คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : บทที่ 15 : ปะทะ!!
เสียงควบม้าห้อตะบึงดังสนั่นเพื่อให้ทันใจคนกุมบังเหียน แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลซักเท่าไหร่นัก เมื่อดวงหน้านั้นยังคงเคร่งเครียด มือที่กำสายบังเหียนกลายเป็นสีขาวสั่นระริกอย่างระงับอารมณ์ ไม่สนใจอีกสามคนที่หาที่เกาะกันจ้าละหวั่นตั้งแต่พ้นเขตเดมอสมาเจ๊แกก็ฟาดเอาๆ แต่ก็พอเข้าใจอยู่หรอก...ความกังวลใจนั่น แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดคืออาการเย็นใจของขอทานแห่งทริสทอร์ที่นั่งเกาะผนังเกวียนไม่ทุกข์ร้อนอะไร เนอาร์นึกย้อนไปเมื่อวานนี้เครียดๆ ทันทีที่ได้ยินว่าท่านพ่อประชวร ท่านแม่ก็แทบจะจับมังกรไฟตัวนั้นบินกลับคาโนวาลทันที ดีที่น้าโรเอ่ยห้ามไว้ทัน ความจริงจะพูดว่าเอ่ยห้ามก็ไม่ถูก เพราะต้องให้เนอินจับล็อกแล้วร่ายเวทย์นิทราซ้ำอีกทีถึงจะยอมให้พากลับวังง่ายๆ คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทำไมรู้สึกมันถึงได้มีแต่ปัญหานักนะ เหมือนผู้พี่จะรู้สิ่งที่เขาคิดจึงโพล่งขึ้นมา
"อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถึงจะไม่ไปหาเรื่องแต่บางครั้งเรื่องก็มาหาเราเอง จะคิดมากไปทำไม" พูดพลางก็เกาะผ่าปฐพีที่แทงฉึกคาเกวียนมาตั้งแต่เริ่มออกเดินทางแน่น
"มันก็ถูก แต่พอแกพูดแล้วมันให้ความรู้สึกว่าไม่จริงเลยว่ะ เพราะแกน่ะชอบหาเรื่องมากกว่าที่จะให้เรื่องมาหา" คำแขวะทำเอาคนฟังแยกเขี้ยวใส่ นี่ถ้าไม่ติดว่าต้องเกาะผ่าปฐพีไว้นะ พ่อเอาดาบฟาดจริงๆ ด้วย โรหัวเราะเบาๆ กับสองพี่น้องที่กัดกันเป็นประจำ
"ว่าแต่น้าโรเถอะ... ปล่อยให้ท่านแม่ควบม้าไปอย่างนี้มันจะดีหรอ" เนอาร์เอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างไม่ค่อยจะแน่ใจนัก โรกระตุกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า ตาสีเขียวเหลือบมองออกไปด้านนอกเกวียนแวบนึงเป็นประกาย
"แน่นอนสิ ว่าแต่ตอนนี้เตรียมตัวเถอะ เรามีแขกซะแล้ว" ความเร็วของเกวียนชะลอลงตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบได้ก่อนที่มันจะหยุดสนิทพร้อมกับเสียงเครียดของผู้คุมเกวียนด้านนอก
"ไอ้ลิงสองตัว ฉันให้เวลาแกสิบนาที ถ้าไม่เสร็จมีเรื่อง!" คำสั่งสั้นๆ เรียกเอาสองคนที่ถูกสั่งสะดุ้งเฮือก ส่ายหน้าหน่ายๆ กับอาการเอาแต่ใจของผู้เป็นแม่ ค่อยๆ เดินลงมาจากเกวียนเผชิญหน้ากับบรรดาแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคน
"ราชินีแห่งคาโนวาลและรัชทายาททั้งสอง พวกเราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางต่อกัน แต่เห็นแก่ปากท้องของพวกเรายอมสละหัวของท่านมาเถอะ" ชายหนุ่มร่างสูงผมดำตาสีม่วงคุ้นเคยเอ่ยเรียบๆ ขณะที่เฟรินเรียกดาบมาไว้ในมือ ถึงจะไม่ใช่ผ่าปฐพีแต่ขนาดก็ใหญ่พอกัน
"เลิกพูดมากซะที รำคาญโว้ย! คนยิ่งรีบๆ" ว่าแล้วเฟรินก็พุ่งเข้าเป้าหมายอย่างรวดเร็ว หากไม่ทันจะถึงตัวดาบใหญ่ก็ปะทะกับดาบของใครบางคนที่เข้ามารับแทน จากที่ผู้บุกรุกมีแค่สองคน ตอนนี้กลับเพิ่มจำนวนเป็นสิบ
ชิ!..อีกหนึ่งเป็นนักเวทย์หรอเนี่ย
"ระวังตัวหน่อยเฟริน...ไม่หมูนะงานนี้" คำเตือนจากโร เซวาเรสเรียกรอยยิ้มจากคนฟัง ไม่บอกก็รู้โว้ยย!! แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็โถมเข้าหากลุ่มร่างเงาพวกนั้น หวังจะฝ่าไปให้ถึงคนบงการ หากตาสีน้ำตาลต้องรีบกวาดไปทั่วเมื่อเห็นว่าไอ้ร่างที่พูดอยู่เมื่อครู่หายไปเรียบร้อยแล้ว
มันหายไปไหน??
