ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า

    ลำดับตอนที่ #6 : สุนัขจิ้งจอกกับลูกแกะ (Rr-write)

    • อัปเดตล่าสุด 24 เม.ย. 62


       

                                                                 

                         

                                                                 สุนัขจิ้งจอกกับลูกแกะ

       

     









     วันเพ็ญขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบสอง แพร์กับโบว์เดินทางถึงอพาร์ตเมนต์กิ๊ก ผู้เป็นรุ่นพี่ของป้องแถวถนนอีลิง กิ๊ก กรุณาเป็นผู้หญิงตัวเล็กบอบบางไว้ผมซอยสั้น ได้ทุนมาเรียนปริญญาเอกก่อนป้องหนึ่งปี ตอนนี้เป็นประธานนักเรียนทุนของมหาวิทยาลัยในอังกฤษ  พอไปถึงพบว่าคณะซึ่งจะไปวัดพุทธปทีบรออยู่แล้ว มีป้อง กิ๊ก หญิงสาววัยใกล้เคียงแพร์อีกสองคนกับชายหนุ่มร่างเล็กผิวขาวใส่แว่นอีกคน ป้องแนะนำให้รู้จัก ทั้งสามคนเป็นรุ่นน้องคณะของป้องได้ทุนมาเรียนที่นี่ 

      

      คณะทั้งเจ็ดคนลงรถไฟใต้ดินสายดิสทริกต์หรือสายสีเขียวแล้วขึ้นที่สถานีพัตนีย์  จากนั้นต่อรถเมล์สายเก้าสิบสามไปอีกสิบสามป้าย ถึงปลายทางถนนคาโลนน์ วิมเบิลดัน ลงรถเมล์เดินย้อนไปตามถนนคาโลนน์ไม่ไกลนักเห็นกำแพงสีขาวสะอาดตามีป้ายติดว่า ... วัดพุทธปทีป กรุงลอนดอน  

      

      ก้าวแรกที่เดินเข้าวัดความรู้สึกของแพร์เหมือนได้กลับไปเป็นเด็ก ภายในบริเวณวัดประดับประดาธงสวยงามเข้ากับบรรยากาศของงานเทศกาลลอยกระทงผู้คนมาร่วมทำบุญกันคึกคักมาก  พ่อแม่จูงลูกเล็ก ๆ บางครอบครัวแต่งตัวอย่างไทย เด็กชายนุ่งโจงกระเบนสวมเสื้อคอกลมสีสดใส เด็กหญิงสวมเสื้อแขนกระบอกห่มสไบน่ารักน่าเอ็นดู เธอมองป้องทำหน้าที่หัวหน้าทัวร์ยกมือไม้ประกอบการอธิบายให้รุ่นน้องฟัง

      

      "วัดนี้เป็นวัดไทยวัดแรกที่สร้างในประเทศอังกฤษ ตั้งแต่พ.ศ.๒๕๐๗  เห็นพระอุโบสถทรงไทยไหม นี่ก็เป็นหลังแรกในทวีปยุโรปเลยนะ ที่นี่มีโรงเรียนพุทธศาสนาวันอาทิตย์สอนธรรมะ สอนภาษาไทยและวัฒนธรรมไทยให้กับลูก หลานคนไทยที่นี่ พวกเราเข้าไปไหว้พระกันเถอะ” 

                     

                 แพร์กับพวกเข้าไปกราบองค์พระประธานในโบสถ์ เป็นพระพุทธรูปโบราณปางมารวิชัยสมัยสุโขทัย มีคนนั่งไหว้พระหลายคน

                      

                 “สวยจริง ๆ นะโบว์”    

                        

                 เธอแหงนดูเพดานสีแดงลายทอง ลวดลายจิตรกรรมฝาผนังแสนวิจิตรในฐานะคนไทยในต่างแดนแพร์รู้สึกซาบ ซึ้งและภาคภูมิใจเป็นที่สุด

                      

