คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : นักเรียนทุน
๗
นักเรียนทุน
เดือนเมษายน พ.ศ. ๒๕๔๙
แพร์เปิดสมุดบันทึกปกหนังสีครีมริมฝีปากแย้มละไมเธอพลิกกระดาษเบามือจากหน้าแรกไล่สายตาอ่านผ่านไป จนถึงกระดาษหน้าที่มีแผ่นคั่นกระดาษสีชมพูสอดไว้ จรดปากกาลงเขียน...
ผู้ได้รับทุนซายน์ไลฟ์ พริบดาว บุณยะภัค ไชโย!
ในที่สุดทุนในฝันของปีนี้ก็ตกเป็นของเธอ แพร์ยิ้มกว้างหัวใจเต็มตื้นด้วยความสุขสมหวัง ปิดสมุดบันทึกแสนรัก ซึ่งใช้บันทึกผลการเรียนและรางวัลที่ได้รับในแต่ละปี ตั้งแต่ชั้นประถมหนึ่งจนถึงเวลานี้ ... เธอเรียนจบปริญญาตรี
ทุนซายน์ไลฟ์ เป็นทุนการศึกษาขั้นปริญญาโทและปริญญาเอกของบริษัทเอส.เอ. ยูเนียนกรุ๊ป บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารยักษ์ใหญ่ของโลก มีบริษัทแม่อยู่ในประเทศแคนาดาและสาขาอีกสิบสองประเทศทั่วโลก ทุนนี้มอบให้กับนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ผู้จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้วยคะแนนเฉลี่ย ๓.๙o ขึ้นไป ถ้านักศึกษามีสิทธิขอรับทุนมากกว่าหนึ่งคน คณะกรรมการจากบริษัทเอส.เอ.ยูเนียนกรุ๊ปจะเป็นผู้คัดเลือกโดยการสัมภาษณ์ ... มันคือความใฝ่ฝันของนักศึกษาเรียนดีทุกคนในคณะ เพราะเป็นทุนให้ฟรีครอบคลุมค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่จำกัดมหา วิทยาลัย ปีนี้มีผู้มีสิทธิ์รับทุนสามคน แพร์ เชอรี่ เทียน ... และเธอคือผู้ได้รับการคัดเลือก
บ่ายวันนี้ แสงแดดอ่อนทั่วผืนฟ้า กลิ่นหอมของดอกไม้คละกลิ่นหอมของดินและหญ้าตัดใหม่อวลอยู่ในอากาศ แพร์นั่งทอดอารมณ์บนเก้าอี้ไม้ใต้ต้นปีบ ดูโตนกับตาลสุนัขวัยสามเดือนสองพี่น้องวิ่งไล่กันบนสนามหญ้า
สี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยผ่านไปแล้ว เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ... เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ทุกอย่าง แพร์ระบายลมหายใจช้า ๆ... แต่อย่าคิดนะว่าเธอได้มันมาง่าย ๆ กว่าจะถึงวันนี้เธอผ่านประสบการณ์ทั้งความสุข ความสนุก ความเศร้า ความท้อแท้และความกลัว...
