คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : บทที่ 21 : ความวุ่นวาย
"เสียควีนไปอีกตัวแบบนี้คงคิดหนักสินะ" แม้จะไม่มีคำตอบรับ หากสีหน้ายุ่งยากใจของคนฟังก็เป็นคำตอบให้คนถามได้เป็นอย่างดี ก่อนจะขยับม้ามาขวางเส้นทางรุกฆาตเอาไว้
"ถึงยังไงคิงก็ยังไม่ถูกรุกฆาต" คำเอ่ยบลัฟที่ทำให้เขาต้องระบายยิ้มออกมาด้วยความสนุก เลื่อนหมากกินเบี้ยอีกฝ่ายเรียบๆ หมากกระดานนี้ที่เล่นกันมายาวนาน คงจะจบลงเร็วๆ นี้
"เสียควีนไปยังไงก็ต้องมีผลกระทบมาก" อีกฝ่ายไม่ตอบอะไร รู้ดีว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นความจริง เมื่อตัวป่วนกระดานสามตัวถูกกินเรียบ แถมยังไปต่อเรือให้อีกตัว เหลือม้ากับเรืออีกสองตัวที่ยังคานไว้ได้
"กษัตริย์คาโลเองถึงจะได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เย็นชาแต่ก็ใช่จะไร้หัวใจ" คำเปรยที่ทำให้ต้องหยุดคิด ก่อนที่คนพูดจะเสริม
"เสียลูก เสียราชินี ที่สำคัญคือเห็นว่าตายไปต่อหน้าต่อตาโดยที่ทำอะไรไม่ได้ ถ้าเป็นนาย...จะทำยังไง" คำถามที่ไร้ซึ่งคำตอบจากคนถูกถาม
"ยังไงแผนก็ต้องดำเนินต่อไป" อีกฝ่ายพยักหน้าช้ามองเรือสีขาวที่เดินขยับเข้ามาขวางเอาไว้ ต่างฝ่ายต่างเงียบไปจมอยู่กับความคิดของตัวเองและหมากกระดานตรงหน้า
"ใกล้จะถึงจุดสุดท้ายแล้วสินะ" เปรยเบาๆ ก่อนจะฉีกยิ้มกว้างขยับม้าเข้ารุกฆาตคิงสีดำของคู่ต่อสู้ทันที ร่างสูงยืนขึ้นอย่างทำใจกับหมากกระดานนี้
"งั้นก็ไปทำให้มันจบๆ ซะทีเถอะ"
----------------------------------------------------
ข่าวการสิ้นพระชนน์ของราชินีเฟลิโอน่า วาเนบลีแห่งคาโนวาลสะพัดไปอย่างรวดเร็ว เพียงสองสามวันก็ไม่มีที่ใดในเอเดนที่ไม่รู้เรื่องนี้ บรรดาประเทศต่างๆ เริ่มหันความสนใจมาที่คาโนวาลเพื่อรอดูว่ากษัตริย์คาโลจะทำอย่างไรต่อไปเมื่อสิ้นรัชทายาทอีกทั้งต้องสูญเสียราชินีที่รักที่สุดคนนี้ไปอีกคน ภายในวังหลวงวุ่นวายโกลาหลกันไปหมดเมื่อเห็นสภาพของกษัตริย์ที่ถูกทำลายจนแหลกยับ พิธีศพถูกจัดขึ้นหลอกๆ เนื่องจากคาโลไม่ยอมปล่อยให้ศพของเฟรินออกจากห้องนอนเลย ทันทีที่กลับมาถึงห้องคาโลก็วางเฟรินลงกับเตียงแล้วน้ำแข็งในหน้าร้อนก็เข้าปกคลุมห้องพร้อมกับหัวใจของคนร่ายมนต์
"ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปแย่แน่ๆ" อำมาตย์เฒ่าเอ่ยขึ้นในที่ประชุม คิลนั้นได้รับเชิญให้เข้าร่วมในฐานะคนสนิทที่มีความสามารถที่เห็นได้จากการคุมทัพชั่วคราวเมื่อหลายวันก่อน การประชุมเครียดเริ่มขึ้นแทบจะทันทีที่เสร็จพิธีต่างๆ ทั้งหมดลง เสียงพูดคุยดังระงมไปทั่วห้อง
