ตอนที่ 12 : "คุณหลวง"
วาดดาวถูกลากเดินมาเรื่อยโดยที่คนลากไม่ยอมพูดอะไรเลยสักคำ หลังจากที่เขาตามมาช่วยยื้อเวลาชีวิตเธอออกไปได้อีกหน่อย เขาเพียงแต่จับแขนเธอลากให้เดินตามเขามาตลอดทางเพียงเท่านั้น ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่เจอเขา โชคดีที่เธอไม่ถูกข้าศึกจับได้ หรือโชคร้ายที่แผนการหนีทั้งหมดเปล่าประโยชน์เพราะโดนเขาตามมาทันจนได้
"ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันเจ็บนะ"เธอเริ่มพูดหลังจากแน่ใจว่าเดินมาไกลจากคนกลุ่มนั้นมากพอแล้ว คนฟังชะงักฝีเท้าลงทันที แต่ไม่ได้มีเสียงใดๆจากเขาตอบกลับมา ชายหนุ่มยังคงหันหลังให้เธอ เมื่อเห็นว่าเขาเงียบเธอจึงถามต่อ"คุณตามฉันมาทำไม"
"แม่คิดจักทำกระไร เหตุใดออกมาเดินเพ่นพ่านยามวิกาลเช่นนี้ คิดว่าที่นี่เป็นตลาดรึ จึงได้เดินเล่นไปทั่วเช่นนี้ มันใช่เรื่องรึ" ชายหนุ่มหันมาต่อว่าหลังจากที่เงียบมานานสองนาน และอย่างที่เธอถาม เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตามเธอมาทำไม เมื่อตอนหัวค่ำเขาได้รับรายงานว่าหญิงสาวที่เขาจับตัวมาเมื่อคราวไปปราบโจรศึกได้หนีออกจากค่ายไปแล้ว และเขาที่ควรจะปล่อยเธอไปตามทางที่เธอต้องการ แต่เขากลับอันตรธานพาตัวเองอยู่ที่นี่ได้อย่างไรก้ไม่รู้ เขารู้สึกเป็นห่วงสังหรณ์ใจบางอย่างว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอ เพราะเมื่อกลางวันเขาเพิ่งบังเอิญไปพบทหารข้าศึกที่อยู่ไม่ไกลจากค่ายเข้า ขณะลาดตระเวร และก็เป็นอย่างที่เขาคิดไว้จริงๆ เธอเกือบจะโดนพวกมันจับได้แล้ว ถ้าเขาไม่เข้าไปช่วยไว้ได้ทันเวลาพอดี หากเขาถึงตัวเธอช้ากว่านี้ ไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
"ฉันไม่ได้มาเดินเล่น ฉันจะกลับบ้าน"เธอบอกเมื่อสบสายตากับเขาตรงๆ
"ยามนี้ข้าศึกเดินเพ่นพ่านไปทั่วทุกที่มิเห็นรึ ออกมาผู้เดียวเช่นนี้ ประเดี๋ยวก็โดนจับไปย่ำยีเสียดอก อยากตายรึ" เขาตะคอกใสหน้าเธอด้วยความโมโห
"แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ก็ฉันอยากกลับบ้านนี่" เธอตะคอกกลับบ้าง
"พระนครอยู่ใกล้เพียงเท่านี้ กลับเมื่อใดก็ได้ แต่ยามนี้อันตรายนัก ยังกลับมิได้ดอก แม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไม่"
"คุณนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ ฉันต้องกลับไป ฉันอยู่นี่นี่ไม่ได้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ฉันควรจะอยู่" เธอบอกขณะที่น้ำตาเริ่มเอ่อจากดวงตาทั้งสองข้าง ก่อนจะก้มหน้าลงเพื่อหลบสายตาของคนตรงหน้า ด้วยกลัวว่าเขาจะเห็นเข้าน้ำตาของเธอเข้า แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว
เมื่อเห็นว่าสาวเจ้าทำท่าจะร้องไห้ ชายหนุ่มก็เริ่มตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เขาได้แต่ยืนมองเธอเช็ดน้ำตาอยู่เงียบๆอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยคำพูดเพื่อปลอบใจเธอ "ฉันรู้ว่าแม่คงกลัว แต่แม่ช่วยรอสักหน่อยจักได้หรือไม่" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงมาก "ฉันให้สัญญา หากสถานการณ์ดีขึ้นกว่านี้เมื่อใดแล้ว ฉันจักเป็นคนไปส่งแม่ด้วยตัวของฉันเอง แม่หยุดร้องไห้เสียเถิด" เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบเธอยังไง เพราะแต่เกิดมาจากท้องแม่ก็ไม่เคยปลอบผู้หญิงร้องไห้เลยสักครั้งเสียด้วย อย่าว่าแต่ปลอบเลย การพบเจอผู้หญิงก็ถือเป็นเรื่องยากสำหรับเขามากแล้ว เมื่อที่เจออยู่ทุกวันก็เพียงแต่เหล่านายทหารชายฉกรรจ์อกสามศอกก็เท่านั้น
"แต่เพลานี้ เรารีบกลับไปที่ค่ายกันก่อนจักดีกว่า อยู่ที่นี่นานเกรงว่าจักเป็นการมิปลอดภัยเท่าใดนัก" ชายหนุ่มเอ่ยชวนเมื่อเห็นว่ายิ่งอยู่ที่นี่นานก็จะยิ่งอันตราย หากทหารข้าศึกมาพบเข้า คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ แต่ดูเหมือนสิ่งที่เขากลัวนั้นกำลังจะเกิดขึ้นจริงเสียแล้ว
หลวงฤหนุ่มรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวรอบๆกายเขาและเธอ เมื่อหันมองรอบๆ ก็พบชายฉกรรจ์นับสิบค่อยๆปรากฏกายขึ้นจากเงามืดของป่าพร้อมอาวุธครบมือ ถึงตอนนี้จะก้าวเท้าหนีก็ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อพบว่าทั้งเขาและเธอกำลังตกอยู่ในวงล้อมของข้าศึกแล้ว
"อังวะ" หลวงฤทธิรงค์เอ่ยเรียกชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวที่กำลังล้อมตัวเขาและวาดดาวอยู่ ดูจากการแต่งกายของคนกลุ่มนั้นแล้ว เขาจำได้แม่นว่าเป็นทหารอังวะแน่นอน
"อะไรนะ!" วาดดาวที่ตอนนี้ถูกชายหนุ่มข้างกายดึงตัวมาไว้ข้างหลังเขาแล้วเรียบร้อย เอ่ยขึ้นด้วยตกใจ
"โชคดีเสียจริง เพียงแต่ออกมาหาเสบียงแท้ๆ มิคิดเลยว่าจักพบโชคดีๆเช่นนี้" หนึ่งในคนกลุ่มนั้นเอ่ยขึ้นด้วยความพึงพอใจ ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วคิดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าของทหารกลุ่มนั้น "ดูแล้วเอ็งคงเป็นทหารยศมิต่ำกว่าชั้นหลวงเป็นแน่" ชายคนนั้นว่าพร้อมกับมองหลวงหนุ่มไล่จากศีรษะจรดปลายเท้า "หากจับตัวไปบรรณาการแด่ท่านแม่ทัพ ข้าคงจักได้รับความดีความชอบมากเป็นแน่แท้" เขาว่าพร้อมกับหัวเราะชอบใจกับความคิดของตัวเองเป็นการใหญ่ ก่อนจะถูกอีกฝ่ายขัดขึ้น
