ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Believed

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 : ทางออกหรือทางตัน

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 49


                       มีอะไรจะซวยมากไปกว่านี้อีกมั้ย

                       ความคิด ความเครียดหมุนวนอยู่ในสมองของคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาควบม้าอย่างบ้าคลั่งเพื่อหนีสิ่งที่คาดว่ากำลังตามมาอยู่ไม่ห่าง เหงื่อกาฬไหลอาบหน้าบ่งบอกสภาพว่าพวกเขาควบม้ามานานเท่าไหร่แล้ว ไม่ทันที่สมองจะได้จมอยู่กับทางออกที่พยายามควานหา ฝีเท้าของม้าที่ควบด้วยความรวดเร็วตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางก็สะดุดเข้ากับหินจนทั้งคู่กลิ้งกระเด็นลงไปนอนกับพื้น

                       "เนอิน!!" เนอาร์ร้องขึ้นหากยังคงนั่งอยู่บนหลังม้า ปล่อยให้พี่ชายตัวเองร้องโอดโอยลุกขึ้นสะบัดหัว สะบัดแขนไล่อาการเคล็ดขัดยอกแล้วเดินมาดูอาการม้าหนุ่มที่ยืนสะบัดหน้าไปมาอย่างเห็นใจ อย่าว่าแต่ม้าเลยไอ้คนที่กุมบังเหียนอยู่ด้านบนก็เหนื่อยพอกัน เนอินยกแขนเสื้อขึ้นปาดเหงื่อออก ใบหน้าขาวเริ่มแดงจากอุณหภูมิของร่างกายที่ร้อนจัด

                       "ท่าทางจะฝืนต่อไม่ไหว" คำเปรยที่ทำให้เนอาร์ต้องกระโดดลงมาจากหลังม้าด้วยความเต็มใจ เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าจะสามารถไปถึงท่าเรือได้โดยไม่พักสักชั่วโมงเหมือนกัน สองพี่น้องจูงสายบังเหียนเดินนำหน้าเพื่อหาจุดพักผ่อน ก่อนจะตัดสินใจหยุดพักที่ธารน้ำเล็กๆ ไม่ไกลจากเส้นทางที่เขาผละออกมามากนัก จะด้วยที่เป็นฝาแฝดหรือเป็นพี่น้องกัน ทั้งสองต่างถอนหายใจเฮือกกับชะตาที่เล่นตลกของตัวเองออกมาพร้อมกัน ก่อนที่จะพากันนั่งนิ่งเงียบจมอยู่กับความคิดของตัวเอง ไม่เว้นแม้แต่เนอินที่ตอนนี้ก็แทบจะทิ้งมาดกวนหันไปสวมบทน้ำแข็งของผู้เป็นพ่อแทน

                       แผนที่ตั้งใจจะรอท่านพ่อและท่านแม่มาจัดการเรื่องวุ่นๆ เรื่องนี้เป็นอันต้องพับไปทันทีที่จดหมายฉบับหนึ่งร่อนลงบนตักของเจ้าชายรัชทายาทองค์รองตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางของวันถัดมาพร้อมกับเสียงร้องแสบแก้วหูของสาวเจ้าที่ไม่พอใจกับการทำโอทีเกินเวลาทำการแถมไม่ได้โบนัสอีกต่างหาก

                       "ท่านพ่อท่านแม่ว่าไงบ้างเนอาร์" เนอินถามพลางจัดการตบรางวัลให้กับเหยี่ยวภูเขาตัวเขื่องที่พวกเขาเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กเพราะแม่ของมันถูกงูใหญ่ฆ่าตายขณะที่ปกป้องรังของมันเอง ตาสีน้ำตาลที่กวาดไปทั่วแผ่นกระดาษเล็กในมือเงียบๆ แล้วโยนให้พี่ชายแทนคำตอบ

                       "อ้าว...แล้วนั่นจะทำอะไร" เขาถามต่อเมื่อเห็นน้องชายของตนลงมือเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วท่ามกลางสายตาอีกสองคู่ที่ถูกมัดอยู่มุมห้องด้วยเช่นกัน คนถูกถามหันมามองนิ่งด้วยสายตาเรียบเฉยแบบเดิมๆ