"เราจำเป็นต้องมีกษัตริย์ แต่ฝ่าบาทเป็นแบบนั้นไปซะแล้ว" คำเปรยแผ่วเบาดังลอยมาให้ได้ยิน เจ้าตัวคงพยายามลดเสียงเพื่อไม่ให้เสี่ยงกับการหัวหลุดออกจากบ่า คิลมองสภาพวุ่นวายตรงหน้าเล็กน้อยอย่างช่วยอะไรไม่ได้
"งั้นเราจำเป็นต้องตั้งผู้รักษาการณ์แทนไปก่อน" คำถามต่อมาคือ...ใครกันล่ะ?? ที่จะเป็นผู้ที่เหมาะสมผู้นั้น
"เราขอเสนอชื่อเจ้าชายโรนัน" เสียงเสนอชื่อแรกเรียกให้ทุกสรรพเสียงเงียบกริบลง แล้วเสียงพึมพำเห็นด้วยก็ดังกระหึ่มขึ้นแทบจะทันที โดยที่คนที่กำลังพูดถึงในตอนนี้คงจะคุมทัพอยู่ที่ชายแดนโคมิเน่โดยไม่บกพร่องแน่ๆ ถ้าเป็นเจ้าชายนั่น...ก็คงไม่มีปัญหาอะไร คิลนึกเห็นด้วยตามข้อเสนอที่ได้ยิน ยิ่งได้เห็นฝีมือในการรบในสนามรบด้วยแล้วแทบจะไม่มีข้อติให้เห็น
"แต่ว่าถ้าตอนนี้เราเปลี่ยนกษัตริย์ทุกประเทศจะรู้ทันทีว่าเรากำลังมีปัญหา" ปัญหาเก่าไปปัญหาใหม่ก็เข้ามา เสียงพึมพำปรึกษาดังขึ้นอีกระลอกให้คนที่ไม่ชอบเรื่องเครียดต้องรีบหลบฉากออกมาจากห้องประชุม สองขาก้าวตรงไปยังห้องด้านในสุดของวังหลวงก่อนจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปอย่างเคย
"ประชุมเสร็จแล้วหรอคะท่านคิล" หญิงวัยกลางคนผู้รับใช้คนที่นอนอยู่บนเตียงมานานเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นเขา นัยน์ตาแดงก่ำจากการร้องไห้ติดๆ กันหลายวัน
"ปล่าวหรอก ผมไม่ชอบเรื่องเครียดๆ ที่สำคัญ นี่เป็นเรื่องของคาโนวาล" ตาสีม่วงมองเลยนาเดียผ่านเข้าไปภายในห้อง เกล็ดน้ำแข็งสีขาวจับไปทั่วห้องเปล่งประกายระยิบระยับรับกับแสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใหญ่เข้ามาให้ห้อง เตียงใหญ่คือร่างของหญิงสาวที่ชอบทำตัวไม่สมหญิงนอนหลับตาพริ้ม เสื้อผ้าเปรอะไปด้วยเลือดในโลงน้ำแข็งที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เป็นคนสร้างขึ้น ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งนั่งอยู่ริมเตียงอย่างนี้มาหลายวันแล้ว ผมสีเงินที่เคยมันวาวสดใสกลับดูทึบราวกับกลายเป็นสีขาวสนิทไปทั่วทั้งศีรษะ ดวงหน้าสลักที่เรียบเฉยอยู่แล้วดูให้ความรู้สึกถึงรูปปั้นขึ้นมาจริงๆ ตาสีม่วงทอความเจ็บปวดออกมา
คนหนึ่งตาย
อีกคน...ไม่ตายก็เหมือนตาย
ปัง!!
