ตอนที่ 14 : "ฟื้นแล้ว"
ล่วงเข้าคืนที่สองเข้าไปแล้วนับจากวันที่ผ่าตัด แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นคืนสติ แถมยังไข้ขึ้นจากพิษบาดแผลที่ได้รับด้วย หมอสาวที่คอยเฝ้าไข้ต้องคอยเช็ดตัว ป้อนยา และคอยวัดชีพจรเป็นระยะๆ อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา เพราะเกรงว่าเขาจะช็อกไปอีก
วาดดาวยังคงเฝ้าคนเจ็บไม่ยอมห่าง เธอยังไม่ได้พักเลยด้วยซ้ำตั้งแต่คืนวาน อาจจะมีได้แอบงีบหลับบ้างเป็นครั้งคราแต่ก็ไม่สามารถหลับได้สนิทใจ เหตุเพราะห่วงคนป่วยที่นอนไม่ได้สติอยู่
หญิงสาวสะดุ้งตื่นเมื่อรู้ตัวว่าคนบนเตียงขยับตัว หลังจากเธอฟุบหลับอยู่ข้างเตียงคนเจ็บได้สักพัก เนื่องจากความเหนื่อยล้า แต่เมื่อเห็นว่าคนเจ็บยังคงหลับใหลอยู่ในภวังค์ เธอก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ก่อนจะหันไปจับชีพจรคนเจ็บดูว่าปกติดีอยู่หรือไม่ จากนั้นจึงยกมือขึ้นแตะหน้าผากเขาเพื่อวัดไข้
"กลับไปพักผ่อนเสียบ้างเถิด แม่มิได้พักมาหลายเพลาแล้วนะ" ขุนเวชโอสถพูดกับหญิงสาวหลังจากก้าวเข้ามาในกระโจมพร้อมกับถ้วยยาในมือ
"ท่านขุน" เธอเอ่ยทักคนมาใหม่ที่กำลังวางถ้วยยาลงข้างตัวคนเจ็บ "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันยังไหว"
"อย่าฝืนเลย กลับไปพักเถิด เกิดล้มป่วยขึ้นมาอีกคนจักแย่เสียเปล่าๆ แลคราวนี้ใครจักดูแลคนเจ็บกันเล่า หากแม่มิสบาย"
"แต่........" หญิงสาวทำท่าจะปฏิเสธ
"ไข้ลดลงแล้ว คงมิมีกระไรน่าเป็นห่วงแล้ว ประเดี๋ยวฉันดูให้ก็ได้ แม่มิต้องเป็นห่วงดอก" ขุนเวชฯยังคงพยายามเกลี้ยกล่อมให้หญิงสาวไปพัก ถึงจะจริงที่ไข้ลดลงเกือบจะเป็นปกติแล้ว แต่เธอก็ยังไม่ค่อยวางใจ แต่หากเธอเป็นอะไรไปอย่างที่ท่านขุนว่าขึ้นมาจริงๆ แล้วใครจะดูคนเจ็บ
"ไปเถิด มิต้องกังวลไปดอก หากคุณหลวงฟื้นเมื่อใด ฉันจักรีบให้คนไปบอก"
วาดดาวหันมามองหน้าคนเจ็บที่นอนไม่ได้สติอยู่อย่างลังเล "ถ้าอย่างนั้นฉันฝากด้วยนะคะ" ขุนเวชฯพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มเป็นการรับปาก ก่อนที่หญิงสาวจะเดินออกจากกระโจมไป เพื่อกลับไปพัก
แสงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าในยามเช้า แสงแดดอ่อนที่ส่องผ่านเข้ามาในกระโจม ทำให้คนที่กำลังหลับใหลเริ่มรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ ชายหนุ่มค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ด้วยยังไม่ชินกับแสงเจิดจ้าภายนอก เขากระพริบตาถี่ๆหลายครั้ง เพื่อพยายามปรับสายตาให้รับกับแสง เมื่อสายตาเริ่มชินกับแสงภายนอกแล้ว จึงทำให้ลืมตามองสิ่งต่างๆ รอบกายได้ถนัดขึ้น ภาพแรกที่ปรากฏให้เห็นคือหลังคากระโจมที่อยู่ตรงข้ามกับสายตา จึงเริ่มจำได้ว่าตอนนี้ตนเองคงอยู่ในกระโจมที่พักในค่าย
ชายหนุ่มหันมองไปรอบกายเพื่อสำรวจ และไปสะดุดเข้ากับแผ่นหลังคุ้นตาของใครคนหนึ่ง ที่กำลังยืนหันหลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่าง อยู่อีกด้านของกระโจม
"ท่านหมอ" ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงแผ่วเบาด้วยความอ่อนแรง พร้อมกับพยายามขยับตัวลุกขึ้น แต่ความเจ็บปวดจากบาดแผลตามร่างกาย ทำให้เขาต้องโอยออกมาก่อนจะต้องกลับลงไปนอนอยู่ที่เดิม
"คุณหลวง!" ชายอาวุโสตรงหน้ารีบหันกลับมาดูคนเจ็บทันทีที่ได้ยินเสียงเรียก "ฟื้นแล้วรึ โล่งใจไปที ได้สติเสียทีนะคุณหลวง" หมออาวุโสกล่าวด้วยรอยยิ้มยินดีบนใบหน้า พร้อมกับถอนหายใจอย่างโล่งออก
"เกิดกระไรขึ้นรึ ท่านหมอ" หลวงฤทธิรงค์ถามขึ้นหลังจากที่ขุนเวชฯช่วยประคองให้ลุกขึ้นนั่งได้
"ก็คุณหลวงบาดเจ็บ อาการสาหัสทีเดียว จำมิได้รึ" หมออาวุโสตอบหลังจากที่นั่งลงข้างๆเตียงคนเจ็บ ชายหนุ่มเริ่มคิดทบทวนเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาจำได้ว่าเขาตามไปช่วยหมอหญิง และบังเอิญไปปะทะกับข้าศึกเข้าและได้รับบาดเจ็บ จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีก
"แล้วนี่ฉันหลับไปนานเท่าใดกันรึ" ชายหนุ่มถาม เมื่อสังเกตเห็นท่าทีดีใจของท่านหมอเมื่อเห็นเขาฟื้น
"สองคืน"
"สองคืนเชียวรึ"" เขาทวนสิ่งที่ได้ยินด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะหลับไปนานขนาดนี้
"ฉันว่ายังน้อยไปเสียด้วยซ้ำ ปกติแล้วอาการสาหัสเช่นคุณหลวงจักหาโอกาสรอดยังว่ายาก นี่ดีนะที่หมอหญิงช่วยไว้ มิเช่นนั้นคุณหลวงคงจักมิรอดมาได้เช่นนี้"
"หมอหญิงรึ?"
