คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : บทที่ 22 : ปะทะอีกครั้ง
"หมายความว่าอย่างไรที่นักโทษลอบฆ่าเฟลิโอน่าแหกคุกไปได้!!!" วันรุ่งขึ้นวังคาโนวาลก็จำต้องรับแขกที่พยายามหลีกเลี่ยงในสภาพตอนนี้มากที่สุด เอวิเดสก้าวฉับๆ เข้ามาในห้องประชุมโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น และแน่นอนว่าไม่มีใครก็ว่าอะไรด้วย
"โปรดเย็นพระทัยก่อนฝ่าบาท ทางเราได้จัดการส่งคนค้นหารอบเมืองแล้ว อีกทั้งปิดประตูเมืองทุกบานไม่ให้ใครเข้าออก ไม่นานต้องได้ตัวมาแน่นอน" โรนันใช้น้ำแข็งเข้าลูบเพราะเห็นว่าแค่น้ำเย็นคงไม่พอแน่ รอยยิ้มเยาะระบายขึ้นทั่วใบหน้าเข้ม
"แน่นอนเจ้าชายโรนัน...หากคาโนวาลไม่สามารถจับนักโทษแหกคุกสองคนนี้ก็หมายถึงศักยภาพของประเทศท่าน อีกทั้งเป็นการแสดงว่าท่านไม่ใส่ใจกับการตายของบุตรีข้า สามวัน...ภายในสามวันหากไม่ได้ตัวนักโทษ เห็นทีข้าต้องฉีกคำสัญญาต่อเอเดนที่ให้ไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนกระมัง" คำขู่พร้อมรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมถูกส่งยื่นให้ตรงหน้า จนทุกคนภายในห้องต่างหวาดหวั่นกับไอดำที่แผ่ออกมา
"เวทย์ของเดมอสไม่สามารถใช้ได้ในเอเดน ฝ่าบาทคงไม่ลืมเรื่องนี้หรอกนะ" เอวิเดสหัวเราะลั่นพร้อมกับโกโดมที่ยืนฉีกยิ้มกว้าง
"แค่คาโนวาลที่ไร้กษัตริย์ปกครอง ไม่จำเป็นต้องใช้เวทย์อันศักดิ์สิทธิ์ของเดมอสก็ถล่มได้ไม่เหลือซากอยู่แล้ว ข้าให้เวลาท่านสามวันเจ้าชายโรนัน ไม่เช่นนั้นก็เตรียมประกาศสงครามกับเดมอสอีกประเทศนึงได้เลย" คำกล่าวสุดท้ายถูกตราลงให้ทั้งห้องเงียบกริบพร้อมกับการจากไปของจ้าวปีศาจ โรนันขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างคิดหนัก ทั้งหงุดหงิด ทั้งเครียด สงครามกับเดมอส...นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการเลย
"เพิ่มการค้นหาเข้าไปอีกสองเท่าตัว เราต้องหานักโทษให้เจอก่อนสามวัน!!"
ทันทีที่ประกาศถูกเผยแพร่ออกมา เหล่าทหารที่ทำงานหนักอยู่แล้วก็ต้องเจอหนักมากขึ้น การตรวจตราเป็นไปอย่างเข้มงวด ใครที่น่าสงสัยจะถูกสอบหนัก ชาวบ้านต่างเริ่มผวากับคำสั่งนี้เริ่มเก็บตัวอยู่ในบ้าน แต่ก็ต้องเปิดประตูต้อนรับเหล่าทหารที่จะมาตรวจเช้าเย็นสองเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครหลบซ่อนอยู่
"สามวันหรอ...จ้าวเอวิเดสเล่นแรงไปหน่อยนะเนี่ย" คิลเปรยขึ้นเบาๆ ขณะที่นั่งคุยเล่นกับนาเดียอยู่ในห้องเพียงสองคน ไม่สิ..สามคนกับอีกหนึ่งศพต่างหากล่ะ ถึงการวางเวรยามจะแน่นหนาเท่าไหร่แต่คนที่อนุญาตให้เข้ามาในห้องนี้ได้นอกจากคาโลก็มีเพียงเขาและนาเดียเท่านั้น
"แต่มันเป็นสามวันที่ยาวนานสำหรับคนเป็นพ่อค่ะคุณคิล" นาเดียตอบพลางยิ้มเศร้าๆ นักฆ่าแห่งซาเรสพยักหน้ารับ นั่นสิ...ถ้าเป็นเขาคงไม่รอถึงสามวันหรอก คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจหนัก ขอแค่คาโลมันได้สติกลับมาจัดการทุกอย่างแท้ๆ ทำไมเรื่องมันถึงได้ยุ่งนักวะเนี่ย! ไอ้โรมันก็หายหัวไปอีกคน สงสัยหายไปส่งข่าวให้จ้าวเอวิเดสแล้วไปบวชเป็นเดอะ ม๊องค์ (The Monk) แล้วมั้ยเนี่ย!!