เสียงประตูกระแทกออกอย่างที่ไม่เคยได้ยิน ไอดำบางอย่างแผ่กว้างไปทั่วห้อง คิลกับนาเดียหันขวับไปเผชิญหน้าผู้ที่อาจหาญพังประตูห้องบรรทมของกษัตริย์แห่งคาโนวาล ร่างสูงโปร่งในเสื้อคลุมสีดำยาวจรดพื้น ผมสีดำขลับถักเป็นเปียไพล่มาด้านหน้าคุ้นตา ประกายความโกรธขึงน่ากลัวแผ่ออกมาจากดวงตาสีดำขลับนั้น ข้างๆ คือร่างเล็กๆ ของเผ่าโกมุสที่ยืนตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร ร่างนั้นก็ปราดเข้าไปกระชากคอเสื้อคนที่นั่งไม่ได้สติขึ้นมาสะบัดไปชนโต๊ะริมหน้าต่างดังโครมใหญ่ เลือดสีแดงสดที่บ่งบอกถึงชีวิตไหลหยดจากปากของคาโล หากก็ไม่ทำให้เขาคืนสติได้แต่อย่างใด
"ข้ายกเฟลิโอน่าไว้ให้เจ้า เพราะคิดว่าเจ้าจะปกป้องนางได้เหมือนอย่างที่ข้าทำ กษัตริย์คาโล!" สุรเสียงทรงอำนาจแผดก้องไปทั่วห้อง แผ่นน้ำแข็งร้าวปริจากแรงกดดันนั้น
"ฝ่าบาท โปรดระงับโทสะด้วย" โกโดมกล่าวเสียงสั่น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยโทสะเมื่อเห็นนายเหนือหัวของตนนอนไร้สัญญาณชีวิตอยู่บนเตียงก็ตาม คิลที่เห็นท่าจะไม่ดีก็รีบเข้ามาขวางไว้
"จะฆ่าคาโลไปก็ไม่ทำให้เฟรินฟื้นขึ้นมาท่านก็น่าจะรู้ท่านจ้าวเอวิเดส ที่สำคัญเราก็จับตัวคนที่ฆ่าเฟรินได้แล้ว" นัยน์ตาสีดำปราดมาสบกับตาสีม่วงที่มีแววตระหนกไหวระริกอยู่ เขารู้ว่าไม่มีทางสู้กับคนๆ นี้ แต่...ก็ไม่ยอมให้เพื่อนอีกคนต้องตายเด็ดขาด เอวิเดสขยับยิ้มเหี้ยมเกรียม
"ดี..ข้าจะนำตัวคนที่ฆ่าเฟลิโอน่ากลับเดมอสเพื่อลงโทษ"
"เห็นทีจะไม่ได้" เสียงขัดดังขึ้นที่หน้าห้อง ประตูที่เปิดอ้าปรากฏร่างของเจ้าชายโรนันในชุดรบที่เปื้อนเลือด และแน่นอน...ว่าไม่ใช่เลือดของเจ้าตัวแน่ๆ ขายาวก้าวเข้ามาทำความเคารพจ้าวปีศาจ ตาสีดำโกรธเกรี้ยวปะทะตาสีดำที่เงียบสงบจนน่าประหลาด จนแม้แต่โกโดมยังต้องยอมรับ
"นี่เป็นเรื่องของคาโนวาล จริงอยู่ที่ราชินีเฟลิโอน่าแท้จริงแล้วเป็นบุตรีของฝ่าบาทแต่ตอนนี้...เธอเป็นราชินีของคาโนวาล เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จึงต้องให้คาโนวาลจัดการ" เอวิเดสนิ่งไปครู่ใหญ่ก่อนจะขยับยิ้ม
"ได้ยินมาว่าเจ้าชายโรนันแห่งคาโนวาลเหมือนกษัตริย์บาโรองค์ก่อน เห็นทีคำกล่าวนี้คงไม่ผิด" ไม่ว่าจะคำชมจากใจหรือคำเหน็บแนมเพราะประชด โรนันก็โค้งตัวรับคำกล่าวนั้นไว้เงียบๆ จ้าวปีศาจเบนสายตาไปยังคนที่นั่งกองอยู่กับพื้นพร้อมเศษซากหนังสือและกองกระดาษที่ไม่สนใจจะรับรู้เรื่องใดทั้งสิ้น โดยมีร่างของนักฆ่ายืนขวางเอาไว้อย่างระแวดระวังแล้วหันกลับมา
