คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เกมพนัน (Re-write)
๔
เกมพนัน
เดือนตุลาคม บีคอนฟิลด์ , ลอนดอน
บ้านของก้องภพตั้งอยู่ระหว่างสวนสาธารณะขนาดย่อม เป็นตึกสไตล์จอร์เจียนก่ออิฐสีน้ำตาลแดงมั่นคงแข็งแรง หน้าต่างกระจกสีขาวลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนกระทบแสงแดดยามบ่ายเป็นประกายวับ สนามหญ้าสีเขียวเรียบ มีต้นแอปเปิ้ลสูงราวเจ็ดเมตร ใกล้กันเป็นกอเยอร์บีราออกดอกสีส้มบานสะพรั่งเป็นแพริมรั้ว แถบนี้สงบเงียบน่าอยู่ พวกมิจฉาชีพไม่มีให้เห็นเหมือนย่านอื่น
นภกดกริ่งที่เสาประตูรั้วเหล็กดัด มองเข้าไปเห็นชายหนุ่มผิวเข้มรูปร่างท้วมเงยหน้าขึ้นจากรถจักรยาน ที่กำลังเช็ดถูทำความสะอาดอยู่ในโรงรถ
“เฮ้ย นภเข้ามา” คนเป็นเจ้าของหนุ่มบ้านกุลีกุจอเปิดประตูให้ “ทำไมเพิ่งโผล่วะ”
“เสร็จงานก็มาหาแกนี่แหละ คุณแป้งล่ะ” นภถามถึงภรรยาของเพื่อนตามองไปรอบบริเวณบ้าน เขาไม่ได้มาที่นี่ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิ
นภกับก้องภพเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนประจำ จนกระทั่งจบไฮสคูล เขาเรียนต่อปริญญาตรีวิศวกรรมในลอนดอนแล้วไปเรียนปริญญาโทด้านบริหารที่แคลิฟอร์เนีย จากนั้นเข้าทำงานที่บริษัทของพ่อ ส่วนก้องภพเรียนปริญญาตรีและโททางเศรษฐศาสตร์ที่นี่ ขณะนี้ทำงานธนาคารด้านวิเคราะห์การลงทุน พบรักกับแป้งซึ่งมาเรียนเภสัชศาสตร์แต่งงานกันแล้วอยู่ที่นี่
“คุณแป้งกลับกรุงเทพสองอาทิตย์ คุณแม่จะเข้ารับการผ่าตัด” ก้องภพก้มลงเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดลงกล่อง แล้วเดินนำนภเข้าบ้าน
“คุณแป้งเป็นคนน่ารัก แกน่ะโชคดี” เขานั่งลงบนโซฟาบุผ้าฝ้ายสีเขียวมะกอก การตกแต่งภายในบ้านยังเหมือนเดิม สะอาดสวยงาม มีระเบียบ
เพื่อนในกลุ่ม ก้องภพเป็นคนสุขุมใจเย็นที่สุดและเป็นคนที่แต่งงานก่อนใคร
“ทำเป็นพูดเข้า อย่างแกไม่โชคดีหรือวะ สาว ๆ รุมล้อมทั้งไทยทั้งอังกฤษเลือกได้หรือยัง” ก้องภพลุกขึ้นเดินเข้าครัว ไม่นานถือเบียร์กระป๋องและของขบเคี้ยวออกมายื่นให้เขา
"เมื่อวานฉันเจอแคลร์...วันเกิดพอดี เลยพาไปดูละคร" นภยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ เหยียดขาพาดสตูลหนังสีดำ เอนหลังพิงพนักโซฟาหลับตานิ่ง
แคลร์...สาวอังกฤษผมบลอนด์ ผู้มีเรือนร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้า
"สนุกมากนภ ขอบคุณนะคะที่พามาดูเรื่องนี้ เป็นของขวัญวันเกิดที่ถูกใจที่สุด" ดูละครเสร็จเธอขอบคุณเสียงอ่อนหวาน ดวงตาเป็นประกายจนเขาไม่กล้าสบตา
"ดีใจที่คุณชอบ ถ้ามีโอกาสเรามาดูอีกก็ได้ เที่ยวนี้ผมมาอยู่ลอนดอนนาน"
เขาไปส่งเธอถึงอพาร์ตเมนต์เกือบเที่ยงคืน แคลร์ชวนขึ้นไปดื่มกาแฟต่อบนห้อง เขาปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนรัก... เขากับเควินเรียนโรงเรียนประจำด้วยกันตั้งแต่อายุสิบสองปี
นึกถึงละคร... อดนึกถึงดวงตากลมโตสีน้ำตาลวาววามคู่นั้นไม่ได้ ...