หกโมงสิบห้านาที... หน้าห้องปฏิบัติการของภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยา ศาสตร์ มหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งยังเงียบ แสงไฟจากเพดานทางเดินปิดตั้งแต่หกโมงเช้า บรรยากาศยังสลัวอึมครึม นักศึกษาสาวรูปร่างบอบบางยืนเหลียวซ้ายแลขวา ... ทำไมยังไม่มานะ เธอเดินช้าๆไปยังบันไดที่เพิ่งเดินขึ้นมา มองลงไปแล้วเดินกลับมาหน้าห้องปฏิบัติการอีกครั้ง เอื้อมมือหมุนลูกบิดประตูเบาๆลองผลัก... ประตูยังปิดล็อก
"แพร์"
เธอสะดุ้งโหยง หันขวับไปทางต้นเสียง นักศึกษาชายร่างท้วมผิวขาวยืนหมุนนิ้วชี้ควงพวงกุญแจในมือ
"ทำไมเพิ่งมาน่ะหมอน เดี๋ยวก็มีคนเห็นหรอก" เธอถามเสียงกระซิบ ถึงแม้บริเวณนี้จะมีเพียงเธอกับหมอนเพื่อนสนิท
ที่ต้องมายืนลับๆล่อๆอยู่ตรงนี้เพราะเมื่อเย็นวาน ก่อนออกจากคณะ หมอนแจ้งข่าวร้าย
'แพร์ ฉันได้ยินพี่ผู้ช่วยอาจารย์บอกว่าเตรียมของสำหรับใช้เรียนพรุ่งนี้เสร็จแล้ว เป็นปลาหางนกยูงสิบสองตัวกับปลาทองสิบสองตัว เธอไหวไหมล่ะ'
จำได้ว่าตัวเองตกใจแทบสิ้นสติ ทวนคำบอกเล่าของเพื่อนเสียงสั่น
'อะไรนะ!ไหนว่าจะใช้แต่ปลาหางนกยูงไม่ใช่หรือ'
'ไม่ แล้วพี่เขาบอกว่าจัดกลุ่มตามแถวนะ แถวแรกให้ใช้ปลาทอง แถวที่สองใช้ปลาหางนกยูงว่ะ เอาไงล่ะแพร์ โต๊ะของกลุ่มพวกเราอยู่แถวแรกซะด้วย'
แพร์ฟังแล้วใจเสีย น้ำตาเอ่อขึ้นมาทันที หมอนมองหน้าเธอ... คงนึกสงสาร
'อย่าเพิ่งร้องไห้ ฉันขอคิดก่อน' ผ่านไปสองสามนาที หมอนก้มลงกระซิบข้างหูเธอ... แพร์พยักหน้า ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย
ปัญหามันอยู่ตรงนี้แหละ แพร์กลัวปลาทอง... กลัวจับจิตตั้งแต่ยังเด็ก
หมอนไขกุญแจเข้าห้องปฏิบัติการ ไม่กี่อึดใจเขาเดินยิ้มร่าออกมาหาเธอ ผู้ยืนใจแป้วรออยู่หน้าห้อง
นี่เป็นปฏิบัติการสุดท้ายของวิชาสัตววิทยาในเทอมนี้ การทดลองแรกศึกษาอัตราการหายใจของปลาที่อุณหภูมิต่างๆระหว่างสิบองศาเซลเซียสถึงสามสิบห้าองศาเซลเซียส ดูว่าปลามีปฏิกิริยาอย่างไร การทดลองที่สองศึกษาทิศทางการไหลเวียนเลือดของปลา
แปดโมงครึ่งนักศึกษาทุกคนเข้าห้องปฏิบัติการ หมอนเดินนำอาดๆไปยังโต๊ะ
"อ้าว เฮ้ย" เขาสะดุ้งตกใจเมื่อมองแผ่นกระดาษที่เขียนว่า ... ปลาทอง ซึ่งเขาบอกเธอว่าจัดการย้ายไปไว้แถวสองเมื่อเช้าตรู่ บัดนี้ถูกย้ายกลับมาวางบนโต๊ะดังเดิม หมอนหันมองเธอ "แพร์ไม่ต้องกลัวนะ ดูอย่างเดียวแล้วรีบวาดรูป" หมอน นักศึกษาหนุ่มเพื่อนสนิทเอื้อมมือตบบ่าเธอ นัยน์ตาเรียวเล็กสีดำจ้องมาเหมือนให้กำลังใจ
"เออน่า กัดฟันนะแพร์ แป๊บเดียวเอง" กระแต เพื่อนสนิทอีกคนพูดเสียงขึงขัง