"ถ้าเช่นนั้น หากข้าจะขออยู่ฟังคำพิพากษานั้นในฐานะของบิดาก็คงไม่ผิดใช่ไหม"
"หากประสงค์เช่นนั้น กระหม่อมก็ไม่ขัด ยังไงซะคืนนี้ต้องเรียนเชิญฝ่าบาทประทับที่วังแห่งนี้ไปก่อน กระหม่อมจะให้คนจัดห้องไว้รับรอง" หากแขกกิตติมศักดิ์กลับโบกมือยุ่ง
"ไม่ต้อง..เราพักอยู่ในโรงแรมในตัวเมือง หากกำหนดวันพิพากษาเมื่อไหร่ขอให้ส่งคนไปบอกเราก็พอ" จบคำกล่าวเอวิเดสก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกับโกโดมทันที เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังขึ้น โรนันขยับมือที่เปียกชุ่มอย่างโล่งอก รังสีกดดันขนาดนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
"ท่านกลับมาแบบนี้แล้วศึกที่ชายแดนล่ะ" คิลเอ่ยถามข้อสงสัยให้เขาต้องหันกลับมาตอบ
"เราสั่งแม่ทัพทั้งสามไว้เรียบร้อยแล้ว ที่สำคัญโคมิเน่ก็สูญเสียกำลังคนไปมากคงไม่หุนหันบุกบ้าดีเดือดเหมือนเมื่อหลายวันก่อนแน่ๆ ที่กลับมาก็เพื่อจัดการทุกอย่างให้เรียบ..."
"ขอประทานอภัยพะยะค่ะ! นักโทษสองคนที่คุมตัวมาจากชายแดนตอนนี้ได้หนีออกจากคุกไปแล้วพะยะค่ะ!!" นายทหารวิ่งปรี่เข้ามารายงานสร้างความตกตะลึงให้กับคนทั้งหมดในห้อง
"หมายความว่ายังไง!! แล้วพวกทหารยามที่ให้เฝ้าไว้ไปทำอะไรอยู่" โรนันตวาดถามลั่นเมื่อเรื่องยุ่งยากได้เกิดขึ้นอีกแล้ว
"ตายหมดเลยพะยะค่ะ" คิลกัดฟันกรอด รู้งี้น่าจะฆ่ามันซะตั้งแต่ตอนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไป นี่แสดงว่ายังมีคนที่เล็ดลอดไปได้อีกสิเนี่ย
"ประกาศออกไปให้ทุกบ้านเฝ้าระวังคนแปลกหน้า ปิดล้อมเมืองทุกด้านห้ามคนเข้าออก หากมีใครที่มีความจำเป็นที่จะออกนอกเมืองให้ยื่นหลักฐานประจำตัว ให้บอกเหตุผลและสถานที่ที่ต้องไป รวมไปถึงวาดภาพเหมือนเอาไว้ จัดหน่อยลาดตระเวนทุกพื้นที่หาตัวนักโทษสองคนนั่นมาให้เร็วที่สุด และวางเวรยามห้องนี้ให้หนาแน่นด้วย!!" ภาพของคนตรงหน้าในความคิดของคิลนั้นไม่ใช่เจ้าชายที่มียศเป็นแม่ทัพใหญ่แต่มันเป็นภาพของกษัตริย์ที่เด็ดขาดกับทุกเรื่อง เป็นสิ่งที่...คาโลเพื่อนของเขาไม่มี คิลกระตุกยิ้มขึ้น แต่นั่นก็เป็นจุดดีของมันไม่ใช่หรอไง เขาเดินไปพยุงให้คนที่นั่งจมปุกอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้นมา ทันทีที่ลุกขึ้นมาคาโลก็ถลาตรงไปที่เตียง นั่งมองเหม่อร่างของคนที่รักที่สุดต่อไม่สนใจเสียงเอะอะรอบข้าง คิลถอนหายใจเฮือกใหญ่ตบบ่ากว้างหนักๆ