                       นี่ถ้าวันไหนมันเบิกตากว้าง ร้องไห้เสียงดัง หรือหัวเราะดังๆ ขึ้นมาคงต้องปิดคาโนวาลเลี้ยงฉลอง

                       "ถ้าแกอยากจะแต่งกับเจ้าหญิงอะไรนั่นก็อยู่เฉยๆ ทำตัวเรียบร้อย นั่งพับเพียบด้วยก็ดี แล้วอย่าลืมพอท่านพ่อกับท่านแม่มาถึงก็กราบท่านงามๆ ซักสามครั้งบอกท่านไปว่า 'ลูกดีใจเหลือเกินที่ท่านพ่อท่านแม่มารับลูกไปให้โซ่หนามคล้องคอเล่น จากนี้ไปลูกจะเป็นลูกที่ดีเชื่อฟังภรรยาสุดที่รัก ไม่ออกนอกลู่นอกทางอีก' เอ้อ...แล้วก็ 'จะไม่เรียกท่านแม่ว่าเจ๊อีกแล้ว' ด้วยนะ" คำเหน็บแนมเป็นทางยาวเล่นเอาคนที่เคยแต่เหน็บคนอื่นถึงกับอึ้ง ส่วนคนพูดนั้นก็หันกลับไปจัดกระเป๋าต่อ เนอินเกาหัวแกรกๆ แล้วนี่มันโมโหอะไรอีกล่ะเนี่ย สายตาหันกลับไปอ่านเศษกระดาษที่คนอารมณ์ไม่ดีโยนให้แล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

                       'ใครใช้ให้พวกแกหนีออกจากงานแบบนั้น ฉันกับคาโลจะไปรับตัวพวกแกไปขอโทษคิงชามัลพรุ่งนี้ แล้วไม่ต้องหนีไปไหนนะ'

                       ไม่ต้องหนีไปไหนนะ.....

                       ไม่หนีก็โง่น่ะเซ่!!!! เรื่องอะไรจะอยู่ให้โดนจับกลับไปแต่งงานทั้งๆ ที่อายุเพิ่งจะยี่สิบมาหมาดๆ แฟนก็ยังไม่มีแต่ผ่าจะให้ลัดคิวไปมีเมียซะเลยแบบนี้

                       ใครเอาก็บ้าแล้ว

                       วีเซียกับเวซิลต่างมองอดีตเหยื่อของตนที่กำลังกุลีกุจอเก็บข้าวของอย่างรวดเร็วราวกับต้องการหนีอะไรบางอย่างด้วยความงุนงง อะไรที่ทำให้สองคนนี่วิ่งวุ่นเป็นเสือติดจั่นแบบนี้นะ

                       "เอาล่ะไปกันเถอะ เดี๋ยวจะซวยกันเสียก่อน" เนอินเร่งอีกฝ่ายที่ยืนรอตนแล้วเดินออกจากห้องไป

                       "แล้วนี่พวกนายจะให้ฉันอยู่ในสภาพนี้หรอไงกัน" เวซิลร้องลั่นเมื่อเห็นว่าพวกตนกลายเป็นผู้ถูกลืมไปเสียแล้ว เนอินโผล่หน้าเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับสีหน้าลำบากใจ

                       "เอาไงดีล่ะ ฉันไม่คิดจะปล่อยพวกเธอไปเสียด้วยสิ เพราะยังไงพวกเธอก็ต้องรับโทษที่พยายามฆ่าพวกฉัน"

                       "นั่นเป็นงานของพวกเรานี่" เวซิลตอบเสียงสูง เนอินฉีกยิ้มกว้างทรุดตัวลงนั่งในระดับที่สามารถสบตาอีกฝ่ายได้

                       "นั่นก็เป็นหน้าที่ของพวกเราเหมือนกัน ถ้าปล่อยพวกเธอไปแล้วพวกเธอยังคิดจะฆ่าเราตามใบสั่งจะทำยังไงล่ะ" ริมฝีปากบางเม้มแน่นอย่างใช้ความคิด

                       "ฉันจะยกเลิกงานนี้.."