พายุหิมะขนาดใหญ่พัดกวาดเอาเหล่าเงาให้แข็งและแตกร่วงกราวแต่ไม่ได้ทำให้มันลดจำนวนลงแม้แต่นิดเดียว เนอาร์มองร่างที่ห่างออกไปเงียบๆ หากตาสีน้ำตาลนั้นกลับมีแววโทสะพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ คทาพิพากษาถูกปักลงกับพื้นพร้อมกับการบริกรรมคาถาชุดใหญ่ อาณาเขตของน้ำแข็งเริ่มแผ่วงกว้าง ตาสีแดงของนักเวทย์ฝั่งตรงข้ามเป็นประกายราวกับได้พบของเล่นชิ้นใหม่ เมื่อขาของเขาเริ่มเกาะเป็นน้ำแข็ง พร้อมกับที่ร่างของแฝดผู้พี่พุ่งเข้ามามาโดยเงื้อผ่าปฐพีไว้เตรียมฟาดใส่
"ไพทาลา!!" พื้นดินตรงหน้าพุ่งขึ้นเป็นกำแพงล้อมรอบเป็นเกราะกำบังดาบชั้นดี ชั่วอึดใจเดียวหอกดินนับสิบก็พุ่งออกมาจากกำแพงนั้น เนอินพลิกตัวเสียหลักล้มลง หอกดินโน้มลงเตรียมสำเร็จโทษผู้ที่บังอาจคิดทำร้ายเจ้านาย
"ไอซ์เอจ!!" แท่งน้ำแข็งนับสิบพุ่งเข้ามาทำลายหอกดินได้ทันเวลาก่อนที่มันได้ลิ้มรสเลือดคาโนวาล
"ห่วงแต่พี่ชายจนลืมตัวเองระวังจะดวงกุดนะ" เสียงกระซิบเบาๆ ด้านหลังพร้อมกับร่างของนักฆ่าแห่งซาเรสเงื้อมีดสั้นเตรียมปลิดชีวิตของเด็กน้อยที่ลืมดูแลตัวเอง
"ง่ายไปหน่อยมั้งไอ้เวร!!" เสียงตวาดลั่นดังพร้อมกับดาบเล่มใหญ่พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มกระโดดหลบฉากออกไปอย่างฉิวเฉียด ต้นแขนปรากฏเลือดไหลซิบออกมาจากคมดาบใหญ่นั้น
"ดูท่าทางต้องจัดการตัวแม่ก่อน" ว่าแล้วนักฆ่าก็พุ่งเข้าหาฟาดดาบกันดังสนั่นไปทั่ว ขณะที่โรเองนั้นก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ จำใจต้องปะมือกับร่างเงาทั้งหลายแหล่โดยไม่มีโอกาสได้ใช้เวทย์ เหมือนมีคนรู้ว่าเขามีความสามารถอะไรและแพ้อะไร โรสบถอุบในใจ แค่ขยับดาบตอนนี้ก็ถือว่าเต็มกลืนแล้ว
เคร๊ง!
"บอกให้ระวังตัว ยังจะดึงดันเข้าไปอีกนะ" ร่างเงาที่หวังจะตลบฟันด้านหลังเฟรินถูกฟันขาดเป็นสองท่อนแล้วมลายหายไป หิมะเริ่มหนาตาขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งเสียงเวทย์กับเสียงดาบของอีกคู่หนึ่งค่อยๆ ดังห่างออกไป เฟรินสบถเบาๆ กับตัวเอง
หลงกลมันจนได้!!!