แพร์รู้ว่าเพื่อนทั้งสองหวังให้เธอเข้มแข็งฮึดสู้ หารู้ไม่ว่ามันไม่ได้ผล... แพร์ยิ่งกลัวมากขึ้นไปอีก เธอนั่งก้มหน้าลงกับโต๊ะเหมือนนักโทษรอการประหารชีวิต ใจสั่นพั่บๆระคนหวาดผวา เหลือบมองไปทางเคาน์เตอร์ริมหน้าต่าง มีกาละมังสีขาวใส่ปลาทองแหวกว่ายในนั้น พอถึงเวลาอาจารย์ให้เริ่มปฏิบัติการได้ หมอนลุกขึ้นคว้าโถแก้วสองใบบนโต๊ะ
"ฉันไปเอาปลาก่อนนะ"
เธอรู้ขั้นตอนนี้ดี
หมอนจะต้องรินน้ำจากกาละมังใส่โถแก้ว ใช้กระชอนช้อนปลาทองที่เล็งแล้วว่าอ้วนท้วนแข็งแรงดีมาสองตัวใส่โถละตัว ต้องเลือกปลาแข็งแรงเพราะมันจะถูกนำไปใส่จานแก้วโปะด้วยสำลีชุ่มน้ำคลุมส่วนหัว เพื่อให้ปลายังหายใจได้เหมือนอยู่ในน้ำ วางบนแท่นของกล้องจุลทรรศน์ ให้นักศึกษาได้เรียนรู้การไหลเวียนของเลือดจากตัวมัน เพราะฉะนั้นถ้าปลาไม่แข็งแรงจะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตก่อนการทดลองจะเสร็จสิ้น นักศึกษาต้องทำการทดลองอย่างว่องไวรีบดูส่วนหางของปลาบนกล้องจุลทรรศน์ แล้ววาดรูปทิศทางการไหลเวียนเลือดทันที เพื่อรักษาชีวิตของปลาที่จำต้องมาเป็นอาจารย์ให้พวกนักศึกษา โดยตัวของมันคงไม่ได้เต็มใจแม้แต่น้อย
แพร์แข็งใจขับไล่ความหวาดหวั่น ก้มลงดูปลาทองสีส้มจัดจ้าสยายหาง นอนขยับเหงือกพะงาบๆอยู่บนแท่นของกล้องจุลทรรศน์แล้วรีบจดบันทึก วาดรูปทิศทางการไหลเวียนของเลือดบริเวณหางของมันจนเสร็จ เธอแทบขาดใจตายกว่าจะผ่านพ้นการทดลองนั้นไปได้
นักศึกษาหญิงน้องใหม่ของคณะที่สวยและเด่นมีอยู่สองคน... แพร์กับเชอรี่
เธอกับเชอรี่อยู่คนละกลุ่ม ต่างก็มาจากคนละโรงเรียน เธอมาจากโรงเรียนประจำหญิงล้วนเก่าแก่ เชอรี่มาจากโรงเรียนเอกชนชื่อดังที่มีแต่ลูกเศรษฐีเท่านั้นเข้าเรียนได้ เธอมาจากครอบครัวข้าราชการ ส่วนครอบครัวของเชอรี่เป็นนักธุรกิจระดับพันล้าน ทั้งสองคนเรียนเก่งทัดเทียมกัน ว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะทั้งคู่ ที่กล่าวมาทั้งหมดน่าจะเพียงพอสำหรับเหตุผลของ ... เพื่อนเกลียด แต่มันไม่ใช่
กลุ่มของแพร์ซึ่งสนิทกันตั้งแต่ต้นเทอมแรก มีหมอน กระแต ป๋องและจิ๊บ หลังจากงานรับน้องผ่านไปไม่นานมีรุ่นพี่ปีสี่คนหนึ่ง...นัท เขามักเข้ามานั่งคุยกับกลุ่มของเธอ บางครั้งช่วยติววิชาที่พวกน้องติดขัด เวลานี้นัทกับพวกแพร์สนิทสนมกันมาก เจอกันเกือบทุกวัน นัทสูงร้อยแปดสิบสองเซนติเมตร ผิวขาวสะอาด นัยน์ตาคม จมูกโด่ง พูดจาสุภาพเป็นที่ชื่นชมของน้องๆและเพื่อนในคณะ โดยเฉพาะน้องสาวและ ... เชอรี่ก็เป็นหนึ่งในนั้น
วันหนึ่งหลังเลิกเรียน เชอรี่ยืนดักรอแพร์
"เธอคิดอะไรกับพี่นัทหรือเปล่า" คนเรียนภาควิชาเดียวกันถาม
"หมายความว่ายังไง คิดอะไร" แพร์งงกับคำถามของอีกฝ่าย
"แหม ใสซื่อจริงนะ" เสียงของเชอรี่สูงปรี๊ด สายตามองเธออย่างเย้ยหยัน
แพร์จ้องสาวตรงหน้าอย่างคาดไม่ถึงที่จู่จู่ต้องมาโดนเจ้าหล่อนพูดจาถากถางเรื่องผู้ชาย
