ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [จบ] My Anda #แมวท้องอ้วน (Mpreg)

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 30 ม.ค. 64


    ตอนที่ 17




     

    พอลงมาที่ล็อบบี้อคินก็พารานีนที่นั่งปาดน้ำตาป้อย ๆ ไปหาหมอที่โรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดเพื่อล้างแผล เธอร้องไห้น้ำตาเป็นเผาเต่า และดึงรั้งเอวสอบมากอดไว้ขณะที่พยาบาลเริ่มใช้สำลีชุบแอลกอฮอลล์ เช็ดบริเวณรอบแผลให้เธอ

    คุณหมอตรวจดูอาการและบอกเพียงว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก นอกจากรอยข่วนที่เป็นแนวยาว แม้มันจะลึกอยู่มาก แต่ใช้เวลาไม่ถึงสามวันอาการเจ็บปวดก็จะทุเลาลง และแผลก็จะตกสะเก็ดไปตามระเบียบ

    หลังจากธุระที่โรงพยาบาลเสร็จสิ้น เขาขับรถพาเธอกลับมาที่คอนโดของเขา พร้อมเอ่ยปากขอโทษขอโพยเธอยกใหญ่ ที่แมวของตนเองแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว ก่อนจะบอกลาและแยกกับเธอที่หน้าคอนโด

    รถของเธอจอดอยู่ที่นี่ อคินทำเพียงขับกลับมาส่งเธอ และเขาก็ขับรถออกไปอีกครั้ง มุ่งหน้าไปยังห้างสรรพสินค้า
    พออารมณ์กรุ่นโกรธเริ่มเบาบาง ต่อมความสำนึกผิดก็ตีตื้นขึ้นมาจนอคินนึกโกรธตัวเอง

    เขารู้ว่าเขาทำรุนแรงกับอันดา แต่อันดาเองก็ทำไม่ถูกเช่นกันที่เที่ยวไปข่วนคนอื่นไปทั่ว ถ้าไม่ปรามให้หลาบจำกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ ต่อไปก็จะทำนิสัยไม่ดีมากขึ้นไปอีกจนเคยตัว

    หลังจากมาถึงห้างสรรพสินค้า อคินรีบเดินตรงไปยังจุดหมายปลายทาง ที่อยู่บริเวณชั้นสองของห้างที่เป็นปลายทางเดียวที่เขาตั้งใจถ่อมาถึงที่นี่

    ร้านพิซซ่า..

    เขาพิจารณาหน้าพิซซ่าในหนังสือเมนู ก่อนจะตัดสินใจชี้ไปที่รูปภาพที่ตกแต่งไปด้วยกุ้งตัวโตที่เยอะที่สุดให้พนักงานดู และสั่งเครื่องเคียงเพิ่มอีกสองสามอย่าง รอไม่นานพิซซ่าขนาดใหญ่ก็ถูกบรรจุใส่กล่องออกมาถึงมืออคิน พร้อมกับชำระเงินเรียบร้อย

    หลังจากได้พิซซ่าตามที่อันดาอยากกิน อคินก็มุ่งหน้าขับรถกลับคอนโด เขาไม่ลืมที่จะแวะร้านขายยาฝั่งตรงข้ามกับคอนโด เพื่อซื้อยาทาหลอดเล็ก ๆ สำหรับแก้รอยฟกช้ำติดมือกลับไปด้วย

    พอขึ้นมาถึงหน้าห้องของตนเอง อคินก็กดรหัสที่เขาตั้งเองกับมือเพื่อปลดล็อกและผลักประตูเข้าไป

    "อันดาฉันซื้อพิซซ่.."

    ร่างสูงชะงักและน้ำเสียงขาดห้วงทันทีเมื่อพบกับความเงียบเชียบภายในห้อง

    มีเพียงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ปะทะเข้าสู่ผิวกาย เสียงลมที่พ่นออกมาเบา ๆ ส่งเสียงเป็นระยะเพื่อทักทายกัน

    อันดาหายไปไหน..

    เขากวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็เห็นเพียงเสื้อผ้าของอันดาและไม้แขวนเสื้อที่เขาโยนมันไว้เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วยังอยู่ที่เดิม

    อคินเดินนำพิซซ่าไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว เขาคิดเอาไว้ว่าอันดาอยู่ในห้องนอนเป็นแน่ แต่พอกำลังจะหมุนตัวกลับ กับพบร่างอ้วนตุ้บของเจ้าอินดี้นั่งหันหลังแล้วจ้องมองอะไรบางอย่างไปยังชั้นเก็บหนังสือ

    "อินดี้ อินดี้ครับ เมี้ยว ๆ ๆ ๆ ๆ"

    "เมี้ยววววววว" เจ้าอินดี้หันมาส่งเสียงขานรับ มันร้องบอกเป็นนัยว่าให้อคินเดินมาตรงนี้

    อคินกวาดสายตาสำรวจไปรอบ ๆ ท่ามกลางความเงียบงัน เขาเดินเข้าไปค้อมตัวลงอุ้มเจ้าอินดี้ แต่สายตาพลันสะดุดเข้ากับเจ้าแมวอ้วนอีกตัวที่แอบซุกอยู่ใต้ชั้นหนังสือ

    ดวงตากลมโตของเจ้าอันดาตื่นตะหนกทันทีเมื่อสบกับดวงตาเรียวรีของอคิน ร่างปุ้มปุ้ยถอยหลังกรูเข้าไปจนหางของมันชนเข้ากับผนังห้อง

    "อ..อันดา.."

    "..."

    "เข้าไปทำอะไรในนั้น ออกมาเร็ว" เขาบอกเสียงแผ่ว วางเจ้าอินดี้ลงและพยายามก้มตัวให้ต่ำแล้วมองลอดเข้าไปใต้ชั้นหนังสือ

    เจ้าอันดาตัวสั่นและถอยหลังหนีทั้ง ๆ ที่ถอยไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เนื่องจากร่างอ้วน ๆ ปะทะเข้ากับผนังห้องสีขาวสะอาดตา

    อคินเริ่มใจไม่ดี เขายื่นมือเข้าไปหวังจะดึงอันดาออกมา แต่เจ้าตัวดีกลับเบี่ยงตัวหลบหนีและส่งสายตาหวาดกลัวมาให้อคิน

    วินาทีนั้นเขารู้เลยว่า ตนเองไม่ใช่คนที่อันดาจะไว้ใจได้อีกต่อไปแล้ว

    อันดากำลังกลัวเขา

    เจ้าอันดาที่เคยคลอเคลียกัน แต่ตอนนี้ไม่อยากเข้าใกล้เขาอีกแล้ว

    "อันดา..ฉันซื้อพิซซ่ามาให้นาย ฉันเลือกแบบที่มีกุ้งมาด้วยนะ แบบที่นายอยากกิน"

    "..."

