ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    องค์กรก่อหายนะแห่งสหราชอาณาจักร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 54


    "กาลครั้งหนี่งนานมาแล้วปีศาจร้ายได้เข้า โจมตีอาณาจักรสวรรค์....... ในที่สุดอาณาจักรสวรรค์ก็กลับสู่ความสงบสุขจวบจนทุกวันนี้และตลอดไป" ใช่...นิทานก่อนนอนของเด็กน้อยจบเพียงเท่านี้ เฮ้!!!! แปะๆๆ ตบมืออย่างซาบซึ้ง มันตื้นตันจนข้าน้ำตาไหลเลยแหละ ถุ้ย!! อะโด่ อ่านตั้งแต่บรรทัดแรกก็รู้แล้วว่ามันจะจบยังไง คงหนีไม่พ้นการเกิดสงคราม สู้กันหน้าขาวเคร่งเครียด อะไรนะข้าพิมพ์ผิดเหรอ ไม่ผิดหรอกก็พวกเทพหน่ะตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยเห็นเทพเกิดมาตัวดำทมึน มีเขี้ยวยาวลากดิน ตาแดงดุจดั่งโลหิต ตัวใหญ่มโหฬารซะทีนี้ เพราะงั้นหน้าขาวเคร่งเครียดแหละเหมาะสมสุดแล้ว อีกอย่างปีศาจเกิดมาหน้าตาเพอร์เฟ็ค ผิวขาวดุจดั่งหิมะ ปีกเป็นขนนกขาวบริสุทธิ์ไร้จุดด่างพร่อย สะอาดสะอ้าน นั่งจิบน้ำชาตอน 11.00 น. ตรงของทุกวัน เอิ่ม.... มันจะมีวันนั้นมั้ยหละนี่ 

      
      แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดมันไม่ใช่ประเด็น ประเด็นมันอยู่ที่ว่าทำไมหนังสือนิทานที่มีเนื้อหาซ้ำๆซากๆแบบนั้นมันถึงได้ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าขนาดตีพิมพ์เป็นสิบๆรอบ แล้วทำไมนิทานของข้ากลับถูกสำนักพิมพ์ทุกสำนักพิมพ์ปฏิเสธหละ ทำให้เทพป่นปี้บ้าง ลบหลู่ปีศาจ เนื้อเรื่องเข้าใจยาก และบราๆๆๆอีกสาระพัดซึ่งข้าก็นั่งอมลูกอมฟังจนคนพวกนั้นพร่ามจบนั่นแหละ นิทานของฉันเป็นยังไงหน่ะเหรอก็...
     
      กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีพระราชารูปงามแสนขี้เหร่อยู่องค์หนึ่ง ขี่ม้าขาว อันดำมืด เข้าไปในป่าทึบอันโล่งแจ้ง เจอนกหนึ่งตัวเกาะอยู่บนต้นไม้สองต้น พระราชาจึงชักปืนสั้นอันยาวเหยียด ยิงขึ้นไปหนึ่งนัดดัง ปัง ปัง ปัง นกนั้นตายคาที่แล้วบินหนีไป ลูกกระสุนถูกลมพัดตกลงไป Hole in one ณ รูส่วนล่างระหว่างขาของเจ้าปีศาจ (ข้าได้ยินมันกระซิบว่า รู้สึกดีมาก โอ้วววว)ปีศาจสองตัวหนึ่งหัวโกรธมากจึงวิ่งเข้ามาหาหมายจะกอดจูบพระราชาให้หายแค้น เมื่อลูกน้องของทั้งสองฝ่ายเห็นดังนั้นจึงเพิกเฉยกันสุดฝีเท้าเข้ามาซ้ำเติม เจ้านาย ทั้งสองฝ่ายวิ่งเข้าหากัน ในตอนนั้นเองปิศาจสองตัวหนึ่งหัวก็สะดุดเท้าตัวเอง เหตุการณ์นี้เองทำให้ปีศาจอับอายเป็นอย่างมากจึงถอยกลับ ตั้งแต่นั้นมาปีศาจก็ไม่กล้ามาสู้หน้าเผ่ามนุษย์อีกเลย 

