ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Giwana ร๊ากเพื่อนตลอดไป

    ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องราวเริ่มขึ้น

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.ค. 49


              "ท่านนายพลค๊ะ" เสียงหวานๆและเรียบร้อยของเด็กหญิงดังขึ้น

              "ขอรับองค์หญิง"

              "เราอยู่ที่ไหนกันหรือคะ ฉันว่าเข็มทิศของฉันพังไปแล้วแน่เลยคะ" องค์หญิงถาม

              "ตอนนี้เราอยู่กลางป่า'ชินโอ' ขอรับ เข็มทิศคงพังเพราะคลื่นจิตนางไม้ในป่า ละขอรับ ที่นี่มีนางไม้อยู่ทุกอณูของอากาศเลยขอรับ" เสียงนายพลหนุ่มตอบ

              องค์หญิงพยักหน้ารับแล้วกลับเข้าไปในรถม้าตามเดิม ตอนนี้ขณะเดินทางของเธอที่พึ่งเดินทางมาตะวันออก กำลังมุ่งหน้าไปที่นคร'เลไนก้า' เพื่อที่จะเยี่ยมเยือนประชาชนของเลไนก้า เพื่อผลประโยชน์และอื่นๆที่เป็นประโยชน์ระหว่างประเทศ

              'เรียนเชิญ เจ้าหญิงตาไรกิ คาทิโอ แห่งนครอาเทเซีย

                   ราชวงศ์แห่งเลไนก้า ยินดีต้อนรับองค์หญิง มาร่วมงานฉลองห้าสิบปีแห่งขณะศึก ที่ปราสาทราชวงศ์วิลโล หอวิลโล ณ นครเลไนก้า ในคืนวันที่ห้า เดือนหก เวลา หกนาฬิกา ในยามเย็น
                                                                                   รักและเคารพ                  
                                                                             นครเลไนก้า วิลโล
              [กรุณาสวมชุดราตีแบบเป็นทางการ เพื่อความเหมาะสมกับงานเลี้ยง]'

              องค์หญิงตาไรกิ มองดูบัตรเชิญในมือ สีชมพูอมส้มของนครเลไนก้าเป็นสีที่มีเอกลักษณ์มาก เพราะเป็นสีประจำชาติของเลไนก้า ตาไรกิมองบัตรเชิญ สำรวหาตำหนิ ที่แสนจะหายาก ส่วนรถม้าก็ขยับอย่างเป็นจังหวะ ชวนให้เคลิบเคลิ้มเหลือเกิน

              "องค์หญิงขอรับ เราจะพักที่นี่ซักครู่นะครับ" เสียงนายพลหนุ่มเรียกขึ้น

              "...ครอก...ครอก..." เสียงแปลกเหลือเกิน พายพลเปิดม่านที่อยู่ตรงหน้าต่างให้เห็นภายใน ภาพองค์หญิงหลับอยู่ในรถม้า ทำให้นายพลหนุ่มตัดสินใจตั้งใจพัก จนกว่าองค์หญิงจะตื่นขึ้น

    __________________________________________________________________

              ในป่าชินโอ มีเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังเล่นจับกระต่ายอยู่ในบ้าน เธอจับมันขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน แล้วเริ่มออกฝีเท้า วิ่ง! เธอวิ่งผ่านห้องต่างๆขึ้นไปยังชั้นบนของบ้าน เข้าไปในห้องนอนของตัวเอง

              "แนรี่ออกมาก่อนซิ" เสียงของผู้เป็นพ่อดังขึ้น

              "ไม่ออก ยังไงก็ไม่ออก พ่อจะเอากระต่ายตัวนี้ไปฆ่านิ" เสียงเด็กหญิงดังออกมา

              "ไม่ใช่นะลูก"

              "หนูไม่เชื่อ เม่อกี้ยังเห็นพ่อถือมีดเดินมาหากระต่ายตัวนี้อยู่เลย"

              "เปล่านะลูก"

              "ไม่จริง มีดยังอยู่ในมือพ่ออยู่เลยตอนที่ตามมา"

              ชายผู้เป็นพ่อสำรวจบนมือของตัวเอง มีด ใช่ มันยังอยู่ในมือ แต่เขาไม่ได้จะเอามาฆ่าเจ้าตัวน้อยในห้องซักหน่อย แต่ถ้าแนรี่ดูที่ขาของกระต่ายซักนิด จะเห็นผ้าพันแผลที่ขาของมัน ไม่น่าใช้ผ้าสีขาวเลย เขาคิด มันคงจะดูกลมกลืนกับขนสีขาวบริสุทธิ์ของเจ้ากระต่าย และอีกข้อที่ผิดพลาดคือตอนที่เขาเข้าเมืองไป น่าจะซื้อกรรไกรเพื่อไว้ซักหน่อย จะได้ไม่เกิดเรื่องเข้าใจผิดอีก

