ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 2 : คำเตือนและความหวาดกลัว
"แกจะไปไหนมั้ยคาโล ฉันกับเรนอนแล้วก็เฟรินจะไปตลาดกัน" คิลเดินเข้ามาถามร่างสูงที่เพิ่งจะพูดคุยเกี่ยวกับงานกับมาทิลด้าจบ ตามติดมาด้วยสองสาว คาโลเงยหน้าจากเอกสารมาครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า
"เอาสิ.. ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว" ทำให้คนที่ยืนลุ้นอยู่ด้านหลังยิ้มกว้างออกมา เดินนำหน้าลากคุณแม่คนใหม่ตามไปติดๆ จนคนที่จะเป็นพ่ออดห่วงไม่ได้ ได้แต่มองตามไปยิ้มๆ โดยทั้งคาโลและเฟรินต่างปฏิเสธที่จะให้หนึ่งในสองเสนาฯ และหนึ่งในสี่ขุนพลตามติดอารักขามาด้วย
"เป็นยังไงบ้าง" คิลเริ่มบทสนทนา ร่างสูงหันมามองเงียบๆ ก่อนจะหันกลับไป
"ก็ดี"
"ฉันถามว่าแกกับเฟรินเป็นยังไงบ้าง ไอ้สบายดีรึปล่าวแค่มองก็รู้แล้ว" ตาสีม่วงเต้นระริกอยากรู้อยากเห็น ต้องเก็บข้อมูลเผื่อจะเอาไปแกล้งไอ้เฟรินมัน
"ก็ดีนี่ เหมือนเดิม" คิลเกาหัวแกรกๆ นี่เราถามไม่เคลียร์ หรือมันไม่เก็ทคำถามกันแน่วะ
"แล้วเมื่อไหร่จะมีหลานให้ฉันอุ้มบ้างล่ะ รออยู่นะเนี่ย" คราวนี้หน้าขาวๆ แดงวาบ คนที่มองอยู่เห็นแล้วอึ้ง อะไรวะ..ทำเป็นคิขุอาโนเนะเคะๆ ไปได้ แต่งงานกันเป็นเดือนแล้วแท้ๆ
"นี่ๆ น่ารักมั้ยๆ" ถามพลางชูลูกสุนัขขนสีน้ำตาลตาแป๋วๆ ให้อีกฝ่ายดู แล้วหันกลับไปกรี๊ดกร๊าดกับเรนอนที่อุ้มลูกสุนัขขนสีน้ำตาลแซมขาวไว้อีกตัว
"ไปเอามาจากไหน" คาโลมองสุนัขในอ้อมแขนของเธอแล้วชวนให้นึกถึงตอนที่คนๆ นี้ยังเป็นครึ่งคนครึ่งสุนัข
"ตรงโน้นน่ะค่ะ มีคนเอามาทิ้งไว้ น่าสงสารนะคะ เพิ่งจะเป็นแค่ลูกหมาเท่านั้นเอง แต่ต้องมาโดนทิ้งให้อดแบบนี้" เรนอนสีหน้าสลดลงเล็กน้อยจนคนที่มองลนลานนิดๆ
"งั้นเอาไปเลี้ยงมั้ยล่ะ" คิลเสนอในสิ่งที่ภรรยาของเขากำลังจะเอ่ยปาก หล่อนยิ้มกว้าง เขย่งตัวเองขึ้นหอมแก้มเขาเบาๆ เป็นการขอบคุณ ไม่ได้อายผู้คนที่เดินไปมาแม้แต่น้อย ส่วนไอ้คนที่ได้แต่ยืนมองสองคนนั่นหน้าแดงอายแทนซะได้
"คาโล...ฉันเลี้ยงมันได้มั้ย" เฟรินเงยหน้าถามพลางส่งสายตาปิ๊งๆ หวังให้ร่างสูงอ่อนใจ
"ไม่...เรายังอยู่ที่เอดินเบิร์ก ไม่ใช่คาโนวาล ที่สำคัญ...มันน่ารำคาญ" ไอ้ข้อสุดท้ายนั่นเรียกว่าเหตุผลได้หรอเนี่ย!
"แล้วทำไมแกไม่ไล่ไอ้ลาบราดอร์ เดอะเกรทที่สี่ของแกไปด้วยล่ะ นั่นก็หมาเหมือนกัน" ตะคอกถามใส่อย่างฉุนจัด ไอ้บ้า! เหตุผลบ้าๆ! คนคิดก็บ้า โว้ยยย! พูดมาได้
"มันไม่เหมือนกัน นั่นฉันเลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนจะให้มาทิ้งทีหลังไม่ได้" คนฟังคิ้วเริ่มกระตุกด้วยความโกรธ
"ก็ได้! เรนอน ฉันฝากไอ้ตัวนี้ไว้ด้วยนะ เอ้อ...แล้วก็เตรียมที่อยู่ให้ฉันด้วย เผื่อวันนึงคิงของคาโนวาลอาจเบื่อราชินีงี่เง่าของเขาจนอยากมีใหม่แต่ไม่กล้า เพราะไอ้เหตุผลที่ว่าแต่งมาก่อน!!!" ว่าแล้วก็โยนให้หญิงสาวที่ยืนงงอยู่ แล้วเดินสะบัดหน้าพรืดออกไปทันที คิลนั้นตอนนี้กำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่อย่างยากลำบาก ก็นะ...ภาพแบบนี้เห็นได้ง่ายๆ ซะที่ไหนล่ะ
"เหมือนผู้หญิงกับเขาเหมือนกันนี่" หันไปเปรยกับคิงของคาโนวาลที่เพิ่งถูกประชดไปหมาดๆ ที่ส่ายหน้านิ่งๆ
"ก็แค่ตอนงอน ฉันไปตามมันก่อนนะ สมองมันคงเสื่อมเขาว่าไม่ให้ออกไปไหนคนเดียว" คิลพยักหน้าขำๆ โธ่....ปากก็ด่า ใจจริงห่วงไอ้เฟรินว่ามันจะเป็นอันตรายก็เท่านั้น คิดแล้วก็ยิ่งขำ อยู่ยังไงก็อย่างนั้นแฮะ ไอ้สองคนนี้
----------------------------------------------------
ไอ้บ้าๆๆๆๆ ไอ้น้ำแข็งบ้า!!!! ไอ้งี่เง่า! แค่เลี้ยงหมาเพิ่มอีกตัวมันจะเพิ่มงบประมาณแผ่นดินซักเท่าไหร่กันเชียว เธอก็แค่อยากหาเพื่อเล่นเวลาที่เบื่อๆ แค่นั้นเอง ไอ้คาโลบ้า! มือเรียวๆ วาดกิ่งไม้เปะปะไปทั่วอย่างฉุนเฉียว เดินลึกเข้าไปไม่ได้ดูทางว่าตัวเองกำลังจะเดินเข้าป่า หากไม่เพราะแรงคว้าที่ต้นแขนทำให้เธอต้องชะงักไป คงเป็นไอ้น้ำแข็งนั่น เฟรินหันกลับเตรียมด่าแต่แล้วต้องเงียบไปเมื่อคนที่คว้าแขนเธอกลับเป็นโร
"จะเข้าป่าหรอไงเฟริน ไม่นึกว่าราชินีแห่งคาโนวาลจะตกอับขนาดต้องหาฟืนเลี้ยงปากท้อง" คำพูดกวนๆ ที่ปกติเธอจะต้องหงุดหงิด แต่วันนี้ไม่ใช่...เธอไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงอะไรทั้งนั้น
"ปล่าว แค่คิดอะไรเพลินๆ" โรปล่อยแขนช้าๆ ตาสีเขียวมองหน้าขาวเนียนนั้นนึ่ง
"ทะเลาะกับคาโลมาอีกหรอไง" เฟรินเงยหน้ามอง ใช่..ลืมไปเลยว่านอกจากฉายาขอทานกิตติมศักดิ์ ไอ้นี่ยังมีฉายาว่า ห้องสมุดเคลื่อนที่อีกชื่อนึง แต่ตอนนี้เธออยากจะแถมชื่อ นักสืบหัวเห็ดให้อีกชื่อจริงๆ การไม่ตอบของอีกฝ่ายคือการยอมรับในความเข้าใจของเขา โรยิ้มบางๆ ส่ายหน้าช้าๆ
"แต่งงานกันตั้ง 3 เดือนแล้วนะ ยังทะเลาะกันอีก คราวนี้เรื่องอะไรล่ะ" เฟรินมองหน้าโรนิดนึงก่อนจะตัดสินใจเล่าให้ฟังคร่าวๆ
"แกจะด่าว่าฉันงี่เง่าก็ได้นะโร ชินซะแล้วว่ะ สงสัยว่าเป็นเพราะอยู่ในร่างนี้นานเกินไป" บ่นเป็นการตบท้ายตามนิสัยเสียๆ ของเธอ โรหัวเราะหึๆ เบาๆ ฟังแล้วมันน่าโมโหกว่าโดนด่าซ้ำซะอีก
"ใครจะกล้าว่าราชินีแห่งเดมอสและบารามอสได้ล่ะ จริงมั้ย" ตาสีเขียวประกายระยับด้วยความขบขันกึ่งเล่นกึ่งจริง