"เมื่อไหร่มันจะกลับมาซะทีวะไอ้คาโล" ทอดสายตาไปยังร่างสูงที่ยังไม่ยอมขยับจากท่าเดิมแล้วถอนหายใจหนัก
------------------------------------------
วันสุดท้ายของคำขาดเริ่มต้นด้วยความวุ่นวายโกลาหลของห้องประชุมใหญ่ เมื่อม้าเร็วได้ส่งข่าวด่วนว่าทัพของโคมิเน่ได้เคลื่อนทัพเข้ามาประชิดห่างจากเมืองหลวงไปราวๆ 30 กิโลเมตร เรียกบรรยากาศความเครียดให้พุ่งสูงปรี๊ดขึ้นไปอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าชายโรนันที่ต้องนั่งกุมขมับทันที
"แล้วแม่ทัพทั้งสามมัวทำอะไรอยู่" คำถามที่ได้รับคำตอบอันน่าตกตะลึง
"ข่าวคราวของแม่ทัพทั้งสามหายไปอย่างไร้ร่องรอยพะยะค่ะ คาดว่า..เอ่อ...." คำอ้ำอึ้งของคนส่งสาส์นทำให้โรนันต้องรีบออกปากไล่ออกจากห้องประชุมที่เต็มไปด้วยเสียงอึกทึกครึกโครมจากบรรดาข้าราชการชั้นสูง ก่อนจะสั่งการให้รวมทหารทั้งหมด คัดจากหน่วยลาดตระเวนเดิมจนเหลือหนึ่งในสิบ ส่วนเวรยามที่ห้องบรรทมของกษัตริย์ให้คงไว้เท่าเดิม จากนั้นให้จัดทัพเตรียมการปะทะด้านนอกเมือง
"ดูท่าทางเจ้าชายโรนันจะเหนื่อยมากนะ" คิลชวนนาเดียคุยเรื่อยเปื่อย แต่คิ้วตอนนี้กลับขมวดคิ้วกันมุ่น ดูเหมือนอะไรๆ ต่างก็ผูกเข้ากันเป็นปมใหญ่ที่แก้ยาก แสงตะวันเริ่มโพล้เพล้ลง ...เวลาที่อันตรายที่สุด...
"ค่ะ ปกติแล้วเจ้าชายโรนันจะเป็นมือขวาของฝ่าบาท แม้ว่างานจะยุ่ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เจ้าชายเข้ามาควบคุมทั้งหมดเพียงคนเดียว" น้ำเสียงฟังดูชื่นชมยกย่อง จนคิลได้แต่พยักหน้าไม่กล้าขัด
"คงต้องขอบคุณคุณเฟรินที่ยกเลิกกฏฆ่ากันเพื่อแย่งกันขึ้นเป็นกษัตริย์นั่นแท้ๆ ทำให้ฝ่าบาทได้มีคนที่มีฝีมือแบบนี้อยู่คอยช่วยเหลือ" เมื่อเอ่ยถึงคนที่นอนอยู่ไม่ไกล น้ำตาก็พาลไหลออกมาอีกรอบ นั่นสิ..ได้ยินมาว่ามันยกเลิกกฏบ้าๆ ไปหลายข้อ
"เจ้าชายโรนันเมื่อก่อนนิสัยยังไงหรอ" นาเดียอ้าปากจะตอบ หากมือของคิลกลับเอื้อมมาปิดปากไว้ ตาสีม่วงกวาดไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ประสาทหูที่ไวกว่าคนทั่วไปสะดับเสียงประหลาดรอบๆ ห้อง นาเดียเองก็กวาดสายตาไปรอบห้องหากด้วยความรู้สึกหวาดกลัว
ชิ! มันเอาจนได้สิ
คิลขมวดคิ้วคิดหนัก ใจนึงอยากออกไปจัดการให้เรียบร้อยไม่ต้องมามัวพะวงแบบนี้ แต่อีกใจนึงก็กังวลกับไอ้คนที่ยังนั่งเหม่ออยู่ข้างเตียง
วูบ!
