คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6 : สิ่งสำคัญ
"เอาล่ะ ผักซื้อแล้ว เนื้อซื้อแล้ว อืมมมม เหลือแต่เครื่องเทศ" ไมร่าเงยหน้าขึ้นจากเศษกระดาษใบเล็กมาบอกคนสองคนที่ยืนแบกของถุงใหญ่ทำหน้านิ่งอยู่ข้างหลัง "แล้วทั้งสองคนจะซื้ออะไรมั้ย"
"..........."
"..........."
รอยยิ้มที่มีให้เจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อได้รับคำตอบเป็นความเงียบ "เอ่อ..ถ้าอย่างนั้นก็ไปร้านเครื่องเทศกันเลยก็แล้วกัน รีบซื้อจะได้รีบกลับ ของคงหนักสินะคะ" ไมร่าออกเดินนำไปข้างหน้าให้อีกสองคนเดินตามช้าๆ ตาสีน้ำตาลกวาดมองสองข้างทางอย่างสนใจเล็กน้อย การค้าขายส่วนใหญ่จะเป็นพืชผัก เนื้อสัตว์ และสิ่งของในการดำรงชีวิตเบื้องต้น ส่วนพวกร้ายค้าขายเครื่องประดับเพชรพลอย หรือของใช้ฟุ่มเฟือยนั้นจะมีก็แทบนับร้านได้ ถ้าตัดสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรแล้วก็นับได้ว่าเป็นประเทศที่น่าอยู่อาศัยมากทีเดียว เนอาร์ถอนหายใจแผ่วเบา
"เดี๋ยวรบกวนรอตรงนี้แปปนึงนะคะ นึกขึ้นมาได้ว่าพี่สั่งทำสร้อยไว้ที่ร้านนี้ เดี๋ยวฉันเข้าไปดูซักหน่อยว่าเสร็จรึยัง" ไมร่าชี้ไปยังร้านขายอัญมณีข้างทางที่หน้าร้านจัดวางโชว์เครื่องประดับไว้อย่างงดงาม ทั้งเพชร ทับทิม มรกตภายในตู้กระจกใส เบื้องนอกคือเด็กสาวทั้งวัยรุ่นไปจนถึงหญิงสาววัยผู้ใหญ่ที่กำลังส่งสายตาวาววามไปยังบรรดาสร้อยและกำไลข้อมือที่วางโชว์อยู่ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้หญิงจะสนใจของสวยๆ งามๆ เช่นนี้ ชายหนุ่มเหลือบสายตาไปมองอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่ตอนนี้กำลังให้ความสนใจกับมีดเล็กแบบต่างๆ ของร้านขายอาวุธถัดไปอีกฝั่งหนึ่งมากกว่าก่อนจะหันกลับไป
บางทีที่เขาเคยคิดว่าคนๆ นี้เป็นผู้หญิงอาจจะคิดผิด
ทั้งสามคนเดินกันไปเงียบๆ จนกระทั่งถึงร้านเครื่องเทศ ไมร่าจึงแยกเข้าร้านไป
"ไม่คิดว่ามันแปลกบ้างหรอไง" น้ำเสียงหวานเปรยเบาให้ได้ยินกันแค่สองคน เนอาร์มองหน้าอีกฝ่ายเงียบแทนคำถาม "สถานะของนายไม่ใช่คนจรธรรมดานี่นะ" ตาสีแดงทอประกายด้วยความชิงชังเมื่อต้องมีบทสนทนากับชายคนนี้
"แล้วทำไม" ซีเวียไหวไหล่เล็กน้อย "ก็แค่ถาม" แล้วต่างฝ่ายก็ต่างเงียบกันไปจนกระทั่งไมร่าเดินออกมาจากร้านพร้อมห่อเครื่องเทศในมือจึงตัดสินใจกลับ
ตาสีเขียวหรี่ลงกับภาพเบื้องหน้าก่อนจะเบือนหน้ากลับมาหาบุคคลที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานด้วยอาการสงบหากก็ปิดร่องรอยความหงุดหงิดที่ปรากฏบนใบหน้าไม่มิดอยู่ดี มิวซ์ถอนใจเสียงดังราวกับแบกรับเรื่องหนักหนาสาหัสอยู่บนไหล่เล็กทั้งสองนั้น
"เหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดีนะครับ" มิวซ์พยักหน้าช้ายอมรับ ถึงแม้จะไม่ชอบใจมากแค่ไหนแต่ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย
"แล้วข่าวของพวกมันเป็นยังไงบ้าง" เลขาฯ คนสนิทชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง
