ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Distance : การเดินทางที่ยาวไกล

    ลำดับตอนที่ #19 : บทที่ 18 : นอนไม่หลับ

    • อัปเดตล่าสุด 9 มี.ค. 49


    ตอนนี้ NC-13 นะจ๊ะ ^^"

    ***************************


                       "เสียบิชอพไปตั้งสองตัวแบบนี้แย่เลยสิเนี่ย" คำเย้ากึ่งขันทักให้คนที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวดต้องเงยหน้าขึ้นมาสบตา ก่อนจะกระตุกยิ้ม

                       "ไม่เคยได้ยินหรอไงว่า หมากรุกเนี่ย ต่อให้เหลือเบี้ยเพียงหนึ่งก็พลิกกระดานได้" คนถูกบลัฟหัวเราะหึๆ ไม่นึกหัวเสียไปกับคำย้อนนั้น

                       "แต่ฉันว่านายคงคิดหนักถ้าเสียควีนไปอีกตัว" คราวนี้รอยยิ้มถึงกับผลุบหายไปจากใบหน้ากระด้างนั้นทันที

                       "ถึงอย่างนั้นถ้าคิงไม่ถูกรุกฆาตกระดานนี้ก็ยังไม่จบ" เอ่ยจบสายตาก็กวาดหาทางออกที่หลงเหลือเพียงน้อยนิดบนกระดาน

                       "คิดว่าเรื่องจะเป็นยังไงต่อ" บทสนทนาที่เริ่มขึ้นเมื่อหลายชั่วโมงก่อนยาวนานจนถึงตอนนี้ คนฟังขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนจะขยับหมากตรงหน้าดักการรุกของอีกฝ่าย

                       "แล้วคิดว่าจะเป็นยังไงล่ะ รัชทายาทสองคนถูกปลงพระชนน์ โดยที่วังหลวงจำใจต้องหุบปากเงียบเพราะกลัวจราจลจะเกิดขึ้น" ขยับม้าเข้ากลางกระดานเรียกเสียงถอนหายใจหนักให้ได้ยิน

                       "แต่ฉันว่านายกลัวบางอย่างมากกว่านะ" เสียงหัวเราะเบาๆ จากคนพูดไม่ทำให้คนฟังขำตามไปด้วย ก่อนจะรีบเปลี่ยนประเด็นเข้าเรื่องเดิม

                       "ยังไงซะอีกไม่นานเรื่องก็ต้องแดงขึ้นมา ถ้าถึงตอนนั้นแล้ว...แผนคงสำเร็จ" สิ้นคำพูดต่างฝ่ายต่างเงียบกันไป พร้อมๆ กับที่คนพูดขยับเรือเข้าขวาง

    ----------------------------------------------------
     
                       "รุก"

                       "...."

                       "รุก"

                       "....."

                       "รุกฆาต!" เสียงประกาศชัยชนะเหนือกระดานสีเหลี่ยมจตุรัส เมื่อหมากในมือจัดการงาบคิงของคู่ต่อสู้ได้อย่างเรียบร้อยง่ายดายจนน่าเบื่อ... โรจัดการกวาดหมากบนกระดานเก็บแล้วยกชาขึ้นจิบมองหน้าทายาท เดอะ เชสมาสเตอร์ที่มันเคยคุยโวเอาไว้

                       "แกเป็นอะไรไปเฟริน"

                       "หะ หา....อ้าว จบกระดานแล้วหรอ" โรส่ายหน้าเล็กน้อย อาการมันหนักกว่าที่เขาคิดไว้ เวลาคุยกันก็หัวเราะบ้าปกติ แต่เวลาที่อยู่คนเดียวหรือว่างๆ ก็ออกอาการน็อคทุกที ตาสีเขียวจ้องใบหน้าเปื้อนยิ้มแห้งๆ อย่างคิดหนัก บอกไม่เสียใจ ทำใจได้แล้ว แต่การกระทำมันคนละเรื่อง

                       "ยังเสียใจกับเรื่องของสองคนนั่นอยู่อีกหรอไง" เฟรินชะงักมือที่หยิบขนมเข้าปาก เงยหน้ามองคนพูดเล็กน้อย

                       "สองคนนั่น?? ไอ้ลิงสองตัวนั่นน่ะหรอ โอ้ยยย คิดมากไปก็เสียเวลา" คนที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งขอทานแห่งทริสทอร์พยักหน้าช้าๆ มันพูดไม่ดูสารรูปมันเลย ตาโหลลึกเป็นหมีแพนด้า หน้าซีดเซียวยิ่งกว่ากระดาษฟอกสี ข้าวปลาไม่แตะยังกะไดเอท ทั้งๆ ที่มันโปรดปรานการกินมากขนาดไหน

                       จะโกหกทั้งที ทำให้มันน่าเชื่อหน่อยสิ...

