คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 17 : พบหน้า
"หลังจากนี้เอาไงต่อ" หญิงสาวเอ่ยถามผู้รอบรู้ระหว่างที่นั่งพักเหนื่อยอยู่ข้างธารน้ำสายเล็กๆ ตาสีเขียวหรี่ลงอย่างใช้ความคิด ข้างๆ คือม้าฝีเท้าดีสองตัว
"ไปคาโนวาล งานนี้คงต้องใช้อำนาจเข้าช่วย" เฟรินมองหน้าคมที่เต็มไปด้วยความลำบากใจ ไม่กี่ชั่วโมงก่อน พวกเขาได้ย้อนกลับไปยังที่ที่เกวียนของเขาจอด เฟรินแทบช็อกเมื่อเห็นรอยเลือดดวงใหญ่บนพื้น ไม่มีวี่แววของลูกชายทั้งสองคน แต่ก็ไม่พบศพเช่นกัน ทำให้ยังพอเบาใจไปได้ในความรู้สึกของทั้งสองคน (ซึ่งอีก 1 ชั่วโมงต่อมาเนอินก็วิ่งมาถึง) เฟรินนิ่งไปนิดก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย ที่สำคัญคือเธอเกือบจะลืมไปด้วยซ้ำว่ามีข่าวคาโลป่วย หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยอย่างเหนื่อยๆ
ทั้งๆ ที่ไม่เคยไปหาเรื่องใคร ทำไมถึงมีแต่เรื่องมาหาให้ปวดหัวเล่นอยู่เรื่อย
โรเหลือบมองดวงหน้าที่หม่นลงเล็กน้อยนั้นอย่างเข้าใจ แทนที่สิ้นสุดจากสงครามครั้งนั้นแล้วจะได้อยู่แบบสบายๆ ก็ดูจะมีแต่ปัญหาต่อมาอีกเป็นระยะๆ สติของเฟรินถูกเรียกกลับมาให้ขบคิดกับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่อีกครั้ง คนที่บอกข่าวนี้แก่กษัตริย์โคมิเน่คงเป็นนักฆ่าสองคนนั่น หรือจะเป็นคนอื่น... แต่ที่แน่ๆ ที่โรมันคาดเดาไว้เรื่องที่มีคนแอบเป็นพรายกระซิบเกี่ยวกับเรื่องการลอบปลงพระชนน์ราชินีและรัชทายาทของคาโนวาลคงถูกต้อง เหลือเพียงต้องเดากันว่าคนที่บงการอยู่เบื้องหลังคือใคร คนที่มีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้หากรัชทายาทและกษัตริย์คาโนวาลถูกทำลาย คิดแล้วก็ส่ายหน้าไปมา
...มีมากเสียจนนับไม่ไหว...
"จนถึงตอนนี้แกพอจะเดาคนที่ว่าจ้างตระกูลไอ้คิลมาฆ่าฉันกับลิงสองตัวรึยังวะ" หันไปถามความเห็น โรส่ายหน้าช้าๆ
"ยังมืดอยู่ คนที่น่าสงสัยเยอะเกินไป" เฟรินถอนหายใจหนัก สมองเริ่มปวดตุ้บๆ ขึ้นมาจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงจะหัวเราะแล้วบอกว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่! สี่ชีวิตที่ถูกลากเข้ามาจะเป็นเพราะเธอหรือไม่นั้น มันไม่สำคัญเสียแล้ว เพราะคนอีกสามคนคือสิ่งที่เธอต้องปกป้อง
ไม่ว่าด้วยวิธีไหนก็ตาม!!
"คิดว่าใช้เวลากี่วันถึงจะกลับถึงคาโนวาล" เปลี่ยนหัวข้อถามให้คนที่จะตอบต้องนิ่งคิดคำนวนครู่หนึ่ง
"ราวๆ 4 วันถ้าไม่พัก"
"ดี งั้นออกเดินทางเลยดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลา..."
----------------------------------------------------
เสียงดาบปะทะมีดสั้นดังเป็นระยะๆ กับการปะทะกันระหว่างนักฆ่ากับเจ้าชาย ดาบใหญ่ฟาดฟันลงไปบนร่างที่เคลื่อนตัวหลบอย่างรวดเร็วอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแม้ว่าปริมาณเหงื่อที่ไหลออกมาจะมากมายจนดูออกว่าเจ้าตัวเหนื่อยแค่ไหน กับการที่ต้องแบกดาบใหญ่วิ่งเป็นระยะทางไกลอีกทั้งต้องยกขึ้นฟาดฟันกับผู้ไม่ประสงค์ดีผู้นี้
เคร๊ง!!!
