ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Believed

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 : ผู้หญิง

    • อัปเดตล่าสุด 14 มิ.ย. 49


                       ถ้าจะเรียกเป็นความโชคดีในความซวยก็คงจะได้กับสถานการณ์ในตอนนี้ กับการที่ได้ออกมาเรียนรู้โลกภายนอกโดยไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "องครักษ์" มาคอยเกะกะขวางมือขวางเท้า ร่างสูงโปร่งเดินตัวปลิวตาเป็นประกายกับสิ่งรอบตัวไม่ได้คิดเลยว่าท่าทีเช่นนั้นทำให้หญิงสาวหลายคนเผลอมองตามอย่างลืมอาย สองขาของเขาพาไกลออกมาจากในตัวเมืองในเวลาไม่นานนัก เนอินทิ้งตัวลงนอนกับพื้นหญ้าใต้ร่มไม้ใหญ่ แสงอาทิตย์แรงสาดลอดช่องว่างระหว่างใบลงมา ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจตัวเองช้าๆ แล้วสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด

                       ใช่ว่าคาโนวาลอากาศจะไม่บริสุทธิ์

                       เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถนอนลงกับพื้นหญ้าได้โดยไม่ต้องคอยกังวลใจว่าจะมีใครหมายหัวเตรียมทำโทษหลังจากกลับไปถึงวัง รอยยิ้มกว้างระบายไปทั่วใบหน้า เขาคว้าเอาใบไม้ใบหนึ่งที่ร่วงลงมาตรงหน้าเขาพอดีมาหมุนเล่นในมือ

                       จะว่าไปป่านนี้เนอาร์มันจะเป็นยังไงบ้างน้า

                       คิดแล้วรอยยิ้มนั้นก็หุบลงแล้วส่ายหน้าช้า จะเป็นยังไง...ป่านนี้มันก็ดักรอเขาอยู่ที่สกอร์ปิโอน่ะสิ เนอินพ่นลมหายใจพรืดออกมาแรงๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่อาจจะรอเขาอยู่เบื้องหน้า

                       ก่อนที่จะเจอคำบ่นจากท่านพ่อท่านแม่ก็ยังมีคำบ่นจากน้องชายบังเกิดเกล้ารออยู่

                       "ดูท่าทางนายจะว่างมากเลยนะ" เนอินฉีกยิ้มกว้างไม่สนน้ำเสียงที่ได้ยินนั้นมีแววเหน็บแนมเขาอยู่ "อยู่แต่ในวังน่าเบื่อจะตาย อุตส่าห์มาถึงเกาะสวรรค์แดนใต้แต่ไม่ได้ออกมาเปิดหูเปิดตา แบบนั้นออกจะน่าเสียดายอยู่ไม่ใช่เหรอ" ถ้าหูไม่ฝาดไปเขารู้ว่าเขาได้ยินเสียงสบถนะ

                       "อีกอย่างดูเธอเองก็ออกจะเครียดๆ ไม่ใช่เหรอ" เวซิลนึกชังคนตรงหน้าขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เธอบอกไม่ได้ว่าทำไมถึงไม่ชอบใจเจ้าชายแห่งคาโนวาลคนนี้นัก
                       อาจจะเพราะความเจ้าชู้ ปลิ้นปล้อน กะล่อน ปากเสีย...หรืออาจจะทั้งหมดที่เป็นเขาที่เธอไม่ชอบ

                       ...แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกลียด...

                       เวซิลสะบัดหน้าแรงๆ ไล่ประโยคสุดท้ายออกจากความคิด

                       "ถ้าฉันไม่มีหน้าที่บ้าๆ นั่นก็คงไม่เครียดแบบนี้" เนอินยันตัวเองขึ้นมานั่งโดยที่แขนทั้งสองข้างยังคงรับน้ำหนักเขาไว้จากด้านหลัง ยิ้มกว้างนั้นทำให้หญิงสาวที่ยืนอยู่ปลายเท้ารู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น

