ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า

    ลำดับตอนที่ #5 : ลิลลีออฟเดอะวัลเลย์ (Re-write)

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 62


     

     


    ลิลลีออฟเดอะวัลเลย์








      

     

         แพร์เข้าไปสะสางงานที่ภาควิชาเพื่อพรุ่งนี้จะได้ว่างไปเที่ยวงานลอยกระทงกับป้องตามนัด   เธอชวนเวนดี้และซาร่าห์  เวนดี้มีนัดกับแฟนหนุ่ม ส่วนซาร่าห์เพื่อนอีกคนซึ่งอยู่ภาควิชาเดียวกับเธอแต่มีซูเปอร์ไวเซอร์คนละคนกัน กลับหอด้วยกันบ่อยๆก็ติดพันกับงานวิจัยจะต้องเข้าห้องแล็บถึงค่ำ จึงมีเธอกับโบว์สองคนที่จะไปเที่ยว หญิงสาวนั่งรับประทานแซนวิชแฮมกับน้ำส้ม เสียงโทรศัพท์มือถือดังระรัวอยู่ในกระเป๋า 

       

         “ผมจะเข้าตึกช้าสักครึ่งชั่วโมงฝากบอกทันย่ากับเวนดี้ด้วยขอบคุณครับ”  

                      

                   ดร.เลียม ทากาฮาระ  หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ-ญี่ปุ่นเป็นผู้ช่วยอาจารย์ดร.บีทริกซ์ มีหน้าที่ช่วยเหลือ แนะนำทุกเรื่องอันเกี่ยวเนื่องกับการวิจัย เหมือนเป็นพี่เลี้ยงของนักศึกษาปริญญาเอก  เวลานี้สนิทสนมกับกลุ่มนักศึกษาของอาจารย์บีทริกซ์ทุกคน เพราะดูแลกันมาจนปีนี้เป็นปีที่สี่แล้ว  ปีแรกเขาแนะนำทั้งการเข้าฟังเล็กเชอร์ว่าควรเข้าวิชาใดบ้างอันจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผน การวิจัยและการเขียนวิทยานิพนธ์ ทั้งการเรียนรู้งานในเรือนปลูกพืชทดลองหรือเรียกกันว่ากรีนเฮ้าส์หากมีปัญหาอะไรก็ปรึกษาเขา  อาจารย์ที่ปรึกษาที่นี่เรียกว่าซูเปอร์ไวเซอร์มีภารกิจมาก สอนทั้งนักศึกษาปริญญาเอก ปริญญาโทและทำงานวิจัย จึงต้องมีผู้ช่วยไว้คอยดูแลนักศึกษาปริญญาเอกแทน  ตอนเรียนอยู่ปีสองเลียมแนะนำให้เธอและเพื่อนช่วยงานซูเปอร์ไวเซอร์โดยเป็นครูผู้ช่วยสอน ช่วยคุมแล็บนักศึกษาปริญญาตรี ทำให้ได้ประสบการณ์ดี ๆ มากมาย

                    

                 มีอยู่คราวหนึ่ง... ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมกำลังจะหมดฤดูใบไม้ผลิและเริ่มเข้าฤดูร้อน เขาพากลุ่มนักศึกษาของดร.บีทริกซ์   มีเธอ ทันย่า เวนดี้และฮันส์ไปชมกรีนเฮ้าส์ของบริษัทผู้ผลิตพืชผลการเกษตรยักษ์ใหญ่ใกล้เมืองแคนเทอร์เบอรี

     

       “ที่นี่เป็นกรีนเฮ้าส์ใหญ่ที่สุดในโลก เรือนปลูกพืชแต่ละหลังขนาดเท่ากับสนามฟุตบอลสิบสนาม”   เขาอธิบายและยิ้มกว้าง คงขำสีหน้าทึ่งของพวกเธอ ขณะยืนมองความอลังการตรงด้านหน้าประตูทางเข้าเรือนปลูกพืช


      “กรีนเฮ้าส์นี้ปลูกผัก ผลไม้พวกมะเขือเทศ พริกหวาน แตงกวา ใช้แหล่งน้ำของตัวเอง มีการควบคุมการให้น้ำการให้ปุ๋ยและการเฝ้าดูการเจริญเติบโตด้วยคอมพิวเตอร์ควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ยี่สิบแปดองศาเซลเซียสตลอดเวลา  พออยู่ในสภาวะเหมาะสมผักพวกนี้จะให้ผลผลิตเร็วขึ้นราวสองถึงสี่เท่า สามารถเลี้ยงคนได้มหาศาล”