      เป็นยังไงบ้างหละนิทานของข้าออกจะสนุก เข้าใจง่าย สร้างสรรค์ ไม่เห็นต้องเสียเลือดเนื้อก็สงบสุขได้ เจ้าพวกบรรณาธิการทั้งหลายมีตาหามีแววไม่ ไม่เข้าใจความแปลกใหม่แห่งวงการหนังสือเอาซะเลย ไอ้พวกหัวโบราณเอ๊ย คนหน้าตาดีอยากกรีดร้อง ใช่ซี้~คนหล่ออย่างข้าสวรรค์มักกลั่นแกล้ง มันคือสัจจะธรรมจริงๆ ฮือๆๆ

    เฮ้อแต่โวยวายไปก็เท่านั้นข้าคงต้องทำใจยอมรับมันอย่างเดียว เพราะฉะนั้นข้าควรจะเลิกโวยวายใช่ม้า ไม่มีทางซะหรอก ในเมื่อข้าเครียดขนาดนี้ข้าจะทำให้ผู้อ่านเป็นไมเกรนไปพร้อมๆกับข้า วะฮ่าๆๆๆ

    จ๊อก~~~

      อูย....หิวเป็นบ้าเลย ตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยนอกจากน้ำย่อยที่หลั่งไหลออกมาไม่หยุด ข้าควักกระเป๋าเงินออกมา ก่อนจะเทเศษเหรียญออกมาได้หนึ่งกำมือพอดี แต่หนึ่งกำมือมันไม่พอซื้ออาหารสักจานเลย อาหารมันก็ไม่ได้แพงอะไรนักหรอกแต่ว่าไอ้เหรียญที่อยู่ในมือค่าเนี่ยมันเป็น เหรียญซอตทั้งนั้นนีนา หืมเหรียญซอตก็คือเหรียญสลึงของโลกเจ้านั่นแหละนับๆดูแล้วข้ามีเงินไม่ถึง 20 บาท หรือ 10 เซนต์ เลย อาหารจานหนึ่งก็ปาเข้าไป 90 เซนต์แล้ว อย่างอาหารตามข้างทางก็60 เซนต์ มื้อนี้ข้าจะกินอะไรหละเนี่ย 

    โครกคราก....... เจ้ากระเพาะส่งเสียงประท้วง

      ก็ข้าไม่มีเงินนี่นาเจ้าจะให้ข้าทำยังไงเล่า!!! อะไรนะ เจ้าหาว่าข้าไม่มีน้ำยารึ ด่าว่าข้าปัญญาอ่อน งี่เง่า แต่งนิทานให้เด็กอ่านเด็กยังไม่แล หน้าตาทุเรศรึ หน่อยแหน่ะ เจ้ากระเพาะบ้า เจ้าช่วยข้าทำมาหากินบ้างมั้ย มีสิทธิ์อะไรมาว่าข้า โดยเฉพาะเจ้าบังอาจมาว่าหน้าตาสุดหล่อเหลาของข้า บังอาจยิ่งนัก เครื่องประหารหัวจิ้งเหลน สำหรับแก เจ้ากระเพาะไม่รักดี!! ข้าจะหั่นเจ้าเป็นสิบๆชิ้น แล้วเอาค้อนทุบๆๆๆๆ ดาบฟัน พันโซ่ ถลกหนัง เผาไฟ เอาไปกระทืบ ฝังทั้งเป็น จับถ่วงน้ำให้จระเข้กินให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยฮึ่ย!!

    โครก....