"ใจลอยไปถึงไหนนภ" ก้องภพหัวเราะเบา ๆ "เที่ยวนี้แกมานานไหม"
“ถึงหลังปีใหม่ มานี่ไม่ได้พักเสียทีเดียวมาดูงานและพบลูกค้าใหม่ด้วย อาทิตย์ก่อนทั้งอาทิตย์ฉันวุ่นกับการติดต่อลูกค้า เหนื่อย” คนพูดส่ายหน้า พลางถอนหายใจ "นี่ยังไม่จบนะ วันมะรืนฉันต้องไปเจอลูกค้าอีกรายที่สต็อกโฮมอาจจะร่วมทุนกันทำโรงแรม"
“กับแคลร์ แกก็คบเธอมานานแล้ว ท่าทางเธอชอบแกนะ” ก้องภพถามเขา
เพื่อนทุกคนเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด อยากรู้กันนักว่าเขาจะลงเอยกับสาวคนไหน
“แคลร์เป็นคนน่ารักใจเย็นแต่ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น แกอย่าลืมแคลร์น่ะน้องสาวของเคฟ ฉันยิ่งไม่คิดเป็นแฟนด้วย ไม่อยากเสียเพื่อน” นภถอนหายใจเฮือก "คนอย่างฉันไม่รักใครง่าย ๆ หรอกโว้ย"
“คุณรมิตาล่ะสเป็กไหม” ก้องภพยังถามต่อ นี่เฉพาะที่หนุ่มแบงค์เห็นที่นี่ ถ้ารวมสาว ๆ ที่กรุงเทพด้วยน่าจะอีกหลายคน
“คุณมิตานั่นพ่อแม่ของเธอเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับพ่อฉัน ฉันกับเขาต้องทำงานร่วมกันก็แค่นั้น” นภพูดต่อ “ฉันไม่มีสเป็กอยู่ที่ว่าจะชอบไหม แต่ก็แค่ชอบว่ะ ชอบก็คบกันไปเบื่อก็เลิก เรื่องรักไม่ต้องพูดถึงไม่อยู่ในหัว” เขาย้ำพลางยกเบียร์ขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี
“ขอให้แน่ทีเถอะวะ ไอ้คนพูดแบบนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว” ก้องภพพูดไปหัวเราะไปยกมือชี้หน้าเพื่อน พอดูนาฬิกาบนเคาน์เตอร์บอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม “ลุกโว้ย ออกไปหาอะไรกินกันจะกินอะไรดีไทย จีนหรือฝรั่ง”
"อะไรก็ได้" ชายหนุ่มผู้มาเยือนตอบพลางยักไหล่น้อย ๆ
ก้องภพเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ห้านาทีก็ลงมา เขาใส่เสื้อยืดโปโลแขนยาวกับกางเกงยีนส์ สวมแจ็กเก็ต สองหนุ่มขึ้นรถแอสตันมาร์ตินสีตะกั่วซึ่งจอดอยู่ริมรั้ว บ้านของก้องภพอยู่ในเขตบีคอนฟิลด์ห่างจากลอนดอนเพียงสี่สิบห้านาที นภขับรถออกมาได้ไม่นาน ได้ยินเสียงแหลมถี่ ๆ ของโทรศัพท์มือถือก้องภพ เขาหันมามองเพื่อน
“แกนัดพล ษิต ทอดด์ รึยัง”
ก้องภพกดรีโมตหรี่เสียงเพลงลงแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต หันมาตอบเพื่อน “นัดแล้วไอ้พลติดเทกแคร์แฟนอยู่... กำลังหลง มันจะตามมาที่ร้านจีน” ก้องภพวางสายจากเพื่อนหันมาบอกเขา
“ษิตมันขอช่วยเมียที่ร้านก่อนคืนนี้ลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ เสร็จเมื่อไรจะมากับทอดด์คงสักสามทุ่มครึ่งมันจะไปที่ผับเลย”
