ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Red Velvet] : Fake/Fool/Fall [WenGi]

    ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 06 - Breaking Up

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 58


    O W E N TM.


    CHAPTER 06 – Breaking Up

     

     

     

     

    ซึงวานเพิ่งจะรู้ว่ารสชาติของความเจ็บปวดจากการตกหน้าผามันเป็นยังไง...

     

     

    ตอนแรกมันรู้สึกดีเหมือนได้ปลดปล่อยตัวเองออกจากกรงขังและบินไปสู่อิสรภาพ แต่เมื่อซึงวานรู้ว่าเธอไปไม่ถึงหน้าผาอีกฝั่งและกำลังตกลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกเธอก็รู้สึกชาไปทั้งตัว

     

    เธอจูบซึลกิซึ่งเป็นเพื่อนสนิทที่สุดตั้งแต่ประถมและเธอไม่สามารถทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ ความเงียบสงัดของสนามฟุตบอลในเวลาตีสามใกล้จะตีสี่ยิ่งเงียบลงอีกในวินาทีที่ริมฝีปากของซึงวานและซึลกิสัมผัสกัน เธอจำไม่ได้ว่ามันกินเวลาไปนานแค่ไหน รู้แค่ว่าพวกเธอผละออกจากกันก็เพราะรู้สึกถึงเม็ดฝนที่ตกลงมากระทบแก้ม

     

    ฝนตกแรงขึ้นจนพวกเธอต้องรีบไปหาที่หลบก่อนที่จะได้อธิบายอะไร สุดท้ายแล้วซึงวานกับซึลกิก็ได้แต่นั่งโง่ๆภายใต้หลังคาของป้ายรถประจำทางแถวนั้นและไม่มีใครพูดอะไรออกมา ไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นเพื่อมองหน้าของอีกคน เสียงฝนที่ตกลงมาช่วยให้ซึงวานสามารถดึงความสนใจตัวเองออกจากจูบเมื่อครู่นี้ได้ แต่ก็ไม่นาน...

     

    “ซึงวาน” เป็นซึลกิที่พูดขึ้นมาก่อนทำเอาหัวใจของคนถูกเรียกเต้นรัวแรงจนแทบจะระเบิด ซึงวานทั้งตื่นเต้น ทั้งกลัวและกังวล ความรู้สึกทั้งหมดที่เธอรู้จักกำลังตีกันอยู่ภายในหัว

     

    “อ-อื้อ?”

     

    “เมื่อกี๊น่ะ...”

     

    เธอเงยหน้าขึ้นมาและพบว่าซึลกิกำลังมองมาที่เธออยู่ก่อนแล้ว สีหน้าสับสนไม่ต่างกันทำให้ซึงวานรู้สึกเหมือนกำลังส่องกระจกอยู่ พวกเธอทำอย่างนั้นอยู่ได้ไม่นานก็หลบตากลับไปมองหน้าตักของตัวเองเหมือนเดิม เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นมันบ้าเสียยิ่งกว่าสิ่งที่พวกเธอทำที่บ้านของแทยงเสียอีก

     

    ซึงวานพูดอะไรไม่ออก เธอไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน ส่วนซึลกิก็เว้นช่องว่างระหว่างประโยคนั้นไว้นานจนเธอคิดว่ามันนานเกือบจะเท่ากับคำว่าตลอดไป

     

    “ทำไมถึงทำแบบนั้น?”

     

    เธอไม่รู้ว่าซึลกิต้องการคำตอบแบบไหน ไม่มีเพื่อนกันที่ไหนคิดจะจูบกันแบบ...จูบจริงๆอย่างนั้นหรอก มันไม่ใช่แค่แกล้งจุ๊บแก้มแบบที่ซึลกิเคยทำกับเธอ เพราะซึงวานไม่ได้จะแกล้งหล่อน เธอจริงจังมากจนคิดว่าจะมากเกินไปด้วยซ้ำ

     

    บนถนนข้างหน้าทั้งคู่แทบจะไม่มีรถวิ่งผ่านไปด้วยเป็นเวลาที่ดึกจนเกือบเช้า ฝนที่ยังตกอยู่และแสงจากหลอดไฟที่สลัวเหมือนใกล้จะหมดแรงทำให้ซึงวานรู้สึกเหมือนมีแค่เธอและซึลกิอยู่สองคนบนโลก เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวกำลังรอฟังคำตอบจากปากของเธอแค่คนเดียว

     

    “แกคิดอะไรกับฉัน...รึเปล่า?” ซึงวานหันไปสบตากับซึลกิอีกครั้ง

     

    “อืม” เธอส่งเสียงในลำคอ ซึลกิเลิกคิ้วขึ้นเหมือนยังไม่เข้าใจ ซึงวานจึงกระแอมให้คอโล่งกว่าเดิมก่อนจะพูดให้ดีกว่าเดิม

     

    “อืม ฉันคิด”

     

    ความรู้สึกเหมือนสมองระเบิดจนเกิดควันลอยออกมาจากหัวเกิดขึ้นเมื่อเธอตอบกลับไปแบบนั้น ซึงวานไม่เคยมีแฟน ไม่เคยชอบใครเลยด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าจะต้องมาคิดและสารภาพมันออกไปกับคนที่ดูเป็นไปไม่ได้มากที่สุด เธอเริ่มจะเกลียดซึลกิที่เอาแต่ทำหน้าสับสนอยู่อย่างนั้น และเธอก็เริ่มจะเกลียดตัวเองที่กล้ากระโดดออกจากขอบผาแบบไม่กลัวตาย

     

    “แต่...”

