ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Believed

    ลำดับตอนที่ #8 : บทที่ 8 : แหกคุก

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 49


                       ฮัดชิ้ว!!

                       เนอาร์ขยี้จมูกตัวเองเบาๆ บางทีคงเป็นเพราะอากาศในที่แบบนี้ ทั้งหนาวเย็นและแฉะชื้น

                       "เจ้าชายน้ำแข็งเป็นหวัดกับเขาเป็นด้วยหรอเนี่ย" ตาสีน้ำตาลเหลือบไปมองหญิงสาวที่อยู่ในห้องถัดไป นับตั้งแต่มาอยู่ที่ประเทศนี้ทำให้เขาเริ่มเห็นด้วยกับประโยคที่ว่า "รู้หน้าไม่รู้ใจ" ถึงแรกๆ จะดูเย็นชาเหมือนกับเขา แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าผู้หญิงคนนี้นิสัยออกจะคล้ายๆ ท่านน้าคิลมากกว่า เนอาร์มองซีเวียผ่านซี่กรงเหล็กหนาที่นั่งมองออกไปนอกช่องซี่หน้าต่างบานเล็กบนกำแพง

                       "จะยังไงก็คน" คราวนี้ตาสีแดงเพลิงหันกลับมาสบด้วย เรียวปากสีสดขยับยิ้ม "ฉันคิดว่านายเป็นปีศาจซะอีก" เนอาร์ไม่โต้ตอบคำชวนทะเลาะนั้นแต่หันกลับมานั่งคิดหาทางออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ต่อ เขาตัดสินใจที่ยอมร่วมมือกับมิวซ์ที่จะทำอะไรซักอย่างกับ "ขุนนางระดับสูง" ที่คิดจะก่อกบฏ และในที่สุด...ก็อย่างที่เห็น เขาต้องเข้ามาอยู่ในคุก แถมมันง่ายดายเหมือนกับมีคนบอกแผนการกับอีกฝ่ายว่าเขาจะเข้ามาทางไหน เดินไปตามทางเดินใด ต้องการพบใคร และห้องเป้าหมายอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ใช้กำลังบุกจับอย่างที่ควรจะเป็นแต่เป็นกับดักที่ชื่อว่าไมร่า

                       เขาน่าจะรู้ว่ามันเป็นกับดัก หรือสมองอาจจะฝ่อเพราะผู้หญิงที่นั่งเหม่ออยู่ที่ห้องข้างๆ นี่ก็เป็นได้

                       อย่างน้อยถ้ามีเนอินอะไรๆ ก็คงง่ายกว่านี้เยอะ ถึงแม้ว่าเขาอาจจะต้องทนต่อการทวงบุญคุณที่จะต้องทนไปอีกซักสองสามวันก็เหอะ

                       เสียงเดินย่ำลงบนพื้นที่มีน้ำเจิ่งนองให้เนอาร์เงยหน้าขึ้นมองคนที่มาหยุดยืนที่หน้าห้องขังของตน เครื่องประดับและเสื้อผ้าเครื่องแบบของขุนนางระดับสูงที่ยาวถึงตาตุ่มออกจะหน้าเสียดายเมื่อรู้ว่าจะต้องโดนทำให้เปื้อนน้ำขังที่หมักหมมในคุกแบบนี้ ผมสีดอกเลาเข้ากับใบหน้าที่ถือว่าถ้าอายุอ่อนกว่านี้ซักสิบปีคงเป็นคนที่ดูดีมากทีเดียว ตาสีน้ำตาลสบกับตาสีเขียวคมนั่น สีเดียวกับมิวซ์แต่ให้ความรู้สึกที่ต่างกัน

                       "จะบอกได้รึยังว่าใครส่งตัวพวกแกมา" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถาม หลังจากที่อีกฝ่ายได้พยายามส่งคนมาถามเรื่องคนบงการมาหลายคนตั้งแต่เมื่อวาน สุดท้ายตัวใหญ่ก็ออกโรง เนอาร์นิ่งเงียบทำให้เป้าความสนใจต่อไปพุ่งไปยังหญิงสาวที่นั่งเงียบ ตาสีแดงนั้นราบเรียบไร้ความรู้สึก เป็นคุณสมบัติที่ดีของคนทำงานเป็นนักฆ่า