"ฉันจะเตือนเธอนะ อย่ามายุ่งกับพี่นัท รู้ไว้ซะด้วยคุณพ่อของพี่นัทกับปาป๊า มาม้าสนิทกันมาก เราสองครอบครัวตกลงกันมานานแล้ว พี่สาวของฉันจะแต่งงานกับพี่ชายของพี่นัท ส่วนฉันกับพี่นัทเรียนจบโทเมื่อไร เราจะแต่งงานกัน" เชอรี่พูดเน้นเสียง ดวงตาเรียวสีดำขลับฉายแววโกรธเกรี้ยว ทำท่าทางเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอย่างไม่ปิดบัง
"จำไว้แพร์ พี่นัทน่ะผู้ชายของฉัน" เชอรี่ย้ำ ยกมือขึ้นเท้าสะเอวด้วยมาดของนางพญาผึ้งที่พร้อมจะโรมรันฝ่ายศัตรู
แพร์อ้าปากค้าง รู้สึกโกรธจนเสียงสั่น... "จะบ้าเหรอเชอรี่ ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่นัท"
เชอรี่ยิ้มเยาะสายตาที่จ้องตอบบอกว่าไม่เชื่อคำพูดของเธอแม้แต่น้อย "ระวังตัวไว้ก็แล้วกัน" เชอรี่พูดเสียงต่ำ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปขึ้นรถเบนซ์เอสคลาสสีดำ ซึ่งคนขับรถเปิดประตูรอ ปล่อยให้เธอยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
ตั้งแต่นั้นแพร์ระวังตัวมากขึ้นเมื่อเจอนัท เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับเชอรี่ หลังปิดเทอมต้นนัทสารภาพรักกับแพร์ เธอตกใจและปฏิเสธเขา จนกระทั่งรุ่นพี่คนนี้ดร็อปเรียนไปเป็นปีแล้ว แพร์ยังคงอยู่ในสถานะ 'เพื่อนเกลียดของเชอรี่' ไม่เปลี่ยน
พออยู่ปีสาม วิชาไม้ดอกไม้ประดับ วิชานี้เป็นวิชาบังคับซึ่งนักศึกษาวิชาเอกพฤกษศาสตร์ จะต้องลงเรียน นักศึกษามีทั้งหมดสิบห้าคนรวมแพร์และเชอรี่ด้วย อาจารย์ให้นักศึกษาฝึกการขยายพันธุ์ไม้ดอก ซึ่งก็คือฝึกการปลูกพืชจากเมล็ดให้เติบโตเป็นต้นไม้จนถึงออกดอก อาจารย์มอบหมายให้ผู้ช่วยสอน ซึ่งมักเป็นพี่ซึ่งกำลังเรียนปริญญาโทหรือปริญญาเอก เป็นผู้ไปซื้อเมล็ดพันธุ์ไม้ดอกมาสิบห้าชนิด จากนั้นให้นักศึกษาทุกคนจับฉลากว่าใครจะได้ปลูกต้นอะไร แพร์ได้เมล็ดดาวเรือง หมอนได้เมล็ดดาวกระจาย เชอรี่ได้เมล็ดพิทูเนีย นักศึกษารับเมล็ดพันธุ์แล้วเริ่มลงมือเพาะ โดยนำเมล็ดพันธุ์แช่น้ำไว้หนึ่งคืน จากนั้นเพาะกับดินร่วนซุยลงในถาดหลุม ถาดหลุมของแต่ละคนมียี่สิบหลุมนั่นคือเพาะคนละยี่สิบต้น
"ระยะเวลาของปฏิบัติการนี้สามเดือนนะนักศึกษา ดูแลต้นไม้ของตัวเองให้ดี ถ้าติดดอกตามเวลาที่อาจารย์กำหนดถือว่าจบปฏิบัติการ" ดอกเตอร์วินีย์ อาจารย์สาววัยสี่สิบ อดีตนักปิงปองทีมชาติกล่าวยิ้มๆ
"อาจารย์ครับครบสามเดือนแล้ว ถ้าเกิดดอกยังไม่ออกล่ะครับ" หมอนถามเสียงดังแทนเพื่อนทุกคน
"ก็ถือว่างานไม่สมบูรณ์ หักคะแนนตามความเป็นจริง"
พันธุ์ไม้ดอกทั้งสิบห้าชนิด มีระยะการติดดอกอยู่ในช่วงสามเดือนเหมือนกัน ถ้านักศึกษาดูแลตามขั้นตอนที่เรียน ทุกอย่างก็ไม่มีปัญหา วิชานี้จะปิดคลาสด้วยต้นไม้ติดดอกแล้วทั้งสิบห้าชนิด และไม่มีเหตุผลที่อาจารย์วินีย์จะหักคะแนนใครได้