                 แพร์เดินออกจากโบสถ์ด้วยหัวใจอิ่มเอิบ บริเวณรอบวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย กลุ่มต้นเมเปิ้ลข้างพระอุโบสถใบเปลี่ยนเป็นสีส้มเต็มต้นใกล้กันเป็นลานกว้างมีการประกวดเจดีย์ทรายด้วย  เธอถ่ายรูปเจดีย์ทรายประดับธงสีแดง น้ำเงิน เหลือง เขียวหลายขนาดตั้งอยู่ห่าง ๆ กัน ผู้แข่งขันมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติกำลังก่อเจดีย์ทรายกันอย่างขะมักเขม้น เสียงเชียร์ดังมาเป็นระยะ บรรยากาศครึกครื้น 

                       

                 การก่อเจดีย์ทรายเป็นประเพณีหนึ่งของชาวพุทธมักจัดในเทศกาลฉลองปีใหม่ไทยเช่นวันสงกรานต์หรือเทศกาลต่าง ๆ ประเพณีนี้ถูกผูกโยงให้เข้ากับคติความเชื่อเรื่องเวรกรรมในพระพุทธศาสนา การก่อเจดีย์ทรายถวายวัดก็เพื่อนำเศษหินดินทรายที่ติดเท้าออกจากวัดไปนำมาคืนวัด และเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา คนโบราณช่างมีกุศโลบายลึกซึ้งประเพณีเหล่านี้นอกจากเป็นการส่งเสริมให้คนทำความดีสร้างบุญกุศลแล้วยังเป็นการสร้างความสุข ความสามัคคีในครอบครัวและชุมชนไปด้วย 

                        

                 แพร์กับโบว์หยุดดูร้านค้าที่ตั้งอยู่เรียงรายบริเวณจัดงาน เดินไปจนถึงบริเวณขายอาหาร 

                       

                 "ถ้าเวนดี้กับซาราห์มาคงจะชอบบรรยากาศสนุกอย่างนี้"     โบว์พูด ตามองไปที่เต๊นท์ขายอาหาร

                       

                 "ใช่ เสียดาย"  

                        

                 "อยากกินลูกชิ้นปิ้ง"    โบว์คว้าข้อมือเธอออกเดินลิ่วไปที่โต๊ะขายลูกชิ้นปิ้ง

                      

                  คนขายเป็นหญิงวัยกลางคนผมเกล้ามวยติดดอกกล้วยไม้ นุ่งผ้าไหมกับเสื้อแขนกระบอกกำลังกลับไม้เสียบลูกชิ้นมือเป็นระวิง แพร์เห็นโบว์มองน้ำจิ้มสีส้มในหม้อแล้วกลืนน้ำลาย แม่ค้ายิ้มหวานถามว่าจะรับเท่าไร

                        

                  "เอาสิบไม้ค่ะ"      โบว์ยื่นเงินให้แม่ค้า รับถุงลูกชิ้นที่ชุบน้ำจิ้มแล้ว 

                        

                  "อร่อย หวานเปรี้ยวเผ็ดกำลังดีเลยโบว์"  เธอบอกโบว์หลังจากกินหมดไม้แรก

                        

                  ตอนนี้คณะที่มาด้วยกันหายตัวกลืนไปกันฝูงชน เธอตะลึงกับร้านอาหารมากมายละลานตาทั้งร้านก๋วยเตี๋ยวเรือน้ำตกหมู ร้านก๋วยจั๊บ ร้านหอยทอด ร้านขายกุยช่ายและร้านผัดไทยขนมจีน คนเข้าคิวซื้อกันเป็นแถวทั้งคนไทย แขกและฝรั่ง โบว์ชวนนั่งกินหอยทอดคนละจานอิ่มและอร่อยมาก พอลุกขึ้นจากเก้าอี้เห็นป้องกวักมือเรียก 

     