                       "ถ้าเป็นประเทศอื่นนอกจากพริสก์โบโรว์กับเอเธนส์ ป่านนี้พวกเธอสองคนคงกลายเป็นศพไปนานแล้ว" ซีเวียขยับยิ้ม "จะฆ่าก็ฆ่า มัวพูดมากอยู่ทำไมล่ะ" ทาจัสหัวเราะเบาๆ ต่างฝ่ายต่างรู้ความสำคัญของอีกฝ่ายดี

                       "ถ้าจะฆ่าพวกวัชพืชน่ะ มันต้องขุดมาทั้งรากไม่รู้หรอไง" ตาสีแดงวาววับเมื่อโดนตอกกลับ ทาจัสหันกลับมายังคนที่ยังคงนั่งนิ่ง

                       "สรุปแล้วไม่คิดจะพูดสินะ..." ปลายเสียงแผ่วเบาลงก่อนจะถอนหายใจเฮือก

                       "งั้นก็เตรียมตัวตายข้อหากบฏก็แล้วกัน" สิ้นคำพูดทาจัสก็เดินออกจากคุกไป บรรยากาศรอบตัวเงียบเสียงลงจะมีก็แต่เสียงน้ำที่ซึมจากพื้นดินหยดลงพื้นเป็นระยะ

                       "เขาว่ากันว่าพวกคาโนวาลถือหน้าที่เป็นใหญ่" เสียงใสเปรยขึ้นช้าๆ หากชัดดังไปถึงก้นบึ้งของคนที่กำลังนั่งคิดหาทางออก "นึกไม่ถึงว่าจะยึดติดจนกระทั่งยอมตาย" ต่างฝ่ายต่างเงียบไปพักใหญ่จนเนอาร์ถอนใจยอมแพ้

                       "ทิ้งหน้าที่ถือเป็นความอัปยศของคาโนวาล" ซีเวียทำเสียงอืออารับรู้เบาๆ ฟังแล้วชวนให้นึกถึงพี่ชายตัวดี "ทั้งๆ ที่ถ้ามีชีวิตต่อไปก็อาจจะทำอะไรได้อีกหลายอย่าง"

                       "แค่หน้าที่ที่รับมายังทำไม่ได้ ก็อย่าคิดว่าในอนาคตจะสามารถทำสิ่งที่สำคัญกว่านี้ได้ยังไง" ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกรอบ ซีเวียล้มตัวลงนอนกับเตียงแข็ง

                       "ฉันไม่น่ามาทิ้งชีวิตที่นี่กับนายเลย ให้ตายสิ" หากเธอหันกลับไปก็จะได้พบกับรอยยิ้มอ่อนโยนที่แย้มขึ้นเพียงเล็กน้อยกับความคิดในหัว

                       "แผลที่โดนฟันคงยังไม่เน่าหรอกนะ" ซีเวียลุกขึ้นมามองตาเขียวปั๊ด ขณะที่เนอาร์มองไปยังผ้าพันแผลที่มีเลือดซึมออกมาบริเวณท้องผ่านเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งจากคมดาบ "ถ้ามันจะเน่าขึ้นมา ยังไงซะก็ไม่เน่าเท่าปากเสียๆ ของนายหรอก"

                       แกว๊ก!!

                       เสียงแหลมสูงเรียกสติให้เนอาร์รีบลุกขึ้นไปยังหน้าต่างบานเล็กที่ตอนนี้ปรากฏเหยี่ยวสีน้ำตาลเกาะอยู่อย่างเรียบร้อย มือใหญ่รีบแกะม้วนกระดาษที่ผูกอยู่กับขาอย่างใจเย็น สักพักกระดาษแผ่นเล็กก็คลี่ออกพร้อมกับข้อความที่ทำให้เส้นประสาทที่ตึงเครียดเมื่อครู่คลายออก

                       "ระหว่างคุกที่มีอาหารให้ถึงจะน้อยแต่ก็ไม่อดอยากกับชีวิตจริงที่เลวร้ายอาจจะต้องอดตายเธอจะเลือกอย่างไหน" ซีเวียหันมามองคนถาม

                       "จะถามไปทำไม"

                       "............"