    "อันดา เด็กดีของฉันออกมาหน่อยเร็ว"

    เด็กดี..อคินเรียกเขาว่าเด็กดีอย่างนั้นหรือ

    เจ้าอันดาหันหน้านี้ ซุกใบหน้าเล็กลงกับขาหน้าของตนเอง มันไม่ยอมขยับ ไม่ยอมให้อคินแตะ และไม่คิดที่จะสบตากับอคิน

    "ออกมาเถอะนะ มากินพิซซ่ากัน" เขายังคงหว่านล้อม น้ำเสียงนุ่มทุ้มต่างจากตอนที่ตวาดใส่กันลิบลับ

    เขาตัดสินใจลุกขึ้นไปหยิบพิซซ่า จัดใส่จานมาหนึ่งชิ้น พร้อมทั้งนั่งลงและวางจานไว้เพื่อให้เจ้าอันดาออกมากิน
    กลิ่นหอม ๆ ของพิซซ่าที่เคยขอให้อคินพาไปกินไม่ได้ทำให้เจ้าอันดาสนใจ มันทำเพียงหลับตา

    ขอไม่รับรู้อะไรอีกแล้ว

    เหนื่อย อันดาเหนื่อยและอ่อนล้ามากเหลือเกิน

    พอจนปัญญาเขาก็เลยผละออกเพื่อไปอาบน้ำ กลับมานั่งกินพิซซ่าได้แค่ครึ่งชิ้นก็ต้องรามือเพราะว่ากินต่อไม่ลงแล้ว
    จานพิซซ่าที่เขาวางไว้ยังคงอยู่ที่เดิม และเจ้าอันดาก็ยังแอบอยู่ใต้ชั้นหนังสือเหมือนเดิมไม่ยอมขยับไปไหน

    อันดาคงโกรธเขา

    เอาไว้อารมณ์ดีกว่านี้เดี๋ยวอันดาก็คืนร่างกลับมาเหมือนเดิม

    อคินคิดแบบนั้น

    "ฉันจะไปนอนแล้วนะ นายคืนร่างแล้วมาอาบน้ำนอนได้แล้วอันดา"

    "..."

    "ดึกมากแล้วอันดา ออกมาเร็ว" เขาถอนหายใจ ไร้การตอบรับจากเจ้าเหมียวขนปุย

    อคินนั่งรออยู่แบบนั้นจนกระทั่งนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืนตรง เขาง่วงมากจนรออันดาไม่ไหว เป็นอีกครั้งที่ถอดใจและเดินเข้าไปในห้องนอน

    เขาชักไม่สนุกแล้วสิกับการมานั่งเฝ้าให้อันดาคืนร่าง จากที่จะมาคุยด้วยดี ๆ แต่ตอนนี้อคินเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว
    ในเมื่ออยากจะงี่เง่านักก็ตามใจ เขาถือว่าเขาง้อมากพอแล้ว

    เขาเหมือนคนบ้าที่พูดอยู่คนเดียวมาสามสี่ชั่วโมง ถ้าอยากดื้อด้านอคินก็จะปล่อยให้ดื้อด้านเสียให้พอ หิวเมื่อไหร่ เมื่อยเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็เลิกพยศไปเอง

    เขาเลิกสนใจเจ้าอันดาและหันไปอุ้มเจ้าอินดี้ขึ้นมาและพาเข้าห้องนอน อคินไม่ได้ล็อกประตู เพราะรู้ดีว่าอีกไม่กี่นาทีต่อมาอันดาก็คงเข้ามานอนเองตามปกติ

    เขานอนลงได้สักพัก บอกฝันดีเจ้าอินดี้และไม่นานก็ทนความง่วงไม่ไหวจนเข้าสู่ห้วงนิทรา

     



     

    เช้าวันจันทร์ที่ไม่ได้สดใสเหมือนทุก ๆ วันกำลังเริ่มขึ้นพร้อมกับเปลือกตาขาวเปิดลืมขึ้นมาช้า ๆ ดวงตาเรียวคมปรือปรอยต่อสู้กับความง่วงงุนของตนเอง เขาหาวหวอดพร้อมกับลุกขึ้นนั่งเตรียมตัวจะอาบน้ำเพื่อไปทำงาน

    พื้นที่เตียงข้าง ๆ ที่เคยมีร่างเล็กนอนอยู่ด้วยกันทุกวันตอนนี้กลับว่างเปล่า ผ้าปูที่นอนทางฝั่งของอันดายังคงเรียบตึงราวกับเมื่อคืนนี้ไม่มีใครอีกคนเข้ามานอนอยู่ข้างกัน

    และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

    ตลอดทั้งคืนอคินนอนอยู่คนเดียว และมีเพียงเจ้าอินดี้หลับปุ๋ยอยู่ปลายเตียง

    ทันทีที่เขาเปิดประตูห้องนอนออกมา ก็เห็นเจ้าอันดาก้มหน้าใช้ลิ้นเล็กเลียน้ำในถ้วยด้วยความเชื่องช้า

    ร่างอ้วนตุ้ยนุ้ยเดินอุ้ยอ้ายไปล้มตัวนอนลงบนเบาะนอน ดวงตากลมโตหลับพริ้ม ไม่มีแม้แต่เสี้ยวเดียวที่จะหันมามองหน้าใครอีกคนที่ลอบมองอยู่ก่อนแล้ว

    อคินทำทีไม่สนใจ เขาเพียงเข้าไปทำอาหารในครัวไว้ให้อันดา กลับออกมาเทน้ำและอาหารใส่ชามให้เจ้าอินดี้ พร้อมกับโทรหาบิวตี้ว่าวันนี้ของดเรียนไปก่อน เนื่องจากเกิดเหตุสุดวิสัย