              "เฮ้อ... พ่อยอมรับว่ามีมีดอยู่ในมือ"

              "เห็นไหม!" แนรี่ขัดขึ้น พร้อมเอากระต่ายมาอุ้มไว้ในอ้อมกอด พร้อมขยี้หัวอย่างเอ็นดู

              "ฟังพ่อก่อนซิ เฮ้อ... ลูกดูที่ขาของเจ้ากระต่ายนั้นก่อนซิ"

              แนรี่ทำตามที่พ่อบอก เธอนั้งลงพิงประตู เอามือทั้งสองจับที่ขากระต่ายอันบอบบาง ค่อยๆดูทีละขาไปเรื่อยๆ จริงด้วย ผ้าพันแผลสีขาวสะอาด เปื้อนเลือดเป็นจุดเล็กๆสีแดง ทำให้แนรี่หน้าแดงขึ้นมาทันที เธอไม่ชอบที่จะเห็นเลือดซักเท่าไหร่ ตอนนี้เธอรู้สึกคลื่นไส้ ภาพของเลือดและความรู้สึกขายหน้าปะปนกันอยู่ในท้องของเธอ เธอทนไม่ไหวแล้ว นั้นไงหน้าต่าง อยู่แค่นั้น แนรี่เริ่มออกวิ่ง กระต่ายตกลงบนพื้นพร้อมครางเบาๆด้วยความเจ็บปวด แนรี่อาเจียนออกมาทันทีที่ถึงหน้าต่าง

              "แหวะ!!! เฮ้อๆ... แหวะ!!... "

              "ลูก!! ให้พ่อช่วยไหม" เสียงพ่อถาม

              "ไม่เป็นไรแล้วคะ"

              แนรี่เดินกลับมาเปิดประตูให้พ่อเข้ามาในห้อง ทันทีที่ประตูเปิด เจ้ากระต่ายรีบวิ่งเซๆออกไปทันที แต่พ่อกลับเดินเข้ามาพร้อมโอบกอดลูกสาวไว้

              "ไม่เป็นไรใช่ไหมลูก" พ่อพูดพร้อมตบหลังลูกเบาๆ

              "ไม่คะ" แนรี่พูดจบแล้วสลบลงทันที

              ...  ...  ...  ...  ...

              ที่นี่ช่างมืดเหลือเกิน แนรี่คิด ตอนนี้เธอยืนอยู่ในป่าไม้ที่แสนทึบ อาจเป็นตอนกลางคืนก็ได้ เพราะในที่ๆเธอยืนอยู่ไม่มีแม้แสง แค่แสงรำไรยังหาไม่ได้เลย มีแต่ประกายสีเงินที่เหมือนกับประกายแห่งจิตของเหล่านางไม่เท่านั้นที่ส่องทางเดินให้ ข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ สูงจนมองไม่เห็นยอด ใหญ่และเบียดเสียดจนไร้ช่องว่าง บรรยากาศหน้าอึดอัดเหลือเกิน แต่หน้าแปลกที่แนรี่กลับรู้สึกคุ้นเคยกับที่แห่งนี้ แม้ว่าจะมืด แห้งแล้ง น่ากลัว แต่เธอกลับไม่รู้สึกอะไรเลย

              "กิวานา กิวานา แสงแห่งเวท พลังที่สูญหาย สายน้ำแห่งเหล็กไหล ผู้ที่ไม่รู้เห็นแสนโชคร้าย หากไม่พบก็ไม่เกิด หากไม่เกิดก็ไม่พบ แล้วเหตุใดที่พระเจ้าเลือกท่าน พระองค์เลือกถูกแล้ว ข้าเชื่อ ข้ารู้ ได้โปรด ผู้ถูกเลือก จงตามข้ามา มาหากิวานา ต้นกำเนิดแห่งท่าน ญาติจิตใจแห่งท่าน ตามมาเถิด" เสียงร้องสวดภาวนาก้องผ่านหมู่ไม้ออกมา ฟังดูโหยหวน แต่ก็ไพเราะดุจเสียงของภูฑชั้นสูง อยากรู้เหลือเกินเสียงนั้นมาจากไหน แนรี่คิด

              "ตามข้ามา เสียงนี้จะนำทางท่าน สู่เส้นทางที่แท้จริง" ไพเราะเหลือเกิน

              "แน่นอนที่ต้องเดินตาม ใครห้ามใจได้ละ" แนรี่พูดเบาๆ

              เธอเดินตามเสียงภาวนาไปเรื่อยๆ มันจะพาเธอไปไหนกันน๊ะ แสงอาทิตย์ ขุมสมบัติ บ้าน หรือชุมชนภูฑ ไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องรู้ให้ได้ มันน่าสนุกดีที่ตามหาในสิ่งที่ไม่รู้