                       ไม่มีคำตอบจากคนตรงหน้า มีเพียงแต่แววตาสีน้ำตาลที่วาววับเหมือนได้เจอเรื่องสนุกและดูน่าขนลุกในเวลาเดียวกัน ตาสีแดงหันไปมองหน้าต่างบานเล็กอีกครั้งก่อนจะหันมาสบตาตรง

                       "มีนักฆ่าคนไหนบ้างที่อยากตายในคุก" เนอาร์ขยับยิ้มเย็น

                       "คาโนวาลไม่เคยคิดที่จะงอมืองอเท้า หากมีคนทำร้ายก็ต้องเอาคืน"

    ------------------------------------------

                       แม้จะเคยคิดว่าคนตรงหน้าคงไม่เคยทำอะไรที่เหมือนกับคนทั่วไปทำ แต่เธอก็ไม่คิดว่าไอ้สิ่งที่กำลังทำอยู่มันจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเขาทำเช่นกัน ซีเวียกัดฟันกรอดลับมีดเงียบๆ หน้ากองไฟหลังจากหลบหนีออกมาจากคุกใต้ดินนั่น ถัดไปไม่ไกลนักคือกระโจมหลังใหญ่อันเป็นที่สถิตย์ของบุคคลที่เธอกำลังนั่งนินทาอยู่ในใจ เธอโยนหินลับมีเก็บกลับที่เดิมแล้วคว้าเอากิ่งไม้แถวนั้นมาเป็นเหยื่อความคมแทน

                       เธอไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาอยู่กลางป่ากับพวกที่ดูยังไงก็น่าจะเป็นกองโจรที่ซุ่มอยู่ห่างจากตัวเมืองหลวงไปไม่มากนัก แรงกดมีดหนักทำให้กิ่งไม้ที่เหลาอยู่ขาดเป็นสองท่อน ซีเวียโยนอันเก่าทิ้งแล้วหยิบอันใหม่ขึ้นมาเหลาต่อ ไอ้เรื่องแหกคุกก็เหมือนกัน ถ้าทำได้ก็น่าจะทำซะแต่แรก ปล่อยให้เธอนั่งกังวลจนสมองจะแตก ทันทีที่คทาสีน้ำตาลแดงประจำตัวถูกเรียกมาไว้ในมือ หน้าต่างบานเล็กที่เธอมักจะมองออกไปก็กลายเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่กินพื้นที่เกือบทั้งหมดของกำแพงในห้องนั้น แล้วแทนที่จะกลับไปบอกเรื่องนี้กับมิวซ์ก็ดันมาอยู่กับพวกคนแปลกหน้าที่ดักเจอระหว่างทาง ไอ้ที่น่าแปลกใจมากยิ่งขึ้นก็คือการต้อนรับที่แสนนอบน้อมนั่น

                       ตั้งแต่มาเกาะนี้หมอนั่นไม่เคยพูดเรื่องฐานะของตนเองเลย

                       แล้วทำไมพวกนี้ถึงให้การนอบน้อมนัก?

                       และถ้าหากจะใช้กำลังขู่ยึดเรือซักลำให้แล่นไปสกอร์ปิโอก็น่าจะทำได้อย่างสบายๆ

                       แล้วทำไมพวกเธอถึงต้องมาติดที่เกาะนี่เป็นอาทิตย์ด้วย!!

                       "อีกเกือบสิบเดือนถึงจะถึงฤดูหนาว หาฟืนไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์" น้ำเสียงเย็นจากด้านหลังทำให้ซีเวียหันหลับกลับไปมอง ร่างสูงโปร่งของคนที่ร่วมชะตาด้วยกันกับตาสีน้ำตาลเย็นเยียบนั่นดูเหมือนจะยิ่งจุดชนวนความโมโหให้มากกว่าเดิม "ประชุมเสร็จแล้วหรอไง" ซีเวียไม่สนใจตอบแล้วถามกลับ เนอาร์มองหน้าอีกฝ่ายนิ่งเดินมาปัดเศษกิ่งไม้นับสิบที่เป็นเหยื่อคมมีดของหญิงสาวแล้วนั่งลง ต่างฝ่ายต่างเงียบอยู่เป็นเวลานาน