ถึงย่านไชน่าทาวน์ นภเลี้ยวรถขึ้นอาคารจอดรถ สองทุ่มตามถนนหนทางร้านรวงประดับไฟคึกคัก ผู้คนเดินขวักไขว่เข้ามาซื้อของและกินอาหาร อากาศเย็นสบาย เขากับก้องภพเดินถึงหน้าร้านจีนชื่อดังร้านหนึ่ง ด้านหน้าเป็นกระจกแต่งขอบสีแดงลายจีนทั้งสี่ด้าน บนเพดานหน้าร้านห้อยโคมสีแดงขนาดใหญ่ประดับไฟระยิบ อาหมวยใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเหมือนไข่ปอก ปากแดงจิ้มลิ้มกำลังยืนเรียกลูกค้า
“กี่ที่คะ เชิญค่ะ จองไว้หรือเปล่า” เธอยิ้มหวานผลักประตูผายมือให้สองหนุ่มเข้าไปในร้าน
“ไม่ได้จองครับ” ก้องภพตอบ
“งั้นเชิญชั้นสองเชิญค่ะ ชั้นล่างเต็มทุกโต๊ะแล้ว” เธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงแหวกด้านข้างสูงแลเห็นขาขาวๆยามก้าวเดินขึ้นบันได
ห้องอาหารบนชั้นสองตกแต่งสไตล์จีนเหมือนชั้นล่าง เด่นด้วยสีแดง ผนังสีขาวครีมแต่งขอบไม้เล็ก ๆ ลวดลายอ่อนช้อย โต๊ะคลุมผ้าสีขาวสะอาดเรียบกริบ เก้าอี้ไม้เบาะสีแดง มีทั้งหมดสิบโต๊ะว่างอยู่สามโต๊ะ
“เชิญโต๊ะนี้ค่ะ”
สาวน้อยชุดแดงเลื่อนเก้าอี้ให้ก้องภพ วางรายการอาหารตรงหน้าลูกค้าแล้วถือปากการอจด เมนูเด็ดของร้านคือเป็ดย่างเนื้อนุ่มหนังกรอบบางเฉียบกินกับน้ำจิ้มสูตรลับเฉพาะ ใครมาเป็นต้องสั่งพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด พนักงานอีกคนยกกาชาจีนร้อนมาเสิร์ฟ สั่งอาหารเสร็จก้องภพเงยหน้ามองรอบห้อง
“อ้าว นั่นมันไอ้เคลลี่ มากับใคร”
เขาเห็นก้องภพเพ่งมองไปยังโต๊ะในสุดเลยมองตาม มีชายหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งนั่งหันหน้ามาทางก้องภพ ตรงข้ามกับตี๋หนุ่มเป็นหญิงสาวสองคนคนหนึ่งผมยาวอีกคนผมซอยสั้น “นั่นกวงนี่”
ก้องภพยิ้ม “แกไม่รู้อะไร ตอนนี้มันเปลี่ยนชื่อแล้วเป็นเคลลี่ ชื่อจริงกำจายก็เปลี่ยนเป็นปกรณ์เกียรติอย่าไปเรียกผิดละกัน”
นภขำจนหัวเราะเสียงดังลั่น
“เฮ้ย เบา ๆ สิวะไอ้นภคนเค้าหันมามอง” ก้องภพหรี่ตามองไปที่โต๊ะของหนุ่มที่เป็นประเด็นกล่าวถึง “น้องแพร์กับน้องโบว์นี่เองนึกว่าใคร”
“รู้จักหรือวะ” นภถามอย่างไม่ใส่ใจ แต่เคลลี่นั้นเขารู้จักดี ... ดีมากเสียด้วย เพราะสิ่งที่เคลลี่ทำไว้มันหนักหนาสาหัส ถ้าเอาคนที่เขาเกลียดขี้หน้ามายืนเรียงแถวกัน บอกได้เลยว่า...เคลลี่นี่แหละอยู่หัวแถว
เพื่อนของเขาขอไปทักทายผู้หญิงสองคนนั้น นภก้มหน้ากินเป็ดย่างกับปอเปี๊ยะกุ้งบนโต๊ะ ไม่กี่นาทีก้องภพกลับมานั่งที่โต๊ะ เด็กเสิร์ฟสาววางจานหมูกรอบ ตามด้วยผักกาดขาวผัดเนื้อปู ข้าวสวยร้อน ๆ มาให้คนละถ้วย ระหว่างนั้นสพล เพื่อนในกลุ่มเดินเข้ามาสมทบแล้วหันไปสั่งข้าวกับเด็กเสิร์ฟ นภรินน้ำชาให้เพื่อน
