คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่ 14 : ความหลัง(4) - กลับสู่ปัจจุบันกับข่าวร้าย
ต้องหนี... ต้องหนีเท่านั้น!!!
เสียงฝีเท้าดังตึกตักอย่างที่เจ้าตัวพยายามทำให้มันเงียบที่สุด แต่ดูจะไม่เป็นผลเมื่ออยู่ในเวลารีบเร่งแบบนี้ ตาสวยคู่โตปราดมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวงระหว่างโถงทางเดินกว้างเส้นนี้ก่อนจะหลบฉากอยู่ด้านหลังรูปปั้นใหญ่ เสียงพูดคุยเบาๆ ดังเข้ามากระทบโสตประสาทชวนให้เครียดเกร็ง ร่างบางๆ ค่อยผ่อนลมหายใจช้าๆ หากในใจนั้นกลับกำลังปั่นป่วนอย่างที่สุด
ไอ้วังบ้านี่กว้างไม่พอยังวกวนเหมือนเขาวงกตอีก ใครคิดแปลนกันฟะ พ่อจะกราบงามๆ ตามด้วยลูกถีบสุดสวยซักชุดสองชุด
หลังจากที่มั่นใจว่าเสียงที่ได้ยินค่อยๆ ไกลออกไป เธอจึงตัดสินใจโผล่หน้าออกมาดูเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าทางกลับมาโล่งอีกครั้งก็ค่อยๆ ย่องออกมาจากที่ซ่อน
ไม่หนีตอนนี้ให้ไปหนีตอนไหนล่ะฟะ!!
คิดแล้วยิ้มกริ่มกับแผนการณ์ของตัวเอง สองเท้าย่ำต๊อกๆ เงียบกริบไปตามทางเดินอีกครั้งพร้อมหัวใจอันชื่นบานนนน แต่...
ผลั่ก!!
เสียงที่เกิดขึ้นคืออาการไม่ดูตาม้าตาเรือของร่างเล็กๆ ที่มัวแต่ยิ้มบ้าเลี้ยวตรงหัวมุมชนกับร่างสูงๆ ที่ยืนรอท่าอยู่แล้ว และไม่ทันที่จะได้อ้าปากด่าอะไร น้ำเสียงกลั้วหัวเราะก็ดังขัดขึ้น
"จนถึงป่านนี้แกยังคิดหนีอีกหรอเฟริน" ตาสีน้ำตาลตวัดมองร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนสั้นอย่างฉุนๆ มือก็ลูบจมูกตัวเองด้วยความเจ็บก่อนจะยันตัวเองลุกขึ้นมายืนกอดอกเซ็งๆ
"รู้แล้วก็ยังมาขวางอีกนะโร" คนถูกย้อนหัวเราะหึๆ ระหว่างนั้นยัยตัวแสบที่เห็นช่องก็เริ่มงัดเอาวิชาลับออกมาใช้ มันคงจะได้ผลดีถ้าไม่เพราะตัวช่วยได้โผล่ขึ้นมาล็อคแขนจากด้านหลังจนเธอดิ้นไม่หลุด
"เสียใจนะเฟริน งานนี้แกเบี้ยวไม่ได้ว่ะ ฮ่าๆๆๆ" คิลหัวเราะลั่นแล้วจัดการลากจำเลยย้อนกลับไปทางที่เธอเพิ่งจะหาทางหนีออกมาได้ ตามด้วยเสียงโวยวายดังไปตลอดทาง
"ไม่นะโว้ย!! ปล่อยฉัน!!!"
