ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Hello English!! *สะกิดรักคนไกล หัวใจอินเตอร์*

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 "ฝัน!!"

    • อัปเดตล่าสุด 6 มี.ค. 49




    "ฉึ่กกะฉั่ก กะฉึ่กกะฉั่ก       ฟู่ ฟู่ ฟู่       ใครอ่านแล้วไม่เม้นต์ ขอให้ขึ้นรถไฟหวานเย็นทั้งชาติ..."

    "ฉึ่กกะฉั่ก กะฉึ่กกะฉั่ก       ใครอ่านแล้วไม่เม้นต์ ขอให้ขึ้นรถไฟหวานเย็นทั้งชาติ      ฟู่ ฟู่ ฟู่..."

    "ฟู่ ฟู่ ฟู่     ฉึ่กกะฉั่ก กะฉึ่กกะฉั่ก        ใครอ่านแล้วไม่เม้นต์ ขอให้ขึ้นรถไฟหวานเย็นทั้งชาติ..."




    "ว๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!"


                      ฉันลุกขึ้นพรวดจากที่นอนแสนนุ่ม เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้าใสเนียนของฉัน ทั้งที่อากาศฤดูใบไม้ผลิเย็นออกขนาดนี้ยังอุตส่าห์เหงื่อไหลท่วมได้ นี่ฉันคงเครียดมากสินะ ก็จะไม่ให้เครียดได้ยังไงล่ะคะ ฉันเล่นฝันว่า นั่งเผชิญหน้ากับงูพันธุ์ผสมชอคโกแลตครีมเนยถั่ว เอ่อ.. ไม่ใช่ค่ะ คาดว่าเป็นงูแมวเซาหางกระดิ่งอยู่บนรถไฟบุเรงนอง** พร้อมกับมีเสียงสาปแช่งของยัยกิ๊ฟฟี่ เพื่อนตัวดีแบบนี้มา 3 วันติดแล้ว นี่ฉันคงหลอนจนเก็บไปฝันเลยสิท่า.. เฮ้อ!!

    ** รถไฟบุเรงนอง คือ ศูนย์รวมความเป็นรถไฟไทยสายต้นกำเนิดและรถไฟหวานเย็นชนิดเปิดประทุน จะสื่อว่า เป็นรถไฟที่เก่ามาก เหมือนใช้มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่ตัวเครื่องยังฟิตปั๋งจึงยังใช้กันมาจนทุกวันนี้ 


                        สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อ 3 วันก่อน ยัยกิ๊ฟ หรือ กิ๊ฟฟี่ ฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้เธอดูดี นิสิตสาวขาว หมวย สวย อึ๋มตามเสป็คหนุ่มไทยจากรั้วจามจุรี  เธอได้ทุนจากมหาวิทยาลัยเวเด** ให้มาเผยแพร่วัฒนธรรมไทยในแดนโสมหนึ่งเดือนครึ่ง  

                        ส่วนฉัน.. ฟินรา หรือ ฟินนี่ ฉายาที่ตั้งเองเพื่อให้ดูดีแต่ไม่มีใครยอมเรียก นิสิตสาว ไม่ขาว ไม่หมวย แต่สวย และอึ๋มซะเมื่อไหร่ตามเสป็คหนุ่มไทยใจไม่กล้า(จีบ) เอกภาษาเกาหลีจากรั้วเทาทอง เอ่อ.. ขออภัยค่ะ ด้วยจรรยาบรรณเราไม่อาจเปิดเผยข้อมูลได้แต่ใบ้ให้นิดนึงว่าติดทะเลบางแสน (ใบ้เพื่อ??)    