"แกจะสั่งอะไรเพิ่มไหม เมื่อกี้ฉันสั่งหมี่ซั่วผัดผักรวมจานใหญ่" นภถามคนเพิ่งมา
"แค่นี้พอ" สพลคว้าตะเกียบคีบหมูกรอบเข้าปากเคี้ยวอย่างเร็ว แล้วบ่นต่อ "ส่งคุณสุเสร็จฉันก็รีบมานี่แหละหิวจะตายห่าอยู่แล้ว ผู้หญิงนี่ซื้อของแต่ละอย่างเลือกแล้วเลือกอีก รองเท้าคู่เดียวเดินเลือกสามชั่วโมง"
“เคลลี่มากับสาวที่ไหน” สพลหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟ “ข้าวเพิ่มอีกถ้วยครับ”
“ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก น้องแพร์กับน้องโบว์” ก้องภพมองไปทางโต๊ะเคลลี่
สพลหยุดกินอาหาร “ฮ้า นี่มันถึงขั้นควงน้องแพร์แล้วเหรอวะ ไม่น่าเป็นไปได้” สพลส่ายหน้า คว้าถ้วยชาขึ้นซด “เห็นแล้วทุเรศว่ะ ทำก้อร่อก้อติก...ไอ้เวรเอ๊ย อาทิตย์ก่อนฉันเห็นมันตามรับตามส่งน้องสาวเพื่อนคุณสุอยู่นะ”
นภนั่งฟังเพื่อนคุยเงียบ ๆไม่ออกความเห็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ลอนดอนประจำเหมือนก้องภพและสพล เวลาต้องมาดูงานหรือติดต่อลูกค้าแถวยุโรปจึงจะมีโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงเป็นครั้งคราว ฟังดูก้องจะชื่นชมผู้หญิงสองคนนี้ไม่น้อย เลยอดถามไม่ได้
"ผู้หญิงสองคนเป็นใคร"
“น้องผมสั้นน่ะน้องโบว์ส่วนอีกคนชื่อน้องแพร์ ฉันสนิทกับน้องแพร์ดีคุณแป้งเอ็นดูมาก คุณลุงเธอเป็นอาจารย์ของป้อง พอน้องแพร์มาเรียนเอกที่นี่เลยฝากฝังให้ป้องช่วยดูแล ป้องเคยเป็นติวเตอร์ให้น้องแพร์ตั้งแต่อยู่มัธยมต้นเลยสนิทเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่ง” ก้องเล่าต่อ “เคยมาที่บ้านหลายครั้งแกเป็นเด็กเรียบร้อย”
“เรียบร้อยยังไงถ้าเจอเอาใจพาซื้อของกินข้าวบ่อย ๆ ไม่รอดหรอก รู้อยู่ไอ้กวงมันเลว ยังไม่ได้มันก็ไม่เลิก ได้เมื่อไรก็เมื่อนั้นทิ้งไปหาสาวจีบใหม่... น้องคนนี้ฉันว่าอีกไม่นาน” นภพูดเสร็จยกน้ำชาขึ้นจิบ
“อ้าว ไอ้ปากเสีย ไอ้ที่แกพูดน่ะยากโว้ยบ้านน้องก็มีฐานะ ครอบครัวเป็นผู้ดีมีตระกูลคงไม่เห็นแก่เงินอย่างแกพูดหรอก”
ถึงจะมีฐานะ มีความรู้ แต่ถ้าเจอลูกตื๊อถี่ ๆ ของขวัญไม่อั้นก็คงไม่นาน น่าเสียดายถ้าไปเสียท่าให้เจ้ากวง นภหันไปมองหนึ่งหนุ่มกับสองสาวที่ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเดินมาทางโต๊ะของเขาเพื่อลงบันได เคลลี่ยิ้มให้เขากับเพื่อน หญิงสาวทั้งสองไหว้ก้องภพกับสพล