นักฆ่ากระตุกยิ้มที่มุมปากเมื่อรู้ว่าเหยื่อของตนรู้แผนการณ์ที่เขาวางไว้เสียแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ทั้งสามคนกับเงาอีกจำนวนหนึ่งต่างผลัดกันรุกรับและฉากหนีไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงขอบเหว แขกก็หยุดหนีรวมถึงเงาทั้งหมดก็หายไป เฟรินขมวดคิ้วเข้าหากันกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง พลันเชือกขดหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมัดโรที่ยืนระวังอยู่แล้วให้หมดแรงลง
"เฮ้ย!!" เฟรินเผลอร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพเพื่อนของตนที่จู่ๆ ก็ล้มลงเพียงเพราะเชือกมัด แน่ล่ะ ถ้ามันเป็นแค่เชือกธรรมดาคงทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะมันเป็นเชือกมนต์จากภูตน้ำแข็งของสโนว์แลนด์
"เป็นบ้าอะไรของแกวะโร! ลุกขึ้นอย่าทำสำออย" หากเสียงหัวเราะเบาๆ ของคนที่ยืนอยู่ที่ปากเหวกลับทำให้เธอต้องแปลกใจหนัก คนที่ไม่มีทางหนีแต่กลับหัวเราะออกมาอย่างนี้มันต้องมีอะไรแน่ๆ
"ลุกขึ้นมาไม่ได้หรอก หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือถึงอยากจะลุกก็ลุกไม่ได้จนกว่าจะแก้เชือกนั้นได้ แต่มันถูกลงเวทย์ไว้อีกที" คำเฉลยที่แทบจะทำให้เฟรินเรียกผ่าปฐพีกลับมาฟันให้คนพูดตกลงไปข้างล่างหากไม่ติดตรงที่เรื่องที่โรเคยพูดก่อนหน้านี้
'ถ้ามันมาจริงๆ ให้จับเป็นเพื่อจะได้เค้นถามคนว่าจ้าง'
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังเห็นว่ามันเป็นเรื่องบ้าๆ ที่จะจับนักฆ่ามาเค้นถาม ก็พวกนักฆ่าน่ะ...ปากแข็งยิ่งกว่าอะไรดี ข้อนี้เธอรู้ดีที่สุด แต่จะแสดงออกถึงอาการระแวงออกไปก็คงไม่ดีแน่
"พูดมากจริง อย่างมากก็แค่ฟันแกให้ขาดไอ้เวทย์บ้าๆ นั่นก็คลายไปเอง" นักฆ่าจากซาเรสยังคงหัวเราะหึๆ ต่อไป เรียกความหงุดหงิดให้พุ่งปรี๊ดเกินลิมิต
"ใจเย็นๆ เฟริน" คนโดนปรามสบถเบาๆ อีกรอบ จะให้ใจเย็นบ้าอยู่ได้! สภาพมันเองยังจะเอาไม่รอดอยู่แล้ว
"เอาล่ะ...ถึงฉากจบแล้ว" แล้วภาพร่างนักฆ่าตรงหน้าก็เลือนหายไปพร้อมกับที่ร่างนั้นหายกลับมาอยู่ด้านหลังของเธอแทน เฟรินกระโดดหลบอย่างแรงจนกลิ้งหลุนๆ เลยส่วนที่เป็นหน้าผาร่วงลงสูงด้านล่างอันเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว
"เฟริน!!" โรตะโกนแล้วรีบกระโดดตามไปโดยไม่สนใจสภาพของตนเอง จนคนที่เกือบจะทำงานสำเร็จต้องถอนหายใจเซ็งๆ
"อย่างนี้จะรายงานผู้ว่าจ้างยังไงล่ะเนี่ย"
----------------------------------------------------
ย้อนกลับมาดูทางสองศรีพี่น้องที่กำลังสู้ติดพันก็ต่อ อาณาเขตน้ำแข็งที่เจ้าชายผมเงินสร้างขึ้นยังคงแผลงฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่รุนแรงเท่าผู้เป็นพ่อแต่สำหรับเด็กขนาดนี้ถือว่าเป็นตัวอันตรายทีเดียว ร่างในเสื้อคลุมจ้องมองการประสานทีมของสองพี่น้องอยู่เงียบๆ ขณะที่พยายามปัดหอกน้ำแข็งที่พุ่งเข้ามารอบกายอย่างใจเย็นและตัดสินใจ
"ไพทาลา!!" เสียงร่ายเวทย์ดังขึ้นพร้อมกับกำแพงเวทย์ดินพุ่งขึ้นสี่ด้านล้อมรอบผู้กางเขตเวทย์แล้วปิดผนึกขังไว้ด้านใน
"เนอาร์!!!" เนอินร้องลั่นอย่างตกใจฟาดปฐพีใส่กำแพงดินหวังให้มันแตกออกหากไม่เป็นผลเพราะมันไม่ได้สร้างรอยปริแม้แต่น้อย อีกทั้งหอกดินแหลมๆ กลับพุ่งออกมาเฉียดแขนและลำตัวจนเป็นแผลยาว เนอินไม่สนใจยังคงฟาดดาบลงไปอย่างต่อเนื่อหวังเพียงช่วยน้องชายร่วมสายเลือดออกจากมากำแพงดินตรงหน้า หากหูกับสดับเสียงบางอย่างที่ดังออกมาได้
"หนีไปเนอิน! หนีไปก่อน" เนอาร์ตะโกนออกมาอย่างรู้สถานการณ์ เขาที่ติดอยู่ในกล่องดินนี่ กับเนอินที่อิสระอยู่ข้างนอก อย่างน้อยต้องให้พี่รอด เขาบอกกับตัวเองแน่วแน่
เนอินต้องรอด!!
