คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 06 - Breaking Up
CHAPTER 06 – Breaking Up
ซึงวานเพิ่งจะรู้ว่ารสชาติของความเจ็บปวดจากการตกหน้าผามันเป็นยังไง...
ตอนแรกมันรู้สึกดีเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรงขังและบินไปสู่อิสรภาพ
แต่เมื่อซึงวานรู้ว่าเธอไปไม่ถึงหน้าผาอีกฝั่งและกำลังตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกเธอก็รู้สึกชาไปทั้งตัว
เธอจูบซึลกิซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดตั้งแต่ประถมและเธอไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้
ความเงียบสงัดของสนามฟุตบอลในเวลาตีสามใกล้จะตีสี่ยิ่งเงียบลงอีกในวินาทีที่ริมฝีปากของซึงวานและซึลกิสัมผัสกัน
เธอจำไม่ได้ว่ามันกินเวลาไปนานแค่ไหน
รู้แค่ว่าพวกเธอผละออกจากกันก็เพราะรู้สึกถึงเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบแก้ม
ฝนตกแรงขึ้นจนพวกเธอต้องรีบไปหาที่หลบก่อนที่จะได้อธิบายอะไร
สุดท้ายแล้วซึงวานกับซึลกิก็ได้แต่นั่งโง่ๆภายใต้หลังคาของป้ายรถประจำทางแถวนั้นและไม่มีใครพูดอะไรออกมา
ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าของอีกคน
เสียงฝนที่ตกลงมาช่วยให้ซึงวานสามารถดึงความสนใจตัวเองออกจากจูบเมื่อครู่นี้ได้
แต่ก็ไม่นาน...
“ซึงวาน”
เป็นซึลกิที่พูดขึ้นมาก่อนทำเอาหัวใจของคนถูกเรียกเต้นรัวแรงจนแทบจะระเบิด
ซึงวานทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวและกังวล
ความรู้สึกทั้งหมดที่เธอรู้จักกำลังตีกันอยู่ภายในหัว
“อ-อื้อ?”
“เมื่อกี๊น่ะ...”
เธอเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าซึลกิกำลังมองมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว
สีหน้าสับสนไม่ต่างกันทำให้ซึงวานรู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่ พวกเธอทำอย่างนั้นอยู่ได้ไม่นานก็หลบตากลับไปมองหน้าตักของตัวเองเหมือนเดิม
เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมันบ้าเสียยิ่งกว่าสิ่งที่พวกเธอทำที่บ้านของแทยงเสียอีก
ซึงวานพูดอะไรไม่ออก
เธอไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน
ส่วนซึลกิก็เว้นช่องว่างระหว่างประโยคนั้นไว้นานจนเธอคิดว่ามันนานเกือบจะเท่ากับคำว่าตลอดไป
“ทำไมถึงทำแบบนั้น?”
เธอไม่รู้ว่าซึลกิต้องการคำตอบแบบไหน
ไม่มีเพื่อนกันที่ไหนคิดจะจูบกันแบบ...จูบจริงๆอย่างนั้นหรอก
มันไม่ใช่แค่แกล้งจุ๊บแก้มแบบที่ซึลกิเคยทำกับเธอ เพราะซึงวานไม่ได้จะแกล้งหล่อน
เธอจริงจังมากจนคิดว่าจะมากเกินไปด้วยซ้ำ
บนถนนข้างหน้าทั้งคู่แทบจะไม่มีรถวิ่งผ่านไปด้วยเป็นเวลาที่ดึกจนเกือบเช้า
ฝนที่ยังตกอยู่และแสงจากหลอดไฟที่สลัวเหมือนใกล้จะหมดแรงทำให้ซึงวานรู้สึกเหมือนมีแค่เธอและซึลกิอยู่สองคนบนโลก
เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวกำลังรอฟังคำตอบจากปากของเธอแค่คนเดียว
“แกคิดอะไรกับฉัน...รึเปล่า?”
ซึงวานหันไปสบตากับซึลกิอีกครั้ง
“อืม” เธอส่งเสียงในลำคอ
ซึลกิเลิกคิ้วขึ้นเหมือนยังไม่เข้าใจ
ซึงวานจึงกระแอมให้คอโล่งกว่าเดิมก่อนจะพูดให้ดีกว่าเดิม
“อืม ฉันคิด”
ความรู้สึกเหมือนสมองระเบิดจนเกิดควันลอยออกมาจากหัวเกิดขึ้นเมื่อเธอตอบกลับไปแบบนั้น
ซึงวานไม่เคยมีแฟน ไม่เคยชอบใครเลยด้วยซ้ำ
ไม่นึกว่าจะต้องมาคิดและสารภาพมันออกไปกับคนที่ดูเป็นไปไม่ได้มากที่สุด
เธอเริ่มจะเกลียดซึลกิที่เอาแต่ทำหน้าสับสนอยู่อย่างนั้น
และเธอก็เริ่มจะเกลียดตัวเองที่กล้ากระโดดออกจากขอบผาแบบไม่กลัวตาย
“แต่...”