                      

                 หลังจากเที่ยวชมกรีนเฮ้าส์ยักษ์เสร็จ ผู้ช่วยอาจารย์หนุ่มแพร์กับเพื่อนแวะเที่ยวบ้านพ่อแม่ของเขาที่แคนเทอร์เบอรี พ่อของเลียมเป็นศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่นสอนประวัติศาสตร์ ส่วนแม่สอนวรรณคดีที่มหาวิทยาลัยเคนท์ เวลานี้เกษียณแล้วทั้งคู่

                     

                "ทานกันเยอะ ๆ นะครับ แยมพวกนี้แม่ทำเองใช้ผลไม้ในสวนหลังบ้าน"  เจ้าบ้านหนุ่มเปิดขวดแยมทั้งสามขวดออกให้

                   

                 บนโต๊ะมีสโคนอบใหม่กลิ่นหอม คล็อตเทดครีมของเดวอน กับกาชากาแฟ

                   

                 "งั้นผมไม่เกรงใจละนะ"    ฮันส์คว้าสโคนบิออกเป็นสองชิ้นใช้มีดปาดคล็อตเทดครีมทาสโคนตามด้วยแยมราส เบอรี ก่อนจะใส่เข้าปากคำใหญ่    

                    

                  เมื่อทุกคนอิ่มอร่อยกับอาหารว่าง

                    

                  เลียมพาหนุ่มสาวทั้งสี่เดินเล่นบริเวณสวนหลังบ้าน ต้นเชอรี่ออกลูกพราวดกจนแทบคอนกิ่งไม่ไหว

                   

                  "พอเชอรีพวกนี้สุกแม่จะเก็บมาทำแยมไว้กินและแจกเพื่อนบ้าน แม่ทำเมื่อไรผมจะเอาไปฝากพวกคุณ"  ชายหนุ่มยิ้มกว้างเมื่อเห็นแววตาลิงโลดของทุกคน

                    

                   ริมทางเดินเลียบลำธารมีกอไลแล็กซ์สีขาว สีม่วงออกดอกสดสวย  แพร์ เวนดี้ ทันย่าเริ่มส่งเสียงชื่นชม   

                     

                  “ยังมีสวยกว่านี้อีก พอเดินพ้นแนวละเมาะนั้นไป”  เลียมชี้มือไปข้างหน้าแล้วเดินนำไปที่สะพานไม้ข้ามไปอีกฝั่ง   “นั่นไง” 

                    

                  ป่าโปร่งตรงหน้าสวยจนแทบลืมหายใจ... ลานทุ่งหญ้าสีเขียวแต่งแต้มด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ ดอกเดซี่ ดอกไอริสสีน้ำเงิน ดอกลิลลีออฟเดอะวัลเลย์แข่งกันชูช่อดอกสีขาวเล็กส่งกลิ่นหอมฟุ้งกลบกลิ่นหอมของดอกไม้อื่น สาว ๆ กรี๊ดไม่หยุดถ่ายรูปกันอยู่นั่นแล้ว 

     

        แพร์รับประทานแซนวิชเสร็จ ลุกขึ้นไปรอพบผู้ช่วยอาจารย์ในห้องปฏิบัติการของภาควิชา เห็นทันย่ากับเวนดี้กำลังนั่งคุยกันระหว่างรอเลียม  วันนี้ฮันส์เพื่อนชาวสวิสไม่เข้าตึกเรียน แพร์ชวนทันย่าไปเที่ยวงานลอยกระทง 


        “อยากไปนะ แต่พรุ่งนี้มีนัดปาร์ตี้วันเกิดเพื่อน”  ทันย่ายิ้มให้เธอพลางยกมือเสยผมสีบลอนด์ซอยสั้น ดึงแว่นตาออกมาเช็ดกับเสื้อแล้วสวมเข้าไปใหม่  "เที่ยวเผื่อด้วยก็แล้วกัน" 


        เลียมผลักประตูกระจกเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


       “สวัสดีครับ ขอโทษผมมาช้า”    