       “ไปเดินหาพี่แต๋วกับพี่ก้อยกัน มาขายก๋วยเตี๋ยวผัดไทยไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง”   ป้องพูด เดินนำไปทางเต๊นท์ขายอาหารด้านใน    

     

       “วันนี้คนเยอะมาก เมื่อเช้ามีถวายผ้าพระกฐิน ท่านทูตและภริยามาเป็นประธาน ตอนนี้บนเวทียังมีการแสดงรำของเด็กๆอีกหลายรายการ สักพักจะเริ่มประกวดนางนพมาศ ผัดไทยวันนี้ขายดีเส้นก๋วยเตี๋ยว เครื่องเคราที่เตรียมมาหมด แล้ว พี่กำลังจะเก็บโต๊ะ  พี่แต๋วเล่าให้ฟังพลางเก็บของไปด้วย 

     

      “ไปซื้อกระทงกันหรือยัง   พี่ก้อยหุ้นส่วนร้านผัดไทยของพี่แต๋วถามคณะทัวร์ของป้อง  

                 

                ชาวคณะจึงพากันเดินเลือกกระทงหลากสีสัน มีพวงมาลัยริบบิ้นสีสดวางขายสำหรับเอาไปเชียร์การประกวดนางนพมาศ  บนเวทีประกวดติดแถบสีธงชาติไทยสวยงาม ตอนนี้เริ่มการประกวดแล้ว ผู้ประกวด นางนพมาศทุกคนแต่งกายชุดไทย นุ่งผ้าถุงห่มสไบดูสวยงามอ่อนหวาน พอสมควรแก่เวลานักศึกษาไทยทั้งเจ็ดพากันเดินทางกลับด้วยจิตใจอิ่มเอิบ  

                       

                ระหว่างนั่งรถเมล์ ป้องพูดกับพวกเธอ    เย็นนี้พี่จะชวนพวกเราทุกคนไปบ้านพี่แป้งกับพี่ก้อง จะทำส้มตำ ปีกไก่ทอด น้องแพร์กับน้องโบว์ต้องไปช่วยพี่ทำครัว พี่กิ๊กด้วย กุ้ง แตงโม เหมียวไปด้วยกันนะ”     

                      

                 กุ้ง แตงโมและเหมียวขอตัวเพราะพรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า  คณะของป้องจึงลดเหลือสี่คน ก่อนเข้าบ้านก้องภพ ป้องพาแวะซูเปอร์มาร์เก็ตไทยซื้อของที่ต้องการจบครบ

                       

                 "ไหน ๆ ก็มีส้มตำแล้ว ทำน้ำตกหมูด้วยดีไหมพี่กิ๊ก"     ป้องถามผู้อาวุโสที่สุดในกลุ่ม

                       

                 "ดีค่ะพี่ป้อง ของชอบโบว์เลยไม่ได้กินนานแล้ว"    โบว์พูด ตาลุกวาว

                      

                 "งั้นเพิ่มน้ำตกอีกอย่างสำหรับปาร์ตี้วันลอยกระทง"     กิ๊กสรุป

                      

                 "คืนนี้ต้องรีบกลับไหม"     ป้องหันมาถามรุ่นน้องทั้งสองคน

                       

                 "พรุ่งนี้แพร์ว่างค่ะ โบว์ก็จะซ้อมเปียโนที่หอ เราสองคนจะเข้าตึกเรียนอีกทีวันจันทร์"

                      

                 ถึงบ้านของก้องภพเกือบห้าโมงเย็นท้องฟ้าสลัวใกล้มืด อากาศเย็นเฉียบ ชายหนุ่มจัดโต๊ะเก้าอี้ไว้ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน เขาเดินมาต้อนรับใบหน้ายิ้มแย้ม เมื่อเห็นน้อง ๆ มาถึงแต่ละคนหอบหิ้วถุงอาหารเต็มมือ  

                     