“...”
“ฉันไม่รู้”
ซึลกิก็ไม่เคยรู้อะไรสักอย่าง
ไม่เคยสนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไงที่ต้องช่วยหล่อนแต่ละครั้ง
ไม่เคยรู้เลยว่าซึงวานต้องอดทนมากขนาดไหนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะเว่ย”
น้ำเสียงกังวลนั่นทำเอาซึงวานอยากจะร้องไห้ ประโยคเมื่อครู่ตอกย้ำชัดเจนว่าซึลกิก็แค่รู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูก
มันไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่ซึงวานรู้สึก
ไม่ใช่ในรูปแบบนั้น
“ฉันรู้” ซึงวานตอบได้แค่นั้นจริงๆ
เธอกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมาถ้าพูดมากกว่านี้
ก็เป็นได้แค่เพื่อน...จะเอาอะไรอีก
“แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ”
ซึลกิกระซิบออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคล้ายกับคนกำลังจะหมดแรง
ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีไป เธอยังทันได้เห็นคิ้วที่ขมวดมุ่นและแววตาเป็นกังวลของซึลกิซึ่งมันคงจะเป็นภาพติดอยู่ในหัวเธอไปอีกนาน
เธออยากจะขอโทษแต่ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ การชอบใครมันไม่ใช่ความผิดของเธอ
ที่รู้สึกแย่มันก็เป็นเพราะอีกคนไม่ได้ชอบเธอตอบเท่านั้นเอง
และซึงวานก็เพิ่งจะได้รู้ว่ารสชาติของความเจ็บปวดจากการตกหน้าผามันเป็นยังไง...
ตลอดทางกลับตั้งแต่พวกเธอขึ้นรถไฟใต้ดินและเดินตามเส้นทางไปสู่บ้านก็ยังไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก
จนกระทั่งถึงหน้าบ้านของซึลกิเจ้าตัวถึงได้ถามขึ้นมาเบาๆ
“ให้ฉันไปส่งมั้ย?”
ขณะนั้นพระอาทิตย์เริ่มจะโผล่พ้นขอบฟ้าและส่องแสงกระทบกับใบหน้าของซึงวานทำให้ซึลกิรู้ว่าสีหน้าของเพื่อนสนิทไม่สดใสอย่างที่เคยเป็นอยู่ตลอด
มันแย่มากเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ ไม่เป็นไร แกไปนอนเถอะ”
ซึลกิไม่จำเป็นต้องรีบกลับเข้าบ้านเหมือนซึงวานเพราะก่อนที่เธอจะไปหาซึงวานที่บ้านเธอได้โทรบอกแม่ไปแล้วว่าจะไปค้างที่บ้านของหล่อน
แต่เมื่อเห็นว่าท่าทีปฏิเสธของอีกคนจริงจังมากขนาดไหนเธอก็ไม่กล้าตื๊อต่อ
ซึงวานไม่รอให้เธอพูดอะไรอีกด้วยซ้ำ หล่อนแค่ยิ้มบางๆให้และเดินไปจนลับสายตา
ถึงจะถูกไล่ให้ไปนอนและรับรู้ว่าร่างกายของตัวเองเหนื่อยล้ามากเพียงใดแต่ซึลกิก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เมื่อหัวถึงหมอน
ภาพของเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวเหมือนถูกตั้งโปรแกรมไว้
มันไม่ใช่ว่าซึลกิไม่รู้สึกอะไรเลยกับจูบของซึงวาน
เธอคิดว่ามันออกจะนุ่มนวลและอ่อนโยนมากกว่าจูบของแทยงเสียด้วยซ้ำ
เป็นเรื่องจริงที่เธอเคยคิดว่าซึงวานน่ารักเสียจนถ้าเป็นผู้ชายเธอก็คงจะจีบไปแล้ว
เธอไม่เคยรู้สึกชอบผู้หญิงด้วยกันแต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดร้ายแรง
แต่ซึลกิก็ไม่เคยคิดถึงการที่ตัวเองจะได้คบกับซึงวานในแบบนั้นจริงๆเหมือนกัน
ไม่แม้ว่าคนอื่นจะคิดว่าพวกเธอเหมาะสมกัน
ไม่แม้แต่ตอนที่ต้องแกล้งทำเหมือนว่าพวกเธอเป็นแฟนกันเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในโรงเรียน
และซึลกิก็ไม่เคยคิดให้ดีเลยว่าซึงวานรู้สึกกับเธอยังไง...ตลอดมา
แน่นอนว่าเธอรักและเป็นห่วงซึงวานมากกว่าใคร