       เขาเป็นชายหนุ่มรูปร่างโปร่ง สูงร้อยแปดสิบกว่าเซนติเมตรผมสีน้ำตาลเข้ม ผิวขาว ดวงตาสีน้ำตาล จมูกโด่งใบหน้ามีส่วนผสมของตะวันออกและตะวันตกอย่างลงตัว จัดว่าเป็นชายหนุ่มที่มีเสน่ห์มากคนหนึ่ง  

     

       ผู้ช่วยอาจารย์หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษ-ญี่ปุ่นนั่งฟังปัญหาระหว่างการทำงานในห้องปฏิบัติการของทันย่า  แล้วคุยต่อกับเวนดี้ประมาณชั่วโมงก็แล้วเสร็จ เขาหันมาทางเธอ   “แพร์ลองเอาผลการทดลองครั้งก่อนมาเทียบหน่อยว่าต่างกันยังไง...”   

      

       เธอซักถามและชายหนุ่มอธิบายจนเป็นที่เข้าใจ เลียมพูดขึ้น 

       

       “ผมมีข่าวดี เดือนมิถุนาปีหน้าผมได้งานที่สถาบันวิจัยพันธุ์พืชแล้วนะครับ พวกคุณจบกันพอดี วันนี้จะเลี้ยงชากับขนม เสียดายที่ฮันส์ไม่เข้ามา” 

                        

                 “ดีใจด้วยนะคะ แต่ฉันยังติดงานอยู่คงต้องขอสละสิทธิ”   ทันย่าพูด ทำตาปรอยแล้วก้มหน้าอ่านวารสารพืชเล่มใหม่ต่อ

                      

                 เวนดี้ติดนัดกับแฟน  เลียมกำลังดีใจจะได้เริ่มต้นทำงานอย่างจริงจังในฐานะนักวิจัยหลังจากเรียนจบปริญญาเอกด้านพันธุศาสตร์พืชมาสองปี ในเมื่อทั้งเวนดี้และทันย่าไปไม่ได้ แพร์ก็ไม่อยากปฏิเสธให้เสียน้ำใจ                    

                      

                  เธอเดินคุยกับเลียมอย่างสบายใจมาตามถนนเอ็กซิบิชั่น  อากาศยามบ่ายเย็นฉ่ำ  ต้นเมเปิ้ลสูงใหญ่ริมถนนใบเปลี่ยนเป็นสีส้มทั้งต้น  อาคารสองข้างทางเก่าแก่สวยงาม  ด้านขวามือคือพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ภายในจัดแสดงนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์และสิ่งประดิษฐ์ในยุคต่างๆ  ใกล้กันคือพิพิธภัณฑ์ประวัติ ศาสตร์ธรรมชาติอันเป็นแหล่งรวบรวมหลักฐานและชิ้นส่วนสำคัญของสิ่งมีชีวิตทางประวัติศาสตร์โลกกว่าแปดสิบล้านชิ้น บางชิ้นมีอายุเก่าแก่เป็นพันล้านปีตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ดึกดำบรรพ์  แพร์เข้าไปดูหลายครั้งด้วยความประทับใจ    

                      

                  ทางซ้ายมือคือพิพิธภัณฑ์วิกตอเรียและอัลเบิร์ต เป็นตึกสไตล์วิกตอเรียอันโอ่อ่าสวยงาม ที่นี่เป็นแหล่งรวบรวมงานประติมากรรม ภาพวาด ศิลปะและโบราณวัตถุจากทั่วโลกนับล้านชิ้น โดยเฉพาะหน้าร้อนต้นไฮเดรนเยียร์ออกดอกใหญ่เบ่งบานสีชมพู ม่วง ฟ้า เต็มพรึ่ดบริเวณรอบตึก แพร์กับโบว์ชอบไปนั่งจิบน้ำชา ชมดอกไม้และคุยกัน  

                 

                  พอผ่านสถานีรถไฟใต้ดินเซาธ์เคนซิงตันข้ามถนนโอลด์บรอมพ์ตันถึงร้านขนมคัพเค้กชื่อดัง ...ฮัมมิงเบิร์ดคัพเค้ก  เธอลงทุนซื้อหนังสือเบเกอรีสูตรของร้านโดยเฉพาะไว้หลายเล่ม แต่ยังไม่เคยลองทำสักครั้ง  ถึงหน้าร้าน เลียมแตะแขนหญิงสาว

                      

                  “คุณอยากนั่งข้างนอกหรือข้างใน"

                      

                  เธอได้ยินเสียงเรียก

                        

                  “น้องแพร์”    

                       