                         ฉันได้ทุนจากสถานทูตเกาหลีเพื่อมาศึกษาภาษาและวัฒนธรรมที่มหาวิทยาลัยกยองฮีเด** เป็นเวลาสี่เดือน โดยอาศัยอยู่ที่บ้านโฮมสเตย์ เอ.. เรียกว่าคอนโดโฮมเสตย์น่าจะถูกต้องกว่า ด้วยสภาพภูมิประเทศของเกาหลีนั้นไม่เอื้ออำนวยให้สร้างบ้านเรือนเท่าไหร่นัก เพราะพื้นที่ 2 ใน 3 ของประเทศเป็นภูเขา พื้นที่ราบมีจำกัด และคนจำนวนมากต้องบีบอัดอยู่ในพื้นที่ราบอันน้อยนิดนั่น คอนโดหรืออพาร์ตเม้นท์จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของคนเมืองในประเทศเกาหลี 

                          คอนโดโฮมสเตย์ของฉันอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยนักแค่นั่งรถไฟใต้ดินมาหนึ่งชั่วโมงเองค่ะ ขอย้ำ.. ว่าไม่ไกลแค่ชั่วโมงเดียวเอง (คุณได้ยินเสียงฉันกัดฟันมั๊ยคะ.. กรอด กรอดดดดดด) เพราะบ้านฉันอยู่เมืองอันยาง จังหวัดกยองกิ แต่มหาวิทยาลัยอยู่ในโซล คือประมาณอ่อนนุชกับชลบุรีน่ะค่ะ เห็นมั๊ยคะว่าไม่ไกลกันเลย.. กรอดดดดดด 

                          พวกเรารู้จักกันในชมรม IFS ซึ่งเป็นชมรมของบรรดานักเรียนต่างชาติที่มาเรียนในเกาหลีและเริ่มสนิทกันแต่นั้นมา


    **มหาวิทยาลัย เวเด เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านภาษาและมีภาษาให้เรียนกว่า 30 ภาษา

    **มหาวิทยาลัย กยองฮีเด เป็นมหาวิทยาลัยที่มีอาคารหอสมุดสวยที่สุดในเกาหลี เป็นตึกรูปร่างเหมือนปราสาทสไตล์โรมัน สองมหาวิทยาลัยนี้ อยู่ใกล้กันมาก เดินถึงกันได้ค่ะ


                          ยัยกิ๊ฟฟี่เขียนบลอคคล้ายบันทึกประวันจำวันถึงสิ่งที่พบเห็นในเกาหลีพร้อมกับบรรยายใส่อารมณ์อย่างดุเด็ดเผ็ดมันส์แล้วมาบังคับเพื่อนอ่านเสมอ ด้วยแนวทางการเขียนที่แปลกใหม่และมีเอกลักษณ์ของตัวเองทำให้กิ๊ฟฟี่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนๆ(ที่ถูกมันบังคับ)และแฟนคลับที่ตามอ่านแล้วติดอกติดใจแนวคิดแสบๆฮาๆของเจ้าหล่อน จนในที่สุด ไปสะดุดตาสำนักพิมพ์ชื่อดังแห่งหนึ่งเข้า จึงขอซื้อลิขสิทธิ์ไปตีพิมพ์ทำพ็อคเก็ตบุ๊คเป็นที่เรียบร้อย     

                         กิ๊ฟฟี่เพิ่งเดินทางกลับภูมิลำเนาเมื่อสองวันก่อน เธอทำหน้าที่ได้อย่างสมฐานะ ทั้งยังได้แฟนตัวจริง หนุ่มเกาหลีตี๋ ใส ได้ทั้งแฟนคลับ ได้ทั้งพ็อคเก็ตบุ๊คสุดเท่ห์ ได้เพื่อนใหม่ รวมทั้งเพื่อนแท้แสนดีอย่างฉัน ได้เผยแพร่วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศเราให้โลกรู้จัก และที่สำคัญ.. ประสบการณ์ชีวิตล้ำค่าที่หลายคนไม่มีโอกาสได้สัมผัส กิ๊ฟฟี่.. ทำหน้าที่ได้สมกับที่ทางมหาวิทยาลัยเลือกคนเก่งอย่างเธอ
               