แต่เธอรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบคนรักมันเปราะบางและยากที่จะรักษาให้ยืนยาว
เธอรู้ว่าซึงวานจะต้องเป็นคนรักที่ยอดเยี่ยมได้แน่นอน
แต่ถ้าหล่อนจะต้องมาเป็นคนรักของซึลกิที่ทั้งไม่เอาไหน
ทั้งมีปมทางด้านอารมณ์และยังไม่พร้อมที่จะกลับไปรู้สึกลึกซึ้งกับใครอีกเรื่องคงจบไม่สวย ความสัมพันธ์แบบเพื่อนของเธอและซึงวานที่สร้างกันมานานเกือบสิบปีก็จะจบลงไปด้วย
เธอรู้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้อีกคนเข้าใจความรู้สึกนั้น
แต่ซึลกิก็รู้ว่าซึงวานฉลาดมากพอที่จะเข้าใจในที่สุด
ซึลกิก็แค่ไม่อยากจะเสียเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตไปเท่านั้นเอง
เพราะคิดอย่างนั้นในวันจันทร์ถัดมาซึลกิจึงพยายามทำให้ทุกอย่างดูเหมือนปกติมากที่สุด
เธอชวนซึงวานคุยเรื่องนู่นนี่ทั่วไปและอีกคนก็โต้ตอบดีเหมือนเคยถึงแม้ซึลกิจะรู้สึกได้ว่าซึงวานมีอาการอึดอัดอยู่หน่อยๆ
ยังไม่มีใครเริ่มยกเรื่องคืนวันเสาร์ขึ้นมาพูดซึ่งมันก็คงดีแล้วที่จะปล่อยให้ความรู้สึกของแต่ละคนอิ่มตัวและพวกเธอสามารถกลับมาสนิทกันได้เหมือนเดิม
แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อยิ่งเวลาผ่านไป
ยิ่งซึลกิพยายามจะเข้าใกล้เท่าไหรซึงวานก็เหมือนจะยิ่งห่างออกไป แม้ว่าเธอสองคนจะยังไปไหนมาไหนด้วยกัน
กลับบ้านด้วยกันแต่ซึงวานก็ไม่ได้พูดคุยกับซึลกิเยอะเหมือนแต่ก่อน
ซึลกิรู้สึกด้วยซ้ำว่าซึงวานกำลังสนิทกับเพื่อนคนอื่นในห้องและเด็กคนอื่นในชมรมมากกว่าเธอไปแล้ว
สุดท้ายเรื่องทุกอย่างก็มาถึงจุดแตกหักในเย็นวันศุกร์สองสัปดาห์หลังจากที่ซึงวานสารภาพว่าคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน
“วันนี้แม่จะทำเค้กแครอทล่ะ รอชิมมั้ย?”
ขณะนั้นเธอทั้งสองคนเดินกลับจากโรงเรียนจนมาถึงหน้าบ้านของซึลกิในเวลาบ่ายแก่
โดยปกติแล้วซึงวานจะชอบแวะบ้านซึลกิก่อนกลับบ้านตัวเองเกือบทุกวัน
แต่หลายวันที่ผ่านมาอีกคนมักจะบ่ายเบี่ยงไปตลอด และวันนี้ก็เช่นกัน
“ไม่อ่ะ อยากกลับไปเคลียร์การบ้านมากกว่า
การบ้านโคตรเยอะ”
“เฮ่ย เพิ่งจะวันศุกร์เอง
ทำพรุ่งนี้กับวันอาทิตย์ก็ได้ปะวะ”
“เข้ามาทำกับฉันก่อนก็ได้ จะได้ช่วยกันทำ
เนี่ยแม่บ่นคิดถึงแกไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”
ซึลกิพยายามตื๊อกับซึงวานที่นิ่งเฉยเสียจนน่ากลัว
เธอไม่ชอบเลยที่ซึงวานทำเหมือนรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ตลอดเวลา
ซึลกิรู้ว่ามันเป็นเพราะเธอเอง
แต่เธอก็แค่ไม่อยากทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้ด้วยการหยิบเรื่องความรู้สึกระหว่างเธอกับซึงวานขึ้นมาพูด...เธอกลัวมากเกินไป
ซึงวานมองหน้าซึลกิด้วยแววตาตั้งคำถามจนคิ้วของหล่อนขมวดโดยไม่รู้ตัว
ไม่นานหล่อนก็เริ่มพูดสิ่งที่ซึลกิพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด
“เอาจริงเหรอวะ?”
“...”
“แกจะทำแบบนี้จริงเหรอซึลกิ”
ซึลกิขยับฝ่ามือที่จับบนสายสะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองแน่นขึ้นและสูดลมหายใจอย่างยากลำบาก
เธอคิดอยู่นานแล้วว่าอยากจะอธิบายเหตุผลที่ทำให้เธอพยายามทำตัวปกติกับซึงวานเหมือนเดิมให้เจ้าตัวฟัง
แต่เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาตัดพ้อนั่น ซึลกิก็รู้สึกเหมือนปากมันหนักอึ้งจนพูดไม่ออก
“ทำอะไร?”