"ก็ยังคงเงียบอยู่ครับ คิดว่าคงยังไม่ระแคะระคายอะไรเท่าไหร่" คนฟังเอามือประสานกัน ใช้ความคิดอย่างหนัก เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เขาทำนั้นหากสำเร็จก็จะสามารถแก้ไขทุกสิ่งที่ผิดพลาดของประเทศนี้ได้ แต่หากเขาเป็นฝ่ายผิดพลาดเสียเอง...ก็คงไม่พ้นที่จะต้องถูกประหาร แน่นอนว่ารวมถึงไมร่าด้วย
"แต่ว่าฝากไว้กับคนแบบนั้นมันจะดีหรอครับ" ความคิดเห็นที่เสนอขึ้นหยุดความคิดทั้งหมดลง มิวซ์มองคนถามแค่นยิ้ม
"ดีไม่ดีเราก็ไม่มีทางเลือก ... ที่สำคัญหมอนั่นมันคนต่างเมืองคงไม่รู้เรื่องอะไรของประเทศนี้มากมายนัก เท่าที่ดูก็น่าจะเป็นแค่นักพเนจรที่ลงเรือผิด" รอยยิ้มหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมนั้นก่อนจะจางหายไป "และฉันก็ไม่คิดว่าไบอัสจะถึงกับจ้างคนต่างเมืองให้ลอบเข้ามาสืบข่าวด้วยเหมือนกัน" มิวซ์ลุกขึ้นยืนคว้าเอาเสื้อคลุมมาสวมเตรียมตัวกลับบ้าน
"เรื่องนัดพรุ่งนี้ อย่าลืมติดต่อยืนยันสถานที่ด้วยล่ะ" โค้งตัวรับคำสั่งพร้อมกับเสียงปิดประตู
------------------------------------------
"งั้นตกลงว่าวันนี้ทำสตูเนื้อก็แล้วกันนะคะ" เสียงเจื้อยแจ้วของหญิงสาวดังมาตลอดทางขากลับ และก็คงได้รับความเงียบเป็นคำตอบเช่นทุกครั้ง ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงทำให้คนๆ นี้ถึงได้ไว้วางใจคนแปลกหน้าอย่างพวกเขา และเข้ามาตีสนิทได้ง่ายขนาดนี้
"เมื่อวานต้องขอโทษแทนพี่ด้วยนะคะ" ทั้งสองคนแปลกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ หัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไปกระทันหัน "เรื่องที่พี่แกล้งให้คุณตัดฟืนจนมืดค่ำ" คำขยายให้คนที่เดินงงกระจ่างเข้าใจขึ้นมา
"ไม่เป็นไร" ถึงปากจะบอกว่าอย่างนั้นแต่สีหน้าที่แสดงออกกลับตรงกันข้ามกัน ไมร่ายิ้ม รู้ดีว่าคำตอบนั้นเป็นเพียงมารยาทต่อคนที่ให้ที่พักอาหารอย่างหล่อนเท่านั้น
"จริงๆ แล้วท่านพี่ไม่ใช่คนที่เที่ยวกดขี่คนอื่นหรอกค่ะ เพียงแต่เพราะว่าพี่ต้องทำงานเป็นแค่ขุนนางระดับกลางต้องถูกกดดันจากพวกขุนนางระดับสูง ไหนจะดูแลพวกขุนนางระดับล่างที่กระจายกันไปกับพวกชาวบ้านในหมู่บ้านนี้อีก ก็เลยกลายเป็นความกดดัน แต่ฉันก็ไม่เห็นด้วยหรอกค่ะที่พี่จะเอาความกดดันนั้นไปลงกับคุณ" ไมร่าร่ายยาว ใบหน้าหวานสลดตามคำพูดที่เอื้อนเอ่ยออกมา เนอาร์พยักหน้ารับรู้ ถึงแม้ที่ซูลูจะเป็นระบบกษัตริย์ แต่ก็ให้ความสำคัญกับระบบขุนนางค่อนข้างมาก ขุนนางระดับล่างจะถูกส่งไปยังหมู่บ้านเล็กๆ ส่วนขุนนางระดับกลางจะถูกส่งไปยังหมู่บ้านที่เป็นหัวเมืองต่างๆ ปกครองและดูแลขุนนางระดับล่างอีกที ส่วนขุนนางระดับสูงนั้นจะอยู่ภายในราชวังของเมืองหลวง จะว่าไปก็คล้ายๆ กับคาโนวาลสินะ
"ทำไมถึงต้องพูดสุภาพกับ...เราด้วย" ซีเวียเอ่ยถามตะกุกตะกัก รู้สึกกระดากปากที่ต้องพูดคำว่า "เรา" ต่อหน้าคนอื่น แต่นี่เป็นข้อตกลงของพวกเธอ ระหว่างที่หาทางกลับสกอร์ปิโอ เธอต้องเล่นบทเพื่อนกับเนอาร์ไปเรื่อยๆ และดูเหมือนเธอจะทำได้ดี อย่างน้อย...ก็ในช่วงสองสามวันตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ล่ะนะ ไมร่าชะงักเท้าเลิกคิ้วสูงไม่เข้าใจคำถาม ขณะที่เนอาร์นั้นหันมามองคนถามนิ่ง