                       "เวซิล!" ซีเวียร้องขึ้นเมื่อเพื่อนสาวของตนยอมทิ้งหน้าที่อย่างง่ายดาย

                       "ถ้าต้องแลกกับชีวิตนี้และชีวิตของซีเวีย ไม่ว่าอะไรฉันก็ยอมทำ" เธอรู้ดี ถ้าพวกเธอถูกคุมตัวไปในฐานะของคนร้ายลอบปลงพระชนม์โทษอย่างเบาก็ประหาร อย่างหนักก็เก้าชั่วโคตร ไม่ต้องคิดที่จะหนีเพราะแค่เชือกที่มัดมือพวกเธอเอาไว้แม้จะใช้เวลาทั้งวันก็ยังไม่สามารถแม้จะทำให้มันหลวมได้ ยิ่งถ้าคิงน้ำแข็งคาโล วาเนบลีมาถึงยิ่งไม่ต้องพูดถึง

                       "ฉันจะเชื่อพวกเธอได้ยังไง" เนอาร์ที่นิ่งเงียบมานานเอ่ยปากขึ้นให้เชลยทั้งสองคนคิดหนัก

                       "ฉันสาบานว่าจะไม่พยายามฆ่าพวกนายอีก" เวซิลเอ่ยเสียงแผ่ว เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่แน่ใจว่าจะทำได้รึปล่าว เพราะค่าหัวของสองคนนี้มันสูงลิบลิ่วชนิดที่หากเธอทำงานสำเร็จก็ไม่ต้องรับงานลอบฆ่านี่ต่อไปแถมครอบครัวเธอยังอยู่ได้อย่างสบายๆ อีกด้วย

                       "คำพูดของนักฆ่าเชื่อถือได้หรอ" เนอินเปรยเสียงสูงฟังดูเหมือนการเยาะเย้ยจนคนที่เงียบมานานเริ่มเลือดขึ้นหน้าอีกหน

                       "มันก็ยังดีกว่าคำพูดสับปรับ หลอกลวงของพวกที่อยู่ในวังแบบพวกแกนั่นล่ะ!!" เนอิน เนอาร์อึ้งไปเล็กน้อยสบกับตาสีแดงที่วาวโรจน์ราวกับไฟที่โหมกระพือขึ้นนั้นอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนที่เนอินจะขยับยิ้มอีกครั้ง

                       "นั่นก็เป็นสิทธิที่เธอจะคิดแบบนั้น" ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วถอนหายใจเฮือก

                       "ถ้ามันเรื่องมากนักก็เขียนใส่กระดาษแปะไว้ที่หน้าผากซะ" เนอาร์ยื่นข้อเสนอที่น่าสนใจให้เนอินพยักหน้าเห็นด้วย ว่าแล้วก็คว้ากระดาษปากกามาเขียนอีกรอบแล้วฉีกเป็นสองส่วนแปะลงที่หน้าผากทั้งสองคนพร้อมกับลงเวทย์เพื่อป้องกันคนดึงออกทับอีกครั้ง

                       "เอาล่ะ...ขอให้โชคดีนะ กว่าเวทย์นี้จะสลายก็คงพรุ่งนี้เย็นๆ ไปล่ะ" ขาดคำทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่สนเสียงก่นด่าลับหลัง


                       "ไม่อยากจะเชื่อว่าท่านแม่จะเห็นด้วยไอ้งานหมั้นบ้าๆ นั่น" เนอินสบถอุบหลังจากที่เริ่มออกเดินทางต่อมาได้สักพัก แสงอาทิตย์ยามเย็นเริ่มจับไปทั่วขอบฟ้า เมฆหลายก้อนลอยตัวอ้อยอิ่งราวกับต้องการพักผ่อนดูแล้วเหมือนสำลีสีส้มมากกว่าก้อนแมฆยามปกติ ฝีเท้าที่ควบตะบึงมาตั้งแต่เช้าตอนนี้ลดเหลือเพียงย่ำช้าๆ ไปตามทาง ตาสีฟ้าสดใสมองเหล่าเกวียนและคาราวานต่างๆ ที่สวนทางกันไปมาอย่างคึกคักด้วยอารมณ์ที่ผ่อนคลายลงไปเยอะ เสียงจอแจทักทายกันบ้างตามประสาคนค้าขายที่ต้องเคยเจอะหน้าตากันชวนให้รู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างบอกไม่ถูก ทั้งสองคนควบม้าไปเรื่อย เพื่อหาเรือที่จะเดินทางไปยังสกอปิโอ เพราะตอนนี้พวกเขาไม่สามารถกลับเอดินเบิร์กหรือแม้แต่จะคิดหลบเข้าไปในโคมิเน่ ไม่ว่าทางไหนก็ไม่น่าไว้วางใจทั้งนั้น จึงตัดสินใจว่าจะไปทางเรืออ้อมไปสกอปิโอ ไว้เจรจากับท่านพ่อท่านแม่รู้เรื่องแล้วถึงจะกลับเข้าคาโนวาล