โมโหตัวเองที่พูดโง่ๆออกไป...ไร้ประโยชน์สิ้นดี
“แกไม่รู้เลยใช่มั้ยว่าฉันรู้สึกกับแกแบบเพื่อนเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว
ฉันบอกแกไปหมดแล้ว แต่แกก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
ซึงวานเองก็ดูเหมือนกำลังโมโหเธอด้วยเหมือนกัน
เธอสองคนไม่ได้ทะเลาะกันจริงจังมาหลายปีแล้ว
ซึลกิไม่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของซึงวานมานานจนคิดว่าอีกคนโกรธไม่เป็น
อย่างน้อยก็กับเธอ แต่วันนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น
“ถามจริงๆนะ
วันนั้น...ตอนที่เราจูบกันแกรู้สึกยังไง”
คำถามนี้ยากยิ่งกว่าโจทย์เลขที่ซึลกิถูกเรียกให้ไปทำบนกระดานเมื่อตอนบ่ายเสียอีก
ความทรงจำในช่วงเวลานั้นของซึลกิดูเหมือนภาพขมุกขมัว เธอทั้งตกใจ ทั้งสับสน
มันทั้งให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยและแปลกประหลาดอย่างที่สุด
เธอรู้สึกดีพร้อมกับที่รู้สึกแย่และเธอก็ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนั้นได้ยังไง
“ม-ไม่ ฉัน...ไม่ได้รู้สึกอะไร”
และทุกความรู้สึกนั้นทำให้เธอกลัว
ซึลกิกลัวที่จะรับรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกแบบไหนกับซึงวาน เส้นระหว่างเธอกับซึงวานมีคำว่าเพื่อนที่ดีที่สุดกั้นอยู่
เพื่อนที่ซึลกิไม่อยากให้หายไป
เพื่อนที่จะอยู่กับซึลกิได้ตลอดเวลาและไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหล่อนหักอกเหมือนกับคนที่เธอเคยชอบคนก่อนๆ
ซึลกิยังเชื่อว่ามิตรภาพนี้มีคุณค่าพอที่ซึงวานจะไม่ทิ้งมันไป
แต่ซึงวานก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง
เธอทนกับความเจ็บได้ไม่มาก
เมื่อซึลกิพูดประโยคเมื่อครู่ออกมา
ใบหูทั้งสองข้างของหล่อนแดงขึ้นจนสังเกตได้
ซึงวานไม่รู้ว่าทำไมซึลกิถึงเลือกที่จะโกหก และเธอก็จะไม่ปล่อยผ่านไป
“แกโกหก”
ตั้งแต่วันที่ซึลกิย้ำว่าเธอเป็นได้แค่เพื่อนของหล่อน
ซึงวานก็เตรียมใจไว้แล้วว่าซึลกิจะต้องตีตัวออกห่างจากเธอแน่นอนแต่อีกคนกลับทำตรงกันข้าม
ซึลกิยังทำเหมือนเธอเป็นเพื่อนคนเดิมซึ่งแน่นอนว่าซึงวานทำไม่ได้
หล่อนคงแค่อยากให้พวกเธอสนิทกันต่อไปแต่ซึลกิไม่เคยรู้เลยว่านั่นทำให้ซึงวานยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เธอยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม
ถ้าคำตอบที่แท้จริงของซึลกิคือหล่อนเองก็รู้สึกอะไรกับเธอเหมือนกัน
ทำไมถึงต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึก...ทำไมถึงไม่กล้าที่จะยอมรับ
“ฉันแค่อยากให้เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
ฉันไม่อยากให้เราเลิกคุยกันถ้าเกิดว่าเราคบกันแล้วมันไม่โอเค”
“...”
“ฉันมั่นใจว่าคนที่ได้เป็นแฟนแกต้องเป็นคนที่โชคดีมากแน่ๆ
แต่ฉัน...ทำไม่ได้ แกลองคิดดีๆนะซึงวาน ฉันอาจจะไม่ใช่คนที่แกคิดว่าแกควรชอบก็ได้
ถ้าวันนึงแกทำฉันเจ็บฉันอาจจะไปแก้แค้นแกเหมือนที่ทำกับแทยง
หรือถ้าวันนึงฉันทำแกเจ็บแกก็อาจจะเกลียดฉันจนไม่อยากมองหน้าไปเลย”
คำพูดของซึลกิทำให้ซึงวานรู้สึกเหมือนโดนบังคับ
เหมือนโดนผลักไสให้คิดว่าหล่อนไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเธอ
แต่ถ้าไม่ใช่ซึลกิแล้วมันจะเป็นใครไปได้ล่ะ
เธอไม่สนว่าคนที่เธอชอบจะเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่นาทีหรือเป็นคนที่รู้จักกันมาหลายปีอย่างซึลกิ
ซึงวานแค่รู้ว่าหล่อนเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้...แบบที่ไม่เคยมีใครทำให้เธอรู้สึกได้
ถ้าไม่ใช่ซึลกิก็ไม่มีใครอีกแล้ว
“ถ้าแกอยากให้ฉันเป็นเพื่อนแกเหมือนเดิม
ฉันก็ทำมาตลอดตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบแกแล้ว และรู้มั้ย...มันโคตรจะทรมานเลย
ตอนนี้ฉันแค่อยากให้ตอบฉัน...แค่คำถามเดียว”
“แกเคยรู้สึกอะไรบ้างมั้ย เคยรู้สึกซักครั้งมั้ย
รู้สึกแบบเดียวกับฉัน?”