เนอินกระโดดหลบมีดสั้นอีกเล่มที่ตวัดมาเฉียดท้อง เสื้อที่สวมอยู่ถึงกับเป็นรอยบากยาว นี่ถ้าหลบไม่ทันคงลึกถึงเนื้อ เด็กน้อยหายใจหอบหนักหากมือเล็กๆ ก็ยังคงกำด้ามดาบใหญ่ไว้แน่น ตาสีฟ้าจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าใต้ผ้าปิดหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธแค้น ภาพกองเลือดใหญ่นั้นยังคงติดตาชวนให้สติขาดเอาง่ายๆ หลังจากที่เขาผละจากที่แห่งนั้นได้ไม่นานก็ต้องมาเจออริ ก็ดีที่ไม่ต้องตามหานานนัก
"ไม่นึกว่าเหยื่อจะวิ่งเข้าปากกันง่ายๆ" เสียงเย้ยหยันจากคนตรงหน้าไม่ได้ทำให้เด็กน้อยโมโหมากไปกว่าเดิมนัก เพราะสมองทั้งหมดกำลังคิดหาวิธีสำเร็จโทษผู้ที่กล้าสังหารน้องชายฝาแฝดของตนอยู่
"คงจะแค้นที่น้องชายตัวเองโดนฆ่าสินะ" คำพูดเสียดแทงเข้ากลางใจจนมือที่ถือดาบขาวโพลนจากแรงกำ คนพูดควงมีดสั้นในมือเล่น ตาสีม่วงวาววับมองสภาพเด็กน้อยที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากมีดในมือของเขา
ฝีมือดี การเคลื่อนไหวเร็ว เซนต์การต่อสู้ก็เยี่ยม เสียดาย...ที่เป็นเด็ก
"ใครเป็นคนจ้างพวกแก" น้ำเสียงเรียบรื่นจนแม้แต่คนพูดยังแปลกใจ นักฆ่าแห่งซาเรสเลิกคิ้วสูงด้วยไม่คิดว่าจะถูกเด็กถาม
"จะเป็นใครก็ไม่สำคัญนี่ เพราะอีกเดี๋ยวนายต้องตาย" เนอินกระตุกยิ้มเล็กน้อยแล้วกระชับดาบในมือ
"ถ้าคิดว่าทำได้ ก็ลองดู" สิ้นคำพูดร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยก็หายวูบจากจุดที่ยืนมาอยู่ด้านหลังของผู้ล่า ดาบใหญ่เงื้อฟันลงหากร่างสูงนั้นก็ไวพอกัน กระโดดหลบออกมาด้านข้าง
ฉัวะ!!
เลือดสีแดงสดไหลจากรอยบากบางๆ ที่แขน ความเร็วและความแรงที่เพิ่มขึ้นทำให้เขาต้องประเมินคนตรงหน้าเสียใหม่ แม้จะไม่ชอบงานแบบนี้ แต่ต้องยอมรับว่าการที่ได้สู้กับเด็กคนนี้ ทำให้งานนี้ไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด สมกับที่ผู้ว่าจ้างชมไว้ตอนที่เขารับงานนี้
'ระวังเด็กสองคนนั่นไว้ให้ดี อย่าคิดว่าเป็นแค่เด็ก เห็นอย่างนั้นฝีมือของพวกมันยังดีกว่าผู้ใหญ่หลายๆ คน'
เนอินยืนตั้งหลักเพียงครู่เดียวก็หายตัวไปอยู่ด้านหลังอีกฝ่ายทันที หากคราวนี้คนโดนตลบหลังรู้ทันจึงกระโดดหลบยกขาถีบเข้าซี่โครงของเนอินจนเซเสียหลักล้อม มีดเล่มเล็กจึงได้โอกาศจ่อเข้าคอหอยเด็กน้อย
"จบซะแล้วสิ" เนอินกระตุกยิ้ม มือเล็กๆ กำฝุ่นปาใส่หน้าอีกฝ่าย แล้วม้วนตัวหลบมีดวูบ หัวใจเต้นแรง หากท่านพ่อรู้ต้องด่าแน่ๆ ว่าใช้วิธีสกปรก แต่ถ้าเป็นท่านแม่คงบอกว่าทำถูก เฮ้อ...แม้จะฟังเรื่องราวจากปากเจ้าตัว แต่ก็ยังเชื่อยากอยู่ดีว่าเพราะความรักสองคนนั่นกันถึงได้แต่งงานกัน
เฮือก!!
