ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Distance : การเดินทางที่ยาวไกล

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 7 : พิโรธ!!

    • อัปเดตล่าสุด 20 ม.ค. 49


                       เวลาผ่านไปไวดั่งโกหกด้วยฝีมือของคนแต่ง หึๆๆๆ

                       ตลาดกลางเมืองคาโนวาล...

                       "แอปเปิ้ลจ้า แอปเปิ้ลถูกๆ" เสียงแม่ค้าที่ตะโกนเช่นทุกวันสร้างความคึกคักส่วนหนึ่งให้กับตลาดแห่งนี้ หากหล่อนกลับไม่รู้ตัวเลยว่าถูกจับตาด้วยสายตา 2 คู่ เสียงกระซิบกระซาบระหว่างคนสองคนที่ยืนอยู่ห่างออกไปไม่มาก เมื่ออีกคนพยักหน้าอีกคนก็เดินหายไปอีกทาง คนที่พยักหน้าก็เริ่มลงมือทันที

                       ควับ!

                       มือเล็กๆ คว้าเอาแอปเปิ้ลที่วางอยู่แล้วเลี่ยงเดินไปอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น หากก็ไม่สามารถพ้นสายตาอันฉับไวของแม่ค้า

                       "ขโมย!! จับเด็กนั่นไว้!!!" แค่นั้นแหละ ร่างที่เดินเอื่อยๆ ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งหลบหลีกผู้คนที่เดินกันพลุกพล่าน

                       "เฮ้ย! มันไปทางนั้น นั่นน่ะ!! หัวน้ำตาลนั่น" มือเล็กๆ ขยี้หัวตัวเองเบาๆ พลางนึกขำ มันยังอุตส่าห์สังเกตเห็นอีก ทั้งๆ ที่ผู้คนที่เดินอยู่ก็มีคนที่มีผมสีน้ำตาลเยอะอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะพยายามวิ่งอย่างเต็มที่ หากขาของผู้ใหญ่ย่อมยาวกว่าเด็ก ตาสีฟ้าเริ่มสอดส่ายหาทางออกอย่างสุขุม ก่อนที่สายตาจะไปปะทะกับเรือนผมสีเงินข้างหน้า รอยยิ้มก็ถูกกระตุกขึ้นที่มุมปาก

                       อ่าฮะ...เจอเป้าหมายแล้ว

                       สองขารีบสาวย่ำผ่านร่างนั้นไป พร้อมๆ กับที่ร่างสูงใหญ่ที่ตามหลังก้าวตามทัน หากแต่...

                       โครม!!!

                       ร่างสามร่างล้มลงกับพื้นอย่างแรง เพราะการพุ่งชน กลุ่มคนรอบๆ ต่างกระโดดหลบกันเป็นแถบ ทั้งสามคนต่างล้มลุกคลุกคลานอยู่พักใหญ่ กว่าที่จะตั้งตัวได้

                       "ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ" เด็กน้อยเจ้าของเรือนผมสีเงินอ่อนกล่าวขอโทษขอโพยสุดชีวิต หากสีหน้านั้นกลับเรียบเฉย แน่ละ...ไม่ใช่ความผิดเขานี่

                       "ไอ้เด็กเวรนั่นหนีไปได้จนได้" เสียงบ่นหงุดหงิดดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ไม่ผิดกับชายอีกคนข้างๆ ที่สบถออกมาอย่างรุนแรง มันคงไม่เป็นแบบนี้ถ้าไม่ใช่ว่าพวกเขาทั้งสองคนต้องทำงานกับแม่ค้าแอปเปิ้ลนั่น แล้วกะอีแค่จับเด็กขโมยแอปเปิ้ลลูกเดียวยังทำไม่ได้ ไม่ต้องคิดก็พอจะรู้ได้ ว่าต้องเจอกับอะไร เป็นเพราะไอ้เด็กนั่น...ถ้ามันไม่มาชนเมื่อกี้ก็จับตัวได้แล้ว คิดแล้วก็ยิ่งโมโหหนัก เมื่อพบว่าไอ้เด็กที่เขาคาดโทษไว้มันหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ สุดท้ายชายทั้งสองก็ต้องกลับไปที่ร้านด้วยอารมณ์ที่เรียกว่า...ยักษ์ลง