     

    “...”

     

    “ฉันไม่รู้”

     

    ซึลกิก็ไม่เคยรู้อะไรสักอย่าง ไม่เคยสนใจว่าเธอจะรู้สึกยังไงที่ต้องช่วยหล่อนแต่ละครั้ง ไม่เคยรู้เลยว่าซึงวานต้องอดทนมากขนาดไหนเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

     

    “แต่เราเป็นเพื่อนกันนะเว่ย”


    น้ำเสียงกังวลนั่นทำเอาซึงวานอยากจะร้องไห้ ประโยคเมื่อครู่ตอกย้ำชัดเจนว่าซึลกิก็แค่รู้สึกสับสนและทำอะไรไม่ถูก

     

    มันไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่ซึงวานรู้สึก ไม่ใช่ในรูปแบบนั้น

     

    “ฉันรู้” ซึงวานตอบได้แค่นั้นจริงๆ เธอกลัวว่าตัวเองจะร้องไห้ออกมาถ้าพูดมากกว่านี้

     

    ก็เป็นได้แค่เพื่อน...จะเอาอะไรอีก

     

    “แต่เราเป็นเพื่อนกันนะ” ซึลกิกระซิบออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงคล้ายกับคนกำลังจะหมดแรง ก่อนที่จะเบือนหน้าหนีไป เธอยังทันได้เห็นคิ้วที่ขมวดมุ่นและแววตาเป็นกังวลของซึลกิซึ่งมันคงจะเป็นภาพติดอยู่ในหัวเธอไปอีกนาน เธออยากจะขอโทษแต่ นี่ไม่ใช่ความผิดของเธอ การชอบใครมันไม่ใช่ความผิดของเธอ ที่รู้สึกแย่มันก็เป็นเพราะอีกคนไม่ได้ชอบเธอตอบเท่านั้นเอง

     

    และซึงวานก็เพิ่งจะได้รู้ว่ารสชาติของความเจ็บปวดจากการตกหน้าผามันเป็นยังไง...

     

     

     

     

     

    ตลอดทางกลับตั้งแต่พวกเธอขึ้นรถไฟใต้ดินและเดินตามเส้นทางไปสู่บ้านก็ยังไม่มีใครกล้าพูดอะไรขึ้นมาอีก จนกระทั่งถึงหน้าบ้านของซึลกิเจ้าตัวถึงได้ถามขึ้นมาเบาๆ

     

    “ให้ฉันไปส่งมั้ย?”

     

    ขณะนั้นพระอาทิตย์เริ่มจะโผล่พ้นขอบฟ้าและส่องแสงกระทบกับใบหน้าของซึงวานทำให้ซึลกิรู้ว่าสีหน้าของเพื่อนสนิทไม่สดใสอย่างที่เคยเป็นอยู่ตลอด มันแย่มากเลยด้วยซ้ำ

     

    “ไม่ ไม่เป็นไร แกไปนอนเถอะ”

     

    ซึลกิไม่จำเป็นต้องรีบกลับเข้าบ้านเหมือนซึงวานเพราะก่อนที่เธอจะไปหาซึงวานที่บ้านเธอได้โทรบอกแม่ไปแล้วว่าจะไปค้างที่บ้านของหล่อน แต่เมื่อเห็นว่าท่าทีปฏิเสธของอีกคนจริงจังมากขนาดไหนเธอก็ไม่กล้าตื๊อต่อ ซึงวานไม่รอให้เธอพูดอะไรอีกด้วยซ้ำ หล่อนแค่ยิ้มบางๆให้และเดินไปจนลับสายตา

     

    ถึงจะถูกไล่ให้ไปนอนและรับรู้ว่าร่างกายของตัวเองเหนื่อยล้ามากเพียงใดแต่ซึลกิก็ยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เมื่อหัวถึงหมอน ภาพของเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัวเหมือนถูกตั้งโปรแกรมไว้

     

    มันไม่ใช่ว่าซึลกิไม่รู้สึกอะไรเลยกับจูบของซึงวาน เธอคิดว่ามันออกจะนุ่มนวลและอ่อนโยนมากกว่าจูบของแทยงเสียด้วยซ้ำ เป็นเรื่องจริงที่เธอเคยคิดว่าซึงวานน่ารักเสียจนถ้าเป็นผู้ชายเธอก็คงจะจีบไปแล้ว เธอไม่เคยรู้สึกชอบผู้หญิงด้วยกันแต่ก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดร้ายแรง แต่ซึลกิก็ไม่เคยคิดถึงการที่ตัวเองจะได้คบกับซึงวานในแบบนั้นจริงๆเหมือนกัน ไม่แม้ว่าคนอื่นจะคิดว่าพวกเธอเหมาะสมกัน ไม่แม้แต่ตอนที่ต้องแกล้งทำเหมือนว่าพวกเธอเป็นแฟนกันเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในโรงเรียน

     

    และซึลกิก็ไม่เคยคิดให้ดีเลยว่าซึงวานรู้สึกกับเธอยังไง...ตลอดมา

     