เนื่องจากนักศึกษาต้องเรียนวิชาอื่นด้วย แพร์ หมอนและเพื่อนพ้องจึงผลัดกันมารดน้ำตอนเช้าทุกวัน ในเรือนปลูกพืชทดลองหรือที่เรียกกันว่าเรือนกระจก เรือนปลูกพืชนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่ อาจารย์ให้นักศึกษาทั้งสิบห้าคน แบ่งบริเวณเพาะเมล็ดพืชของตนเรียงกันไปเป็นระยะ ถาดหลุมเพาะเมล็ดดาวเรืองของแพร์อยู่ใกล้กับถาดพิทูเนียของเชอรี่ แพร์คอยเฝ้าดูการเพาะของตนด้วยความเอาใจใส่ ห้าวันต่อมายอดของต้นอ่อนดาวเรืองโผล่พ้นดินให้เห็น เธอตื่นเต้นดีใจ ต้นไม้ของเพื่อนๆทยอยแทงยอดอ่อนขึ้นมา
ระหว่างนั้นนักศึกษาทุกคนเดินเข้าเดินออกในเรือนกระจกไม่ว่างเว้น อาจารย์เองก็เข้าไปดูผลงานลูกศิษย์เป็นประจำ การรดน้ำระยะนี้ต้องบิดหัวฉีดน้ำเป็นฝอยละเอียดเหมือนละอองหมอกเพราะต้นอ่อนยังไม่แข็งแรง ผ่านไปสองสัปดาห์ต้นดาวเรืองของแพร์สูงราวสองนิ้ว ใกล้เวลาจะย้ายลงกระถางแล้ว
วันรุ่งขึ้นแพร์มีเรียนวิชานี้แปดโมงครึ่ง เธอไปถึงคณะตั้งแต่เจ็ดโมงเช้ารีบเดินเข้าไปดูต้นกล้าดาวเรืองซึ่งแทงยอดเติบโตถึงสิบแปดต้น แพร์ตกตะลึงแทบช็อก ต้นดาวเรืองเมื่อวานยังตั้งตรงดีอยู่กลับเอนล้มเป็นแพ... ไม่รอดแม้แต่ต้นเดียว
"อ้าว เฮ้ย แพร์ ทำไมต้นดาวเรืองล้มล่ะ" หมอนมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง
"ไม่รู้ เมื่อวานเย็นยังดีๆอยู่เลย" แพร์ตอบ ใจเสียแทบทรุด นึกหวั่นถึงผลที่จะตามมา ทุกคนรู้ว่าระยะนี้ของการปลูกเป็นระยะอ่อนไหวที่สุด ต้องประคบประหงมให้ดี ถ้าต้นอ่อนเอนล้มมันหมายถึงโอกาสที่จะเติบโตเป็นต้นสมบูรณ์แทบไม่มีเลย แล้วเธอจะทำอย่างไรดี แพร์เครียดและวิตก
"เอนขนาดนี้ต้องโดนพ่นน้ำแรงๆใส่ ใครทำวะ" เสียงของกระแตดังลั่น กวาดตามองเพื่อนนักศึกษาทุกคนในเรือนกระจก
"ใครแกล้งแพร์วะ ทำอย่างนี้ได้ไง" เธอได้ยินเพื่อนพูดโต้ตอบกัน ยืนทรงกายเกือบไม่อยู่ เธอเห็นเชอรี่ ยิ้มน้อยๆ หมอนถามซ้ำ "เธอรึเปล่า เชอรี่"
"อย่าพูดหมาๆนะหมอน" เชอรี่สวนกลับเสียงมะนาวไม่มีน้ำ แล้วยักไหล่เดินออกจากเรือนกระจก
ต้นชั่วโมงเรียน แพร์รายงานเรื่องนี้กับอาจารย์ เธอขอเลื่อนเวลาส่งงานออกไปอีกสองสัปดาห์ เพราะต้องเพาะเมล็ดดาวเรืองขึ้นมาใหม่ อาจารย์วินีย์ไม่อนุญาตเนื่องจากต้องปิดคลาสเรียนตามเวลามหาวิทยาลัยกำหนด และแพร์จะต้องส่งงานตามเวลาพร้อมเพื่อน ต้นดาวเรืองของเธอไม่มีวันติดดอกทันส่งอาจารย์แน่ นั่นหมายถึงแพร์ส่งงานไม่สมบูรณ์ซึ่งเป็นสิ่งที่เธอยอมไม่ได้
"เอาอย่างนี้นะแพร์ ตัดสินใจดูจะทำรายงานส่งหรือจะปลูกใหม่ ท้ายชั่วโมงค่อยตอบอาจารย์" อาจารย์วินีย์กล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แล้วลุกขึ้นเดินไปที่โพเดียมเพื่อเริ่มบรรยาย...