                       แน่นอนว่าต้องทางจดหมายเท่านั้น

                       "เอ้านี่จ้ะพ่อหนุ่ม เรือจะออกอีกสามชั่วโมงข้างหน้า สังเกตลำที่มีธงสามเหลี่ยม อย่าสายล่ะ" คนขายตั๋วเรือย้ำพลางหน้าขึ้นสีเมื่อเห็นรอยยิ้มหวานหยดย้อยของชายหนุ่มที่ส่งมาเป็นคำขอบคุณจนนึกอยากลดราคาตั๋วให้อีกหกส่วนหลังจากที่ลดให้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง

                       "พี่สาวเขาบอกว่าให้สังเกตธงสามเหลี่ยม ยังมีเวลาอีกสามชั่วโมงยังไงก็เดินเล่นเสียหน่อยดีกว่า ไว้เจอกันที่เรือเลยก็แล้วกัน" เนอาร์รับตั๋วพลางเหลือไปมอง "พี่สาว" ที่เนอินว่าไว้แล้วแอบถอนใจ

                       ที่แท้ก็คุณป้าตราสมบูรณ์นี่เอง

                       จะนับถือที่ให้เกียรติกับผู้หญิงทุกคนโดยไม่สนอายุหรือระอาใจกับความกะล่อนของพี่ชายตัวเองดีนะ

                       นัยน์ตาสีน้ำตาลเรียบปรากฏแววสนอกสนใจรอบข้างบวกกับแววกระตือรือร้นสำหรับการเดินทางทางเรือครั้งแรกของเขาอย่างปิดไม่มิดซักเท่าไหร่นัก ระหว่างที่เนอาร์กำลังสนอกสนใจกับการลำเลียงของที่ท่าเรือ ทางด้านเนอินที่ปลีกตัวมาหาอะไรกระแทกปากระหว่างรอขึ้นเรือ อาหารพื้นเมืองถูกเสิร์ฟขึ้นโต๊ะอย่างรวดเร็วท่ามกลางความแปลกใจของคนรอบข้างที่อดคิดไม่ได้ว่าไอ้คนสั่งมันตายอดตายอยากมาจากไหน แต่ที่น่าแปลกใจหนักนั่นก็คืออาหารที่อยู่บนโต๊ะสามารถหายวับไปได้อย่างรวดเร็วดั่งเช่นตอนที่ยกมาเช่นกัน

                       "แหม...พี่ชายนี่ท่าทางจะรวยนะ" น้ำเสียงหวานใสดังหยอกล้อให้เนอินเงยหน้าจากข้าวจานที่ห้าของมื้อ ตาสีฟ้าเบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะหรี่ลงและยิ้มในที่สุด พร้อมกับผายมือไปด้านข้าง

                       "ยังไงก็เชิญนั่งก่อนเถอะแม่หญิง ท่าทางจะเดินทางมาไกล" ตาสีฟ้าเต้นระริกด้วยความขำเมื่อเห็นอาการคิ้วกระตุกของผู้มาเยือน "แม่หญิง" เดินมานั่งลงกระแทกก้นเข้ากับเก้าอี้อย่างไม่กลัวก้นช้ำ

                       "จะสั่งอะไรทานก่อนมั้ยแม่หญิง เผื่อว่าอารมณ์ขุ่นมัวจะหายไป"

                       โป๊ก!!!