                 สวัสดีทุกคน กิ๊กสบายดีนะไม่เจอกันหลายเดือน น้องแพร์ น้องโบว์เชิญเลย”   ก้องภพคว้าถุงกระดาษใส่อาหารจากมือกิ๊กไปวางบนเคาน์เตอร์ 

                      

                 "เอาของมาให้พี่ พี่กิ๊ก แพร์ โบว์นั่งพักให้หายเหนื่อยก่อนค่อยเข้าครัว"    ป้องรวบถุงของทุกคนเอาไปไว้ในครัวแล้วเดินออกมานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่   "เฮ้อ"

                    

                  ก้องภพถือถาดใบใหญ่มีทั้งโคล่า น้ำแร่แช่เย็น ถั่วอัลมอนต์อบและมันฝรั่งทอดกรอบ

                    

                  “กินเล่นกันไปก่อนนะครับ สบาย ๆ ไม่ต้องรีบร้อนมีแต่พวกเรากันเองไม่มีแขกที่ไหน น้องแพร์ น้องโบว์ กิ๊ก พี่ซื้อคัพเค้กร้านครัมและดอยลี่มาสองโหลวางอยู่บนเคาน์เตอร์”     เขาพูดเสร็จเดินออกไปทางหน้าบ้าน

                     

                  โบว์กับแพร์หันมามองหน้ากันแล้วยิ้มแฉ่งเมื่อได้ยินชื่อร้านคัพเค้ก ร้านนี้ขนมอร่อยสุดยอด

                     

                  "เดี๋ยวค่อยกิน ตอนนี้ยังอิ่มอยู่"    โบว์บอก

                     

                  พักกันพอหายเหนื่อยป้องชวนกิ๊กกับสองสาวรุ่นน้องเข้าครัว    "ใกล้หกโมงแล้วรีบทำอาหารกันเถอะ อีกประเดี๋ยวเพื่อนพี่ก้องคงมา"

                    

                 พี่จะทำส้มตำเอง น้องโบว์ช่วยพี่ปอกมะละกอ ล้างยางให้สะอาดนะแล้วขูดให้หมดลูก"  ชายหนุ่มก้มลงเปิดตู้ล่างคว้ากะละมังขนาดกลางยื่นให้สาวผมสั้น    "เม็ดเอาออกให้หมดด้วย"

                    

                 โบว์รับคำสั่งแล้วตั้งหน้าตั้งตาปอกมะละกอ แพร์ฉีกถุงพลาสติกเทปีกไก่ออกมาล้าง กิ๊กแช่ข้าวเหนียว แต่ละคนวุ่นกับงานของตน

                    

                 "น้องแพร์เตรียมหมักไก่ได้เลย พี่กิ๊กย่างหมูขอแบบมีเดียมนะพี่ หั่นเตรียมไว้แล้วค่อยคลุกตอนทาน" 

                    

                 "เราน่าจะมีพวกแกงจืดหรือต้มยำสักหม้อไหมไม่งั้นฝืดคอตาย"     สาวอาวุโสที่สุดถามความเห็นรุ่นน้อง

                     

                 "เออจริง ลืมเสียสนิทเลย จะทำอะไรเพิ่มดีล่ะ เมื่อกี้เข้าซูเปอร์ก็ไม่ทันคิด เครื่องต้มยำที่พี่แป้งเอามาจากบ้านยังมีในตู้เย็น มะนาวก็มี"     โป้งเดินไปเปิดตู้เย็นมองกราดทั้งบนและล่าง   "กุ้ง ปลาเกลี้ยงตู้พี่กิ๊ก"

                     

                  สุดท้ายกิ๊กทำต้มยำปลากระป๋อง    

     

        นภขับรถมาจอดหน้าบ้าน เดินถือวิสกี้มาด้วยหนึ่งขวด

     

        "จะดื่มวิสกี้หรือไง ฉันแช่เบียร์ไว้เต็มตู้เย็น"   ก้องภพทัก 

     

        "เบียร์ก็ได้"

     