"ไม่มีความจำเป็นต้องทำสุภาพอย่างที่ทำในตอนนี้กับคนจรที่มาอาศัยอยู่ อาศัยกินแบบพวกเราก็ได้ จะให้ทำอะไรก็บอกมาไม่ต้องใช้คำว่าขอร้อง เพราะยังไงฉันก็ไม่อยากเป็นหนี้ใคร" ซีเวียพูดรัวเร็วราวกับได้โอกาสระบายความคับข้องใจออกมา คนฟังยิ้มรับ
"มันก็จริงอย่างที่คุณซีเวียว่านั่นล่ะค่ะ เพียงแต่ว่าฉันเชื่อว่าที่พี่รับรองพวกคุณมาก็เพราะคงเห็นว่าพวกคุณกำลังลำบาก และฉันก็ไม่คิดจะซ้ำเติมมากไปกว่านี้ อย่างที่สองก็คือฉันเชื่อว่าทั้งสองคนเป็นคนดี" หญิงสาวขยับยิ้มเหยียดส่ายหน้า ยื่นหน้าเข้าไปสบตาสีเขียวใสนั่นด้วยแววตาคม
"งั้นฉันจะบอกอะไรให้อย่างถือว่าตอบแทนความไว้วางใจนั้น ฉัน...ไม่ใช่คนดีอย่างที่เธอคิดหรอกนะ" ไมร่ายิ้มหวาน
"ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังเชื่อค่ะ" แล้วออกเดินต่อเงียบๆ ซีเวียถอนหายใจเฮือก คนแบบนี้เป็นคนที่รับมือยากที่สุด พวกที่มองโลกในแง่ดี...จนเกินไป เป็นคุณหนูที่ไม่รู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้อย่างที่เธอเคยเจอ ตาสีแดงวาวโรจน์ขึ้นเล็กน้อยเมื่อนึกถึงอดีตและเพื่อนร่วมงานของเธอ หากคนที่เดินเงียบมาตลอดทางกลับพุ่งพรวดไปด้านหน้า ทำเอาไมร่าสะดุ้งอ้าปากจะถาม แต่มือขวาที่ยกขึ้นเป็นเชิงห้ามทำให้เธอต้องหุบปากลง ซีเวียที่เริ่มระแคะระคายว่าสิ่งที่ชายหนุ่มกำลังระวังนั้นคืออะไร ก็วางของที่ซื้อมาลงกับพื้นข้างๆ ไมร่า มีดสั้นที่พกติดตัวถูกดึงออกมาเตรียมพร้อม
"จะมุดหัวอีกนานมั้ย" เนอาร์ถามเสียงเย็น ดาบคู่กายกระชับอยู่ในมือของเขา
ฟิ้ว!
ฉึก!!
ลูกศรพุ่งปักลงกับพื้นในตำแหน่งที่เนอาร์เคยยืนอยู่ ขณะที่ซีเวียพุ่งตัวออกไปยังพงหญ้าข้างทางพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนได้ดังขึ้นติดๆ กัน ไมร่าที่ยังไม่รู้เรื่องราวอะไรสะดุ้งเฮือก มือคว้าเอาชายเสื้อของคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าไว้แน่น ตาสีเขียวจ้องไปยังที่ไหนซักแห่งที่เสียงโหยหวนนั้นดังออกมา
สวบ!!
พงหญ้าด้านซ้ายมือแหวกออกพร้อมกับร่างในชุดดำที่กระโจนออกมา เป้าคือหญิงสาวที่ยืนตัวสั่นอยู่ หากประกายสีขาววูบหนึ่งที่เข้ามาในสายตาก่อนที่ภาพสีแดงจะบดบังทัศนการมองเห็นพร้อมกับชีวิตที่หลุดออกจากร่างด้วยคมดาบของเจ้าชายแห่งคาโนวาล
"ก...กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด" เสียงกรีดร้องดังขึ้นจากศพของคนที่ตายต่อหน้าต่อตาเจ้าหล่อนผู้ที่ไม่เคยเห็นใครถูกฆ่ามาก่อน เนอาร์รู้สึกถึงแรงสั่นของร่างด้านหลังของเขาพอดีกับที่สติทั้งมวลของเธอได้ดับวูบลง เขาจึงใช้มือซ้ายรวบตัวไมร่าเข้ามาติดกับตัวเพื่อให้สะดวกแก่การปกป้อง เพราะแน่นอนว่าแค่ซีเวียคนเดียวไม่สามารถจัดการทุกคนได้หมด โดยที่เขาจะไม่โดนลูกหลงเลย เนอาร์ใช้มือขวารับดาบที่ฟาดฟันลงมาหนักหน่วงจนผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบแล้วตวัดดาบลงฟันศีรษะอีกฝ่ายปลิวกระเด็นไปไกล
เคร้ง!!