“น้องแพร์นี่นภ เพื่อนพี่มาจากเมืองไทยครับ” ก้องภพหันมาบอกเขา "น้องแพร์เรียนเอกที่นี่ น้องโบว์เรียนดนตรีอยู่รอยัลมิวสิก”
นภฟังผ่าน ๆ แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเขารับไหว้
แพร์อึ้งเมื่อเห็นหน้าเพื่อนของก้องภพชัด ...ไม่คิดว่าจะเจอกันอีก ผู้ชายแย่ที่สุดที่เคยเจอในรอบหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะหน้าตาดีแต่นิสัยไม่ไหว เธอรีบปรับสีหน้าฝืนใจยกมือไหว้
ผับเดอะเรดไลอ้อนย่านเซนต์เจมส์เป็นผับเก่าแก่ ภายในตกแต่งสไตล์วิกตอเรียน เพดานห้องเป็นภาพวาดบนผิวปูนลวดลายเทวดาตัวน้อยลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ตรงกลางเพดานติดแป้นไม้แกะสลักสีทองห้อยโคมไฟระย้า หน้าต่างโค้งประดับกระจกสีสะท้อนแสงไฟระยิบ พื้นปูหินอ่อนสีเขียวเข้ม เก้าอี้นวมบุหนังสีดำ คืนนี้มีคนนั่งดื่มสิบกว่าคน นภ ก้องภพและสพลถึงผับเกือบสี่ทุ่ม เข้าไปข้างในเห็นทอดด์เพื่อนชาวอังกฤษกับอภิษิตนั่งดื่มเบียร์รอ
“เฮ้ย มานั่งนี่” อภิษิตโบกมือทัก
เพื่อนของเขาคนนี้เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเขาและก้องภพ พอเรียนจบแต่งงานกับสาวอังกฤษเปิดร้านอาหารไทยในลอนดอน สนิทกับกลุ่มเพื่อนโรงเรียนประจำของนภและก้องภพทุกคน ส่วนทอดด์หนุ่มอังกฤษสูงโย่ง ผมแดง เรียนโรงเรียนประจำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนจบไฮสคูล แล้วไปเรียนต่อที่อเมริกา ขณะนี้ทำงานในลอนดอน
นภนั่งดื่มเงียบ ๆ ฟังเพื่อนคุยเรื่องการนัดหมายเที่ยวบ้านฟาร์มที่เมืองโชรส์เบอรีรีของเควิน ซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่ม ดูเหมือนจะมีสพลคนเดียวติดดูแลแฟนจึงไม่ไปด้วย
“เจ้าสาวของเคฟเห็นว่าเป็นลูกครึ่งไทย พ่อเป็นสก็อตพวกแกเคยเจอบ้างไหม” อภิษิตถาม
“เคยเจอสองครั้ง น่ารักนะคุณเอ้ ชื่อจริงเอริกา ท่าทางคล่องสวยด้วย ทำงานบริษัทผลิตวิสกี้ของครอบครัว” ก้องภพเล่า
“พวกเราตอนนี้เหลือแต่แกกับไอ้พล ไอ้ทอดด์อีกคนที่ยังโสด” อภิษิตยกเหยือกเบียร์ขึ้นดื่มมองหน้าเขาแล้วหันไปทางสพลซึ่งเดินไปสั่งเบียร์เพิ่มหน้าเคาน์เตอร์
"เห็นไอ้พลแล้วกลุ้มว่ะ คนไม่เคยมีแฟนพอมีกับเขาขึ้นมาก็ทำตัวไม่ถูกเอาอกเอาใจเขาตะพึดตะพือจนไม่เป็นตัวเอง"
"แกรู้จักหรือ" คนรู้ข่าวล่ากว่าเพื่อนถาม คราวก่อนมาลอนดอนก็เมื่อห้าเดือนที่แล้ว
"เออสิวะ ผู้หญิงแก่กว่ามันเจ็ดแปดปีเชียวนะ ไอ้เรื่องอายุก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ไอ้คนของเราพอเจอเธอคะ ขา เข้าหน่อยไปไม่เป็นเลย ชี้นกเป็นนก เลิกงานตอนเย็นต้องไปอยู่กับแฟนทุกวัน ไม่ค่อยโผล่หัวมาให้เห็น" อภิษิตเล่าเป็นฉาก ๆขณะที่ทอดด์นั่งฟังเฉย ปากเคี้ยวถั่วอบ
