คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : CHAPTER 05 - The Cliff
CHAPTER 05 - The Cliff
“ฉัน...ชอบซึลกิ”
ประโยคบอกเล่าจากปากของซน ซึงวานดึงให้ชายหนุ่มผู้กำลังยืนพิงผนังเย็นเฉียบบริเวณหน้าห้องซ้อมดนตรีถึงกับดีดตัวออกมายืนตรงและเลิกคิ้วขึ้นสูง
“โอ้...โอเค...”
“อืม ก็...”
“ก็อย่างที่ฉันบอก”
“อ่า อย่างที่นายบอก”
“แล้ว?”
ชายหนุ่มคนนี้ผู้มีนามว่าแทยงย้อนถามและยังไม่คลายสีหน้าสงสัย พอเลิกเรียนได้ไม่นานซึงวานก็มาหาเขาถึงห้องซ้อมดนตรีโดยไม่มีเพื่อนสนิท(หรือที่คนอื่นเข้าใจว่าเป็นแฟน)ติดตามเป็นเงามาด้วยอย่างทุกที พอถามก็ได้ความว่าเธอแอบออกมาจากห้องชมรมระหว่างที่ซึลกิกำลังคุยกับรุ่นน้องอย่างตั้งอกตั้งใจ
มาเพื่อบอกว่าเธอชอบเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างที่แทยงตั้งข้อสงสัย...
“ฉันอึดอัดไง ให้ไปปรึกษาคนอื่นก็คงไม่ได้เพราะไม่มีใครรู้ว่าฉันกับซึลกิไม่ได้คบกันจริงนอกจากนาย”
“...กับแจฮยอน” แทยงแก้ให้
“นี่ต้องบอกกันทุกอย่างเลยรึไง?” ซึงวานถามด้วยสีหน้ายี้ๆ แทยงไม่ได้พูดอะไรนอกจากยักไหล่ให้เธอ
“แล้วจะทำไงต่อ?”
“นั่นสิ”
ซึงวานถอนหายใจก่อนจะพิงตัวลงกับผนังข้างๆอีกคน เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ ปล่อยให้ความรู้สึกเกิดแล้วยังต้องมาขอคำปรึกษาจากคนที่ไม่คิดอยากจะคุยด้วยอีก
สิ้นหวังมากไหมซน ซึงวาน...
“รู้ตัวว่าชอบซึลกิเมื่อไหร่?”
“เมื่อวาน” ไม่มีประโยชน์ที่จะมาเฝ้าปฏิเสธความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไปแล้ว ซึงวานเข้าใจได้ว่าเพื่อนกันเป็นห่วงกันเป็นเรื่องปกติ เพื่อนโกรธแทนเพื่อนก็ปกติ เพื่อนอยากปกป้องเพื่อนก็ยังปกติ
แต่เพื่อนที่ใจเต้น หวั่นไหว และเกือบจะขโมยจูบเพื่อนตัวเองนี่สิ...ไม่ปกติ
“โอย ฉันโคตรพลาดเลยอ่ะ ทำไงดี” ถามและมองหน้าแทยงที่มีสีหน้าอึดอัดไม่แพ้กัน เขาเองก็คงไม่คิดว่าจะได้มายืนอยู่ตรงนี้เพราะดันไปทักอะไรแปลกๆกับซึงวานเข้าเหมือนกัน จากที่เธอเคยคิดว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่มีทางยุ่งไปกว่านี้ได้ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคิดผิดเข้าเต็มเปา
“ถ้าถามฉัน ฉันว่าตอนนี้มีสองทางให้เธอเลือก...คือเปลี่ยนใจตัวเอง ไม่ก็เปลี่ยนใจซึลกิ”
ซึงวานเลิกคิ้วให้กับประโยคที่แทยงยกขึ้นมา
“ฉันไม่แน่ใจว่าซึลกิเกลียดฉันไปแล้วรึยัง แต่เขาคงยังไม่ได้ชอบเธอเหมือนที่เธอชอบ เธอก็ต้องเลือกว่าจะทำตัวเป็นเพื่อนสนิทกับซึลกิต่อไปแล้วพยายามเลิกชอบเองหรือไม่ก็ทำให้ซึลกิชอบเธอ”
“ทำงั้นได้ด้วยเหรอ?”
“คิดว่านะ เวลาอกหักคนเราจะหวั่นไหวง่าย เธอก็ค่อยๆทำให้ซึลกิรู้ว่าเธอแคร์เขา...แบบนั้น แต่ถ้าเธอเลือกทางนี้มันก็เสี่ยงหน่อย เคยได้ยินมั้ยว่าจีบเพื่อนตัวเองน่ะเหมือนกระโดดข้ามหน้าผา ไม่ตายก็รอดไปอีกฝั่งแล้วกลับมาไม่ได้”
ซึงวานเข้าใจเลยว่าทำไมแทยงถึงจีบซึลกิติดไวนัก เขาเข้าใจอารมณ์ของคนอื่นตามสถานการณ์และมีเซนส์ด้านความรู้สึกที่แรงทีเดียว เขารู้ว่าต้องทำยังไงให้ซึลกิชอบและเขาก็รู้ว่าเธอแอบชอบซึลกิก่อนที่เธอจะรู้ตัวเองเสียอีก ซึงวานชักสงสัยว่าแทยงดันพลาดไม่รู้หัวใจตัวเองอยู่ตั้งนานได้ยังไง
“ฉันคงทำไม่ได้หรอก” และนั่นเป็นคำตอบสุดท้ายของซึงวาน เธอไม่อยากทำให้ใครมาชอบเพราะหวั่นไหว เธอไม่อยากเป็นคนฉวยโอกาส ยิ่งกับซึลกิที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดแล้วด้วย นอกจากนั้นซึงวานยังคิดว่าหน้าผาของเธอกับซึลกิดูจะกว้างเกินไปที่จะกระโดดข้ามไปถึงอีกฝั่งโดยสวัสดิภาพ
“ซึลกิยังชอบนายอยู่ ฉันไม่อยากให้มันลำบากใจ” และฉันก็ไม่อยากตกหน้าผาตาย
“เธอนี่...เป็นเพื่อนที่ดีมากจริงๆนะ ฉันเริ่มอิจฉาซึลกิขึ้นมาแล้ว”
“ไม่หรอก ฉันว่านายเป็นเพื่อนที่เลวเกินไปเองมากกว่า” ซึงวานตอกกลับเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ใช่คนดีที่แซะใครไม่เป็น เธอดีแค่กับคนบางคน และในบรรดาคนเหล่านั้นก็มีคนชื่อคัง ซึลกิอยู่อันดับต้นๆ
“ด่าเจ็บแฮะ” แทยงแค่นหัวเราะออกมา ดูท่าว่าบทสนทนานี้ใกล้จะจบลงเพราะแทยงโดนแจฮยอนออกมาเรียกให้ไปซ้อมและซึงวานก็มาอยู่ตรงนี้นานพอสมควรแล้ว เขาขอเวลาอีกครู่เดียวเพื่อคุยกับเธอ
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกแล้วกัน ขอโทรศัพท์หน่อย” ซึงวานทำท่าอึกอักไม่อยากยื่นโทรศัพท์ให้กับแทยงตามที่เขาขอ แต่เมื่อคิดว่าอาจต้องขอคำปรึกษาอะไรอีกก็คงมีแค่เขาคนเดียวที่ช่วยได้. ..สิ้นหวังแล้วจริงๆ
“แล้วยังไง ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้วงี้เหรอ?” รับโทรศัพท์ที่แทยงเอาไปโทรเข้าเครื่องตัวเองและบันทึกชื่อของเขาไว้เรียบร้อยแล้วมาและตั้งคำถาม เป็นเพื่อนกับคนที่ทำให้ซึลกิร้องไห้ ไม่ดีเท่าไหร่มั้ง
“แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน ฉันแค่ช่วยได้ตอนที่เธออยากให้ช่วย แต่เธอคงไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับฉันจริงมั้ย?”