เนอาร์หันกลับมารับดาบของคู่ต่อสู้คนใหม่แล้วสลัดออกอย่างรวดเร็ว คนร้ายอีกคนหนึ่งพุ่งตัวออกมาจากพงหญ้าเข้าโรมรันเพื่อให้เป้าหมายของตนบรรลุ หากเนอาร์ก็หันกลับไปฟาดดาบใส่ได้อย่างทันท่วงที อีกฝ่ายก็ไวพอกันจึงกระโดดหลบได้ทัน เนอาร์เลียเหงื่อที่ไหลลงมาช้าๆ จะด้วยเพราะความกดดันหรือเพราะน้ำหนักที่ต้องพยุงอีกร่างหนึ่งที่หมดสติเอาไว้หรือไม่ก็ไม่ทราบได้ ทั้งสามคนต่างจดจ้องกันอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งความตึงเครียดนั้นหมุนเกลียวจนสุดและขาดผึงลง อีกฝ่ายจึงพุ่งตัวบุกเข้ามาก่อน
เนอาร์ตวัดดาบเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ดาบใหญ่ฟันลงที่หัวไหล่จนแขนหลุดออกจากตัว เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้นอีกครา พร้อมกับที่เจ้าของร่างลงไปนอนดิ้นกับพื้นด้วยความเจ็บปวด แล้วหันมารับดาบที่ฟันลงมาของทหารอีกคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาพร้อมกัน เรี่ยวแรงที่กดลงมาทำให้เขาไม่สามารถเบี่ยงหรือหลบได้ ดาบที่ซ้อนกันสั่นระริกทั้งสองด้าม ขณะเดียวกันที่ทหารอีกคนที่ซ่อนอยู่ก็พุ่งปลายดาบเข้าหาเขาทันที เนอาร์ตัดสินใจผลักร่างที่เขาหิ้วอยู่ออกไปพร้อมกับรวบรวมกำลังผลักดาบศัตรูออกแล้วบิดตัวหลบฉากออกมา หาก...
ฉัวะ!!
เคร้ง!
"อ๊ากกก" คมดาบปาดเอาเนื้อแขนออกไปเป็นแผ่น เกินกว่าที่เขาจะกลั้นเสียงร้องเอาไว้ได้ คมดาบถูกเบี่ยงไม่ให้แทงเข้าตำแหน่งหัวใจได้ทันท่วงที เหงื่อกาฬไหลโชกจากความเจ็บปวด เสื้อป่านสีขาวแขนยาวถูกย้อมเป็นสีแดงจากโลหิตที่ไหลรินออกมา ดาบในมือถูกซัดไปสำเร็จโทษผู้ที่สร้างบาดแผลพร้อมๆ กับที่คทาสีน้ำตาลอ่อนได้ปรากฏขึ้นมาในมือแทน เหล่าคนที่เหลืออยู่เริ่มรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดลงอย่างรวดเร็ว สายต่างมองหน้ากันอย่างหวาดระแวงเพราะไม่คิดว่าจะมาพบคนที่สามารถใช้เวทมนต์ได้ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้
ขณะเดียวกันทางฝ่ายซีเวียที่จัดการผู้ลอบสังหารไปได้หลายคนเมื่อได้ยินร้องของความเจ็บปวดของเพื่อนร่วมชะตากรรมก็ต้องสะดุ้งเฮือก สมาธิเริ่มไม่คงที่ ไม่คิดว่าจะมีใครที่สามารถทำร้ายหมอนั่นได้ ถึงแม้จะเป็นวิธีหมาหมู่ก็ตาม ซีเวียกัดฟันกรอด อยากกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น หากแต่การต่อสู้ที่ติดพันด้วยจำนวนที่แตกต่างตรงหน้าก็ยากที่เธอจะย้อนกลับไป
แค่หลงมาติดเกาะก็แย่พออยู่แล้ว นี่จะต้องมาตายอีกหรอไงกัน
ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้หมอนั่นที่ทำให้เธอต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
หล่อนบ่นกับตัวเองอย่างโกรธเคืองกับความอ่อนแอของตนเอง มือก็จัดการสังหารบรรดานักฆ่าที่ซุ่มอยู่ตามต้นไม้และพุ่มไม้ไปเรื่อยๆ
เปรี๊ยะ!
ตาสีแดงเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อต้นไม้ตรงหน้าเธอปรากฏน้ำแข็งเกาะเป็นแผ่นหนา เท้าทั้งสองชะงักกึกแทบจะทันที หล่อนกวาดสายตาสำรวจไปทั่ว ไม่เพียงแค่ต้นไม้ต้นนี้ แต่ต้นไม้รอบๆ พุ่มไม้ รวมไปถึงพื้นดินเริ่มมีน้ำแข็งเกาะปกคลุม
หรือนี่คือฝีมือที่แท้จริงของผู้สืบทอดตำแหน่งคิงของคาโนวาล!!