                       เสียแรง...ที่เคยเป็นขโมยลูกนักต้ม แต่ก็น่าจะช็อคอยู่หรอก

                       "แล้วนี่คิลมันไปไหน" เฟรินเอ่ยถามขึ้นมา

                       "เห็นว่าไปสืบข่าวต่อน่ะ ดูเหมือนว่าทัพของโคมิเน่จะเข้ามาประชิดคาโนวาล แล้วข่าวจากแม่ทัพการ์เดนที่ประจำอยู่ที่ชายแดนก็หายไปด้วย" คิ้วบางๆ ขมวดเข้าหากัน ทัพของคาโนวาลจะแยกเป็นหลายทัพเพื่อคุมชายแดนที่ติดกับประเทศต่างๆ และทัพที่มีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือทัพทางทิศใต้ของแม่ทัพการ์เดนที่ถูกสั่งให้คุมชายแดนระหว่างโคมิเน่และบารามอส การที่มีเรื่องลอบสังหารเกิดขึ้น และโคมิเน่ที่เตรียมทัพไว้พร้อม แล้วจู่ๆ ข่าวทัพหน้าที่สำคัญกลับหายไปแบบนี้มันชักแปลกๆ แล้วสิ

                       "หากกษัตริย์ถูกโค่นล้ม คนที่จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์คนต่อไปก็คือผู้ที่มีความสามารถมากที่สุด" เสียงหวานเปรยเบาๆ อย่างใช้ความคิด ขณะที่ตาสีเขียวหรี่ลงเล็กน้อย มือหมุนแก้วชาเล่น

                       "ถ้าอย่างนั้นบรรดาแม่ทัพทั้งหมดก็น่าสงสัย"

                       "ดูเหมือนนายจะลืมไปอีกคน" เอ่ยขัดให้คนเปรยหันมามอง ในหัวก็คิดตาม

                       "แกหมายถึงเจ้าชายโรนันงั้นหรอ เขาจะทำอย่างนั้นไปเพื่ออะไร แกอย่าลืมว่าถึงไอ้กฏฆ่ากันตายกับเนรเทศผู้แพ้นั่นจะถูกยกเลิก แต่พิธีการสาบานตนยังมีอยู่" โรพยักหน้ารับรู้ด้วยสีหน้าเรียบๆ

                       "งั้นนายจะบอกว่าสงสัยแม่ทัพการ์เดน?" ถามเสียงสูง
    เฟรินส่ายหน้าช้าๆ

                       "แค่ไม่ส่งข่าวมามันน้อยเกินไป เขาอาจจะยุ่งหรือไม่ก็โดนเก็บ" พูดแล้วยกนิ้วโป้งคว่ำลงระดับคอปาดเป็นแนวตรงประกอบคำพูด เรียกรอยยิ้มบางๆ ให้ปรากฏขึ้น บางทีช่วงนี้เขารู้สึกตัวว่าเครียดขึ้นเยอะ คงเพราะติดเชื้อกษัตริย์น้ำแข็งนั่นล่ะมั้ง

                       "ไอ้คาโลเองมันก็น่าจะรู้เรื่องนี้นะ" หัวข้อสนทนาถูกย้อนกลับมาอีกครั้ง คำพูดที่ทำให้โรต้องกระตุกยิ้ม ลืมไปว่ามีคนน่าสงสารอีกคนนึง หรือบางที...อาจจะน่าสงสารที่สุด

                       ...ไอ้คนที่ชอบซ่อนใบหน้าไว้ใต้หน้ากากน้ำแข็ง...