"พลมันเป็นคนใจอ่อน ตามใจคนก็อย่างนั้นแหละ" ก้องภพพูดเสริม
“ฉันว่าไม่นาน คงไม่รอดกรงเล็บของคุณสุ ตัวมันเองอยากจะให้เค้าขย้ำอยู่แล้ว อ่อนหัดจริง ๆ อีกหน่อยจะทนไม่ไหวคอยดูก็แล้วกัน” อภิษิตเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อสพลเดินเข้ามาใกล้ เขาถามชายหนุ่มผู้เป็นหัวข้อสนทนาสด ๆ ร้อน ๆ “เฮ้ย พลทำไมไม่ไปบ้านฟาร์มด้วยกันวะ นาน ๆ พวกเราจะอยู่กันครบ”
“ฉันต้องไปเป็นเพื่อนคุณสุ คริสต์มาสนี้คุณสุจะไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนสนิทที่พลีมัธ จะปล่อยให้ไปคนเดียวก็ห่วง ผู้หญิงด้วย” สพลอธิบายเสียงอ่อย
"อ้าว แล้วเมื่อก่อนที่แกยังไม่ได้เป็นแฟนกับคุณสุ เธอไปไหนมาไหนยังไงวะ"
"เออน่า พลมันติดธุระก็ไม่เป็นไร ไอ้นี่ก็เซ้าซี้อยู่ได้" ก้องภพพูดตัดบทก่อนที่เรื่องจะยืดยาวไม่จบ เดี๋ยวจะพาลทะเลาะกันเสียก่อน
“อาทิตย์ที่แล้วไอ้กวงมันพาสาว ๆ มากินข้าวที่ร้านฉัน คุณสุแฟนแกก็มาด้วย” อภิษิตเอ่ย
“คงจะเป็นน้องนิดาน้องสาวคุณต้อยเพื่อนของคุณสุมันกำลังจีบอยู่”
“วันนั้นฉันอยากเตะมันฉิบ...เลย คุณต้อยถามมันว่ารู้จักคุณศิ...ศศินาไหม มันพูดยังไงรู้ไหมมันบอกรู้จัก คุณต้อยเลยถามมันว่าเขาลือกันว่าคุณศิเรียนไม่จบกลับเมืองไทยไปก่อนเพราะท้องกับมัน มันรีบออกตัวว่าเคยคบกันไม่นานไม่มีอะไรในกอไผ่ แล้วช่วงนั้นคุณศิก็คบผู้ชายหลายคน ถ้าอยากรู้มันบอกให้ไปถามนภดู เขาสนิทสนมกันมากบินมาหากันบ่อยๆ มันพูดอย่างนี้เลยนะไอ้นภ” อภิษิตเล่าพลางจ้องหน้านภเขม็ง
“ไอ้ชั่ว” เขาโกรธจนลมแทบออกจากหู นึกอยากตะบันหน้าคนพูด
“แต่ตอนนั้นคุณศิแกควงอยู่หลายคนจริง ๆ นะ แต่กับไอ้กวงรู้สึกจะหลายเดือน มันพูดอย่างนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยเคยเป็นแฟนกันแท้ ๆไอ้เวร เดี๋ยวนี้เสือกชื่อตั้งเคลลี่” อภิษิตพูดเสร็จหันไปเรียกพนักงานขอถั่วเพิ่ม
“ฉันงงนะ เมื่อกี้เห็นมันพาน้องแพร์กับน้องโบว์มากินข้าวร้านจีน เออ แล้วเมื่อวันเสาร์ฉันไปซื้อของกับคุณสุที่เวสต์ฟิลด์เจอมันยืนคุยอยู่กับน้องแพร์ นี่มันจะจีบน้องแพร์ควบเลยหรือวะ” สพลให้ความเห็น
“น้องแพร์... พริบดาวน่ะเหรอ” อภิษิตเลิกคิ้วถามเสียงดัง
นภรู้สึกคุ้นชื่อนี้... พริบดาว
“น้องแพร์คงไม่คิดอะไรกับมันหรอกคงจะบังเอิญมากกว่า” เสียงของก้องภพบอกความมั่นใจ
