ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Fanfic บารามอส- Believed

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 : บทนำและสาเหตุ

    • อัปเดตล่าสุด 21 ม.ค. 49


                       เสียงถอนหายใจหนักรอบที่ตัวเลขขึ้นหลักสิบดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเจ้าตัวเหมือนจะไม่มีทางออกสำหรับปัญหาที่กำลังดำเนินอยู่ ตาสีน้ำตาลมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่แสนจะสดใสราวกับต้องการประชดเขาผ่านช่องเหนือหัว ในเมื่อแทนที่เขาจะได้อ่านหนังสือใต้ต้นไม้อันเป็นกิจกรรมยามโปรดกลับต้องมาหลบอยู่ในโรงนาร้าง

                       ...เปลี่ยนจากเตียงเป็นฟาง...

                       ...เปลี่ยนจากผ้าไหมเป็นผ้าป่าน...

                       ...เปลี่ยนจากเจ้าชาย.......เป็นนักพเนจร

                       คิดแล้วก็อดที่จะถอนหายใจออกมาอีกครั้งไม่ได้ ความจริงแล้วการที่เขาหลบหนีออกมาแบบนี้ไม่ใช่วิสัยของเจ้าชายอย่างที่ควรเป็น หากแต่เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องใหญ่เกินกว่าที่จะยอมให้เป็นไปตามการชักจูงของผู้อื่น เนอาร์เอนกายลงนอนกับฟางแห้งนึกถึงคนที่อยู่ห่างไกลออกไปและคาดว่ากำลังรับชะตาเดียวกับตน


                       เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว


                       "ปราชญ์เลโมธีเรียกตัวหรอครับ??" คำถามเสียงสูงเพื่อย้ำประโยคที่ได้ยินเมื่อครู่ รุ่นพี่ปีหกพยักหน้าหงึกหงัก เนอาร์ปิดหนังสือหันมาถามต่อ

                       "ผมคนเดียว?" คนถูกถามส่ายหน้าช้า "ไม่รู้สิ ฉันได้รับคำสั่งให้มาตามนายอีกทีน่ะ" ตอบเสร็จก็รีบขอตัว เนื่องจากเกิดอาการคันและผื่นขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ คาดว่าน่าจะเป็นปฏิกิริยาระหว่างสารอ๊อกซิเจนในอากาศและอนุภาคของกลิ่นหมึกและกลิ่นกระดาษเก่าๆ รวมไปถึงการฟุ้งกระจายของความรู้ที่เพิ่มขึ้นในบรรยากาศทุกครั้งที่มีการเปิดหน้ากระดาษ เนอาร์ต้องเก็บความรู้สึกงงงวยทันที่ย่างก้าวเข้ามาเมื่อเห็นว่าภายในห้องไม่ได้มีเพียงแค่เขากับปราชญ์เลโมธี แต่กลับปรากฏร่างพี่ชายตัวแสบเขาอีกด้วย

                       หรือเรื่องที่แอบลอบเข้าปราการปราชญ์จะแตก

                       เนอาร์เดินไปยืนข้างพี่ชายฝาแฝดของตนเงียบๆ ขณะที่ตาสีฟ้าจ้องเขม็งมาทางเขาอย่างคาดโทษล่วงหน้า ตาสีน้ำเงินเข้มของมหาปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ทอแสงระยับให้คนที่เขม่นกันเองสะดุ้งเล็กน้อยด้วยเดาไม่ออกว่าประกายที่ทอออกมานั้นจะเป็นเหตุผลใด

                       "ทำตัวตามสบายเถอะ ที่ฉันเรียกมาก็เพราะมีจดหมายเรียกตัวเธอทั้งสองคนจากคิงชามัลไปบารามอส" ทั้งสองคนหันมามองคนพูด เนอินเลิกคิ้วสูงแปลกใจที่จู่ๆ คนที่ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นหรือแม้แต่จะแสดงความสัมพันธ์ว่าเป็นเครือญาติกันอย่างคิงชามัล ฟาโรเวล แห่งบารามอส หรือผู้ที่มีศักดิ์เป็นทวดของพวกเขาจะมีคำสั่งเรียกตัวพวกเขาไปบารามอส เลโมธียื่นจดหมายต้นเหตุให้ทั้งสองรับไปอ่านข้อความภายในนั้นอย่างละเอียดมากขึ้น