    แน่นอนว่าเธอรักและเป็นห่วงซึงวานมากกว่าใคร แต่เธอรู้แล้วว่าความสัมพันธ์ในรูปแบบคนรักมันเปราะบางและยากที่จะรักษาให้ยืนยาว เธอรู้ว่าซึงวานจะต้องเป็นคนรักที่ยอดเยี่ยมได้แน่นอน แต่ถ้าหล่อนจะต้องมาเป็นคนรักของซึลกิที่ทั้งไม่เอาไหน ทั้งมีปมทางด้านอารมณ์และยังไม่พร้อมที่จะกลับไปรู้สึกลึกซึ้งกับใครอีกเรื่องคงจบไม่สวย ความสัมพันธ์แบบเพื่อนของเธอและซึงวานที่สร้างกันมานานเกือบสิบปีก็จะจบลงไปด้วย เธอรู้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้อีกคนเข้าใจความรู้สึกนั้น แต่ซึลกิก็รู้ว่าซึงวานฉลาดมากพอที่จะเข้าใจในที่สุด

     

    ซึลกิก็แค่ไม่อยากจะเสียเพื่อนที่ดีที่สุดในชีวิตไปเท่านั้นเอง

     

    เพราะคิดอย่างนั้นในวันจันทร์ถัดมาซึลกิจึงพยายามทำให้ทุกอย่างดูเหมือนปกติมากที่สุด เธอชวนซึงวานคุยเรื่องนู่นนี่ทั่วไปและอีกคนก็โต้ตอบดีเหมือนเคยถึงแม้ซึลกิจะรู้สึกได้ว่าซึงวานมีอาการอึดอัดอยู่หน่อยๆ ยังไม่มีใครเริ่มยกเรื่องคืนวันเสาร์ขึ้นมาพูดซึ่งมันก็คงดีแล้วที่จะปล่อยให้ความรู้สึกของแต่ละคนอิ่มตัวและพวกเธอสามารถกลับมาสนิทกันได้เหมือนเดิม

     

    แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างนั้นเมื่อยิ่งเวลาผ่านไป ยิ่งซึลกิพยายามจะเข้าใกล้เท่าไหรซึงวานก็เหมือนจะยิ่งห่างออกไป แม้ว่าเธอสองคนจะยังไปไหนมาไหนด้วยกัน กลับบ้านด้วยกันแต่ซึงวานก็ไม่ได้พูดคุยกับซึลกิเยอะเหมือนแต่ก่อน ซึลกิรู้สึกด้วยซ้ำว่าซึงวานกำลังสนิทกับเพื่อนคนอื่นในห้องและเด็กคนอื่นในชมรมมากกว่าเธอไปแล้ว สุดท้ายเรื่องทุกอย่างก็มาถึงจุดแตกหักในเย็นวันศุกร์สองสัปดาห์หลังจากที่ซึงวานสารภาพว่าคิดกับเธอมากกว่าเพื่อน

     

    “วันนี้แม่จะทำเค้กแครอทล่ะ รอชิมมั้ย?”

     

    ขณะนั้นเธอทั้งสองคนเดินกลับจากโรงเรียนจนมาถึงหน้าบ้านของซึลกิในเวลาบ่ายแก่ โดยปกติแล้วซึงวานจะชอบแวะบ้านซึลกิก่อนกลับบ้านตัวเองเกือบทุกวัน แต่หลายวันที่ผ่านมาอีกคนมักจะบ่ายเบี่ยงไปตลอด และวันนี้ก็เช่นกัน

     

    “ไม่อ่ะ อยากกลับไปเคลียร์การบ้านมากกว่า การบ้านโคตรเยอะ”

     

    “เฮ่ย เพิ่งจะวันศุกร์เอง ทำพรุ่งนี้กับวันอาทิตย์ก็ได้ปะวะ”

     

     

    “เข้ามาทำกับฉันก่อนก็ได้ จะได้ช่วยกันทำ เนี่ยแม่บ่นคิดถึงแกไม่ได้เจอตั้งหลายวัน”

     

    ซึลกิพยายามตื๊อกับซึงวานที่นิ่งเฉยเสียจนน่ากลัว เธอไม่ชอบเลยที่ซึงวานทำเหมือนรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ตลอดเวลา ซึลกิรู้ว่ามันเป็นเพราะเธอเอง แต่เธอก็แค่ไม่อยากทำให้เรื่องมันยุ่งยากไปมากกว่านี้ด้วยการหยิบเรื่องความรู้สึกระหว่างเธอกับซึงวานขึ้นมาพูด...เธอกลัวมากเกินไป

     

    ซึงวานมองหน้าซึลกิด้วยแววตาตั้งคำถามจนคิ้วของหล่อนขมวดโดยไม่รู้ตัว ไม่นานหล่อนก็เริ่มพูดสิ่งที่ซึลกิพยายามหลบเลี่ยงมาตลอด

     

    “เอาจริงเหรอวะ?”

     

    “...”

     

    “แกจะทำแบบนี้จริงเหรอซึลกิ”

     

    ซึลกิขยับฝ่ามือที่จับบนสายสะพายกระเป๋าเป้ของตัวเองแน่นขึ้นและสูดลมหายใจอย่างยากลำบาก เธอคิดอยู่นานแล้วว่าอยากจะอธิบายเหตุผลที่ทำให้เธอพยายามทำตัวปกติกับซึงวานเหมือนเดิมให้เจ้าตัวฟัง แต่เมื่อถูกจ้องมองด้วยสายตาตัดพ้อนั่น ซึลกิก็รู้สึกเหมือนปากมันหนักอึ้งจนพูดไม่ออก

     

    “ทำอะไร?” โมโหตัวเองที่พูดโง่ๆออกไป...ไร้ประโยชน์สิ้นดี

     