"ไอ้บ้า!! ให้ทิ้งน้องที่ไม่ได้ความปล่อยให้คนอื่นจับตัวได้เนี่ยนะ ท่านแม่ก็ได้ฆ่าฉันน่ะสิ!!!" เถียงไปพลางก็ฟาดดาบแลกเลือดไปพลาง ถ้าปกติคำพูดที่ได้ยินคงจะขำพิลึกเพราะไม่คิดว่าจะได้ยินจากสองพี่น้องคู่นี้ แต่นี่มันต่างออกไป...ชีวิตที่แขวนไว้อยู่กับสิ่งที่เรียกว่าฝีมือและระยะห่างของประสบการณ์ สถานการณ์เป็นตายของจริงที่หาไม่ได้จากหนังสือเล่มไหนในโลกนี้!
"หุบปากแล้วหนีไปเลยไอ้ตัวแส่หาเรื่อง แค่นี้ฉันมีปัญญาหนีออกไปได้อยู่แล้ว" คิ้วเข้มๆ กระตุกขึ้นเล็กน้อย ไอ้คนเขาเป็นห่วงดันยังมีเวลามาปากหมาใส่อีก
"เออ!! ก็ได้ แล้วถ้าแกไม่รอดกลับมาฉันจะตามแกไปถึงนรกเลยคอยดู!!!" เนอินตวาดลั่นตัดสินใจกระโดดหลบหอกดินชุดสุดท้ายแล้ววิ่งหนีหายไป เหล่าเงาทั้งหลายพยายามจะตามไป หากหิมะกลับพัดหนาตาหนักกว่าเดิมจนไม่สามารถมองเห็นทางด้านหน้าได้ นักเวทย์ปริศนาถอนหายใจเบาๆ ปล่อยให้หลุดไปได้คนนึง ช่างเถอะ...เด็กอย่างนั้นเดี๋ยวก็ตามเจอ ที่สำคัญคือร่างเล็กๆ ของคนที่อยู่ภายในกำแพงดินนั่นต่างหาก แม้จะยังเด็กแต่ฝีมือเวทมนต์ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกผู้ใหญ่บางคน คิดแล้วก็ยิ่งเสียดาย แต่ช่วยไม่ได้..งานก็ต้องเป็นงาน ริมฝีปากเริ่มร่ายมนต์อีกครั้งพร้อมๆ กับที่ขนาดของกำแพงได้เพิ่มมากขึ้นและพร้อมกับเสียงทึบๆ ดังออกมา
กร๊อบ!!!!
----------------------------------------------------
"แล้วคราวนี้แกจะเอายังไง" ร่างบางๆ ที่ตอนนี้เหลือแต่ชุดชั้นในกับเสื้อซับบางๆ ห่อไหล่อยู่ข้างกองไปกองใหญ่เพื่อให้ตัวแห้งให้เร็วที่สุดก่อนที่จะเป็นปอดบวมถัดไปด้านหลังคือเสื้อผ้าที่เปียกโชกที่แขวนผึ่งเอาไว้ให้ ยังดีที่ไอ้ผมยาวๆ นี้ได้ใช้ประโยชน์ก็คราวนี้เมื่อมันถูกดึงมาปรกลำตัวต่างเสื้อ โรเหลากิ่งไม้ในมืออย่างใช้ความคิด รอบตัวมีเพียงเสียงไฟที่ร้อนจัดจนแตกเปรี๊ยะๆ กับบรรดาแมลงในป่าเท่านั้น
"คงต้องหาทางกลับคาโนวาลก่อน ที่สำคัญคือหาสองคนนั่นให้เจอ" เฟรินพยักหน้าช้าๆ ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือเพราะดวงยังไม่ถึงฆาตก็ตามแต่ ที่เธอลอยมาติดอยู่ในป่านี่และไม่นานนักโรก็ลอยตามมา
"แกว่าเราถูกน้ำพัดออกมาอยู่แถวไหน" โรเงยหน้ามองตำแหน่งดาวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ย
"น่าเป็นทางใต้ของคาโนวาล แถวๆ รอยต่อระหว่างบารามอส คาโนวาล และโคมิเน่" เฟรินขมวดคิ้วเข้าหากัน ขณะที่ยกมืออังไฟเล็กน้อย อีกมือหนึ่งก็คว้าเอาเนื้อสัตว์ที่ย่างไว้จนได้ที่ขึ้นมากินเล็กน้อย จริงอยู่...เธอกินเนื้อสัตว์ไม่ได้ แต่ตอนนี้ถ้าไม่มีอะไรตกถึงท้องพรุ่งนี้จะแย่กว่าเก่า ต้องโทษที่เธอเพิ่งมารู้สึกเอาตอนที่ตะวันเกือบลับขอบฟ้าไปแล้ว จึงไม่สามารถสำรวจรอบๆ ได้มากนัก