"แกจะเสียใจก็เสียใจให้พอคาโล ฉันไม่ห้าม แต่..แกอย่าลืมว่าแกยังมีหน้าที่ของคนเป็นที่คนตายไม่มี..." เงียบเสียงไปครู่หนึ่งก่อนเสริมขึ้นช้าๆ ชัดๆ
"ความจริงน่ะมันเจ็บปวดเสมอ คนส่วนใหญ่ถึงชอบอยู่กับความฝันและอดีต ยกเว้นแต่พวกนักฆ่า โจร หัวขโมยที่อยู่กับปัจจุบัน แกเอาไปคิดเองก็แล้วกัน ว่ากษัตริย์ที่ดี คนที่ไอ้เฟรินรักที่สุด..ควรจะเป็นคนแบบไหน"
----------------------------------------------------
ร่างในเสื้อคลุมสองร่างเดินฝ่าฝูงชนที่เดินจับจ่ายตลาดกันอย่างคึกคัก ข่าวคราวเกี่ยวกับวังหลวงดังเล็ดลอดมาให้ทั้งสองคนฉีกยิ้มให้กัน ก่อนจะเดินเลี่ยงเข้าโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง
"เป็นไปตามแผนสินะ" คำเปรยเบาๆ ของคนตัวเล็กกว่าให้คนฟังพยักหน้าหงึกหงักใต้เสื้อคลุมนั่นหลังจากจัดการเรื่องที่พักและอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนหาที่นั่งที่อยู่ริมสุดเพื่อจะได้สนทนากันง่ายๆ
"แต่ก็แย่หน่อยเพราะเวรยามมันแน่นขึ้น ทำอะไรก็ยากกว่าเดิม" คำพูดต่อมาไม่ทำให้อาการฉีกยิ้มที่ปรากฏหุบลงแต่อย่างใด
"ถึงอย่างนั้นก็ยังมีทางนี่นา อย่าลืมสิว่าห้องบรรทมของกษัตริย์น่ะมันอยู่ชั้นในสุดของวังหลวง แม้จะอันตรายแต่ถ้าฝ่าเข้าไปได้ล่ะก็..." ประโยคสุดท้ายเว้นเอาไว้ตามความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย
"แล้วไอ้สองคนนั่นมันไปไหนของมัน" ร่างเล็กเปรยถามเมื่อยังไม่เห็นวี่แววของสมาชิกที่เหลือ
"ไม่รู้สิ...ตอนนี้เราต้องอยู่เงียบๆ ไปก่อน ถ้าไม่ไปทำอะไรให้ผิดสังเกตก็ไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้ว เหลือแค่รอเวลา...แค่นั้นเอง" คนถามพยักหน้ารับก่อนที่จะเงียบไปเมื่อบริกรยกสำรับข้าวมาให้
ขณะที่ต่างฝ่ายต่างคุยกันเบาๆ ประตูร้านก็เปิดออกพร้อมกับทหารในชุดเต็มยศก้าวเข้ามาในร้าน เสียงพูดคุยเงียบลงแทบจะทันที เจ้าของร้านต้องรีบแล่นออกมาด้วยความตกใจ ตาสีน้ำตาลเข้มของทหารคนที่อยู่หน้าสุดและคงเป็นคนที่มียศสูงที่สุดในบรรดาทหารที่ตามมาอีก 4-5 คนกวาดมองรอบๆ ร้าน