    ----------------------------------------------------

                       ไกลออกมาจากตัวเมืองทางทิศตะวันออกมาเล็กน้อย ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นเด่นเป็นสง่า ยอดใบปลิวไหวไปตามลมที่พัดมาปะทะ ตาสีน้ำตาลคู่หนึ่งกำลังจับจ้องลงไปยังเนินเขาราวกับรอใครบางคน หากริมฝีปากกระต้องขยับยิ้มเมื่อเห็นร่างเล็กที่วิ่งเต็มสตรีมมาพร้อมกับแอปเปิ้ลสีแดงสดในมือ

                       "เอ้า คราวหน้าขออะไรที่มันยากกว่านี้หน่อยสิ อุตส่าห์จะทดสอบกันทั้งที...ท่านแม่" เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลโยนสิ่งที่แม่ของเขาทดสอบให้พลางก้มตัวลงหอบเล็กน้อย ก็เล่นวิ่งเต็มเหยียดมาตั้งไกล มือขวายกขึ้นเสยผมที่ชื้นเหงื่อออกลวกๆ เผยให้เห็นถึงตาสีฟ้าสดใส หากตาสีน้ำตาลของ 'ท่านแม่' กลับดูไม่ได้ภูมิใจซักนิด มันจะภูมิใจได้ยังไงกัน อย่างนี้เธอก็แพ้พนันน่ะสิ!!!

                       "วิ่งแค่นี้ก็หอบแล้วยังถือว่าใช้ไม่ได้" หญิงสาวจุ๊ปากเริ่มหาทางเบี้ยวกันเห็นๆ หากอีกฝ่ายก็เจ้าเล่ห์พอกัน คงเพราะถูกสอนมาดี...เกินไป

                       "มันไม่เกี่ยวกับข้อตกลงของเรานี่ ท่านแม่ไม่ได้พนันกันว่าผมจะวิ่งกลับมาหอบตัวโยนแบบนี้รึปล่าว" เสียงจิ๊จ๊ะไม่พอใจเท่าไหร่ดังมาให้คนดักคอได้ยิน ปากก็กัดแอปเปิ้ลกร้วมๆ ไร้ซึ่งภาพของสมบัติผู้ดีที่สามีของตนพยายามเพียรสอนมาเป็นแรมปีแต่อย่างใด

                       "แล้วอย่าลืมที่ตกลงกันนะท่านแม่ ต้องขอร้องให้ท่านพ่อยกเลิกบทลงโทษคราวที่แล้วด้วย" ยิ่งพูดถึงข้อตกลงก็ยิ่งหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าจะทำยังไง แต่ไอ้เพราะรู้ดีนี่สิ...ทำทีไรเสียเปรียบมันทุกที

                       "ให้ไปขโมยสร้อยที่ร้านเครื่องประดับข้างๆ ยังจะดีกว่ามั้ง เปลืองแรงโดยใช่เหตุจริงๆ"

                       "ไอ้ที่เปลืองแรงมันน่าจะเป็นฉันมากกว่าไม่ใช่หรอไง ที่ต้องไปยืนขวางไอ้ยักษ์สองตัวนั่น ที่สำคัญถ้าไม่มีฉันป่านนี้แกคงได้ไปนั่งหน้าเจี๋ยวเจี้ยมอยู่ต่อหน้าท่านพ่อพร้อมความผิดใหม่อีก 1 กระทงแล้วนะ...เนอิน"

                       เฮือก!!

                       คำพูดเรียบๆ แบบนี้ วาจาเสียดแทงคุ้นหูเช่นนี้ คงเป็นใครไปไม่ได้ เนอินหันหลังขวับกลับไปจ้องหน้าผู้มาใหม่ที่มีศักดิ์เป็นน้องชายร่วมสายเลือด แยกเขี้ยวใส่ให้อย่างไม่หวาดกลัวกับนัยน์สีน้ำตาลเย็นชานั่น อุตส่าห์จะชนะพนันแล้วแท้ๆ...

                       "อ๋ออออออ ที่แท้ก็เพราะเนอาร์ช่วยงั้นหรอเนี่ย" เฟรินลากเสียงยาวอย่างสะใจเล็กๆ หนอย...ไอ้ลูกรัก กล้ามากมาหลอกคนอย่างเฟริน เดอเบอโรว์ (เอ่อเจ๊...เปลี่ยนนามสกุลแล้ว) เนอินสะดุ้งเฮือกอีกครั้ง พร้อมกับแววที่จะได้เที่ยวเล่นเช่มเดิมหดหายเข้าไปในอากาศ

                       "มีคนช่วย...เพราะฉะนั้นต้องปรับแพ้นะเนอิน 55555" ว่าแล้วก็หัวเราะสบายใจ ไม่ต้องไปง้อไอ้คาโลมันแล้ว เย้!! เฟรินล้มตัวลงนอนกับพื้นหญ้าใต้ต้นไม้อย่างดีใจ ขณะที่พี่น้องสองคนกำลังเขม่นกันในแบบที่ว่าไม่มีใครหน้าไหนกล้าเข้าใกล้เพราะ...