ซึงวานคิดถูกจริงๆเรื่องที่แทยงมีเซนส์อ่านความคิดของคนอื่นได้
ซึลกิสัมผัสได้ว่าเธอกำลังทำให้ตัวเองน้ำหนักขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่...
หลังจากวิกฤตการณ์งานพรอมจบไป ซึลกิปล่อยให้ตัวเองเฮิร์ทอยู่ได้แค่สามอาทิตย์ เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสามอาทิตย์นั้นเธอปล่อยให้ตัวเองเหม่อลอยจนซึงวานต้องสะกิดเรียกสติไปแล้วกี่ครั้ง เธอไม่อยากออกไปเที่ยว ไม่อยากร้องเพลง ไม่อยากเล่นไพ่กับซึงวาน ไม่อยากแม้แต่จะกินอะไรเข้าไป เธอแย่เสียจนแม่ของเธอเองสังเกตได้
ด้วยความที่ครอบครัวของซึลกิเหลือแค่สองแม่ลูกเพราะแม่เลือกที่จะแยกทางจากพ่อและขอเลี้ยงลูกคนเดียวตั้งแต่ยังเล็กทำให้หล่อนกลายเป็นคนที่ใกล้ชิดกับซึลกิมากที่สุด แถมยังรู้จักซึลกิมากกว่าตัวเธอเองเสียอีก (มีแต่ซึลกิที่ไม่รู้เลยว่าแม่คิดอะไรอยู่และไม่รู้เลยว่าพ่อของเธอเป็นใครหรืออยู่ที่ไหนในตอนนี้)
ซึลกิไม่อยากใช้เหตุผลว่าครอบครัวขาดความอบอุ่นมาเป็นข้ออ้างในการต้องการรักแท้เพ้อฝันเหมือนในนิยาย เธอรู้สึกว่าครอบครัวของเธออบอุ่นมากพอแล้วถึงแม้จะมีแค่เธอและแม่ก็ตาม ทุกสาเหตุที่ทำให้ความรักแสนหวานของเธอถูกทำลายจึงเกิดจากตัวเธอเองล้วนๆ เธอคิดน้อยไปและไม่ระวัง สุดท้ายจึงได้ความรักที่น้อยไปเป็นสิ่งตอบแทน
และเมื่อความรักที่ถูกทำลายทำให้เธอเปลี่ยนไป แม่จะรู้เสมอ เธอทำอะไรไม่ได้นอกจากเล่าเรื่องทุกอย่างให้หล่อนฟัง ก่อนหน้านี้ซึลกิเพิ่งจะเล่าเรื่องที่เธอและซึงวานแกล้งเป็นแฟนกันเพื่อกันรุ่นพี่มาตามตื๊อให้แม่ฟัง หล่อนมองว่ามันเป็นแค่การสร้างวีรกรรมแสบสมัยมัธยมอย่างหนึ่ง แต่ก็นึกว่าพวกเธอสองคนคบกันจริงๆตั้งนานแล้วเพราะตั้งแต่ซึลกิเลิกกับแฟนคนล่าสุดสมัยมัธยมต้นก็มีแต่ซึงวานทุกลมหายใจเข้าออก(ซึ่งนั่นเป็นข้อสังเกตเดียวกันเป๊ะกับพ่อแม่ของซึงวาน ซึลกิไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นถึงได้มองว่าพวกเธอคบกันบ่อยนัก) ซึลกิปฏิเสธไปอย่างทุกทีก่อนจะเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้เธอไม่ได้คบกับซึงวานจริงๆและปล่อยตัวให้เศร้าขนาดนี้
พอแม่รู้ว่าลูกสาวโดนหักอกด้วยวิธีที่เลวร้ายยังไง หล่อนก็ขอที่อยู่ของแทยงเพื่อจะไปวางระเบิดเสียตอนนั้นแต่ยังดีที่ซึลกิห้ามไว้ได้ก่อน ซึลกิรับรู้ได้เลยว่าคนที่รู้เรื่องนี้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนเธอกันมากแค่ไหน ตั้งแต่ซึงวานที่ไปตบหน้าแทยงทั้งที่หล่อนไม่ใช่คนชอบใช้กำลัง แถมยังมีแม่ที่จะไปวางระเบิดบ้านคนอื่นทั้งที่ยังไม่รู้เลยว่าจะหาระเบิดได้จากที่ไหน
มีแต่ซึลกินี่แหละที่โง่แล้วโง่อีก เธอทำให้คนที่แคร์เธอเป็นห่วงแค่เพราะเธอแคร์คนที่ไม่ห่วงเธอคนเดียว...