                       "จะไม่ใจร้ายกันไปหน่อยหรอเวซิล ฉันอุตส่าห์ช่วยให้เธอไม่โดนประหารเชียวนะ" น้ำเสียงออดอ้อนฟังแล้วน่าจะโดนจับขึงกับต้นไม้ใหญ่ด้านหลังแล้วฟาดด้วยแส้(O_O) เวซิลกระตุกยิ้มเย็น "กับคนที่เคยคิดจะฆ่าฉันน่ะ นั่นไม่ถือว่าเป็นบุญคุณหรอกนะ" รอยยิ้มกว้างเจื่อนไปทันที บางทีผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นอีกคนที่เขาไม่ควรไปยุ่งด้วยนอกเหนือไปจากท่านยายลูน่า เพราะในพริสก์โบโรว์ กับเวซิลที่มีชนักติดกับเรื่องลอบสังหาร การจะปล่อยให้นักฆ่าที่เคยจ้องจะผ่าหัวเดินลอยชายไปมาได้อย่างสบายใจนั้น หากเป็นโกโดมก็คงไม่มีทางยอมให้เกิดขึ้น

                       ที่น่าสงสัยที่สุดคือทำไมท่านพ่อถึงไม่ยอมลงโทษสองคนนี่

                       ดังนั้นเรื่องทั้งหมดจึงลงเอยที่ว่าให้เวซิลกลายเป็นคนติดตามของเขาในช่วงที่อยู่ที่นี่ไปก่อน มีหน้าที่ดูแลตั้งแต่การกินอยู่ไปจนถึงหน้าที่องครักษ์ ใจจริงแล้วเขาคิดจะมอบตำแหน่งพระคู่หมั้นให้หากไม่ติดตรงที่มีดเล่มเล็กๆ ที่จ่ออยู่ตรงกลางหลังนั่น

                       และถ้าวันนึงน้ำหรืออาหารตรงหน้าเกิดมีรสแปลกๆ ขึ้นมาก็ไม่ต้องสงสัยว่าเกิดจากอะไร

                       สรุปแล้วเขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ล่ะนี่

                       "มีคนมาขอพบนาย" คิ้วเข้มเลิกสูงสงสัย เวลาแบบนี้จะมีใครอยากพบเขา ที่สำคัญคือ...ใครกันที่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่

                       ถ้าเป็นท่านแม่คงไม่ทำอะไรที่เป็นพิธีแบบนี้

                       อย่างมากแค่การก็ขออนุญาตเข้าเมืองนั่นก็เป็นพิธีมากพอแล้ว จากนั้นก็ปล่อยให้ท่านพ่อรับหน้าคิงของพริสก์โบโรว์ไป ส่วนตัวเองก็คงมาลากคอเขากลับคาโนวาล

                       เนอินเงยหน้าอ้าปากจะถามชื่อผู้ที่มาขอพบเขา แต่ก็พบว่าร่างบางนั้นตอนนี้เดินนำล่วงหน้าไปไกลลิบๆ เสียแล้ว

    -------------------------------------------

                       "ว่าแต่น้าโรมาถึงที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่" เนอินเปรยขึ้นระหว่างรออาหารขึ้นโต๊ะ ขณะที่คนตรงข้ามขยับยิ้มนั่งจิบชาที่ถูกยกมาเสิร์ฟก่อน ทั้งสองเลือกร้านอาหารที่ค่อนข้างเสียงดังเพื่อกลบบทสนทนาของพวกเขา และเลือกที่นั่งริมสุดเพื่อจะได้ไม่ต้องส่งเสียงมากเกินไป

                       "ก็นานพอที่จะได้ยินข่าวเกี่ยวกับเจ้าชายของคาโนวาลที่หลบหนีงานหมั้น ขโมยม้าหลวงฝีเท้าดีจากบารามอสมาหลบอยู่ที่นี่" รอยยิ้มกว้างจากความยินดีที่ไม่ได้พบหน้าน้าชายมานานเป็นอันต้องหุบลงทันที ตาสีฟ้าตวัดมองคนพูดอย่างเพิ่งนึกได้

                       เขาลืมไปได้ยังไงกันนะ..ห้องสมุดเคลื่อนที่

                       ร่างโปร่งที่ยังคงเหมือนเดิมมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่พบกันเมื่อหลายปีก่อน จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าสายเลือดปีศาจที่ไหลเวียนปนอยู่กับเลือดของทริสทอร์นั้นมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒณะ ทำให้แก่ช้าลงกว่าคนปกติ

                       ถ้าเช่นนั้นเขาคงต้องทนฟังท่านแม่บ่นหงุงหงิงไปจนตายน่ะสิ

                       คิดแล้วก็ขนลุก

                       "แล้วท่านน้าอยากพบผมมีธุระอะไรหรอ" โร เซวาเรสส่ายหน้าปฏิเสธ "เปล่า ก็แค่รู้ว่านายอยู่ที่นี่ ก็เลยมาทักทายตามประสาคนเคยรู้จักกัน" หาคนฟังกลับไม่คิดเช่นนั้น นัยน์ตาทั้งสองหรี่เล็กลงอย่างจับผิด