    “แกไม่รู้เลยใช่มั้ยว่าฉันรู้สึกกับแกแบบเพื่อนเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว ฉันบอกแกไปหมดแล้ว แต่แกก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ซึงวานเองก็ดูเหมือนกำลังโมโหเธอด้วยเหมือนกัน เธอสองคนไม่ได้ทะเลาะกันจริงจังมาหลายปีแล้ว ซึลกิไม่ได้เห็นสีหน้าแบบนี้ของซึงวานมานานจนคิดว่าอีกคนโกรธไม่เป็น อย่างน้อยก็กับเธอ แต่วันนี้มันไม่ใช่อย่างนั้น


    “ถามจริงๆนะ วันนั้น...ตอนที่เราจูบกันแกรู้สึกยังไง”

     

    คำถามนี้ยากยิ่งกว่าโจทย์เลขที่ซึลกิถูกเรียกให้ไปทำบนกระดานเมื่อตอนบ่ายเสียอีก ความทรงจำในช่วงเวลานั้นของซึลกิดูเหมือนภาพขมุกขมัว เธอทั้งตกใจ ทั้งสับสน มันทั้งให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยและแปลกประหลาดอย่างที่สุด เธอรู้สึกดีพร้อมกับที่รู้สึกแย่และเธอก็ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนั้นได้ยังไง

     

    “ม-ไม่ ฉัน...ไม่ได้รู้สึกอะไร”

     

    และทุกความรู้สึกนั้นทำให้เธอกลัว ซึลกิกลัวที่จะรับรู้ว่าตัวเองก็รู้สึกแบบไหนกับซึงวาน เส้นระหว่างเธอกับซึงวานมีคำว่าเพื่อนที่ดีที่สุดกั้นอยู่ เพื่อนที่ซึลกิไม่อยากให้หายไป เพื่อนที่จะอยู่กับซึลกิได้ตลอดเวลาและไม่ต้องกลัวว่าจะถูกหล่อนหักอกเหมือนกับคนที่เธอเคยชอบคนก่อนๆ ซึลกิยังเชื่อว่ามิตรภาพนี้มีคุณค่าพอที่ซึงวานจะไม่ทิ้งมันไป

     

     

     

    แต่ซึงวานก็เป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง เธอทนกับความเจ็บได้ไม่มาก

     

    เมื่อซึลกิพูดประโยคเมื่อครู่ออกมา ใบหูทั้งสองข้างของหล่อนแดงขึ้นจนสังเกตได้ ซึงวานไม่รู้ว่าทำไมซึลกิถึงเลือกที่จะโกหก และเธอก็จะไม่ปล่อยผ่านไป

     

    “แกโกหก”

     

    ตั้งแต่วันที่ซึลกิย้ำว่าเธอเป็นได้แค่เพื่อนของหล่อน ซึงวานก็เตรียมใจไว้แล้วว่าซึลกิจะต้องตีตัวออกห่างจากเธอแน่นอนแต่อีกคนกลับทำตรงกันข้าม ซึลกิยังทำเหมือนเธอเป็นเพื่อนคนเดิมซึ่งแน่นอนว่าซึงวานทำไม่ได้ หล่อนคงแค่อยากให้พวกเธอสนิทกันต่อไปแต่ซึลกิไม่เคยรู้เลยว่านั่นทำให้ซึงวานยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อยๆ

     

    ตอนนี้เธอยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม ถ้าคำตอบที่แท้จริงของซึลกิคือหล่อนเองก็รู้สึกอะไรกับเธอเหมือนกัน ทำไมถึงต้องบอกว่าไม่ได้รู้สึก...ทำไมถึงไม่กล้าที่จะยอมรับ

     

    “ฉันแค่อยากให้เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ฉันไม่อยากให้เราเลิกคุยกันถ้าเกิดว่าเราคบกันแล้วมันไม่โอเค”

     

    “...”

     

    “ฉันมั่นใจว่าคนที่ได้เป็นแฟนแกต้องเป็นคนที่โชคดีมากแน่ๆ แต่ฉัน...ทำไม่ได้ แกลองคิดดีๆนะซึงวาน ฉันอาจจะไม่ใช่คนที่แกคิดว่าแกควรชอบก็ได้ ถ้าวันนึงแกทำฉันเจ็บฉันอาจจะไปแก้แค้นแกเหมือนที่ทำกับแทยง หรือถ้าวันนึงฉันทำแกเจ็บแกก็อาจจะเกลียดฉันจนไม่อยากมองหน้าไปเลย”

     

    คำพูดของซึลกิทำให้ซึงวานรู้สึกเหมือนโดนบังคับ เหมือนโดนผลักไสให้คิดว่าหล่อนไม่ใช่คนที่ใช่สำหรับเธอ แต่ถ้าไม่ใช่ซึลกิแล้วมันจะเป็นใครไปได้ล่ะ เธอไม่สนว่าคนที่เธอชอบจะเป็นคนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่นาทีหรือเป็นคนที่รู้จักกันมาหลายปีอย่างซึลกิ ซึงวานแค่รู้ว่าหล่อนเป็นคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกแบบนี้...แบบที่ไม่เคยมีใครทำให้เธอรู้สึกได้ ถ้าไม่ใช่ซึลกิก็ไม่มีใครอีกแล้ว

     

     “ถ้าแกอยากให้ฉันเป็นเพื่อนแกเหมือนเดิม ฉันก็ทำมาตลอดตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบแกแล้ว และรู้มั้ย...มันโคตรจะทรมานเลย ตอนนี้ฉันแค่อยากให้ตอบฉัน...แค่คำถามเดียว”

     

     

    “แกเคยรู้สึกอะไรบ้างมั้ย เคยรู้สึกซักครั้งมั้ย รู้สึกแบบเดียวกับฉัน?”