                         ผิดกับฉันอยู่มาตั้ง 30 วัน นอกจากได้ภาษเกาหลีและเพื่อนที่แสนดีแล้ว ฉันก็ไม่ได้อะไรอีก (ความรู้สึกหดหู่ดูด้อยค่าเข้าครอบงำฉันในบัดดล T_T) ไม่พอค่ะ.. ฉันยังต้องมานั่งตบตีกับการเดินทางโดยรถไฟใต้ดินอยู่เลย ทั้งที่ใช้มันอยู่ทุกวันมาหนึ่งเดือนเต็มแล้วแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้คล่องแคล่วขึ้นมาสักนิดหากต้องเดินทางด้วยสายรถไฟที่ไม่คุ้นเคย เพราะรถไฟใต้ดินที่นี่มีถึง 8 สาย จุดที่แสนจะวุ่นวายก็ตรงที่บางสถานีมีให้เปลี่ยนสายรถไฟถึงสี่เส้นทาง ฉันจึงมักหลงขึ้นผิดสายอยู่บ่อยครั้ง สร้างความเจ็บใจและทำให้ฉันเสียเวลาเป็นที่สุด

                         ฉันมั่นใจเหลือเกินว่า ต่อให้อยู่จนครบวันที่ 120 วันแล้ว อุปสรรคในชีวิตฉันที่ประเทศเกาหลีก็มีแต่เจ้ารถไฟใต้ดินเข้าใจยากนี่แหละค่ะ ดูท่าทางมันจะไม่ยอมญาติดีกับฉันง่ายๆด้วยนะคะ ไม่รู้ไปทำเวรทำกรรมอะไรกับมันไว้ ส่วนภาษาอังกฤษน่ะเหรอ เชอะ.. ยังไม่ได้แอ้มฉันหรอกค่ะ ก็คนที่นี่ไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษเท่าไหร่ จะสำคัญก็ตอนไว้ใช้สมัครงานล่ะมั้ง แถมสำเนียงฮาเด็ดเชียวล่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่คลุกคลีอยู่ในวงการเกาหลีอาจจะฟังยากหน่อย ประมาณยังไงน่ะเหรอคะ ก็แบบว่า..

    "This is a book" เขาออกสำเนียงว่า "ดิส จิส จือ บุ๊กคือ"

                          เห็นมั๊ยคะ ฟังยากเป็นที่สุด บางที ฉันก็นึกสงสารพวกเพื่อนนักเรียนฝรั่งตาน้ำข้าวน่ารักๆ บางคนถึงขั้นหล่อ ที่มาศึกษาอยู่ที่แดนโสมนี่เหมือนกัน ว่าพวกเขาจะอยากไปตายแล้วเกิดใหม่กันบ้างมั๊ย เวลาได้ยินคนเกาหลีพูดภาษาบ้านเกิดของตัวเองแบบผิดเพี้ยนอย่างไม่น่าให้อภัยขนาดนี้

                           ว่าแต่ฉันโม้ไปถึงไหนแล้วคะเนี่ย อ้อ... ฉัน หนึ่งในแฟนคลับจำเป็นจึงไม่อาจรอดพ้นภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่นี้ได้ ฉันถูกบังคับอ่านบลอคทุกครั้งที่ยัยกิ๊ฟฟี่เขียนเพื่อติชม ไม่สิ.. เพื่อชมเท่านั้น ต้องชม.. ใช่.. ชม (ทำไมมันต้องขืนใจเพื่อนขนาดนี้ด้วยคะเนี่ย T_T)

                           ทว่าบลอควันนี้ ไม่ได้เป็นเรื่องนินทา เอ๊ย.. เรื่องเกี่ยวกับเกาหลีแต่อย่างใด ไม่ทราบว่าเจ้าหล่อนนึกคะนองอะไรขึ้นมาจึงเขียนบลอคเปรียบเทียบ "รถไฟกับความรัก" และจบลงด้วยการเปรียบเทียบ "รถไฟกับเซ็กซ์" ได้อย่างสยิวกิ๊วมากกกกกกก

    (คำเตือน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 อ่าน
    และการอ่านข้อความต่อไปนี้อาจทำให้ท่านมีอารมณ์
    ... <ฮา>ได้)




    โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×