                       "หรือว่า....ท่านแม่ส่งน้าโรมาคอยจับตาดูผม" ตาสีเขียวเบิกโตขึ้นล้อเลียนแล้วหัวเราะ

                       "อะไรที่ทำให้นายคิดอย่างนั้น ฉันมันก็แค่ขอทาน จะไปไหนมาไหนไม่จำเป็นต้องมีคนมาสั่งหรอกนะ" เนอินส่ายหน้าแล้วยิ้มกวนกลับไป

                       "แต่ถ้าเป็นท่านแม่สั่งล่ะทำใช่มั้ยล่ะ ส่วนเนอาร์ก็ถูกน้าคิลจับตาดู" โรหัวเราะหึๆ ชอบใจกับความคิดความอ่านของหลานคนนี้ที่ได้รับอิทธิพลมาจากผู้เป็นแม่ แน่นอนว่าต้องเป็นตอนที่ยังไม่จับคทาพิพากษา

                       "ว่าแต่เนอาร์ไปไหนล่ะ" เนอินเบ้หน้าลงเมื่อนึกถึงน้องชายฝาแฝด "ป่านนี้คงนอนรอเตรียมบทเทศน์ผมอยู่ที่สกอร์ปิโอน่ะสิ" คิ้วสีน้ำตาลเลิกสูงแปลกใจ

                       "อ้าว ปกติก็เป็นปาท่องโก๋ รักกันดีจนแทบจะไม่แยกจากกันนี่"

                       พรูด!!

                       น้ำที่ตั้งใจจะกลืนลงคอเพื่อดับกระหายเกิดอาการย้อนขึ้นมาให้สำลักจากประโยคที่ฟังยังไงเขาก็กลายเป็นพวกเบี่ยงเบนแถมกับน้องชายฝาแฝดของตัวเองอีก

                       "ถ้าคิดจะฆ่าผมล่ะก็ เอาดาบมาฟันคอเสียจะเป็นดีที่สุดนะ" เนอินไอโขล่กๆ น้ำหูน้ำตาเล็ดพักใหญ่ แต่โรกลับหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งเด็ก ก่อนจะเงียบลงเมื่ออาหารได้ถูกยกมาวางบนโต๊ะอย่างเรียบร้อย บทสนทนาจึงเริ่มต่อ

                       "แล้วน้าโรจะกลับเมื่อไหร่" คราวนี้ตาสีเขียวเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย

                       "ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ฉันจะกลับเมื่อไหร่หรอกนะเนอิน อย่างที่บอก ขอทานอย่างฉันจะไปจะมาหรือทำอะไรที่ไหน ใครเขาจะสนใจ" เนอินฉีกยิ้มกว้างทำเหมือนไม่เข้าใจความหมายของประโยคที่ได้ยิน

                       "ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมจะพาเที่ยวที่นี่เอง ตั้งแต่มาอยู่นี่ได้ทำอะไรมากมายในแบบที่คนเป็นเจ้าชายไม่เคยทำ" โรขยับยิ้มบางถามกลับ "เป็นเจ้าชายมันแย่ขนาดนั้นเลยหรอเนอิน"

                       ตาสีฟ้าสบตาสีเขียวตรงๆ รอยยิ้มกวนยังไม่จาง และไม่ยอมตอบอะไร

                       "ดูเหมือนเฟรินจะเลี้ยงพวกเธอมาดีซะจนถอดความคิดความอ่านมาเหมือนกันหมด น่าสงสารคิงคาโล" โรเปรยเสียงแผ่ว ขณะที่เนอินนั้นจัดการตักเนื้อปลาตรงหน้าเข้าปากตัวเอง

                       "รู้รึเปล่าว่าการหนีออกมาอย่างนั้นทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง" คนฟังโบกส้อมไปมาก่อนตอบ "ก่อนมานี่ผมฟังจากท่านแม่มาจนเซ็งแล้ว"

                       โรถอนหายใจเฮือก

                       "การเชื่อมสัมพันธ์กับบารามอสก็นับว่าเป็นการดีกับคาโนวาลอยู่แล้ว ที่สำคัญสติปัญญาของท่านหญิงอาเวเรียเองก็ไดัรับการยอมรับไปทั่ว"