    ----------------------------------------------------

                       ทันทีที่พระอาทติย์ลับขอบฟ้า แสงจันทร์ของคืนเดือนเพ็ญก็สาดส่งไปทั่วเอเดนและเดมอส หลายบ้านต่างปิดประตูเพื่อเข้าสู่การพักผ่อนยามค่ำคืน หลังจากตรากตรำทำงานมาทั้งวัน หากสถานบันเทิงหลายแห่งกลับเพิ่งเริ่มงานของมันในวันนี้ ภายในบาร์เล็กๆ แห่งหนึ่งที่บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่ก้าวเข้ามารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวพิกลเมื่อก้าวเข้ามาในร้านแห่งนี้แล้วต้องรีบจรลีหนีหน้าไปอย่างรวดเร็ว

                       "ทำไมวันนี้คนเข้าร้านน้อยจังวะ" เสียงบริกรชายพึมพำกับเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างๆ เบาๆ ตากวาดมองโต๊ะที่ว่างเป็นแถว มีเพียงตาเฒ่าเมาหัวราน้ำ(เมา)โต๊ะที่ส่งเสียงป้อแป้ หญิงสาวสวยเซ็กซี่ที่ตั้งแต่เข้ามายังแค่จิบเหล้าไปไม่ถึงแก้ว กลุ่มชายวันกลางคนที่พากันมาเลี้ยงฉลองที่ได้หย่ากับภรรยา และชายหนุ่มรูปหล่ออีกคนที่นั่งอยู่มุมในสุดซัดเหล้ายังกะเครื่องดื่มชูกำลังเตรียมออกศึกอยู่ที่เคาน์เตอร์

                       "สงสัยเฮียเจ้าของร้านแกเปิดผิดฤกษ์มั้ง" เดาส่งเดชไปเรื่อย ฉันก็มาพร้อมแกแล้วจะรู้มั้ยฟะ

                       "เอ่อ...คุณลูกค้าครับ" บาเทนเดอร์เอ่ยเกรงๆ ขณะส่งวิสกี้ ออนเดอะร็อคแก้วที่ 10 ให้ลูกค้าคอแข็งตรงหน้า ตาสีฟ้าตวัดมองคนพูด คนถูกมองสะดุ้งเฮือก เกิดอาการขนหัวตั้งขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ แต่ด้วยจรรยาบรรณ(??) จึงทำให้ยังกล้าพูดต่อ

                       "ดื่มมากไม่ดีต่อสุขภาพนะครับ" คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นช้าๆ เพิ่งเคยเจอบาร์เทนเดอร์ร้านนี้แหละที่เตือนลูกค้าให้ดื่มน้อยๆ เรียวปากกระตุกยิ้มน้อยๆ

                       "ฉันมีเงินจ่ายก็แล้วกัน" เสียงทุ้มเอ่ยปัดความหวังดีที่ไม่เคยเห็นนั่นทิ้งอย่างไม่ใยดี บาร์เทนเดอร์หนุ่มหน้าจ๋อยไปสนิท หันกลับไปทำงานของตนต่อทันที

                       "ขอนั่งข้างๆ ได้มั้ยคะ" เสียงหวานๆ เรียกให้ร่างสูงหันไปมอง หญิงสาวผมสีแดงสดหยักศกตัดสั้นประบ่า ริมฝีปากสีแดงเช่นเดียวกับสีผมผลิแย้มยิ้มเล็กน้อย ชุดกลางคืนกระโปรงสั้นกุดเหนือเข่าราวๆ สิบกว่าเซ็นต์โชว์ต้นขาอ่อนเนียนขาว หากคนที่โดนทักกลับหันไปซดเหล้าต่อไม่ใส่ใจ หญิงสาวหน้าจืดไปเล็กน้อย ก่อนจะถือวิสาสะนั่งลงข้างๆ

                       "วันนี้เงียบเหงาน่าดูเลยนะคะ ไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเพิ่งมาคาโนวาลหรอคะ" เสียงหวานนั้นชวนคุยไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีคำตอบจากร่างข้างๆ แม้แต่คำเดียว ริมฝีปากแดงถูกเม้มเล็กน้อย หล่อนเขยับเข้าไปใกล้จงใจเบียดตัวเองเข้ากับแขนแกร่ง คราวนี้อีกฝ่ายยอมหันมามองช้าๆ สบกับตาสีทองของเธอ

                       "คุณเนี่ยหน้าตาหล่อดีนะ" หล่อนยื่นหน้าเข้าไปกระซิบใกล้ๆ บรรดาเหล่าบริกรที่มองอยู่ห่างๆ ต่างพากันอิจฉา มุมปากกระตุกยิ้มขึ้นอีกครั้ง