                       "ผ่าปฐพี!"

                       "คทาพิพากษา!"

                       อดีตอาวุธคู่กายของผู้เป็นบิดาและมารดาถูกสืบต่อผ่านรุ่นลูก ที่สำคัญ...ดูมันจะน่ากลัวกว่าเจ้าของเดิมเสียอีก เพราะคนที่ถือคือเด็กน้อยอายุไม่ถึง12 ปีดีซะด้วยซ้ำไป

                       "เพราะแกแท้ๆ ดูสิ...เกือบจะได้พ้นโทษแล้วแท้ๆ" เนอินกัดฟันกรอดๆ ในมือกระชับผ่าปฐพีไว้แน่น ขณะที่คนที่เป็นน้องกลับยืนหน้าเรียบเฉย หากคทาสีดำที่ปักเฉยๆ อยู่ตรงหน้ากลับสร้างความกดดันได้มากเหลือเกิน อย่างน้อย...ก็สำหรับคนที่เคยโดนเล่นงานมาแล้ว

                       "นายน่ะสมควรที่ต้องโดนกักบริเวณอยู่แล้วเนอิน รู้มั้ยว่าเดือนๆ นึงเราหมดงบประมาณกับการซ่อมแซมปราสาทที่นายทำพังไปเท่าไหร่ แค่กักบริเวณฉันว่ายังน้อยเกินไป" เนอาร์ยังคงยืนยันความคิดของตน ไม่รู้สึกอะไรกับรังสีดาบที่อีกฝ่ายแผ่ออกมา ขณะเดียวกันคนที่นอนอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งพิงต้นไม้ดูเด็กทะเลาะกันพลางหัวเราะไปพลาง ก็คราวที่แล้วน่ะ เนอินเอาผ่าปฐพีไปเล่นจนยอดปราสาทหลังที่ 5 ขาดไปต่อหน้าต่อตาไอ้คาโลมันนี่นะ ไม่แปลกที่มันจะฉุน ยิ่งคิดถึงใบหน้าคมๆ ตอนนั้นแล้วก็ยิ่งขำก๊ากหนัก พร้อมๆ กับที่การต่อสู้ข้างหน้าได้เริ่มต้นขึ้น เนอินพุ่งเข้าใส่น้องชายอย่างไม่เกรงใจ ดาบใหญ่ถูกเงื้อขึ้นหมายฟันลงยังตำแหน่งที่ยืนอยู่ หากกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ก็ถูกสร้างขึ้นมากันไว้ได้อย่างทันท่วงที เขาหล่นลงมายืนแล้วตวัดดาบฟันน้ำแข็งจนแตกละเอียด หากเศษน้ำแข็งเหล่านั้นกลับรวมตัวกันกลายเป็นแท่งแหลมจำนวนมาก ริมฝีปากของผู้เป็นพี่กระตุกขึ้น เล่นไม้นี้อีกแล้วหรอไง

                       "ไม่มีท่าอื่นบ้างหรอไง" ว่าแล้วก็กระโดดขึ้นทำลายแท่งน้ำแข็งนั่นทั้งหมด กลายเป็นฝุ่นระยิบระยับราวกับมันถูกโปรยมาจากท้องฟ้า

                       เปรี๊ยะ!

                       แขนทั้งสองข้างถูกตรึงไว้ด้วยน้ำแข็งที่ไม่รู้มาจากไหน เนอินเบิกตากว้างตกใจ แต่ต้องตกใจมากกว่านั้นเมื่อน้ำแข็งเริ่มเกาะเข้าที่ขาและลามขึ้นมาตามลำตัว

                       "นี่ไงท่าใหม่...เอาไว้จับพวกขโมย" คำพูดเสียดสี ฟังแล้วทำเอาเดือดปุดๆ อืม...นี่เชื้อพ่อมัน เฟรินนั่งมองลูกสองคนทะเลาะกันเงียบๆ แอปเปิ้ลเมื่อครู่ถูกโยนทิ้งไปไหนแล้วก็ไม่รู้

                       หนอย....ไอ้น้องชายสุดเลิฟ ขโมยที่แกว่ามันพี่นะโว้ยย

                       เพล้ง!!!