     

    เพราะทุกครั้งที่ซึงวานกำลังจะตัดใจไปจากซึลกิ หล่อนก็เป็นฝ่ายเข้ามาหาและทำให้เธอหนีออกไปจากความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ แม้แต่ในตอนนี้ที่ซึลกิกำลังพยายามจะบอกให้เธอมองหาใครคนอื่น หล่อนก็ยังเป็นคนเดียวที่อยู่ในสายตาของเธอตลอดเวลา ซึงวานทำให้ความสัมพันธ์ของเธอและซึลกิกลับไปอยู่ตรงกลางไม่ได้อีกแล้ว ถ้าไม่ได้ทำให้สถานะก้าวหน้าขึ้น ซึงวานก็ขอให้สถานะของเธอสองคนถอยหลังกลับไปเป็นแค่คนที่ไม่รู้จักกันเสียดีกว่า

     

    ซึลกิไม่ได้ตอบคำถามของเธอ หล่อนแค่ยืนอ้ำอึ้งอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ซึลกิกำลังกลัวสิ่งที่ตัวเองรู้สึกและสิ่งที่ควรจะพูดออกมา ถ้าการยอมรับว่าหล่อนเองก็รู้สึกดีกับซึงวานทำให้ซึลกิรู้สึกกลัวมากขนาดนี้ บางทีเธอก็ควรเลิกมีความหวังว่าเรื่องของเธอและซึลกิจะสามารถเป็นไปได้จริงๆ

     

    “ช่างมันเถอะ”

     

    “ฉันทำไม่ได้ ซึงวาน” 


    ซึงวานรู้ว่าถ้าตัดสินใจเด็ดขาดลงไป ทั้งตัวเธอและซึลกิก็จะแย่กันไปหมด เธอจะเสียเพื่อนที่เธอเป็นห่วงมากที่สุด ซึลกิก็จะเสียเพื่อนที่ไว้ใจมากที่สุด แต่ก็เพราะว่าซึงวานเป็นแค่มนุษย์คนหนึ่ง เธอคงทนทำตัวเป็นเพื่อนที่แสนดีที่ไม่หวังอะไรกลับมาไม่ได้อีกแล้ว และเธอก็คงทนไม่ได้ถ้าหากซึลกิเกิดไปชอบใครแล้วเธอต้องมารับรู้เหมือนที่ผ่านมา

     

    “ถ้างั้นแกก็ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน ฉันกลับไปเป็นเพื่อนแกไม่ได้แล้ว”

     

    ปล่อยให้ฉันตายอยู่ข้างล่างหน้าผานี่คนเดียวเถอะ อย่าพยายามดึงฉันกลับไปที่เดิมเลย

     

    “ขอโทษนะ”

     

     

     

     

     

    เรื่องวุ่นวายที่ผ่านมามันจบลงอย่างนั้น และเรื่องราวใหม่ของทั้งซึลกิและซึงวานก็เริ่มต้นขึ้น วันจันทร์ถัดมาซึงวานเปลี่ยนที่นั่งไปนั่งข้างพัค ซูยองอย่างที่เคยทำ แต่ครั้งนี้ซึลกิไม่ได้รู้อยู่ก่อนและไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับอาการห่างเหินที่อีกคนมีให้ โลกทั้งโลกของเธอทั้งสองคนเปลี่ยนไปเมื่อไม่มีกันและกัน

     

    ซึงวานสนิทกับเพื่อนคนอื่นมากขึ้นเมื่อเธอไม่ได้คุยกับซึลกิ แม้กระทั่งแทยงเองก็ด้วย หลังจากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดเกิดขึ้นเขาก็บ่นเสียยกใหญ่เมื่อรู้ว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องคืนนั้น แต่สุดท้ายเขาก็ยอมรับว่ามันสาสมแล้วกับที่เขาทำไว้กับซึลกิ และเมื่อซึงวานเล่าสาเหตุที่ทำให้เธอห่างเหินกับซึลกิให้แทยงฟังเขาไม่กล้าบ่นอะไรออกมาอีก

     

    ข่าวลือแพร่ระบาดไปทั่วอีกครั้ง ทั้งในห้องเรียน ในชมรม ตามทางเดินระหว่างตึก ผู้คนต่างพากันพูดคุยเรื่องคู่รักคนดังที่เพิ่งเปิดตัวว่าคบกันเมื่อไม่กี่เดือนก่อนและเคยระหองระแหงกันไปครั้งหนึ่ง ในตอนนี้พวกเขาแน่ใจว่าทั้งคู่ตัดขาดกันไปอย่างจริงจังแล้ว แน่นอนว่าคนที่รู้จักกับซึงวานและซึลกิมักจะถามว่าทำไมทั้งคู่ถึงไม่คุยกัน แต่ครั้งนี้ไม่มีใครตอบอะไรกลับไป ไม่มีใครพูดสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเพราะไม่อยากให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ ซึงวานรู้ว่าถึงจะมีเพื่อนหลายคนเข้ามาสนิทกับซึลกิแทนเธอ เจ้าตัวก็ยังดูเหมือนจะพยายามกลับมาคุยกับซึงวานให้ได้ แต่เธอก็ยังไม่พร้อมจะทำอย่างนั้น หัวใจของเธอยังไม่พร้อมจะถูกบีบจนเจ็บเมื่อมี ซึลกิอยู่ใกล้ๆ

     

     

     

    “พี่ซึลกิ”

     

     

    “คัง ซึลกิ”

     

     

    “ซึลกิโว้ย!