                       "อยากมากนักหรอไง" คำถามที่ทำเอาคนฟังถึงกับหน้าชาไปถนัดใจ บทจะเปิดปากก็เจอคำเจ็บแสบเข้ากลางใจ เธอยิ้มหวานให้ เลื่อนใบหน้าเข้าใกล้อย่างท้าทาย

                       "มีปากเหมือนกันนี่ ปากจัดแบบนี้เวลาจูบจะดุขนาดไหนนะ" ตาสีฟ้าก้มลงมองริมฝีปากอิ่มที่ขยับพูดสลับกับสายตายั่วยวนนั่นช้าๆ อาการมึนๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอร์ชักจะกระชากสติเขาให้หลุด หากใบหน้าหวานที่มักจะส่งยิ้มยียวนมาให้นั้นเป็นตัวดึงไม่ให้กระเจิดกระเจิงหนักกว่านี้ ปากเตรียมอ้า
    จะปฏิเสธ
                       "คิดว่าจะเมาฟุบหลับคาร้านไม่มีแรงกลับ เห็นทีฉันจะห่วงผิดคนไปหน่อย" เสียงห้วนๆ ดังขึ้นขัด ตาสีฟ้ามองผ่านไหล่ขาวคนตรงหน้าสบกับตาสีน้ำตาลที่ปรากฏแววเกรี้ยวกราดเล็กๆ ของคนที่พยายามจะซ่อนไว้ ร่างเล็กในชุดสามัญชนธรรมดาติดจะมอซอนิดๆ ผมสีน้ำตาลยาวมัดเปียมากองด้านหน้า ใบหน้าที่เคยหวานตอนนี้กลับดูกร้านลงมาก สองมือกอดอกราวกับกำลังรอคำตอบที่น่าฟังจากจำเลย

                       "เฟริน"

                       "ยังจำชื่อฉันได้อีกหรอไง คิดว่าเห็นแม่สาวคนนี้กับซัดเหล้าไปไม่กี่สิบขวดจะลืมชื่อฉันไปซะแล้ว" คำประชดผ่านปากเรียวบางนั้นรัวเร็ว เฟรินหันไปสบตาสีทองที่มองมาทางตนงงๆ แล้วยิ้มให้

                       "เธอนี่ก็สวยเหมือนกันนี่นา" ว่าแล้วยัยตัวแสบก็เดินเข้าประชิดโอบเอวเจ้าหล่อนโดยไม่ขออนุญาตเรียกให้คนถูกกระทำต้องอุทานออกมาเพราะไม่ทันตั้งตัวก็ถูกแต๊ะอั๋งเอาซะแล้ว

                       "ไอ้หมอนี่น่ะมันไม่เอาไหนเรื่องผู้หญิงหรอก ถ้าอยากสนุกนัก..ไปกับฉันดีกว่า" ตาสีน้ำตาลพราวไปด้วยอารมณ์บางอย่างให้หญิงสาวหน้าขึ้นสี จริงอยู่ว่าเธอเจอผู้ชายมาเยอะแยะ แต่คนที่โอบเอวเธออยู่ตอนนี้ทำให้รู้สึกว่าไอ้พวกนั้นเทียบชั้นไม่ได้แม้แต่นิดเดียว

                       "เฟริน!!" เสียงเข้มดุดังปรามให้เจ้าตัวแสบหยุด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เมื่อเฟรินจัดการเล่นหนังสดประกบจูบเจ้าหล่อนกลางร้านทันที เรียกเสียงฮือฮาจากบรรดาคนมุงให้ดังขึ้นอย่างถูกใจ โดยเฉพาะกลุ่มชายหนุ่มที่เพิ่งเลิกกับภรรยากลุ่มนั้นที่เป่าปากเปี้ยวกันยกกลุ่ม

                       "อือ" เสียงครางในลำคอของสาวเจ้า ใบหน้าขาวแดงเรื่อขึ้น แขนแกร่งโอบเอวเล็กกระชากออกมาทันที

                       "ปล่อยนะโว้ย!! เป็นบ้าอะไรฟะ เสียเส้นหมด" เฟรินตะโกนลั่นร้านดิ้นขลุกขลักไปมา ร่างสูงคว้ามือเล็กที่ปรากฏแหวนแบบเดียวกับที่เขายึดไว้อยู่บนนิ้ว