      เจ้าอยู่ในร่างกายข้า ถ้าข้าฆ่าเจ้าข้าก็ตายไปด้วยรึ เอ่อก็จริงวุ้ย...ว่าแต่ว่า.........ข้าฟังภาษากระเพาะออกด้วยเหรอเนี่ย เหอๆชีวิต

    คิกๆ

      ข้ามองตามต้นเสียงก็พบกับหญิงสาวกลุ่มหนึ่งอายุราวๆ 19-20 ปี จับกลุ่มซุบซิบ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่โดยหันมามองทางข้า นี้ข้ากลายเป็นจุดรวมสายตาของคนทั้งถนนได้ยังไงหละเนี่ย รู้แล้ว!!! เพราะข้าหล่อหละสินะ หุๆ รังศีความหล่อข้านี้ปิดไม่มิดจริงๆ นี่ขนาดเก็บไปกว่าครึ่งแล้วนะเนี่ย
      ข้าเดินเข้าไปหาหญิงสาวกลุ่มนั้นก่อนจะโค้งทักทายอย่างสุภาพบุรุษ พวกเธอก็โค้งศีรษะเล็กน้อยตอบ ก่อนจะยื่นเงินให้ข้าจำนวน 100 เซนต์ ว้าว เจ้ากำลังจะบอกว่าให้เอางเงินนี่แลกกับแผนที่ทางไปบ้านข้าหละสิ แหมๆไม่ต้องหลงไหลข้าขนาดนั้นก็ได้ เจอกันครั้งแรกก็อยากตามไปถึงที่บ้านเลยเหรอเนี่ย ใจร้อนจริงๆ อะแฮ่ม!!! ไม่ได้ๆต้องวางมาดเข้าไว้

    "เอ่อ...คุณสุภาพสตรีขอรับ ไม่ทราบว่าเงินนี่...."ข้าเก๊กเสียงแมนที่สุดเท่าที่จะทำได้พร้อมทั้งตีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์อย่างสุดฤทธิ์

    "อ้าว เมื่อกี้เจ้าไม่ได้โชว์ระบำปวดตับหาเงินอยู่หรอกเหรอ"นางพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก

      ข้ายิ้มกระตุก อ...อะไรนะ ระบำปวดตับ นี่อย่าบอกนะว่าที่ข้าตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งถนนนี้เพราะทุกคนคิดว่าที่ ข้าทำท่างบีบๆต่อยๆท้องตัวเองตอนที่ทะเลาะกับเจ้ากระเพาะคือท่าทางระบำปวด ตับหรอกรึ เจ้ากระเพาะหุบปากเพลงที่มีแต่คำว่าหน้าแตกหมอไม่รับเย็บนั่นสักทีจะได้มั้ย

    โครกคราก....โครกโครก....คราก.... และมันยังคงร้องต่อไป

    "นอก จากท่าเต้นอันเป็นเอกลักษณ์ชวนมอง ท่าปวดตับที่สามารถสื่อถึงความสับสน กลัดกลุ้มและเกรี้ยวกราด แววตาที่ฉายความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อเหมือนดังภูผาที่ไม่อาจคล้อยตามลม ตัวที่บิดอย่างอ่อนช้อยแฝงความมั่นคงด้วยขาที่ยืนหยัดกางออกจากกันไม่เกิน90 องศา ตรงตามตำรามารยาทขั้นสูงของอัศวินแห่งสำนักแม๊นแมน เสียงประกอบที่ทุ้มนุ่มแต่ก้องกังวานประกอบเป็นระยะๆ โอ้ว มันช่างเป็นระบำที่สมบรูณ์แบบอะไรเช่นนี้ หัวใจดวงน้อยๆถูกเจ้าขโมยไปแล้ว เทพบุตรของข้า" กระเทยร่างบึกบึนชนิดนักเพาะกายชิดซ้ายแต่ร่างกายของเขา (?) ยังไม่น่ากลัวไม่ถึงครึ่งของชุดที่สวมใส่เลย ร้องเท้าส้นเข็มสีแดงสดเงาวับ ชุดกระโปรงที่แหวกขนาดที่กระโดดข้ามรั้วยังไม่ขาดสีเหลืองเรืองแสงเผยให้ เห็นขาอ่อน โอ้วแม่เจ้า ขาเหรอเนี่ยขนาดเท่าตัวข้าเลย แถมคอเสื้อยังกว้างซะเห็นถึงตาตุ่มได้อย่างทะลุปรุโปร่งตอนก้ม ขนตาปลอมแทบจะจิ้มตาข้าอยู่แล้ว แป้งขาวจั๊วขนาดงิ้วเรียกพี่หนาเป็นฟุต แก้มถูกปัดเป็นสีเขียยวอี๋ ทรงผมฟูเหมือนโดนฟ้าผ่ามาสักร้อยรอบ

