ตอนที่ 38 : "ศัตรูหัวใจ(หมายเลขหนึ่ง)"
"คุณพี่อินทร์" ทั้งหมดชะงักฝีเท้าทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก
"แม่นิ่ม" หลวงหนุ่มเอ่ยนามของผู้มาใหม่ที่เอ่ยทักเขาจากด้านหลัง เมื่อหันไปดูก็พบว่าเจ้าของเสียงคือใคร
"คุณพี่อินทร์จริงๆเสียด้วย" หญิงสาวร่างบางระหง ทรวดทรงสมส่วน ใบหน้าสวยหวานชวนมอง ยิ่งดูน่าหลงใหลเมื่อยามแย้มรอยยิ้มขณะเดินเข้ามาหาคู่สนทนา ผิวพรรณดูผุดผ่องขาวเนียนละเอียดตัดกับอาภรณ์แพรพรรณชั้นดีบนเรือนร่างยิ่งส่งให้หญิงสาวตรงหน้างดงามจนไร้ที่ติสมเป็นกุลสตรีไทยโบราณ งามขนาดที่ผู้หญิงด้วยกันเห็นแล้วยังนึกอิจฉา
"กลับมาแต่เมื่อใดกันเจ้าคะ เจ้าคุณพ่อมิเห็นเล่าให้ฟัง ว่าคุณพี่อินทร์กลับมาแล้ว" เรียวปากบางเอ่ยถามขณะที่เดินไปตามทางเดินชายหนุ่มที่พบระหว่างทางเพื่อกลับเรือน
"พี่เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้เอง พบท่านเจ้าคุณอยู่เมื่อตอนเช้า แต่เจ้าคงยังมิได้พบพ่อเจ้า จึงยังมิทราบข่าว"
"แล้วนี่ กลับมาสักกี่วันกันเจ้าคะ"
"สองวันเท่านั้นแล เสร็จธุระเมื่อใด พี่ก็ต้องรีบกลับ ทางโน้นกำลังรบติดพันกันอยู่ อยู่นานมิได้ดอก"
"อิฉันได้ยินข่าวจากเจ้าคุณพ่อเช่นกัน ว่าทางโน้นกำลังรับศึกหนักกันอยู่ ทุกคนคงลำบากกันมิใช่น้อย"
"เจ้ายังสนใจเรื่องการเมืองเช่นเคยนะ" ชายหนุ่มเอ่ยเย้าหญิงสาวที่เดินสนทนาเคียงกันมา
"เพลานี่บ้านเมืองกำลังระส่ำระสาย จักให้เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้เยี่ยงไรกันเจ้าคะ เสียดายนักที่อิฉันเกิดเป็นหญิง จึงมิอาจช่วยงานพ่อท่านได้มากเท่าใดนัก น่าละอายเสียจริง"หญิงสาวตัดพ้อตัวเอง
"เห็นเจ้ามีใจนึกเป็นห่วงบ้านเมืองเช่นนี้ ท่านเจ้าคุณท่านก็ชื่นใจมากนักแล้ว" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับแย้มรอยยิ้มเพื่อให้คนฟังรู้สึกดี "ว่าแต่พี่ยังมิได้ขอบอกขอบใจเจ้าเลย เห็นแม่ท่านเล่าให้พี่ฟังว่าระหว่างที่พี่มิอยู่ เจ้าคอยไปเยี่ยมเยือนแม่ท่านอยู่บ่อยๆ"
"มิเป็นกระไรดอกเจ้าค่ะ อิฉันเห็นว่าคุณหญิงป้าท่านอยู่เพียงลำพังท่านคงจักเหงา จึงไปคุยเล่นให้ท่านคลายเหงาบ้างเป็นครั้งคราวก็เท่านั่น"
"ถึงกระนั่นก็เถิด พี่ก็ขอบใจเจ้ามาก ที่ช่วยดูแลแม่ท่านให้"ชายหนุ่มยิ้มให้หญิงสาวตรงหน้าเป็นการขอบคุณ
"เจ้าค่ะ" คนฟังจึงยิ้มรับด้วยท่าทีเขินอาย