                       "แกเอาแหวนมาจากไหน" เอ่ยเสียงเข้มอย่างต้องการระงับอารมณ์ เฟรินสะบัดตัวหลุดจากแขนแกร่งนั้นออกมายืนหอบ

                       "อย่าคิดว่าแหวนจะมีวงเดียว" เอ่ยท้าทายหนักเข้าไปอีก เขาหันไปมองสาวผมแดงที่ยังงงอยู่แล้วยิ้มให้อีกครั้ง ถือวิสาสะโอบเอวเจ้าหล่อนอีกครั้งเตรียมเดินออกจากร้าน

                       "ไปหาที่อื่นดื่มกันดีกว่า ที่นี่ดูท่าทางจะบรรยากาศไม่ดี" คาโลกระชากแขนเจ้าตัวดีออกมาอย่างแรง

                       "โอ้ย!!!" เสียงร้องหลงจากอาการเจ็บบริเวรที่มือใหญ่นั้นบีบแน่น

                       "แกเป็นผู้หญิง" เสียงลอดไรฟันอย่างพยายามสะกดอารมณ์โกรธ

                       เพราะเหตุที่เจ้าตัวดีแอบไปหาแหวนวงใหม่??

                       หรือเพราะเห็นฉากหนังสดเมื่อครู่กันแน่??

                       ตาสีน้ำตาลตวัดมองร่างสูงก่อนจะกระตุกยิ้มกวนๆ ยักคิ้วให้อีกทีเป็นการตบท้าย มือใหญ่พยายามถอดแหวนออก หากมันกลับติดแน่นอยู่กับนิ้วเรียวนั้นอย่างแน่นหนา

                       "แต่ตอนนี้ฉันเป็นผู้ชาย แกอย่าพยายามเลย ฉันให้โกโดมมันลงเวทย์ไว้ ถ้าฉันไม่ยินดี ไม่ว่าใครก็ถอดแหวนออกจากนิ้วไม่ได้ นอกเสียจาก...แกจะตัดนิ้วฉันทิ้ง" เฟรินสะบัดแขนสุดแรงเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุม หากมือนั้นกลับแข็งแรงราวคีมเหล็ก ร่างสูงเผลอออกแรงเพิ่มขึ้นจนเขาต้องนิ่วหน้าลง

                       "กลับ!!" พูดเสียงเข้ม โดยไม่ลืมโยนถุงเงินไว้บนเคาน์เตอร์ที่เมื่อเปิดออกมาต้องตะลึง เพราะมันเป็นทองล้วนๆ จำนวนมากพอที่จะปิดร้านปรับปรุงใหม่ได้เป็นสิบๆ รอบ

    ----------------------------------------------------

                       ผลั่ก!!!

                       ร่างของเฟรินเซลงบนเตียงจากแรงกระชาก ประตูห้องปิดลงเสียงดัง แม้ว่าจะมีเสียงโวยวายของเฟรินมาตลอดทางหากก็ไม่มีใครกล้าโผล่หน้าออกมาดูแม้แต่คนเดียว ตาสีน้ำตาลตวัดมองคนที่ลากตนออกมาอย่างโกรธเคือง

                       "ใครใช้ให้แกกลับไปเป็นผู้ชาย" คาโลถามเสียงเครียด หลังจากที่ค่อยๆ ปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว

                       "ไม่มีใครบังคับฉันได้คาโล แม้แต่แกเอง ฉันอยากจะอยู่ร่างไหนก็เรื่องของฉัน" คำตอบพาลจะทำให้เส้นสติขาดผึงอีกหน ร่างสูงโน้มตัวลงไปถามช้าๆ

                       "จะให้ฉันบอกมั้ยว่าฉันมีสิทธิ์อะไรที่จะบังคับแก" ใบหน้าขาวแดงวูบขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ มันคงไม่กล้าหรอก อย่างน้อยก็ตอนที่อยู่ในร่างนี้ เฟรินปลอบตัวเองช้าๆ ภาพที่เห็นที่บาร์เมื่อครู่ยังคงฝังอยู่ในสมองอย่างยากที่จะลบ พอๆ กับภาพสมัยที่มันจูบกับเรนอนนั่นแหละ