    "มามะ มาให้สาวน้อยผู้น่ารักคนนี้จูบซะดีๆ เทพบุตรตัวน้อย"

    "อ๊ากกก" มันวิ่งตามข้ามาแล้วว



    "หายไปไหนแล้วเนี่ยพ่อเทพบุตรของข้า" กระเทยนั่นบ่นกระป้อนกระแป้นระหว่างที่เดินผ่านซอกตึกที่ข้าซ่อนตัวอยู่

    "ฮุ่...." ข้าพ่นลมอย่างโล่งอก ดีนะที่กระเทยนั่นตาถั่ว ข้ายืนอยู่กลางถนนขนาดนี้ยังมองไม่เห็น

    "น่าสนใจจริงๆเจ้าหนูนั่นหน่ะ" ชายผู้ใบหน้าถูกเงาฮู้ดบดบังพูด พลางชำเลืองมองเด็กหนุ่มด้านล่าง

    "ใช่...... ความสามารถในการวิ่งหนีแบบไม่คิดชีวิตเป็นคุณสมบัติข้อสำคัญเลย"ชายอีกคนที่ ใส่ชุดเหมือนอีกคนเด๊ะเอ่ย พร้อมพยักหน้าหงึกๆหงักๆกับความคิดของตน "คงต้องงทดสอบสักหน่อยแล้ว"

    "ฮี่ๆๆๆ น่าสนุกจริงๆเอาแบบทดสอบยากหน่อยก็ดีนะ จะได้ไม่เสียชื่อองค์กรณ์แห่ง OHMSS" ชายคนแรกหัวเราะเย็น

    "แน่นอน ครั้งนี้เราไปทักทายด้วยตัวเองกันเถอะ" ชายทั้งสองยิ้มชั่วร้าย

    "เฮ้ย ไอ้หนุ่มสองที่ยืนอยู่บนป้ายโฆษณาอาหารหมานั่นหน่ะ ไปเก๊กเท่อะไรบนนั้น ลงมา!!!" ตาแก่ร้านขายของชำตะโกน

    "ชะอุ๊ย.....นี่ใครบอกให้เจ้าวาร์ปมาอยู่บนป้ายโฆษณาอาหารหมาเนี่ย" ชายคนแรกถาม

    "จะไปรู้เหรอ ก็วาร์ปมาด้วยกัน"

    ติ๊ดๆๆๆ เสียงเครื่องสื่อสารดังขึ้นขัดก่อนที่จะเกิดสงครามน้ำลาย

    "ฮัล โห..." ยังไม่ทันที่จะพูดคำทักทายจบเสียงตวาดก็ดังขึ้นก่อน "ตอนนี้พวกเจ้าสองคนอยู่ไหน ข้าสั่งให้พวกเจ้าไปซื้อพิซซ่าจากโลกมนุษย์ พวกเจ้าหายไปครึ่งค่อนวันแบบนี้ข้าจะปลดล็อคเวทวาร์ปให้พวกเจ้าทำไมกัน ห๊ะ!!! ถ้าพวกเจ้าไม่กลับมาภายในสองนาทีนี้ ข้าจะสั่งประหารเจ็ดช่วโครตแน่"