"ก็แกล่ะวะ" เฟรินตอกกลับทันที ชิ! ทำเป็นพูดดีไป ก่อนหน้านั้นก็เห็นว่าเอาๆ ถึงไม่ได้ว่ากันตรงๆ ก็เถอะ เสียงเดินดังเบาๆ ตรงมาที่ที่เขาทั้งสองคนยืนอยู่ ไม่นานนักร่างของกษัตริย์แห่งคาโนวาลก็โผล่มาให้เห็น ตาสีฟ้าฉายแววฉงนเมื่อเห็นขอทานแห่งทริสทอร์อยู่กับราชินีของเขา
"นั่น...พระเอกมาแล้ว งั้นฉันไปนะเฟริน" โรปลีกตัวเดินสวนออกมา โดยไม่ลืมที่จะยิ้มให้อีกฝ่าย คาโลหันกลับมาเมื่อเห็นว่าบุคคลที่สามเดินไปจนลับตา หน้าหวานๆ เรียบเฉยในแบบที่เขารู้ได้ว่ากำลังงอน..มากซะด้วยสิ
"วิ่งออกมาแบบนี้รู้มั้ยว่าอันตราย ถ้านายเป็นอะไรไปแล้ว...จะอธิบายยังไง" เฟรินหันมามองเรียบๆ อ๋อหรอ...ที่แกตามฉันมาเพราะกลัวว่ารุ่นน้องจะโดนทำโทษงั้นสิ นึกไว้แล้วว่าคนอย่างมันน่ะหรอจะมาตามเพราะเป็นห่วง ทั้งฉุนทั้งโกรธทั้งงอน และน้อยใจจับกลุ่มกันเป็นก้อนสุมอยู่ในอก
"ก็ช่างสิ...บอกไปว่าโดนเสือคาบไปก็ได้นี่ แล้วก็ไปหาศพใครซักคนเอาไปให้เสือกัดซักหน่อยก็เอามายันได้แล้ว ดีซะอีก..ฉันจะได้ไปอยู่กับคิลกับเรนอนที่ซาเรส เผลอๆ...อาจจะได้เจอพี่อาเธอร์ด้วย" คาโลขมวดคิ้วเข้าหากัน เดินเข้ามาคว้าแขนลากเจ้าตัวดีขี้งอนคนนี้กลับปราสาทเอดินเบิร์ก หากเฟรินสะบัดมือแรงๆ จนหลุด
"อย่าดื้อนะเฟริน" ดุเสียงเขียว แต่มีหรือที่เธอจะยอมฟัง ไม่มีทาง! เจ้าหล่อนเตรียมตัวออกเดินทางไปคนละทาง คราวนี้ไม่ใช่มือแต่เป็นเอวที่ร่างสูงรวบเข้ามา
"เฮ้ย! ปล่อยนะไอ้คาโล!! เล่นอะไรบ้าๆ" เฟรินสะดุ้งเฮือก สายตามองซ้ายขวาเลิกลั่ก ใบหน้าแดงเพราะกลัวใครมาเห็นเข้า แม้ว่าที่ตรงนั้นมันจะไม่มีคนก็ตาม มือเรียวๆ พยายามแกะไอ้ที่โอบเอวตนไว้อย่างยากเย็น
"กลับที่พักได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจับแกกดตรงนี้แหละ" เธอสบตาสีฟ้าตรงหน้าหวาดๆ รู้ได้ถึงความจริงจังในคำพูด และมันก็คงทำจริงๆ ซึ่ง...เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดแน่ๆ
"ก็ปล่อยสิวะ ฉันจำทางได้ยังไม่แก่โว้ย" แล้วหมัดขวางามๆ ก็เสยอัปเปอร์คัตใส่คางคมๆ ซะเต็มเหนี่ยวจนเห็นดาวเดือนดาวเทียมวิ่งให้วุ่น มือเผลอคลายรัดทำให้เฟรินหลุดออกมายืนหัวเราะสะใจข้างๆ
"ฮะๆๆ สมน้ำหน้า" ว่าแล้วเจ้าตัวดีที่ประเคนหมัดก็วิ่งหนีคดีกลับไปด้วยสีหน้าที่เป็นสุขยิ่งนัก
----------------------------------------------------
วันต่อมา ตางรางการแข่งก็ถูกถ่ายเอกสารแจกจ่ายให้บรรดาคนในห้องนั่งเล่นได้ยลกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน
"เฮ้ย ดูดิ...ฉันว่าพี่โรเวนคงพยายามน่าดูที่จะจับพี่ลูคัสกับพี่ลอเรนส์แยกออกจากกันน่ะ" เฟรินมองตารางหน้าแรกขำๆ ก็เล่นจับสองคนนี้ให้อยู่คนละสาย ถ้าจะเจอกันก็ต้องชนะให้ถึงรอบรองชนะเลิศ คิลหัวเราะหึๆ เขาเองก็อยู่ในสายเดียวกับโรนี่นะ สงสัยจะได้เวลาแก้มือให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง
"ว่าแต่แกเหอะ อยู่สายเดียวกับพี่โรเวนนี่" สาวน้อย(หน่อย)สะอึกเอื๊อก รีบเปิดไปดูตารางอีก 2 ชุดด้านหลังแล้วขำไม่ออกขึ้นมาซะงั้น รอบแรก เจอกับรุ่นพี่ซะแล้ว อย่างนี้คิดหนักแน่ๆ เผลอยกมือลูบแผลเป็นจางๆ ใต้ตาซ้ายตามนิสัย เพราะไอ้การแข่งนี่มันไม่แยกชายหญิงซะด้วยสิ วันนี้เธอใส่กางเกงแทนกระโปรงบ้าๆ ที่คาโลบังคับให้เธอใส่ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เพื่อเตรียมการประลอง
"โธ่...ฉันมีวิธีแล้วกันน่า"
"อะไรดีล่ะ กินยาถ่าย ไม่สบาย ปวดท้อง ปวดหัว ปวดฟัน ปวดเหงือก ปวดประจำเดือน เลือกมาซักอย่าง" เพื่อนซี้ตาสีม่วงเสนอแล้วหลบแวบไปขำก๊ากอยู่ข้างหลังซีบิลที่นั่งยิ้มงงๆ ไม่รู้เรื่องอะไร ครู่เดียวทั้งหมดก็ถูกเรียกตัวให้ไปรวมกันที่สนามแข่งหมากเกียรติยศที่จัดไว้เป็นพิเศษ นั่นจึงทำให้เฟรินได้เห็นเป็นครั้งแรกว่าจำนวนของคนที่มางานเลี้ยงรุ่นนี้มีน้อยกว่าที่คาดเอาไว้มาก
"สวัสดีจ๊ะบรรดาศิษย์เก่าทั้งหลาย ไม่ต้องพูดมากให้เสียพิธีดีกว่านะ การแข่งวันนี้มีกติกาอยู่ 2 ข้อเท่านั้น 1.ห้ามทำให้ตาย 2.ห้ามทำให้พิการ แค่นี้ล่ะจ้ะ" มิสแรมเซิลเอ่ยยิ้มๆ แต่ไอ้คนฟังที่นั่งฟังอยู่อีกฟากมันไม่ได้ยิ้มไปด้วยนี่สิ แล้วการแข่งขันก็เริ่มขึ้นอย่างง่ายๆ และน่าเบื่อจนเธอเกือบหลับ หากไม่เพราะแรงสะกิดที่ไหล่จนทำให้เธอตกเก้าอี้ไปนั้นเป็นตัวปลุกเธอให้รับรู้ว่าได้เวลาที่เธอต้องออกไปประลองกับเขาแล้ว เฟรินเดินลงไปอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะว่าไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว
"ผ่าปฐพี" ดาบใหญ่คู่กายปรากฏขึ้นในมือ เมื่อยิ่งสัมผัส ความรู้สึกฮึกเหิมที่ห่างหายไปนานก็กลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มร่างสูงผมดำสนิทเดินเข้าในสนามแล้วโค้งให้เธอหนึ่งครั้งทำเอาโค้งกลับให้ไม่ทัน
"เป็นเกียรติที่ได้ประมือกับราชินีแห่งคาโนวาล ออมมือให้บ้างนะ"
"เริ่มได้!"
เคร้ง!!
ดาบที่เร็วตรงเข้าปะทะกับดาบใหญ่ที่เธอยกขึ้นบังเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ตัวดาบของอีกฝ่ายเรียวยาวและบาง ชวนให้นึกถึงดาบคู่กายของน้องสาวเธอที่เวนอล เฟรินยิ้มที่มุมปาก งานนี้สนุกแน่
เสียงดาบปะทะกันเป็นเวลานาน ผลัดกันรับผลัดกันรุกจนคนดูอดทึ่งไม่ได้ ที่สาวน้อยร่างบางจะยกดาบใหญ่อย่างผ่าปฐพีต่อสู้กับชายชาตรีได้นานขนาดนี้ แน่นอน...ยกเว้นคนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เคร้ง!!