เพราะคิดได้อย่างนั้นสามอาทิตย์นรกของซึลกิจึงจบลง เธอหันมารักแม่และซึงวานมากขึ้น นั่นหมายถึงรักขนมและอาหารที่สองคนนั้นหมั่นทำมาให้เพื่อขุนไม่ให้กลายเป็นไม้เสียบผีด้วย ซึลกิยัดมันเข้าไปโดยนึกถึงหน้าแทยงแต่ไม่ใช่ในแบบที่อยากจะกลืนกินเขาเพราะความหลงใหลอย่างเดิม แต่กลายเป็นกลืนกินให้เขาลงไปในกระเพาะและถูกน้ำย่อยย่อยจนกลายเป็นโมเลกุลเล็กๆหรือไม่ก็ถูกขับออกไปพร้อมกากอาหาร
ซึลกิไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากความช้ำเปลี่ยนมาเป็นความโกรธได้ยังไง บางทีมันอาจจะเป็นกลไกป้องกันตัวของเธอหรือไม่ก็เพราะเธอมีคนข้างกายที่มีค่ามากกว่าคนที่ทำร้ายจิตใจเธอก่อนหน้านี้ ซึลกิรู้สึกได้เลยว่าซึงวานดีกับเธอมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่บางครั้งมันก็ทำให้ซึลกิรู้สึกเหมือนเธอกำลังไปไหนมาไหนกับเพื่อนที่เพิ่งรู้จักกัน ซึงวานไม่ค่อยปล่อยให้เธอเข้าใกล้หรือสกินชิพมากเท่าแต่ก่อนแถมยังไม่ค่อยต่อปากต่อคำกับเธอ ซึ่งมันค่อนข้างจะแปลกทีเดียว
“แกทำฉันเสียนิสัย น้ำหนักฉันขึ้นกี่กิโลแล้วรู้มั้ย”
ซึลกิบ่นก่อนจะงับคัพเค้กฝีมือซึงวานในมือขณะที่เธอทั้งสองคนนั่งแช่กันอยู่ในโรงอาหารในเวลาพักเที่ยง เธออารมณ์เสียทุกทีที่ขนมที่ซึงวานทำอร่อยจนห้ามตัวเองไม่ได้
“แกกินได้ก็ดีแล้ว เพื่อนทั้งคน ปล่อยให้ผอมตายไม่ได้หรอก”
“น่ารักนะเรา”
ซึลกิพูดหยอกและทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิกแก้มซึงวานแต่อีกคนเอี้ยวตัวหลบโดยอัตโนมัติ ซึงวานไม่ค่อยยอมให้ซึลกิแกล้งอีกแล้ว แต่นั่นก็เป็นเพราะข้อจำกัดบางอย่างภายในใจของอีกคน
ซึงวานไม่รู้ว่าซึลกิเกิดนิมิตอะไรถึงเลิกนอยด์และเปลี่ยนมาเป็นบ้าคลั่งแทน เมื่อไม่นานมานี้ซึงวานสังเกตได้ว่าทุกครั้งที่ซึลกิบังเอิญเห็นแทยงเข้า จากที่เคยเดินหนีและทำหน้าเหมือนจะร้องไห้กลับกลายเป็นจ้องเขาเขม็งจนสุดสายตาและบางทีก็พึมพำอะไรที่น่ากลัวอย่าง ‘ไปตายซะ’ หรือ ‘ฉันจะหาระเบิดให้แม่ไปวางบ้านเขาให้ได้’ ซึงวานมองว่านั่นเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ฮาร์ดคอร์ทีเดียว จากตอนแรกที่ซึลกิบอกว่าหล่อนเกลียดสิ่งที่เขาทำแต่ไม่ได้เกลียดเขา เธอเดาว่าตอนนี้ซึลกิอาจจะเริ่มเกลียดเขานิดๆแล้ว
แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ซึงวานสบายใจเพราะเธอยังคุยกับแทยงเป็นครั้งคราวเวลาที่รู้สึกว่าเธอเริ่มจะอดทนกับความรู้สึกที่ต้องเก็บไว้ไม่ไหว และทุกบทสนทนาจะต้องเป็นความลับจากซึลกิ เรื่องมันจะซับซ้อนทันทีถ้าหากว่าคุณมีคนให้คำปรึกษาที่ยอดเยี่ยมแต่คนคนนั้นเป็นคนที่เพื่อนของคุณ(และบางทีคุณก็แอบชอบเพื่อนคนนั้น)เกลียด
ซึงวานอึดอัดเพราะที่ผ่านมาเวลาเธอมีปัญหาก็มีแค่ซึลกิที่เธออยากจะปรึกษาด้วย แต่ปัญหาครั้งนี้คือเธอแอบชอบซึลกิแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวแถมยังรู้สึกว่ามันมากขึ้นทุกวันเสียด้วย คิดว่าคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าลองเอาไปปรึกษาเจ้าตัวดู
“ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้ไปดูหนังบ้านแกเลยเนอะ” เมื่อคัพเค้กหมดไปซึลกิก็ชวนคุย ซึงวานพยายามบ่ายเบี่ยงโปรแกรมดูหนังคืนวันเสาร์ที่เคยมีเกือบทุกอาทิตย์ของพวกเธอด้วยข้ออ้างสารพัดเพียงเพราะไม่อยากให้ซึลกิมาค้างที่บ้านของเธอ มาเล่นบนเตียงของเธอ มานอนบนเตียงเดียวกับเธอและทำให้เธอใจสั่นเหมือนดื่มเรดบูลเกินสองขวดต่อวัน
แบบนั้นต้องไม่ดีแน่
“ก็...ไม่รู้จะเช่าเรื่องอะไรมาดูแล้ว” โกหก...ซึงวานยอมดูหนังที่อยากดูคนเดียวได้ถ้าต้องเลือกดูแบบมีซึลกิอยู่ด้วยและทำให้สมาธิเธอแตกเพราะหน้าหมีๆนั่น
“งั้นวันเสาร์ไปเที่ยวกัน”
“เที่ยว?”
“ก็เที่ยวแบบ...เดินไปเรื่อยๆ หาอะไรกินกัน ไปปั่นจักรยาน...”
“ฟังดูเหมือนไปเดทยังไงไม่รู้นะ” นั่นซึงวานพูดเอง คิดเอง เขินเองและเจ็บเองด้วย แค่คิดว่าจะไปเดทกับซึลกิท้องไส้ก็ปั่นป่วนไปหมด
“ก็เราเดทกันอยู่นี่ไง ใครๆเค้าก็รู้”
ซึลกิกลับมาพูดเล่นกับเธอได้เหมือนเดิมแล้ว ซึงวานไม่รู้ว่าตอนนี้ความเศร้าของซึลกิลดลงเหลือปริมาณเท่าไหร่ แต่ความเศร้าของซึงวานคงกำลังเพิ่มขึ้น
“ตลก”
ยิ่งซึงวานพยายามจะสร้างระยะห่างระหว่างตัวเองกับซึลกิมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งดูแปลกมากขึ้น ซึลกิยังต้องการคนคอยให้กำลังใจหรืออยู่เคียงข้างซึ่งซึงวานก็เต็มใจทำหน้าที่นั้น แต่ทุกครั้งที่เข้าใกล้อีกคนมากเกินไปจะเป็นเธอเองที่อ่อนแอ
มันเป็นเรื่องยากที่จะต้องมีซน ซึงวานถึงสามคนให้เป็น ทั้งซึงวานคนแรกที่เป็นแฟนของซึลกิต่อหน้าคนในโรงเรียน ซึงวานคนที่สองที่เป็นเพื่อนที่ไว้ใจที่สุดของซึลกิ และซึงวานคนที่สามที่ไม่สนใจอีกแล้วว่าใครจะคิดยังไงและอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้แม้มันจะดูเห็นแก่ตัว ซึงวานคนที่สามดูจะเป็นซึงวานที่สมจริงที่สุด เธออยากจะหนีออกไปจากความรู้สึกนี้และกลับไปเป็นเพื่อนคนเดิมของซึลกิที่หยอกเล่นกันเท่าไหร่ก็ได้ จะเถียงกันมากเท่าไหร่ก็ยังสนุก ไม่ใช่เพื่อนที่ต้องทรมานทุกครั้งที่อยู่ใกล้ซึลกิเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู้ว่าเธอคิดอะไร
“ตกลงไปนะ?”