“น้องชายฉันเรียนอยู่คณะเดียวกับน้องแพร์รู้จักกันดี แกเป็นพวกหนอนหนังสือ” อภิษิตพูด
นภตั้งใจฟัง “คณะอะไร”
“สนใจหรือวะนภ คณะวิทยาศาสตร์ชื่อพริบดาว บุณยะภัค ดาวคณะเลยนะแก” อภิษิต บรรยายสรรพคุณพลางยกเหยือกเบียร์ขึ้นดื่ม
“จะว่าไปอย่างไอ้นภนี่สิถึงจะเหมาะสมกับน้องแพร์... หล่อ รวย มีตระกูลค่อยคู่ควรกันหน่อย ดีเหมือนกันเอาให้ไอ้กวงหน้าหงายเลยมึง ฉันละเกลียดขี้หน้ามันจริงๆ ตั้งแต่เรื่องคุณศศินาแล้ว พอมีเรื่องมีราวก็โบ้ยมาให้แก ความจริงแกบินไปเรียนอเมริกาก่อนที่มันจะคบกับคุณศิเสียอีก แล้วยังสะเออะมาจีบน้องแพร์โธ่... ไอ้เวร”
“อย่าไปฟังไอ้ษิตนะนภ เรื่องมันจบไปแล้ว แล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับน้องแพร์” ก้องภพเตือนเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ที่ผ่านมาฉันไม่เคยสนใจมันอยู่แล้ว แต่มันพูดถึงฉันแบบนี้... แล้วอีกอย่าง... ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาตรฐานสูงขนาดไม่มีใครจีบเธอได้ มันก็ท้าทายดีว่ะ ครั้งนี้ฉันมาอังกฤษตั้งสองเดือนเวลาเหลือเฟือ ดีกว่าอยู่เปล่าๆจะได้ดัดหลังไอ้กวงด้วย”
“เฮ้ย นภ อย่าทำเป็นเล่นไป แกนั่นแหละหลังจะหัก ผู้หญิงเขาไม่ใช่แบบที่แกเจอมา อกหักกันมาเยอะแล้วเค้าไม่เล่นด้วย” สพลพูดน้ำเสียงเป็นห่วง
ได้ยินแล้ว เขายิ่งรู้สึกอยากเอาชนะ ...จะสักแค่ไหนเชียว
ตั้งแต่เป็นหนุ่มมาจำไม่ได้ว่าเปลี่ยนคู่ควงไปแล้วกี่คน มีทั้งสาวไทยและสาวต่างชาติ ยังไม่เคยมีสาวคนไหนปฏิเสธเขาสักครั้ง มีแต่เต็มอกเต็มใจนั่งเคียงข้างในรถหรู ควงกันไปเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้กระทั่งยังไม่เคยมีสาวคนไหนรังเกียจของขวัญราคาแพงที่เขามอบให้สักคน ชายหนุ่มยิ่งกว่ารู้ว่าตนเองเป็นที่หมายปองของสาว ๆ เพียงใด แต่ละนางล้วนมุ่งมั่นที่จะผูกมัดเขา หวังกันเหลือเกินว่าจะสั่นระฆังวิวาห์ให้ได้ แต่ก็ได้แค่หวังเพราะเขาไม่เล่นด้วย
“เอาอย่างนี้ไหมช่วงฉันอยู่ลอนดอนถ้าจีบติดแกเลี้ยงเหล้าฉัน ถ้าฉันแพ้จะเลี้ยงกลับตกลงไหม” เขาพูดออกไปเสียงเข้ม อารมณ์ชักเดือด
“แกเอาจริงหรือวะนภ” อภิษิตถามพลางพูดต่อ “ก็ได้ตกลง พลพนันด้วยไหม”
“ฉันไม่อยากยุ่งว่ะ โตแล้วเล่นเป็นเด็กไปได้” สพลกล่าว ขณะที่ก้องภพส่ายหัวไม่เห็นด้วย
พริบดาว บุณยะภัค... ใช่แล้วเธอนั่นเองที่ทำให้น้องชายของเขาเสียใจอยู่หลายปี เวลานั้นเขาเรียนปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ทางบ้านส่งข่าวให้รู้ว่านัทกินยาเกินขนาดแทบเสียชีวิต ซึมจัดจนต้องดร็อปเรียน เขากลับมาดูแลน้องชายหลายครั้งกว่าจะดีขึ้น แล้วยอมกลับไปเรียนใหม่