    เขาเองก็อยากจะรู้นักว่าอันดาจะต่อต้านเขาไปได้อีกนานเท่าไหร่

    คิดหรือว่าการที่ทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้แล้วเขาจะยอมตามใจเหมือนเคย ไม่มีทาง

    อคินถอนหายใจและออกไปทำงานเหมือนเช่นทุกวันในเวลาเดิมตามปกติ ก่อนจะก้าวพ้นกรอบประตูก็ไม่วายปรายตามองเจ้าอันดาที่นอนขดอยู่บนเบาะนอน

    เอาเถอะ ถ้าพร้อมคุยเมื่อไหร่แล้วค่อยว่ากัน

     



     

    แม่แมวขนปุยรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอีกที ก็ตอนที่ท้องร้องประท้วงหนักขึ้น และรู้สึกว่าหิวมากกว่าปกติจนต้องสอดส่ายสายตาหาอาหารเพื่อประทังกาย

    เจ้าอันดาขยับร่างอุ้ยอ้ายขึ้นมาเลียน้ำสองสามที แล้วหันไปดอมดมอาหารเม็ดที่อคินเทไว้เมื่อเช้านี้ เจ้าอันดาเคี้ยวอาหารเม็ดรสชาติฝืดคอด้วยความเชื่องช้า

    กลิ่นของอาหารที่ไม่ค่อยจะคุ้นชินเนื่องจากห่างหายไปนานตีขึ้นมาจนรู้สึกอยากจะอาเจียน รสชาติเฝื่อน ๆ มันค่อนข้างแย่สำหรับแม่แมวตัวน้อยที่กำลังหิวโซ ฝืนใจกินอยู่ได้ไม่นาน ก็ผละออกแล้วขยับตัวไปเลียน้ำในชามอีกครั้ง

    เจ้าอันดากลับมานอนแหมะตามเดิมบนเบาะนอนนุ่มนิ่ม อาการง่วงซึมอ่อนเพลียและเมื่อยล้าส่งผลให้เจ้าแมวอ้วนยังนอนซุกตัวอยู่อย่างนั้นไม่ห่างไปไหน

    ความรู้สึกคลื่นเหียนมีบ้างเป็นครั้งคราว บวกกับความรู้สึกแปลก ๆ ในช่องท้อง ที่เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวตอดตุ้บเป็นระยะราวกับมีฝูงปลาเข้ามาแหวกว่าย และเริ่มรู้สึกรุนแรงมากขึ้นไปอีกเมื่ออาการหิวโหยไม่ยอมทุเลาลง

    ไม่นานนักเจ้าอันดารู้สึกได้ถึงบานประตูที่เปิดออก กลิ่นหอมละมุนจากตัวอคินปะทะทักทายกันจนอันดาต้องเหลียวหน้าหันไปมอง

    อคินถือถุงอาหารที่ซื้อติดมือกลับมาไปวางไว้บนโต๊ะทานข้าว เขาไม่แม้แต่จะชายตามองร่างกลมที่นอนซุกอยู่บนเบาะนอนเลยแม้แต่น้อย

    ในเมื่อเขายังเห็นอีกคนอยู่ในร่างแมว เขาก็จะไม่ห้าม จะไม่ร้องท้วงหรือบอกกล่าวอะไร และจะปล่อยเลยตามเลยตามแต่เจ้าตัวจะปรารถนา ถ้าหากเจ้าอันดายังดื้อแพ่งอยู่แบบนี้ เขาก็จะทำให้เจ้าอันดารู้เช่นกันว่าวิธีแบบนี้เรียกร้องความสนใจอะไรจากเขาไม่ได้เลยสักนิดเดียว

    อคินเดินวนไปวนมาอุ่นอาหารและจัดสำรับขึ้นโต๊ะ เขานั่งทานข้าวเงียบ ๆ คนเดียว และมีบ้างบางจังหวะที่เหลือบมองเจ้าอันดาที่นอนหลับตาพริ้ม

    เขาไม่ได้เรียก ไม่ได้ชวน ไม่ได้ตักข้าวไว้ให้หรือพูดอะไร แต่ทำเพียงเหลือแกงจืดไข่น้ำและผัดผักหมูกรอบไว้ให้อันดา เพราะคิดไว้ว่าอีกไม่นานเจ้าแมวดื้อก็คงหิวและวิ่งแจ้นมากินเอง

    หลังจากนั้นเขาก็เดินเข้าไปทำธุระในห้องนอน อาบน้ำอาบท่านั่งเคลียร์งานเพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีเวลาล่วงเลยไปจนถึงสามทุ่มครึ่ง เขาพักสายตาออกจากหน้าจอโน้ตบุ๊คทันที

    เจ้าอินดี้เดินอ้อมไปอ้อมมาอยู่ในห้อง มันส่งเสียงร้องบ้าง เดินไปกินอาหารบ้าง แต่ไม่เดินเข้ามาหาอคิน

    เขาแอบมองเจ้าแมวดื้อที่อยู่บนเบาะนอนที่ไม่ยอมขยับไปไหน ตั้งแต่เขากลับมาเจ้าอันดายังนอนหลับอยู่แบบนั้นไม่หือไม่อือจนอคินเริ่มจะหงุดหงิด

    เขาลุกขึ้นยืนและเดินเข้าไปหาเจ้าอันดา ย่อตัวลงนั่งและใช้จังหวะอันรวดเร็วรวบตัวเจ้าอันดาขึ้นมาอุ้ม เจ้าเหมียวน้อยรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาร้องเสียงดัง พร้อมกับดิ้นขลุกทันทีเมื่อรู้ว่าเป็นใครเข้ามาใกล้ตน

    เจ้าอันดาร้องบอกให้อคินปล่อยมันลงกับพื้น คนที่ไม่ยอมก็กอดรัดเจ้าแมวดื้อเอาไว้แล้วบังคับให้นอนบนตักตนเอง สู้รบกันอยู่นานสองนอนจนสุดท้ายอคินก็ทนมองร่างปุกปุยที่สั่นเทิ้มนั่นไม่ไหว

    แววตาของเจ้าอันดามันบอกทุกอย่างแล้วว่ากำลังตื่นกลัว เสียงร้องหง่าวดังขึ้นจนเจ้าอินดี้ต้องวิ่งถลาเข้ามาดู มันกระโดดดึ๋งขึ้นไปหาอคิน แล้วแทรกกายอ้วนกลมลงบนตักอคินแทนที่เจ้าอันดา