                       น้ำแข็งที่เกาะอยู่แตกละเอียดอีกครั้งเพราะแรงโทสะ เนอาร์ช็อคไปเล็กน้อย อืม...อย่างนี้ก็ไม่ได้หรอเนี่ย ด้วยเหตุที่การที่ต้องควบคุมน้ำแข็งในหน้าร้อนเช่นนี้ทำให้ต้องเสียพลังไปอย่างมหาศาล ทำให้เนอาร์ไม่สามารถเรียกกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาป้องกันได้ทัน หากด้วยความเร็วทำให้ผ่าปฐพีทำได้แค่เพียงสร้างรอยแผลไว้บนแขนเท่านั้น เลือดสีแดงค่อยๆ ไหลรินลงมาพร้อมกับเสียงหัวเราะเหยียดๆ ของพี่ชาย

                       "แค่นี้ก็หลบไม่พ้นอีกหรอ เอาเหอะ...คราวนี้จะไม่ให้พลาดแน่นอน" เนอินเลียริมฝีปากช้าๆ ตาสีฟ้ากร้าวขึ้นจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นแค่เด็กน้อย สองขาเตรียมพุ่งไปข้างหน้า ฝ่ายเนอาร์ก็เริ่มผนึกมนต์ใหม่อีกครั้ง ดูท่าทางต้องใช้ไอ้นั่น... นัยน์ตาสีน้ำตาลหม่นแสงลงจนคล้ายแก้วกระจกที่ไม่สะท้อนเงาใดๆ ออกมา

                       "เนอิน!! เนอาร์!! หยุดได้แล้ว" เสียงทุ้มเข้มตวาดดังลั่นจนทั้งสองต้องสะดุ้งเฮือก บรรยากาศตึงเครียดคลายลง แต่...ไอ้คนที่นั่งดูเมื่อครู่ดูจะตึงเครียดหนักกว่าเดิม ผ่าปฐพีและคทาพิพากษาถูกส่งกลับไปยังที่เก็บของมันอย่างรวดเร็ว ร่างสูงเดินตรงเข้ามาใกล้ ก่อนจะจัดการหิ้วปีกเด็กน้อยทั้งสองขึ้นมา ตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความโกรธ ใช่...โกรธมากซะด้วย จากนั้นก็ก้าวฉับๆ มายังตัวต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องระเห็จออกมาจากวังเพื่อตามตัวกลับ สองมือสะบัดเด็กน้อยลงไปนั่งจมปุ๊กข้างๆ แม่ตัวดี

                       "เอาล่ะ...ใครเริ่ม" พูดช้าๆ ฟังกันชัดๆ นิ้วชี้เล็กๆ สองนิ้วต่างพร้อมใจกันชี้ไปยังคนตรงกลางที่ชี้ไปที่ลูกชายของตนอย่างไม่ละอายใจแม้แต่นิดเดียว แต่เมื่อสบกับตาสีฟ้าดุนั่นก็ต้องหดนิ้วกลับพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ

                       "ท่านแม่บอกว่า ถ้าผมขโมยแอปเปิ้ลที่ร้านมาให้ได้โดยที่ไม่โดนจับจะช่วยพูดกับท่านพ่อเรื่องการลดโทษ ตอนแรกผมก็บอกว่าไม่เอาๆ แต่ก็โดนท่านแม่กล่อมจนได้ ไม่เชื่อถามเนอาร์ดูก็ได้"

                       "จริงครับท่านพ่อ" ลูกบังเกิดเกล้าสองคนพร้อมใจกันสาดน้ำโครมเข้าให้ผู้เป็นแม่ อา...ช่างเป็นแม่ลูกที่รักอะไรกันเช่นนี้ ( -*- ) คาโลเหลือมองลูกชายคนโตแวบนึงก่อนจะหันกลับมาจ้องตาโตๆ สีน้ำตาลนั่นอย่างคาดโทษ