เสียงดาบปะทะกันครั้งสุดท้ายพร้อมกับๆ กับที่ผ่าปฐพีหลุดจากมือเฟรินไปปักอยู่ข้างๆ คมดาบบางเลื่อนเข้ามาจ่อที่คออย่างรวดเร็วจนน่าหวาดเสียว
"ผมชนะแล้ว" รุ่นพี่คนนั้นยิ้มน้อยๆ แล้วลดดาบลง เสียงประกาศชัยชนะของอีกฝ่ายทำให้คนที่คิดจะทิ้งเกมนี้ตั้งแต่แรกหงุดหงิดได้พอดู เหงื่อกาฬไหลอาบเสื้อเชิ้ตสีขาว เฟรินปาดเหงื่อที่หน้าออกลวกๆ ขัดใจตัวเอง พอไม่ได้ขยับแข้งขยับขา มันก็ดูจะฝืดไปหมดแถมแรงก็ลดลงด้วย หล่อนเดินหันหลังกลับเข้าไปปราสาทไปอาบน้ำ แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนทำให้เธอผล็อยหลับไปบนเตียงที่คิดแค่จะเอนตัวเพียงชั่วครู่
----------------------------------------------------
หลังจากที่อาบน้ำให้หายเหนียวตัวเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงเดินมานั่งลงที่เตียงมองร่างบางที่หลับตาพริ้มมีความสุขกับนิทรารมย์ของตัวเอง ก่อนจะมองนาฬิกา ยังพอมีเวลา ให้มันหลับต่อไปซักพักก็แล้วกัน
ก๊อกๆๆ
เมื่อเปิดประตูออกต้อนรับ ก็พบว่าแขกตาสีม่วงผมสีดำยุ่งนิดๆ ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู คาโลถอยออกมาเล็กน้อยเป็นการเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูเบาๆ
"อ้าว...หลับอยู่หรอเนี่ย" คิลถามแปลกใจ เมื่อเห็นเฟรินหลับคร่อกฟี้ๆ อยู่บนเตียง
"คงจะเหนื่อย" เหตุผลสั้นๆ ตามแบบฉบับของคาโล ทำให้เขาพยักหน้าเข้าใจ ก็น่าอยู่หรอก ปะดาบกันนานขนาดนั้นนี่นา
"แล้วมีอะไรถึงมาถึงที่นี่" ตาสีม่วงตวัดมองแล้วยิ้มเครียดเล็กน้อย ทรุดตัวนั่งลงบนเตียงอย่างรู้ดีว่าไอ้ตัวยุ่งมันไม่มีทางตื่นมาด้วยเรื่องแค่นี้แน่ๆ
"อยากมาเตือน ตั้งแต่มานี่มีแต่เรื่องให้ทำเลยไม่ได้พูดซักที วันก่อนมีคนมาเสนองานให้ลอบฆ่าไอ้เฟรินอีกแล้ว" คาโลชะงักกึกหันมามองเครียดๆ ไปกับเขาด้วย
"งานนี้ผ่านกันมาหลายต่อ ก็เลยสืบขึ้นไปไม่ได้ ดูเหมือนจะติดต่อกับพ่อฉัน แล้วบังเอิญฉันไปรู้เข้าซะก่อนก็เลยมาบอกนาย" สายตาดุส่งผ่านมาให้เป็นเชิงว่า รับงานไม่เลือกอีกแล้วนะ
"เอาน่าๆ ก็บอกแล้วไงว่าติดต่อกับพ่อ ถ้าเป็นฉันๆ ก็ไม่รับหรอก" ตอบยิ้มๆ ไม่มีทีท่าเครียดให้เห็นเหมือนเมื่อครู่ คาโลถอนหายใจหนัก
"แล้วพอจะเดาสาเหตุได้มั้ย" คราวนี้คิลเงียบไปเลิกคิ้วสูง
"แกไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้"
"......................."
"......................." ต่างฝ่ายต่างเงียบเพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายคิด ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างเล็กบนเตียงก็ขยับบิดตัวหาว ปรือตามองบุคคลที่อยู่ในห้องช้าๆ
"อ้าวคิล... มีอะไรหรอ" ถามงัวเงีย มือก็ขยี้ตาตัวเองไปพลาง
"ก็มาปลุกแกน่ะสิ อย่าบอกนะว่าลืมแล้วว่าคืนนี้มีการทดสอบจิตใจ" คิลหัวเราะหึๆๆๆ ในขณะที่เฟรินช็อกค้าง เพราะเธอลืมไปซะสนิท ส่วนคาโลนั้นก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว แสงสีส้มๆ ที่ลอดหน้าต่างเข้ามาเหมือนสีเลือด(ในความรู้สึกของเฟริน) เสียงนกร้องเหมือนเสียงกาตามแดนประหาร(ตามที่เฟรินได้ยิน) และภาพนอกหน้าต่างก็ดูสวยสดเหมือนกับมันจะกลายเป็นภาพสุดท้ายที่เธอเห็น
"ไม่ไปไม่ได้หรอวะ" ยิ่งคิดยิ่งขนลุก ให้ไปเรียน 108 วิธีทำตัวให้มีสมบัติผู้ดียังง่ายซะกว่า
"ไม่ได้ เพราะฉันได้ยินมาว่า คนที่โดดวันนี้ต้องไปทดสอบวันพรุ่งนี้...คนเดียว" ขู่สำทับเรียบร้อย ยิ่งสร้างความหนักใจเข้าไปอีก
"เลิกพูดมาก ได้เวลาแล้ว" คาโลตัดบทแล้วลากคอเฟรินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของคิลที่เดินตามมา
"เอาล่ะ สำหรับการทดสอบจิตใจนี้ ให้จับคู่กัน 2 คน โดยไม่ต้องเป็นรุ่นเดียวกันก็ได้ จากนั้นให้รับเทียนกับกระดาษข้อความที่อาจารย์แรมเซิลปากทางเข้า อาจารย์จะปล่อยเข้าไปทีละคู่ ระหว่างทางให้หาตัวอักษรที่อยู่ในกระดาษแล้วตัวอักษรที่เจอจะหายไปเอง จุดหมายคือศาลาที่อยู่ด้านในสุด พี่โรเวนกับพี่ไธนอสจะเป็นคนเช็คกระดาษว่ามีใครบ้างที่แอบโกงไม่ทำตามกติกา สุดท้ายงานนี้งดใช้เวทย์มนต์ทุกชนิด มีอะไรจะถามมั้ย" คาโลเงยหน้าขึ้นกวาดสายตาไปทั่วบริเวณเมื่อไม่มีใคร สงสัยอะไรอีก ทุกคนก็เริ่มแยกย้าย กันไปจับคู่ เหลือแต่หนึ่งสาวที่ยืนหน้าซีดทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังหัวเราะกิ๊กกั๊กกับเพื่อนอยู่ ตาสีน้ำตาลมองไปรอบๆ ที่แต่ละคนต่างเริ่ม เข้าแถวยาว เตรียมเข้าไปในป้าช้าจำลอง จังหวะนี่แหละ!!
"จะไปไหนเฟริน" น้ำเสียงเย็นชาคุ้นหูแบบนี้ ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร
"ก็...ไปห้องน้ำน่ะ อยากเข้าห้องน้ำ" หันมามองสบตาสีฟ้าแล้วหัวเราะแหะๆ แต่คนที่กอดอกมองอยู่ไม่ได้รู้สึกขำไปด้วย
"ห้องน้ำมันอยู่ทางโน้น แกจะหนีใช่มั้ย" เจอเข้าแบบนี้ก็สะอึกไปเล็กน้อย ถึงไม่ได้คำตอบแต่ไอ้การกระทำเมื่อครู่ก็ทำให้ร่างสูงรู้ว่าเจ้าตัวดีกำลังจะทำอะไร เลยคว้าแขนแล้วเดินไปต่อแถวที่หดสั้นเหลืออีกไม่กี่คู่ซึ่งพวกเขาเป็นคู่สุดท้ายพอดี ยิ่งคนข้างหายไปไปมากเท่าไหร่ อาการเหงื่อแตกของเฟรินก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ มือที่กุมอยู่อย่างลืมตัวเมื่อครู่เริ่มเหนียวเหนอะจนคาโลอดขำไม่ได้ก่อนจะปั้นหน้านิ่งเมื่อถึงคิวคู่ตน
"เอ้า..นี่จ้ะ เป็นคู่สุดท้ายเลย ขอให้สนุกนะจ๊ะ" มิสแรมเซิลยื่นเทียนกับกระดาษพร้อมกับยิ้มกว้างให้ เมื่อก้าวพ้นประตูเข้าไป เสียงแมลงที่เคยได้ยินก็เงียบสนิท มีเพียงความเงียบ เสียงลมหวีดหวิว และความมืดที่เทียนเล่มเล็กในมือคาโลส่องไปไม่ถึง เฟรินเดินเกาะร่างข้างๆ ตัวลีบ กระสับกระส่ายหันซ้ายหันขวาหันหน้าหันหลังอย่างน่ารำคาญในความรู้สึกของกษัตริย์แห่งคาโนวาล หลังจากที่เดินผ่านหลุมฝังศพ ป่าไผ่ ป่ากล้วย เมรุ และอื่นๆ อีกมากมายที่พอจะทำให้เฟรินสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่อาจจะโผล่มา ทั้งสองก็มาถึงศาลเจ้าขนาดเล็ก ดวงไฟสีส้มถูกจุดอยู่สองฟากให้ความสว่างมากพอแค่ให้เห็นรอบๆ ศาลเท่านั้น ส่วน Background ด้านหลังก็ยังคงเป็นป่าทึกที่ส่งเสียงอู้ด้วยลมแรงๆ ที่พัดลอดกิ่งไม้ใบไม้ดูสยองขวัญหนัก คาโลผละเข้าไปเปิดประตูเล็กๆ ด้านหน้าออก ตัวอักษรตัว D สีแดงสดตัวใหญ่สมกับบรรยากาศ แล้วตัวอักษรตัวแรกบนกระดาษก็ค่อยๆ เลือนหายไป