เพราะทุกครั้งที่ซึงวานกำลังจะตัดใจไปจากซึลกิ
หล่อนก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาและทำให้เธอหนีออกไปจากความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ แม้แต่ในตอนนี้ที่ซึลกิกำลังพยายามจะบอกให้เธอมองหาใครคนอื่น
หล่อนก็ยังเป็นคนเดียวที่อยู่ในสายตาของเธอตลอดเวลา
ซึงวานทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและซึลกิกลับไปอยู่ตรงกลางไม่ได้อีกแล้ว
ถ้าไม่ได้ทำให้สถานะก้าวหน้าขึ้น
ซึงวานก็ขอให้สถานะของเธอสองคนถอยหลังกลับไปเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกันเสียดีกว่า
ซึลกิไม่ได้ตอบคำถามของเธอ หล่อนแค่ยืนอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นพักใหญ่
ซึลกิกำลังกลัวสิ่งที่ตัวเองรู้สึกและสิ่งที่ควรจะพูดออกมา
ถ้าการยอมรับว่าหล่อนเองก็รู้สึกดีกับซึงวานทำให้ซึลกิรู้สึกกลัวมากขนาดนี้
บางทีเธอก็ควรเลิกมีความหวังว่าเรื่องของเธอและซึลกิจะสามารถเป็นไปได้จริงๆ
“ช่างมันเถอะ”
“ฉันทำไม่ได้ ซึงวาน”
ซึงวานรู้ว่าถ้าตัดสินใจเด็ดขาดลงไป ทั้งตัวเธอและซึลกิก็จะแย่กันไปหมด
เธอจะเสียเพื่อนที่เธอเป็นห่วงมากที่สุด ซึลกิก็จะเสียเพื่อนที่ไว้ใจมากที่สุด
แต่ก็เพราะว่าซึงวานเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง
เธอคงทนทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีที่ไม่หวังอะไรกลับมาไม่ได้อีกแล้ว
และเธอก็คงทนไม่ได้ถ้าหากซึลกิเกิดไปชอบใครแล้วเธอต้องมารับรู้เหมือนที่ผ่านมา
“ถ้างั้นแกก็ปล่อยฉันไปเถอะนะ
ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ฉันกลับไปเป็นเพื่อนแกไม่ได้แล้ว”
ปล่อยให้ฉันตายอยู่ข้างล่างหน้าผานี่คนเดียวเถอะ
อย่าพยายามดึงฉันกลับไปที่เดิมเลย
“ขอโทษนะ”
เรื่องวุ่นวายที่ผ่านมามันจบลงอย่างนั้น
และเรื่องราวใหม่ของทั้งซึลกิและซึงวานก็เริ่มต้นขึ้น
วันจันทร์ถัดมาซึงวานเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งข้างพัค ซูยองอย่างที่เคยทำ
แต่ครั้งนี้ซึลกิไม่ได้รู้อยู่ก่อนและไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับอาการห่างเหินที่อีกคนมีให้
โลกทั้งโลกของเธอทั้งสองคนเปลี่ยนไปเมื่อไม่มีกันและกัน
ซึงวานสนิทกับเพื่อนคนอื่นมากขึ้นเมื่อเธอไม่ได้คุยกับซึลกิ
แม้กระทั่งแทยงเองก็ด้วย
หลังจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดเกิดขึ้นเขาก็บ่นเสียยกใหญ่เมื่อรู้ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องคืนนั้น
แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับว่ามันสาสมแล้วกับที่เขาทำไว้กับซึลกิ และเมื่อซึงวานเล่าสาเหตุที่ทำให้เธอห่างเหินกับซึลกิให้แทยงฟังเขาไม่กล้าบ่นอะไรออกมาอีก
ข่าวลือแพร่ระบาดไปทั่วอีกครั้ง ทั้งในห้องเรียน
ในชมรม ตามทางเดินระหว่างตึก ผู้คนต่างพากันพูดคุยเรื่องคู่รักคนดังที่เพิ่งเปิดตัวว่าคบกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนและเคยระหองระแหงกันไปครั้งหนึ่ง
ในตอนนี้พวกเขาแน่ใจว่าทั้งคู่ตัดขาดกันไปอย่างจริงจังแล้ว แน่นอนว่าคนที่รู้จักกับซึงวานและซึลกิมักจะถามว่าทำไมทั้งคู่ถึงไม่คุยกัน
แต่ครั้งนี้ไม่มีใครตอบอะไรกลับไป
ไม่มีใครพูดสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้
ซึงวานรู้ว่าถึงจะมีเพื่อนหลายคนเข้ามาสนิทกับซึลกิแทนเธอ
เจ้าตัวก็ยังดูเหมือนจะพยายามกลับมาคุยกับซึงวานให้ได้
แต่เธอก็ยังไม่พร้อมจะทำอย่างนั้น หัวใจของเธอยังไม่พร้อมจะถูกบีบจนเจ็บเมื่อมี ซึลกิอยู่ใกล้ๆ
“พี่ซึลกิ”
“คัง ซึลกิ”
“ซึลกิโว้ย!”