     

    “ฮ-ฮะ ว่าไง?”

     

    ซึลกิตอบรับคุณน้องคิม เยริมโดยที่ไม่ได้สนใจว่าอีกคนเพิ่งจะเรียกเธอด้วยคำไม่สุภาพไป เธอละสายตาจากภาพซึงวานที่กำลังร้องเพลงกับเพื่อนคนอื่นห่างออกไปคนละฟากของห้องชมรมแล้วเจ้าเด็กแสบก็ดึงเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ตัวมานั่งข้างๆก่อนจะมองหน้าเธออย่างตั้งคำถาม

     

    “มองขนาดนั้นทำไมไม่เดินเข้าไปคุยด้วยเลยล่ะคะ?”

     

    เยริมเป็นอีกคนจากหลายคนที่เคยถามซึลกิว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับซึงวาน และเมื่อตอบแค่ว่าซึงวานไม่อยากคุยกับเธอเยริมก็ชงให้เธอกลับไปคืนดีกับหล่อนให้ได้ ซึ่งเด็กนี่ไม่รู้เลยว่ามันยากขนาดไหนในเมื่อแค่หน้าของเธอซึงวานก็ยังไม่อยากมอง ถึงจะอยู่ในห้องเดียวกันหรือชมรมเดียวกันมันก็เหมือนอยู่คนละโลก

     

    อันที่จริงซึลกิรู้ว่ามีหลายคนที่เชียร์ให้พวกเธอคืนดีกัน แต่มันก็มีหลายคนที่รอเวลาแบบนี้เพื่อที่จะเข้ามาจีบซึงวานอยู่ด้วย ซึลกิหมดกังวลเรื่องของรุ่นพี่คยูฮยอนหลังจากที่ได้ข่าวจากคนในชมรมว่าเขากำลังคุยกับเพื่อนรุ่นเดียวกันมาได้สักพักแล้วหลังจากที่เห็นว่าซึลกิกับซึงวานกลับมาคืนดีกันครั้งล่าสุด แน่นอนว่าเธอดีใจกับทั้งตัวเองที่ไม่ต้องโดนตามตื๊ออีกและดีใจกับรุ่นพี่คยูฮยอนที่สมหวังในความรักเสียที แต่ก็แอบอิจฉาไม่ได้เมื่อมันเหลือแต่เธอคนเดียวที่ไม่มีใครเลย

     

    “เขาไม่อยากคุยกับฉันนี่ แถมยังมีคนให้เขาคุยด้วยอยู่แล้วตั้งเยอแยะ”

     

    เธอมองกลับไปเห็นซึงวานเดินออกไปพร้อมเด็กผู้ชายรุ่นเดียวกันที่มารออยู่หน้าห้องชมรมได้สักพักแล้ว เขาชวนหล่อนคุยและทั้งสองคนก็หัวเราะออกมา ซึลกิไม่ชินกับภาพที่ซึงวานไปสนิทกับใครขนาดนั้นนอกจากเธอ อาการหัวเราะปากกว้างจนตาหยีของหล่อนก็ไม่ค่อยมีใครทำได้นอกจากเธอ เธอไม่เคยรู้สึกว่างโหวงเหมือนอากาศภายในปอดถูกดูดออกมาจนหมดแบบนี้มาก่อน

     

     

    และทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะได้เห็นซึงวานยิ้มให้คนอื่นเท่านั้นเอง...

     

     

     

     

    เป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่ซึลกิยังปล่อยให้เหตุการณ์พวกนั้นดำเนินต่อไปเรื่อยๆ บางทีอาจจะเป็นเพราะเธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงก็ได้ ทุกวันที่ไปโรงเรียนเธอก็เอาแต่มองซึงวานอยู่ห่างๆและรู้สึกแย่ทุกครั้งที่เห็นหล่อนยิ้มหรือหัวเราะให้คนอื่น เธอไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวบ้านซึงวานอยู่บ่อยครั้งโดยหวังว่าจะคิดบทสนทนาที่ดีได้แต่สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลยซักอย่าง

     

    เธอไปในสถานที่เดิมๆที่เคยไปกับซึงวานด้วยตัวคนเดียว ทั้งบนดาดฟ้าของตึกดุริยางค์ บนรถไฟใต้ดิน ที่โรงเรียนประถมของพวกเธอหรือแม้แต่ที่สนามฟุตบอลงี่เง่านั่น และเธอก็รู้สึกว่าสถานที่พวกนั้นมันโคตรจะห่วยเมื่อไม่มีซึงวาน ซึลกิรู้สึกเหมือนได้ทำอะไรบางอย่างผิดพลาดไปจนมันกลายเป็นปรากฏการณ์โดมิโนส่งผลให้เธอรู้สึกแย่มากในขณะนี้ และเธอก็หวังว่าเธอจะฉลาดกว่านี้จะได้คิดออกเสียทีว่ามันคืออะไร

     

     

     

    “ซึมเป็นส้วมเลย ไปโดนใครหักอกมาอีกล่ะ”

     