"เอาล่ะ ไปกันต่อ" ร่างสูงคว้าแขนคนที่ยืนช็อกกับบรรยากาศให้ออกเดิน
"คาโล เขาให้หาตัวอักษรกี่ตัวอ่ะ" เฟรินถามเสียงสั่นๆ หวังว่าคงไม่ต้องหาครบ 26 ตัวอักษรหรอกนะ
"5 ตัว" หล่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ เดินมาตั้งนานผมชี้จนจะกลายเป็นเม่นยังเพิ่งจะหาได้ตัวเดียว แล้วเมื่อไหร่จะได้ออกไปเนี่ย แล้วประสาทสัมผัสกับจับเสียงแสกสากจากพงหญ้าข้างทาง ขาทั้งสองหยุดกึกอัตโนมัติ เรียกให้คนที่โดนเกาะแขนต้องหยุดตามไปด้วย ตาสีฟ้ามองตามไปทางที่อีกฝ่ายจ้องอยู่ ทันใดนั้นบางสิ่งก็กลิ้งออกมาจากพงหญ้า เฟรินสะดุ้งหน่อยๆ หัวใจหล่นไปอยู่ส้นเท้าครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
"โธ่ นึกว่าอะไรที่แท้ก็แค่หิน เฮ้อ..." ทำปากดียิ้มกวนส่งมาให้คาโลที่ยืนนิ่งเงียบ เฟรินก้มลงไปหยิบ "ก้อนหิน" นั่นขึ้นเตรียมขว้างกลับไปทางเดิม แต่เมื่อยกขึ้นมาในระดับที่สามารถมองเห็นได้ชัดๆ ว่า เป็นศีรษะมนุษย์ เส้นผมสีดำรกรุงรังปรกหน้า ตาเหลือกโตแสดงถึงความเจ็บปวดทรมานก่อนตาย ของเหลวอุ่นๆ สีแดงสัมผัสกับมือบางๆ ขณะที่กำลังช็อก ริมฝีปากที่บิดเบี้ยวเริ่มขยับแสยะยิ้ม
"...................................." (เฟริน)
"...................................." (คาโล)
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผีหลอกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
แล้วศีรษะมนุษย์อันนั้นก็ต้องมีอันเป็นไปด้วยฝีมือของแขนบางๆ ที่ซัดออกไปสุดแรงเกิดจนน่าจะจับไปเป็นนักขว้างน้ำหนักทีมชาติ พร้อมๆ กับที่สติหลุด โผเข้ากอดร่างที่ยืนรออยู่แล้ว แขนใหญ่ที่โอกาสโอบตามน้ำ
"คาโลๆๆ มะ...หัว....ผีหลอกอ่า พาฉันออกไปจากที่นี่เร็วๆ เข้า" เฟรินระล่ำระลักออกมาอย่างหวาดกลัว มือก็กอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น ใบหน้าซุกกับอกกว้างพยายามจะลืมภาพเมื่อกี้ให้ได้ คาโลยิ้มมุมปากเล็กน้อย มือก็ลูบหัวร่างบางที่กอดเขาแน่นเบาๆ
"ใจเย็นๆ เฟริน ไม่มีอะไรแล้ว"
"ไม่มีกับผีแกน่ะสิ!! ไม่เห็นหรอไงเมื่อกี้ ไอ้หัวบ้านั่นมันยิ้มให้ด้วย" ด่าแว๊ดๆ แต่หน้าก็ยังซุกอยู่นั่นล่ะ แต่แล้วต้องนิ่งเมื่อรู้สึกว่าร่างที่ตัวเองเผลอกอดมันสั่นเบาๆ เฟรินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เคยเรียบเฉยตลอดเวลาตอนนี้กลับมีรอยยิ้มกว้างพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ตาสีฟ้าพราวระยับด้วยความขัน ก็เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย แม้ว่าจะดีใจที่เห็นคาโลหัวเราะแต่ก็อายหนักยิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายกระโจนเข้าไปกอดเขาก่อน จึงรีบผละออกมายืนหน้าแดง
"หัวเราะทำซากอะไรฟะ ไม่เห็นจะขำเลย" ยิ่งเขินก็ยิ่งพูดสุ่มไปทั่ว เชิดหน้าใส่
"ก็นายซัดมันไปแล้วนี่ ไปเหอะ เดี๋ยวจะยิ่งดึกกว่านี้" คาโลเอ่ยเบาๆ หลังจากที่กลั้นหัวเราะไว้แล้วกับมาทำหน้าเฉยเหมือนเดิมได้ มือก็คว้าเอวบางๆ ให้เข้ามาเดินใกล้ๆ
"เฮ้ย! เอามือแกออกไปเลย ไอ้ลามก" เฟรินตะโกนใส่พยายามแกะมือ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งโดนรัดมากกว่าเดิม
"เดี๋ยวถ้าแกไปเจออะไรเข้าอีกจะวิ่งเตลิดหลงไปซะปล่าว ขี้เกียจตามทีหลัง" เธอสะบัดหน้า ไอ้บ้า! ไอ้จอมฉวยโอกาส!! ถึงจะสบถด่าพึมพำ แต่ก็อบอุ่นในหัวใจอย่างแปลกประหลาด หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มา ทั้งสองก็เริ่มออกหาตัวอักษรต่อ ผ่านบรรดาผีซอมบี้ แด็กคิวล่า ผีหัวขาด นางตานี สารพัดผี จนผมบนหัวเฟรินแทบจะหลุดออกจากหัว โดยมีคาโลยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าสงบ จนกระทั่งตัวสุดท้าย ตัว H เฟรินขมวดคิ้วมุ่น D E A T H โอ้....ใครหนอช่างคิดสรรหาคำๆ นี้มาให้หา เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อย ก็พบศาลาขนาดย่อมๆ ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า ภายในศาลาคือเจ้าภาพจัดงาน อดีตหัวหน้าเสนาธิการทั้งสองของป้อมอัศวินนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ ใต้แสงเทียนอันโรแมนติกกับบรรยากาศเย็น(ยะเยือก) เสียงแมลง(กินศพ)ขับกล่อมให้บันเทิงใจร่วมกับเสียง(หวีด)ร้องของหญิงลึกลับที่ดังออกมาเป็นระยะ อีกทั้งเสียงเห่า(หอน)ของสุนัขที่ฟังแล้วชื่นใจ และวิวที่สวยงามของ....ป่าช้า ( - -" )
"เป็นไงสนุกมั้ย" โรเวนยิ้มให้กับคู่สุดท้ายพลางวางแก้วน้ำรับกระดาษเปล่าจากร่างสูง เฟรินแยกเขี้ยวใส่ ทำเอากรรมการทั้งสองหัวเราะหึๆๆ
"ไม่ใช่คนไปเดินเองนี่หว่า แค่นั่งกินน้ำชารอคนมาหาแค่นั้น" เธอบ่นอุบอิบในใจแต่ไหงกลับออกมาเป็นเสียงให้คนที่นั่งอยู่ได้ยินก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของไธนอสนั่นล่ะ
"ไม่เจอกันนาน ปากยังไม่เปลี่ยนเลยนะเฟริน" เจ้าตัวยิ้มแห้งๆ ให้
"มันหนึ่งในสามวิชาลับของตระกูลมันน่ะครับ" คาโลออกหน้าให้แทน แต่...มันควรจะเงียบอย่างที่มันชอบทำมากกว่า
"เอาเถอะ พวกนายผ่านได้ ดีเหมือนกันฉันจะได้ไปนอนซักที" โรเวนอ้าปากหาวหวอด ลุกขึ้นเดินลงจากศาลาไป โดยไม่ลืมหยอดระเบิดทิ้งไว้อีกลูก
"งานนี้ถือว่าตอบแทนที่เมื่อก่อนนายทำตัวเป็นศิราณีก็แล้วกัน ไว้มีข่าวดีเมื่อไหร่ อย่าลืมเชิญฉันให้ไปร่วมอวยพรล่ะคาโล" ว่าแล้วก็ยิ้มให้อีกที ก่อนจะเดินไป เฟรินเงยหน้ามองคนข้างๆ งงๆ ไอ้ประโยคสุดท้ายน่ะพอจะเข้าใจ แต่ไอ้ก่อนหน้านี้สิ...อ้อ....ที่แท้พี่แกแค้นสมัยที่พบวิเวียนระหว่างเดินทางไปเดมอสนี่เอง หุๆๆๆ แล้วสัมผัสที่กระชับมาขึ้นที่เอวก็พอจะทำให้เธอเข้าใจอะไรได้ทั้งหมด ใบหน้าเริ่มขึ้นสีอย่างห้ามไม่อยู่
"ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปนอน ง่วง!" โพล่งขึ้นแล้วเดินฉับๆ ออกไปทันที ทิ้งให้คาโลยิ้มน้อยๆ อย่างน้อยวันนี้เขาก็กำไรมากแล้วล่ะ