ตาสีม่วงแวววับฉายรังสีการฆ่าฟันออกมาอย่างไม่ปิดบัง เมื่อรู้สึกว่าตนถูกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมตรงหน้าลูบคมเกินไปแล้ว เนอินเผลอตัวสั่นด้วยความกลัวกับรังสีนั่น
"น่าเสียดาย แต่ความสนุกมันจบลงแล้ว"
ฟึ่บ!!!
ขาดคำนักฆ่าแห่งซาเรสก็พุ่งเข้าปาดมีดสั้นเข้ากับคอเล็กๆ ของรัชทายาทแห่งคาโนวาลโดยไม่มีเสียงร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว
----------------------------------------------------
โครม!!!
"ไอ้คาโลอยู่ไหน!!!" เสียงหวานๆ ที่เงียบหายไปนานตวาดลั่นวังอย่างที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก ร่างบางๆ ก้าวย่ำหนักๆ ไปตามทาง สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิดบวกอารมณ์โทสะจนคนที่ผ่านมาเจอต้องรีบหลบหน้าไปให้ไกล ก่อนจะหยุดพังประตูห้องนอน ตาสีน้ำตาลหยุดอยู่ที่ร่างสูงที่ยืนอยู่หน้ากระจก คาโลเลิกคิ้วสูงแปลกใจกับสภาพผู้เป็นภรรยา ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิง ดวงหน้าขาวกระดำกระด่าง สุดท้ายคือเสื้อผ้าที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นชุดผู้ชายที่ยับเยินเต็มที่
"กลับมาแล้วหรอ" เฟรินไม่สนใจกับคำทักทายเดินตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเข้ามาใกล้
"ทำไมแกไม่ส่งคนไปตามหาลูก!!!" แผดเสียงตวาดลั่นห้อง ดังออกไปข้างนอกจนคนที่กำลังเดินมาอย่างอารมณ์ดีถึงกับชะงักรีบวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ในห้อง
"ทั้งๆ ที่มีไอ้บ้าที่ไหนส่งเชือกถักของไอ้ลิงสองตัวนั่นมาให้แก แต่แกกลับแค่สั่งให้ตามหาคนส่งแค่นั้นหรอยังไง คาโล!!!" ถามย้ำอย่างโกรธเคือง คาโลค่อยๆ ปลดมือบางที่ขย้ำคอเสื้อเขาออกช้าๆ
"อาจจะเป็นแค่การล้อเล่น"
"ล้อเล่น!!...ล้อเล่นบ้านแกสิ เชือกถักเปื้อนเลือดในช่วงที่แกก็รู้ว่ามีคนจ้องจะผ่าหัวมันเนี่ยนะ" เฟรินสบถพรืด รู้ว่ามันเป็นน้ำแข็ง รู้ว่ามันเย็นชา แต่นี่มันมากเกินไป!!
"แกใจเย็นๆ ก่อนดีมั้ยเฟริน" คิลที่ยืนดูเหตุการณ์ปรามเพื่อนซี้เบาๆ ทั้งๆ ที่ในใจก็รู้ดีว่า คาโลมันนิ่งเกินไป ตาสีน้ำตาลตวัดมองเคืองๆ
"ลองเป็นลูกแกดูมั้ยไอ้คิล!!!" คราวนี้คนปรามถึงกับสะอึก อารมณ์ฉุนๆ แล่นริ้วขึ้นมา
"แกอย่ามาแช่งลูกของฉันนะ"
"แล้วใครใช้ให้แกเสือกขึ้นมา" ก่อนที่จะกลายเป็นการวิวาทใหญ่โตต่อไป เสียงเอะอะก็ดังขึ้น เรียกความสนใจของคนสามคน ไม่นานอำมาตย์เฒ่าก็ตรงรี่เข้ามาหยุดอยู่หน้าห้อง ในมือมีกล่องแบบเดียวกันกับเมื่อหลายวันก่อน คาโลพรวดเข้าไปคว้ามาดู เชือกถักสีน้ำตาล และลูกปัดสีฟ้าใสอาบด้วยเลือดคือสิ่งที่อยู่ในนั้น เฟรินที่เห็นอาการของอีกฝ่ายก็รีบยึดกล่องนั้นมาดูด้วยความสนใจ
"เชือกนี่..."