“ฮ-ฮะ ว่าไง?”
ซึลกิตอบรับคุณน้องคิม
เยริมโดยที่ไม่ได้สนใจว่าอีกคนเพิ่งจะเรียกเธอด้วยคำไม่สุภาพไป เธอละสายตาจากภาพซึงวานที่กำลังร้องเพลงกับเพื่อนคนอื่นห่างออกไปคนละฟากของห้องชมรมแล้วเจ้าเด็กแสบก็ดึงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวมานั่งข้างๆก่อนจะมองหน้าเธออย่างตั้งคำถาม
“มองขนาดนั้นทำไมไม่เดินเข้าไปคุยด้วยเลยล่ะคะ?”
เยริมเป็นอีกคนจากหลายคนที่เคยถามซึลกิว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับซึงวาน
และเมื่อตอบแค่ว่าซึงวานไม่อยากคุยกับเธอเยริมก็ชงให้เธอกลับไปคืนดีกับหล่อนให้ได้
ซึ่งเด็กนี่ไม่รู้เลยว่ามันยากขนาดไหนในเมื่อแค่หน้าของเธอซึงวานก็ยังไม่อยากมอง
ถึงจะอยู่ในห้องเดียวกันหรือชมรมเดียวกันมันก็เหมือนอยู่คนละโลก
อันที่จริงซึลกิรู้ว่ามีหลายคนที่เชียร์ให้พวกเธอคืนดีกัน
แต่มันก็มีหลายคนที่รอเวลาแบบนี้เพื่อที่จะเข้ามาจีบซึงวานอยู่ด้วย
ซึลกิหมดกังวลเรื่องของรุ่นพี่คยูฮยอนหลังจากที่ได้ข่าวจากคนในชมรมว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนรุ่นเดียวกันมาได้สักพักแล้วหลังจากที่เห็นว่าซึลกิกับซึงวานกลับมาคืนดีกันครั้งล่าสุด
แน่นอนว่าเธอดีใจกับทั้งตัวเองที่ไม่ต้องโดนตามตื๊ออีกและดีใจกับรุ่นพี่คยูฮยอนที่สมหวังในความรักเสียที
แต่ก็แอบอิจฉาไม่ได้เมื่อมันเหลือแต่เธอคนเดียวที่ไม่มีใครเลย
“เขาไม่อยากคุยกับฉันนี่
แถมยังมีคนให้เขาคุยด้วยอยู่แล้วตั้งเยอแยะ”
เธอมองกลับไปเห็นซึงวานเดินออกไปพร้อมเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกันที่มารออยู่หน้าห้องชมรมได้สักพักแล้ว
เขาชวนหล่อนคุยและทั้งสองคนก็หัวเราะออกมา
ซึลกิไม่ชินกับภาพที่ซึงวานไปสนิทกับใครขนาดนั้นนอกจากเธอ
อาการหัวเราะปากกว้างจนตาหยีของหล่อนก็ไม่ค่อยมีใครทำได้นอกจากเธอ
เธอไม่เคยรู้สึกว่างโหวงเหมือนอากาศภายในปอดถูกดูดออกมาจนหมดแบบนี้มาก่อน
และทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะได้เห็นซึงวานยิ้มให้คนอื่นเท่านั้นเอง...
เป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่ซึลกิยังปล่อยให้เหตุการณ์พวกนั้นดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงก็ได้
ทุกวันที่ไปโรงเรียนเธอก็เอาแต่มองซึงวานอยู่ห่างๆและรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เห็นหล่อนยิ้มหรือหัวเราะให้คนอื่น
เธอไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านซึงวานอยู่บ่อยครั้งโดยหวังว่าจะคิดบทสนทนาที่ดีได้แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลยซักอย่าง
เธอไปในสถานที่เดิมๆที่เคยไปกับซึงวานด้วยตัวคนเดียว
ทั้งบนดาดฟ้าของตึกดุริยางค์ บนรถไฟใต้ดิน
ที่โรงเรียนประถมของพวกเธอหรือแม้แต่ที่สนามฟุตบอลงี่เง่านั่น และเธอก็รู้สึกว่าสถานที่พวกนั้นมันโคตรจะห่วยเมื่อไม่มีซึงวาน
ซึลกิรู้สึกเหมือนได้ทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไปจนมันกลายเป็นปรากฏการณ์โดมิโนส่งผลให้เธอรู้สึกแย่มากในขณะนี้
และเธอก็หวังว่าเธอจะฉลาดกว่านี้จะได้คิดออกเสียทีว่ามันคืออะไร
“ซึมเป็นส้วมเลย ไปโดนใครหักอกมาอีกล่ะ”
ซึลกิอุตส่าห์หวังว่าทุกคนรอบตัวจะเลิกถามคำถามแบบนี้กับเธอเสียทีในเมื่อเรื่องที่เธอทะเลาะกับซึงวานมันผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว...ใช่
หลายเดือน และเธอก็ไม่รู้ว่าเธอสามารถมีชีวิตรอดจากการไม่มีซึงวานซึ่งเปรียบเสมือนมือข้างขวามานานขนาดนี้ได้ยังไง
ฤดูหนาวเพิ่งจะมาเยือนแต่ซึลกิรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งทั้งตัวตั้งแต่วันแรกที่ไม่ได้คุยกับซึงวานแล้ว
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น
ก่อนหน้านี้แม่มักจะถามซึลกิบ่อยๆว่าทำไมซึงวานถึงไม่แวะมาเล่นที่บ้านเหมือนแต่ก่อนแต่เธอก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบไปเรื่อย
เธอไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟังได้ยังไงในเมื่อเธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลย
“ช่วงนี้ดูแปลกๆนะ เป็นอะไรไหนบอกหมอซิ?”