"บอกตรงๆ ว่าถึงตอนนี้แล้วฉันก็ยังไม่เชื่อใจแผนแกเลยว่ะ" ตาสีเขียวเงยขึ้นสบก่อนจะยิ้มบางๆ รู้ว่ามันเป็นห่วงลูกก็เลยเฉออกไปทางอื่น
"ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือกอะไรไม่ใช่หรอไง" คนเป็นแม่บ่นจิ๊จ๊ะเบาๆ ในลำคออย่างขัดใจ ก็มันเล่นดักทางเธอได้หมดแบบนี้แล้วจะเอาอะไรไปสู้
"ที่น่าเป็นห่วงคงเป็นเนอินสินะ ถึงฝีมือดาบจะดีแต่ก็ยังเป็นเด็ก ส่วนเนอาร์พลังเวทย์ขนาดนั้นคงเอาตัวรอดได้" โรเปรยขึ้นช้าๆ ทำลายความเงียบที่โรยตัวมาเมื่อครู่ ยิ้มเย็นๆ กระตุกขึ้นบนใบหน้างาม
"ก็คงจะเป็นอย่างนั้น" คิ้วเข้มมุ่นอย่างพยายามตีความหมายคำพูดที่ขัดกับใบหน้านั้น ประกายตาสีน้ำตาลส่อแววเจ้าเล่ห์แบบที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้วก่อนที่มันจะเปลี่ยนกลับมาเป็นแววกังวลแบบเดิม มือบางเผลอยกขึ้นลูบแผลใต้ตาซ้ายที่จางไปจนหมดอย่างเคยตัว ขอทานกิตติมศักดิ์มองแล้วก็ยิ้มก่อนจะเอ่ยตัดกังวลง่ายๆ
"คิดมากไปก็เท่านั้น แกเป็นคนเคยบอกฉันไม่ใช่หรอ นอนพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางอีก"
----------------------------------------------------
ขึ้นไปด้านเหนือ เส้นทางป่าที่ไม่คุ้นเคยสร้างความปวดหัวให้กับเด็กน้อยที่นั่งอยู่ข้างกองไฟกองเล็ก ปากเคี้ยวเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้หยับๆ พลางใช้ความคิด ไม่รู้จะขอบคุณท่านพ่อที่สอนวิธีดูตำแหน่งดาว หรือขอบคุณท่านแม่ที่สอนการใช้ชีวิตในป่าแบบนี้ให้ดี ในใจหวนกระหวัดไปถึงท่านแม่ที่เผลอแยกจากกันระหว่างการต่อสู้ แม้จะกังวลอยู่บ้างแต่ก็มั่นใจว่าต้องปลอดภัย ที่สำคัญคือมีท่านน้าโรตามไปด้วย แต่พ่อน้องชายตัวแสบที่ตัวเองจำใจทิ้งมานี่สิ มือเล็กๆ กำจิกแน่นจนเล็บทิ่มแทงลงบนฝ่ามือ แม้จะฝึกหนักอยู่ตลอดเวลาที่เดมอส แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เขารู้ตัวเองดีขึ้น
ทำไมถึงอ่อนแอได้ขนาดนี้!
'ถึงยังไงแกก็ยังเป็นเด็ก'
คำพูดเสียดแทงที่เคยได้ยินและโมโหไปกับมันจากผู้เป็นแม่ยังดังก้องอยู่ในหัว เข้าใจแจ่มแจ้งกับความแตกต่างของคำว่า 'ประสบการณ์จริง' กับ 'บทเรียนที่ได้รับ' จนเสียดไปจนถึงในใจ มือโยนกระดูกชิ้นเล็กหายเข้าไปในพง หยิบกระบอกไม้ที่นั่งทำเมื่อเย็นขึ้นมาดื่มอึกๆ คิดมากไปก็แค่นั้น ตอนนี้ต้องหาทางกลับไปช่วยเนอาร์ก่อน ตาสีฟ้าเหลือบมองผ่าปฐพีที่วางอยู่ข้างตัวเล็กน้อย อีกฝ่ายก็เป็นนักเวทย์คงจะบุกเข้าไปแบบบ้าดีเดือดคงไม่ได้ ต้องวางแผนให้รอบคอบ เนอินหลับตาลงเรียกความรู้ทั้งหมดจากการอ่านจากหนังสือที่ท่านพ่อยัดเยียดให้และการฟังจากประสบการณ์ของท่านแม่ ค่อยๆ ร่างแผนขึ้นมาในหัวช้าๆ ครู่ใหญ่ตาสีฟ้าก็ลืมขึ้นมองตำแหน่งดาวเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง
"รอก่อนนะเนอาร์ พรุ่งนี้ฉันจะไปช่วย"
----------------------------------------------------
เสียงเอะอะโหวกเหวกโวยวายภายในวังหลวงที่แสนจะเงียบเหงานับแต่ราชินีตัวป่วนได้ย้ายที่ทำการกลับเดมอสสร้างความแปลกให้กับคนที่กำลังปรึกษาอยู่ภายในห้องจนต้องโผล่หน้าออกมาดู บรรดาทหารและขุนนางระดับต่างวิ่งกันให้วุ่นวานไปหมดและเมื่อเห็นว่าประตูห้องทรงงานของกษัตริย์แห่งคาโนวาลได้แง้มออก ทั้งหมดก็กรูกันเข้ามาใกล้
"พระอาญามิพ้นเกล้าฝ่าบาท" อำมาตย์หลวงคุกเข่าลงด้วยสีหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ผู้ที่ยืนอยู่ภายในห้องต้องก้าวตามเพื่อนออกมาดู ร่างสูงผู้เป็นนายเหนือหัวแม้จะยังคงความเย็นชาและสง่างามเอาไว้ หากก็ไม่สามารถปิดบังแววอิดโรยล้าที่ตรากตรำทำงานติดๆ กันโดยไม่พักออกมาได้ คาโลขมวดคิ้วเข้าหากัน เอะอะอะไรกัน... ตาสีฟ้าหันไปมองกล่องที่อำมาตย์เฒ่าถืออยู่ช้าๆ
"นั่นกล่องอะไร" เสียงงึมงำครางดังระงมไปทั่วยิ่งสร้างความหงุดหงิดให้คนที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเพราะต้องขลุกอยู่กับโต๊ะทำงานภายในห้อง ทุกคนที่คุกเข่าอยู่ร่างอึกอักไม่กล้าพูดอะไรออกมาจนกระทั่งเริ่มสัมผัสถึงไอเย็นๆ จากคนที่ยืนรอฟังอยู่นั่นล่ะ ถึงจะยอมเอ่ยปากออกมา
"กราบทูลฝ่าบาท เช้าวันนี้ได้มีคนนำกล่องนี้มาวางไว้หน้าปราสาท พวกทหารยามต่างพากันสงสัยจึงได้เปิดออกดู เอ้อ...แล้วก็ยกมันเข้ามาในวังกระหม่อม" คำอธิบายสั่นๆ ทำให้ตาคมๆ นั้นหรี่ลงอย่างใช้ความคิดว่าสิ่งที่คนตรงหน้ากำลังพยายามจะบอกคืออะไร มือใหญ่เอื้อมหยิบมันขึ้นมาเปิดดู แล้วต้องอึ้งไปทันที เชือกถักสีน้ำตาลราคาถูกกับลูกปัดสีแดงแบบที่หาซื้อได้ตามร้านทั่วๆ ไป สภาพของมันบ่งบอกถึงการใช้งานอย่างหนักจากตัวเชือกที่เริ่มลุ่ยจนเกือบจะขาด มันคงจะไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น ถ้าไม่เพราะเชือกนั่นเปรอะ ไม่สิ...ย้อมไปด้วยเลือดเลยล่ะ
"เชือกข้อมือนี่" คิลชะโงกตัวเข้ามาดูพลางขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ผิดกับคาโลที่เริ่มสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
"ใครเป็นคนเอากล่องนี่มาวางไว้!!" สุรเสียงแผดลั่นไปทั่ววังใหญ่ ทำเอาพวกที่คุกเข่าสะดุ้งเฮือกก้มหน้าพึมพำขอชีวิตกันหมด ตาสีฟ้าเย็นชาบัดนี้เต็มไปด้วยแววโทสะปนเปกับความไม่แน่ใจ พร้อมๆ กับที่เกล็ดน้ำแข็งเล็กๆ ค่อยๆ โปรยปรายลงมา
หิมะในวังคาโนวาล!!!
คิลมองหน้าเพื่อนรักของตนที่ตอนนี้ฟิวส์ขาดชนิดต่อไม่ติด อะไรบางอย่างบอกเขาว่านี่ไม่ใช่เรื่องแกล้งกันเล่นๆ เพื่อความสนุก มีอะไรมากกว่านั้น...