    "คร้าบบบ จะไปเดี๋ยวนี้แหละคร้าบบ" ก่อนจะหายวับไปในทันที


    "อิ่ม สุดๆเลย"ข้าเดินลูบท้องป่องๆของตัวเอง หลังจากสวาปามอาหารจนพนักงานเสิร์ฟตกตะลึง ดีนะที่อาณาจักรสรวงสวรรค์แห่งนี้รับวัฒนธรรมมาจากโลกมนุษย์มาพอสมควร ไม่งั้นคงไม่มีร้านอาหาร บุบๆ บุ๋มๆ อะไรนะ บุบผง บุบโฟ บุบเฟย ????อะไรสักอย่างแหละช่างเถอะ ทำให้อิ่มได้ก็เป็นพอ ช่างเป็นร้านที่ดีจริงๆจ่าย 100 เซนต์ นั่งได้ 1 ชม. แต่นี้ข้านั่งได้แค่ 15นาที พนักงานในร้านกลับทำหน้าเหมือนอยากปิดร้านหนีซะหละ ข้าแค่เข้าไปยกถาดเนื้อ 2 กิโลฯจากในครัวมานั่งกินหมดภายใน 10 นาทีแค่นั้นเองนะ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยนี่นา ก็ค่อยๆเดินไปหยิบทีละนิดๆมันช้านี่หว่า

    ข้าเดินแคะฟันออกมาจากร้านบุบๆอะไรนั้น ท่ามกลางสายตาขอบคุณพระเจ้าของเหล่าพนักงานทั้งหลาย

     

    หลีก....!!!” เสียงตะโกนดังขึ้นหลังจากที่ข้าเดินออกจากร้านเพียง 2 ก้าว

     

    ยังไม่ทันหันไปตามต้นเสียงข้าก็รู้สึกเหมือนถูกของแข็งชนเข้าอย่างจังเข้าที่กลางหลัง ส่งผลให้ข้าเซอย่างเสียสมดุลย์ ด้วยสัญชาตญาณที่ไม่อยากให้ใบหน้าอันหล่อเหลาลงไปจูบผืนปฐพี ข้าจึงคว้าหมับผ้าใบโฆษณาที่ห้อยลงมา

     

    แควก!! แก๊ง!! โครม!!!

     

    ด้วยน้ำหนักของข้าประกอบกับแรงฉุดทำให้ผ้าใบโฆษณาหลุดออกมาจากฝาผนังพร้อมท่อนเหล็ก ผ้าใบหลุดไปคลุมหน้าของม้าที่กำลังลากเกวียนขนของทำให้ม้าตกใจอย่างมาก มันจึงสะบัดผ้าใบออกสุดแรง ท่อนเหล็กจึงฟาดเข้ากับกระจกร้านเครื่องเพชรแตกละเอียด เสียงสัญญาณกันขโมยร้องลั่น วัวที่อยู่บนหลังเกวียนขนาดใหญ่นับสิบตัวต่างแตกตื่น มันจึงช่วยกันพังกรงออกมาและไล่ขวิดชาวบ้านด้วยความเข้าใจผิดว่าชาวบ้านคิดจะทำร้ายตน คณะนักท่องเที่ยวทั้งหลายที่อยู่บนหลังม้าเห็นดังนั้นจึงควบม้าหนีวัวกันสุดฝีเท้าจนไม่ทันมองว่าผ้าใบที่ตกลงมานั้นถูกขึงตึงเนื่องจากท่อนเหล็กนั้นไปพันอยู่กับผ้าม่านของร้านเพชรจนเอาไม่ออก ม้าจึงสะดุดผ้าใบล้มหน้าคะมำ ทำให้ม้าอีกหลายตัวที่วิ่งตามมาหยุดกันตวโก่ง แต่ยังไม่ทันจะหยุดดีก็โดนวัวขวิดจนวิ่งพล่านไปอย่างไร้ทิศทางด้วยความเจ็บ

     