        "ไป เข้าไปทักน้อง ๆ ก่อน เดี๋ยวค่อยออกมาคุยกันที่สนาม"     

     

        ก้องภพเดินนำไปหยุดตรงประตูห้องครัว ภายในแออัดไปด้วยกุ๊กและผู้ช่วย


        พี่นภเพื่อนพี่ นี่น้องโบว์เจอกันอาทิตย์ก่อนจำได้ไหม นั่นน้องกิ๊กรุ่นพี่ของป้องแล้วนั่นน้องแพร์เจอกันแล้ว”    


         ทุกคนหันมาไหว้เพื่อนของก้องภพแล้วก้มหน้าก้มตาทำอาหารต่อไป น้ำมันเริ่มร้อนจัด แพร์ใช้คีมสแตนเลสคีบปีกไก่หย่อนลงทอดในกระทะ


        โอ้โห ทำอะไรกันเยอะแยะกลิ่นหอมมาก นภพูดพลางกวาดตามองไปทั่วแล้วหยุดที่สาวผมยาว 

      

        แพร์เงยหน้าขึ้น เห็นเขายิ้ม จ้องเธอเขม็ง  จะมองอะไรนักหนา รุ่มร่าม

     

        เจ้าของบ้านหนุ่มแตะบ่าเพื่อนชวนออกไปนั่งข้างนอก แล้วบอกน้องในครัวให้รีบตามออกไป ป้องยกจานส้มตำกับผักสด  กิ๊กถือจานน้ำตกหมูจานใหญ่ตามออกมาวางบนโต๊ะนอกบ้าน  ห้านาทีต่อมาเธอกับโบว์ตามไปพร้อมหม้อกระเบื้องใส่ข้าวเหนียวร้อน ๆ และจานปีกไก่ชุบแป้งทอดสีเหลืองรองกระดาษซับน้ำมัน

     

       ก้องภพตักน้ำตกเข้าปาก   อืม อร่อยแซ่บจริง ๆ นภกินเยอะ ๆ ชิมปีกไก่ทอดสูตรน้องแพร์สิ กำลังร้อน”   


       พอก้องภพบอก  เขาหยิบปีกไก่ทอด ตามองหน้าคนทำ เธอรีบหันไปคุยกับโบว์


       อร่อยมากไก่ทอด ส้มตำก็เยี่ยม น้ำตกนี่รสชาติอีสานแท้ ๆ เลย”    นภชิมอาหารทุกจานท่าทางเอร็ดอร่อย


       คนชมส่งสายตาเป็นประกายมาที่คนทำปีกไก่ทอด แพร์หน้าเรียบเฉย แต่เพื่อนของเธอ ป้องและกิ๊กยิ้มปลื้มกับคำชม

     

       อภิษิตมาถึง เขาทักทายทุกคนแล้วลงนั่งดื่มวิสกี้กับเพื่อนทั้งสอง


       "ป้องเป็นไงบ้างเรียนหนักไหม ได้ข่าวว่าจะกลับบ้าน คุณพ่อคุณแม่สบายดีนะ"


       "คุณพ่อสบายดีครับ แต่คุณแม่ตอนนี้เดินไม่ได้เลยเจ็บมาก พี่แป้งไปดูแล หมอนัดผ่าหัวเข่าสัปดาห์หน้านี้ละครับ ช่วงหยุดคริสต์มาสผมจะไปกับพี่แป้งอีกที"


       "กิ๊กล่ะ ใกล้จบแล้วสิ กลับไปเป็นอาจารย์ต่อใช่ไหม"

     

       "ค่ะ พี่ษิต ปีหน้ากิ๊กจะกลับ มาสี่ปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะได้สอนที่เดิมรึเปล่าคงต้องลุ้นดูว่าจะมีอาจารย์เกษียณกี่คน