คิลรีบโบกมือไล่บรรดาอำมาตย์ที่ต่างเสนอหน้าหมอบตัวสั่น เมื่อสัมผัสถึงไอเย็นและกระแสความร้อนจากคนสองคนที่พร้อมใจแผ่ออกมา โรที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงทำหน้างงๆ กับอากาศภายในวังคาโนวาล ต้องให้คิลชี้แจงถึงจะเข้าใจ
"เสียใจด้วยนะ เฟริน คาโล" คำกล่าวที่หยุดสภาพอากาศแปรปรวนทุกอย่างลงทันตาจนแม้แต่เพื่อนสนิทที่รู้นิสัยสองคนนั่นดีถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง
"ฉันจะพักผ่อน" คาโลเอ่ยตัดบทเดินเข้าห้องพร้อมกับปิดประตูใส่ทันที ขณะที่เฟรินนั้นกำเชือกถักแน่นจนสั่นไปทั้งมือ ตาสีเขียวมองร่างบางนิ่งเพื่อต้องการรอดูปฏิกิริยา
"ฮ่าๆๆๆ อุตส่าห์เลี้ยงมันมา เสือกตายง่ายซะนี่ เสียข้าวสุกจริงๆ ว่างั้นมั้ยคิล" เสียงหัวเราะลั่น กับคำเสียดสีตัวเองยิ่งทำให้คนที่ยืนมองสองคนสงสารเพื่อนคนนี้ยิ่งกว่าเดิม
"แต่ก็ดี จะไม่ต้องมีตัวติดสอยห้อยตาม อิสระเหมือนอย่างที่เคยแต่ดูท่าทางไอ้คาโลมันจะเศร้าแฮะ" ว่าแล้วก็เปิดประตูผางเดินไปตบไหล่ป้าบๆ คนที่นั่งเหม่ออยู่บนเตียง
"แกจะคิดมากไปถึงไหนวะคาโล แค่ลูกสองคนตายไปทำใหม่ก็ได้" อาการปากหมาที่เลือกเวลาออกได้ไม่เหมาะเท่าไหร่นัก สร้างความปวดหัวให้กับคิลและโรเป็นอย่างยิ่ง หากไม่ใช่กับคนที่โดนตบไหล่ป้าบๆ อยู่แน่นอน ตาสีฟ้าเงยขึ้นสบตาสีน้ำตาลที่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับของหัวขโมย
"ดีเสียอีกแกกับฉันจะได้มีอิสระซักที ตั้งแต่มีไอ้ลิงสองตัวนั่นทำอะไรไม่สะดวยเล้ยยย คอยตามอยู่นั่นแหละ" ชายหนุ่มสามคนนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย คาโลคว้ามือที่วางอยู่บนบ่าตนมากุมเอาไว้
"ฉันก็อยากจะเชื่อนายเฟริน ถ้า...น้ำตานายไม่ไหลออกมา" เฟรินสะดุ้งเฮือก มืออีกข้างแตะเข้าที่น้ำใสๆ ที่ไหลอาบแก้มลงมาไม่รู้ตัว คาโลออกแรงดึงร่างบางๆ เข้ามากอดไว้เบาๆ อ้อมกอดที่อบอุ่น น้ำเสียงที่ปลอบโยนจากคนที่เป็นฝ่ายปลอบต้องมาโดนปลอบเสียเอง ทำนบน้ำตาที่ไม่คิดว่ามันจะแตกก็พาลถล่มลงแทบจะทันที
...ปากบอกว่ารำคาญ แต่ที่สุดแล้วก็รักยิ่งกว่าชีวิตตัวเอง...
หรือนี่คือบทลงโทษที่เธอเกิดมาในฐานะเจ้าหญิงสองดินแดน
หรือนี่คือบทลงโทษที่เธอเกิดมารักชายที่ได้เป็นกษัตริย์คาโนวาล
หรือนี่คือบทลงโทษที่เธอเกิดมาในฐานะกุญแจของสงครามในครั้งก่อน
หรือนี่คือบทลงโทษที่เธอมีรัชทายาทที่มีความสามารถให้แก่คาโนวาลถึงสองคน
----------------------------------------------------
น่าอาย!! น่าอายที่สุด!!!!