                       "แต่อีกสองอาทิตย์พวกผมก็จะปิดเทอมพอดี" เนอินพูดขึ้นด้วยนึกไม่ถึงความจำเป็นที่ต้องกลับไปก่อนกำหนดปิดภาคเรียนแบบนี้

                       "นั่นเป็นเรื่องของครอบครัวเธอเนอิน ฉันมีหน้าที่นำข่าวมาให้เธอแค่นั้นเอง" เลโมธีตอบพลางยิ้มบ้างให้ริ้วรอยบนหน้ายิ่งชัดขึ้นมากกว่าเดิม "เพราะฉะนั้นก็ไปเตรียมตัวเก็บของซะ พรุ่งนี้จะมีรถม้ามารับตั้งแต่เช้าเพื่อเดินทางไปบารามอส" เด็กหนุ่มทั้งสองโค้งตัวลงเล็กน้อยก่อนจะพากันกลับห้องพักหัวหน้าชั้นปีห้า

                       "คิดว่าเรื่องนี้เป็นแผนป่วนของท่านแม่รึปล่าว" เนอินถามขึ้นแทบจะทันทีที่ประตูถูกปิดลง

                       "นายพูดเหมือนกับว่าคิงชามัลจะยอมรวมหัวกับท่านแม่อย่างนั้นล่ะ" คนถูกถามกลับหัวเราะก๊ากออกมาถูกใจกับคำตอบ ปล่อยให้น้องชายจัดเสื้อผ้าเขา ส่วนตัวเองก็นอนเล่นไปเรื่อย จนกระทั่งเพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา

                       "อ้าว...เก็บเสื้อผ้าจะไปไหนน่ะเนอาร์" เคนอลถามแปลกใจ

                       "ปล่าว...นี่ของเนอิน" ตาสีม่วงหันมามองอีกคนที่นอนเอกเขนกอยู่บนเตียงแล้วทำท่านึกขึ้นมาได้

                       "อ๋อออ นี่คะแนนนายแย่ถึงขนาดเลโมธีต้องไล่นายออกแบบไม่ต้องรอจบภาคเรียนเลยหรอเนี่ย" เนอินที่ฉีกยิ้มกว้างอยู่หุบรอยยิ้มฉับแทบจะทันที สปริงตัวขึ้นมานั่งอย่างเคืองๆ

                       "ถ้าฉันโดนไล่ออก แกก็คงโดนไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่หรอก" สวนกลับให้คนฟังสะอึก เพราะคะแนนเขาเองก็ใช่จะดีกว่าอีกฝ่ายเท่าไหร่นัก

                       "ว่าแต่ตกลงว่าเก็บเสื้อผ้าไปไหนเนี่ย" คราวนี้หันไปถามเนอาร์ที่เปิดกระเป๋าของตนเพื่อจัดการเก็บเสื้อผ้าหลังจากที่จัดการกับกระเป๋าของพี่ชายเสร็จเรียบร้อยแล้ว

                       "ไปบารามอส"

                       "คิงชามัลมีคำสั่งเรียกตัวพวกฉันไป พรุ่งนี้จะมีรถม้ามารับแต่เช้า" เนอินเป็นคนต่อข้อความให้ครบแทน เคนอลเลิกคิ้วสูงแปลกใจ ตั้งแต่อยู่กับพวกมันมาห้าปี ไม่เคยมีซักครั้งที่คิงชามัลจะมายุ่มย่ามกับเหลนแฝดทั้งสองคนนี้

                       "จู่ๆ ก็เรียกตัวไปแบบนี้ไม่ผิดสังเกตไปหน่อยหรอไง" ตาสีน้ำตาลเย็นชาเบนจากเสื้อผ้าตรงหน้ามาสบกับตาสีม่วงประกายแทน

                       "จะพูดอะไรก็รีบพูดมาเหอะ รำคาญ มัวแต่มองตากันอยู่ได้ นี่ถ้าเป็นปลากัดแกคงท้องไปแล้วว่ะเนอาร์" เนอินรอไม่ไหวโพล่งขึ้นมา คนถูกกล่าวหาเป็นปลากัดตัวเมียหันขวับมาแผ่ไอเย็นให้กระจกเริ่มเป็นฝ้า ต่างฝ่ายต่างเงียบไปพักใหญ่จนกระทั่งเจ้าชายน้ำแข็งรุ่นสองยอมเอ่ยปากขึ้นทำลายความเงียบ

                       "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด"