                       "ถึงอย่างนั้นแกก็ไม่มีสิทธิ์มาสั่ง ฉายาฉันมัน ออฟ บารามอสเฟ้ย ไม่ใช่คาโนวาล" คาโลกระตุกยิ้มเย็นๆ จนคนดูเสียวสันหลังวูบ เพียงครู่เดียวเชือกใหญ่ก็มัดสองมือของเขากับตัวไว้ด้วยกัน ร่างสูงผละออกมามองดูเล็กน้อย

                       "แกจะทำไร!" เฟรินมองสบตาสีฟ้านั้นอย่างหวาดกลัว มันคงไม่วิปริตหรอกน่า...อย่างน้อยอยู่ด้วยกันมาก็ไม่ใช่ คนถูกถามไม่ตอบอะไรได้แต่ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะคร่อมลงทับตัวเขาไว้ เฟรินอุทานโวยวายออกมาแทบจะทันที

                       หรือมันจะวิปริตจริง!!!

                       "ฉันให้เวลาแกตัดสินใจ 5 วินาทีว่าจะยอมถอดแหวนดีๆ หรือให้ฉัน..." ประโยคหลังเว้นไปถูกแทนที่ด้วยแววตาประหลาดที่มองกราดไปทั่วตัวเฟรินช้าๆ อย่างชวนขนลุก (เอ่อ คนแต่งก็ลุกด้วย....มั้ง)

                       "แกอย่ามาล้อเล่นยังไงฉันก็ไม่ถอด"

                       "5"

                       "ไม่ถอดโว้ยย!!"

                       "4"

                       "พวกคาโนวาลมันวิปริตกันทุกคนหรอวะเนี่ย!!"

                       "3"

                       "แกเลิกเล่นได้แล้วคาโล"

                       "2"

                       "อย่าบ้านะโว้ยย"

                       "1" ขาดคำหน้าคมก็โน้มลงมาให้จำเลยรีบโวยวายรับผิด

                       "เออๆๆ ถอดแล้วๆ" มือก็จัดการถอดแหวนออก ใบหน้ากร้านของชายหนุ่มค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าหวานๆ ของหญิงสาวที่งอหงุดหงิดที่ต้องเสียท่าให้กับคนตรงหน้าทุกที สัมผัสที่แก้มเรียกให้เจ้าตัวสะดุ้ง แล้วต้องสะดุ้งหนักเข้าไปอีกเมื่อริมฝีปากที่ถือดีฉกความหอมจากแก้มตนเริ่มไล้ไปทั่วใบหน้า คาโลขบเม้มใบหูเบาๆ

                       "รู้มั้ยว่าคนดื้อมันต้องโดนลงโทษ" เฟรินหรือตอนนี้ที่กลายเป็นเฟลิโอน่าหน้าแดงวาบ ช่วงนั้นเองร่างสูงก็ฉวยเอาแหวนในมือเธอไปแล้วเดินออกจากห้อง

                       "เฮ้ย!! เอาแหวนฉันคืนมากนะคาโล!!! ไอ้บ้า! ไอ้วิปริต! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ เอาแหวนคืนมา!!!" ครู่ใหญ่ร่างสูงคุ้นตาก็กลับเข้ามาในห้อง เฟรินเองก็ยังคงตะโกนก่นด่าต่อไปอย่างไม่รู้จักเหนื่อย คาโลยืนมองร่างบางที่ตวาดแว้ดๆ ใส่อย่างเหนื่อยใจ

                       "แกออกไปนอกวังทำไมเฟริน รู้ก็รู้ว่ามีเรื่องอยู่" อาการปากจัดหุบฉับลงทันที

                       "ก็เห็นว่าดึกแล้วแกยังไม่กลับ กลัวว่าคนที่โดนเล็งจะกลายเป็นคิงแทนฉัน พาลจะสงสารพวกอำมาตย์ที่ต้องนั่งปวดหัวหาคิงงี่เง่าที่เอาแต่ใช้กำลังกันใหม่อีกรอบ" คำตอบที่เรียกรอยยิ้มอ่อนโยนชวนให้เธอใจเต้นแรง คาโลทรุดตัวลงนั่งข้างๆ หากเฟรินกลับกระโดดพาตัวเองไปอีกทางอย่างไม่ไว้ใจ

                       "ก็แค่นอนไม่หลับ"

                       "อ๋อ...แกเลยต้องหาคนนอนเป็นเพื่อนงั้นสิ ฉันว่าฉันน่าจะทำตามแกบ้างนะ" โดนสวนกลับแบบนี้ทำให้ตาสีฟ้ากลับมาดุจัดอย่างเดิม ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

                       "หรือแกหึง"

                       จึ้ก!!!