              "กิวานา กิวานา ทายาทแห่งท่านจะมารวมตัวกัน ข้าจะร้องเรียกรวมเหล่าให้ท่าน ขับกล่อมด้วยเวลา อธิบายด้วยเสียงเพลง" เสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ น่าหลงไหลเหลือเกิน แนรี่เริ่มเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง เธอวิ่งตามเสียงไปเรื่อยๆ อธอรู้สึกได้ว่าเข้าใกล้เสียงภาวนามากขึ้น

              "ข้าได้ยินแล้ว เสียงสายลมส่งสารมา พวกท่านตามทำนองขับกล่อมของข้า วิ่งด้วยฝีเท้าแรงกล้า ผ่านดงไพรต้องคำสาปที่น่ากลัว ตามมาเรื่อยๆเหล่าผู้ถูกเลือก เส้นทางของท่านต้องรับรู้ผ่านตัวข้า รีบเข้าเหล่านักรบ อีกไม่ไกลแล้ว"

              ไม่ไกลอะไรกันเนี่ย แนรี่คิด ฉันเหนื่อยเป็นน๊ะ เธอเริ่มล้า แต่เสียงก็ชัดขึ้น

              วูบ!! เสียงดังของการเคลื่อนตัวผ่านหมู่ไม้อีกฝั่ง เธอพึ่งสังเกตุว่ามีช่องว่าระหว่าต้นไม้เหล่านี้ด้วย งั้นก็แปลว่าที่นี่ไม่ได้มีแค่สาวน้อยแนรี่แค่คนเดียวละซิ หรู่มันอาจเป็นเงาการเคลื่อนตัวของแมวป่า แต่ว่า... แมวป่าที่ไหนจะมีตัวเท่าๆกับเธอละ เสือรึเปล่า แต่ถ้าเป็นเสือก็ต้องได้ยินเสียงครางบ้างซิ ช่างเถอะ ขอแค่มันไม่ได้อยู่ที่นี่ ตรงนี้ เวลานี้ ก็เพียงพอแล้ว

              "อย่ากลัว จงอย่ากลัว ท่านทายาทแห่งชะตากรรม เส้นทางที่พวกท่านเลือกเดินครานี้ มีแต่สิ่งอันตราย และความตายรอบตัว มาหาข้าเถิด ท่านจะได้ไม่โดดเดี่ยวและปลอภัย ท่านจะได้รับชีวิตแสนชวนฝันเหนือกฎเวลา ท่านจะได้รับสหายใหม่ที่เข้มแข็ง ท่านจะได้พลังและหน้าที่แห่งโลกา" เสียงนั้นดังขึ้นเหมือนว่าอยู่ที่ปลายจมูกของเธอ แนรี่หลับตาลงช้าๆ ในทันทีที่เปลือกตาปิด ขาของเธอขยับเองโดยไม่รู้ตัว เดินหน้าไปเรื่อยๆ สายลมในอากาศที่กระทบผิวหนังเริ่มอุ่นขึ้น เธอรับรู้ได้ถึงแสงสว่างอันบริสุทธิ์ที่ผ่านหนังตาของเธอมา กลิ่นไอที่หอมหวานลอดผ่านใต้รูจมูกของเธอไป มันช่างเย้ายวนใจยิ่งนัก

              แนรี่หยุดเดินแล้ว แต่เธอได้ยินเสียงฝีเท้าของคนอื่นที่ไม่ใช้เธอดังออกมา น่าสงสัยยิ่งนัก นอกจากฉันแล้วมีคนอื่นด้วยหรอ แนรี่สงสัย

              "ท่านผู้เลือกเส้นทางแห่งกิวานาทั้งหลาย ท่านทั้งเก้ามารวมตัวกัน ณ ที่นี่ เสียงสายลมขับกล่อม นำพาวิญญานของท่านผ่านนิทราแสนสุข เพื่อรับรู้เรื่องราวแห่งโชคชะตา ได้โปรดจงลืมตารับรู้ความเป็นจริงด้วยเถิด" เสียงไพเราะนั้น เปลี่ยนจากสวดภาวนาเป็นเสียงต้อนรับอย่างอบอุ่น

              แนรี่ลืมตาขึ้นมา ก็ได้พบภาพที่สวยงามที่สุดเท่าที่เคยเห็น เธอกำลังยืนอยู่บนลานศิลารูปครึ่งวงกลม บนพื้นสลักลวยลายที่วิจิตรงดงามที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา รอบๆลาน มีกลุ่มคนแปดคนยืนล้อมอยู่ แต่ละคนล้วนใส่เสื้อคลุมกำบังกายอย่างมิดชิด แนรี่จึงก้มมองดูตัวเอง เพราะรู้สึกแต่ต่างจากคนอื่น แต่ไม่ ตอนนี้เธอเองก็มีเสื้อคลุมดำ ปิดและกำบังร่างกายเช่นเดียวกับคนอื่น เธอเริ่มกลับไปมองวิเคราะห์สถานที่ๆเธออยู่อีกครั้ง  

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×