ขณะนั้นซึลกิกำลังนั่งเขี่ยผักในจานเล่นโดยที่ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลยแม้แต่นิดโดยมีแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคอยนั่งมองจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
ซึลกิชอบเก็บเรื่องทุกข์ใจไว้คนเดียวโดยหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปมันจะหายไปได้เอง
แต่สุดท้ายมันก็ไม่หายจนได้ระบายออกมาให้ใครสักคนฟัง
เธอดีใจที่อย่างน้อยแม่ก็ไม่ขอตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอเหมือนที่ซึงวานทำไม่อย่างนั้นซึลกิคงเป็นบ้าแน่
“แม่จำตอนที่กิโดนหักอกครั้งล่าสุดได้มั้ย?”
เธอเริ่มทวนความจำเรื่องที่เคยแกล้งเป็นแฟนกับซึงวานและเรื่องที่เธอโดนแทยงหลอกก่อนจะเริ่มเล่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างไม่ปิดบัง
แม่บ่นเล็กน้อยเรื่องที่ซึลกิโกหกว่าไปค้างบ้านซึงวานแต่ความจริงแล้วออกไปเที่ยวเล่น(บวกวางระเบิด)ในเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนั้น(อันที่จริงซึลกิคิดว่าแม่คงไม่พอใจที่เธอไม่ได้ชวนมากกว่า)
เธอไม่ได้เล่าว่าคืนนั้นพวกเธอจูบกันแต่เลือกเล่าแค่ว่าซึงวานบอกว่าหล่อนรู้สึกแบบไหนกับเธอเท่านั้นและสองอาทิตย์ต่อมาพวกเธอก็ตัดขาดกันไปโดยสมบูรณ์
นั่นทำให้แม่เงียบไปหลายนาทีเลยทีเดียว
“เด็กสมัยนี้นี่มันซับซ้อนจัง”
“กิว่าไม่ใช่เด็กสมัยนี้หรอก
มีแค่พวกกินี่แหละที่ซับซ้อน”
ซึลกิเลิกเขี่ยผักแล้วเปลี่ยนมานวดคลึงขมับตัวเองด้วยมือทั้งสองข้างแทนเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่คยูฮยอน
ตัวเธอเอง ซึงวาน แทยง และแจฮยอนที่ผ่านมาว่ามันยุ่งเหยิงขนาดไหน
ทั้งหมดเกิดเพราะคำว่ารักคำเดียวเลย
“แล้วตอนนี้เธอรู้สึกยังไง...กับซึงวานน่ะ?”
ซึลกิเล่าไปแค่ว่าซึงวานรู้สึกยังไงกับเธอแต่กลับไม่ได้คิดว่าเธอเองกำลังรู้สึกยังไงอยู่แม้แต่นิดเดียว
เมื่อถูกถามอย่างนั้นเธอจึงต้องทบทวนอยู่พักใหญ่
เธอรู้สึกไม่ดีที่ไม่ได้คุยกับซึงวาน
เธอยิ้มและหัวเราะได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนที่ซึงวานยังอยู่
เธอคิดเสมอว่าซึงวานเป็นคนสำคัญแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะสำคัญมากจนทำให้เธอทรมานขนาดนี้
และสุดท้ายซึลกิก็รู้สึกกลัวความรู้สึกทั้งหมดนั้น
“กิไม่กล้ารู้สึกอะไรกับมันน่ะแม่” เพราะตลอดมาที่ต้องโกหก
ที่ต้องสร้างเรื่อง ที่ต้องหนีไปร้องไห้เมื่อรู้สึกแย่
มันก็ไม่ได้มีเหตุผลยิ่งใหญ่อะไรมารองรับนอกจากเพราะว่าซึลกิเป็นคนขี้ขลาด...เธอมันขี้ขลาด
“กลัวว่าถ้าลองคบกันจริงๆแล้วเลิกกันจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้
อย่างน้อยเป็นเพื่อนก็ยังเลิกกันไม่ได้”
“แล้วเห็นรึยังล่ะว่าเป็นเพื่อนมันเลิกกันได้มั้ย?”
ซึลกิเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่รู้ทันเธอมากที่สุดในโลก
มากกว่าทั้งซึงวานและตัวเธอเองซะอีก ตอนนี้ซึลกิกับซึงวานน่าจะสามารถใช้คำว่าเลิกเป็นเพื่อนกันได้แล้ว
และนั่นก็เป็นเพราะความขี้ขลาดของเธอเอง
นี่เป็นข้อยืนยันว่าต่อให้เป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนกัน
ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองสถานะเหล่านั้นก็เลิกเป็นได้
“แค่ตอบตัวเองให้ได้ก็พอว่ารู้สึกยังไง
ตอนนี้เรื่องมันไม่มีทางแย่ไปกว่านี้ได้แล้ว”
“แล้วแม่ล่ะรู้สึกยังไง หมายถึง
ซึงวานมันเป็นผู้หญิงนะ แม่โอเคเหรอถ้ากิ...”
คนแก่กว่าเลิกคิ้วใส่ซึลกิก่อนจะเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างมันเขี้ยวปนเอ็นดูลูกสาวขี้กังวลของตัวเอง
“ผู้ชายห่วยจะตาย ดูสิเวลาเธออกหักมาก็มีแต่ซึงวานคอยอยู่ด้วย”
ประโยคนี้ซึลกิคิดว่าแม่แอบเอาประสบการณ์ตรงของตัวเองมาผสมเล็กน้อย
แน่นอนล่ะว่าซึลกิยังไม่ได้คิดว่าผู้ชายทุกคนบนโลกห่วย
แต่พวกที่เธอเจอน่ะมีแต่พวกห่วยตัวพ่อทั้งนั้น
“แล้วอีกอย่าง ถ้ามีลูกสะใภ้ทำอาหารเก่งอย่างซึงวานก็ดีแม่จะได้มีลูกมือ
เธอน่ะแค่ช่วยแม่ทำไข่เจียวครัวก็เละแล้ว”
“แม่...”
“ก็เธอถามความเห็นแม่ แม่ก็บอกไปตรงๆ”
ซึลกิกลอกตาเมื่อคิดว่าคนเป็นแม่ชักจะออกความเห็นมากไปแล้ว
ถึงจะทำหน้าเหม็นเบื่อแต่ความรู้สึกภายในของซึลกิก็กำลังตีกันให้วุ่น
ตั้งแต่ที่ถูกบอกให้หาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ว่ารู้สึกยังไงซึลกิก็หยุดคิดถึงซึงวานไม่ได้
เธอคิดถึงใบหน้าที่มักจะยิ้มกว้างให้กับเธอเสมอ คิดถึงคิ้วที่มักจะขมวดเวลาโดนแกล้ง
คิดถึงเสียงที่แม้จะดังเกินไปในบางครั้งแต่ก็ยังน่าฟัง
อ้อมกอดเก้ๆกังๆที่อีกคนมีให้เวลาเธอร้องไห้และจูบกลางสนามฟุตบอลนั่น ทุกอย่างทำให้หัวใจของเธอเต้นตุบๆอย่างระริกระรี้จนน่าหมั่นไส้
เธอรู้สึกโง่เง่าที่มัวแต่มองหาคนอื่นทั้งที่คนที่มีค่าที่สุดอยู่ข้างๆเธอมาตลอด
ซึลกิเพ้อถึงความรักแบบในละครทั้งที่ความรักของเธอเกิดขึ้นมานานมากแล้วแต่ยังไม่ถูกค้นพบจนกระทั่งมันจากเธอไปไกล
เธอทั้งปฏิเสธและผลักไสมันเพราะความขี้ขลาด ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าที่เธอรู้สึกทรมานมากขนาดนี้ไม่ใช่แค่เพราะเธอเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป
แต่เป็นเพราะว่าซึงวานเป็นยิ่งกว่าเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นยิ่งกว่าพระเอกขี่ม้าขาวในนิทานและเป็นยิ่งกว่ามือข้างขวาของเธอ
ซึงวานคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอทำหลุดมือไป
ตอนนี้ซึลกิรู้แล้วว่าซน ซึงวานคือความรักของเธอ
และเธอจะไม่ปล่อยให้ความรักของเธอจากไปไหนอีกแล้ว
TBC.
เราเชื่อว่ามีคนอยากตีกิค่ะ ฮาาาา อย่าเพิ่งตีน้า หมีต้องคงคอนเซปต์กากของตัวเองไว้(สัญญาว่าตอนหน้านางจะไม่กาก)
ตอนนี้มันออกจะเอื่อยหน่อยก็ขอโทษด้วยนะคะ
เราไม่อยากให้เรื่องมันโลกสวยรักกันปุบปับ เพราะกิก็เจ็บมาเยอะ วานก็ทนมาเยอะ
จะรักกันต้องฝ่าฟัน #พอ
ปล. แอบกระซิบว่าตอนหน้าจบละนะ ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันอยู่ค่าาา #มีมั้ยวะ? #ไม่รู้ #ขอบคุณไว้ก่อน #พอ
ความคิดเห็น