บรรยากาศในห้องปฏิบัติการเงียบลงทันทีเมื่อแพร์ตอบอาจารย์ว่า เธอเลือกปลูกต้นไม้ขึ้นมาใหม่แทนการทำรายงานส่ง
" รีบทำนะแพร์ เวลามีน้อย" อาจารย์พูดจบถือกระเป๋าเดินออกไปจากห้อง
เชอรี่ชะโงกหน้ามาที่โต๊ะของเธอ "เอาอย่างนั้นหรือแพร์ ฉันว่าทำรายงานส่งง่ายกว่านะ"
หมอนพูดเสียงแข็ง "ฉันรู้นะว่าเป็นเธอ"
เชอรี่ตวัดสายตาค้อนขวับ เบ้ปาก "มีหลักฐานไหมล่ะ"
งานของแพร์ยากขึ้นเป็นเท่าตัว ... เพราะเวลาหายไปสองสัปดาห์ เธอตัดสินใจเพาะเมล็ดบานชื่นแทนดาวเรือง เนื่องจากบานชื่นมีระยะเวลาเติบโตสั้นกว่าดาวเรืองราวสองสัปดาห์และพืชทั้งสองชนิดอยู่ในวงศ์เดียวกัน แพร์ชวนพี่ชายไปซื้อเมล็ดพันธุ์แถวสวนจตุจักร เธอแบ่งเมล็ดเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเพาะในเรือนกระจกอีกส่วนเพาะที่บ้าน ขณะต้นไม้ของเพื่อนๆแยกปลูกลงกระถางพากันเจริญเติบโตลำต้นใหญ่แข็งแรง บานชื่นของแพร์เพิ่งแทงยอดอ่อนพ้นดินให้เห็น เธอไม่ย่อท้อ... จนกระทั่งได้แยกปลูกลงกระถาง
เวลาผ่านไปจนถึงชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนวิชานี้ อาจารย์วินีย์เดินเข้าไปตรวจต้นไม้ของลูกศิษย์ทุกคนในเรือนกระจก แล้วเข้าห้องปฏิบัติการเพื่อสรุปผลการเรียน ให้คะแนนและเตรียมปิดคลาสเรียนของวิชานี้ เชอรี่ยกมือถามอาจารย์
"อาจารย์คะทำไมแพร์ถึงได้คะแนนเต็มทั้งที่งานไม่สมบูรณ์ หนูว่ามันไม่ยุติธรรมกับพวกเรา ในเมื่อแพร์จับฉลากได้ดอกดาวเรือง งานที่ส่งก็ควรจะเป็นต้นดาวเรืองติดดอกสิคะ"
"เชอรี่ถามมาก็ดีแล้ว" เธอมองเชอรี่แล้วหันไปมองหน้าอาจารย์ อาจารย์วินีย์ยิ้มอ่อนโยนเจือความเมตตาให้เชอรี่ แล้วมองหน้าลูกศิษย์ทั่วห้อง...พูดเสียงเนิบเหมือนตอนบรรยาย
"เราคุยกันตั้งแต่เปิดชั้นเรียนว่า ทุกคนต้องส่งต้นไม้ติดดอกภายในวันสุดท้ายของการเรียนวิชานี้ ซึ่งดอกจะตูมหรือบานก็ได้ทั้งนั้นหรือจะเพิ่งโผล่ให้เห็นตาดอกนิดๆ อาจารย์ก็ถือว่าเป็นงานที่สมบูรณ์ เพราะต้นไม้แต่ละพันธุ์ระยะเวลาการติดดอกจนบานต่างกัน นั่นคือพวกเธอมีระยะเวลาการปลูกตั้งแต่เพาะเมล็ดจนถึงติดดอกประมาณสามเดือน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอาจารย์เข้าไปดูผลงานของพวกเธอทุกวัน เห็นความตั้งใจ ความเอาใจใส่ของทุกคนรวมทั้งแพร์ด้วย จนกระทั่งเกิดปัญหาขึ้นกับแพร์ อย่างที่พวกเธอรู้การปลูกพืชในเรือนกระจกนั้น ได้รับการควบคุมดูแลเหมือนกันทั้งอุณหภูมิ การปลอดจากแมลง สิ่งที่ต้นไม้ของแต่ละคนได้รับต่างกันคือการรดน้ำ ต้นอ่อนล้มมีเหตุเดียวคือรดน้ำแรง
