายใจหอบถี่อย่างเหนื่อยอ่อน
"ถึงจะเปลี่ยนร่างเป็นผู้ชาย แต่เนื้อในก็ยังเป็นผู้หญิงสินะ" ถ้อยคำกวนใจไม่ได้สร้างความตึงเครียดให้กับอีกฝ่ายมากไปกว่าเดิม เรียวปากกระตุกยิ้ม
"เพราะไม่ได้กินข้าวมาต่างหากล่ะ ไอ้โรมันเล่นเร่งให้มาถึงที่นี่ไม่ได้พักเลย" บ่นอุบอิบถึงไอ้คนที่ตอนนี้กำลังนั่งจิบน้ำชาสบายอารมณ์อยู่ที่ไหนซักแห่ง
----------------------------------------------------
"ฮัดชิ้ว!" คิลหยุดบทสนทนาหันมามองคนที่เพิ่งจามไปเมื่อครู่
"เป็นหวัดหรอไงโร" คนถูกถามส่ายหน้ายิ้มๆ จามหนึ่งครั้งเขาว่ามีคนนินทา หึๆ...ไม่บอกก็รู้ว่าใคร
"แล้วปล่อยให้เป็นอย่างนี้มันจะดีหรอ ปล่อยให้เฟรินมันไปคนเดียวแบบนี้" ปากก็บ่นไปแต่ไอ้อาการฉีกยิ้มบนใบหน้ามันขัดแย้งกับคำพูดอย่างรุนแรง ตาสีเขียวมองสบอารมณ์ดี
"เรื่องนี้ต้องให้มันเป็นคนเคลียร์เอง ถ้าเรายื่นมือเข้าไปช่วยให้คาโลได้สติมันจะเป็นการทำร้ายตัวคาโลเอง เพราะความรู้สึกผิดที่ไม่สามารถปกป้องเฟรินได้มันจะเกาะอยู่ในใจไปจนวันตาย" น้ำเสียงเรียบๆ หากแฝงเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ทำให้คิลต้องหยุดคิดตาม แน่ล่ะ...และถ้าเป็นอย่างนั้น คนที่เจ็บปวดที่สุดคงไม่พ้นตัวคาโลเอง แม้เฟรินมันจะพร่ำบอกว่าไม่ใช่เป็นเพราะมันก็ตาม
"แล้วแกแน่ใจหรอว่ามันจะชนะเจ้าชายโรนัน" คำถามถัดมากระตุกรอยยิ้มกวนๆ จากใบหน้าของขอทานแห่งทริสทอร์ให้ปรากฏ
"ไม่มีทาง พูดถึงเชิงดาบแล้วเฟรินที่หยุดการฝึกซ้อมไปนาน กับเจ้าชายโรนันที่ต้องขลุกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องใช้ดาบตลอด ฝีมือมันห่างชั้นกันมาก" คิลเลิกคิ้วสูง ในใจกระตุกวูบกลัวการสูญเสียที่คราวนี้คือเรื่องจริง แต่รอยยิ้มที่เห็นมันซ่อนบางอย่างเอาไว้ทำให้เขายอมนั่งนิ่งเพื่อฟังประโยคถัดมา
"แต่ถ้าเป็นคาโล...ก็อีกเรื่องหนึ่ง"
----------------------------------------------------
"ยอมตายซะดีๆ ไม่ดีกว่าหรอไง ไม่ต้องดิ้นรนเพราะยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี" โรนันพูดเสียงเหี้ยมออกแรงกดดาบเข้าไปอีก เฟรินที่เป็นฝ่ายรับถึงกับทรุดลง ตาสีน้ำตาลเหลือบมองร่างสูงที่ยังคงเส้นคงวาในความไม่ได้สติเหมือนเดิมด้วยความหงุดหงิด เลือดจากแผลตามตัวรวมไปถึงแผลใต้ตาทำให้เขาเริ่มอ่อนแรง ก่อนจะเบนสายตากลับมามองคู่ต่อสู้ต่อพร้อมกับใช้ความคิดอย่างหนัก
"คงไม่ได้หรอกเจ้าชาย อาชีพเก่าผมมันต้องดิ้นรน แม้ว่ามันจะไม่ได้ผลก็ต้องลอง" ตาสีดำขลับทอประกายความพอใจออกมาชั่ววูบ เขาไม่พอใจที่ล้มคนๆ นี้ไม่ได้ซักทีแต่ก็ต้องยอมรับว่าดีใจที่มีคนให้มาทดสอบฝีมือและชื่นชมไปพร้อมๆ กัน
"เป็นหัวขโมยก็ดีอยู่แล้วไม่น่าแส่หาเรื่องเปลี่ยนอาชีพ" เฟรินส่งเสียงจิ๊จ๊ะเบาๆ ส่ายหน้า
"ผมน่ะไม่ชอบหาเรื่องใส่ตัวอยู่แล้ว มันไม่ใช่วิสัยขโมย แต่ที่เป็นอย่างนี้เพราะไอ้โกโดมต่างหากล่ะ" ใช่ เป็นเพราะมันดันมาบอกว่าเขาคือเจ้าหญิงจากเดมอสและบารามอส เรื่องมันถึงได้ยุ่งอยู่จนถึงทุกวันนี้ ระหว่างที่บทสนทนาดำเนินไป ตาสีฟ้าบุคคลที่สามที่นั่งนิ่งมานานเริ่มไหวระริกตอบสนองกับเสียงรอบตัว หรือเป็นเพราะน้ำเสียงกวนโทสะที่คุ้นเคยจากคนตรงหน้ากันแน่ คาโลเงยหน้าขึ้นช้าๆ ช้าเสียจนโรนันเองไม่ได้สังเกตเห็น ภาพดวงหน้ากร้านอีกร่างหนึ่งของคนที่เป็นที่รัก ดวงหน้าของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนตายอีกคนหนึ่งนอกเหนือจากนักฆ่าอารมณ์ดีแห่งซาเรส รอยยิ้มและริมฝีปากที่กำลังตอบโต้กับเลือดสีแดงที่ไหลอาบหน้ากร้านนั้นทำให้รู้ว่านี่ไม่ใช่ความฝัน
...เฟริน...
"ถึงขีดจำกัดแล้วสินะ" โรนันแสยะยิ้มอีกครั้งหลังจากที่ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่นาน แรงต้านดาบของเขาก็เริ่มอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด เฟรินกัดฟันกรอดไม่นึกยอมรับสังขารตัวเองที่แม้จะได้รับการรื้อฟื้น แต่ช่วงเวลานั้นมันน้อยเกินไป เจ้าชายโรนันถอนดาบขึ้นพร้อมกับฟันลงมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง
"จบกันซะที!"
เคร๊ง!
****************************TBC.....
ความคิดเห็น