"ฉันให้เวลา 2 วัน ไปสืบมาว่าใครที่กล้าเล่นอะไรแบบนี้!!" คำสั่งดังก้องโถงทางเดินพร้อมกับเสียงประตูปิดดังปังใหญ่บ่งบอกสภาวะอารมณ์ของผู้ที่เพิ่งจะขังตัวเองอยู่ข้างใน เมื่อมัจจุราชน้ำแข็งไม่อยู่แล้ว เหล่าอำมาตย์ เสนาบดี ทหาร รวมไปถึงข้ารับใช้ต่างผุดลุกขึ้นยืนตะโกนโหวกเหวกโวยวายสั่งการกันมั่วซั่วอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์คาโนวาล คิลกับเรนอนที่ไม่รู้เรื่องมองหน้ากันช้าๆ ก่อนจะจัดการลากอำมาตย์เฒ่าผู้ที่เป็นคนยื่นกล่องนี้ให้คาโลมาเค้นเรื่องราว คำบอกเล่าที่น่าหวาดกลัวหากเป็นความจริงถูกส่งผ่านแบบสั้นๆ ให้อดีตเจ้าหญิงต้องน้ำตาซึมออกมา ขณะที่ผู้เป็นสามีที่อารมณ์ดีเกือบตลอดเวลาถึงกับเครียดไปถนัดใจ
ก๊อกๆๆ
"เข้ามาสิ" เสียงทุ้มเอ่ยอนุญาตให้สองร่างเปิดประตูเข้ามาเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่ามันต้องมา ร่างสูงที่เคยผ่าเผยตอนนี้กลับนั่งหมดแรงอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ บนโต๊ะคือกล่องเจ้าปัญหาที่ทำให้ทุกอย่างมันผิดพลาดไปเสียหมด ตาสีฟ้าเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างบานใหญ่ด้านหลัง คิลที่เดินเข้ามาใกล้ๆ จึงเห็นว่าเชือกถักสีน้ำตาลในกล่องได้ย้ายมาอยู่บนมือของอีกฝ่ายแทน ตาสีม่วงจ้องมองอย่างเจ็บปวดไม่แพ้กัน
"ยังไงซะเราก็ยังยืนยันไม่ได้อยู่ดีว่าใช่ของจริงรึปล่าว" เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบเรียกให้ตาสีฟ้าเบนกลับมามองคนพูดช้าๆ ริมฝีปากเอ่ยช้าหากชัดเจนเช่นเดียวกับความทรงจำที่ยังคงตริดตรึงอยู่ภายในใจ
"เชือกนี่เป็นของขวัญให้เนอาร์ ในวันเกิดครบรอบ 8 ขวบ" คิลพยักหน้าช้าๆ แม้ว่าจะรู้มาแล้วจากเหตุการณ์เมื่อครู่แต่ก็ยังคงยืนฟังนิ่งอย่างใจจดใจจ่อ คาโลก้มลงมองเชือกถักในมือก่อนจะกำมันไว้แน่น
"ฝีมือถักห่วยแตก ของที่ใช้ก็ไม่ลงทุน แต่มันก็เป็นของชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่มันทำกับมือให้ลูกสองคน" คำพูดหายกลืนเข้าไปในลำคอ
'ท่านแม่ วันเกิดปีนี้ผมขออะไรอย่างได้มะ' เสียงใสๆ ของลูกชายคนโตตัวแสบที่แทบจะสืบทอดนิสัยทุกอย่างจากผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นขณะที่กำลังพักระหว่างการฝึกสอนวิชาลับตระกูลเดอเบอร์โรว์ เนอาร์เงยหน้าจากหนังสือขึ้นมามองบทสนทนาที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นอย่างสนใจ เฟรินทำหน้ายู่ลงอย่างไม่ถูกใจนัก ไอ้จะให้ตัวเองลำบากเพื่อคนอื่นนี่ ยังไงก็ไม่ชอบอยู่ดี หากปากกลับพูดไปอีกทาง
'อะไรล่ะ บอกไว้ก่อนถ้าจะเอาของแพงไปขอพ่อแกนู่น' เนอินฉีกยิ้มสวยให้พลางส่ายหน้าเร็วๆ วิ่งเข้าไปกระโดดเกาะเอวเธอ
'เอาอะไรก็ได้ที่ท่านแม่ทำให้ แล้วก็ห้ามซื้อด้วย'
'เฮ้ย!! ฉันไม่ทำให้เด็ดขาด เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องเอาเวลาว่างเสียไปกับการทำอะไรบ้าๆ ให้เหนื่อยเล่นล่ะ' ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอยู่หุบฉับลง ความเศร้าบวกอาการน้อยใจเกิดขึ้นมาแทนที่ในความรู้สึกของลูกชายทั้งสองคน ขณะที่คนดูเองก็ยังทำใจแข็งแม้ว่าตอนนี้จะเกิดอาการเศร้ากะเขาไปด้วยก็ตาม ก่อนจะรีบเฉเข้าสู่การฝึกอีกครั้งหนึ่ง
'ลูกขอแค่นี้ทำไมแกไม่ทำให้' คาโลถามดุๆ นอกรอบ หลังจากที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว
'ไอ้ลิงสองตัวนั่นไปฟ้องแกหรอไง' ถามกลับอย่างไม่ใส่ใจคำถาม จนได้นัยน์ตาสีฟ้าดุจัดกว่าเดิมกลับมานั่นล่ะ ถึงจะยอมเอ่ยปากพูด
'แกก็น่าจะรู้นิสัยฉันดีนี่คาโล' ชายหนุ่มมองอย่างเหนื่อยใจเล็กน้อย กับลูกมันยังไม่ยอมยกเว้น
'แต่ลูกก็ไม่เคยขออะไรแก' ตาสีน้ำตาลตวัดมองเล็กน้อยก่อนจะตอบ
'นั่นก็ถูก แต่นิสัยขโมยมันจะชอบทำอะไรที่เจ้าตัวสมัครใจ' คาโลถอนหายใจเฮือก อยากจะบอกว่าตอนนี้มันไม่ใช่ขโมยตัวคนเดียวแล้ว เป็นราชินี เป็นภรรยาของเขา แล้วก็เป็นแม่ของไอ้ลิงสองตัวนั่นอย่างที่มันชอบเรียก แต่ถ้าพูดไปเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันอีก
'แต่...'