----------------------------------------------------
บรรยากาศมาคุรอบๆ ไม่ได้ทำให้เจ้าตัวดีที่ยังคงจ้อไม่หยุดกับการโน้มน้าวใจเพื่อนๆ ให้แปรพรรคกลับมาอยู่ฝ่ายเธอสงบลงแม้จะมีชะนักติดหลังอยู่ก็ตาม มาทิลด้ามองสตรีร่างบางที่โดนจับมานั่งคุกเข่ารับโทษอยู่ตรงหน้าอย่างเอือมๆ อีกไม่กี่ชั่วโมงมันจะกลายเป็นราชินีของคาโนวาลอยู่แล้ว แต่มันยังมีแก่ใจหาทางหนีออกไปเที่ยว แถมไปรับปากแต่งกับเขาไว้ต่อหน้าคนตั้งเยอะรวมทั้งเธอเอง แต่พอถึงวันจริง ณ ตอนนี้ มันกลับไปโปรยมารยาใส่เด็กรับใช้ในวังแล้วเปลี่ยนชุดเสร็จสรรพ
"ก็บอกแล้วไง ว่าชั้นชอบร้อนๆ อุ่นๆ ไม่ชอบน้ำแข็งเย็นๆ" เสียงแจ๋วๆ ยังคงพล่ามต่อไป แม้จะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์ ในหัวก็เริ่มประมวณผลไปเรื่อยๆ
มันต้องมีซักทางสิน่า...ว่าแต่ไอ้พวกนี้มันรู้แผนเธอได้ยังไง
"นั่นไม่ใช่ปัญหาเฟริน มันอยู่ตรงที่นายรับปากคาโลไว้แล้วว่าจะแต่งด้วย" แองจี้เอ่ยเสียงเครียด ตาสีฟ้าทอประกายดุอย่างที่เฟรินไม่(เคยมีสำนึก)กลัว ขณะที่ทุกคนในห้องพยักหน้าพร้อมกัน
"จะเอาอะไรมากกับสัจจะของหัวขโมย" ฉีกยิ้มกว้างกวนๆ ใส่จนต้องกุมขมับ ใครนะที่บอกว่ามันถูกจับดัดนิสัยแล้ว ยังไงก็ยังเป็นเฟริน จอมป่วนประจำป้อมอัศวินอยู่ดี
โป๊ก!!!
ความเจ็บปวดอย่างที่ห่างหายไปนานหวนกลับมาประทับแจ่มอยู่ในจิตของเฟรินอีกครั้ง เมื่อหัวไม้คทาสวยๆ ของแองเจลีน่าฟาดลงบนศีรษะของเธอ
"หัวขโมยบ้านเธอสิ หัดรู้ตัวซะบ้างว่าตัวเองน่ะอยู่ในฐานะไหน ไม่ใช่หัวขโมยเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ" เฟรินคลำหัวตัวเองป้อยๆ ไม่กล้าต่อปาต่อคำต่อ แต่ก็นะ...
"ยังไงนิสัยฉันมันก็ขโมย จะให้ขโมยเปลี่ยนนิสัยไปเป็นราชินีมันก็เหมือนจับหมามาเลี้ยงให้นิสัยเหมือนกระต่าย" ชายหนุ่มเจ้าของตาสีม่วงที่ยืนอยู่ที่หน้าต่างหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ จนถึงตอนนี้มันก็ยังพูดแบบนี้ได้อีก เฟรินฉีกยิ้มอีกครั้ง ยังไซะ...ถ้าดึงดันแบบนี้ต่อไปจนกว่าจะหาแผนใหม่ได้คงจะดีกว่า แต่ยิ้มเย็นๆ จากคิงโรเวนที่อุตส่าห์ปลีกตัวมาร่วมงานมงคลทำเอาคนที่พยายามจะเบี้ยวต้องกลืนน้ำลายเอื๊อก
"ถ้าคิดจะหาแนวร่วมนอกเหนือจากอาเธอร์ที่โดนจับให้ไปนั่งควบคุมความประพฤติอยู่ด้านหน้าของบริเวณพิธีล่ะก็... ต้องขอบอกว่าเสียใจด้วยนะเฟริน" ผู้สมรู้ร่วมคิดหรือจะเรียกให้ถูกคือไอ้ตัวต้นคิดฟังแล้วสะดุ้งเฮือก ก่อนจะส่งยิ้มแหยๆ มาให้
"โธ่พี่โรเวน ความจริงแล้วเป็นความคิดรุ่นพี่อาเธอร์เขานะฮะ ผมเองก็หาทางอยู่แล้วก็เลยยอมรับข้อเสนอ"
"ข้อเสนอที่ว่าถ้าทำให้นายหนีจากงานนี้ไปได้ นายจะยอมทำตามที่อาเธอร์ขอหนึ่งอย่างน่ะหรอ" โรเวนดักคอขึ้นมาทำเอาสะดุ้งรอบสอง เจ้าตัวดีส่งเสียงจิ๊จ๊ะขัดใจที่แผนตัวเองรั่วไหลออกไป คงโดนบังคับให้พูด หรือไม่ก็... มีข้อเสนอที่ดีกว่าแน่ๆ เสียงตบมือแปะๆ ดังขึ้นขัดบรรยากาศตรึงเครียดมีที่มาจากเจ้าหญิงเรนอนแห่งคาโนวาลที่ยิ้มหวานให้
"เอาล่ะค่ะ ต้องขอให้ทุกคนออกจากห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวเฟรินจะแต่งตัวไม่ทัน" เฟรินผุดลุกเตรียมวิ่งออก
ไม่ไหวแล้ว! ไม่ต้องคิดอะไรมันแล้ว หนีอย่างเดียว!!
