ตอนที่ 5 : "ฉันเป็นหมอ"
"เจ้าคือผู้ใดกัน มาทำกะไรที่นี่" ชายแต่งกายในชุดนักรบไทยสมัยโบราณคนนั้นเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ลากเธอมารวมไว้กับคนอื่นๆที่ถูกจับมัดไว้ก่อนหน้า ชายหนุ่มหน้าตาดุดัน ใบหน้าคมเข้มที่เต็มไปด้วยรอยเลอะจากคราบเลือดเมื่อรวมกับชุดนักรบที่สวมใส่อยู่นั้นยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขามมากขึ้นไปอีก
"ก็บอกแล้วไงว่าเป็นหมอ มาออกค่ายอาสา รักษาชาวบ้าน" วาดดาวพยายามอธิบายอย่างอดทนหลังจากที่เธอพูดคำนี้ซ้ำเป็นรอบที่สามแล้ว แต่คนตรงหน้าก็ยังดูจะไม่ยอมเชื่อที่เธอพูด
"หยุดพูดปดได้แล้ว บอกความจริงมาว่าเจ้าเป็นผู้ใดกัน เป็นหญิง เหตุใดจึงมาอยู่ในป่าแต่เพียงผู้เดียวเยี่ยงนี้" เขาตะคอกเสียงดัง
"บอกว่าเป็นหมอ หลงทางมา กำลังหาทางกลับอยู่นี่ไง" เธอพยายามสะกดอารมณ์โมโหสุดขีด ที่พูดเท่าไรเขาก็ไม่ยอมเชื่อ
"หมอกระไรกัน หมอตำแยรึ" คราวนี้เป็นคำถามจากคนข้างๆที่ยืนฟังอยู่นาน
"หมอตำแยอะไร? ไม่ใช่ หมอรักษาคนนี่แหละ ศัลยแพทย์ หมอผ่าตัดน่ะรู้จักไหม"
"ศัล.......ศัลกระไรนะ เจ้าพูดภาษากะไรกัน ข้ามิเข้าใจ" ชายคนข้างๆ ยังคงแสดงอาการไม่เข้าใจที่เธอพูดอยู่ "คำพูดคำจาก็แปลกพิกล เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่ บอกความจริงมาบัดเดี๋ยวนี้" คราวนี้ชายคนผู้นั้นกลับยกดาบชี้หน้าเธอเป็นเชิงคาดคั้นเอาความจริง
"พวกคุณนั่นแหละเป็นใครกัน มาทำอะไรกันที่นี่ ถ่ายหนังเหรอ ไหนละผู้กำกับ ไม่ใช่สิ หรือว่าเป็นโจร เป็นโจรใช่ไหม ฉันเห็นพวกคุณฆ่าคนด้วย ใช่ไหม" คนถูกถามกลับเป็นฝ่ายตั้งคำถามกลับบ้าง
"พวกข้ามิใช่โจร พวกข้าเป็นทหารในสังกัดของสมเด็จวังหน้า มาที่เพื่อทำศึกกับฝ่ายอังวะ หาได้มาปล้นฆ่าผู้ใดไม่" ชายคนที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง เป็นเชิงไม่พอใจที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร แต่นั่นยิ่งทำให้คนฟังอย่างวาดดาวยิ่งประหลาดใจเข้าไปอีกกับคำตอบที่ได้
"ศึก? ศึกอะไร" เธอเอ่ยถามด้วยความสับสนงุนงง แต่ยังไม่ทันจะได้คำตอบก็มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นเสียก่อน
"คุณหลวงขอรับคุณหลวง พันเรืองถูกฟันบาดเจ็บสาหัสขอรับ" ชายคนหนึ่งถูกหามเข้ามาด้วยอาการบาดเจ็บ ถูกฟันเข้าที่ขา บาดแผลฉกรรจ์ เลือดไหลทะลักเป็นสายอย่าน่ากลัว
"มิเป็นกะไรดอกขอรับ กระผมทนได้" คนเจ็บเอ่ยปากบอก ถึงปากจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่คนดูก็พอจะดูออกว่าอาการไม่ค่อยสู้ดีเท่าไรนัก
"อดทนไว้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันจักพาพันท่านกลับไปรักษา" คนฟังเอ่ยปลอบให้คนเจ็บคลายความกังวลลง จากนั้นจึงหันไปออกคำสั่งกับคนอื่นๆ "เตรียมตัวออกเดินทาง เราจักพาพันเรือง แลทหารที่บาดเจ็บกลับไปที่ค่ายโดยเร็วที่สุด