"ใช่ นี่นางก็เฝ้าอยู่ข้างเตียงคุณหลวงมิห่างเลยตั้งแต่คืนผ่าตัดคืนแรก จวบจนถึงคืนที่สองนี้ ฉันเห็นก็เวทนา เลยไล่ให้ไปพักเสียบ้าง กลัวว่าจักล้มป่วยไปอีกคน นางคงกลัวว่าคุณหลวงจักตายจริงๆ"
"หลวงหนุ่มเมื่อได้ฟังคำเล่าจากหมออาวุโสตรงหน้าก็นึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ก็หญิงสาวที่มักจะทะเลาะกับเขาเสมอที่พบหน้าจะเป็นห่วงเป็นใยเขาอย่างว่าจริง
"คุณหลวง!" เสียงเรียกจากหน้าประตู เรียกให้ชายหนุ่มหลุดจากความคิด และหันมองตามเสียงเรียกที่ได้ยิน จนพบหญิงสาวที่เขาและหมอหลวงเพิ่งจะเอ่ยถึงไปเมื่อครู่โผล่เข้ามาในกระโจมพร้อมกับร้อยยิ้มดีใจบนใบหน้า วาดดาวพุ่งตรงไปที่เตียงคนเจ็บทันที พร้อมกับนั่งข้างๆเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น
"คุณฟื้นแล้วจริงๆ ฉันกลัวคุณจะตายแทบแย่ แล้วนี่เป็นยังไงบ้าง เจ็บแผลอยู่ไหม มีไข้หรือเปล่า" เธอถามขึ้นเป็นชุดจนไม่เว้นช่องว่างให้คนถูกถามได้ตอบสักนิด ไม่ว่าเปล่ายังถือวิสาสะสำรวจร่างกายคนเจ็บไปทั่วด้วยความเป็นห่วง แต่คนถูกสำรวจนั้นนิ่งอึ้งไปด้วยความตกใจกับกิริยาของหญิงสาวตรงหน้า จนเจ้าตัวทำอะไรไม่ถูกจึงแอบขยับตัวออกห่างจากสาวเจ้าเล็กน้อยเพื่อเว้นระยะห่าง แต่ดูสาวตรงหน้าจะไม่เข้า เธอยังจะขยับตามเขามาอีกพร้อมกับเอามือแตะที่หน้าผากชายหนุ่มเพื่อวัดไข้
"ไข้ก็ไม่มีแล้วนี่ โล่งออกไปที" วาดดาวยังคงไม่รู้ตัว เพราะเห็นเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ แต่คนที่โดนแตะเนื้อต้องตัวอยู่นี่สิ กลับกำลังหน้าขึ้นสีด้วยความอาย เพราะไม่เคยใกล้กายหญิงนางใดเช่นนี้มาก่อน และยิ่งเหลือบไปเห็นสีหน้าของหมออาวุโสที่กำลังลอบยิ้มให้กับกิริยาของเขาและหญิงสาวข้างกายแล้วด้วย ยิ่งทำให้เขารู้สึกอายมากขึ้นไปอีก จนต้องแกล้งกระแอมออกมาเพื่อเรียกสติตนเองและอีกสองคนในกระโจม
"ฉันมิเป็นกระไรแล้ว ขอบใจแม่ที่เป็นห่วง" ชายหนุ่มบอกหญิงสาวตรงหน้า พร้อมกับจับมือเธอออกจากหน้าผากตัวเองแล้วเอากลับไปวางไว้ที่ตักของเธอ
วาดดาวเริ่มรู้ตัวว่าเธอทำรุ่มร่ามลงไปเมื่อครู่ เมื่อสังเกตเห็นท่าทีอึดอัดของชายหนุ่ม และรอยยิ้มบนใบหน้าของขุนหมอหลวง เธอจึงรีบขยับตัวออกห่างจากเขาทันที
"ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว" วาดดาวพูดแก้เขิน ตอนนี้บรรยากาศภายในกระโจมดูจะอึดอัดขึ้นมาทันที เมื่อเห็นบรรยากาศน่าอึดอัดเกิดขึ้น ขุนเวชฯจึงลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกจากกระโจมไป
"เช่นนั้นฉันขอตัวไปต้มยามาให้คุณหลวงก่อนนะ" แต่ยังไม่ทันจะได้ขยับตัว ก็มีเสียงเรียกสองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน
"เดี๋ยว!" หมออาวุโสชะงักทันทีพร้อมกับมองไปที่ชายหญิงทั้งสอง
"ฉันไปด้วย" หญิงสาวเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน พร้อมกับรีบเร่งออกจากกระโจมไปทีนที ทิ้งให้คนทั้งสองมองหน้ากันด้วยความงุนงง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อย่าลืมว่ามีจูบตอนปั๊มหัวใจอีกนะเนี่ยยย
เป็นคดีหรือเปล่าน้าา