แต่มีหรอจะหนีรอดมือกาวอย่างแองเจลีน่าไปได้ ทั้งหมดต่างพากันออกจากห้องไป สุดท้ายคือโรเวนที่กางเขตเวทมนต์ขังเจ้าสาวไว้ในห้องจนกว่าจะถึงเวลางาน ก่อนจะผละไปพร้อมกับรุ่นน้องทุกคน
----------------------------------------------------
"กษัตริย์คาโล วาเนบลี ท่านจะสัญญาว่าจะยืนเคียงข้างเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล ไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์หรือไม่" น้ำเสียงราบเรียบหากฟังดูอบอุ่นอ่อนโยนตามแบบฉบับของนักบวชชั้นสูงดังทะลุกำแพงที่คนข้างๆ สร้างขึ้นมาเพื่อปฏิเสธสถานการณ์ที่เธอกำลังเผชิญ
สถานการณ์ที่เรียกว่า เสียชาติชายอกสามศอกอย่างเธอ!!
"เราสัญญา" เสียงทุ้มข้างๆ หูตอบรับฟังแล้วชวนให้ใจเต้นและตื้นตันอย่างแปลกประหลาด รอบข้างเงียบกริบเป็นป่าช้าเพื่อให้พิธีการอันสำคัญต่อหน้าธารกำนัลคนสนิทของคู่บ่าวสาวและรวมไปถึงประชาชนด้านหลังที่ต่างแห่แหนกันเข้ามาเพื่อร่วมอวยพรกษัตริย์ของตน นั่นคือสิ่งที่เฟรินพยายามคิดถึงเป็นสิ่งสุดท้าย
"เจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวล ท่านจะสัญญาว่าจะยืนเคียงข้างกษัตริย์คาโล วาเนบลี ไม่ว่าจะยามสุขหรือยามทุกข์หรือไม่" หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อถึงคราวของตน
ต้องไม่รับ...ต้องไม่รับ
"สะ..สัญญา"
...............................
อ้าวเฮ้ย!!! ไอ้เฟริน แกไปรับทำม๊ายยยยยยย ตาสีน้ำตาลเหลือกไปมาอย่างรู้ตัวว่างานนี้ถอยไม่ได้อีกแล้ว เหงื่อค่อยๆ ผุดขึ้นตามใบหน้างาม มือที่กำช่อดอกไม้เริ่มขยับแน่นขึ้นกว่าเดิมจนชาไปหมด
"ขอให้กษัตริย์แห่งคาโนวาลจุมพิตเพื่อให้สัตย์สาบาน"
เฮือก!!!
เอวบางๆ ถูกคว้าหมับเข้ามาใกล้เรียกให้เจ้าตัวสะดุ้งหนักกว่าเก่า เฟรินก้มลงมองมือที่โอบเอวของตนแล้วเงยหน้าสบตาสีฟ้าเย็นชาคู่เดิม แม้แต่เวลาแบบนี้มันยังเก๊กไม่เลิก
"ไม่ต้องจูบจริงนะเฟ้ย แค่ที่แก้มก็พอแล้ว" เธอแยกเขี้ยวใส่เบาๆ แล้วต้องชะงักเมื่อเห็นรอยยิ้มในแบบที่ไม่น่าไว้ใจจากคนตรงหน้า มือใหญ่ยกขึ้นเชยคางเธอเบาๆ และไม่รอให้ริมฝีปากสวยๆ ได้ค้านอะไรก็จัดการประกบปากปิดทันที พร้อมกับเสียงเฮดังลั่นไปทั่วพิธี
"ณ บัดนี้ ในนามของพระเจ้าขอประกาศว่าพิธีอภิเษกสมรสระหว่างกษัตริย์คาโล วาเนบลีกับเจ้าหญิงเฟลิโอน่า เกรเดเวลได้เสร็จโดยสมบูรณ์แล้ว" เสียงประกาศสั้นๆ ของนักบวชหลวงดังเข้ามาในโสตประสาทก่อนจะโดนกลบด้วยเสียงเฮที่ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับที่งานเฉลิมฉลองได้เริ่มต้นขึ้น
"อื้อ~" เสียงประท้องเบาๆ ดังขึ้นพร้อมกับมือเล็กที่ยันอกกว้าง เพราะไอ้คนตรงหน้ามันชักจะฉวยโอกาสมาเกินไปซะแล้ว ทำให้คาโลจำใจต้องถอนริมฝีปากออกมาอย่างน่าเสียดาย