****************************TBC.....
"เอาสิ.. ยังไงก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว" ทำให้คนที่ยืนลุ้นอยู่ด้านหลังยิ้มกว้างออกมา เดินนำหน้าลากคุณแม่คนใหม่ตามไปติดๆ จนคนที่จะเป็นพ่ออดห่วงไม่ได้ ได้แต่มองตามไปยิ้มๆ โดยทั้งคาโลและเฟรินต่างปฏิเสธที่จะให้หนึ่งในสองเสนาฯ และหนึ่งในสี่ขุนพลตามติดอารักขามาด้วย
"เป็นยังไงบ้าง" คิลเริ่มบทสนทนา ร่างสูงหันมามองเงียบๆ ก่อนจะหันกลับไป
"ก็ดี"
"ฉันถามว่าแกกับเฟรินเป็นยังไงบ้าง ไอ้สบายดีรึปล่าวแค่มองก็รู้แล้ว" ตาสีม่วงเต้นระริกอยากรู้อยากเห็น ต้องเก็บข้อมูลเผื่อจะเอาไปแกล้งไอ้เฟรินมัน
"ก็ดีนี่ เหมือนเดิม" คิลเกาหัวแกรกๆ นี่เราถามไม่เคลียร์ หรือมันไม่เก็ทคำถามกันแน่วะ
"แล้วเมื่อไหร่จะมีหลานให้ฉันอุ้มบ้างล่ะ รออยู่นะเนี่ย" คราวนี้หน้าขาวๆ แดงวาบ คนที่มองอยู่เห็นแล้วอึ้ง อะไรวะ..ทำเป็นคิขุอาโนเนะเคะๆ ไปได้ แต่งงานกันเป็นเดือนแล้วแท้ๆ
"นี่ๆ น่ารักมั้ยๆ" ถามพลางชูลูกสุนัขขนสีน้ำตาลตาแป๋วๆ ให้อีกฝ่ายดู แล้วหันกลับไปกรี๊ดกร๊าดกับเรนอนที่อุ้มลูกสุนัขขนสีน้ำตาลแซมขาวไว้อีกตัว
"ไปเอามาจากไหน" คาโลมองสุนัขในอ้อมแขนของเธอแล้วชวนให้นึกถึงตอนที่คนๆ นี้ยังเป็นครึ่งคนครึ่งสุนัข
"ตรงโน้นน่ะค่ะ มีคนเอามาทิ้งไว้ น่าสงสารนะคะ เพิ่งจะเป็นแค่ลูกหมาเท่านั้นเอง แต่ต้องมาโดนทิ้งให้อดแบบนี้" เรนอนสีหน้าสลดลงเล็กน้อยจนคนที่มองลนลานนิดๆ
"งั้นเอาไปเลี้ยงมั้ยล่ะ" คิลเสนอในสิ่งที่ภรรยาของเขากำลังจะเอ่ยปาก หล่อนยิ้มกว้าง เขย่งตัวเองขึ้นหอมแก้มเขาเบาๆ เป็นการขอบคุณ ไม่ได้อายผู้คนที่เดินไปมาแม้แต่น้อย ส่วนไอ้คนที่ได้แต่ยืนมองสองคนนั่นหน้าแดงอายแทนซะได้
"คาโล...ฉันเลี้ยงมันได้มั้ย" เฟรินเงยหน้าถามพลางส่งสายตาปิ๊งๆ หวังให้ร่างสูงอ่อนใจ
"ไม่...เรายังอยู่ที่เอดินเบิร์ก ไม่ใช่คาโนวาล ที่สำคัญ...มันน่ารำคาญ" ไอ้ข้อสุดท้ายนั่นเรียกว่าเหตุผลได้หรอเนี่ย!
"แล้วทำไมแกไม่ไล่ไอ้ลาบราดอร์ เดอะเกรทที่สี่ของแกไปด้วยล่ะ นั่นก็หมาเหมือนกัน" ตะคอกถามใส่อย่างฉุนจัด ไอ้บ้า! เหตุผลบ้าๆ! คนคิดก็บ้า โว้ยยย! พูดมาได้
"มันไม่เหมือนกัน นั่นฉันเลี้ยงมาตั้งแต่ก่อนจะให้มาทิ้งทีหลังไม่ได้" คนฟังคิ้วเริ่มกระตุกด้วยความโกรธ
"ก็ได้! เรนอน ฉันฝากไอ้ตัวนี้ไว้ด้วยนะ เอ้อ...แล้วก็เตรียมที่อยู่ให้ฉันด้วย เผื่อวันนึงคิงของคาโนวาลอาจเบื่อราชินีงี่เง่าของเขาจนอยากมีใหม่แต่ไม่กล้า เพราะไอ้เหตุผลที่ว่าแต่งมาก่อน!!!" ว่าแล้วก็โยนให้หญิงสาวที่ยืนงงอยู่ แล้วเดินสะบัดหน้าพรืดออกไปทันที คิลนั้นตอนนี้กำลังพยายามกลั้นหัวเราะอยู่อย่างยากลำบาก ก็นะ...ภาพแบบนี้เห็นได้ง่ายๆ ซะที่ไหนล่ะ
"เหมือนผู้หญิงกับเขาเหมือนกันนี่" หันไปเปรยกับคิงของคาโนวาลที่เพิ่งถูกประชดไปหมาดๆ ที่ส่ายหน้านิ่งๆ
"ก็แค่ตอนงอน ฉันไปตามมันก่อนนะ สมองมันคงเสื่อมเขาว่าไม่ให้ออกไปไหนคนเดียว" คิลพยักหน้าขำๆ โธ่....ปากก็ด่า ใจจริงห่วงไอ้เฟรินว่ามันจะเป็นอันตรายก็เท่านั้น คิดแล้วก็ยิ่งขำ อยู่ยังไงก็อย่างนั้นแฮะ ไอ้สองคนนี้
----------------------------------------------------
ไอ้บ้าๆๆๆๆ ไอ้น้ำแข็งบ้า!!!! ไอ้งี่เง่า! แค่เลี้ยงหมาเพิ่มอีกตัวมันจะเพิ่มงบประมาณแผ่นดินซักเท่าไหร่กันเชียว เธอก็แค่อยากหาเพื่อเล่นเวลาที่เบื่อๆ แค่นั้นเอง ไอ้คาโลบ้า! มือเรียวๆ วาดกิ่งไม้เปะปะไปทั่วอย่างฉุนเฉียว เดินลึกเข้าไปไม่ได้ดูทางว่าตัวเองกำลังจะเดินเข้าป่า หากไม่เพราะแรงคว้าที่ต้นแขนทำให้เธอต้องชะงักไป คงเป็นไอ้น้ำแข็งนั่น เฟรินหันกลับเตรียมด่าแต่แล้วต้องเงียบไปเมื่อคนที่คว้าแขนเธอกลับเป็นโร
"จะเข้าป่าหรอไงเฟริน ไม่นึกว่าราชินีแห่งคาโนวาลจะตกอับขนาดต้องหาฟืนเลี้ยงปากท้อง" คำพูดกวนๆ ที่ปกติเธอจะต้องหงุดหงิด แต่วันนี้ไม่ใช่...เธอไม่มีอารมณ์จะต่อล้อต่อเถียงอะไรทั้งนั้น
"ปล่าว แค่คิดอะไรเพลินๆ" โรปล่อยแขนช้าๆ ตาสีเขียวมองหน้าขาวเนียนนั้นนึ่ง
"ทะเลาะกับคาโลมาอีกหรอไง" เฟรินเงยหน้ามอง ใช่..ลืมไปเลยว่านอกจากฉายาขอทานกิตติมศักดิ์ ไอ้นี่ยังมีฉายาว่า ห้องสมุดเคลื่อนที่อีกชื่อนึง แต่ตอนนี้เธออยากจะแถมชื่อ นักสืบหัวเห็ดให้อีกชื่อจริงๆ การไม่ตอบของอีกฝ่ายคือการยอมรับในความเข้าใจของเขา โรยิ้มบางๆ ส่ายหน้าช้าๆ
"แต่งงานกันตั้ง 3 เดือนแล้วนะ ยังทะเลาะกันอีก คราวนี้เรื่องอะไรล่ะ" เฟรินมองหน้าโรนิดนึงก่อนจะตัดสินใจเล่าให้ฟังคร่าวๆ
"แกจะด่าว่าฉันงี่เง่าก็ได้นะโร ชินซะแล้วว่ะ สงสัยว่าเป็นเพราะอยู่ในร่างนี้นานเกินไป" บ่นเป็นการตบท้ายตามนิสัยเสียๆ ของเธอ โรหัวเราะหึๆ เบาๆ ฟังแล้วมันน่าโมโหกว่าโดนด่าซ้ำซะอีก
"ใครจะกล้าว่าราชินีแห่งเดมอสและบารามอสได้ล่ะ จริงมั้ย" ตาสีเขียวประกายระยับด้วยความขบขันกึ่งเล่นกึ่งจริง
"ก็แกล่ะวะ" เฟรินตอกกลับทันที ชิ! ทำเป็นพูดดีไป ก่อนหน้านั้นก็เห็นว่าเอาๆ ถึงไม่ได้ว่ากันตรงๆ ก็เถอะ เสียงเดินดังเบาๆ ตรงมาที่ที่เขาทั้งสองคนยืนอยู่ ไม่นานนักร่างของกษัตริย์แห่งคาโนวาลก็โผล่มาให้เห็น ตาสีฟ้าฉายแววฉงนเมื่อเห็นขอทานแห่งทริสทอร์อยู่กับราชินีของเขา