“ไม่รู้สิ ฉัน...”
ฉันชอบแกและฉันต้องพยายามทำใจไม่ให้ชอบแกอยู่ เพราะงั้นอย่าทำอะไรให้หวั่นไหวได้ไหม
“ฉันไม่ค่อยอยากออกจากบ้าน ช่วงนี้อากาศมันร้อน...”
ซึงวานพยายามหาข้ออ้างอีกครั้งแต่ครั้งนี้ดูเหมือนซึลกิจะไม่ได้ฟังอยู่เพราะหล่อนกำลังมองไปด้านหลังของซึงวานอย่างตั้งใจ เธอหันไปดูสิ่งที่ซึลกิให้ความสนใจและก็พบแทยงที่เดินมากับแจฮยอนซึ่งเป็นภาพที่น่าเบื่อพอๆกับภาพของเธอสองคนอยู่ด้วยกัน ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ไม่กี่อาทิตย์ซึงวานคงจะพยายามทำให้ซึลกิหันไปสนใจอย่างอื่นจะได้ไม่เศร้า แต่ตอนนี้ซึงวานยอมรับว่ามันออกจะเพลิดเพลินไม่น้อยเวลาได้รอฟังถ้อยคำสาปแช่งแทยงจากปากของมนุษย์หมีคลั่ง ถึงแทยงจะช่วยให้คำปรึกษาเธอแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะยกโทษเรื่องที่เขาโกหกซึลกิให้หรอกนะ
“ฉันว่าแกต้องชอบแน่ สรุปวันเสาร์เราไปเที่ยวกัน”
ซึลกิพูดโดยยังไม่ละสายตาไปจากสองหนุ่มที่ตัวติดกันราวกับปาท่องโก๋ ก่อนที่ซึงวานจะทันได้อ้าปากแย้งอะไรอีกซึลกิก็ลุกและเดินกลับไปทางห้องเรียนปล่อยให้ซึงวานเก็บข้าวของก่อนจะตามไปอย่างไม่สามารถปฏิเสธได้
ความจริงแล้ววันเสาร์กลับกลายเป็นวันที่อากาศไม่ร้อนแถมยังเย็นสบายเหมาะแก่การออกไปเที่ยวด้วยซ้ำ ซึงวานไม่สามารถหาข้ออ้างเพื่อหลีกเลี่ยงการไปเที่ยวกับซึลกิได้ตั้งแต่วันที่ถูกชวนแม้ว่าสภาพจิตใจของเธอจะไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เธอไม่สามารถทำให้ซึลกิรู้ว่าเธอคิดกับหล่อนยังไงได้ แต่ก็ไม่สามารถตีตัวออกห่างไปมากกว่านี้ได้เช่นกัน เธอเคยได้ยินเรื่องของคนที่แอบชอบเพื่อนสนิทของตัวเองว่ามันรู้สึกอึดอัดมากแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยคิดว่าเมื่อมันเกิดกับตัวจะทำให้รู้สึกแย่มากขนาดนี้
สุดท้ายเมื่อเธออุตส่าห์ทำใจให้สงบพร้อมกับการไปเที่ยวแบบเพื่อนสนิทกับซึลกิแล้ว หล่อนกลับเป็นฝ่ายหายตัวไป หายไปแบบที่หาไม่เจอจริงๆ...
ซึลกิบอกว่าจะเป็นฝ่ายมาหาซึงวานที่บ้านและจะโทรบอกเมื่อมาถึง ซึงวานลืมไปเลยว่าส่วนสำคัญที่สุดที่เธอลืมไปคือการถามเวลานัด แต่โดยปกติแล้วถ้าจะไปเที่ยวข้างนอกพวกเธอก็มักจะออกไปตอนช่วงสายๆหรือไม่ก็เกือบเที่ยงซึงวานจึงไม่ค่อยกังวลเรื่องว่าอีกคนจะมาเมื่อไหร่
แต่ครั้งนี้มันกลับไม่เป็นไปอย่างนั้น เมื่อเวลาล่วงเลยเที่ยงวันแล้วซึลกิยังไม่โทรมาซึงวานจึงโทรไปหาหล่อนแทนโดยหวังว่าอีกคนจะรับแล้วบอกว่าติดธุระ คงไปเที่ยวกับเธอไม่ได้แล้ว(ซึ่งไม่ใช่เพราะว่าซึงวานไม่อยากไปเที่ยวกับซึลกิ แต่เพราะเธออยากไปเที่ยวกับซึลกิมากๆจนอาจเป็นอันตรายต่อหัวใจเลยต่างหาก) ผลลัพธ์คือซึลกิไม่รับสาย เมื่อลองโทรไปหาแม่ของหล่อนเพื่อถามว่ายังอยู่ที่บ้านไหมก็ได้คำตอบว่าซึลกิบอกว่าจะออกไปซื้อของตั้งแต่เช้าและยังไม่กลับมา แถมยังลืมโทรศัพท์ไว้ในห้องนอนอีกด้วย นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรวมถึงทุกคนที่มีเบอร์ของซึลกิติดต่อกับเจ้าตัวไม่ได้ แม้แต่แม่ของหล่อนก็รู้แค่ว่าลูกสาวออกไปซื้อของ แต่ไม่รู้ว่าไปที่ไหนและจะกลับตอนไหน
และซึงวานก็รู้สึกเป็นห่วงว่าอีกคนจะยังปลอดภัยดีหรือไม่ และรู้สึกว่าทำไมซึลกิถึงไม่บอกก่อนว่าอาจจะมาหาช้าหน่อยหรือว่าแผนถูกยกเลิกไปแล้ว และรู้สึกว่าเธอคงผิดเองที่รู้สึกอะไรกับซึลกิมากไปจนเริ่มจะงี่เง่า
ซึงวานรออย่างร้อนใจจนเวลาล่วงเลยช่วงหัวค่ำไปจนถึงเกือบจะสี่ทุ่ม ตอนบ่ายๆเธอยังมีแรงโทรไปถามความคืบหน้าจากแม่ของซึลกิอยู่แต่หล่อนก็บอกว่าเจ้าตัวยังไม่กลับบ้านอยู่ดี ตอนนั้นพวกเธอเริ่มคิดว่าจะไปแจ้งความแล้วแต่ซึลกิก็ไม่ใช่เด็กๆที่ดูแลตัวเองไม่ได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หล่อนออกไปจากบ้านโดยไม่มีใครตามตัวเจอ แต่เป็นครั้งแรกที่ไปทั้งที่มีนัดกับซึงวานและเป็นฝ่ายชวนเองแท้ๆ
น่าน้อยใจชะมัด
ซึงวานถอดใจตอนนาฬิกาบอกเวลาสี่ทุ่มครึ่งและเตรียมตัวจะเข้านอนโดยหวังว่าพรุ่งนี้ซึลกิจะสามารถอธิบายสาเหตุของการหายตัวไปทั้งวันกับเธอได้ เมื่อเธอกำลังจะทิ้งตัวลงบนเตียงก็มีสายเรียกเข้าเตือนขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ มันเป็นชื่อของซึลกิ
[ป่ะ ไปเที่ยวกัน] ทันทีที่รับสายซึลกิก็พูดแทรกขึ้นมา
“ฮะ?”