อาจารย์จะไม่ถามว่าใครทำและทำเพื่ออะไร คนที่ทำอาจเป็นหนึ่งในพวกเธอหรือคนนอกก็ได้ แต่อาจารย์ดีใจนะเมื่อแพร์เลือกเพาะเมล็ดใหม่แทนการทำรายงานส่ง เพราะมันตรงกับวัตถุประสงค์ของวิชานี้คือการปลูกต้นไม้ให้เป็น ถ้าจะให้ครบวงจรชีวิตที่สุดของต้นไม้คือ... ปลูกจากเมล็ดจนถึงดอกบานแล้วเกิดเมล็ด แต่เวลาจำกัดอาจารย์จึงให้ทุกคนส่งต้นไม้ติดดอกเท่านั้น แพร์แก้ปัญหาได้ดีเลือกใช้เมล็ดบานชื่นแทน... ระยะการเติบโตจนติดดอกออกเมล็ดของมันเร็วกว่าดาวเรืองราวสองสัปดาห์ แพร์ส่งงานพร้อมเพื่อนตามกำหนด ... คือต้นบานชื่นที่มีดอกบานและมีกระเปาะเมล็ดด้วยซึ่งถือว่าเป็นงานสมบูรณ์ครบวงจรชีวิต แพร์ถึงได้คะแนนเต็ม ... พวกเธอมีใครคิดว่าอาจารย์ไม่ยุติธรรมบ้าง"
นักศึกษาทุกคนเงียบกริบ อันที่จริงเงียบมาตั้งแต่เชอรี่ยกมือถามอาจารย์วินีย์แล้ว สองนาทีต่อมา เสียงปรบมือดังก้องห้องปฏิบัติการ แพร์ก้มลงกราบอาจารย์ที่โต๊ะ อาจารย์วินีย์ยิ้มรับ แล้วคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้อง ก่อนจะทิ้งท้ายว่า...
"ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบให้ดีล่ะ"
แพร์เคารพอาจารย์ที่สอนเธอทุกท่าน แต่นาทีนี้เธอรักและเคารพอาจารย์วินีย์เต็มหัวใจ
เส้นทางซึ่งฝ่าฟันมาสี่ปีผ่านไปแล้ว จากนี้ไปอีกสี่ปีข้างหน้า เส้นทางที่จะเดิน ... เส้นทางใหม่ เธอไม่กลัวอะไรทั้งนั้น จะว่าไปแล้วต้องขอบคุณคนคนหนึ่งเมื่อสิบหกปีที่แล้ว แต่แพร์จะขอบคุณคนคนนั้นแค่นิดเดียว... นิดเดียวเท่านั้น
____________________________________
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆ
มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์
เริ่มปีใหม่ขอให้ได้รับแต่สิ่งที่ดี คิดสิ่งใดสมปรารถนา
ขอให้ทุกคนโชคดีปีใหม่นะคะ
Happy New Year
ตอน 'นักเรียนทุน' ชักเริ่มสนุกขึ้นแล้วใช่ไหมคะ ...
ความคิดเห็น