    กรี๊ด~

     

    ในขณะที่ข้ากำลังตะลึงกับจราจล เสียงหวีดร้องของเด็กหญิงที่กำลังวิ่งหนีการขวิดของวัวก็เรียกสติข้ากลับคืนมา ข้าหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอุปกรณ์ที่พอจะช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้น ก่อนสายตาของข้าจะสดุดเข้ากับปืนยิงระเบิดที่โหลดลูกกระสุนไว้พร้อมวางอยู่ ข้าจึงหยิบมันขึ้นมาก่อนยิงไปโดยไม่ลังเล แต่ด้วยความแม่นของข้าทำให้กระสุนเลยไปทางอนุสาวรีย์เทพีพิทักษ์เมืองที่อาณาจักรสวรรค์บูชามาหลายชั่วอายุเทพแทน

     

    ตูม!!! เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว

     

    ทันทีที่ฝุ่นจางลง ข้ามองหาเด็กผู้หญิงคนนั้นก็พบว่าเธอสบายดี ส่วนวัวนั่นก็ล้มลงหมดสติไปเรียบร้อย

     

    วะฮ่าๆๆๆ” ข้ายืดอกหัวเราะด้วยความภาคภูมิใจจนไม่ทันสังเกตว่าการจราจลเมื่อครู่ได้หยุดชะงัก เปลี่ยนเป็นหันมามองเขาเป็นตาเดียว แม้กระทั่งวัวคลั่งก็ทำตัวสงบเสงี่ยมรามเมื่อครู่ไปปลีกวิเวกอยู่กลางป่าลึก

     

    ม....มีอะไรกันหรือขอรับผ่านไปห้านาที ข้าเพิ่งรู้สึกถึงความผิดปกติ

     

    มี.....มากซะด้วย น้องชาย” เทพหนุ่มหน้าตากล่อเหลาอายุราวๆ 20-25 ปีมนุษย์ พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมๆพลางชี้นิ้วไปทางเทพีที่ลูกกระสุน (ระเบิด) ข้าเพิ่งลอยไปทักทาย

     

    แหะๆ” ข้าหัวเราะแห้ง หลังจากที่พบว่า อนุสาวรีย์ที่เคยสวยสดงดงามบัดนี้เหลือเพียงฝุ่นผง ส่วนตัวของเทพีก็ลงไปนอนแน่นิ่งบนบ้านเรือนของผู้คน

     

    อธิบายให้ข้าฟังหน่อยสิน้องชาย” เทพหนุ่มคนเดิมพูดแล้วยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ติดลบลงหลายองศา

     

    ส...สงสัยเทพีคงเมื่อยจากการยืนมาหลายชั่วอายุเทพ เลยลงไปนอนพักสักครู่หน่ะขอรับ

     

    ตายย....!!!!” ชาวบ้านทั้งหมดวิ่งกรูกันเข้ามาทางข้าโดยมิได้นัดหมาย

     

    อ๊ากกก...” ตอนเช้าถูกบรรณาธิการไล่ออก ตอนสายหนีกระเทย ตอนกลางวันหนีเทพทั้งหมู่บ้าน ชีวิตของข้า~~

     

    ล้มครั้งเดียว พินาศทั้งเมือง ความสามารถจริงๆเลยน้าชายผู้มีฮู้ดบดบังใบหน้ายืนมองเมืองที่กำลังเกิดจราจมแล้วอมยิ้ม

    ข้าว่าแบบนี้ไม่ต้องทดสอบอะไรเพิ่มแล้วหละมั้ง สามารถก่อความวุ่นวายโดยไม่ใช้งบใดๆทั้งสิ้น ข้ายังทำไม่ได้เลยแฮะชายอีกคนเอ่ย

    นั่นสินะ ข้าว่าตอนนี้เราน่าจะลงไปช่วยเขาก่อนที่เราจะได้สมาชิกใหม่เป็นศพดีกว่านะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×