[ฉันอยู่หน้าบ้านแกแล้ว ค่อยๆออกมานะ แกคงไม่อยากอธิบายกับพ่อแม่ว่าจะออกไปไหนตอนดึกๆแบบนี้]
ซึงวานรีบเปิดผ้าม่านของหน้าต่างฝั่งที่หันไปทางประตูบ้านและพบร่างของผู้หญิงภายใต้เสื้อมีฮู้ดสีเข้มยืนถือโทรศัพท์แนบหูอยู่บริเวณหน้าบ้าน จังหวะที่หล่อนเงยหน้าขึ้นมาสบตากับซึงวานผ่านกระจกห้องนอนพอดีทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนไม่น่าให้อภัย ก็แค่คัง ซึลกิหมีกากเท่านั้นเอง ก็แค่เพื่อนที่เธอแอบชอบเท่านั้น
แล้วนี่...จะทำอะไร?
“ก่อนอื่นแกต้องอธิบายกับฉันก่อนมั้ยว่าเราจะไปไหน แล้วตอนกลางวันแก...”
[เดี๋ยวอธิบายทีหลังได้มั้ย เราต้องไปกันตอนนี้แล้ว]
เมื่อซึงวานเห็นสีหน้ารีบร้อนของคนข้างล่างแล้วร่างกายก็ตอบสนองไปโดยอัตโนมัติ เธอวางสายก่อนจะสวมนาฬิกาข้อมือและหาเสื้อแขนยาวตัวนอกมาใส่ทับชุดนอนที่มีแต่เสื้อกล้ามกับกางเกมวอร์ม พยายามเดินออกจากห้องอย่างเงียบเชียบ เธอยังได้ยินเสียงโทรทัศน์จากห้องของพ่อกับแม่บ่งบอกว่าทั้งคู่ยังไม่หลับ แต่จากรูปประโยคของซึลกิแล้วซึงวานคิดว่าเธอคงแค่เดินเข้าไปบอกว่าจะขอออกไปข้างนอกไม่ได้ อันที่จริงเธอก็ยังไม่รู้เลยว่าข้างนอกที่จะไปนั่นคือที่ไหน
เธอก็แค่เชื่อซึลกิ ยอมหล่อนเหมือนทุกครั้ง เธอก็ทำได้แค่นั้นแหละ
หลังจากนั้นซึงวานรู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เลือกใส่รองเท้าวิ่งออกมา(ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากมันเข้ากับกางเกงวอร์ม)เพราะทันทีที่เธอปิดประตูหน้าบ้านอย่างเบามือเพื่อไม่ให้เกิดเสียง คนที่ยืนรออยู่แล้วก็คว้าข้อมือของเธอและเริ่มต้นวิ่งออกไป วูบหนึ่งซึลกิหันมาเพื่อยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากเป็นสัญญาณว่าอย่าเพิ่งส่งเสียงอะไร ซึงวานเพิ่งสังเกตเห็นว่าบนบ่าของซึลกิกำลังสะพายเป้ที่ตุงไปด้วยของด้านในแต่เธอก็ไม่รู้ว่าพวกมันคืออะไร
ซึลกิวิ่งไม่หยุดแม้จะผ่านแหล่งที่มีคนพลุกพล่านดังนั้นซึงวานจึงไม่สามารถหยุดเพื่อขอโทษคนที่พวกเธอเพิ่งวิ่งชนไปได้ เมื่อซึงวานเริ่มรู้สึกร้าวต้นขาพวกเธอก็มาถึงตู้ซื้อตั๋วในสถานีรถไฟใต้ดินที่ใกล้บ้านที่สุดแล้ว
“ตอนกลางวันฉันไปสำรวจสถานที่แล้วก็ซื้อของที่ต้องใช้คืนนี้มา”
ซึลกิพูดขณะที่กำลังตั้งใจซื้อตั๋วสองที่โดยมีซึงวานยืนหอบทำหน้าไม่เข้าใจอยู่ข้างๆ ขณะนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มสี่สิบสองนาที
“จะทำอะไรวะ?” กว่าซึงวานจะหายเหนื่อยและอ้าปากถามได้ก็ตอนที่พวกเธอสองคนเดินผ่านเครื่องตรวจตั๋วมาถึงชานชาลาแล้ว
“ไปเที่ยวไง แล้วก็แก้แค้นนิดหน่อย”
นั่นไม่ได้ช่วยให้ซึงวานกระจ่างขึ้นมาสักนิดเดียว แต่เธอก็เลือกจะเดินตามซึลกิเข้าไปนั่งในรถไฟที่มีคนขึ้นน้อยเต็มทีเพราะใกล้จะเป็นเที่ยวสุดท้ายของวัน เธอรู้ว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ไหนตอนที่ซึลกิซื้อตั๋วเมื่อกี้แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะไปทำอะไรกันที่นั่น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะกลับมาทันรถไฟใต้ดินเที่ยวสุดท้ายหรือเปล่า และซึงวานก็ไม่ได้พกเงินติดตัวออกมาด้วยแม้แต่วอนเดียว
ไม่นานซึลกิก็เริ่มอธิบายสิ่งที่กำลังจะทำในคืนนี้ให้ซึงวานฟังทั้งหมด หล่อนบอกว่าสถานีปลายทางอยู่ห่างจากบ้านของแทยงเพียงบล็อกถนนเดียวและติดกับโรงเรียนประถมที่พวกเธอเคยเรียนมาก่อน(ซึ่งเป็นสิ่งที่รู้โดยบังเอิญจากโดยองมือกลองของวงในวันหนึ่งของการซ้อมที่พวกเขาชวนซึลกิคุยเรื่อยเปื่อย) หลังจากหลุดพ้นจากความโง่และอาการโศกเศร้ามาได้ซึลกิก็คิดว่าเธอควรจะต้องตอบแทนความน่ารักที่แทยงมีให้หล่อนเสียหน่อย หล่อนมีระเบิดควันหลากสีพร้อมกับระเบิดตดที่ซึงวานคิดว่าเด็กสมัยนี้เลิกเล่นกันไปแล้ว ไฟฉาย กล้องส่องทางไกล เทปกาวและกระดาษม้วนใหญ่ ซึลกิบอกว่าจะทำให้ความปรารถนาของแม่เป็นจริง คืนนี้บ้านแทยงจะต้องถูกระเบิดจู่โจม ถึงแม้มันจะเป็นแค่ระเบิดควันและกลิ่นของระเบิดตดก็ตาม
“แล้ว...แกก็ลากฉันออกมา” อันที่จริงซึงวานควรจะชินกับการตกเป็นเหยื่อในแผนการหุนหันพลันแล่นของซึลกิได้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงเธอก็ยังตั้งรับไม่ค่อยทัน
“ฉันทำคนเดียวไม่ได้แน่ แล้วฉันก็นึกถึงใครคนอื่นไม่ออกนอกจากแก”
ซึลกิทำให้เธอรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว รู้สึกดีที่ได้เป็นคนสำคัญอันดับหนึ่งของซึลกิ และรู้สึกแย่ที่ความจริงแล้วเธออยากจะเป็นมากกว่านั้น
“แกนี่โคตรบ้าเลยว่ะหมี”
“ฉันรู้ จะบ้าไปด้วยกันมั้ยล่ะ?”