"นั่น...พระเอกมาแล้ว งั้นฉันไปนะเฟริน" โรปลีกตัวเดินสวนออกมา โดยไม่ลืมที่จะยิ้มให้อีกฝ่าย คาโลหันกลับมาเมื่อเห็นว่าบุคคลที่สามเดินไปจนลับตา หน้าหวานๆ เรียบเฉยในแบบที่เขารู้ได้ว่ากำลังงอน..มากซะด้วยสิ
"วิ่งออกมาแบบนี้รู้มั้ยว่าอันตราย ถ้านายเป็นอะไรไปแล้ว...จะอธิบายยังไง" เฟรินหันมามองเรียบๆ อ๋อหรอ...ที่แกตามฉันมาเพราะกลัวว่ารุ่นน้องจะโดนทำโทษงั้นสิ นึกไว้แล้วว่าคนอย่างมันน่ะหรอจะมาตามเพราะเป็นห่วง ทั้งฉุนทั้งโกรธทั้งงอน และน้อยใจจับกลุ่มกันเป็นก้อนสุมอยู่ในอก
"ก็ช่างสิ...บอกไปว่าโดนเสือคาบไปก็ได้นี่ แล้วก็ไปหาศพใครซักคนเอาไปให้เสือกัดซักหน่อยก็เอามายันได้แล้ว ดีซะอีก..ฉันจะได้ไปอยู่กับคิลกับเรนอนที่ซาเรส เผลอๆ...อาจจะได้เจอพี่อาเธอร์ด้วย" คาโลขมวดคิ้วเข้าหากัน เดินเข้ามาคว้าแขนลากเจ้าตัวดีขี้งอนคนนี้กลับปราสาทเอดินเบิร์ก หากเฟรินสะบัดมือแรงๆ จนหลุด
"อย่าดื้อนะเฟริน" ดุเสียงเขียว แต่มีหรือที่เธอจะยอมฟัง ไม่มีทาง! เจ้าหล่อนเตรียมตัวออกเดินทางไปคนละทาง คราวนี้ไม่ใช่มือแต่เป็นเอวที่ร่างสูงรวบเข้ามา
"เฮ้ย! ปล่อยนะไอ้คาโล!! เล่นอะไรบ้าๆ" เฟรินสะดุ้งเฮือก สายตามองซ้ายขวาเลิกลั่ก ใบหน้าแดงเพราะกลัวใครมาเห็นเข้า แม้ว่าที่ตรงนั้นมันจะไม่มีคนก็ตาม มือเรียวๆ พยายามแกะไอ้ที่โอบเอวตนไว้อย่างยากเย็น
"กลับที่พักได้แล้ว ไม่อย่างนั้นฉันจับแกกดตรงนี้แหละ" เธอสบตาสีฟ้าตรงหน้าหวาดๆ รู้ได้ถึงความจริงจังในคำพูด และมันก็คงทำจริงๆ ซึ่ง...เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดแน่ๆ
"ก็ปล่อยสิวะ ฉันจำทางได้ยังไม่แก่โว้ย" แล้วหมัดขวางามๆ ก็เสยอัปเปอร์คัตใส่คางคมๆ ซะเต็มเหนี่ยวจนเห็นดาวเดือนดาวเทียมวิ่งให้วุ่น มือเผลอคลายรัดทำให้เฟรินหลุดออกมายืนหัวเราะสะใจข้างๆ
"ฮะๆๆ สมน้ำหน้า" ว่าแล้วเจ้าตัวดีที่ประเคนหมัดก็วิ่งหนีคดีกลับไปด้วยสีหน้าที่เป็นสุขยิ่งนัก
----------------------------------------------------
วันต่อมา ตางรางการแข่งก็ถูกถ่ายเอกสารแจกจ่ายให้บรรดาคนในห้องนั่งเล่นได้ยลกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ขัน
"เฮ้ย ดูดิ...ฉันว่าพี่โรเวนคงพยายามน่าดูที่จะจับพี่ลูคัสกับพี่ลอเรนส์แยกออกจากกันน่ะ" เฟรินมองตารางหน้าแรกขำๆ ก็เล่นจับสองคนนี้ให้อยู่คนละสาย ถ้าจะเจอกันก็ต้องชนะให้ถึงรอบรองชนะเลิศ คิลหัวเราะหึๆ เขาเองก็อยู่ในสายเดียวกับโรนี่นะ สงสัยจะได้เวลาแก้มือให้รู้ดำรู้แดงกันไปข้าง
"ว่าแต่แกเหอะ อยู่สายเดียวกับพี่โรเวนนี่" สาวน้อย(หน่อย)สะอึกเอื๊อก รีบเปิดไปดูตารางอีก 2 ชุดด้านหลังแล้วขำไม่ออกขึ้นมาซะงั้น รอบแรก เจอกับรุ่นพี่ซะแล้ว อย่างนี้คิดหนักแน่ๆ เผลอยกมือลูบแผลเป็นจางๆ ใต้ตาซ้ายตามนิสัย เพราะไอ้การแข่งนี่มันไม่แยกชายหญิงซะด้วยสิ วันนี้เธอใส่กางเกงแทนกระโปรงบ้าๆ ที่คาโลบังคับให้เธอใส่ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่เพื่อเตรียมการประลอง
"โธ่...ฉันมีวิธีแล้วกันน่า"
"อะไรดีล่ะ กินยาถ่าย ไม่สบาย ปวดท้อง ปวดหัว ปวดฟัน ปวดเหงือก ปวดประจำเดือน เลือกมาซักอย่าง" เพื่อนซี้ตาสีม่วงเสนอแล้วหลบแวบไปขำก๊ากอยู่ข้างหลังซีบิลที่นั่งยิ้มงงๆ ไม่รู้เรื่องอะไร ครู่เดียวทั้งหมดก็ถูกเรียกตัวให้ไปรวมกันที่สนามแข่งหมากเกียรติยศที่จัดไว้เป็นพิเศษ นั่นจึงทำให้เฟรินได้เห็นเป็นครั้งแรกว่าจำนวนของคนที่มางานเลี้ยงรุ่นนี้มีน้อยกว่าที่คาดเอาไว้มาก
"สวัสดีจ๊ะบรรดาศิษย์เก่าทั้งหลาย ไม่ต้องพูดมากให้เสียพิธีดีกว่านะ การแข่งวันนี้มีกติกาอยู่ 2 ข้อเท่านั้น 1.ห้ามทำให้ตาย 2.ห้ามทำให้พิการ แค่นี้ล่ะจ้ะ" มิสแรมเซิลเอ่ยยิ้มๆ แต่ไอ้คนฟังที่นั่งฟังอยู่อีกฟากมันไม่ได้ยิ้มไปด้วยนี่สิ แล้วการแข่งขันก็เริ่มขึ้นอย่างง่ายๆ และน่าเบื่อจนเธอเกือบหลับ หากไม่เพราะแรงสะกิดที่ไหล่จนทำให้เธอตกเก้าอี้ไปนั้นเป็นตัวปลุกเธอให้รับรู้ว่าได้เวลาที่เธอต้องออกไปประลองกับเขาแล้ว เฟรินเดินลงไปอย่างเก้ๆ กังๆ เพราะว่าไม่ได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มานานแล้ว
"ผ่าปฐพี" ดาบใหญ่คู่กายปรากฏขึ้นในมือ เมื่อยิ่งสัมผัส ความรู้สึกฮึกเหิมที่ห่างหายไปนานก็กลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มร่างสูงผมดำสนิทเดินเข้าในสนามแล้วโค้งให้เธอหนึ่งครั้งทำเอาโค้งกลับให้ไม่ทัน
"เป็นเกียรติที่ได้ประมือกับราชินีแห่งคาโนวาล ออมมือให้บ้างนะ"
"เริ่มได้!"
เคร้ง!!
ดาบที่เร็วตรงเข้าปะทะกับดาบใหญ่ที่เธอยกขึ้นบังเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ตัวดาบของอีกฝ่ายเรียวยาวและบาง ชวนให้นึกถึงดาบคู่กายของน้องสาวเธอที่เวนอล เฟรินยิ้มที่มุมปาก งานนี้สนุกแน่
เสียงดาบปะทะกันเป็นเวลานาน ผลัดกันรับผลัดกันรุกจนคนดูอดทึ่งไม่ได้ ที่สาวน้อยร่างบางจะยกดาบใหญ่อย่างผ่าปฐพีต่อสู้กับชายชาตรีได้นานขนาดนี้ แน่นอน...ยกเว้นคนที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เคร้ง!!