เงาวูบหนึ่งตัดผ่านหน้าต่างออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับการตัดสินใจของคิล เขาลุกพรวดกระซิบสั่งความเบาๆ
"ระวังตัวให้ดี ถ้าเห็นอะไรผิดปกติร้องดังๆ เลยนะ" นาเดียพยักหน้าเร็วๆ รับคำ ขณะที่ร่างของนักฆ่ากระโจนออกไปทางหน้าต่างทันที
------------------------------------------
"เอาล่ะทางโล่งแล้ว" น้ำเสียงแผ่วเบาจากการพยายามไม่ออกแรงมากนักให้คู่หูพยักหน้ารับ สภาพของนักฆ่าที่ดูสะบักสะบอมเล็กน้อยจากการถูกคุมขัง แม้จะได้รับการเยียวยามาเพียงสองถึงสามวันแต่ก็ดีขึ้นจนเกือบเป็นปกติ ในเมื่อการว่าจ้างยังไม่จบ เขาก็ยังรามือไม่ได้ ตาสีม่วงมองไปทางที่คู่หูของเขาให้เวทย์สร้างภาพลวงตาให้องครักษ์พิทักษ์คิงวิ่งไปอีกทางพลางกระตุกยิ้มเลือดเย็น
ไว้เสร็จงานแล้ว...เราได้คิดบัญชีกัน
"นายหลบไปดีกว่า คอยสนับสนุนอยู่ห่างๆ ล่ะ" อีกฝ่ายพยักหน้าหลบฉากไปแต่โดยดี
เอาล่ะ...ทำงานกันได้แล้วมั้ง..
ขายาวที่เตรียมจะก้าวพุ่งออกไปต้องเปลี่ยนทิศเป็นกระโดดกลับหลังเมื่อดาบใหญ่พุ่งมาปักตรงหน้า ตาสีม่วงปราดมองผู้ที่เข้ามาขวางไว้ก่อนจะเบิกกว้างด้วยความตกใจ
"จะรีบไปไหนล่ะ มาเล่นฟันดาบกับเด็กซักกระบวนสองกระบวนก่อนดีกว่า" ตาสีฟ้ากวนโทสะอย่างที่เจ้าตัวชอบทำเป็นประกายระริก เส้นผมสีน้ำตาลปลิวไปกับแรงลมเอื่อยๆ ยามเย็นของหน้าร้อน เด็กน้อยก้าวเข้ามาดึงดาบที่ปักออกขึ้นมาพาดบ่าพร้อมส่งรอยยิ้มกวนให้อีกต่อหนึ่ง
"ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่" เสียงทุ้มแหบพร่าอย่างไม่เชื่อสายตา ในเมื่อมือสองข้างของเขาเป็นคนลงมือเองแท้ๆ จะบอกว่านั่นเป็นตุ๊กตา สัมผัสเลือดที่ได้รับตอนนั้นบอกได้ว่าเป็นคนจริงๆ
"ควรจะถามว่าทำไมยังไม่ตายจะเหมาะกว่ามั้ย" เสียงทุ้มแตกหนุ่มเล็กน้อยดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กของเด็กน้อยที่เดินเข้ามาเงียบๆ ตาสีน้ำตาลเย็นชาอย่างที่มันเคยเป็น ผมสีเงินสะท้อนแสงอาทิตย์สีส้มงดงาม ในมือคือคทาสีดำแห่งเดมอสที่เขาจำได้ว่าหาไม่เจอตอนที่เก็บซากของเด็กนั่น
นี่มันอะไรกัน!!
------------------------------------------
หายไปไหนแล้ว...
คำถามที่ผุดขึ้นในหัวของนักฆ่า หลังจากที่ตามเงานั้นมาได้พักใหญ่ด้วยการวิ่งเต็มฝีเท้า คิ้วเข้มขมวดกันนิ่งก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพอจะเดาอะไรได้
เสียรู้มันซะแล้ว!!!
"เพิ่งจะรู้ตัวหรอไง" เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้คิลหันขวับกลับไปมองคนที่ชอบโผล่มาแบบไม่ให้ซุ่มให้เสียงเป็นประจำ ร่างสูงในเสื้อคลุมสีดำยาวจรดพื้น กับผมสีน้ำตาลอ่อนสั้น ตาสีเขียวเต้นระริกประกายขบขันเมื่อเห็นสีหน้าแปลกใจปนตกใจของอีกฝ่าย
"โร!!"