    พอสบโอกาสเจ้าแมวดื้อก็กระโดนหนีและวิ่งหายเข้าไปใต้ชั้นหนังสือ เจ้าอินดี้รีบวิ่งตามไปและนั่งลงเฝ้าเจ้าอันดาด้วยความรักใคร่

    "หึ" เขาเหยียดยิ้มมุมปาก

    สมเพชตัวเองที่แม้แต่เจ้าอินดี้ก็ยังเลือกอันดา

    แน่ล่ะ ก็เขาทำร้ายอันดาขนาดนั้น เจ้าอินดี้รักอันดามากกว่าอคินเป็นไหน ๆ ทำไมเขาจะไม่รู้

    แต่ช่างเถอะ เขาจะคอยดูก็แล้วกัน ว่าจะหลบเลี่ยงกันไปได้อีกสักกี่น้ำเชียว

     

     

     

    จากที่คิดว่าอันดาคงจะตั้งแง่ไปได้ไม่นานเดี๋ยวก็กลายร่างกลับมาเป็นเด็กดื้อคนเดิม แต่ตอนนี้ผ่านไปเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้ว และอคินเพิ่งรู้ว่าเขานั้นคิดผิด

    ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เจ้าอันดาไม่เคยให้เขาเข้าใกล้ ไม่เคยให้เขาแตะตัว และไม่ยอมกลับคืนร่างมาเจอหน้ากัน จากที่คิดว่าตัวเองก็จะเอาชนะเด็กดื้อเพื่อปราบพยศ แต่ตอนนี้อคินเริ่มไม่มั่นใจแล้ว ว่าอาจจะเป็นเขาเองหรือเปล่าที่กำลังพยศอยู่
    เขาใจหายทุกครั้งที่ดวงตากลมโตจ้องมองกันแล้วแสดงท่าทีตื่นกลัว แววตาที่ทอประกายมันบอกชัดทุกอย่างว่าอันดาไม่อยากยุ่งกับเขา

    อคินเริ่มรู้สึกทรมานขึ้นทุกวัน เมื่ออ้อมกอดอบอุ่นและสัมผัสนุ่ม ๆ ที่ริมฝีปากนั้นห่างหายไป เขาบอกตรง ๆ ว่าเขาไม่ชิน

    เขาอยากกอด อยากหอม อยากจูบ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าอันดาเอาแต่ดิ้นหนีทุกครั้งที่เขาพยายามจะอุ้มมันขึ้นมา

    "อันดา.." เขาเรียกเจ้าเหมียวเสียงแผ่ว

    เจ้าอันดานอนตัวอ้วนกลมเกยทับเจ้าตัวอินดี้ ใบหน้าอ่อนล้าราวกลับจะหลับพริ้มลงไปเสียดื้อ ๆ

    หลายวันมานี้อคินสังเกตได้ว่าเจ้าอันดาไม่ค่อยกินอะไรเลย ไม่ว่าจะอาหารมนุษย์หรืออาหารเม็ด เขาไม่เห็นว่ามันจะพร่องลงไปเลยสักนิดเดียว

    แต่มีครั้งหนึ่งเมื่อสองวันก่อน เขาแอบมองเจ้าอันดาที่กำลังเคี้ยวอาหารช้า ๆ ท่าทีอุ้ยอ้ายนั่นราวกับจะขย้อนอาหารออกมาเสียหลายครั้ง พอเขาจะเข้าไปหาเพื่อดูอาการ เจ้าอันดาก็เบี่ยงตัวหลบหนี

    พอเห็นอย่างนั้นเขาเองก็ปวดใจอยู่ไม่น้อย อยากให้คืนร่างกลับมาคุยกัน รอยฟกช้ำที่เขาเป็นคนลงมือกระทำก็ยังไม่ได้รับการรักษา อคินมองหลอดยาที่เขาซื้อมาทิ้งไว้แล้วลอบถอนหายใจ สุดท้ายแล้วเหมือนจะเป็นเขาเองที่ต้องออกแรงง้ออีกครั้ง

    อคินทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ อยู่นาน จนสรุปกับตัวเองได้ว่าเขาควรจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้ เขาดุด่าว่าอันดาดุร้าย ก้าวร้าว แต่เขาดันลืมมองตัวเองไปเลยว่า การกระทำแสนโหดร้ายของเขาที่ทำลงไปมันก็ไม่ต่างอะไรจากคำว่าก้าวร้าว
    เขาใช้กำลังกับอันดา ทำร้ายและทำลายหัวใจดวงน้อย ๆ ของอันดาจนมันละเอียดยับเยิน

    เขายอมรับว่าเขาโกรธ ทันทีที่เห็นว่าอันดาทำร้ายคนอื่น ความคุกรุ่นมันก็ปะทุทันทีจนระเบิดออกมา เขาสาดอารมณ์และพ่นคำพูดร้าย ๆ ใส่อันดา ใช้พละกำลังที่มีมากกว่าลงมือเฆี่ยนตีอีกฝ่ายจนเจ็บช้ำเขาว่าอันดานิสัยไม่ดี

    แต่พอมองย้อนมาเขาเองก็นิสัยไม่ดีเช่นกัน เกิดเป็นมนุษย์จนอายุตั้งสามสิบสองปี ยังแยกแยะไม่ได้ว่าควรจะมีสติให้มากกว่านี้ แล้วจะไปคาดหวังอะไรกับแมวตัวหนึ่งที่ไม่ประสา ไม่รู้ความ และแถมยังเติบโตมาด้วยความยากลำบากกับสภาพแวดล้อมที่มีแต่คนจ้องจะทำร้าย

    อันดาหนีหัวซุกหัวซุนแทบตาย จากทั้งมนุษย์ใจร้ายและหมาจรจัดดุดันที่ไล่กวดกันด้วยความเกลียดชัง โดนทำร้ายร่างกายอยู่ทุกวันจนเจ็บช้ำเลือดตกยางออก พอหนีความโหดร้ายเหล่านั้นออกมาได้ กลับต้องมาเผชิญมันอีกครั้งเพราะเขาเป็นคนหยิบยื่นมันคืนกลับไปให้อันดา