    ----------------------------------------------------

                       ช่ายยยย...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

                       เนอินกัดฟันกรอดนึกโทษตัวเองที่ไม่เฉลียวใจกับอาการใจดีเป็นพิเศษของคิงชามัล นับแต่ที่ขาของม้าเทียบรถเหยียบเข้ามาในตัวเมือง การต้อนรับอันอลังการก็เริ่มขึ้น ชาวบ้านชาวเมืองพากันทิ้งงานมาโปรยดอกไม้ให้ม้าเหยียบเล่น เสียงดนตรีที่แสนหนวกหู แถมไอ้การอวยพรดังซ้อนกับเสียงดนตรีนั่นอีก ฟังแล้วแทบอยากเย็บใบหูปิดแล้วมุดลงดินซะงั้น ผิดกับไอ้คนเย็นชาที่นั่งทำหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว จนกระทั่งเท้าเหยียบลงบนแผ่นหินอ่อนในปราสาทอันโอ่อ่าของบารามอสนั่นล่ะ ถึงได้สังเกตเห็นว่าหู คอของมันแดงเถือกขนาดไหน

                       คิงชามัล ฟาโรเวลที่ดูซูบลงไปเยอะซึ่งคาดว่ามีสาเหตุมาจากราชกิจทั้งหน้าที่ของคิงแห่งบารามอสและตำแหน่งของไฮคิง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงแย้มยิ้มต้อนรับพวกเขาอย่างอิดโรยเต็มที พอถามถึงเหตุผลที่ต้องเรียกตัวมาด่วนคิงชามัลก็เลี่ยงไปบอกปัดให้มาพักผ่อนในห้อง ซึ่งจัดแยกไว้สำหรับเขาสองคนและนั่น...ก็คือเหตุผลที่ทำไมเขาต้องมานั่งแกร่วอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว!!!

                       ก๊อกๆๆ

                       เสียงเคาะประตูเรียกสติเด็กหนุ่มที่นั่งหงุดหงิดให้หันมาเผชิญหน้ากับข้ารับใช้ที่น้อมกายเข้ามาแต่ไกล รวมถึงนางกำนัลที่กรูกันเข้ามาสามถึงสี่คนในมือคือเครื่องแต่งกายสูงศักดิ์สมศักดิ์เจ้าชาย

                       "ฝ่าบาทมีรับสั่งให้เจ้าชายเนอินเตรียมตัวสำหรับงานเลี้ยงที่จะจัดขึ้นภายในคืนนี้" ขาดคำบรรดานางกำนัลก็ตรงรี่เข้ามาหาให้อีกฝ่ายห้ามแทบไม่ทัน แค่ประสบการณ์จากคาโนวาลก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา

                       "ไม่ต้อง ฉันจัดการของฉันเองได้ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ไปทูลให้ทรงทราบตามนี้" เนอินชิงเอ่ยตัดหน้าเสียก่อน เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจ ข้าฯ ทั้งหมดเห็นอย่างนั้นก็แย้งไม่ออกจำใจถอยออกจากห้องไปตามประสงค์ของคนพูด ตาสีฟ้าสดใสเหลือบไปมองชุดตัวเองอย่างเบื่อๆ

                       ถึงได้เกลียดการเข้าวังไงล่ะ

                       เนอินถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพาตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานในคืนนี้


                       "จะมีอะไรน่าเบื่อไปกว่านี้อีกมั้ยเนี่ย" เสียงเปรยแผ่วเบาขณะที่รอยยิ้มพิมพ์ใจนั้นไม่ได้หดหายไปจากใบหน้าคมของเด็กหนุ่มข้างกายชวนให้คนฟังรำคาญขึ้นมา

                       "ฉันล่ะไม่แปลกใจที่จนบัดนี้นายยังไม่มีแฟน..เนอิน" ตาสีฟ้าที่นานๆ จะมีประกายคมตวัดมามองหน้าน้องชายตัวเองที่ไม่สะทกสะท้านกับคำพูดตัวเองเท่าไหร่นัก มองใบหน้าที่เรียบเฉยแล้วคลี่ยิ้ม

                       "ฉันเองก็ไม่แปลกใจที่นายก็ยังไม่มีแฟนเหมือนกัน..เนอาร์" คราวนี้ตาสีน้ำตาลคมปลาบหันมาสบส่งประกายไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะๆ ไปทั่วบริเวณ ไม่ทันที่สงครามระหว่างพี่น้องจะได้เริ่มต้นขึ้น เสียงของคิงชามัลก็ดังก้องขึ้นสยบเสียงพูดคุยทั้งหมด คำปราศรัยเดิมๆ ที่ฟังจนเลี่ยนทำให้เนอินต้องพยายามสะกดตัวเองไม่ให้หาวออกมา