                       "มีอะไรจะแก้ตัวมั้ย" เฟรินส่ายหน้าช้าๆ ยังคงยิ้มสู้ต่อไป

                       "แหม...คาโล ฉันก็แค่อยากจะช่วยเนอิน ไอ้ที่แกสั่งกักบริเวณมัน ก็เหมือนกับสั่งลิงไม่ให้ปีนต้นไม้นั่นแหละ" เนอินหันขวับกลับไปมองแม่ของตน ตกลงนี่...ด่าผมเป็นลิงใช่มะ เฟรินฉีกยิ้มแล้วลุกขึ้นมาเกาะแขนอีกฝ่าย เดี๋ยวมันต้องละลาย หึๆๆ

                       "ถึงอยากจะช่วยแค่ไหน แต่ไอ้คนอย่างฉันจะทำอะไรให้ใครมันต้องมีข้อแลกเปลี่ยน ที่สำคัญเนอินก็ทำตามข้อตกลงไม่ได้ เพราะฉะนั้นโทษกักบริเวณก็คงต้องมีผลต่อไป และสาเหตุที่ทำให้ทำตามข้อตกลงไม่ได้ก็คือ เนอาร์ยื่นมือเข้าไปช่วยขวางคนคุมร้านสองคนนั่น" พูดจบแล้วยิ้มหวาน ก็เล่นวางระเบิดให้ลูกรักแล้วนี่ สุมหัวช่วยกันดีนัก คราวนี้ตาคมๆ นั่นก็ตวัดไปมองลูกคนเล็กอีกคนที่ยังคงสีหน้าได้เรียบเฉย

                       "เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้กลับวังเดี๋ยวนี้!" คำสั่งประกาศิตจากผู้เป็นกษัตริย์ ทำให้ทั้งสามคนรีบกุลีกุจอวิ่งกลับวังแทบจะทันที

    ----------------------------------------------------

                       "ตายแล้ว!!!! เจ้าชายเนอาร์ไปโดนอะไรมาเพคะ!" นาเดียแถบลมจะจับเมื่อเห็นบาดแผลที่แขน แม้ออกจะชินบ้างแต่ก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ทุกที หล่อนวิ่งไปหยิบยามาอย่างรวดเร็ว ขณะที่อีกสองคนแม่ลูกกำลังเถียงเรื่องพนันเมื่อครู่ (ยังไม่ยอมจบ)

                       ปึง!!!

                       "..............." (เฟริน)

                       "..............." (เนอิน)

                       "..............." (เนอาร์--คนนี้เงียบอยู่แล้ว)

                       "..............." (นาเดีย--ส่วนคนนี้ชิน)

                       "รู้มั้ยว่าวันนี้เป็นวันอะไร" คาโลเอ่ยเสียงเครียด ใบหน้าที่เฉยชาอยู่แล้ว ยิ่งมีรอยโกรธขึ้นมายิ่งน่ากลัวหนักกว่าเก่า ถ้าเป็นพวกข้าราชการทั่วไป ป่านนี้ช็อคยืนค้างสติลอยไปหาพระพรหมที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ถ้าเป็นข้ารับใช้คงเป็นลมพับไปตรงหน้า หากแต่...

                       "วันอังคารครับ" เสียงนี้คือเสียงของ...เนอิน คุณแม่ยังสาวกลั้นหัวเราะกิ๊กอย่างห้ามไม่อยู่ ก็นะ...ลูกคนนี้มันรับนิสัยแทบทุกอย่างของเธอไปหมดเลยนี่ ผู้เป็นพ่อตวัดสายตาไปสบตาสีเดียวกันเป็นเชิงว่า 'นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น' นั่นจึงทำให้เด็กน้อยเงียบไป แต่ปากก็ยังคงบ่นอุบอิบไปเรื่อย คาโลจึงเบนสายตามามองเจ้าตัวดีที่ยุลูกให้เปลี่ยนอาชีพเจ้าชายไปเป็นหัวขโมยอันเป็นอาชีพดั้งเดิมของแม่มันแทน

                       "ฉันจำได้ว่าบอกนายไปแล้วนะเฟริน ว่าวันนี้คิงอาเธอร์จะมาเยือนคาโนวาล" ชื่อของรุ่นพี่ผ่านปากให้คนฟังสะดุ้งเฮือก เพราะยังมีชนักติดหลังอยู่เมื่อตอนงานอภิเษกสมรส

                       "แล้วอีกไม่นานก็จะถึงแล้ว แต่พวกแกก็ยังไม่เตรียมตัว แถมยังไปเดินเตร็ดเตร่อยู่นอกวัง ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นจะว่ายังไง!" ประโยคสุดท้ายดังเสียจนเหมือนกับโดนตะคอกใส่ ทั้งแม่และลูกยังไม่เคยเห็นคนตรงหน้าโมโหขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกผิดแล่นริ้วขึ้นมา แต่ความคลางแคลงใจยังคงมีอยู่ อะไรทำให้มันโกรธได้ขนาดนี้? ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่เคยทำแบบนี้มาก่อน เฟรินเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย

                       "เข้าใจแล้ว เนอิน เนอาร์ ไปแต่งตัวกันได้แล้ว" ลูกๆ ทั้งสองค้อมตัวรับคำสั่งอย่างว่าง่ายแล้วเดินออกจากห้องไป คราวนี้หญิงสาวหันมาเผชิญกับสามีที่ยืนกริ้วเป็นน้ำแข็งลาวาเดือดปุดๆ

                       "ทีนี้แกบอกมาทีซิ ว่าโมโหเรื่องอะไร"

                       "ฉันไม่คิดว่าแกจะไม่เข้าใจหรอกนะเฟริน รู้มั้ยว่าถ้าลูกเป็นอะไรไป ใครจะเป็นผู้นำของคาโนวาลต่อจากฉัน" คาโลตอบเสียงเย็น ฟังดูเห็นแก่ตัวดี มันติดมาจากใครวะ... คิดแล้วก็กอดอกมองนิ่งๆ ร่างสูงทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ใหญ่ประจำตัวอย่างฉุนไม่หาย

                       "ถ้า...ฉัน เนอินและเนอาร์ไม่ได้เป็นราชินี ไม่ได้เป็นเจ้าชาย แกยังจะห่วงอีกมั้ย" คำถามแหลมๆ ถูกพุ่งเข้าใส่คนฟังดึงฉึกใหญ่ ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย

                       "มันคนละเรื่องกัน"

                       "ใครว่าล่ะ...มันเรื่องเดียวกันเลยล่ะ ฉันไม่รู้ว่าแกโมโหอะไรที่ฉันกับลูกแอบหนีไปเที่ยวในตลาดวันนี้ ตัวฉันเองคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าแกคิดจะตัดหางทิ้ง แต่ไอ้ลิงสองตัวนั่น...ถึงมันจะซน จะดื้อแค่ไหนมันก็ลูกฉัน ฟังนะคาโล ถ้าไอ้ประโยคเมื่อกี้มันไปถึงหูสองคนนั่น ฉันพาพวกมันหนีไปแน่ คิดดูว่ามันจะคิดยังไง ไม่ต่างจากแกตอนก่อนที่จะไปที่เอดินเบิร์กไม่ใช่หรอไง อยากให้ลูกเหมือนแกเมื่อสมัยก่อนมากนักใช่มั้ย!" เฟรินตะโกนใส่อย่างไม่เกรงกลัว สองมือทุบปึงลงบนโต๊ะ จริงอยู่...รู้ว่ามันเป็นห่วง แต่ที่พูดมารับไม่ได้จริงๆ จะให้ลูกสองคนทำตัวเป็นภูเขาน้ำแข็งขั้วโลกอย่างที่เธอเคยประณามคนตรงหน้านั่นคงทำไม่ได้ คาโลสะอึกทันที บางที...เขาคงเป็นห่วงสามคนนี้มากเกินไป คิดแล้วต้องถอนออกมาเฮือกใหญ่ เพราะไม่ใช่คนที่พูดเก่ง จึงไม่รู้ว่าต้องพูดว่ายังไงถึงจะให้เข้าใจ

                       "ขอโทษ" คำขอโทษเบาๆ ถูกเอ่ยออกมาเรียกรอยยิ้มให้กับคนที่กำลังยืนทำหน้าเก๊ก อืม...เก๊กหน้าขรึมแบบมันนี่โคดเมื่อยเลย นี่แค่แปบเดียว แต่ไอ้คาโลมันทำตลอดเวลา กล้ามเนื้อบนหน้ามันไม่แข็งหรอไงนะ และแน่นอน...มันต้องเป็นได้แค่ความคิด

                       "แล้วจะบอกได้รึยังว่าโมโหเรื่องอะไร" วกกลับมาถามคำถามที่ยังคงคาใจ หากคาโลกลับเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งคำพูดที่ชวนให้หน้าขึ้นสีแค่ว่า

                       "ถ้านายสายแม้แต่นาทีเดียว คูณ 2 เข้าไปนั่นคือเวลาที่นายจะได้อดนอน เฟริน"


    ****************************TBC.....
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×