"ยิ้มหวานเชียวนะ ที่อย่างนี้ล่ะยิ้มเป็นขึ้นมาเชียวนะคุณหลวง" วาดดาวที่เดินตามหลังมาแอบประชดประชันชายหนุ่มให้ เมื่อเห็นคนทั้งคู่เดินคุยกันกระหนุงกระหนิงอย่างออกรส เธอจึงขยับถอยลงมาเดินตามอยู่ข้างหลังกับแม่หวนและนายมิ่งแทน "ใครเหรอ แม่หวน" เธอหันไปถามเอาจากบ่าวที่เดินอยู่ข้างกัน
"คุณนิ่มเจ้าค่ะ บุตรสาวพระยาพิพัฒน์โกษา"
"เขาสนิทกันเหรอ"
"สองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆเจ้าค่ะ เจ้าคุณพ่อของคุณหลวงเป็นสหายกับเจ้าคุณพ่อของคุณนิ่ม สองบ้านจึงรู้จักสนิทสนมกันดีเจ้าค่ะ" วาดดาวพยักหน้ารับรู้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเล่าต่อ "คนนี้ คุณหญิงท่านหมายมั่นจักให้เป็นคู่ครองกับคุณหลวงเจ้าค่ะ" คนเล่าลดเสียงลงจนเกือบเป็นกระซิบ วาดดาวหันมองหน้าคนพูดทันที ก่อนจะหันกลับไปมองยังบุคคลทั้งสอง
"อย่างนี้นี่เอง" วาดดาวมองหญิงสาวที่กิริยามารยาทงดงามสมเป็นกุลสตรีตรงหน้า ก่อนจะย้อนมองดูตัวเอง "ทั้งรูปร่าง หน้าตา ฐานะ ชาติตระกูลเพียบพร้อมทุกอย่าง เธอจะเอาอะไรไปสู้เขา วาดดาว" วาดดาวพึมพำกับตัวเองขณะมองดูชายหญิงที่เดินคุยกันกันอย่างออกรส
หลวงฤทธิรงค์เดินมาส่งมี่นิ่มถึงเรือน ทั้งคู่เดินสนทนากันมาตลอดทาง โดยแทบจะลืมบุคคลที่เดินตามหลังมาด้วยไปแล้ว
"ขอบพระคุณคุณพี่อินทร์ที่เดินมาส่งเจ้าค่ะ" หญิงสาวกล่าวขอบคุณเมื่อเดินมาถึงหน้าเรือน
"มิเป็นกระไรดอก"
"ว่าจักถามนานแล้ว นั่นผู้ใดกันรึเจ้าคะ" เธอหันไปหาวาดดาวที่ยืนอยู่ข้างบ่าวของคุณหลวง
"อ้อ! พี่ก็ลืมแนะนำไป นี่หมอหญิง นางจักมาอยู่ที่เรือนกับแม่ท่านสักพัก" ชายหนุ่มแนะนำวาดดาวให้อีกฝ่ายรู้จักก่อน
"หมอรึเจ้าคะ"หญิงสาวทำหน้าตาตกใจเล็กน้อยเมื่อได้ฟัง
"นางเป็นหลานสาวของคุณหญิงแม่ท่าน มาจากพิษนุโลก เท่าที่ดู คาดว่านางคงอายุมากกว่าเจ้ากระมัง ใช่หรือไม่" คำถามตอนท้ายส่งมาให้หญิงสาวอีกคน แต่แม่นิ่มนั้นยกมือไหว้หญิงสาวที่ชายหนุ่มแนะนำให้รู้จักก่อนทันทีตามที่เขาบอก จนคนถูกไหว้รีบยกมือขึ้นรับไหว้แทบไม่ทัน "หมอหญิง ส่วนนี่แม่นิ่ม บุตรสาวพระยาพิพัฒน์โกษา ที่เราพบเมื่อตอนเช้าอย่างไรเล่า"
"อ๋อออออออ ค่ะ" วาดดาวพยักหน้ารับรู้ ทั้งที่ความจริงเธอถามเอาจากแม่หวนหมดแล้วในระหว่างทางที่เดินมา "ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ" เธอยิ้มให้อย่างจริงใจ และอีกฝ่ายก็ยิ้มตอบกลับมา
"นางอาจมิคุ้นเคยกับพระนครเท่าใดนัก พี่ฝากเจ้าช่วยดูด้วยก็แล้วกันนะ" เขาฝากฝังเธอเสร็จสรรพโดยไม่ได้ถามคนถูกฝากเลยแม้แต่น้อย