                  หญิงสาวมองไปเห็นอภิษิตและชายหนุ่มอีกคนนั่งดื่มกาแฟอยู่ด้านนอกร้าน เธอหันไปพูดกับเลียมเสียงเบา

                     

                  “นั่งข้างในดีกว่า ฝากสั่งเรดเวลเวตกับซอล์ตคาราเมลอย่างละชิ้น ชาเอิร์ลเกรย์นะคะ เดี๋ยวแพร์ตามเข้าไป”    

                       

                   เธอเดินไปยังโต๊ะอภิษิต  ยกมือไหว้ชายหนุ่มทั้งสองคน  

                      

                   “สวัสดีค่ะพี่ษิต สวัสดีค่ะ...”    

                      

                  “พี่นภครับน้องแพร์”    นภบอกชื่อตัวเอง 

                       

                  นัยน์ตาคมสีดำสนิทเป็นประกายวับของเพื่อนอภิษิตจ้องหน้าจนแพร์รู้สึกแปลก ๆความจริงเธอไม่สนใจเขาสักนิดเพราะเท่าที่รู้จักก็ไม่ประทับใจแต่แรก ถึงจะเป็นเพื่อนพี่ก้องก็เถอะ ผู้ชายคนนี้ไร้มารยาท ท่าทางเจ้าชู้ไม่น่าไว้ใจ

      

         “เชิญน้องแพร์ตามสบายนะครับ”     อภิษิตยิ้ม ผายมือไปที่ประตูร้าน  

      

         หญิงสาวยิ้มน้อย ๆ ก้มศีรษะให้สองหนุ่มแล้วผลักประตูเข้าไปในร้าน

     

         “เวลาผ่านไปเร็วมาก ผมยังรู้สึกว่าคุณเพิ่งเข้าเรียนใหม่อยู่เลย นี่อีกไม่กี่เดือนจะจบแล้ว”  

     

         เธอมองเลียมใช้ช้อนตักเค้กวนิลามีครีมสีชมพูอ่อนทาเนื้อเค้กไว้อย่างหนา  สายตาทั้งคู่ฉายประกายบางอย่างออกมาชั่ววินาทีแล้วกลับเป็นสุภาพดังเดิม   

     

         แพร์จำได้  ...หลังจากกลับจากทริปเค้นต์ครั้งนั้นราวอาทิตย์เดียว เธอเก็บข้อมูลและจดผลการเจริญเติบโตของต้นพิทูเนียเสร็จ  เดินออกมาจากเรือนปลูกพืชทดลอง ถอดเสื้อกาวน์สีขาวออกแขวน หยิบเสื้อโค้ตกันฝนพาดแขนเตรียมตัวกลับหอพัก พอเงยหน้าขึ้นเห็นเลียมถือห่อกระดาษมัดใหญ่ใบหน้าดูขัดเขิน

                     

                  “ผมกลับบ้าน... ดอกลิลลี่ออฟเดอะวัลเลย์ออกดอกเต็มไปหมด   เห็นคุณชอบผมเลยเก็บมาฝาก”    

                      

                    แพร์เอื้อมมือรับ   “ขอบคุณนะคะ หอมจัง”   

                      

                   พอถึงห้องพัก เธอค่อย ๆ แกะกระดาษหลายชั้น และถุงใส่สำลีชุ่มน้ำตรงโคนก้านดอกไม้สีขาวแสนบอบบาง อย่างเบามือ  จัดใส่แก้วน้ำได้ถึงสามใบ  ปีถัดมาเธอได้ของฝากจากชายหนุ่มแบบนี้อีก...หญิงสาวรู้ว่าเขาชอบเธอ ... นอกจากเรื่องให้ดอกไม้เขาก็ไม่ได้ทำอะไรให้อึดอัด  คงสุภาพเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยน... 