สองขารีบรุดกลับไปยังที่ที่เธอแยกตัวออกมา ขนทั่วตัวลุกชันด้วยไม่ใช่แค่ไอเย็นที่ลอยคละคลุ้งแต่รวมไปถึงรังสีการฆ่าฟันที่ลอยปะปนมากับความเย็นนี่ด้วยต่างหาก
แกร๊ก...
ฟุ่บ!!
เส้นผมสีแดงยาวสลวยค่อยๆ ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นสีขาว ทันทีที่ขาก้าวออกมาจากพงหญ้าน้ำแข็ง แก้มขาวค่อยๆ ปริเป็นรอยแผลตามแนวยาวก่อนที่เลือดสีแดงสดจะไหลออกมาตามปากแผล เบื้องหน้าของหล่อนคือร่างสูงคุ้นตาที่มักจะทำหน้าโง่นิ่งๆ อยู่เป็นนิสัย ตาสีน้ำตาลคมจ้องมองมายังซีเวียที่ยืนนิ่งเป็นเสามนุษย์ด้วยความตกใจปนประหลาดใจ เธอไม่รู้จักตาคู่นั้น หล่อนบอกกับตัวเองอย่างมั่นใจ
ตาสีน้ำตาลที่โดดเดี่ยวจนน่ากลัว
ความหนาวเย็นทิ่มแทงทะลุไปจนถึงกระดูกเรียกสติของหญิงสาวให้กลับมาพบกับความจริง หากไม่รีบทำอะไรซักอย่างป่าทั้งป่าคงกลายเป็นป่าน้ำแข็งรวมถึงแม่น้ำที่จะกลายเป็นลานสเก็ตให้เธอวิ่งเล่นแทนอาบน้ำ
ท่าทางจะพูดด้วยไม่รู้เรื่อง...งั้นก็เอาให้ไม่โดนหัวใจเป็นพอ
มือเรียวล้วงหยิบเอามีดสั้นขึ้นมาซัดใส่ร่างที่ยืนอยู่ทันที เนอาร์กระโดดหลบไปด้านหลังซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอกระโจนตามเข้าไปซัดมีดอีกเล่มเข้าใส่ หากเนอาร์ก็เอาคทาขึ้นมารับได้อย่างทันท่วงที ซีเวียหมุนตัวหลบคมดาบที่ปาดมาทางซ้ายแล้วพุ่งตัวเข้าหาอีกครั้งเพื่อลดระยะห่าง อย่างน้อยก็ดีกว่าต้องปะทะกับเวทย์
กิ้ง!
เสียงมีดปะทะกับดาบยาวดังลั่นป่าน้ำแข็งที่เงียบสงบ ซีเวียบุกเข้าไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้เนอาร์มีสมาธิร่ายเวทย์ แต่ความพยายามนั้นกลับสูญเปล่า เมื่อเนอาร์เริ่มจับทางการโจมตีหล่อนได้มากขึ้นทุกที ชายหนุ่มยกคทาขึ้นกัน ใช้หัวคทาที่ทำจากอัญมณีเป็นตัวเปลี่ยนทิศทางมีด จากนั้นก็ใช้ดาบในมือซ้ายเป็นตัวโจมตี จากฝ่ายรับเริ่มกลายเป็นรุกตอบโต้กลับ ปลายดาบเรียกเลือดสีแดงจากผิวหนังของซีเวียจนตอนนี้ไม่มีส่วนไหนของร่างกายที่ไม่มีบาดแผลจากคมดาบนั้น ซีเวียหายใจหอบเหนื่อย
นี่คือความแตกต่างของเขากับเธอ
หญิงสาวกัดฟันกรอดเจ็บใจ เพราะอ่อนแอแบบนี้ไม่ใช่หรือ ถึงต้องตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่นเรื่อยมา ถึงไม่สามารถปกป้องคนสำคัญไว้ได้ซักคน!!!
ฟึ่บ!!
พริบตาร่างบางนั้นก็หายไปอยู่ตรงหน้าเนอาร์ด้วยความเร็วสูงจนมองตามไม่ทัน ซีเวียกระชากคอเสื้อป่านนั้นลงมาอย่างแรง
"นายคิดจะตายที่นี่หรอยังไง เนอาร์ วาเนบลี!!" ตาสีน้ำตาลกระตุกวูบเล็กน้อยเมื่อเห็นภาพตรงหน้า นัยน์ตาสีแดงเพลิงที่เต้นระริกไปด้วยความรู้สึกราวกับเปลวไฟกำลังรื่นเริงอยู่ภายในตานั้น
"แค่เนื้อชิ้นเล็กๆ แค่นั้น นายจะฆ่าคนที่ไม่รู้เรื่องทั้งเกาะอย่างนั้นเลยใช่มั้ย!!!"