"เช่นนั้นก็ดีสิเจ้าคะ อิฉันจักได้มีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันด้วย" นี่ก็อีกคน ไม่ได้ถามเลยว่าอีกคนเขาอยากเป็นเพื่อนด้วยไหม ทั้งยังส่งยิ้มหวานมาให้อีกด้วย จนเธอต้องยิ้มตอบกลับไปแบบเจือนๆ
"ได้ยินว่าไปเจอแม่นิ่มมารึ" คุณหญิงจันทร์เอ่ยถามบุตรชายขณะที่นั่งรับประทานอาหารค่ำกันอยู่ คนถูกถามส่งสายตาไปยังบุคคลที่รายงานเรื่องนี้ให้ผู้เป็นแม่ทราบ ซึ่งขณะนี้นั่งอยู่ข้างหลังแม่ของเขา
"ขอรับ พบกันเมื่อตอนค่ำ" เขาตอบให้น้อยคำที่สุด เพราะรู้เจตนาของคนเป็นแม่ดีว่าจุดประสงค์คืออะไร
"เป็นเยี่ยงไร คุยกระไรกันบ้าง" คนเป็นแม่ถามอย่างตื่นเต้น
"เรื่องทั่วไปขอรับ" ชายหนุ่มก้มหน้าตอบขณะตักอาหารใส่ปาก แต่สายตากลับชำเลืองมองอีกคนที่นั่งร่วมวงด้วยที่ตอนนี้ตั้งหน้าตั้งตาตักอาการใส่ปากโดยไม่ได้สนใจบทสนทนาตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
"แม่นิ่มน่ะ ช่างดีแสนดี อุตส่าห์มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ กลัวแม่จักเหงา น้อยคนนักจักเป็นเช่นนี้ ผู้หญิงดีๆเยี่ยงนี้จักหาได้ที่ใดอีก แม่ว่าจักถามลูกถึงเรื่องการหมั้นหมายระหว่างพวกเจ้าทั้งสอง เจ้าจักว่าเยี่ยงไร" เท่านั่นเอง เสียงไอจากการสำลักอาหารก็ดังขึ้นจากอีกคนที่ตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียวตั้งแต่เมื่อครู่ "นั่นปะไร กินช้าๆก็ได้ ประเดี๋ยวก็ติดคอยตายกันพอดี" คุณหญิงจันทร์หันมาดุเอาคนที่ทำเสียงดัง
"ลูกยังมิได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยขอรับ"
"ต้องคิดได้แล้วนะพ่ออินทร์ อายุเจ้าก็มิใช่น้อยๆแล้ว สมควรออกเรือนได้แล้ว แลอีกอย่าง ผู้หญิงดีๆ เพียบพร้อมไปเสียทุกอย่างเช่นนั้น ผู้ใดก็อยากได้ไปเป็นขวัญเรือนทั้งนั้น ชักช้าร่ำไร ประเดี๋ยวก็โดนผู้อื่นคว้าไปเสีย"
"ลูกยังมิคิดถึงเรื่องนี้ดอกขอรับแม่ท่าน เพลานี้บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย ลูกยังมิอาจมีแก่ใจไปคิดถึงเรื่องอื่นดอกขอรับ" ชายหนุ่มตอบเลี่ยงๆไป ขณะที่สายตาเหลือบมองไปยังหญิงสาวที่ส่งเสียงดังไปเมื่อครู่อย่างกังวลว่าเธอจะเข้าใจผิด แต่เธอยังดูไม่มีปฏิกิริยาใดๆกับเรื่องที่ได้ยินเมื่อครู่
"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้าเถิด" คนเป็นแม่ถอนหายใจอย่างจนใจกับความใจเย็นของลูกชาย ที่ดูไม่มีความกระตือรือร้นเอาเสียเลย ทั้งที่คู่แข่งมีอยู่เต็มพระนคร นี่ถ้าหากว่าสาวเจ้าไม่ได้มีใจให้ เขาคงไปเสียนานแล้ว