"เห็นทีจักมิได้นะขอรับ บาดแผลลึกมาก หากยิ่งขยับเขยื้อนร่างกาย เลือดจักยิ่งไหลมากยิ่งขึ้นนะขอรับ"
"เช่นนั้นก็ให้ทหารรับหมอมาที่นี่แทนก็แล้วกัน" ชายผู้ที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าเสนอวิธีแก้
"ระยะทางจากที่นี่ไปค่ายนั้นไกลนัก กว่าจักไปกว่าจักกลับพันเรืองอาจจักทนรอมิไหวนะขอรับคุณหลวง ชายอีกคนตอบ
"แล้วจักให้ทำเช่นไรเล่าจักให้ปล่อยพันเรืองไว้เช่นนี้รึ" ชายที่ถูกเรียกว่าคุณหลวงแสดงอาการร้อนรนออกมา เนื่องจากเป็นห่วงอาการคนเจ็บ
ขณะที่ทุกคนกำลังกังวลกับการหาวิธีช่วยคนเจ็บอยู่นั้น หญิงสาวคนเดียวในที่นั้นก็ขยับตัวลุกขึ้น "ขอฉันดูหน่อยได้ไหม" เธอตัดสินใจเอ่ยถามแบบกล้าๆกลัวๆ หลังจากที่นั่งฟังเหตุการณ์มาสักพัก เรียกให้สายตาทุกคู่จ้องมองไปที่เธอเป็นตาเดียว "ฉันเป็นหมอนะ ขอดูอาการหน่อย" ไม่พูดเปล่า เธอสาวเท้าตรงมาที่คนเจ็บทันที แต่ถูกขวางไว้เสียก่อนที่จะถึงตัวคนเจ็บ
"อยากให้เขาตายหรือยังไง" เธอร้องท้วง พวกเขาหันมองหน้ากันเป็นเชิงไม่แน่ใจ เพราะไม่ไว้ใจหญิงสาวตรงหน้า เธอถอนหายใจก่อนจะเอ่ยต่ออย่างใจเย็นลง "ฉันไม่ทำอะไรเขาหรอก ดูสิ อาวุธก็ไม่มี แถมเป็นผู้หญิงอีกต่างหาก พวกคุณกลัวผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างฉันเหรอ" หญิงสาวเอ่ยชายคนที่ถือดาบมองไปยังบุคคลที่คิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าเพื่อถาม เมื่อเขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต เขาจึงยอมเปิดทางให้เธอเข้าไปดูคนเจ็บได้
วาดดาวรีบเข้าไปดูอาการคนเจ็บทันทีที่ได้รับอนุญาต เธอสำรวจดูบาดแผลก่อนเป็นอันดับแรก "แผลตัดจากของมีคมตัดเป็นแนวยาว แผลลึกถึงชั้น deepfacia เลือดไหลออกมาจากเส้นเลือดแดง" เธอประเมินอาการคนเจ็บในใจ และสังเกตหน้าคนเจ็บที่ตอนนี้หน้าซีดมากจนเหมือนไม่มีเลือดในตัวแล้ว แถมเหงื่อออกเยอะ และตัวเย็นเฉียบ วาดดาวรีบจับชีพจรที่คอดู "หัวใจเต้นเร็วแต่เบามาก ความดันกำลังลดต่ำลงเรื่องๆ ถ้าปล่อยไว้ต้องช็อกเพราะร่างกายเสียเลือดมากเกินไปแน่ๆ ต้องรีบห้ามเลือดก่อน"
"จับเขานอนลง ยกขาให้สูงกว่าตัว" หญิงสาวเริ่มออกคำสั่งกับคนที่ยืนดูอยู่ คนถูกสั่งก็ยอมทำตามคำสั่งแบบงงๆ โดยจับคนเจ็บให้นอนลง และจับขาวางบนท่อนไม้ให้สูงกว่าตัวตามที่เธอว่า "มีผ้าสะอาดไหม" เธอหันมาถาม เหล่าคนถูกถามต่างมองหน้ากันเลิกลั่กแบบไม่รู้จะทำอย่างไร จนชายที่ถูกเรียกว่าคุณหลวง ถอดเอาผ้าที่ใช้ผูกเอวส่งให้เธอ
"ผ้าอะไรเนี่ย ฉันถามผ้าสะอาด แล้วนี่อะไร" หญิงสาวโวยวายหลังจากเห็นผ้าที่เขายื่นให้ ที่มีรอยเลอะ ทั้งฝุ่นทั้งลอยเปื้อนสารพัด