เสียงดาบปะทะกันครั้งสุดท้ายพร้อมกับๆ กับที่ผ่าปฐพีหลุดจากมือเฟรินไปปักอยู่ข้างๆ คมดาบบางเลื่อนเข้ามาจ่อที่คออย่างรวดเร็วจนน่าหวาดเสียว
"ผมชนะแล้ว" รุ่นพี่คนนั้นยิ้มน้อยๆ แล้วลดดาบลง เสียงประกาศชัยชนะของอีกฝ่ายทำให้คนที่คิดจะทิ้งเกมนี้ตั้งแต่แรกหงุดหงิดได้พอดู เหงื่อกาฬไหลอาบเสื้อเชิ้ตสีขาว เฟรินปาดเหงื่อที่หน้าออกลวกๆ ขัดใจตัวเอง พอไม่ได้ขยับแข้งขยับขา มันก็ดูจะฝืดไปหมดแถมแรงก็ลดลงด้วย หล่อนเดินหันหลังกลับเข้าไปปราสาทไปอาบน้ำ แต่ด้วยความเหนื่อยอ่อนทำให้เธอผล็อยหลับไปบนเตียงที่คิดแค่จะเอนตัวเพียงชั่วครู่
----------------------------------------------------
หลังจากที่อาบน้ำให้หายเหนียวตัวเรียบร้อยแล้ว ร่างสูงเดินมานั่งลงที่เตียงมองร่างบางที่หลับตาพริ้มมีความสุขกับนิทรารมย์ของตัวเอง ก่อนจะมองนาฬิกา ยังพอมีเวลา ให้มันหลับต่อไปซักพักก็แล้วกัน
ก๊อกๆๆ
เมื่อเปิดประตูออกต้อนรับ ก็พบว่าแขกตาสีม่วงผมสีดำยุ่งนิดๆ ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าประตู คาโลถอยออกมาเล็กน้อยเป็นการเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามาในห้องก่อนจะปิดประตูเบาๆ
"อ้าว...หลับอยู่หรอเนี่ย" คิลถามแปลกใจ เมื่อเห็นเฟรินหลับคร่อกฟี้ๆ อยู่บนเตียง
"คงจะเหนื่อย" เหตุผลสั้นๆ ตามแบบฉบับของคาโล ทำให้เขาพยักหน้าเข้าใจ ก็น่าอยู่หรอก ปะดาบกันนานขนาดนั้นนี่นา
"แล้วมีอะไรถึงมาถึงที่นี่" ตาสีม่วงตวัดมองแล้วยิ้มเครียดเล็กน้อย ทรุดตัวนั่งลงบนเตียงอย่างรู้ดีว่าไอ้ตัวยุ่งมันไม่มีทางตื่นมาด้วยเรื่องแค่นี้แน่ๆ
"อยากมาเตือน ตั้งแต่มานี่มีแต่เรื่องให้ทำเลยไม่ได้พูดซักที วันก่อนมีคนมาเสนองานให้ลอบฆ่าไอ้เฟรินอีกแล้ว" คาโลชะงักกึกหันมามองเครียดๆ ไปกับเขาด้วย
"งานนี้ผ่านกันมาหลายต่อ ก็เลยสืบขึ้นไปไม่ได้ ดูเหมือนจะติดต่อกับพ่อฉัน แล้วบังเอิญฉันไปรู้เข้าซะก่อนก็เลยมาบอกนาย" สายตาดุส่งผ่านมาให้เป็นเชิงว่า รับงานไม่เลือกอีกแล้วนะ
"เอาน่าๆ ก็บอกแล้วไงว่าติดต่อกับพ่อ ถ้าเป็นฉันๆ ก็ไม่รับหรอก" ตอบยิ้มๆ ไม่มีทีท่าเครียดให้เห็นเหมือนเมื่อครู่ คาโลถอนหายใจหนัก
"แล้วพอจะเดาสาเหตุได้มั้ย" คราวนี้คิลเงียบไปเลิกคิ้วสูง
"แกไม่รู้หรือแกล้งไม่รู้"
"......................."
"......................." ต่างฝ่ายต่างเงียบเพราะไม่แน่ใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายคิด ไม่ทันที่จะได้ถามอะไรต่อ ร่างเล็กบนเตียงก็ขยับบิดตัวหาว ปรือตามองบุคคลที่อยู่ในห้องช้าๆ
"อ้าวคิล... มีอะไรหรอ" ถามงัวเงีย มือก็ขยี้ตาตัวเองไปพลาง
"ก็มาปลุกแกน่ะสิ อย่าบอกนะว่าลืมแล้วว่าคืนนี้มีการทดสอบจิตใจ" คิลหัวเราะหึๆๆๆ ในขณะที่เฟรินช็อกค้าง เพราะเธอลืมไปซะสนิท ส่วนคาโลนั้นก็เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว แสงสีส้มๆ ที่ลอดหน้าต่างเข้ามาเหมือนสีเลือด(ในความรู้สึกของเฟริน) เสียงนกร้องเหมือนเสียงกาตามแดนประหาร(ตามที่เฟรินได้ยิน) และภาพนอกหน้าต่างก็ดูสวยสดเหมือนกับมันจะกลายเป็นภาพสุดท้ายที่เธอเห็น
"ไม่ไปไม่ได้หรอวะ" ยิ่งคิดยิ่งขนลุก ให้ไปเรียน 108 วิธีทำตัวให้มีสมบัติผู้ดียังง่ายซะกว่า
"ไม่ได้ เพราะฉันได้ยินมาว่า คนที่โดดวันนี้ต้องไปทดสอบวันพรุ่งนี้...คนเดียว" ขู่สำทับเรียบร้อย ยิ่งสร้างความหนักใจเข้าไปอีก
"เลิกพูดมาก ได้เวลาแล้ว" คาโลตัดบทแล้วลากคอเฟรินออกจากห้องไปพร้อมกับเสียงหัวเราะของคิลที่เดินตามมา
"เอาล่ะ สำหรับการทดสอบจิตใจนี้ ให้จับคู่กัน 2 คน โดยไม่ต้องเป็นรุ่นเดียวกันก็ได้ จากนั้นให้รับเทียนกับกระดาษข้อความที่อาจารย์แรมเซิลปากทางเข้า อาจารย์จะปล่อยเข้าไปทีละคู่ ระหว่างทางให้หาตัวอักษรที่อยู่ในกระดาษแล้วตัวอักษรที่เจอจะหายไปเอง จุดหมายคือศาลาที่อยู่ด้านในสุด พี่โรเวนกับพี่ไธนอสจะเป็นคนเช็คกระดาษว่ามีใครบ้างที่แอบโกงไม่ทำตามกติกา สุดท้ายงานนี้งดใช้เวทย์มนต์ทุกชนิด มีอะไรจะถามมั้ย" คาโลเงยหน้าขึ้นกวาดสายตาไปทั่วบริเวณเมื่อไม่มีใคร สงสัยอะไรอีก ทุกคนก็เริ่มแยกย้าย กันไปจับคู่ เหลือแต่หนึ่งสาวที่ยืนหน้าซีดทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังหัวเราะกิ๊กกั๊กกับเพื่อนอยู่ ตาสีน้ำตาลมองไปรอบๆ ที่แต่ละคนต่างเริ่ม เข้าแถวยาว เตรียมเข้าไปในป้าช้าจำลอง จังหวะนี่แหละ!!
"จะไปไหนเฟริน" น้ำเสียงเย็นชาคุ้นหูแบบนี้ ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นใคร
"ก็...ไปห้องน้ำน่ะ อยากเข้าห้องน้ำ" หันมามองสบตาสีฟ้าแล้วหัวเราะแหะๆ แต่คนที่กอดอกมองอยู่ไม่ได้รู้สึกขำไปด้วย
"ห้องน้ำมันอยู่ทางโน้น แกจะหนีใช่มั้ย" เจอเข้าแบบนี้ก็สะอึกไปเล็กน้อย ถึงไม่ได้คำตอบแต่ไอ้การกระทำเมื่อครู่ก็ทำให้ร่างสูงรู้ว่าเจ้าตัวดีกำลังจะทำอะไร เลยคว้าแขนแล้วเดินไปต่อแถวที่หดสั้นเหลืออีกไม่กี่คู่ซึ่งพวกเขาเป็นคู่สุดท้ายพอดี ยิ่งคนข้างหายไปไปมากเท่าไหร่ อาการเหงื่อแตกของเฟรินก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ มือที่กุมอยู่อย่างลืมตัวเมื่อครู่เริ่มเหนียวเหนอะจนคาโลอดขำไม่ได้ก่อนจะปั้นหน้านิ่งเมื่อถึงคิวคู่ตน
"เอ้า..นี่จ้ะ เป็นคู่สุดท้ายเลย ขอให้สนุกนะจ๊ะ" มิสแรมเซิลยื่นเทียนกับกระดาษพร้อมกับยิ้มกว้างให้ เมื่อก้าวพ้นประตูเข้าไป เสียงแมลงที่เคยได้ยินก็เงียบสนิท มีเพียงความเงียบ เสียงลมหวีดหวิว และความมืดที่เทียนเล่มเล็กในมือคาโลส่องไปไม่ถึง เฟรินเดินเกาะร่างข้างๆ ตัวลีบ กระสับกระส่ายหันซ้ายหันขวาหันหน้าหันหลังอย่างน่ารำคาญในความรู้สึกของกษัตริย์แห่งคาโนวาล หลังจากที่เดินผ่านหลุมฝังศพ ป่าไผ่ ป่ากล้วย เมรุ และอื่นๆ อีกมากมายที่พอจะทำให้เฟรินสามารถจินตนาการถึงสิ่งที่อาจจะโผล่มา ทั้งสองก็มาถึงศาลเจ้าขนาดเล็ก ดวงไฟสีส้มถูกจุดอยู่สองฟากให้ความสว่างมากพอแค่ให้เห็นรอบๆ ศาลเท่านั้น ส่วน Background ด้านหลังก็ยังคงเป็นป่าทึกที่ส่งเสียงอู้ด้วยลมแรงๆ ที่พัดลอดกิ่งไม้ใบไม้ดูสยองขวัญหนัก คาโลผละเข้าไปเปิดประตูเล็กๆ ด้านหน้าออก ตัวอักษรตัว D สีแดงสดตัวใหญ่สมกับบรรยากาศ แล้วตัวอักษรตัวแรกบนกระดาษก็ค่อยๆ เลือนหายไป