ตอนนั้นเองที่ซึงวานรู้สึกชัดเจนกว่าทุกครั้งว่าเพื่อนรักคนเดิมของเธอกลับมาแล้ว ซึลกิคนที่ดูเหมือนไม่มีพิษภัยแต่ก็พร้อมจะทำอะไรบ้าๆได้ตลอดเวลา คนที่เคยอ่อนแอซึ่งมันทำให้เธอเป็นห่วงเสียจนเลยเถิดไปไกล ในตอนนี้ซึลกิกลับมาเข้มแข็งได้เหมือนเดิมแล้วแต่ซึงวานก็ยังกลับมารู้สึกแบบเดิมไม่ได้อยู่ดี ไม่ว่าซึลกิจะเป็นยังไงซึงวานก็กลับไปไม่รู้สึกอะไรกับหล่อนไม่ได้อยู่ดี
“ฉันเคยปฏิเสธแกด้วยเหรอ?” เพราะเธอไม่เคย และก็ไม่มีวันที่จะปฏิเสธคนอย่างซึลกิได้
ซึลกิยิ้มกว้างเมื่อเธอพูดประโยคนั้นออกไป ซึงวานรู้ว่ามันบ้าแถมยังโง่ที่เธอยอมซึลกิทุกครั้งไป แต่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่ยอมในเมื่อรอยยิ้มของคนที่คุณรักคือสิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดบนโลกแล้ว
เมื่อเรื่องมันเลยซึงวานก็ต้องปล่อยตามเลย ถึงแม้เธอจะรู้สึกผิดกับแทยงเล็กน้อยเมื่อคิดว่าเขาก็พยายามให้คำปรึกษาเธอดีหลังจากเธอรู้ตัวว่าชอบซึลกิแต่ก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ตอนที่เธอและซึลกิกำลังแอบอยู่ข้างกำแพงโรงเรียนประถมเพื่อสังเกตการณ์หน้าบ้านที่แน่ใจแล้วว่าเป็นบ้านของแทยง ซึงวานเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งแต่พวกเธอเรียนจบชั้นประถมจากโรงเรียนนี้ก็ยังไม่เคยได้กลับมาอีกเลย โรงเรียนยังคงมีสภาพไม่ต่างจากเดิมเท่าไรนัก ตึกขนาดเล็กด้านหลังสนามหญ้ายิ่งดูเล็กลงเมื่อถูกความมืดปกคลุม สนามเด็กเล่นที่อยู่ฝั่งขวาของตึกก็ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
ซึลกิหยิบกล้องส่องทางไกลจากเป้มาส่องไปยังบริเวณหน้าต่างห้องที่อยู่ชั้นบนของบ้านหลังใหญ่ ยังคงมีแสงไฟเปิดอยู่ภายในห้องนอนฝั่งขวาของตัวบ้าน ซึงวานมองเห็นเงาของคนเดินผ่านหน้าต่างแวบเดียวแต่มันก็ไกลเกินไปที่จะบอกได้ว่าเป็นใคร ซึลกิบอกว่านั่นคือแทยง และตราบใดที่เขายังไม่หลับพวกเธอก็จะยังทำอะไรไม่ได้
ตอนนั้นพวกเธอเลยได้แต่รอในความมืด ซึงวานต้องอดทนไม่ให้หัวใจเต้นดังจนถูกจับได้เมื่อต้องอยู่ใกล้ซึลกิที่ขยับมาชิดจนแขนของหล่อนสัมผัสกับแขนของเธอ
“แล้วแกไม่ชอบเขาแล้วเหรอวะ?” ซึงวานพูดทำลายความเงียบที่จะทำให้ความหวั่นไหวของเธอชัดเจนขึ้น
“แทยงน่ะเหรอ...” ซึลกิสูดหายใจลึกก่อนจะผ่อนออกมายาวๆ
“...”
“ไม่รู้ดิ ฉันจำได้นะว่าความรู้สึกตอนชอบเขามากๆมันเป็นยังไง แต่เขาก็ทำฉันแสบมากเหมือนกัน ถ้าจะให้กลับไปรู้สึกแบบเดิมฉันก็คงเป็นคนโง่มาก”
“ก็บอกแล้วไงว่าคนเราเวลาชอบใครก็โง่ทั้งนั้น”
“เคสนี้ฉันขอฉลาดดีกว่าว่ะ” ซึลกิหันมาสบตากับซึงวาน รอยยิ้มมุมปากที่ดูโล่งอกนั้นช่วยยืนยันว่าซึลกิเข้มแข็งขึ้นแล้วจริงๆ ตอนนี้ก็คงมีแต่เธอที่โง่ โง่ที่ยิ่งได้อยู่ด้วยกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งชอบซึลกิมากขึ้นเท่านั้น
“แล้วอีกอย่าง...ฉันมีกำลังใจดีด้วยแหละ ถ้าไม่มีแกกับแม่อยู่ด้วยฉันก็คงแย่กว่านี้”
แววตาขอบคุณของซึลกินั่นมันมากเกินไป มันทำให้ซึงวานแทบจะเป็นลมเลยล่ะ ก่อนที่ซึงวานจะห้ามตัวเองไม่ให้คิดอกุศลกับซึลกิไม่ได้อีกต่อไป มนุษย์หมีก็สังเกตเห็นว่าไฟในห้องของแทยงดับไปได้สักพักแล้ว
และแผนการแก้แค้นของพวกเธอก็เริ่มต้น...