                       นี่ถ้าเป็นที่คาโนวาลเขาคงไม่ยืนเฉยแบบนี้แน่ๆ คงกลับห้องนอนไปแล้ว

                       "และที่สำคัญ การจัดงานในวันนี้ก็เพื่อเป็นการประกาศการหมั้นอย่างเป็นทางการของ เจ้าชายเนอิน วาเนบลี และเจ้าชายเนอาร์ วาเนบลี แห่งคาโนวาลอีกดัวย" เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วห้องโถงใหญ่ หากไม่ได้เข้าหูของคนสองคนที่ยืนค้างเป็นรูปปั้นจากความช็อค

                       "เดี๋ยวก่อนฝ่าบาท ทำไมกระหม่อมไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อน" เนอินโพล่งถามพลางถลาเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้า คิงชามัลยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างหาได้ยากนัก

                       "ก็ถ้าบอกก่อนพวกเธอจะยอมมากันไหมล่ะ"

                       แน่นอนว่าไม่มีทาง!!!

                       "เรื่องนี้ท่านพ่อกับท่านแม่ทราบหรือไม่กระหม่อม" เนอาร์เอ่ยถามขึ้นมาบ้าง น้ำเสียงกระด้างขึ้นมาเล็กน้อยจากความไม่พอใจ คิงชามัลเงียบไปเล็กน้อย

                       "เอาล่ะ...คาดว่าพวกเธอคงอยากเห็นคู่หมั้นทั้งสองคน..." สองพี่น้องหันมามองหน้ากันด้วยความรู้สึกเดียวกัน

                       "ฝ่าบาท กระหม่อมทั้งสองคนขอปฏิเสธ" สิ้นคำพูด เสียงฮือฮาก็ดังขึ้นแต่ไม่มากนักเนื่องจากคิงแห่งบารามอสยังคงประทับอยู่ด้วย

                       "คนเราไม่สามารถอยู่ร่วมกับคนที่เราไม่รักได้ฝ่าบาท" เด็กหนุ่มใบหน้าพิมพ์เดียวกันเอ่ยขึ้นมาบ้าง หากน้ำเสียงกลับเยียบเย็นกว่าคนเป็นพี่มาก

                       "อยู่กันไปก็รักกันได้" ประโยคนี้ทำเอาเนอินถึงกับขยับยิ้ม...ยิ้มที่ดูเยาะเย้ยจนคนมองรู้สึกหน้าชา ก่อนจะถูกซ้ำเติมด้วยคำพูด

                       "นั่นมันคำพูดของคนโบราณแล้วกระหม่อม" บรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเมื่อไม่มีฝ่ายไหนยอมลงให้แก่กัน คิงชามัลขยับยิ้มเครียดขึ้นอีกครั้ง

                       "พวกเธอไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธความหวังดีจากญาติพี่น้อง ยิ่งเป็นญาติผู้ใหญ่ด้วยแล้ว..."

                       "แต่นั่นหมายถึงการตัดสินใจสำหรับทั้งชีวิต..กระหม่อมยังคงยืนยันที่จะปฏิเสธคำขอของฝ่าบาท" เนอินเอ่ยเสียงเรียบ ร่างในชุดสูทสีดำดูมีสง่าขึ้นมาแทบจะทันทีที่รอยยิ้มขี้เล่นนั้นหดหายไป ตาสีฟ้าสบกับผู้เป็นตาอย่างไม่กลัวเกรง

                       "และกระหม่อมคาดว่าเรื่องนี้คงไม่ทราบถึงหูเสด็จพ่อและเสด็จแม่ที่คาโนวาล" เนอาร์เสริมขึ้นมาแล้วเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยต่อ

                       "และที่สำคัญที่สุด ตั้งแต่กระหม่อมจำความได้ ฝ่าบาทไม่เคยแสดงตัวว่าฝ่าบาทเป็นญาติฝ่ายไหนของพวกกระหม่อมแม้แต่ครั้งเดียว แล้วจู่ๆ วันนี้ ที่นี่ ตอนนี้จะให้พวกกระหม่อมยอมรับอนาคตที่ฝ่าบาทเลือกให้ในฐานะที่ฝ่าบาทเป็นญาติผู้ใหญ่อย่างนั้นหรือ" ข้าฯ บริพารส่วนใหญ่ลุกฮือขึ้นเมื่อได้ฟังคำสบประมาท หากแต่คิงชามัลกลับยกมือห้ามเสียก่อน