    เขาเองก็ไม่ได้ต่างอะไรจากความรุนแรงที่อันดาเคยเจอ
    เขามันแย่

    คิด ๆ ไปแล้วเขาเองก็ใจร้าย

    ก็สมควรแล้วนี่ที่อันดาไม่กลับคืนร่างมาเจอกัน

    เขาพูดไว้เองกับปากว่าไม่อยากเห็นหน้าอันดาอีก ซึ่งอันดาก็ตอบสนองความต้องการของเขาได้สมดั่งใจ
    เกือบครบสัปดาห์แล้วที่อีกฝ่ายไม่มาให้เขาเห็นหน้า

    สมพรปากแล้วอคิน

    แล้วทีนี้ยังต้องการอะไรอีกล่ะ
     

     


     

    ชีวิตช่วงนี้ของอคินไม่ค่อยจะราบรื่นเสียเท่าไหร่ เหมือนความวุ่นวายมันประเดประดังเข้ามาจนเหนื่อยล้าทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ

    เขาหลังขดหลังแข็งร่วมประชุมที่บริษัทมาสองวันติดแล้ว และแน่นอนว่ารานีนก็วนเวียนมาหาคุณระฟ้าที่บริษัทแทบทุกวัน และเธอก็เดินมาทักทายเขาที่แผนกแทบทุกวันเช่นกัน จนเพื่อนร่วมงานเริ่มส่งสายตากรุ้มกริ้มมาหยอกล้อ

    อคินอยากจะบ้าตาย เขาหลบเลี่ยงเธอจะแย่ แต่ก็ต้องยิ้มสู้เหมือนพวกมีคดีติดตัวเนื่องจากแมวตัวเองไปทำร้ายอีกฝ่ายจนได้แผล

    เขาพยายามพูดคุยกับเธอ หวังว่าเธอจะไม่เกลียดชังและไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับเจ้าอันดา

    ทันทีที่ถึงบริษัท อคินรีบเคลียร์งานของตนเองให้เสร็จทันภายในครึ่งเช้า เนื่องจากครึ่งบ่ายยาวไปจนเลิกงาน เขาต้องเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือกับฝ่ายต่าง ๆ ของบริษัทเรื่องการจัดทำโครงการหมู่บ้านจัดสรรค์

    มันเป็นโครงการค่อนข้างใหญ่ และใหม่มากสำหรับบริษัทของคุณระฟ้า เธอเลยต้องระดมพนักงานทุกภาคส่วนมาพูดคุย และแบ่งสัดแบ่งส่วนก่อนจะเริ่มวางโครงร่างของที่ดิน และทำการตกลงในส่วนของวิศวกรต่อไปตามลำดับขั้นตอน

     

     

     

    เจ้าอันดาอ่อนเพลียลงมากจนเจ้าตัวเองชักเริ่มใจหาย หลายวันมานี้อันดาเริ่มกินอะไรไม่ได้ แม้แต่อาหารเม็ดที่ฝืนกินมาตลอด แต่ตอนนี้แค่ได้กลิ่นก็จวนจะอาเจียนแล้ว

    เขาหิว หิวมาก แต่ไม่สามารถกระเดือกอะไรได้ลง นับวันยิ่งรู้สึกอ่อนล้า ทั้งง่วงและอยากนอนทั้ง ๆ ที่ก็นอนอยู่ตลอดทั้งวัน

    โชคดีที่มีเจ้าอินดี้คอยอยู่เป็นเพื่อนไม่ห่างไปไหน มันคลอเคลียเจ้าอันดาและคอยดูแลอยู่ใกล้ ๆ จนอันดาเองก็รับรู้ได้ถึงความห่วงใยนั้น เขารู้สึกขอบคุณเจ้าอินดี้ทุกครั้งที่อีกฝ่ายไม่เคยทิ้งกันไปไหน

    เจ้าอินดี้ใจดีกับอันดาเสมอ ผิดกับอีกคนที่ใจร้าย เลี้ยงมาไม่เคยรัก ไม่เคยคิดจะฟังแล้วยังจะพูดว่าอยากจะทิ้ง ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนฟังเลยว่าต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน

    พูดออกมาได้ว่าไม่อยากเห็นหน้า

    ถ้าไม่อยากเห็นหน้ากันนักแล้วทำไมไม่เอาอันดาไปปล่อยวัดตามที่ตัวเองพูดไว้สักที

    ติ๊ด!

    สัญญาณปลดล็อกประตูเตือนขึ้นเบา ๆ หลังจากรหัสที่กรอกลงไปถูกต้องทั้งหมด

    เจ้าอินดี้ชะเง้อคอหันไปยังทางประตู ส่วนอันดากะพริบตาปริบ พร้อมกับรอคอยคนที่คิดว่าน่าจะใช่ให้ปรากฏกายเข้ามา
    อันดาได้กลิ่น กลิ่นนี้อันดาจำได้

    "หึ อยู่กันครบเลยน้า.."

    ร่างบางในชุดกระโปรงฟูฟ่องสีครีมสวยส่งยิ้มให้เจ้าเหมียวทั้งสองตัวที่นอนอยู่ข้างกันเย็นยะเยือก

    เธอนั่งลงและลูบหัวแมวอ้วนทั้งสองตัวไปมาคนละทีเพื่อทักทาย ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินไปปลดกระเป๋าสะพายราคาแพงลงบนโซฟา

    แขนของเธอที่ถูกเจ้าอันดาข่วนรอยเล็บเริ่มจางลงไปแล้ว แต่สิ่งเดียวที่ยังคงอยู่และไม่มีวันจางไปตามแผลเป็นนั่น คือความโกรธและความแค้นของเธอ

    รานีนจัดการหยิบกล่องอาหารที่เธอเตรียมมาเป็นอย่างดีวางลงบนเคาน์เตอร์บาร์ ยกมุมปากกระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนจะเดินไปอุ้มเจ้าอันดาขึ้นมาไว้ในอ้อมอก มันดิ้นขลุก แรงบีบที่โดนตรึงไว้ที่ขาหน้าปวดชาจนอันดาต้องหยุดดิ้น

    เธอวางเจ้าแมวตัวอ้วนลงช้า ๆ บนเคาน์เตอร์บาร์ ลูบหัวทุยไปหลายทีหวังให้อันดาสงบลง

    เธอแค้นใจนัก ไอ้แมวนี่ข่วนเธอเสียจนเลือดออก แต่ก็คุ้มค่ามากเพราะอคินพาเธอไปหาหมอ ดูแลเป็นอย่างดี และตลอดทั้งสัปดาห์ที่เธอเจอกับอคิน เขาก็พูดคุยกับเธอเป็นปกติมากขึ้น ไม่ได้มีทีท่ารำคาญเธอหรือตัดสัมพันธ์กับเธอเหมือนก่อนหน้านี้

    แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ เธอคิดว่าการไม่มีพวกแมวโง่อยู่ที่นี่แล้วต่างหากล่ะถึงจะดีที่สุด

    เธอเปิดกล่องอาหารที่บรรจุไว้ด้วยเนื้อปลาทูน่าอย่างดีที่เธอซื้อมาจากร้านสะดวกซื้อใต้คอนโด เธอเปิดมันออกพร้อม ๆ กับยื่นมันให้เจ้าอันดา

    แต่โทษทีว่าอันดาไม่ได้โง่

    อันดารู้อยู่เต็มอกว่าเธอเกลียดทั้งตัวเองและเจ้าอินดี้มากขนาดไหน เพราะฉะนั้นไม่มีวันแน่ที่เขาจะยอมกินอาหารของเธอ

    ต่อให้หิวโซ ต่อให้กลิ่นทูน่าจะเย้ายวนมากขนาดไหน แต่อันดาไม่มีวันแตะต้องของของเธอเป็นแน่

    "กินสิจ๊ะยัยตัวดี ฉันซื้อมาให้เธอเลยน้า" รานีนกัดฟันพูด ส่งเสียงรอดไรฟันพร้อมยัดเยียดกล่องอาหารใส่หน้าเจ้าอันดา

    เจ้าอินดี้กระโดดขึ้นไปนั่งบนโซฟา ชูคอมองสถานการณ์ตรงหน้าว่าเกิดอะไรขึ้น

    "กินสิ กินสักที!" เธอกดหัวเจ้าอันดาจนใบหน้าจุ่มลงไปในอาหาร

    เจ้าเหมียวร้องท้วงเสียงดัง พยายามสะบัดตัวหนีแต่เธอดันรวบตัวอันดาเอาไว้แล้วยกกล่องอาหารมาจ่อที่ปากเล็ก

    "เมี้ยววววว..เมี้ยววววว.." เจ้าอินดี้ออกปากร้อง กระโดดขึ้นไปยืนบนเคาน์เตอร์ทันทีเมื่อเห็นว่าเจ้าอันดากำลังตกที่นั่งลำบาก

    "แม่ง! ยากเย็นจังวะ มึงจะกินไหม กูบอกให้มึงกิน! กูบอกให้มึงกิน!" เธอตวาดเสียงแข็ง หมดคราบสาวสวยคนนั้นที่พูดจาจ๊ะจ๋าใส่อคิน

    "มึงจะแดกเองดี ๆ ไม่ได้ใช่ไหม ได้!!"

    เธอกดตัวเจ้าอันดาให้นอนหงาย รวบขาหน้ามากำเอาไว้แรง ๆ เพื่อให้เจ้าแมวนี่หยุดดิ้น เธอใช้ฝ่ามือบีบปากเจ้าอันดา พยายามง้างฟันคมให้อ้าพอจะยัดทูน่าที่เธอเตรียมมาใส่เข้าไปได้

    เจ้าอินดี้ที่ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์อะไรมากนัก ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาและพยายามดันตัวเพื่อบังอันดาเอาไว้ เธอออกแรงดันเจ้าอินดี้ให้พ้นทาง ผลักทีเดียวร่างอ้วนท้วนกระเด็นตกลงไปจากเคาน์เตอร์

    "ไม่ต้องสาระแน เดี๋ยวมึงก็จะได้ตายเป็นรายต่อไป!" เธอชี้หน้าด่ากราดเจ้าอินดี้ คาดโทษไว้เรียบร้อยแล้วว่าอย่างไรเจ้าอินดี้ก็ไม่รอด

    เจ้าอันดาที่ไร้แรงจะต่อสู้ อ่อนเพลียเสียทีให้เธอขึงผืดเข้าจนได้ เธอคว้าเนื้อทูน่าและยัดมันเข้าปากอันดาอย่างเลือดเย็น เจ้าอันดาสำลักและใช้จังหวะดิ้นหนีพร้อมกับกางกงเล็บตะปบซ้ำแผลเดิมกับแขนเธอเต็มแรง

    แม้จะไม่อยากกลืนกินอาหารของเธอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าไอ้ที่สำลักเข้าไปนั่นก็มากพอจนรับรู้รสชาติ อันดาแทบจะขย้อนออกมาทันทีเมื่อกลิ่นอาหารตีรวนขึ้นมาจนคลื่นไส้

    "โง่! จะตายอยู่แล้วยังไม่รู้ตัว"

    เธอพึมพำด้วยความสะใจ ทันทีที่เธอปล่อยอันดาให้เป็นอิสระ ก็เหยียดยิ้มร้ายยกขึ้นที่มุมปาก

    รออีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ยาเบื่อชนิดออกฤทธิ์แรงที่เธอใส่ลงไปก็จะทำให้ไอ้แมวนี่บอกลาโลกแล้ว
     

     


     

    "พี่คินคะอีกครึ่งชั่วโมงจะเข้าประชุมแล้วนะคะ พี่คินจะไปไหนคะ" เสียงหวานของมีนา พนักงานสาวรุ่นน้องทักขึ้นทันทีเมื่ออคินลุกลี้ลุกลนเตรียมลุกจากเก้าอี้

    "เดี๋ยวมา พี่ลืมแฟรชไดรฟ์ไว้ที่บ้าน" เขาตอบแค่นั้นก็คว้ากุญแจรถยนต์แล้วรีบเดินออกไป

    ในวันที่เร่งรีบแบบนี้ดันมาลืมของสำคัญ เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรก็ไม่รู้ แต่ยังโชคดีอยู่บ้างที่เวลานี้รถไม่ค่อยติด จากบริษัทกลับมาถึงคอนโด ถ้าการจราจรเป็นใจมากขนาดนี้ ใช้เวลาแค่สามสิบนาทีก็สบายเหลือเฟือ

    อคินมุ่งหน้ามาที่คอนโดและตรงดิ่งขึ้นไปยังห้องของตัวเองโดยที่ไม่เสียเวลาทักทายใครเลยแม้แต่คนเดียว

    เขากรอกรหัสเปิดประตูด้วยความรีบร้อน แต่ทันทีที่ผลักประตูเข้าไปก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใครอีกคนยืนจังก้าอยู่ในบ้านของตัวเอง

    "นีน"

    "..." เจ้าของชื่อหันขวับ เบิกตาทันทีเมื่อเห็นเจ้าของห้องกลับเข้ามาในเวลาที่คิดว่าควรจะทำงานอยู่ที่บริษัท

    เธอสะดุ้งตัวตกใจ อคินก้าวขายาว ๆ เดินฉับไม่กี่ก้าวก็เข้ามาประชิดตัวเธอ

    "คุณมาที่นี่ทำไม เข้ามาได้ยังไง ใครเปิดประตูให้คุณ"

    "ค..คินคะ.."