                       

                    เลียมยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่มหลังจากกินเค้กวนิลาหมด

      

         "คริสต์มาสนี้ผมอยากชวนคุณไปร่วมฉลองกับครอบครัวของผมที่แคนเทอร์เบอรี  ช่วงนั้นครอบครัวน้องสาวและอาเขยจะมาด้วย ไปนะครับ”   สายตาที่มองเธอครั้งนี้ไม่เก็บความรู้สึกเหมือนเคย   


         “ช่วงนั้นแพร์มีนัดกับโบว์ ขอบคุณนะคะที่ชวน”  เธอนึกถึงญาติผู้ใหญ่ของเลียมซึ่งเคยพบเมื่อหลายเดือนก่อน    "คุณอาของคุณเป็นยังไงบ้างคะ"

                     

                   "สุขภาพดีขึ้นมาก  อากลับไปอยู่นิวยอร์กเกือบเดือนแล้ว ปลายเดือนนี้จะมาอังกฤษอีกที"    

                   

                   "ผมขอคุยกับคุณได้ไหม"  ชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนโยน

                    

                   แพร์เลิกคิ้วมองหน้าเขา  

                    

                   "ที่ผ่านมาผมไม่กล้า  คิดว่าคุณอาจยังไม่พร้อมที่จะฟัง"

                    

                   แพร์มองเลียมสูดลมหายใจเข้า มือสองข้างเลื่อนมากุมกันบนโต๊ะ ชายหนุ่มจ้องเข้ามาในดวงตาเธอ หญิงสาวใจ เต้นตึ๊กตั๊กเดาได้ว่าเขาจะพูดอะไร

                       

                  "ผมอยากบอกคุณว่า ตั้งแต่เรารู้จักกัน ผมมีความรู้สึกที่ดีกับคุณมาก ความรู้สึกนี้มันเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน แพร์ครับผมรักคุณ รักคุณมาก"   

                     

                  แพร์ตกตะลึง เมื่อได้ยินคำว่ารักขึ้นมาจริงๆก็อดตกใจและกังวลไม่ได้ เลียมเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอที่นี่

                      

                  "คุณรู้สึกอย่างไรกับผมบ้าง"     เลียมเอื้อมมือกุมมือข้างหนึ่งของเธอ เสียงของเขาอ่อนหวานจนแพร์สะท้อนในอก

                      

                  "ฉันขอบคุณมากที่มอบความรู้สึกดี ๆให้  ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันคุณช่วยเหลือฉันทุกอย่าง คุณเป็นเพื่อนรักของฉันนะคะ"

                      

                  เลียมหน้าหมองลงไม่นาน แล้วกลับมายิ้มใหม่    "อย่าเพิ่งปฏิเสธผมเลยนะ ขอโอกาสผมบ้างได้ไหม"

                     

                  "ฉันไม่อยากให้คุณเสียเวลา มิตรภาพของเรามีค่ากว่าทุกสิ่งนะคะ"

                      

                  "ถ้าอย่างนั้น เราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม และผมจะขอรักคุณต่อไป วันหนึ่งคุณอาจใจอ่อนก็ได้"  เลียมยิ้มดวงตาฉายแววหวาน พลางยกมือเธอขึ้นจุมพิต

                      

                  หญิงสาวส่ายหน้าช้า ๆ ปฏิเสธเลียมอีกครั้งอย่างนุ่มนวล เธอไม่ต้องการทำร้ายจิตใจชายหนุ่มพอ ๆ กับไม่ต้องการหลอกลวงเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างเขา

                     

                  "อย่ากังวลแล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงผม ถึงเวลานั้นผมจะยอมรับการตัดสินใจของคุณ"

     

        อภิษิตยิ้ม มองหน้าเขาทันทีเมื่อหญิงสาวเดินเข้าไปในร้าน  

                  

                  “เฮ้ยแกจะเปลี่ยนใจไม่พนันก็ได้นะ  ท่าทางจะมีคนมาชอบน้องแพร์เยอะว่ะ”    อภิษิตหัวเราะเบา ๆ พลางยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม    

                  

                 “แค่นี้ไม่เท่าไรหรอก คนอย่างฉันไม่เปลี่ยนใจง่าย ๆ แกคอยดูก็แล้วกัน”    ชายหนุ่มบอกเพื่อนพลางยักไหล่ แต่ภายในใจขุ่นมัว

                  

                  รู้สึกเหมือนถูกสบประมาทในเรื่องที่ตนเองทะนงตัวว่ามีดี เขาประกาศไปแล้วว่าจะลงสนามแข่งจีบผู้หญิงคนนี้  ผลของเกมนี้มีอย่างเดียว เขาต้องชนะ

     


                                          .........................................................



    สวัสดีค่ะ  วันสุดท้ายของปีเก่าแล้วนะคะ ขอให้ทุกคนเริ่มต้นสิ่งดีๆในปีใหม่และติดตามตอนต่อไปกันเลยนะคะ 

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×