                       มะเหงกลูกใหญ่ก็ถูกประเคนลงบนเส้นผมสีน้ำตาลละเอียดนั้นอย่างแรงเรียกเสียงโอดโอยให้ดังขึ้น

                       "ฉันประชดแกโว้ย" เฟรินสบถอุบอิบ กว่าจะควบม้ามาถึงเมืองนี้เล่นเอาแทบไม่ได้พักไม่ได้นอนกันเลย ไอ้เราก็กังวลว่ามันจะชิ่งหนีไปก่อนที่จะได้พูดอะไร ที่ไหนได้ มันกลับมานั่งกินข้าวสบายใจเฉิบ คิดแล้วน่าจะโดนมากกว่ามะเหงก เนอินหัวเราะเบาๆ มือก็คลำหัวไป

                       "โธ่เจ๊ก็ แค่หยอกเล่นนิดหน่อยแค่นั้นเอง" สรรพนามที่นับวันมันจะยิ่งไม่เห็นหัวว่าหล่อนเป็นแม่บังเกิดเกล้าไม่ได้ทำให้อารมณ์ของเฟรินบูดไปมากกว่าเดิม

                       "แล้วนี่ถ้าฉันไม่ตามแกจะแกจะหนีไปไหน" เนอินมองหน้าผู้เป็นแม่เล็กน้อยแล้วไหวไหล่เป็นคำตอบ บอกให้โง่น่ะสิ เฟรินกัดฟันกรอด นึกหมั่นไส้ที่นับวันดูเหมือนมันจะตามทันเธอไปทุกฝีก้าว

                       "ทำไมพวกแกสองคนชอบหาเรื่องให้ฉันกับไอ้น้ำแข็งปวดหัวเล่นอยู่เรื่อยเลยนะ" คุณแม่ยังสาวแต่ลูกอายุยี่สิบบ่นอุบคว้าน่องไก่บนจานขึ้นมาฉีกกินกร้วมๆ

                       "ใครว่าล่ะ งานนี้ผมไม่ได้ไปหาเรื่องใครก่อนซะหน่อย แต่เรื่องมันดันวิ่งมาหาต่างหากล่ะ" เนอินแย้งขึ้นมาทันทีพลางจัดการกับอาหารตรงหน้าต่อ นี่ยังดีที่ท่านแม่เป็นคนมาเจอเข้า ถ้าเป็นท่านพ่อล่ะก็ไอ้เรื่องที่ยังนั่งกินสบายใจแบบนี้เห็นทีจะไม่เกิด

                       "ทำไมถึงไม่ส่งจดหมายมาบอกซะตอนที่พวกแกออกจากบารามอสไปซะแล้วล่ะ" คำเหน็บเรียกสีหน้าขบคิดให้อีกฝ่ายดีใจนิดๆ ที่ลูกชายตนเริ่มคิดอะไรเป็น หากแต่...

                       "จะว่าไปก็น่าทำอย่างนั้นนะ เฮ้อ รู้งี้ไม่บ้าจี้เขียนตามที่เนอาร์มันบอกก็ดี ไม่อย่างนั้นตอนนี้ผมคงนั่งกินอย่างสบายใจไปแล้ว" ว่าแล้วก็ซดน้ำโฮกเข้าอึกใหญ่

                       "ถ้าทำอย่างนั้นก็เตรียมตัวเป็นปฏิมากรรมน้ำแข็งประดับห้องนอนแกตลอดปิดเทอมได้เลยเนอิน" เฟรินหัวเราะหึๆ แผ่วเบาสร้างความสยองขวัญเมื่อนึกตาม

                       "นี่ถ้าแกเขียนจดหมายมาก่อนหน้านี้ไอ้เรื่องแบบนี้ก็ไม่เกิด แกรู้มั้ยว่าพวกฉันโดนเฉ่งนานเกือบสองชั่วโมงเรื่องที่เลี้ยงให้พวกแกไปถอนหงอกคิงชามัลเข้า" คนฟังเลิกคิ้วสูง

                       "พูดเหมือนกับมีทางออกให้อย่างนั้นล่ะ" อดีตตัวป่วนอันดับที่วางมือไปนานฉีกยิ้มกว้างเจ้าเล่ห์

                       "แน่นอน ก็แค่...หาเมียให้แกอย่างเป็นทางการแค่นี้แกก็ไม่ต้องไปงานหมั้นบ้าบออะไรนั่นแล้ว"

                       พรูด!!!