ผัวะ!!
กำปั้นเล็กๆ กระแทกเข้าที่แก้มด้านซ้ายเต็มแรงจนร่างของเขากระเด็นออกไปไกล ไม่ทันที่จะตั้งสติยืนได้ดีนัก ซีเวียก็พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อเขาไว้อีก หมัดขวาฮุกเข้าลิ้นปี่เต็มเหนี่ยว เนอาร์จุกจนไม่มีเสียงออกมา
"แล้วนายจะกลับไปมองหน้าพ่อแม่ กับพี่น้องนายได้อีกงั้นหรอไง!!!" เนอาร์ชะงักกึกเมื่อคำพูดนั้นเสียดแทงเข้าไปภายในจิตใจ มือเล็กกระชากคอเสื้อที่เริ่มขาดวิ่นเข้ามาใกล้ก่อนจะกัดฟันพูดช้าๆ
"ความแข็งแกร่งน่ะ เขามีไว้เพื่อปกป้องไม่ใช่เอามาใช้แบบนี้" น้ำเสียงเย็นเยียบเรียกสติให้ชายหนุ่มกลับมาตั้งสติได้ ซีเวียสะบัดมือตัวเองออกอย่างขัดใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มตั้งสติได้แล้ว แล้วก้าวไปอุ้มไมร่าที่ยังคงหมดสติแต่ด้วยบาดแผลที่ต่อสู้นั้นสาหัสไม่น้อยทำให้เกิดอาการเสียหลักล้ม หากเนอาร์ก็โผล่เข้ามาประคองได้อย่างทันท่วงที
"อวดเก่ง" ซีเวียหันขวับไปมองคนพูดอย่างเดือดดาลแล้วต้องนิ่งอึ้งเมื่อใบหน้าสลักนั้นปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาจางๆ "คงไม่เท่านาย" คำแขวะกลับให้คนฟังเกือบจะยิ้มกว้างแต่ต้องห้ามตัวเองไว้
"กลับกันได้แล้ว" แม้ฟังแล้วออกจะเป็นคำสั่ง แต่เธอก็เห็นด้วย อย่างน้อย...ก็ก่อนที่ไอ้เตี้ยท่ามากนั่นจะกลับมาถึง
เนอาร์ถอนหายใจแผ่วเบาอีกครั้งหลังจากที่เหตุการณ์ตึงเครียดได้ผ่านพ้นไป เขากลับมาถึงที่พักและหลังจากที่จัดการให้ไมร่าได้พักผ่อนที่ห้อง เขาก็ขอตัวกลับโรงนาร้างปล่อยให้ซีเวียเป็นคนดูแลไมร่าแทน มือขวาเอื้อมไปแตะผ้าพันแผลที่ไหล่ซ้ายเหม่อลอย
นี่คือความประมาท
ตาสีน้ำตาลคมปิดลงเบาๆ
บาดแผลจากความไม่เด็ดขาดของตนเอง
ความอ่อนโยน...ไม่จำเป็นต่อกษัตริย์
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เนอาร์ลุกขึ้นนั่งเงียบๆ ในขณะที่มิวซ์เปิดประตูเดินเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียง
"แผลเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่ถึงตาย" คำตอบสวนกลับทันทีสร้างความหงุดหงิดให้กับคนฟัง ใช่ว่าเขาจะเป็นห่วงหมอนี่นัก ความเงียบโรยตัวลงช้าๆ อย่างน่าอึดอัด ทั้งต่อคนที่ไม่ถนัดที่จะพูดกับคนแปลกหน้า และคนที่ไม่ถนัดที่จะพูดกับคนที่เขาไม่ชอบหน้าเช่นกัน
"วันนี้..." มิวซ์เริ่มสิ่งที่ตั้งใจจะพูดอย่างยากลำบาก "วันนี้ขอบใจมากที่ปกป้องไมร่า" คิ้วเข้มของคนฟังเลิกสูงขึ้น ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองซักเท่าไหร่นัก
"แล้วไง"
ปึด!