"เอาล่ะ ไปกันต่อ" ร่างสูงคว้าแขนคนที่ยืนช็อกกับบรรยากาศให้ออกเดิน
"คาโล เขาให้หาตัวอักษรกี่ตัวอ่ะ" เฟรินถามเสียงสั่นๆ หวังว่าคงไม่ต้องหาครบ 26 ตัวอักษรหรอกนะ
"5 ตัว" หล่อนกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ เดินมาตั้งนานผมชี้จนจะกลายเป็นเม่นยังเพิ่งจะหาได้ตัวเดียว แล้วเมื่อไหร่จะได้ออกไปเนี่ย แล้วประสาทสัมผัสกับจับเสียงแสกสากจากพงหญ้าข้างทาง ขาทั้งสองหยุดกึกอัตโนมัติ เรียกให้คนที่โดนเกาะแขนต้องหยุดตามไปด้วย ตาสีฟ้ามองตามไปทางที่อีกฝ่ายจ้องอยู่ ทันใดนั้นบางสิ่งก็กลิ้งออกมาจากพงหญ้า เฟรินสะดุ้งหน่อยๆ หัวใจหล่นไปอยู่ส้นเท้าครู่หนึ่ง ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
"โธ่ นึกว่าอะไรที่แท้ก็แค่หิน เฮ้อ..." ทำปากดียิ้มกวนส่งมาให้คาโลที่ยืนนิ่งเงียบ เฟรินก้มลงไปหยิบ "ก้อนหิน" นั่นขึ้นเตรียมขว้างกลับไปทางเดิม แต่เมื่อยกขึ้นมาในระดับที่สามารถมองเห็นได้ชัดๆ ว่า เป็นศีรษะมนุษย์ เส้นผมสีดำรกรุงรังปรกหน้า ตาเหลือกโตแสดงถึงความเจ็บปวดทรมานก่อนตาย ของเหลวอุ่นๆ สีแดงสัมผัสกับมือบางๆ ขณะที่กำลังช็อก ริมฝีปากที่บิดเบี้ยวเริ่มขยับแสยะยิ้ม
"...................................." (เฟริน)
"...................................." (คาโล)
"อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ผีหลอกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
แล้วศีรษะมนุษย์อันนั้นก็ต้องมีอันเป็นไปด้วยฝีมือของแขนบางๆ ที่ซัดออกไปสุดแรงเกิดจนน่าจะจับไปเป็นนักขว้างน้ำหนักทีมชาติ พร้อมๆ กับที่สติหลุด โผเข้ากอดร่างที่ยืนรออยู่แล้ว แขนใหญ่ที่โอกาสโอบตามน้ำ
"คาโลๆๆ มะ...หัว....ผีหลอกอ่า พาฉันออกไปจากที่นี่เร็วๆ เข้า" เฟรินระล่ำระลักออกมาอย่างหวาดกลัว มือก็กอดเอวอีกฝ่ายไว้แน่น ใบหน้าซุกกับอกกว้างพยายามจะลืมภาพเมื่อกี้ให้ได้ คาโลยิ้มมุมปากเล็กน้อย มือก็ลูบหัวร่างบางที่กอดเขาแน่นเบาๆ
"ใจเย็นๆ เฟริน ไม่มีอะไรแล้ว"
"ไม่มีกับผีแกน่ะสิ!! ไม่เห็นหรอไงเมื่อกี้ ไอ้หัวบ้านั่นมันยิ้มให้ด้วย" ด่าแว๊ดๆ แต่หน้าก็ยังซุกอยู่นั่นล่ะ แต่แล้วต้องนิ่งเมื่อรู้สึกว่าร่างที่ตัวเองเผลอกอดมันสั่นเบาๆ เฟรินเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าที่เคยเรียบเฉยตลอดเวลาตอนนี้กลับมีรอยยิ้มกว้างพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ตาสีฟ้าพราวระยับด้วยความขัน ก็เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย แม้ว่าจะดีใจที่เห็นคาโลหัวเราะแต่ก็อายหนักยิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายกระโจนเข้าไปกอดเขาก่อน จึงรีบผละออกมายืนหน้าแดง
"หัวเราะทำซากอะไรฟะ ไม่เห็นจะขำเลย" ยิ่งเขินก็ยิ่งพูดสุ่มไปทั่ว เชิดหน้าใส่
"ก็นายซัดมันไปแล้วนี่ ไปเหอะ เดี๋ยวจะยิ่งดึกกว่านี้" คาโลเอ่ยเบาๆ หลังจากที่กลั้นหัวเราะไว้แล้วกับมาทำหน้าเฉยเหมือนเดิมได้ มือก็คว้าเอวบางๆ ให้เข้ามาเดินใกล้ๆ
"เฮ้ย! เอามือแกออกไปเลย ไอ้ลามก" เฟรินตะโกนใส่พยายามแกะมือ แต่ยิ่งทำก็ยิ่งโดนรัดมากกว่าเดิม
"เดี๋ยวถ้าแกไปเจออะไรเข้าอีกจะวิ่งเตลิดหลงไปซะปล่าว ขี้เกียจตามทีหลัง" เธอสะบัดหน้า ไอ้บ้า! ไอ้จอมฉวยโอกาส!! ถึงจะสบถด่าพึมพำ แต่ก็อบอุ่นในหัวใจอย่างแปลกประหลาด หลังจากที่ผ่านเหตุการณ์เมื่อครู่มา ทั้งสองก็เริ่มออกหาตัวอักษรต่อ ผ่านบรรดาผีซอมบี้ แด็กคิวล่า ผีหัวขาด นางตานี สารพัดผี จนผมบนหัวเฟรินแทบจะหลุดออกจากหัว โดยมีคาโลยืนให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าสงบ จนกระทั่งตัวสุดท้าย ตัว H เฟรินขมวดคิ้วมุ่น D E A T H โอ้....ใครหนอช่างคิดสรรหาคำๆ นี้มาให้หา เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อย ก็พบศาลาขนาดย่อมๆ ตั้งตระหง่านอยู่กลางป่า ภายในศาลาคือเจ้าภาพจัดงาน อดีตหัวหน้าเสนาธิการทั้งสองของป้อมอัศวินนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอารมณ์ ใต้แสงเทียนอันโรแมนติกกับบรรยากาศเย็น(ยะเยือก) เสียงแมลง(กินศพ)ขับกล่อมให้บันเทิงใจร่วมกับเสียง(หวีด)ร้องของหญิงลึกลับที่ดังออกมาเป็นระยะ อีกทั้งเสียงเห่า(หอน)ของสุนัขที่ฟังแล้วชื่นใจ และวิวที่สวยงามของ....ป่าช้า ( - -" )
"เป็นไงสนุกมั้ย" โรเวนยิ้มให้กับคู่สุดท้ายพลางวางแก้วน้ำรับกระดาษเปล่าจากร่างสูง เฟรินแยกเขี้ยวใส่ ทำเอากรรมการทั้งสองหัวเราะหึๆๆ
"ไม่ใช่คนไปเดินเองนี่หว่า แค่นั่งกินน้ำชารอคนมาหาแค่นั้น" เธอบ่นอุบอิบในใจแต่ไหงกลับออกมาเป็นเสียงให้คนที่นั่งอยู่ได้ยินก็ไม่รู้ กว่าจะรู้ตัวก็ได้ยินเสียงหัวเราะลั่นของไธนอสนั่นล่ะ
"ไม่เจอกันนาน ปากยังไม่เปลี่ยนเลยนะเฟริน" เจ้าตัวยิ้มแห้งๆ ให้
"มันหนึ่งในสามวิชาลับของตระกูลมันน่ะครับ" คาโลออกหน้าให้แทน แต่...มันควรจะเงียบอย่างที่มันชอบทำมากกว่า
"เอาเถอะ พวกนายผ่านได้ ดีเหมือนกันฉันจะได้ไปนอนซักที" โรเวนอ้าปากหาวหวอด ลุกขึ้นเดินลงจากศาลาไป โดยไม่ลืมหยอดระเบิดทิ้งไว้อีกลูก
"งานนี้ถือว่าตอบแทนที่เมื่อก่อนนายทำตัวเป็นศิราณีก็แล้วกัน ไว้มีข่าวดีเมื่อไหร่ อย่าลืมเชิญฉันให้ไปร่วมอวยพรล่ะคาโล" ว่าแล้วก็ยิ้มให้อีกที ก่อนจะเดินไป เฟรินเงยหน้ามองคนข้างๆ งงๆ ไอ้ประโยคสุดท้ายน่ะพอจะเข้าใจ แต่ไอ้ก่อนหน้านี้สิ...อ้อ....ที่แท้พี่แกแค้นสมัยที่พบวิเวียนระหว่างเดินทางไปเดมอสนี่เอง หุๆๆๆ แล้วสัมผัสที่กระชับมาขึ้นที่เอวก็พอจะทำให้เธอเข้าใจอะไรได้ทั้งหมด ใบหน้าเริ่มขึ้นสีอย่างห้ามไม่อยู่
"ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปนอน ง่วง!" โพล่งขึ้นแล้วเดินฉับๆ ออกไปทันที ทิ้งให้คาโลยิ้มน้อยๆ อย่างน้อยวันนี้เขาก็กำไรมากแล้วล่ะ
****************************TBC.....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น