"ยินดีด้วยนะเฟริน หลังจากนี้ทำตัวห่ามๆ ไม่ได้แล้วนะ" มาทิลด้าตะโกนทักด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มกว้างอย่างหาได้ยาก ถัดไปคือคิลที่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว ปกติมันก็ทะเลาะกันวันละหลายรอบ แต่งงานกันไปแบบนี้จะเหลืออะไรเนี่ย
"แล้วรีบๆ มีลูกนะ ฉันจะได้อุ้มบ้าง" ครี๊ดหัวเราะลั่นชอบใจเมื่อเห็นเจ้าสาวแสนสวยสบถอุบ ถัดไปคือซีบิลที่ยิ้มกว้างอย่างที่ชอบทำ และผู้ที่อยู่หลังสุดคือขอทานกิตติมศักดิ์แห่งทริสทอร์ที่บังอาจขัดขวางแผนการของเธอ โรยิ้มเล็กน้อยเมื่อสบกับตาสีน้ำตาลอาฆาตเล็กๆ (หรอ?) ไม่พูดอะไร วิเวียนนานีย่าวิ่งเข้ามาแสดงความยินดีด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มกว้าง ส่วนโรเวนนั้นมีเพียงยิ้มน้อยๆ ให้ บรรยากาศแบบนี้ก็คล้ายกับงานเลี้ยงรุ่นกลายๆ ไม่มีผิด
----------------------------------------------------
เสียงซ่าๆ จากห้องอาบน้ำคอยกระตุ้นให้เสียงหัวใจของคนที่นั่งอึ้งอยู่บนเตียงให้แรงขึ้นเรื่อยๆ กับสำนึกที่ว่าตอนนี้ ณ ที่นี้ เวลานี้ ในห้องนี้มีเพียงเธอกับคนที่กำลังอาบน้ำสบายใจอยู่เพียงสองคน!!!
ไม่ๆๆๆ ต้องหาทางออกจากสถานการณ์เลวร้ายอันนี้ให้ได้
ตาสีน้ำตาลเริ่มสำรวจไปรอบๆ ห้อง กระจกอย่างหนา..แน่นอนว่าไอ้โรตัวแสบมันคงลงเวทย์ไว้เรียบร้อย เพราะได้ยินมาแว่วๆ ว่ามันมาตรวจตราแถวห้องหอก่อนจะเข้าไปร่วมพิธี เฮ้ย!! ห้องหอบ้าอะไร! ก็แค่ห้องนอนธรรมดาแค่มีเตียงเดี่ยวขนาดคิงไซด์แค่นั้นเอง คิดฟึดฟัดกับความคิดของตัวเองไปคนเดียวก่อนจะตัดสินใจสำรวจห้องต่อ อย่างแรก...ต้องจัดการไอ้ชุดบ้านี่ก่อน ว่าแล้วก็ลุกเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า
..........................................
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (เสียงร้องภายในใจ)
ทำไมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมในตู้เสื้อผ้าเธอมีแต่เสื้อรุ่มร่าม กระโปรง มีแต่เสื้อผู้หญิง!!!!!! มือบางๆ กระแทกประตูปิดดังโครม แล้วเดินฉับๆ ไปที่ตู้เสื้อผ้าข้างๆ เปิดผางแล้วหยิบเสื้อกับกางเกงออกมาโดยไม่ขออนุญาต ก็ของๆ เพื่อนก็เหมือนของๆ เรา ฮ่าๆๆๆ (แต่นั่นมันของสามีแกนะ -*- ) ตาหันไปเหลือบมองประตูห้องน้ำที่ยังคงมีเสียงน้ำไหลผ่านประตูมาให้ได้ยิน แล้วตวัดกลับมาหามุมเปลี่ยน...ช่างมันเหอะ ไอ้คาโลมันคงไม่ออกมาจ๊ะเอ๋เธอหรอก ว่าแล้วก็เริ่มปลดซิบด้านหลังถอดชุดแต่งงานที่ทนแต่งมาร่วมหลายชั่วโมงก่อนจะจัดการใส่เสื้อและกางเกงที่หยิบออกมา แต่...