"ก็แค่มาขอบใจตามมารยาท!!" ขาดคำประตูห้องก็ปิดลงอย่างแรงพร้อมกับร่างของมิวซ์ที่เดินปึงปังออกจากห้องไป เนอาร์ล้มตัวลงนอนกับเตียงกว้าง พอมิวซ์กลับมาถึงและรู้เรื่องราวทั้งหมดจากซีเวีย เขาก็ได้ย้ายจากโรงนาร้างนั่นมาอยู่ในบ้านเป็นการตอบแทน ห้องรับแขกขนาดเล็กสมกับตัวบ้าน มีแค่ตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเล็กๆ จะมีก็แต่เตียงนี้เท่านั้นที่ใหญ่มากพอที่จะนอนกันได้ถึงสามคนได้อย่างสบายๆ ถ้าทั้งสามนั่นไม่ใช่คนที่ชอบละเมอ เนอาร์เอื้อมมือไปหยิบถุงผ้าที่เขาหาซื้อได้หลังจากที่มาอยู่ที่นี่ ค้นเอาสมุนไพรและเครื่องบดขนาดเล็กออกมา แผลที่แขนซ้ายก็ไม่ได้หายภายในสองสามวัน งานนี้คงต้องส่งของไปขอบคุณท่านน้าโรที่สอนเรื่องสมุนไพรให้เป็นความรู้ประดับสมอง
อีกอาทิตย์เดียวเขาก็ได้ไปสกอร์ปิโอแล้ว ถึงตอนนั้นยังไงก็คงต้องเตรียมหงุดหงิดกับสีหน้าเยาะเย้ยของเนอินที่รออยู่ที่ท่าเรือแน่ๆ แต่จะว่าไปแล้ว....มาอยู่ที่ซูลูแค่หนึ่งอาทิตย์แต่ทำไมรู้สึกเกิดเรื่องราวเยอะแยะมากมาย ตาสีน้ำตาลเหลือบมองสร้อยลูกปัดสีแดงที่มือซ้ายนิ่ง
ขนาดไม่ได้เป็นคนชอบหาเรื่องอย่างเนอินแท้ๆ
หรือจะเป็นเพราะไอ้หินสีแดงนี่อย่างที่ท่านแม่บอก
'แกน่ะเย็นเกิน หัดทำตัวให้มีชีวิตชีวาบ้าง...'
รอยยิ้มอบอุ่นกระตุกขึ้นที่มุมปากอย่างหาได้ยากจากเจ้าชายน้ำแข็ง โดยไม่รู้ตัวว่ารอยยิ้มนั้นได้ประทับเข้าไปยังหัวใจของคนที่เดินเข้ามาพบ
"อ่ะ เอ่อ..." เนอาร์หันขวับกลับมามองแขกคนที่สองที่ยืนหน้าแดงเล็กน้อยอยู่ตรงประตูห้อง รอยยิ้มได้หายไปแล้ว
"อาหารเย็นเสร็จแล้วค่ะ ก็เลยขึ้นมาชวนให้ไปทานด้วยกัน"
"ไม่เป็นไร" คำปฏิเสธเย็นชาดูจะไม่มีผลกับความตั้งใจของเจ้าหล่อน "ถือว่าเป็นการขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้ด้วยนะคะ" ไมร่าพูดเสียงแผ่ว ตาสีเขียวหลุบต่ำลงราวกับสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นการเอาแต่ใจตัวเองอย่างร้ายกาจ เนอาร์นิ่งไปพักใหญ่แล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะจัดการเก็บเครื่องบดและสมุนไพรทั้งหมดลงกระเป๋า การกระทำดังกล่าวเรียกรอยยิ้มกว้างจากหญิงสาวและเขาก็ไม่รู้ตัวเช่นกัน ว่าการทำเช่นนี้เป็นการสร้างบางสิ่งบางอย่างให้เติบโตขึ้นภายในหัวใจนั่น
อาหารเย็น...หรือถ้าจะให้เรียกว่าอาหารค่ำก็คงไม่ผิดนักเป็นไปอย่างเงียบๆ จะมีก็แต่เสียงเจื้อยแจ้วของน้องสาวเจ้าบ้านที่ขยันจะชวนคุยกับแขกทั้งสองคนอย่างออกรส ซึ่งคนถูกชวนคุยก็ได้ให้คนตอบแค่ส่ายหน้าหรือพยักหน้า กับคำพูดไม่กี่คำเท่านั้น
"พวกนายมาจากบารามอสสินะ" มิวซ์เริ่มชวนคุยหลังจากที่ไมร่าจัดการเก็บจานโดยปฏิเสธการช่วยเหลือจากซีเวียที่เสนอตัวช่วยตามมารยาท ทั้งสองคนไม่ตอบอะไรแต่คนถามดูจะชินกับความเงียบนี้เสียแล้ว
"ถ้าจะไปสกอร์ปิโอทำไมไม่ไปขึ้นเรือที่ท่า...แทนล่ะ มันไม่ใกล้กว่าหรอไง" เป็นความจริงที่ว่าท่าเรือที่เขาขึ้นเรือนั้นส่วนใหญ่จะเป็นเรือประมงหรือไม่เรือสินค้าที่ทำการค้าขายระหว่างซูลูและพริสท์โบโรว์ จะมีเรือโดยสารก็ไม่กี่ลำเท่านั้น
"....มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนี่" ซีเวียเป็นคนตอบคำถามนี้ ตาสีเขียวยิ่งเขียวปั๊ดเมื่อฟังคำตอบ
"ฉันแค่อยากให้แน่ใจว่าพวกนายไม่ใช่สปายของพวก..."