       เวลาผ่านไปน้ำตกหมูเริ่มร่อยหรอส้มตำยังมีอยู่ครึ่งจาน แต่ปีกไก่ทอดเหลือน้อยเต็มที  ข้าวเหนียวในหม้อกระเบื้องยังเต็มอยู่  ป้องลุกขึ้นชวนแพร์เข้าครัว โบว์ทำท่าจะลุกตามเธอห้ามไว้  ป้องเข้าครัวจัดแจงนำหมูย่างออกมาคลุกเพิ่ม ตักใส่จานใหม่เดินออกไปเสิร์ฟ แพร์ติดไฟตั้งกระทะรอน้ำมันร้อน หยิบปีกไก่ออกมาใส่ชามเตรียมทอด เงยหน้าขึ้นจากโต๊ะวางของเห็นชายหนุ่มร่างสูง ใบหน้าคมเข้มเพื่อนเจ้าของบ้านยืนจ้องตาวาววับอยู่ตรงหน้า เธอยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูกไปครู่หนึ่งไม่เข้าใจว่าเขาจะเข้ามาทำไมในครัว   หญิงสาวขยับตัวอย่างอึดอัด ไม่ชอบสถานการณ์อย่างนี้ ผู้ชายที่ไม่คุ้นเคยมาทำตาหวานเยิ้ม หรือต่อให้สนิทสนมก็ยังไม่เคยมีใครมายืนจ้องสบตาเหมือนจะถอดวิญญานเข้ามาสิงร่างเธออย่างนี้

     

       “น้องแพร์ทำไก่ทอดอร่อยมากแป้งกรอบดี  เป็นสูตรของที่บ้านหรือครับ    เขาก้มหน้าลงมาใกล้หน้าผากนวล แพร์รีบเมินหลบ


       ขอบคุณค่ะ  ความจริงก็สูตรง่าย ๆ หมักแค่ซีอิ้วขาวกับพริกไทย แล้วใส่แป้งสำหรับทอดลงไปคลุก”    เธออธิบายโดยไม่สบตาเขา

     

      “แต่พี่ว่าจะอร่อยหรือไม่ อยู่ที่ฝีมือคนทำนะครับ  ต้องหมักดีแล้วทอดดีด้วย ไก่ทอดสูตรของน้องแพร์รสกำลังดี แป้งทอดกรอบเนื้อไก่นุ่มมาก”    เขาเอื้อมมือมายกชามปีกไก่ให้เธอ   พี่ช่วยถือให้    

     

       น้ำมันร้อนกำลังดี เธอคีบปีกไก่ลงไป พอปีกไก่ชุ่มน้ำหมักลงไปเจอน้ำมันร้อนจัดน้ำมันกระเด็นขึ้น เสียงดังฟู่  โอ๊ย”     เธอสะบัดมือเร่า ๆ รู้สึกเจ็บและร้อน 

     

       นภวางชามไก่หันมาจับมือเธอยกขึ้นดู แดงเลย เจ็บมากไหม รอเดี๋ยวนะครับ    ชายหนุ่มก้มลงปิดเตาแล้วเดินออกไปจากห้องครัว 


       เพียงไม่กี่นาทีนภกลับมาพร้อมกับผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำเย็นจัด ชายหนุ่มคว้ามือเล็กยกขึ้น ใช้ผ้าเช็ดหน้าแตะที่รอยแดงบนหลังมือ  เขาโน้มศีรษะลงจนจมูกโด่งเป็นสันแทบชิดหน้าผากของเธอ ใกล้จนรู้สึกถึงลมหายใจอุ่น เธอตกใจดึงมือออกจากอุ้งมือแข็งแรง เขารั้งไว้ใช้ผ้าเช็ดหน้าชุ่มน้ำเย็นแตะเบา ๆ  


       เดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ    


        ครู่เดียว นภเอาผ้าเช็ดหน้าออก แพร์นึกโล่งใจได้ไม่นาน  เขายกมือเธอขึ้น... ก้มลงจุมพิตใกล้รอยแผลนั้น ทาเจลสำหรับแผลสดให้อย่างนุ่มนวล  เธอตกใจจนตัวสั่น  ผู้ชายที่ทำแบบนี้กับเธอในโลกนี้มีแค่คุณลุงพิพัฒน์กับพี่ชายทั้งสองเท่านั้น