"ในสถานที่เช่นนี้จักให้ไปหาผ้าสะอาดได้จากที่ใดกัน ที่หาได้ก็มีเพียงเท่านี้แล" เขาตอบเสียงเข้มแบบไม่พอใจ หญิงสาวมองหน้าเขาแบบเคืองๆ ก่อนจะรับผ้าผูกเอวที่เขาส่งให้อย่างจำใจ เมื่อไม่มีทางเลือกคงต้องใช้สิ่งที่หาได้ไปก่อน ตอนนี้ชีวิตคนเจ็บสำคัญกว่า หลังจากที่คนเป็นหัวหน้าทำเช่นนั้น เหล่าลูกน้องทั้งหลายก็พากันพร้อมใจแก้มัดผ้าผูกเอวส่งให้เธออีกจำนวนหลายผืน วาดดาวใช้ผ้าที่ได้กดลงบริเวณบาดแผลเพื่อห้าเลือด ถึงจะรู้สึกไม่ดีกับผ้า
"ช่วยกดตรงนี้หน่อย" เธอออกคำสั่งอีกครั้งกับชายที่ที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยคนถูกสั่งก็ยอมทำตามแต่โดยดี "ต้องกดเส้นเลือด Femoral artery เพื่อห้ามไม่ให้เลือดไหลมาเลี้ยงที่ขา" วาดดาวคำนวณสถานการณ์ในใจอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มออกคำสั่ง "ช่วยกดตรงนี้ให้ด้วย" เธอสั่งชายอีกคนที่หาว่าเธอเป็นหมอตำแยก่อนหน้านี้
"ข้ารึ?" ชายคนนั้นชี้นิ้วมาที่ตัวเอง
"ใช่ คุณนั่นแหละ เร็วสิ" เธอออกปากเร่ง เขาจึงจำต้องนั่งลงตามคำสั่งของเธอ
"ให้ทำเช่นไร" เขาถามหลังจากนั่งลง
"ทำแบบนี้ เอาฝ่ามือวางไว้ตรงนี้ แล้วเอามืออีกข้างช่วยกด" เธอทำให้เขาดูก่อนโดยวางมือข้างหนึ่งตรงแนวกลางขาหนีบ แล้ววางมืออีกข้างหนึ่งทับลงไปเพื่อช่วยเพิ่มแรงกด ชายคนนั่นจ้องเธอจากนั้นจึงทำตามที่เธอทำให้ดู
วาดดาวกลับมาดูที่บาดแผลอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าผ้าที่ใช้กดแผลเริ่มชุ่มไปด้วยเลือด เธอจึงเอาผ้าออกและใช้ผ้าผืนใหม่กดทับลงไปใหม่อีกครั้ง แต่เลือดก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล "ต้องใช้สายรัดห้ามเลือดแล้ว แต่จะใช้อะไรรัดล่ะ" วาดดาวหยุดใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอมีอุปกรณ์การแพทย์อยู่ในกระเป๋าเป้ที่แบกมาด้วยตลอดทาง
วาดดาวรีบปลดกระเป๋าออกจากหลัง เปิดกระเป๋าและค้นหาของว่ามีอะไรอยู่ในนั่นบ้าง
"เจอแล้ว" เธอหยิบเอาสายรัด Tourniguet ออกมาจากกระเป๋า ด้วยความดีใจ "คงพอใช้ได้" หญิงสาวจัดการใช้สายยางรัดบริเวณโคนขาเหนือบาดแผลขึ้นไป ทำเอาคนที่ดูอยู่ต้องร้องถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
"ทำกะไรนั่น"ชายคนที่กำลังกดที่โคนขาอยู่ร้องถามขึ้น
"ห้ามเลือดไง" หญิงสาวตอบขณะที่ใช้สายยางรัดบริเวณเหนือบาดแผล"ทำแบบนี้เลือดจะได้ไม่ไหลลงไปเลี้ยงที่ขา เลือดจะได้หยุดไหล" เธออธิบายขณะใช้สายยางอีกเส้นรัดลงไปที่ขาเป็นสองเส้น "ปล่อยได้แล้ว" เธอบอกชายที่กดเส้นเลือดที่โคนขาอยู่
"ปล่อยได้แล้วรึ" เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ เธอพยักหน้าเพื่อย้ำคำสั่ง จากนั้นจึงหันไปดูบาดแผลเปลี่ยนผ้าที่กดแผลซับเลือดผืนเก่าทิ้ง เวลาผ่านไปสักครู่ เมื่อเห็นว่าผ้าที่กดแผลอยู่ไม่ชุ่มไปด้วยเลือดแล้ว แสดงว่าเลือดเริ่มหยุดไหล เธอจึงเปิดผ้าดู เห็นว่าเลือดไหลน้องลงมากแล้ว