"พวกที่มาวันนี้สินะ" เนอาร์เปรยแผ่วเบา ความตึงเครียดจึงเข้ามาปกคลุมห้องนั่งเล่นอีกครั้ง มิวซ์ถอนหายใจหนักไม่คิดว่าน้องสาวของตนจะกลายเป็นเป้าไปแบบนี้ และก็ไม่คิดอีกเช่นกันว่าสองคนนี้จะมีฝีมือถึงขนาดจัดการกับนักฆ่าที่ถูกจ้างมาทั้งหมดได้ เหนือสิ่งอื่นใดที่เขาสงสัย นั่นคือสภาพของป่าที่กลายเป็นลานน้ำแข็งขนาดย่อมๆ นั่น
"รู้ใช่มั้ยว่าซูลูปกครองระบบกษัตริย์หรือพูดให้ถูกต้องกษัตริย์กึ่งประชาธิปไตย" มิวซ์เปรยขึ้นน้ำเสียงจริงจังอย่างที่ทั้งสองคนไม่เคยได้ยินมาก่อน "เป็นระบบกษัตริย์ที่ได้มาจากการลงความเห็นของเหล่าขุนนาง อาจจะเป็นหนึ่งในพวกขุนนางเองหรืออาจจะเป็นประชาชนที่พวกเขาเห็นพ้องต้องกันว่ามีคุณสมบัติของการเป็นกษัตริย์ซึ่งก็เป็นแบบนี้มานับร้อยๆ ปี...ถึงจะเป็นแค่เกาะเล็กๆ แต่ทรัพยากรธรรมชาติที่หาได้ก็ไม่ได้เป็นรองพวกประเทศใหญ่ๆ จึงไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่อยากจะมีอำนาจขึ้นมา" ซีเวียเลิกคิ้วสูง เมื่อจู่ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดกระทันหัน
"สองสามปีมานี้พวกขุนนางที่เมืองหลวงเริ่มก่อกบฏ ด้วยการรวบรวมพวกขุนนางระดับกลางที่ประจำอยู่ตามเมืองต่างๆ และชักชวนแม่ทัพใหญ่เพื่อกำลังทางทหาร โดยมีอำมาตย์ทาจัสเป็นผู้นำ ทั้งปกปิดเรื่องดังกล่าวต่อคิงอัสเจอร์ แต่ก็มีขุนนางบางส่วนที่พยายามขัดขวาง แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นแดนประหาร" มิวซ์หยุดพูดหยิบชาขึ้นมาจิบ "ใครที่คิดจะต่อต้านหรือยื่นเรื่องต่อคิงจะต้องโดนเก็บด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ไม่เพียงแต่เจ้าตัวแต่ยังรวมไปถึงครอบครัวของคนๆ นั้นด้วย" คราวนี้ตาสีเขียวสบกับตาสีน้ำตาลนิ่ง
"นั่นก็เป็นเรื่องของนาย" เนอาร์เอ่ยปัดไม่สนใจลุกขึ้นเตรียมพักผ่อน "ถ้านายช่วย ฉันจะติดต่อเรือให้เดินทางไปสกอร์ปิโอภายในสามวันนี้" ข้อแลกเปลี่ยนที่น่าสนใจทำให้ขาที่กำลังก้าวออกจากห้องชะงักกึก ซีเวียมองใบหน้าคมที่เรียบเฉย แต่เธอรู้ดีว่าภายใต้ใบหน้าที่ราบเรียบนั้นคงเต็มไปด้วยความคิดมากมาย คนๆ นี้มีอะไรคล้ายกับเธอหลายอย่าง
ไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่น เกลียดการเข้าสังคม ไม่เคยไว้ใจใคร
แต่สุดท้ายถ้าเพื่อสิ่งสำคัญและเพื่อชีวิตตัวเองก็ยอมทำทุกอย่าง
"มีแผนอะไรแล้วสินะ" ซีเวียเปรยขึ้น ตาสีเขียวตวัดไปมองหญิงสาวที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ต้นแล้วพยักหน้ายอมรับ
*********************************TBC.....
Talk > โอ้เยยยยยยย กลับมาแล้วค่า พร้อมตอนต่อใหม่ล่าสุดที่ลงก่อนกำหนด 2 สัปดาห์
สำนวนแย่ลงรึปล่าว? คำพูดดีขึ้นรึปล่าว? อ่านแล้วติดขัดกันมั้ยคะ >_< อยากจะบอกว่าตอนที่ลงนี่กังวลมาเลยว่าจะแย่กว่าเก่า ยังไงซะ หลังจากนี้ก็คงจะเอามาลงต่อเรื่อยๆ (แต่จะเว้นระยะนานแค่ไหนนั้นอีกเรื่อง หึๆๆๆ)
ไว้เจอกันตอนหน้านะคะ ไปล่ะ
ความคิดเห็น