    ซึลกิอุตส่าห์หวังว่าทุกคนรอบตัวจะเลิกถามคำถามแบบนี้กับเธอเสียทีในเมื่อเรื่องที่เธอทะเลาะกับซึงวานมันผ่านมาได้หลายเดือนแล้ว...ใช่ หลายเดือน และเธอก็ไม่รู้ว่าเธอสามารถมีชีวิตรอดจากการไม่มีซึงวานซึ่งเปรียบเสมือนมือข้างขวามานานขนาดนี้ได้ยังไง ฤดูหนาวเพิ่งจะมาเยือนแต่ซึลกิรู้สึกเหมือนถูกแช่แข็งทั้งตัวตั้งแต่วันแรกที่ไม่ได้คุยกับซึงวานแล้ว

     

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่สังเกตเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้แม่มักจะถามซึลกิบ่อยๆว่าทำไมซึงวานถึงไม่แวะมาเล่นที่บ้านเหมือนแต่ก่อนแต่เธอก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบไปเรื่อย เธอไม่รู้จะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้หล่อนฟังได้ยังไงในเมื่อเธอเองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของตัวเองเลย

     

    “ช่วงนี้ดูแปลกๆนะ เป็นอะไรไหนบอกหมอซิ?”

     

    ขณะนั้นซึลกิกำลังนั่งเขี่ยผักในจานเล่นโดยที่ยังไม่ได้กินอะไรเข้าไปเลยแม้แต่นิดโดยมีแม่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามคอยนั่งมองจนอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม ซึลกิชอบเก็บเรื่องทุกข์ใจไว้คนเดียวโดยหวังว่าเมื่อเวลาผ่านไปมันจะหายไปได้เอง แต่สุดท้ายมันก็ไม่หายจนได้ระบายออกมาให้ใครสักคนฟัง เธอดีใจที่อย่างน้อยแม่ก็ไม่ขอตัดขาดความสัมพันธ์กับเธอเหมือนที่ซึงวานทำไม่อย่างนั้นซึลกิคงเป็นบ้าแน่

     

    “แม่จำตอนที่กิโดนหักอกครั้งล่าสุดได้มั้ย?”

     

    เธอเริ่มทวนความจำเรื่องที่เคยแกล้งเป็นแฟนกับซึงวานและเรื่องที่เธอโดนแทยงหลอกก่อนจะเริ่มเล่าความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างไม่ปิดบัง แม่บ่นเล็กน้อยเรื่องที่ซึลกิโกหกว่าไปค้างบ้านซึงวานแต่ความจริงแล้วออกไปเที่ยวเล่น(บวกวางระเบิด)ในเวลากลางค่ำกลางคืนแบบนั้น(อันที่จริงซึลกิคิดว่าแม่คงไม่พอใจที่เธอไม่ได้ชวนมากกว่า) เธอไม่ได้เล่าว่าคืนนั้นพวกเธอจูบกันแต่เลือกเล่าแค่ว่าซึงวานบอกว่าหล่อนรู้สึกแบบไหนกับเธอเท่านั้นและสองอาทิตย์ต่อมาพวกเธอก็ตัดขาดกันไปโดยสมบูรณ์ นั่นทำให้แม่เงียบไปหลายนาทีเลยทีเดียว

     

    “เด็กสมัยนี้นี่มันซับซ้อนจัง”

     

    “กิว่าไม่ใช่เด็กสมัยนี้หรอก มีแค่พวกกินี่แหละที่ซับซ้อน” ซึลกิเลิกเขี่ยผักแล้วเปลี่ยนมานวดคลึงขมับตัวเองด้วยมือทั้งสองข้างแทนเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างรุ่นพี่คยูฮยอน ตัวเธอเอง ซึงวาน แทยง และแจฮยอนที่ผ่านมาว่ามันยุ่งเหยิงขนาดไหน ทั้งหมดเกิดเพราะคำว่ารักคำเดียวเลย

     

    “แล้วตอนนี้เธอรู้สึกยังไง...กับซึงวานน่ะ?”

     

    ซึลกิเล่าไปแค่ว่าซึงวานรู้สึกยังไงกับเธอแต่กลับไม่ได้คิดว่าเธอเองกำลังรู้สึกยังไงอยู่แม้แต่นิดเดียว เมื่อถูกถามอย่างนั้นเธอจึงต้องทบทวนอยู่พักใหญ่ เธอรู้สึกไม่ดีที่ไม่ได้คุยกับซึงวาน เธอยิ้มและหัวเราะได้ไม่เต็มที่เหมือนตอนที่ซึงวานยังอยู่ เธอคิดเสมอว่าซึงวานเป็นคนสำคัญแต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะสำคัญมากจนทำให้เธอทรมานขนาดนี้ และสุดท้ายซึลกิก็รู้สึกกลัวความรู้สึกทั้งหมดนั้น

     

     “กิไม่กล้ารู้สึกอะไรกับมันน่ะแม่” เพราะตลอดมาที่ต้องโกหก ที่ต้องสร้างเรื่อง ที่ต้องหนีไปร้องไห้เมื่อรู้สึกแย่ มันก็ไม่ได้มีเหตุผลยิ่งใหญ่อะไรมารองรับนอกจากเพราะว่าซึลกิเป็นคนขี้ขลาด...เธอมันขี้ขลาด

     

    “กลัวว่าถ้าลองคบกันจริงๆแล้วเลิกกันจะกลับมาคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้ อย่างน้อยเป็นเพื่อนก็ยังเลิกกันไม่ได้”

     

     

    “แล้วเห็นรึยังล่ะว่าเป็นเพื่อนมันเลิกกันได้มั้ย?”