"เลือดไหลน้อยลงแล้วนี่"ชายคนข้างๆร้องขึ้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ เรียกความสนใจของคนที่เฝ้าดูสถานการณ์อยู่ตลอดเวลาให้รีบชะโงกหน้าไปมอง
สักพักเมื่อเลือดหยุดไหล เธอจึงจับชีพจรคนเจ็บดูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าชีพจรเริ่มจะเป็นปกติแล้ว จึงหยิบเอาขวดแอลกอฮอล์ และขวดน้ำเกลือออกจากกระเป๋า ใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดรอบแผลเผื่อทำความสะอาด จากนั้นใช้น้ำเกลือล้างที่แผลเบาๆ ถึงตอนนี้คนถูกทำแผลถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บแสบ ทำเอาคนที่ดูอยู่ต่างตกใจไปด้วย
หญิงสาวทำแผลอย่างคล่องแคล่วว่องไวด้วยความชำนาญ หลังจากทำความสะอาดบากแผลเสร็จ วาดดาวหยิบเอาอุปกรณ์เย็บแผลออกมาจากกระเป๋า ซึ่งถูกห่อผ้าผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดีจากโรงพยาบาล เธอหยิบเข็มเย็บขึ้นมาเตรียมตัวจะเย็บปิดปากแผลของคนเจ็บ แต่ถูกคนข้างๆที่ยืนดูเหตุการณ์มาตลอดว้าหมับเข้าที่แขนของเธอก่อนที่เธอจะได้ลงเข็ม
"เจ้าจักทำกะไรกัน" เขาถามขึ้นขณะที่จับข้อมือของเธอไว้แน่น
"ก็จะเย็บแผลน่ะสิ" เธอตอบพร้อมกับพยายามดึงมือออกให้หลุดจากพันธนาการของชายตรงหน้า แต่คำตอบที่ออกจากปากเธอที่เธอคิดว่าแสนจะธรรมดา กลับสร้างความตกใจให้กับบรรดาคนที่ฟังอยู่
"เย็บรึ! นี่เนื้อหนังคนนะ มิใช่ผ้าใช่ผ่อน จักมาเย็บได้เยี่ยงไรกัน" ชายคนนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
"ทำไมจะเย็บไม่ได้ แผลใหญ่ขนาดนี้ก็ต้องเย็บสิ เขาก็ทำแบบนี้กัน” เธอตอบพร้อมกับลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับเขา ตอนนี้เธอถึงได้รู้ว่าเขาตัวสูงใหญ่มากจริงๆ
"ผู้ใดกัน เกิดมาข้าเพิ่งเคยได้ยินจากเจ้าเป็นหนแรก"
"นี่คุณไปอยู่ซอกไหนของโลกมากัน ถึงไม่เคยรู้เรื่องนี้ มาจากในถ้ำหรือไง" หญิงสาวประชดประชันด้วยความโมโห ก่อนจะควบคุมสติและพยายามอธิบาย "แผลลึกและกว้างมาก ต้องเย็บปิดปากแผลเพื่อห้ามเลือด ถ้าไม่เย็บ หากขยับร่างกายมากๆ แผลก็จะฉีก แล้วเลือดก็จะไหลออกมาอีก อยากให้เขาตายหรือยังไง" เธอพยายามอธิบาย
"พันเรืองหมดสติไปแล้วขอรับ" เสียงร้องขึ้นของชายอีกคน เรียกให้คนสองคนที่กำลังเถียงกันอยู่ต้องรับหันไปมองด้วยความตกใจ
*ชั้น deepfascia : ชั้นพังผืดลึก ติดกับกล้ามเนื้อ
*เส้นเลือด femoral artery : เส้นเลือดแดงใหญ่บริเวณโคนขาหนีบ นำเลือดแดงจากหัวใจไปเลี้ยงส่วนขา
* สายรัด Tourniguet ทูนิเกต์ : สายรัดห้ามเลือด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 5 สิงหาคม 2560 / 17:57
หรือว่าต้องใช้เหล้าขาวเนี่ยยย
ปล.สังเกต เขียนแบบนี้เน้อ ไม่มีสระอุ สู้ๆจ้า
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 27 พฤษภาคม 2560 / 23:10