'วะ! พูดแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ ไม่เอาแล้ว คุยกับแกเดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกัน ฉันไปหาคุณนาเดียดีกว่า แกง่วงก็หลับไปเลยไม่ต้องรอ' แล้วยัยตัวแสบก็เดินปึงปังออกไป ทิ้งให้สามีสุดที่รักนั่งทำหน้าเซ็ง
"ปากมันก็บอกว่าไม่ทำให้ แต่พอถึงวันเกิดก็ให้เชือกถักที่นั่งหลังขดหลังแข็งถักเองอยู่หลายวัน ปกติแล้วมันซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อของสองคนนั่น คนที่เคยเห็นจึงน้อยมาก" คนที่เคยพูดน้อยที่กลับมานั่งร่ายยาวเงียบไปอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยต่อ
"เชือกถักมีสองเส้น ใช้เชือกแบบเดียวกัน ผิดกันก็แต่สีลูกปัดที่มันเอามาใส่"
'ทำไมของผมเป็นลูกปัดสีแดงล่ะครับ' เนอาร์ถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย ตาสีน้ำตาลจ้องไปยังเชือกถักที่อยู่บนข้อมือของผู้เป็นพี่
'แกน่ะเย็นเกิน หัดทำตัวให้มีชีวิตชีวาบ้าง ส่วนเนอินน่ะ มันบ้าเกินไป ฉันก็เลยหาลูกปัดสีฟ้า เผื่อว่ามันจะเย็นๆ เหมือนสีของมันบ้าง' คำอธิบายง่ายๆ ของเฟรินเรียกรอยยิ้มของร่างสูงที่ยืนฟังอยู่เงียบๆ
'ว่าแต่...ฝีมือท่านแม่นี่ไม่ได้เรื่องเลยแฮะ' ไอ้ตัวแสบปากพล่อยโพล่งขึ้นอย่างที่ไม่คิดจะห้ามปากตัวเอง ส่งผลให้หน้าตัวเองกระแทกกับโต๊ะด้วยฝีมือของผู้เป็นแม่ที่ไม่คิดจะห้ามมือตัวเองเหมือนกัน พร้อมกับเสียงหัวเราะที่ดังไปทั่วห้องอย่างมีความสุข
คิลนั่งฟังเงียบๆ พยักหน้าช้ารับรู้ ตาสีม่วงเลื่อนลงไปดูเชือกในมือของเพื่อน
ลูกปัดสีแดง...เนอาร์สินะ
"เอาน่า อย่าคิดมาก บางทีอาจจะเป็นพวกบ้าที่เคยเห็นเชือกของไอ้สองตัวนั่นแล้วอยากได้เลยลองถักดูก็ได้ พอถักไม่ได้เรื่องก็โยนทิ้งเข้าโรงฆ่าสัตว์แล้วหมามันคาบเอามามั้ง" คำอธิบายบ้าบอที่สรรหาจะคิดขึ้นมาสดๆ ทำให้เรนอนตีเผียะเข้าที่ไหล่
"พูดอะไรบ้าๆ คาโลยิ่งเครียดๆ อยู่ด้วย" คิลยิ้มแหยลูบแขนตัวเองป้อย
"เอ้า! มันก็เป็นไปได้ไม่ใช่หรอไง"
"แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรพูด" ชายหนุ่มส่ายหน้าเหนื่อยใจ ไม่มีประโยชน์ที่จะต่อล้อต่อเถียงกับแม่เจ้าหญิงคนนี้ เพราะไม่เคยชนะซักที... ตาสีม่วงมองคาโลที่นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้แล้วถอนหายใจ
"แกจะคิดมากไปทำไม ไม่สมกับเป็นแกเลยว่ะ" คนฟังกระตุกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวเข้าหากองงานและลงมือจัดการสะสาง สีหน้าเย็นชาถูกตีขึ้นมาพร้อมกับอาการเดิมๆ คือ...อาการบ้างานเป็นบ้าเป็นหลัง ได้กลับมาสิงเขาอีกครั้ง
ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นได้ขนาดนี้...เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมากขนาดไหน
****************************TBC.....
ความคิดเห็น