"แกทำอะไรน่ะเฟริน" คำที่กำลังเปลี่ยนเสื้อหันขวับไปสบหน้าแดงๆ ของกษัตริย์น้ำแข็งที่ออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนเรียบร้อยแล้วกระชากผ้าปูเตียงขึ้นมาห่มตัวเองแทบไม่ทัน หน้าหวานแดงซ่านพอกับๆ กับอีกฝ่าย
"ไอ้บ้า! จะออกจากห้องน้ำก็บอกกันก่อนสิฟะ" เอ้อ...คนเรา เวลาจะออกจากห้องน้ำต้องบอกคนที่รอด้วยหรอ คาโลอมยิ้มเล็กน้อยเดินตรงเข้าไปหาร่างที่ห่อผ้าไว้หลวมๆ ขณะที่เฟรินถอยกรูดจนติดเตียง
"แกจะเดินมาทำไมฟะ ออกไปดิ เข้าไปห้องน้ำก่อนไป ไว้ฉันเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วจะเรียก" หากคาโลกลับยังคงก้าวเข้าไปใกล้จนหยุดอยู่ตรงหน้า
"จะเปลี่ยนทำไมเดี๋ยวก็ต้องถอดอีก" คำพูดชวนขนลุกซู่ทำเอาเฟรินหัวหด มันคิดจะ...จริงๆ หรอ คิดไม่ทันจบมือใหญ่ก็คว้าเข้าที่แขนแล้วผลักลงบนเตียงกว้าง ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างหนักกว่าเดิม ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้พร้อมกับประกายตาวิบวับที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ชวนให้ใจเต้นและหน้าแดงเถือก
"เฟริน" เสียงกระซิบที่ใบหูฟังจั๊กกะจี้กับคนที่เคยแต่เป็นฝ่ายกระทำแต่ตอนนี้กลับต้องมาเป็นฝ่ายถูกกระทำแทน
"ยะ..อย่า" เฟรินระล่ำระลักออกมา ความกลัวหรือระแวงบางอย่างแล่นเข้ามาในใจ แต่ในขณะที่สถานการณ์กำลังคับขันถึงขีดสุด หูของเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากร่างด้านบน
"ล้อเล่นน่ะ ฉันไม่บังคับนายหรอก" แก้มเนียนๆ ถูกฉกความหอมไปเบาๆ คาโลล้มตัวลงนอนด้านข้างหากมือนั้นก็ยังคงก่ายเอวบางใต้ผ้าผืนใหญ่นั้นไว้หลวมๆ คิ้วบางขมวดเข้าหากัน
"แกหลอกฉัน" ตาสีฟ้าเย็นชาสบเล็กน้อยก่อนจะหลับลงและเอ่ยในสิ่งที่เธอรู้ว่า หลังจากนี้คงต้องระวังขึ้นอีกเป็นหลายเท่าตัว ถ้าต้องอยู่ข้างผู้ชายคนนี้
"หรืออยากให้ทำจริงๆ ล่ะ"
----------------------------------------------------
"จบ" เฟรินยกแก้วชาขึ้นมาจิบ หน้าหวานๆ แดงเล็กน้อย ทำไมไอ้พวกเด็กๆ มันถึงชอบฟังเรื่องอดีตนักนะ ขณะที่โรนั้นก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดีนั่งจิบน้ำชาไปเรื่อยๆ
"จากนั้นอีกประมาณปีนึงพวกแกก็โผล่หัวมาให้พวกฉันปวดหัว" เนอินฉีกยิ้มกว้าง ส่วนเนอาร์นั้นยิ้มน้อยๆ ไม่พูดอะไร ปากอย่างใจอย่างแบบนี้คงแก้ไม่หายตลอดชีวิต ระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งคุยกันอย่างสบายใจ ร่างเล็กของโกโดมก็ปรากฏขึ้นพร้อมมังกรไฟสีแดงพร้อมกับข่าวร้ายที่ทำให้คนฟังแทบสิ้นสติ
"มีข่าวมาจากคาโนวาลกระหม่อม กษัตริย์คาโลทรงประชวร!!"
****************************TBC.....
ความคิดเห็น