"คิดว่าทุกคนคงจะรู้เรื่องประกาศจากราชวังเรียบร้อยแล้ว ที่เรามาแค่ตรวจดูตามคำสั่งของเจ้าชายโรนัน ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือด้วย" แล้วทหารที่มาด้วยก็แยกย้ายกันค้นทั้งห้องน้ำ ห้องครัว ห้องพัก ไม่เว้นแม้แต่คอกม้าเล็กๆ ที่เผื่อสำหรับนักเดินทางไกล และนายทหารที่ยศมากที่สุดก็เหลือบมาเห็นคนสองคนที่นั่งกินข้าวโดนไม่ถอดเสื้อคลุมออกจึงตรงปรี่เข้ามาหา
"เราสองคนเปิดผ้าคลุมหน้าหน่อยสิ" ทั้งสองคนชะงักไปครู่หนึ่งแต่ยังไม่ยอมเปิดให้ดู จนคนถามเริ่มเอะใจชักดาบมาจ่อคอคนที่นั่งใกล้ที่สุด
"ถ้าไม่เปิดจะถือว่าเป็นคนร้ายที่ทางการตามหาอยู่" เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ดังพร้อมกับเสียงทุ้มๆ
"ท่านแน่ใจหรอว่าอยากดูหน้าของเราสองคน" คำถามนี้ทำเอาคนฟังต้องเลิกคิ้วสูงแปลกใจ และเหมือนว่าคนถามจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรโดยที่ไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมอง
"น้องของเราโดนพิษกัดกร่อนที่หน้าอย่างรุนแรงตอนที่ไปหาของในป่า ที่มาคาโนวาลก็เพื่อมารักษาใบหน้านั่นล่ะ"
"ถึงอย่างนั้นเราก็ต้องขอให้เปิดผ้าคลุม" เมื่อคำยืนยันว่าอย่างนั้นทั้งสองคนจึงยอมดึงส่วนที่ปิดบังหน้าลง
กรี๊ดดด!!!!
เหวอ!!!
เสียงร้องด้วยความตกใจเมื่อใบหน้าที่ราวกับถูกไฟไหม้เป็นแผลเหวอะไปครึ่งหน้าอีกทั้งผมสีเขียวบนหัวร่วงเป็นหย่อมๆ ส่วนอีกคนที่ร่างใหญ่กว่าก็ร้ายแรงไม่แพ้กัน ดวงตาซ้ายหลุดหายไปเหลือเพียงช่องกลวงโบ๋ ใบหน้าอีกด้านเต็มไปด้วยรอยบากน่าหวาดเสียวจนไม่น่าเชื่อว่าตอนที่โดนนั้นรอดมาได้อย่างไร ทหารที่บังคับให้เปิดผ้าคลุมถึงกับหน้าซีดเผือดระล่ำระลักออกมา
"เอาล่ะ..คลุมหน้าเหมือนเดิมเถอะ ขอโทษด้วยที่บังคับให้เปิด" ทั้งสองพยักหน้ารับทำตามแต่โดยดี แล้วผลปฏิกิริยาตอบรับดูจะได้ผลเกินคาด เมื่อภายในรัศมีสองเมตรไม่มีใครกล้าเข้ามานั่งใกล้เลยแม้แต่คนเดียว แม้แต่บริกรที่ต้องมารับรายการอาหารอีกชุดยังยืนจดอยู่ตั้งไกล เรียกเสียงหัวเราะหึๆ อารมณ์ดีแต่คนที่ฟังอยู่ห่างๆ น่ะ
...เสียงปีศาจชัดๆ...
****************************TBC.....
Talk > จะอัพครั้งละ 2 ตอนนะคะ เรื่องนี้ 26 ตอนจบ ก็อีกแค่ 5 ตอนเอง หุๆๆๆ ^^
ความคิดเห็น