                       "หึงเตี่ยแกสิ ใครจะไปหึงแกกัน นี่แกรู้ป่าวว่าไอ้พ่อที่ลูกเพิ่งตายแต่ยังมีหน้าไปหาคนอื่นนอนด้วยเนี่ยมันเป็นกษัตริย์ไม่ได้หรอก เอ้อ...อาจจะยกไว้บางคน" ดวงหน้าสลักเรียบนั้นชาวูบขึ้นมาเล็กน้อย แววของความเจ็บปวดอย่างที่ปกติแล้วจะไม่มีทางได้เห็นทอออกมาอย่างชัดเจนให้คนพูดนิ่งอึ้งไป

                       "ขอโทษ" เฟรินเอ่ยต่อเสียงอ่อย ไม่ใช่ว่าเธอไม่รู้ว่าคาโลมันเสียใจแค่ไหน งานที่ปกติแล้วไม่เคยมีจุดผิดพลาด ตั้งแต่ไอ้กล่องบ้าๆ นั่นส่งมาพวกตรวจทานต้องนั่งแก้กันแล้วแก้กันอีก เวลาประชุมก็นั่งเหม่อ เรื่องงบประมาณไม่ทันจบก็ยกเรื่องศึกกับพวกชนเผ่าเล็กๆ ทางเหนือมาพูด แถมพูดไปพูดมาทำท่าจะบอกว่าให้ยกงบประมาณส่วนหนึ่งให้พวกศัตรูอีก เวลาออกตรวจราชการก็สร้างความปวดหัวให้กับพวกทหารรักษาพระองค์ที่ต้องมานั่งตามตัวคิงที่เผลอใจลอยควบม้าหายแวบไปจากขบวน แต่ว่าเธอไม่ผิดนะ...มันดันหาเรื่องก่อนนี่นา ยัยตัวชอบหาเรื่องยังคงยืนยันเข้าข้างตัวเองเต็มที่

                       ".................." คาโลไม่ตอบอะไรหากก้มลงปลดเชือกที่มัดอีกฝ่ายไว้ออก

                       "ถามจริงเถอะ ทำไมแกถึงไม่ส่งคนไปตามหาไอ้ลิงสองตัวนั่น" ร่างบางเอ่ยถามคำถามที่คาใจมาตลอดหลายวัน คาโลหันมามองช้าๆ ก่อนจะเอ่ยตอบในแบบที่เธออยากจะกระโดดถีบปากมันแทน

                       "คนที่ไม่มีความสามารถก็ไม่สมควรเป็นกษัตริย์" เฟรินสบถอุบอิบเบาๆ

                       "แต่นั่นมันลูกนะโว้ย แถมยังเป็นเด็กอีก"

                       "ตอนนั้นกำลังมีปัญหาทางชายแดนด้านเอเธนส์ มีปัญหาเรื่องของการแบ่งเขตที่มันเรื้อรังมานาน แล้วเอเธนส์เองก็เตรียมตัวพร้อมรบหากคาโนวาลไม่ยอมรับข้อเสนอที่ส่งมา" คิ้วบางเลิกขึ้นสูงอย่างสงสัย คาโลเอ่ยต่อราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่

                       "ข้อเสนอที่ต้องการให้ยกดินแดนแถบชายแดนปัจจุบันให้เอเธนส์เพื่อแลกกับการที่สงครามจะไม่เกิด ฉันจึงจำเป็นต้องเกณฑ์ทหารเกือบทั้งหมดให้พร้อมรบที่ชายแดนเชื่อมต่อ" คราวนี้เฟรินถึงกับบางอ้อ เพราะคาโนวาลให้ความสำคัญกับสงครามมากที่สุด หากมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ทั้งอำมาตย์ ข้าราชการ ทุกๆ คนต่างจะพากันหันเหมาทางด้านนี้จนหมด ไม่มีใครให้ความสนใจกับเรื่องอื่นอีก นี่คืออีกเรื่องที่เธออยากจะเปลี่ยนแล้วมันล้มเหลวไม่เป็นท่า เพราะมันฝังลึกเข้าสู่จิตใจคนของคาโนวาล