"คิดว่าฉันเป็นใครกันล่ะ" คำถามเย้าให้คนฟังต้องสบถเบาๆ ไอ้บ้านี่ชอบทำให้คนอื่นเป็นห่วงแล้วตลบหลังทุกที คิลขยี้หัวตัวเองอย่างหงุดหงิด
"หายหัวไปไหนมา รู้มั้ยตอนนี้เรื่องมันยุ่งขนาดไหน" โรพยักหน้าช้าๆ ด้วยสีหน้ารู้มากเหมือนเดิม
"เพราะงั้นฉันถึงต้องมาทำให้เรื่องมันจบน่ะสิ" คิ้วเข้มเลิกสูงอย่างไม่เข้าใจคำพูดนั้น คนพูดเองก็ได้แต่หัวเราะเบาๆ และเสริมเล็กน้อย
"แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่ฉันหรอก แค่ทำให้มันจบเรื่องจบราวกันซักที"
------------------------------------------
"เอาล่ะ...ยังไงก็ปิดบัญชีเลยดีกว่า" เนอินเอ่ยแล้วพุ่งพรวดเข้าหาทันที หากเป้าหมายกลับเป็นนักเวทย์ที่ซ่อนตัวอยู่ ผ่าปฐพีจิ้มจึ้กไปที่พุ่งไม้ราวกับรู้ดี ร่างสูงในเสื้อคลุมกระโดดหลบทัน หากก็ตกใจไม่ใช่น้อยก่อนจะขยับยิ้มใจเย็น
"คราวที่แล้วให้น้องมาสู้ พอเห็นว่าสู้ไม่ได้เลยเปลี่ยนกันอย่างนั้นหรอไง" เนอินฉีกยิ้มกว้างจุ๊ปากเบาๆ อย่างน่าถีบ
"ไม่ถูกๆ เอ...หรือว่านายพูดถูกดี"
"พูดมากน่ารำคาญน่าเนอิน รีบๆ สู้ๆ ไปให้มันเสร็จๆ อย่าลืมว่าเรามีเรื่องต้องทำอีก" เนอาร์เอ่ยปากสั่งเรียกเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจจากผู้เป็นพี่ชาย หากก็ยอมกระชับดาบในมือแต่โดยดี
"แกเป็นน้องฉันหรือเป็นพ่อกันแน่วะ" ตะโกนถามพลางพุ่งเข้าหมายจะฟันร่างตรงหน้าให้ขาดเป็นสองท่อน หากกำแพงดินแบบเดิมก็พุ่งขึ้นมาสะกัด พร้อมกับหอกดินที่จิ้มโดนสีข้าง เสียงหัวเราะหึๆ ของนักเวทย์ดูจะไม่เข้าไปเรียกสติเขาซักเท่าไหร่
"มีแต่ลูกไม้เดิมๆ แบบนี้ก็หวานฉันสิ" ว่าแล้วก็เอี้ยวตัวหลบไปด้านหลังเง้อดาบขึ้นเต็มที่ก่อนจะฟาดลงไป หากอีกฝ่ายก็เร็วพอกัน กำแพงดินพุ่งขึ้นสะกัดอีกครั้งส่งผลให้ดาบกระเด็นขึ้นไปข้างบน
"ฮ่าๆๆ ไร้ดาบแบบนี้ก็เตรียมตัวลงนรกของจริงกันได้แล้ว" หากเจ้าของดาบกลับผุดยิ้มสะใจขึ้นมาบนใบหน้านั้น ขาดคำผ่าปฐพีที่กระเด็นขึ้นไปด้านบนก็เสียบฉับเข้าที่ปลายผ้าคลุมยึดกับพื้นไว้แน่น สร้างความตกใจให้กับคนถูกตรึง
"ทีนี้ก็หนีไม่ได้ล่ะ ใช้ไอ้กำแพงดินสั่วๆ ก็ไม่ได้ด้วย" เนอินกระโดดขึ้นมือก็คว้ามีดที่เหน็บไว้ขึ้นเหนือหัวอีกฝ่าย เตรียมเผด็จศึก
ฉัวะ!!!