ซึลกิคงศึกษาสถานที่มาดีแล้วจริงๆ สังเกตได้จากความคล่องตัวขณะที่เจ้าตัวปีนต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านไปใกล้กับหน้าต่างห้องนอนของแทยงและบอกให้เธอตามมาทุกการเคลื่อนไหว หน้าที่ของซึงวานคือการระวังหลังไม่ให้พวกเธอถูกจับได้ หน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้ทำให้พวกเธอปีนเข้าไปได้ง่ายๆ จากแสงของพระจันทร์และไฟถนนด้านหน้าบ้าน ซึงวานมองเห็นร่างของแทยงนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่บนเตียง ห้องของเขาค่อนข้างรกซึ่งคงเป็นเรื่องปกติของเด็กผู้ชายทั่วไป และมันยังช่วยให้สามารถซ่อนระเบิดตดไว้ให้หาเจอยากยิ่งขึ้นด้วย
ซึลกิกระซิบขอให้เธอเป็นคนซ่อนระเบิดตดให้ในขณะที่เจ้าตัวง่วนอยู่กับการคลี่กระดาษแผ่นใหญ่ออกมาแปะบนผนังฝั่งตรงข้ามกับหัวนอนของแทยง บนกระดาษนั้นมีตัวหนังสือสีแดงตัวใหญ่ที่ดูหลอนๆเขียนว่า’คัง ซึลกิ ให้อภัยเธอแล้ว’ หลังจากนั้นซึลกิก็เริ่มวางกระบอกระเบิดควันไว้ตรงกลางห้อง ซึลกิให้ซึงวานเจาะระเบิดตดก่อนเพราะมันใช้เวลานานกว่า หลังจากนั้นไม่นานหล่อนก็จุดชนวนระเบิดควันก่อนที่เธอทั้งสองคนจะรีบออกมาทางหน้าต่างบานเดิมแต่คราวนี้ปิดมันไว้ให้ทุกอย่างอบอวลอยู่ภายในห้องของแทยง
ซึงวานไม่อยากเชื่อเลยว่าพวกเธอเพิ่งจะทำอย่างนั้น
เมื่อพวกเธอลงมาถึงพื้นเสียงฟู่จากระเบิดควันก็ดังขึ้น ซึลกิกลั้นหัวเราะก่อนจะลากเธอให้วิ่งหนีไปหลบอยู่ตรงกำแพงของโรงเรียนอีกครั้ง พอถึงตรงนั้นหล่อนก็ระเบิดหัวเราะออกมาพร้อมกับซึงวาน
“นี่มัน...โคตรบ้า” ซึงวานพูดทั้งที่ยังหอบจากการวิ่งและการหัวเราะอยู่
“แกเป็นมือวางระเบิดที่ดีได้เลยนะซนซึง”
“ฉันว่าฉันค้นพบตัวเองแล้วว่ะ” และพวกเธอก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
ซึงวานมองควันหลากสีที่คลุ้งอยู่ในห้องของแทยง ได้ยินเสียงไอของเขาก่อนที่หน้าต่างบานที่ถูกปิดไว้จะถูกเปิดเผยให้เห็นหัวของแทยงที่โผล่ออกมาทำท่าเหมือนจะอ้วกปนสำลัก เขาดูน่าสงสารแต่ก็น่าตลกด้วย หลังจากสติสตังเริ่มกลับมาเขาก็พยายามมองหาคนก่อเหตุแต่พวกเธอไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว
ซึลกิพาซึงวานปีนรั้วโรงเรียนเข้าไปข้างใน เธอเคยคิดว่ากำแพงนี้สูงมากตอนประถมแต่ในคืนนี้มันกลับไม่สูงอย่างที่คิด ตรงหน้าประตูโรงเรียนมียามแก่ๆหนึ่งคนเฝ้าอยู่และเขาก็ดูจะไม่สนใจโลกเท่าไหร่ พวกเธอย่องตัดสนามหญ้าไปยังสนามเด็กเล่น สำรวจไปทั่วโรงเรียนและเลยออกไปทางกำแพงด้านหลัง
ซึงวานไม่รู้ว่ามือของเธอจับอยู่กับมือของซึลกิไม่ปล่อยตั้งแต่เมื่อไหร่ อาจจะเป็นตอนที่พวกเธอปีนลงจากกำแพงหลังโรงเรียนและยังเดินต่อไปจนถึงตลาดกลางคืนที่อยู่แถวนั้น อากาศในเวลาเกือบตีหนึ่งอบอ้าวขึ้นเหมือนฝนจะตกในไม่ช้าแต่พวกเธอไม่คิดจะกลับบ้านในตอนนี้เพราะรถไฟใต้ดินหมดทุกเที่ยวแล้ว แถมซึลกิยังติดค้างนัดเที่ยวที่ชวนเธอไว้ก่อนหน้านี้อีกด้วย
ซึลกิเลี้ยงไอศกรีมรถเข็นภายในตลาดกลางคืนแทนคำขอบคุณที่ซึงวานมาช่วยและพวกเธอก็จัดการเครื่องดื่มเกลือแร่กันไปคนละขวดเมื่อเริ่มรู้สึกตัวว่าเสียพลังงานไปมากขนาดไหน พวกเธอเดินผ่านสวนสาธารณะที่ปิดทำการแล้ว ผ่านตึกสูงๆและบ้านเรือนหลายหลังอย่างไม่คิดจะหยุด เช่นเดียวกับบทสนทนาถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นที่จะกลายเป็นเรื่องตลกให้คุยกันไปได้อีกหลายวัน
ซึลกิหยุดเดินเมื่อพวกเธอมาถึงลานกว้างๆที่ดูเหมือนเอาไว้จัดนิทรรศการกลางแจ้งและเอาไว้ให้พวกวัยรุ่นซ้อมสเก็ตบอร์ดเมื่อไม่มีการจัดนิทรรศการ ข้างแท่นที่เป็นเนินคล้ายกับสไลเดอร์ที่เอาไว้ใช้ซ้อมสเก็ตบอร์ดมีจักรยานถูกพิงเอาไว้อย่างโดดเดี่ยว ซึลกิเดินนำไปเพื่อขี่จักรยานคันนั้นและพยักหน้าเป็นเชิงว่าให้ซึงวานซ้อนท้าย เธอยิ้มขำแต่ก็ยอมเดินไปซ้อนท้ายอีกคนอยู่ดี
“จักรยานใครเนี่ย?”