    "ผมถาม!"

    "..." เธอกัดริมฝีปากแน่น ตัวสั่นด้วยความกลัวกับความผิดที่อยู่ตรงหน้า

    "คุณเข้ามาได้ยังไง" เขากัดฟันกรอด บีบแขนเธอไว้แน่น

    "คนที่ตั้งวันเกิดของตัวเองเป็นรหัสผ่าน คินคิดว่ามันเข้ามายากขนาดนั้นเลยเหรอคะ" เธอยิ้มบาง แม้แววตาจะหวาดระแวงแต่มุมปากกลับแสยะยิ้มอย่างเลือดเย็น

    ใช่ เธอรู้รหัสห้องของอคิน

    ผู้ชายอย่างอคินรหัสเดียวที่ตั้งได้และนำมาตั้งทุกสิ่งทุกอย่างบนโลก และทุกแอปพลิเคชั่นนั่นคือตัวเลขวันเกิดของตัวเอง

    ง่ายแสนง่าย

    และเธอเคยแอบเข้ามาในห้องเขาแล้วเมื่อหลายเดือนก่อน เธอเพียงมาสำรวจให้แน่ใจว่าอคินอยู่ที่นี่ และมันก็ใช่
    การใช้ชีวิตของอคินยังจำเจซ้ำไปซ้ำมาไม่เคยเปลี่ยน ถ้าอคินจะลดทิฐิลงบ้างและสังเกตุเธอดูสักนิด เขาคงจับพิรุธเธอได้ตั้งแต่วันที่เธอขับรถมาส่งเขาที่คอนโด

    ตลอดการเดินทางอคินไม่พูดกับเธอ เขาไม่ได้ปริปากพูดเลยสักคำว่าคอนโดเขาอยู่ที่ไหน แต่เธอก็ขับรถมาส่งเขาได้จนสำเร็จ

    เธอรู้ เธอรู้ความเคลื่อนไหวของอคินมาโดยตลอด

    "คุณเข้ามาทำไม" เสียงเข้มยังคงถาม เธอกดยิ้มเย้ยหยันแล้วมองไปยังเจ้าอันดาที่เริ่มมีท่าทีที่เปลี่ยนไป

    เจ้าแมวอ้วนเริ่มหอบหายใจแรง ดูเบลอ ๆ งง ๆ และบริเวณมุมปากเล็กก็ถูกเคลือบไปด้วยน้ำลายที่มันกำลังยืดออกมา ลิ้นสากห้อยลงพร้อมทั้งฟองน้ำลายขาวหยดแหมะลงมาเป็นสาย

    "อันดา!" อคินผละออกจากรานีนแล้วตรงเข้าไปหาเจ้าอันดา

    เขามองดูเศษอาหารที่มันกระจัดกระจายอยู่เต็มโต๊ะ ก่อนจะหันไปให้ความสนใจกับเจ้าแมวดื้อที่ตอนนี้เริ่มมีอาการไม่สู้ดี

    "คุณทำอะไร! เอาอะไรให้อันดากิน!"

    อคินไม่สนใจที่จะฟังคำตอบจากเธอ แมวน้อยของเขาเริ่มทรุดตัวลงดิ้นด้วยความทรมาน เขาไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรอีกแล้ว รู้ได้ทันทีเลยว่าอาการของอันดาคงน่าจะโดนยาเบื่อหรือพวกสารพิษอะไรบางอย่าง

    ร่างสูงตรงดิ่งเข้าไปในครัว เขาพยายามรวบรวมสติและยกแผงไข่ไก่ที่เพิ่งซื้อมาติดตู้เย็นไว้เมื่อหลายวันก่อนออกมา เขาจับเจ้าอันดานอนลงแล้วใช้มือบีบปากเล็กให้อ้าออก

    มือหนาหยิบไข่ไก่สดแล้วตอกมันลงไปในปากเจ้าอันดา เขาเขย่าตัวเจ้าแมวอ้วน พยายามร้องเรียกสติให้เด็กดื้อของเขาลืมตา

    อคินตอกไข่ไก่กรอกปากอันดาอย่างบ้าคลั่ง แข้งขาอ่อนแรงเหมือนจะเป็นลมล้มพับลงไปเสียตรงนั้น

    "อันดา..อย่าเป็นอะไรนะ อันดา ได้ยินฉันไหม อันดา นายกินอะไรเข้าไป อ้วกออกมา อันดา.."

    "..."

    "อ้วกออกมา อันดา ฮึก..อ้วกออกมา เด็กดีของฉัน ฮึก"

    เสียงทุ้มสะอื้นจนเบาหวิว เขาตอกไข่ไก่ฟองแล้วฟองเล่าจนมันหายไปมากกว่าครึ่งแผง

    ตอนนี้เขากำลังสติแตก เอาแต่พร่ำเพ้อเรียกชื่อเด็กดื้อให้อาเจียนออกมาเพื่อหวังให้ขับพิษร้ายออกจากตัว

    และในวินาทีแห่งความเป็นความตายกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ เจ้าอันดาขย้อนสิ่งที่กินไปออกมา พร้อม ๆ กับที่อคินอุ้มตัวเจ้าแมวน้อยไว้แนบอก และหันไปตวาดใส่ผู้หญิงใจร้ายจนเสียงสั่น

    รานีน

    ยัยผู้หญิงที่เลือดเย็นที่สุดเท่าที่อคินเคยพบเคยเห็นมา

    "ออกไปจากบ้านผม! ออกไปให้พ้นก่อนที่ผมจะไร้ความเป็นสุภาพบุรุษและลงมือทำร้ายคุณ!"