เลือดสีแดงไหลออกทางช่องท้อง หอกดินเล่มเล็กที่ก่อตัวขึ้นกลางอากาศจากเศษดินที่ฟุ้งกระจาย ปักฝังเข้าไปครึ่งแท่งเรียกเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดให้ดังออกจากปากของเนอิน เด็กน้อยล้มตุบลงกับพื้นหอบหนัก
"อย่าดูถูกผู้ใหญ่นักสิเจ้าหนู" คำถากถางไม่ได้ลบรอยยิ้มที่ระบายอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายได้แม้แต่นิดเดียว เนอินสูดหายใจลึกกลั้นใจดึงหอกดินที่ฝังอยู่กับท้องออกมา ทางด้านของเนอาร์ที่เริ่มใช้เวทย์น้ำแข็งอย่างที่เคย บนพื้นดินปรากฏหอกน้ำแข็งนับสิบปักคาอันเกิดจากการพลาดเป้าที่หลบหลีกอย่างคล่องแคล่วไปรอบๆ
"นักเวทย์กับนักฆ่ายังไงก็ไม่เข้ากันนะ" คำเปรยจากนักฆ่าที่ดูสนุกเหมือนกำลังเล่นวิ่งไล่จับที่ใช้ชีวิตตัวเองเป็นเดิมพันดังชวนให้เด็กน้อยฉุนกึกขึ้นมา
"ประเด็นไม่ได้อยู่ที่เข้ากันได้หรือไม่ แต่อยู่ที่นักฆ่าที่รับจ้างทำงานโดยไม่คิดจะมีปัญญาจัดการกับเหยื่อที่เป็นเด็กได้รึปล่าวต่างหากล่ะ" คำยอกย้อนเจ็บแสบของคนไม่ค่อยชอบพูดส่งให้ประกายของนักฆ่าฉายจรัสขึ้นมาให้ดวงตา
"ไอซ์วอ!!" กำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่โผล่ขึ้นมาดักเบื้องหน้านักฆ่าเพื่อรับมือกับมีดสั้นในมือนั้น หากความแข็งแกร่งที่ถูกฝึกมาทำให้กำแพงตรงหน้าถูกฟันขาดเป็นสองท่อนอย่างง่ายดาย เนอาร์กระโดดหลบไปข้างหลังทันที
ฉัวะ!!
รอยบากบริเวณลำตัวปริออกเป็นทางยาวพร้อมกับเลือดไหลซึมเปื้อนเสื้อที่สวมใส่อยู่ ความคมนี่สินะที่เนอินบอกเขาไว้ รอยยิ้มประหลาดฉายขึ้นบนใบหน้าสลักที่ถอดมาจากผู้เป็นพ่อนั้น ขณะเดียวกันนักฆ่าที่ชะงักไปชั่วครู่ก็หายตัวเข้ามาล็อกคอเขาไว้
"จะเปลี่ยนคนสู้แต่ก็เป็นแค่เด็ก...สุดท้ายก็จบเหมือนเดิม"
ฉัวะ!!
เสียงหอกดินพุ่งเข้าทิ่มแทงเนอินที่พยายามจะกระโดดหลบ แต่เพราะไอ้ที่ยืนอยู่มันเป็นพื้นดินก็เท่ากับยืนอยู่บนอาวุธของอีกฝ่ายดีๆ นี่เอง จึงแทบไม่มีประโยชน์ที่จะหลบเลย
"ยอมอยู่นิ่งๆ ดีกว่า ฉันจะได้แทงตรงหัวใจ เจ็บแป๊บเดียวเอง" นักเวทย์เถื่อนนั้นพูดเบาๆ พร้อมกับหัวเราะ ตาสีฟ้าค่อยๆ สงบลงจนนิ่งในที่สุด ปราศจากแววรักสนุกอย่างที่เจ้าตัวเป็น เนอินหยุดการเคลื่อนไหวลงดื้อๆ ปล่อยให้หอกดินนั้นทิ่มแทงเฉี่ยวแขนและขาจนคู่ต่อสู้เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แล้วเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม
"ว่าง่ายๆ แบบนี้สิเด็กดี" แล้วหอกดินก็โผล่ขึ้นจากด้านหลังเป้าหมายคือตำแหน่งหัวใจที่อยู่ด้านซ้าย
"ผ่าปฐพี!!"
"คทาพิพากษา!!"
เปรี้ยง!!!
*******************************TBC...
ความคิดเห็น