"หากคิดว่าจับข้าได้ ก็ลองดู"หลวงฤทธิรงค์กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมกับชักดาบทั้งสองออกจากฝักกระชับไว้มั่นในมือ
"ปากดีนักนะ จับมัน"สิ้นเสียงคำสั่งเท่านั้น คนถูกสั่งก็รับคำสั่งทันที โดยวาดดาบพุ่งตรงเข้าใส่ชายหนุ่มตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แต่หลวงหนุ่มยกดาบในมือกันไว้ได้ทันเสียก่อนที่ดาบนั้นจะถึงตัว ก่อนจะส่งเท้าถีบเข้าที่ยอดอกเจ้าของดาบเมื่อครู่จนกระเด็นออกไปอีกทาง
"หลบไปก่อน" หลวงฤทธิรงค์ตะโกนบอกให้หญิงสาวข้างหลังเขาให้หลับไปให้พ้นจากตรงนั้น เพราะเกรงจะถูกลูกหลงเข้า วาดดาวรีบปฏิบัติตามทันที เธอถอยออกไปยืนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความตื่นเต้น
เมื่อชายอีกคนพุ่งดาบหมายจะแทงเข้าใส่แต่โชคดีที่หลวงหนุ่มโยกตัวหลบได้ทัน ดาบนั้นถึงแทงได้เพียงอากาศธาตุเท่านั้น จากนั้นหลวงหนุ่มจึงลงดาบกลับเข้าใส่อีกฝ่ายจนล้มลงไปกองกับพื้นแน่นิ่งไป ก่อนจะหันไปรับอีกดาบ ที่ขณะนี้พุ่งตรงมาที่เขาทุกทิศทุกทาง
หลวงฤทธิรงค์ถูกชายนับสิบรุมล้อมหมายเอาชีวิต แต่ด้วยฝีมือดาบสองมือของเขาที่เก่งกาจหาใครเทียบยาก ทำให้ทหารอังวะเหล่านั้นไม่สามารถเอาชนะเขาได้ แม้จะมีจำนวนมากกว่านับสิบ เมื่อเห็นว่าเริ่มจะสู้ไม่ได้ ฝ่ายนั้นจึงเลือกบุกเข้าโจมตีพร้อมกันโดยลงดาบเข้าใส่พร้อมกันนับสิบเล่ม แต่หลวงหนุ่มยกดาบสองมือขึ้นกันไว้ได้ทันก่อนจะดันดาบทั้งหมดออกจากตัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี จนเจ้าของดาบเหล่านั้นต่างกระเด็นออกไปตามแรงผลัก และส่งดาบเข้าใส่ทันทีโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันตั้งตัว จนล้มเจ็บไปหลายคน
อีกด้าน วาดดาวกำลังยืนดูชายหนุ่มที่กำลังสู้รบกับชายฉกรรจ์นับสิบเหล่านั้นอยู่ด้วยความตื่นเต้น หากชายหนุ่มพลาดท่าให้กับคนเหล่านั้น ทั้งเขาและเธอคงไม่รอด
จู่ๆเธอก็ต้องส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่อถูกชายคนหนึ่งในนั้นจับตัวเธอไว้จากด้านหลัง เมื่อเห็นว่าฝ่ายตนเองเริ่มจะเพลี่ยงพล้ำให้กับหลวงหนุ่มจึงหันมาจับเอาสาวเจ้าที่มากับเขาไว้แทน
หลวงฤทธิรงค์ที่ขณะนี้สู้ติดพันอยู่ เมื่อได้ยินเสียงร้องของหญิงสาวที่มาด้วยก็รับหันไปมองด้วยความตกใจ จนพลาดท่าให้อีกฝ่ายแทงเข้าที่ท้องจนได้