                       "ถึงอย่างนั้นเลือดส่วนหนึ่งพวกเธอก็มีเลือดของบารามอสอยู่" เนอินขยับยิ้ม

                       "กระหม่อมไม่เถียง หากแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกกระหม่อมเอง ก็สมควรที่จะให้พวกกระหม่อมเป็นฝ่ายตัดสินใจ อย่าว่าแต่ญาติผู้ใหญ่เลย ต่อให้เป็นเสด็จพ่อหรือเสด็จแม่ก็ตาม หากเป็นการคลุมถุงชนเช่นนี้ พวกกระหม่อมเองก็ขอค้านหัวชนฝา" จากสีหน้ายิ้มเริ่มแปรเป็นความโกรธเกรี้ยวจากการดูหมิ่นของเด็กน้อยทั้งสองคน

                       "ถ้าอย่างนั้นก็ต้องใช้กำลังบังคับ ทหาร! พาสองคนนี้กลับไปที่ห้อง!!!" ขาดคำบรรดาทหารต่างกรูกันเข้ามาหมายจะจับตัวตามคำสั่ง

                       ฉึก!!!

                       "อ๊ากกก!!!" เสียงร้องของทหารที่ก้าวเข้าไปใกล้สองแฝดมากที่สุดดังขึ้น พร้อมกับทรุดตัวลงไปกุมบาดแผลที่ปรากฏเลือดสีแดงไหลเป็นสาย คทาสีดำที่พร้อมจะใช้งานทุกเมื่อถูกเรียกเข้ามาอยู่ในมือเนอาร์ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ ขณะที่ดาบใหญ่อีกเล่มหนึ่งถูกส่งไปจ่อคอหอยทหารผู้โชคร้ายอีกคนหนึ่ง เนอินใช้มือที่ว่างปลดคอเสื้อให้อากาศระบายได้มากขึ้น ตั้งแต่อยู่ในชุดนี้รู้สึกขยับตัวลำบากเป็นบ้า

                       "ถ้าฝ่าบาทยังยืนยันเช่นนั้น กระหม่อมทั้งสองก็ขอคืนตำแหน่งเจ้าชายแล้วกลับไปเป็นสามัญชนที่มีอิสระในการตัดสินใจเสียดีกว่า" แล้วพายุหิมะขนาดใหญ่ก็กระพือโหมหนักจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ และเมื่อมันหยุดลง ร่างสองร่างของเด็กหนุ่มฝาแฝดก็ได้หายออกไปจากห้องโถงเรียบร้อยแล้ว


    *******************************TBC ก๊าบบบ

    Talk > ไอ้เบนซ์กลับมาแล้ว!!! หมุนตัว 360 องศาแปดตลบ (ทำไมต้องแปดตลบ??) หลังจากที่ห่างหายไปนาน เพราะมัวแต่ไปคลั่งถั่วน้อยแห่ง FMA (ตอนนี้ก็ยังคลั่งอยู่นะ) ก็กลับมาพร้อมกับฟิคเรื่องใหม่ มีหลายคนบ่นว่าบทสองเนน้อยเหลือเกิน ไอ้เราก็ตอนแรกตั้งใจจะแต่งสองคนนี้อยู่แล้วก็เห็นดีเห็นงาม(หาเหาใส่หัว)ไปกับเขาด้วย สรุปคือฟิคเรื่องนี้มันก็เกิดขึ้นมา เฮ้อ...นับว่าแต่งออกมาได้ดีในระดับหนึ่งค่ะ เพราะช่วงนี้อยู่ในอาการพล็อตตันขึ้นมา T_T เล่นเอาเฟลไปเป็นเดือนเหมือนกัน ตอนแรกที่ตัดสินใจจะแต่งจริงจังขึ้นมาก็กลัวว่าจะทำออกมาไม่ดี แต่มาถึงตรงนี้แล้วถือว่าพอใจระดับหนึ่งค่ะ แล้วคนอ่านอ่ะคะ?? ติชมได้ตลอดนะคะ ยินดีรับฟังค่ะ ^^ ไปล่ะค่ะ เจอกันตอนที่สองเมื่อไอ้เบนซ์เลิกอู้ ว่ะฮ่าๆๆๆๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×