ซึงวานส่งเสียงสู้กับลมที่พัดมาปะทะใบหน้าขณะที่ยืนอยู่บนที่วางเท้าบนล้อหลังของจักรยานโดยมีซึลกิเป็นผู้ปั่นฉวัดเฉวียนขึ้นลงบนเนินสเก็ตบอร์ดและตัดลานกว้างออกไปในซอยย่านที่อยู่อาศัยที่เงียบเชียบเพราะคนส่วนใหญ่เข้านอนกันไปแล้ว
“ฉันก็ไม่รู้”
ซึลกิตอบเสียงดังก่อนที่พวกเธอจะหัวเราะออกมาพร้อมกัน ซึงวานเปิดซิปกระเป๋าเป้บนหลังของซึลกิและหยิบไฟฉายออกมาส่องผ่านไหล่ทอดไปยังทางด้านหน้าที่เริ่มมืดขึ้น ตอนนี้ซึลกิได้ทำให้คืนนี้กลายเป็นการเดทอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว(ถ้าไม่นับการไปวางระเบิดบ้านแทยง) พวกเธอเดินไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดหมาย หาอะไรกินกัน และพวกเธอได้ปั่นจักรยานของใครไม่รู้ที่มาจอดทิ้งไว้
ซึงวานไม่รู้ตัวเลยว่ามีความสุขมากขนาดไหนจนถึงตอนนี้...
ค่ำคืนของพวกเธอจบลงด้วยการที่ทั้งซึงวานและซึลกินอนหมดสภาพอยู่กลางสนามบอลสาธารณะใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดินในเวลาตีสามนิดๆเพื่อรอรถไฟเที่ยวแรกเวลาตีห้าครึ่ง หลังจากเดินไปนู่นมานี่ ขี่จักรยานรับลมและกลับมาเล่นวิ่งไล่จับกันอย่างบ้าคลั่งภายในสนามกว้างๆนี้พวกเธอก็กลายเป็นของเล่นถ่านหมดสองตัวที่นอนอยู่ข้างกัน พยายามปรับลมหายใจที่หอบเร็วให้กลับมาเป็นปกติ
“วันนี้แกสนุกปะวะ ซึงวาน?”
อยู่ๆซึลกิก็ถามขึ้นขณะที่ซึงวานกำลังนับดาวบนท้องฟ้าและกำลังจะเคลิ้มหลับ หล่อนยันตัวขึ้นนั่งและมองมาที่เธอ
“สนุกดิ ไม่นับตอนกลางวันที่แกหายหัวไปแบบไม่บอกน่ะนะ” ซึลกิหัวเราะ ซึงวานลุกขึ้นนั่งตามและลอบยิ้ม
ถ้าการแอบชอบเพื่อนตัวเองเหมือนการกระโดดข้ามหน้าผา ตอนนี้ซึงวานคงพาตัวเองมาถึงขอบผาเสียแล้ว
จากที่เธอเคยคิดว่าจะพยายามทำใจจากซึลกิมาตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตอนนี้สมองกลับต่อต้านคำสั่งนั้นและทำตรงข้ามแทน ยิ่งได้รู้ว่าซึลกิไม่ได้ชอบแทยงเหมือนเดิมแล้วมันก็ยิ่งได้ใจ
แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ทำไม่ได้หรอก พอเห็นหน้าคนที่ใช้คำว่าเพื่อนสนิทมาตลอดซึงวานก็ไม่อยากทำลายมันเพราะความรู้สึกของเธอคนเดียว ถึงหล่อนจะไม่ได้ชอบใคร แต่โอกาสที่ซึลกิจะชอบเธอก็ยังติดลบอยู่ดี
“แล้วแก...ถามทำไม?”
พยายามทำให้น้ำเสียงดูเป็นปกติ เธอพยายามที่จะไม่ปล่อยให้ความคิดเกินเลยกลับเข้ามาในหัวอีก
“ฉันแค่อยากแน่ใจว่าฉันไม่ได้สนุกอยู่คนเดียว”
“...”
“ฉันอยากให้แกมีความสุขเวลาอยู่กับฉัน เพราะฉันมีความสุขมากเวลาอยู่กับแก”
แล้วซึลกิก็ทำให้มันยากอีกครั้ง หล่อนหันกลับมาสบตากับซึงวานและยิ้มเขินเหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรเลี่ยนๆออกมา นาทีนั้นซึงวานไม่อยากให้เวลาผ่านไปมากพอๆกับที่ไม่อยากให้ซึลกิยิ้มแบบนี้ให้ใครคนอื่นนอกจากเธอ เธออยากมีซึลกิไว้เพียงคนเดียว และเธอแน่ใจแล้วว่าเธอไม่มีทางเลิกชอบซึลกิได้
ช่างหัวหน้าผามันปะไร...
ซึงวานขยับเข้าไปใกล้ซึลกิที่ยังไม่ละสายตาไปจากเธอ รอยยิ้มกว้างนั้นเริ่มคลายลงเมื่อใบหน้าของซึงวานยิ่งขยับเข้าไปใกล้ เธอเอื้อมมือไปทัดผมที่ปรกแก้มของซึลกิไว้หลังใบหูและเลื่อนฝ่ามือไปตามแก้ม ค้างไว้ใกล้กับสันกราม เธอรู้สึกถึงลมหายใจหอบถี่ของตัวเองผสมกับของซึลกิเมื่อริมฝีปากของเธอแตะลงไปบนริมฝีปากบางของอีกคน
ครั้งนี้ไม่ใช่การแกล้งกันและซึลกิก็ไม่ได้หลับอยู่ หล่อนชะงักเล็กน้อยแต่กลับยังอยู่นิ่งยอมรับสัมผัสของซึงวาน ไม่มีอะไรมากไปกว่าริมฝีปากที่แตะกัน รสหวานที่ปลายลิ้นและความร้อนที่เห่อขึ้นมาบนใบหน้าของซึงวาน เธอจำได้ที่เคยพูดว่าจูบของซึลกิคงไม่แย่ ตอนนี้เธอรู้แล้วว่ามันเป็นความจริง จูบของซึลกิไม่ได้แย่
อันที่จริงมันยอดเยี่ยมเสียจนเธอจินตนาการไม่ออกเลยต่างหาก
TBC.
เกินครึ่งทางแล้วค่ะ คาดว่าอีกสองสามตอนน่าจะจบ อ่านแล้วงงๆหรืออยากสกรีมอะไรก็บอกกันได้นะคะ เราอ่านทุกเมนต์ จุ้บ >3<
ความคิดเห็น