     

        เขาเปิดเตายืนทอดไก่จนเต็มจาน แล้วถือจานไก่ทอดออกมา แพร์เดินก้มหน้าตามมาติด ๆ ...หลังมือยังร้อนผ่าว 

     

        “โอ้โฮแก...ไอ้นภเข้าไปซะนานเลยนะ   อภิษิตทักเสียงดัง       


        น้องแพร์ทอดไก่ฉันจะเข้าไปช่วย น้ำมันกระเด็นถูกมือน้อง เลยต้องหยุดพักหนึ่ง    นภตอบ พลางหันมามองใบหน้าที่ก้มงุดตรงข้าม


        อ้าว... แล้วเจ็บมากไหมครับ เป็นไงบ้าง   ก้องภพถามพลางชะโงกดูมือแพร์ พลอยทำให้ทุกคนจ้องมาที่มือเธอเป็นตาเดียว   


        ไม่เป็นไรแล้วค่ะ ไม่เจ็บอะไรเดี๋ยวก็หาย    แพร์ตอบเสียงแผ่ว ผิวแก้มร้อนผ่าวพยายามไม่มองหน้าชายหนุ่มที่นั่งข้างก้องภพ 

      

     

        เวลาผ่านไปรวดเร็วจนถึงสี่ทุ่มครึ่ง กิ๊กเริ่มขยับตัว

      

        "คงต้องกลับแล้วค่ะ"

      

        "รอก่อนนะกิ๊ก ออกไปกับพี่ ๆ ดีกว่า"

      

        วงสังสรรค์จึงยุติ ก้องภพให้อภิษิตไปส่งกิ๊ก นภไปส่งแพร์กับโบว์ ก้องภพกับป้องเดินมาส่งแขกทุกคนที่หน้าบ้าน  นภเปิดประตูรถให้โบว์ด้านหลัง แล้วจึงเปิดให้เธอนั่งด้านหน้า เขาถามเธอกับโบว์สองสามประโยค พอผ่านย่านการจราจรคับคั่ง เขาหยุดชวนคุยตามองตรงไปที่ถนน เธอชำเลืองมองเขาแว่บหนึ่ง อดรู้สึกไม่ได้ว่า... ผู้ชายคนนี้คงเป็นหนุ่มในฝันของผู้หญิงหลายคน ทั้งรูปร่างสูงสง่า คิ้วดำหนาทำให้ใบหน้าดูคมเข้ม จมูกโด่ง สรุปว่าหล่อ แต่งตัวดี แน่ละฐานะคงจะดีด้วย

      

        พอถึงหน้าหอพัก เขาจอดรถลงไปเปิดประตูให้โบว์ก่อน แล้วจึงเปิดประตูรถให้เธอ เขาก้มลงพูดเสียงเบาใกล้ใบหู   นอนหลับฝันดีนะครับ"

     

        พี่นภทำท่าสนใจแพร์นะ เห็นมองหน้าบ๊อยบ่อยตอนนั่งกินอาหารกันที่สนาม  โบว์พูดขณะเดินไปยังลิฟต์

     

        เธอส่ายหน้า  ไม่มีอะไรหรอกโบว์   

     

        พอเข้าห้องพักแล้วนึกอีกที ... เขาดูจงใจหว่านเสน่ห์กับเธอ คงคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงง่าย ๆ คนหนึ่ง เลยลองจีบเล่นตามประสาผู้ชายเจ้าชู้ ผู้ชายคนนี้เธอต้องระวังตัวให้ดี ดูท่าจะฉลาดพูดจายกประโยชน์ให้ตนเองเก่ง จะว่าไปแล้วน่ากลัวกว่าคุณเคลลี่ น่ากลัวแต่ไม่ถึงกับน่ารังเกียจ  เอ๊ะ ยังไงกันยายแพร์  