                       "ตั้งใจไว้ว่ากลับมาถึงจะรีบส่งคนไป แต่พอกลับมาก็เจอนายก่อน" น้ำเสียงแผ่วเบาลงไปจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ คาโลซบหน้าลงกับฝ่ามือของตน ขณะที่เฟรินเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรดีเพราะเข้าใจถึงความเสียใจนั้น สองแขนยกขึ้นโอบรอบคอร่างสูงอย่างที่ไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก ก่อนจะค่อยๆ ดึงอีกฝ่ายให้ซบหน้าลงกับไหล่บางๆ ของตน

                       "...." แม้จะไม่ได้ยิน หากแรงสั่นสะเทือนที่สัมผัสได้ กับความอุ่นชื้นที่ไหล่ทำให้เธอรู้ดี


                       ".........."

                       "คาโล" เรียกเบาๆ หลังจากที่ผ่านไปหลายชั่วโมง เนื่องด้วยอาการเมื่อยบวกความกระดากที่เพิ่งจะแล่นเข้ามาให้รู้สึก แขนยกขึ้นสะกิดเบาๆ ก้มหน้ามองเล็กน้อย

                       "คาโล...หลับหรอไงฟะ" เมื่อได้รับความเงียบเป็นคำตอบ ปากพล่อยๆ ก็เริ่มทำงานอีกครั้ง

                       "อะไรกันวะ บอกว่านอนไม่หลับแต่ดันชิงไปเฝ้าพระอินทร์ก่อนซะนี่ นี่ถ้าฉันไม่ตามแกไป ป่านนี้คงมีความสุขกับแม่สาวนั่นแล้วสิเนี่ย" ว่าแล้วก็หัวเราะเบาๆ ให้เจ็บช้ำใจตัวเอง มือบางยกมือปาดน้ำใสๆ ที่ขึ้นมาที่ขอบตาออก ไม่รู้ว่ามันออกมาเพราะอะไร ขำมากไปหรืออย่างอื่น?? ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมือใหญ่ที่นิ่งอยู่ตวัดโอบเอวเธอเข้าไปชิด

                       "เฮ้ย!!"

                       "นายหึงจริงๆ ด้วยสิเนี่ย" เฟรินหน้าชาไปทันที นี่มัน..

                       "เมื่อกี้แกแกล้งหลับใช่มั้ย!!!" ว๊ากใส่พลางหน้าขึ้นสี นี่เธอเผลอแสดงอาการในแบบที่เคยด่าว่างี่เง่าให้ไอ้คาโลมันเห็นหรอเนี่ย!!! คาโลยิ้มกว้างก่อนจะก้มลงหอมแก้มนวลเบาๆ

                       "ถ้าไม่แกล้งแล้วนายจะหลุดออกมาหรอ" ใครบอกว่าไอ้นี่มันเย็นชา ไม่ได้เรื่องฟะ... นี่มันโคตะระของความเจ้าเล่ห์เลยต่างหาก!!!!

                       "หรือฉันพูดผิด??" หันไปถามกระเซ้าพลางถองเข้าท้องอีกดอกนึง เล่นเอาคนโดนถองจุกไปถนัด

                       "ผิด...เพราะตอนนั้นในหัวฉันมีแต่หน้าของคนๆ เดียว" ตาสีฟ้าทอความหมายของคำพูดนั้นออกมาอย่างไม่ปิดบังจนคนที่มองอยู่ต้องเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง

                       "เออๆ..เรื่องของแก ฉันจะนอนแล้ว" ปลีกตัวจะผละออก หากแขนที่โอบเอวของหล่อนกับกระชับแน่นไม่ปล่อยง่ายๆ แล้วยัยตัวดีก็ต้องสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง เมื่อลมหายใจอุ่นๆ รดต้นคอขาวของตนพร้อมกับสัมผัสจากริมฝีปากอีกฝ่ายประทับลงไป ก่อนจะไล้ไปทั่วคอขาวนั้น

                       "คืนนี้เห็นทีเธอจะต้องอดนอนเป็นเพื่อนฉันแล้ว...เฟลิโอน่า"


    ****************************TBC.....

    Talk > 3-4 ตอนที่ผ่านมาโดนไปหลายดอก ยังไงก็จะพยายามไล่อัพให้เร็วที่สุดนะคะ ^^"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×