                       ข้าวเต็มปากพร้อมกับใจกันกระเด็นออกมาด้วยอาการสำลักของคนฟังที่แทบจะหาน้ำดื่มแทบไม่ทัน ใบหน้าขาวแดงจัดลามไปหู คอจะด้วยเพราะความเขินก็คงไม่ใช่ ตาสีฟ้าตวัดมองคนเป็นแม่อย่างพูดไม่ออก

                       ไอ้เราก็คิดว่ามีวิธีดีๆ ที่จะทำให้ไม่ต้องสละโสด

                       ที่ไหนได้ ผ่าจะให้มีเมียเร็วกว่าเดิมเสียนี่

                       "พูดบ้าๆ น่าเจ๊ ไม่ขำนะเรื่องแบบนี้" เฟรินหัวเราะร่วนชอบใจเมื่อได้แกล้งลูกชายตัวเอง

                       "แล้วใครว่าฉันพูดเล่นล่ะ คาโลเองก็เห็นด้วย เพราะงั้นถึงได้มารับพวกแกไง" เนอินวางช้อน วางถุงเงินลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ส่วนคนที่นั่งอยู่ก็ยังคงยิ้มกว้างราวกับถือไพ่เหนือกว่า

                       "ถ้าอย่างนั้นก็เลิกหวังได้เลย เพราะไงผมก็ไม่กลับไปกับแต่งงานบ้าบอคอแตกอะไรทั้งนั้น ถ้าอยากแต่งมาก...ท่านแม่ก็แต่งกับคนที่ท่านแม่เลือกมาก็แล้วกัน" เจอมุขนี้เข้าไปเฟรินถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าคำพูดที่ตนเคยพูดกับผู้เป็นพ่อจะย้อนกลับมาหาตนแบบนี้ ขณะที่ร่างสูงโปร่งนั้นเตรียมเดินออกจากร้านไป

                       เรียกว่ากรรมตามสนองได้มั้ยนะ

                       หาไม่ทันที่ขาจะได้ก้าวออกจากร้านคมดาบแหลมนับสิบก็จ่อเข้าที่คอหอยของเนอินทันที ตาสีฟ้าเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจก่อนจะหันไปหาคนเป็นแม่ที่เดินยิ้มเข้ามา

                       "แกเองก็เลิกหวังได้เลยว่าจะหนีฉันพ้น ต่อให้ต้องล่ามโซ่ปิดปากไว้ฉันก็จะทำ ยังไงซะ...ตอนนี้ก็เรามานั่งรอจำเลยอีกคนที่กำลังมาที่นี่ดีกว่ามั้ย" เนอินเสียวสันหลังวาบ กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ เมื่อนึกถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ ณ ที่นี้ กลืนน้ำลายเอื้อก ถึงเนอาร์จะเป็นลูกชายคนโปรดก็เถอะ แต่งานนี้...เห็นทีจะไม่รอด


                       ขณะเดียวกันที่ท่าเรือ เนอาร์ที่กำลังจ้องมองการทำพิธีของเรือค้าขายขนาดใหญ่ที่เตรียมจะแล่นเรือมุ่งไปยังพริสท์โบโรก็ต้องชะงักเมื่อสัมผัสกับความรู้สึกที่คุ้นเคย

                       อาการเสียวสันหลัง และอุณหภูมิต่ำกว่าปกติอย่างรวดเร็ว

                       "ดูท่าทางจะมีความสุขนะ" ถึงไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าคนพูดเป็นใคร เนอาร์ถอนหายใจเฮือก นึกเสียดายเวลาที่ควบม้ามาเป็นวันๆ สุดท้ายก็หนีไม่พ้น ตาสีฟ้าสบตาสีน้ำตาลที่ลอกเอาอารมณ์แบบเดียวกันไป