                       และนอกจากสมองอันปราดเปรื่องแล้วเจ้าคุณเธอยังมีพลังเสียงที่ทรงประสิทธิภาพอย่างเหลือเชื่อ ชนิดที่หากมีคนไปขัดใจแล้วอยู่ให้เธอกรี๊ดใส่ซักนาทีคงสลบทั้งยืน

                       "ไอ้เรื่องจุกจิกที่เห็นนั่นก็เป็นวิสัยของผู้หญิง ส่วนเรื่องเอาแต่ใจก็เป็นปกติของท่านหญิงทั่วไป" เนอินพยักหน้าหงึกหงักยอมรับ ขอทานถือดีที่บังอาจร่ายยาวสั่งสอนเจ้าชายแห่งคาโนวาลเหลือบมองคนฟังแล้วร่ายต่อ

                       "ส่วนท่านหญิงเพโลเนีย..." คนโฆษณาสรรพคุณนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง "การผูกมิตรกับตระกูลที่รับราชการในระดับสูงมาหลายชั่วรุ่นก็นับว่าไม่เลวมีแต่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับคาโนวาลยิ่งขึ้น ตัวท่านหญิงเองก็ได้รับการปลูกฝังสิ่งที่จำเป็นทุกอย่างที่หญิงสูงศักดิ์คนหนึ่งควรจะมี ไม่ว่าท่าทาง การ...วางตัว"

                       เนอินยกมุมปากขึ้นยิ้มกับการชะงักของน้าชายที่นานๆ จะเห็นได้สักครั้ง
     ขอทานที่ฉลาดที่สุดในเอเดนยังประสบปัญหาในการหาความดีความชอบให้กับท่านหญิงไม้ล้มลุก

                       "ท่านน้าโร..." เมื่อหลานตัวแสบเกิดนึกอยากเรียกชื่ออย่างสุภาพขึ้นมาก็อดไม่ได้ที่จะหันมามองคนที่กำลังยิ้มกวน

                       "คนที่รู้ดีที่สุดว่าควีนแห่งคาโนวาลจะต้องเป็นผู้หญิงเช่นไรน่าจะเป็นท่านน้านะครับ" คำสุภาพที่ฟังยังไงก็รู้สึกได้ว่าคนพูดมันกำลังกวนอารมณ์ แต่มันใช้ไม่ได้กับน้าชายคนนี้ ตาสีเขียวฉลาดเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อมองหน้าคนพูด

                       "จะบอกว่านายไม่คิดจะเป็นคิง" เนอินเบ้หน้าอีกรอบโบกส้อมในมือไปมาเหมือนปัดแมลงวัน แล้วจิ้มลงบนเนื้อย่างตรงหน้า

                       "ผมไม่ชอบหาเหาใส่หัว ท่านน้าก็รู้ ที่สำคัญ...ให้เนอาร์มันสืบทอดชื่อคิงน้ำแข็งไปน่ะดีแล้ว"

                       โรหัวเราะในลำคอ เอนตัวไปพิงพนักเก้าอี้เพื่อผ่อนคลาย

                       "ห่วงแต่ว่ากว่าจะหาเจอ คงต้องขุดคิงคาโลมาจัดงานให้น่ะสิ" เนอินหัวเราะร่าชอบใจ

                       "เรื่องนี้มันอยู่ที่เจ้าตัว จะท่านพ่อรึท่านแม่ กระทั่งผมที่เป็นครึ่งหนึ่งของเนอาร์เองก็ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจแทน" โรพยักหน้ายอมรับยกแก้วน้ำขึ้นจิบ

                       "ห่วงแต่พวกผม ว่าแต่น้าโรเองเมื่อไหร่จะมีข่าวดีบ้างล่ะ" แก้วน้ำชะงักไปเล็กน้อย คนฟังวางแก้วลงแล้วยิ้มตอบ "เรื่องแบบนี้รีบร้อนไปก็แค่นั้นไม่ใช่เหรอไง"

                       เนอินพยักหน้าพลางเขี่ยผักในจานเล่น

                       "นั่นสินะ เขาว่ากันว่าเดอะซิงเกอร์จากไนล์ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายมักมีความสามารถสูง" ประกายตาสีเขียววูบไหวเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนเรื่อง แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่มีหรือที่จะรอดพ้นสายตา(หาเรื่อง)จากเนอินไปได้