     

     

    ซึลกิเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่รู้ทันเธอมากที่สุดในโลก มากกว่าทั้งซึงวานและตัวเธอเองซะอีก ตอนนี้ซึลกิกับซึงวานน่าจะสามารถใช้คำว่าเลิกเป็นเพื่อนกันได้แล้ว และนั่นก็เป็นเพราะความขี้ขลาดของเธอเอง นี่เป็นข้อยืนยันว่าต่อให้เป็นเพื่อนหรือเป็นแฟนกัน ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเองสถานะเหล่านั้นก็เลิกเป็นได้

     

    “แค่ตอบตัวเองให้ได้ก็พอว่ารู้สึกยังไง ตอนนี้เรื่องมันไม่มีทางแย่ไปกว่านี้ได้แล้ว”

     

    “แล้วแม่ล่ะรู้สึกยังไง หมายถึง ซึงวานมันเป็นผู้หญิงนะ แม่โอเคเหรอถ้ากิ...” คนแก่กว่าเลิกคิ้วใส่ซึลกิก่อนจะเผยรอยยิ้มมุมปากอย่างมันเขี้ยวปนเอ็นดูลูกสาวขี้กังวลของตัวเอง

     

    “ผู้ชายห่วยจะตาย ดูสิเวลาเธออกหักมาก็มีแต่ซึงวานคอยอยู่ด้วย”

     

    ประโยคนี้ซึลกิคิดว่าแม่แอบเอาประสบการณ์ตรงของตัวเองมาผสมเล็กน้อย แน่นอนล่ะว่าซึลกิยังไม่ได้คิดว่าผู้ชายทุกคนบนโลกห่วย แต่พวกที่เธอเจอน่ะมีแต่พวกห่วยตัวพ่อทั้งนั้น

     

    “แล้วอีกอย่าง ถ้ามีลูกสะใภ้ทำอาหารเก่งอย่างซึงวานก็ดีแม่จะได้มีลูกมือ เธอน่ะแค่ช่วยแม่ทำไข่เจียวครัวก็เละแล้ว”

     

    “แม่...”

     

    “ก็เธอถามความเห็นแม่ แม่ก็บอกไปตรงๆ”

     

    ซึลกิกลอกตาเมื่อคิดว่าคนเป็นแม่ชักจะออกความเห็นมากไปแล้ว ถึงจะทำหน้าเหม็นเบื่อแต่ความรู้สึกภายในของซึลกิก็กำลังตีกันให้วุ่น ตั้งแต่ที่ถูกบอกให้หาคำตอบให้ตัวเองให้ได้ว่ารู้สึกยังไงซึลกิก็หยุดคิดถึงซึงวานไม่ได้ เธอคิดถึงใบหน้าที่มักจะยิ้มกว้างให้กับเธอเสมอ คิดถึงคิ้วที่มักจะขมวดเวลาโดนแกล้ง คิดถึงเสียงที่แม้จะดังเกินไปในบางครั้งแต่ก็ยังน่าฟัง อ้อมกอดเก้ๆกังๆที่อีกคนมีให้เวลาเธอร้องไห้และจูบกลางสนามฟุตบอลนั่น ทุกอย่างทำให้หัวใจของเธอเต้นตุบๆอย่างระริกระรี้จนน่าหมั่นไส้

     

    เธอรู้สึกโง่เง่าที่มัวแต่มองหาคนอื่นทั้งที่คนที่มีค่าที่สุดอยู่ข้างๆเธอมาตลอด ซึลกิเพ้อถึงความรักแบบในละครทั้งที่ความรักของเธอเกิดขึ้นมานานมากแล้วแต่ยังไม่ถูกค้นพบจนกระทั่งมันจากเธอไปไกล เธอทั้งปฏิเสธและผลักไสมันเพราะความขี้ขลาด ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าที่เธอรู้สึกทรมานมากขนาดนี้ไม่ใช่แค่เพราะเธอเสียเพื่อนที่ดีที่สุดไป แต่เป็นเพราะว่าซึงวานเป็นยิ่งกว่าเพื่อนที่ดีที่สุด เป็นยิ่งกว่าพระเอกขี่ม้าขาวในนิทานและเป็นยิ่งกว่ามือข้างขวาของเธอ ซึงวานคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอทำหลุดมือไป

     

     

     

     

    ตอนนี้ซึลกิรู้แล้วว่าซน ซึงวานคือความรักของเธอ และเธอจะไม่ปล่อยให้ความรักของเธอจากไปไหนอีกแล้ว

     

     

     

     

     

    TBC.

     

    เราเชื่อว่ามีคนอยากตีกิค่ะ ฮาาาา อย่าเพิ่งตีน้า หมีต้องคงคอนเซปต์กากของตัวเองไว้(สัญญาว่าตอนหน้านางจะไม่กาก) ตอนนี้มันออกจะเอื่อยหน่อยก็ขอโทษด้วยนะคะ เราไม่อยากให้เรื่องมันโลกสวยรักกันปุบปับ เพราะกิก็เจ็บมาเยอะ วานก็ทนมาเยอะ จะรักกันต้องฝ่าฟัน #พอ

    ปล. แอบกระซิบว่าตอนหน้าจบละนะ ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันอยู่ค่าาา #มีมั้ยวะ? #ไม่รู้ #ขอบคุณไว้ก่อน #พอ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×