เฟรินสบถพึมพำกับตัวเอง หลังจากที่จัดการกับสภาพร่างกายที่ตรากตรำขี่ม้าไม่หยุดพักตลอด 4 วัน ทำไมแกถึงไปร้องไห้ซบอกไอ้คาโลมันนะ! เสียเชิงชายหมด!!
...แต่นั่นมันสามีแก... เสียงในใจตอบ เป็นคำตอบที่ชวนให้หน้าขึ้นสีก่อนที่เธอต้องรีบสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นทิ้งไป แล้วรีบจ้ำไปยังห้องหนังสือเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้ข่าวยังไม่แพร่ออกไปจึงยังไม่มีปัญหามากนัก
"แต่ว่ายังไง วันนึงพวกประชาชนก็ต้องรู้" คิลเปรยขึ้นช้าๆ ขณะที่คนอีกสี่คนกำลังนั่งหน้าดำคร่ำเคร่ง
"แล้วจะให้ทำยังไง ประกาศไปเลยหรอว่ารัชทายาทสองคนถูกปลงพระชนน์" เฟรินถามขึ้นมาบ้าง ตอนนี้เธอทำใจได้บ้างแล้ว ขณะที่คาโลยังคงนั่งเงียบๆ ถัดไปคือโรนันที่เข้าร่วมประชุมด้วยศักดิ์ของแม่ทัพใหญ่และควบตำแหน่งพระอนุชาของกษัตริย์แห่งคาโนวาลอีกตำแหน่งนั่งเครียดไม่แพ้กัน ส่วนโรนั้นนั่งจิบชาเงียบๆ เป็นผู้ฟัง
"ถ้าทำอย่างนั้นคาโนวาลจะเป็นเป้าทันทีเลยล่ะ" โรนันแทรกขึ้นมาช้าๆ หญิงสาวพยักหน้าหงึกๆ คว้าขนมเข้าปากกร้วมๆ อย่างน่าหมั่นไส้ คิลมองเพื่อนรักที่นั่งข้างๆ อย่างสงสาร
ลูกตาย แถมภรรยาก็ออกอาการบ้า
เฮ้อ...แกคงทำกรรมไว้เยอะ คาโล
"งั้นก็คงต้องเงียบไปก่อน ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นก็ให้ประกาศไปก่อนว่าทั้งสองคนป่วยเป็นการตัดปัญหา" โรสรุปง่ายๆ เพราะไม่เห็นทางที่ดีกว่านี้อีกแล้ว
"ที่สำคัญที่สุดคือนาย...เฟริน" ตาสามคู่พร้อมใจกันจับจ้องไปยังหญิงสาวที่ยังไม่ทุกข์ร้อนอะไร เฟรินชี้เข้าหาตัวเองแล้วหัวเราะลั่น
"หัดรู้ตัวซะบ้างว่าแกน่ะถูกหมายหัวอยู่" คิลเอ่ยแล้วหัวเราะเบาๆ อย่างกับเรื่องที่พูดเป็นเรื่องเมนูอาหารวันนี้ ส่วนคาดลนั้นมองทั้งสองคนปรามดุ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น
"โอ้ยยย คิล...แกลองคิดสิว่าใครจะกล้าลงมือใต้จมูกกษัตริย์น้ำแข็งคาโล วาเนบลี" แล้วก็หัวเราะซ้ำเข้าไป ไม่ได้สนใจตาสีฟ้าที่ตอนนี้เบนหันมามองดุๆ ที่ตนเพียงคนเดียว
"อย่างที่คิลเตือนฝ่าบาท ฝ่าบาทควรจะระวังตัวมากกว่านี้ ยังดีที่รอดมาได้" คราวนี้เฟรินเงียบไปพร้อมกับหยุดหัวเราะ ตาสีน้ำตาลเปลี่ยนเป็นแววเครียดก่อนจะพยักหน้า
"ตกลง จะว่าไงก็ตามใจพวกนายก็แล้วกัน" แล้วทั้งสี่คนก็เริ่มวางแผนป้องกันเหตุร้ายที่อาจจะเกิดกับราชวงศ์คาโนวาลกันต่ออย่างรวดเร็ว
****************************TBC.....
ความคิดเห็น