                       "ยิ่งถ้าเป็น คาเอร์ อัลเบรียล เดอะซิงเกอร์สาวที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงเรื่องน้ำเสียงแสนหวานที่ใครฟังจะต้องเคลิ้มจนหลับใหล ผิวสีแทนเนียนละเอียดกับใบหน้าหวานคมอย่างหญิงสาวประเทศไนล์ ผมเส้นเล็กสีดำขลับที่มักจะสยายไปทั่วเวลาเธอร่ายรำ นัยน์ตาสีดำกลมโตเป็นประกาย จนมีเจ้าชายหลายประเทศถึงกับเดินทางไปสู่ขอ" ปากร่ายยาวสรรพคุณราวกับเคยเห็นด้วยตาตัวเอง ตาสีฟ้าก็สบสู้ตาสีเขียวที่ทอวิบวับแต่ไม่ปรากฏอารมณ์ของฝ่ายตรงข้าม

                       "แต่เหตุใดกันหนอทำให้สาวเจ้ายอมปฏิเสธยศถาบรรดาศักดิ์อีกทั้งบรรดาเงินทองที่แต่ละคนสรรหาไปประเคน ยอมเดินสายร้องเพลงเพื่อตามตัวขอทานปริศนาคนเดียว" เนอินหยุดไปนิดเพื่อดูปฏิกิริยาจากคนฟัง แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายยังรักษาความนิ่งได้ดี

                       "หรือเจ้าหล่อนจะคิดว่าขอทานนั้นแท้จริงแล้วเป็นคิงนิสัยไม่ดีที่ปล่อยให้ตัวปลอมนั่งจัดการงานที่ทริสทอร์แต่ตนเองออกมาเที่ยวเล่นเพราะติดใจอาชีพเก่า หรือเป็นเพราะขอทานที่ทำเล่นตัวอยู่นับปีนั้นตั้งใจอิดออดไปเรื่อยเพื่อลองใจเธอกันแน่นะ" คำบลัฟคำโตผ่านปากออกไปโดยที่สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม โรถอนหายใจส่ายหน้ากับอาการนึกอยากจะเปลี่ยนอาชีพเป็นนักสืบขึ้นมาของหลานชาย

                       "ไม่ทราบว่าน้าโรเคยเจอเดอะซิงเกอร์คนนี้บ้างรึเปล่า"

                       "แม้อาชีพจะต่างกันแต่ก็ร่อนเร่เหมือนกัน ไม่แปลกถ้าจะได้พบหน้ากันบ้าง" คำตอบกลางๆ ดูจะไม่ค่อยถูกใจคนถามนัก แต่เพราะรู้ดีว่าการต้อนคนตรงหน้ามันยากพอๆ กับที่จะล้มคิงคาโลจึงปลงซะ

                       "รู้อะไรไหมน้าโร ผู้หญิงทุกคนนอกจากนิสัยจุกจิกแล้วยังมีอะไรที่เหมือนกันอีก" ขอทานแห่งทริสทอร์เลิกคิ้วสูงให้คนถามฉีกยิ้มกว้าง ขณะที่รอบตัวเริ่มเสียงดังขึ้นเล็กน้อย

                       "พวกผู้หญิงน่ะ...ลองถ้าได้ติดใจหรือแค้นเคืองขึ้นมาล่ะก็......กัดไม่ปล่อย" โรอึ้งไปเล็กน้อยก่อนพยักหน้ายิ้มๆ

                       "นั่นสินะ...ที่เรียกว่าแรงอาฆาตของผู้หญิงน่ะ"


    *********************************** TBC....

    Talk > ตอนนี้เป็นตอนที่ปวดหัวที่สุดเพราะต้องพิมพ์ใหม่หมด อันเนื่องจากความง่วงและความเบลอทำให้ลบไฟล์ผิด ที่แต่งมาหายไปหมด T_T ประโยคมันก็เลยจะมั่วซั่วๆ เล็กน้อยถึงมากนะเจ้าคะ เพราะเป็นคนไม่ชอบแก้งาน ถ้าจะแก้คือต้องมีคนบอก ยิ่งถ้าเรื่องพิมพ์ซ้ำหลายๆ รอบ คุณภาพจะตกลงตามจำนวนครั้งที่พิมพ์ใหม่ เหอๆๆๆ -_,-"

    ขอบคุณสำหรับท่านที่เมนท์ทุกท่านค่ะ ไอ้เบนซ์มีความสุขที่ได้อ่านเมนท์ เพราะรู้ว่าอย่างน้อยก็มีคนอ่าน ^^ สำหรับนักเขียนแล้วคอมเมนท์จากคนอ่านถือเป็นกำลังใจอันดับหนึ่งเลยล่ะค่ะ m(_ _)m

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×