                       "มากสุดได้เท่าไหร่" เสียงทุ้มจู่ๆ ก็เปรยขึ้นมา คิ้วบางเลิกสูง เนอาร์ถอนหายใจเฮือกจำใจอธิบายต่อ "ด้วยสภาพเต็มร้อย เธอรับมือกับศัตรูแบบเมื่อวันก่อนได้มากที่สุดกี่คน"

                       "ขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลา ถ้าเป็นกลางคืนก็ได้มากหน่อย" แม้จะเต็มไปด้วยความสงสัยแต่เธอก็ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดี ชายหนุ่มขมวดคิ้วนิ่งใช้ความคิดก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

                       "คืนนี้พักผ่อนก่อนก็แล้วกัน เขาเตรียมกระโจมพักให้เธออยู่ตรงโน้น" ชี้นิ้วไปยังกระโจมที่ไม่ไกลจากจุดที่นั่งอยู่เท่าไหร่นัก เมื่อซีเวียหันกลับมาก็พบว่าไอ้คนเย็นชานั้นได้หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว เสียงใสสบถพึมพำเบาๆ ตัดสินใจลุกไปพักผ่อนโดยบอกตัวเองว่าเพราะร่างกายและแผลของเธอต้องการการพักผ่อน หาใช่เป็นเพราะคำสั่งจากเจ้าชายน้ำแข็งนั่น

                       ผ่านไปสามชั่วโมง รอบบริเวณเริ่มเงียบสนิทอันเป็นเวลาของการพักผ่อน จะมีก็แต่เสียงพูดคุยกระซิบกันเบาๆ ของพวกที่ต้องอยู่ยามในคืนนี้ ผ้าหน้ากระโจมถูกแหวกออกพร้อมกับร่างสูงที่เดินเข้ามาช้าๆ เบื้องหน้าคือร่างของหญิงสาวผมสีแดงเพลิงที่กำลังอยู่ในนิทรารมณ์อย่างเป็นสุข เสียงผ่อนลมหายใจดังแผ่วเบาหวังว่าจะไม่ทำให้คนๆ นี้ตื่นขึ้น ตาสีน้ำตาลเหลือบมองผ้าพันแผลที่ท้องที่ตอนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นผ้าที่สะอาดกว่าเดิม เนอาร์ค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้อย่างเงียบกริบก่อนจะหยุดลงที่ข้างเตียง ลงได้เดินเข้ามาง่ายๆ แบบที่ไม่มีใบมีดมาต้อนรับแบบนี้คงหลับลึกเป็นแน่

                       คงจะเพลียเพราะแผลฉกรรจ์นั่นล่ะ

                       เนอาร์มองใบหน้าขาวที่ออกจะซีดนิดๆ จากการตรากตรำตั้งแต่การต่อสู้เมื่อหลายวันก่อนบวกกับบาดแผลที่จำเป็นต้องปล่อยทิ้งไว้เนื่องจากสถานที่และสถานการณ์ไม่อำนวยต่อการทำแผลซึ่งตรงข้ามกับแผลที่แขนเขาที่ตอนนี้เหมือนจะหายเป็นปกติแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลทอแสงอ่อนลงเมื่อนึกได้ว่าเขาต้องลากผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนึงเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องที่อันตรายแบบนี้

                       ถึงผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนั้นจะเป็นนักฆ่าที่เคยหมายหัวเขาก็เถอะ

                       ชายหนุ่มส่ายศีรษะไปมา

                       คงเพราะรับเชื้อบ้าใจอ่อนกับผู้หญิงมาจากเจ้าพี่บ้านั่น...หรือให้รวมไปด้วยก็คงเป็นท่านแม่อีกคน

                       ....หรือจะรวมท่านพ่อไปด้วยดี?....