                       "ไม่คิดว่าท่านพ่อจะตามมาทัน" ลูกชายคนโปรดเปรยเสียงเรียบ คาโลเงียบไปพักใหญ่มีเพียงเสียงโวยวายอันเป็นปกติของท่าเรือที่คึกคักดังเข้ามาในสถานการณ์ที่น่าอึดอัด

                       "ฉันเองก็ไม่คิดว่าเจ้าจะกล้าทำให้คาโนวาลขายหน้าด้วยการหนีออกมาโดยไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่และศักดิ์ศรีของตน" คำกล่าวโทษที่ราบเรียบหากเจ็บแสบไปถึงกลางใจสำหรับคนที่โดนปลูกฝังให้รักศักดิ์ศรีและรับผิดชอบต่อหน้าที่มาเป็นอันดับหนึ่งอย่างเขาให้ถึงกับเผลอกระตุกวูบ ตาสีน้ำตาลหลบสายตาคมของผู้เป็นพ่อด้วยความละอาย แต่หากเมื่อคิดถึงเหตุผลที่ทำให้ตนต้องทำเช่นนั้นแล้วก็เบือนหน้าหันกลับมาสบตาสีฟ้าคมนั้นต่ออย่างไม่กลัวเกรง

                       "ลูกไม่เถียงถึงความผิดที่ลูกทำ...ท่านพ่อ หากเพียงแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของลูกเองที่จะต้องเป็นคนตัดสินใจ และที่สำคัญ...ท่านพ่อและท่านแม่เองที่เป็นคนสอนให้ลูกเลือกใช้ความรักหากต้องรับใครสักคนมายืนเคียงข้าง หาใช้เพราะหน้าที่หรือความจำเป็นไม่" คำย้อนให้คาโลนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะหันหลังกลับ

                       "เรายังมีเรื่องต้องสะสางกันอีกเยอะ...เนอาร์" พูดแค่นั้นก็ออกเดินนำให้จำเลยคนที่สองรับรู้ได้เองและเดินตามไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้



    *********************************** TBC ก๊าบบบบ



    Talk > อัพแต่ละทีรู้สึกจะไม่ต่ำกว่าตีสองเลยนะเนี่ย หุๆๆ แต่งตอนนี้รู้สึกสำนวนเริ่มเข้าที่เข้าทางขึ้นเยอะ แต่กลับมามีปัญหาในการแบ่งตอนแทน = = เพราะกลัวว่าจะสั้นไป แต่ถ้าไปตัดตอนหน้าก็กลัวจะยาวไปอีก (ซะงั้นอ่ะ) ขอบคุณสำหรับคำติชมทุกเมนท์นะคะ ไอ้เบนซ์จะนำไปปรับปรุงค่ะ เรื่องคำบรรยาย...อึ้งไปนิดเพราะมีคนรู้ด้วย =[]=/ ว่าบทบรรยายไอ้เบนซ์มันสั้นลงจริงๆ พยายามที่จะทำให้บทบรรยายมันเยอะขึ้นอยู่ค่ะ แต่ก็จะพยายามไม่ให้มันกลายเป็นน้ำท่วมทุ้งแต่หาปลากินไม่ได้เลย (สุภาษิตบ้านใครวะ) ตอนนี้ที่หนักใจเห็นจะเป็นเรื่องของการสถานการณ์กับเวลาที่กำลังปรับให้มันสัมพันธ์กัน แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ พี่แรบบิทเองก็ไม่ได้เขียนเรื่องบางเรื่องให้ละเอียด เลยทำให้ออกจะลำบากนิดนึงในการที่จะอ้างอิงกับหนังสือ ยังไงซะ...ไอ้เบนซ์ก็จะพยายามต่อไปค่ะ!! Fight!!! เจอกันตอนที่ 4 นะคะ ^^


    ปล.มีคนจำนาตาชาได้ด้วย!! เย้ๆๆๆ จริงๆ แล้วรวมเล่มทั้งข้าเจ้า ท่านตาล Ritz ต่างลืมกันสนิทเลย = = ทำให้ไม่มีอาร์ตรูปนาตาชาออกมา เหอๆๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×