หลวงฤทธิรงค์ตักกับข้าวมาใส่ในจานตัวเอง ก่อนจะเขี่ยเอาบางอย่างออกมาไว้ที่ขอบจาน เขาทำแบบนี้อยู่หลายครั้งจนวาดดาวสังเกตเห็น
"ไม่กินหัวหอมเหรอ" เธอถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มเขี่ยเอาหอมแดงที่อยู่ในกับข้าวออกมาไว้ตามขอบจาน คนถูกทักหันมามองคนทักทันที
"ฉันมิชอบ" ชายหนุ่มตอบ
"ทำไมถึงไม่ชอบ คุณรู้ไหมว่าหัวหอมมันมีประโยชน์มากเลยนะ" เธอเริ่มสาธยายสรรพคุณของหัวหอมชุดใหญ่ให้คนไม่ชอบหัวหอมฟัง "ทั่งช่วยบำรุงเลือด บำรุงหัวใจ มีสานต้านอนุมูลอิสระด้วย แถมยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ลดระดับคอเลสเตอรอล ลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง แล้วก็....."
"พอเถิด" ชายหนุ่มยกมือขึ้นจับที่ข้อมือของหญิงสาวที่ยกขึ้นมาไล่เรียงสรรพคุณของหัวหอมให้กลับไปวางไว้ที่โต๊ะตามเดิม เพื่อบอกให้เธอหยุด "ฉันกินก็ได้" ชายหนุ่มจำต้องกวาดเอาหัวหอมกลับเข้ามาในจานก่อนจะตักเข้าปากอย่างจำใจ
"ต้องแบบนี้สิ" คนบังคับยิ้มออกมาอย่างพออกพอใจที่ทำให้อีกคนยอมกินหัวหอมได้ แต่การกระทำของคนทั้งคู่ถูกจับจ้องโดยคุณหญิงจันทร์ที่รู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของลูกชายที่ปฏิบัติต่อหญิงสาวผู้นี้ ด้วยเป็นสิ่งที่ไม่เคยพบเห็นจากลูกชายมาก่อน
"เอ็งดูสินังหวน ข้าทั้งขู่ ทั้งบังขับให้กินมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ก็มิเคยยอมแตะ นี่เพียงผู้หญิงพูดไม่กี่คำ ยอมกินเสียอย่างนั้น เอ็งดูลูกชายข้า" คุณหญิงจันทร์หันไปกระซิบกับบ่าวคนสนิทที่นั่งพัดอยู่ข้างกาย ขณะมองบุตรชายและหญิงสาวแปลกหน้า
"คุณหลวงคงแค่กลัวจักเสียหน้าเท่านั้นแลเจ้าค่ะ" แม่หวนตอบกลับมาแบบยิ้มๆ คนเป็นแม่รู้สึกแปลกๆตั้งแต่ที่ลูกชายพาหญิงสาวแปลกหน้าคนนี้เข้าบ้านแล้ว ลูกชายที่ไม่เคยสนใจเรื่องผู้หญิง ทั้งที่มีหญิงสาวมากมายในพระนครที่พร้อมจะพลีกายถวายชีวีมาให้เลือก แต่วันนี้กลับพาผู้หญิงที่ไหนไม่รู้เข้ามาอยู่ในบ้าน และดูจากวิธีที่ลูกชายปฏิบัติกับหญิงสาวนางนี้แล้ว ทำให้คนเป็นแม่รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ........
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ครถูกถาม คน
เรื่รองอื่นดอก เรื่อง
ทั่งช่วย ทั้ง
บอกให้แปลก?เธอหยุด
บังขับให้กิน บังคับ
คุณแม่สังหรณ์ถูกแล้วค่าาาาา