                       เนอาร์ส่ายหน้าอีกรอบกับความคิดฟุ้งซ่าน เริ่มหันไปเพ่งพิศกับใบหน้ายามหลับของคนที่นอนอยู่แทน และเขาก็พบว่า หากปากบางๆ นั่นเลิกแขวะเขาแล้วหันมาแย้มยิ้ม ตาสีแดงกลมโตนั่นเลิกมองเขาด้วยความหมั่นไส้ปนเคียดแค้นเปลี่ยนมาเป็นแววตาสดใสของหญิงสาวทั่วไปแล้ว...หล่อนคงน่ารักขึ้นอีกโข

                       "อือ..เวซิล" เสียงงึมงำจากความเป็นห่วงทำให้เนอาร์ชะงักมือตนที่เผลอไปปัดปอยผมที่ปรกหน้าลงมา สติถูกเรียกกลับมาให้รับรู้ว่าหัวใจของตนเต้นแรงมากแค่ไหน

                       ...เต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน...

                       ไม่เท่าแม้กระทั่งตอนที่ต้องสู้กับท่านพ่อ

                       เนอาร์เผลอสบถใส่ตัวเองกับความฟุ้งซ่านยิ่งกว่าที่ตนเป็น และนึกโทษไปถึงพี่ชายฝาแฝดตัวแสบเป็นแน่ที่เป็นตัวแพร่เชื้อความฟุ้งซ่านใส่เขา ชายหนุ่มผละจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงไปทางโซฟาที่ว่างอยู่เพื่อเข้าสู่การพักผ่อนเหมือนกับคนอื่นๆ บ้าง

    ------------------------------------------

                       "ขอถามอะไรซักข้อได้มั้ย" ซีเวียเอ่ยเสียงแผ่วขณะที่ไม่ลดความเร็วฝีเท้าลง "ไม่ทราบว่าเรากำลังจะไปไหนกัน" ตาสีแดงปรายมองไปรอบๆ กับกองพลเท้าประมาณสามสิบคนที่เดินรวดเร็วหากเงียบกริบ พวกเขาเริ่มออกเดินทางจากที่พักตั้งแต่เช้าตรู่ของวันนี้ด้วยเท้าเปล่า...มันคงไม่แปลกนักถ้าระยะทางมันไม่ไกลนัก

                       แต่นี่เธอย่ำอยู่ในป่ามาร่วมสามชั่วโมง!!!

                       เนอาร์เอี้ยวตัวมามองคนถามที่เดินตามหลังเข้ามาตลอดตั้งแต่เช้าแล้วหันกลับไปมองทางต่อ เส้นอารมณ์ขันตัวเองตึงเปรี๊ยะเมื่อเห็นว่าคำถามไม่ได้รับคำตอบ บวกกับเหตุการณ์ตอนเช้าที่ต้องตื่นมาพบว่าตนเองนอนร่วมกระโจมเดียวกันกับไอ้เจ้าชายน้ำแข็งที่เธอแสนจะเกลียดชัง จนคนที่รับผลซวยไปมากที่สุดก็คือกระโจมพักที่โดนมีดของเธอจนพรุนไปหมด

                       ชายหนุ่มรู้สึกเย็นวาบที่ต้นคอ เมื่อจับดูก็พบว่าผมบางส่วนแหว่งหายไป เขาถอนหายใจก้าวข้ามรากไม้ใหญ่ที่โผล่พ้นพื้นดินขึ้นมา

                       ที่แท้ก็พวกมือไวใจเร็ว...และใจร้อนด้วย

                       "ออกจากป่า" แม้จะได้รับคำตอบแต่คิ้วบางนั้นก็ยังคงขมวดมุ่น "แล้วทำไม...พวกนี้ต้องมาด้วย" ปลายประโยคแผ่วเบาจนกลายเป็นกระซิบพร้อมกับมองไปรอบๆ ตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าบทสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่จะไม่ไปเข้าหูใครเข้า

                       "แล้วไม่ไปบอกเรื่องนี้ให้มิวซ์รู้หน่อยหรอไง" น้ำเสียงเครียดลงทันทีที่นึกถึงความล้มเหลวของแผนการ เนอาร์กระตุกยิ้ม

                       "แน่นอน...เราต้องไปบอกเขาแน่นอนเลยล่ะ"


    *********************************TBC.....

    Talk > ตอนนี้ไม่ได้ต่อกับตอนที่แล้ว มีคนงงกันบ้างมั้ยเนี่ย เหอๆๆๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×