"คุณ!" วาดดาวตกใจกับภาพที่เห็นว่าหลวงฤทธิรงค์ถูกแทง อีกฝ่ายรีบดึงดาบออก และเตรียมจะวาดดาบลงอีกครั้งหมายฟันเอาชีวิต แต่หลวงหนุ่มยกดาบกันไว้ได้ทันเสียก่อน จากนั้นจึงส่งดาบในมือแทงอีกฝ่ายกลับจนล้มพับไป แต่ด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้าลง จึงถูกอีกฝ่ายฟันเข้าที่หลัง และต้นแขนอีกสองแผลจนล้มลง
"ฝีมือร้ายกาจไม่เบานะคุณหลวง ทำทหารข้าเจ็บไปเสียหลายคน" ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากล่าวชม ขณะที่เดินตรงมาที่หลวงหนุ่ม ที่ตอนนี้ถูกล้อมไว้ด้วยคมดาบจำนวนมาก เพราะกลัวชายหนุ่มจะลุกขึ้นมาแผลงฤทธิ์ให้อีกรอบ"แต่น่าเสียดายนัก ที่คงหาได้มีโอกาสได้แสดงฝีมืออีกแล้วไม่"
"จักฆ่าก็รีบฆ่าเสีย เพราะหากข้ารอดไปได้ เจ้าจักมิได้มีโอกาสได้หายใจอีกต่อไป" ชายพูดพร้อมกับมองคนตรงหน้าด้วยสายตาเคียดแค้น
"ปากดีนักนะคุณหลวง ชะตาเจ้าจักขาดอยู่แล้ว ยังมิเจียมอีกรึ" ชายผู้นั้นชี้หน้าหลวงหนุ่มด้วยความโมโห "ได้! หากอยากตายนัก ข้าจักช่วยสงเคราะห์ให้" อีกฝ่ายชักดาบออกมาหมายจะฟันคอหลวงหนุ่มเพื่อเอาชีวิต แต่จังหวะที่เงื้อดาบขึ้นนั้นเอง ก็ได้ปรากฏมีดสั้นปริศนาพุ่งมาปักเข้าที่มือเสียของเขาเสียก่อนที่ดาบจะได้ลง
"อ้าาาาาาาา" เขาร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะปล่อยดาบหลุดจากมือ
ทุกคนในที่นั้นต่างพากันรีบมองหาที่มาของมีดสั้นปริศนาเล่มนั้นทันที แต่ก็มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด ก่อนที่มืดเล่มที่สองจะพุ่งเข้าแสกหน้าชายที่จับตัววาดดาวไว้จนล้มทั้งยืน หญิงสาวต้องรีบนั่งลงยกมือขึ้นกุมหัวทันทีพร้อมกับกรีดร้องด้วยความตกใจ เหล่าทหารที่ยืนอยู่ต่างเริ่มรู้สึกกระสับกระส่ายด้วยความกลัว หันมองหาที่มาของมีดกันให้วุ่น
"ผู้ใดกันวะ เหตุใดทำเยี่ยงหมาลอบกัดเช่นนี้" คนถูกมืดสั้นปักเข้าที่มือร้องตะโกนถามด้วยความโกรธ อีกฝ่ายจึงค่อยๆปรากฏกายขั้นจากเงามืด ซึ่งเป็นชายแต่งกายด้วยชุดทหารไทยโบราณจำนวนหนึ่ง
"หมื่นพิทักษ์" หลวงฤทธิรงค์เอ่ยชื่อหนึ่งในคนที่ปรากฏตัวให้เห็น ผู้เป็นผู้นำของทหารเหล่านั้น
"มาได้ยังไงวะ" ชายผู้นั้นกระซิบกับตัวเองเมื่อเห็นภาพตรงหน้าชัดเจนว่าเป็นทหารฝ่ายสยามแน่แล้ว หลวงฤทธิรงค์เห็นโอกาสตอนที่อีกฝ่ายกำลังเผลอ ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง
"จับมันให้หมด" หมื่นพิทักษ์เมื่อเห็นว่าหลวงฤทธิรงค์เปิดศึกจึงรีบรุดเข้าใส่อีกฝ่ายทันทีเพื่อช่วย จนเกิดการสู้รบกันย่อยๆ ระหว่างทหารสยามและทหารอังวะขึ้นหลังจากนั้น เมื่อสู้กันได้พักใหญ่ ฝ่ายอังวะก็เริ่มเสียท่าเมื่อรู้ตัวว่าสู้ไม่ได้จึงล่าถอยไปในที่สุด
หลวงฤทธิรงค์ล้มลงด้วยพิษบาดแผลที่ได้รับหลังจากที่อีกฝ่ายล่าถอยไปแล้ว วาดดาวที่หลบดูเหตุการณ์อยู่เมื่อเห็นแบบนั้นจึงรีบวิ่งเข้ามาดูอาการชายหนุ่มทันเมื่อเห็นเขาล้มลง
"คุณ คุณหลวง" เธอรับเขาไว้ในอ้อมแขนได้ทัน ก่อนที่เขาจะล้มลงไปกับพื้น และพยายามเรียกสติเขาไว้
"คุณหลวงขอรับ" หมื่นพิทักษ์รีบวิ่งเข้ามาอีกคนเมื่อเห็นเหตุการณ์
"นี่เอ็งมาได้เยี่ยงไรกัน อ้ายหัวหมื่น" หลวงฤทธิรงค์ถามขึ้นเมื่อเห็นหมื่นพิทักษ์
"กระผมไปรายงานความแก่ท่านเจ้าคุณมหาโยธาตามที่คุณหลวงบอก แลท่านเป็นห่วง เกรงว่าคุณหลวงกับหมอหญิงจักเกิดอันตรายเข้า จึงส่งกระผมตามมาดูขอรับ"
"เช่นนั้นเองรึ" หลวงหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะแสดงสีหน้าเจ็บปวดออกมา จนคนที่คุยอยู่ตกใจ
"คุณหลวงเป็นเยี่ยงไรบ้างขอรับ"
"เขาถูกมีดดาบแทง อาการไม่ดีเลย" วาดดาวบอกขณะที่พยายามค้นเอาผ้าในกระเป๋าของเธอออกมาห้ามเลือด
"ข้ามิเป็นกระไรดอก แผลเพียงเท่านี้เอง" หลวงหนุ่มบอก แต่กลับโดนหมอสาวตะคอกเข้าให้
"ไม่เป็นอะไรมากอะไรกันล่ะ แผลเต็มตัวแบบนี้จะบอกว่าไม่เป็นอะไรมากได้ยังไง คิดว่าตัวเองเป็นใคร หยุดทำอวดเก่งก่อนสักสองสามนาทีเถอะค่ะคุณหลวง" เธอต่อว่า ทำเอาคนถูกว่านิ่งเงียบไปไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะกลัวหญิงสาวจะส่งคำดุให้อีก
"ทำอย่างไรดีเล่า ท่านหมอ" หมื่นพิทักษ์ถามด้วยความร้อนใจ
"ฉันจะห้ามเลือดให้เขาก่อน เราต้องรีบพาเขากลับไป ฉันต้องผ่าตัดให้เขา" เธอบอกขณะพยายามห้ามเลือดให้คนเจ็บ
"พวกเอ็งรีบมาแบกคุณหลวงกลับค่ายเร็ว" หมื่นพิทักษ์ร้องสั่งให้ทหารเข้ามาช่วยกันแบกคนเจ็บ เพื่อรีบพาเขากลับไปที่ค่ายทันทีเพื่อผ่าตัด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

แต่เรียนจบจนเป็นหมอแล้ว เป็นหมอเฉพาะทางอีกต่างหาก วุฒิภาวะก็ไม่น้อย การควบคุมอารมณ์น่าจะดีกว่านี้ ผ่านสถานการณ์เป็นตาย(ของคนไข้)มาก็มาก น่าจะมีสติมากกว่านี้ ต่อให้ช็อกจนสติแตก ก็น่าจะระลึกได้ว่าออกมากลางป่า ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยมีแต่ไปตายเท่านั้น จมอยู่กับตัวเองเป็นวัน ยังคิดไม่ตกอีกหรอว่าควรจะทำยังไงกับชีวิต หรือคิดตกแล้วเลยคิดหนี ไม่คิดบ้างหรอว่าต้องทำยังไงถึงจะมีชีวิตอยู่อย่างปลอดภัย
สู้ๆ นะกองทัพพ