    "คินเห็นไอ้แมวนี่ดีกว่านีนเหรอคะ!"

    "เออ! ออกไป! ออกไปให้พ้น! แล้วอย่าเสนอหน้ามาที่นี่อีก! ออกไป!"

    แม้ปากจะไล่รานีนให้ตายยังไง แต่สุดท้ายก็เป็นอคินเองที่ต้องระเห็จออกมาก่อน เขาไม่มีเวลามากพอมายืนรอให้เธอเยื้องย่าง ตอนนี้ที่เขาทำได้มากที่สุดและควรจะทำเป็นอย่างแรกคือการพาอันดาไปหาหมอ

    อคินไม่สนใจร่างบางที่ยืนอยู่กลางบ้าน เขาทำเพียงกระชับกอดเจ้าอันดา แล้วค้อมตัวลงอุ้มเจ้าอินดี้ขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล

    เขาไม่มีวันปล่อยให้เจ้าอินดี้อยู่กับยัยผู้หญิงแพศยา ตราบใดที่เธอยังไม่ไสหัวออกไปให้พ้น อคินก็จะใช้สองแขนแกร่งของตนเองโอบอุ้มสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเขาและออกไปพร้อมกัน

    ทันทีที่ถึงคลินิกรักษาสัตว์ อคินก็วิ่งตึงตังแบกร่างเจ้าอันดาพรวดพราดเข้าไปทั้ง ๆ ที่น้ำหูน้ำตายังไหลเปรอะเปื้อนราวกับเด็กเล็กร้องไห้งอแง

    "หมอ! ฮึก คุณหมอ ช่วยด้วย!"

    อคินไม่คิดอายใครหน้าไหนทั้งนั้น เขาแหกปากตะโกนเรียกคุณหมอลั่นคลินิกจนผู้ช่วยสาวต้องปราดเข้ามารับหน้า
    เขาส่งต่อเจ้าอันดาไปให้เธอ ทุกคนในคลินิกพอรู้ว่าเจ้าเหมียวที่มาใหม่โดนฤทธิ์ของยาเบื่อเข้าไปก็ต่างพากันตกใจและหันมองอคินด้วยความสงสาร

    ร่างสูงที่อยู่ในชุดสูทเรียบร้อยกำลังก้มหน้าร้องไห้ เขาทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ปล่อยให้เรื่องบ้า ๆ แบบนี้เกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่อยู่ในพื้นที่บ้านของตัวเอง

    เขาจะเอาเรื่องเธอ จะเอาเรื่องเธอให้ถึงที่สุด เขาจะไม่มีวันหลงเหลือความปรานีใดไว้ให้ผู้หญิงร้ายกาจแบบรานีนอีกแล้ว

    ไม่มีวัน!

    "คุณคะ"

    สัมผัสแผ่วเบาแตะลงบนไหล่กว้าง ใบหน้าคร้ามคมเงยขึ้นช้า ๆ ตามเสียงเรียก ผู้ช่วยสาวคนเดียวกันกับคนที่อุ้มอันดาเข้าไปกำลังยืนยิ้มเจื่อนส่งให้กันอยู่ตรงหน้า

    "รบกวนกรอกประวัติน้องหน่อยนะคะ" เธอยื่นกระดาษให้อคิน เขารับมาและลงมือเขียนข้อมูลพื้นฐานของอันดาลงไปช้า ๆ

    ก้มหน้าก้มตาเขียนได้ไม่นาน คุณหมอที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็เดินหน้าซีดออกมา เธอกะพริบตาไล่ม่านน้ำตาออกและเริ่มพูดกับอคินแผ่วเบา

    "น้องโดนยาเบื่อค่ะ"

    "..."

    "มันเป็นยาชนิดที่สารพิษค่อนข้างแรง เลยส่งผลให้อาการของน้องค่อนข้างแย่.."

    "ครับ แล้ว.."

    "แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ น้องปลอดภัยแล้ว"

    ประโยคที่อคินอยากฟังมากที่สุดถูกเปล่งออกมาตามใจปรารถนา หัวใจที่เกือบหยุดเต้นมันเต้นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้ว่าอันดาปลอดภัยดี

    เขาปาดน้ำตาออกลวก ๆ ส่งยิ้มขอบคุณคุณหมอจนเสียมาดอินทีเรียร์หนุ่มหล่อที่ผู้ช่วยทั้งคลินิกต่างจับจ้องเพ่งเล็งกันแรมปี

    "ต..แต่คุณคะ" คุณหมอพูดเสียงแผ่ว ส่งยิ้มให้อคินบางเบาเพื่อส่งกำลังใจ

    "หมอไม่ทราบว่าคุณรู้ไหม"

    "..."

    "แต่คือ..น้องท้องค่ะ"

    "..."

    "แมวของคุณกำลังตั้งครรภ์"

    "ค..ครับ คุณหมอว่ายังไงนะครับ" เจ้าของแมวตกใจ ยืดตัวขึ้นนั่งดี ๆ เพื่อรอฟังคุณหมอพูดให้ชัดอีกครั้ง

    "โดยปกติแล้วแมวจะตั้งครรภ์ราว ๆ ห้าสิบแปดถึงหกสิบเจ็ดวัน แต่เท่าที่หมอตรวจดูคือน้องตั้งครรภ์เกินไปกว่านั้นมากพอสมควรแล้วค่ะ"

    "..."

    "ส่วนตัวแล้วหมอไม่เคยเจอกรณีแบบนี้เลยนะคะ แล้วยิ่งน้องโดนวางยา หมอเลยกลัวว่าจะกระทบต่อลูกแมวในท้อง ถึงแม้น้องจะปลอดภัยแล้ว แต่เรายังไม่ทราบว่าเจ้าตัวเล็กในครรภ์จะได้รับผลกระทบอะไรบ้าง"

    "..."

    "เพราะฉะนั้นหมอขอให้น้องอยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าดูอาการสักสองวัน ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นจะได้ทำการผ่าคลอดให้น้องทันทีเลยค่ะ"

     


     

    to be continued..

    กว่าจะรู้ว่ามีอยู่ก็คือวันเดียวกับที่รู้ว่ากำลังจะเสียไป

    คอมเมนต์ติชมให้กำลังใจน้องอันดากับหลานกันนะคะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×