      

       แพร์ถอนหายใจยาวอดนึกถึงตอนที่เขาทำแผลให้ไม่ได้  ลมหายใจอุ่นของเขาบนหลังมือ... น่าแปลกเหตุการณ์ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้ว แต่ทำไมพอนึกถึงความรู้สึกอุ่นวาบยังกลับมาอีก

     

       กลับถึงบ้านนภอาบน้ำเตรียมเข้านอน แต่เจ้าความรู้สึกเริงรื่นกระปรี้กระเปร่าทำให้เบิกบานเกินกว่าจะหลับลงได้   เขาเอื้อมมือเปิดเพลงเบา ๆ นอนคิดอะไรเพลิน ใบหน้ารูปไข่หวานซึ้ง อ่อนเยาว์ลอยเข้ามาในความคิด กิริยาเขินอายประหม่าหน้าแดงยามเขาจูบมือของเธอ  ดวงตากลมโตคู่นั้นเบิกกว้าง  เธอมีบางอย่างต่างจากผู้หญิงที่เขาเคยคบ และอีกอย่าง... เขาชอบน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนหวานฟังเหมือนเสียงดนตรี ได้ยินแล้วสบายใจ    เอ... หรือว่าเราจะหลงเสน่ห์ของเธออีกคนเหมือนนัทกับเจ้ากวง  นภสะบัดศีรษะ ... เป็นไปไม่ได้ แค่ว่าเธอไม่เหมือนสาวอื่นก็เท่านั้น

      

      เขาเป็นลูกชายคนโตของนายธีระ ธนาวัฒน์ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ที่มีบริษัทในเครือกว่ายี่สิบบริษัท พ่อของเขาแต่งงานกับแม่... คุณนงนภัสโดยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ พ่อ แม่มีลูกชายสองคน แม่ขอแยกทางกับพ่อแล้วเอาลูกชายคนเล็กไปด้วย ส่วนเขาอยู่กับพ่อ  แม่ของเขาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุรถคว่ำเมื่อนัทอายุได้สิบสี่ปี  พ่อเสียใจที่เอาแต่ทำงานจนครอบครัวแตกแยก พ่อรักลูกชายมากครองตัวเป็นพ่อม่ายเรื่อยมา เมื่อเขาอายุได้สิบสองปี พ่อส่งเข้าโรงเรียนประจำที่อังกฤษ คงกลัวว่าถ้าเลี้ยงดูเขาในเมืองไทยจะเสียเด็ก  นายธีระเองไม่มีเวลาเอาใจใส่ดูแลเนื่องจากงานรัดตัว  เขาผูกพันกับพ่อมาก พ่อรักและตามใจเขาทุกเรื่องเพราะสงสารว่าไม่มีแม่ เขาจึงใช้ชีวิตอย่างอิสระ นภมีเพื่อนสาวไม่เคยขาด ซึ่งเขารู้ตัวดีและตั้งใจว่าจะไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงคนไหนมาผูกมัดอย่างเด็ดขาด

                      

                 นภเอื้อมมือปิดเครื่องเสียงหลับตาลง นึกถึง... เธอนั่งปั้นหน้ามองไปอีกทางเมื่อรู้ว่าเขาจ้องอยู่  เขายิ้ม นึกขันปนเอ็นดูท่าทางนั้น  พรุ่งนี้จะต้องหาทางไปพบให้ได้  ยังไงซะเราก็ต้องชนะพนันเจ้าษิต

                                                                

                                            .............................................................     

     

    สวัสดีค่ะ  บ๊าย... บาย โบกมือลากับทุกสิ่งที่ไม่ดี และเริ่มปีใหม่ขอให้ได้รับสิ่งดีๆกันนะคะ วันนี้ส่งท้ายปีเก่าลงสองตอนต่อเนื่องเลย          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×