ในชีวิตของนภ... คนที่เขารักมากที่สุดคือพ่อและน้องชาย... หลังจากเหตุการณ์นั้น นัทเงียบขรึมไม่ร่าเริงเหมือนเคย พ่อของเขาให้ฝึกงานอยู่ในบริษัทจะได้ดูแลใกล้ชิด กว่านภจะเกลี่ยกล่อมให้เรียนปริญญาโทต่อได้ต้องใช้เวลานาน จนบัดนี้นัทเรียนจบทำงานรับผิดชอบในส่วนของโรงแรมได้เป็นที่น่าพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม ... เธอจะต้องชดใช้
“เออ ฉันถามหน่อย แกไปจีบเขาเล่น ๆ แบบนี้ไม่กลัวไปเผลอรักเขาขึ้นมาจริง ๆ เหรอวะ” อภิษิตจ้องหน้านภพร้อมส่งยิ้มยียวน
“รักเหรอวะ... ยาก เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ความสำคัญอยู่ที่ฉันอยากทำให้ไอ้กวงมันหน้าหงายก็แค่นั้น” เขาตอบทั้งที่ยังงงกับคำถามของเพื่อน
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นโว้ย คือ…ฉันหมายถึงถ้าแกเกิดไปรักเขาจริง ๆ ขึ้นมา แต่น้องเค้าไม่เล่นด้วยแกจะทำยังไงวะ”
นภปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องตลกขนาดนี้ “ไอ้ษิต... อย่างฉันนี่นะจะไม่เล่นด้วย ฉันแทบไม่เคยต้องจีบผู้หญิง ที่คบอยู่ก็มากันเองทั้งนั้น แล้วถ้าฉันลงทุนจีบมีหรือจะไม่เล่นด้วย”
“มันก็ไม่แน่หรอกไม่งั้นฉันไม่รับคำท้าของแก น้องเค้าไม่ง่ายอย่างที่แกคิดนะโว้ย”
สพลมองหน้าเพื่อนเห็นนภทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ ...ไอ้ษิตนี่ก็ปากเสียไม่รู้จะไปแหย่มันทำไมรู้อยู่แล้วว่าไอ้นภมันชอบเอาชนะเคยยอมแพ้ใครที่ไหน ยิ่งไอ้กวงคู่อริด้วยแล้วมันไม่ยอมแน่ เฮ้อ...เดี๋ยวจะไปกันใหญ่น้องแพร์ไม่รู้อะไรจะพลอยโดนร่างแหไปด้วย สพลไม่กล้าท้วงติง มองไปทางก้องภพหวังให้ช่วยปรามเพื่อน
“นภ ษิตฉันว่าเลิกคุยเรื่องนี้เถอะมันเลยเถิดไปกันใหญ่ อย่าเอาน้องเค้าเข้าไปเกี่ยวข้องฉันขอร้อง” ก้องภพพูดตัดบทสั้นๆ
“วันพฤหัสหน้าเป็นวันลอยกระทง คุณสุจะไปลอยที่วัดพุทธปทีปไปกันไหมพวกแก” สพลรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะบรรยากาศชักไม่ค่อยดี
“ป้องว่าจะมาค้างที่บ้านเหมือนกัน เห็นว่านัดเพื่อนๆไว้หลายคนจะไปลอยกระทงที่วัดพุทธปทีปเสร็จแล้วจะเข้ามาทำอาหารกินกัน น้องแพร์ น้องโบว์ก็ไปด้วย ฉันคงไม่ไปนั่งอยู่บ้านดื่มเบียร์ดีกว่า พวกแกเข้ามาบ้านฉันสิ"
“เออ ฉันจะเข้าไปบ้านแก” นภรับคำ
..........................................
สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้เป็นความเคลื่อนไหวทางฝ่ายหนุ่มๆกันบ้างนะคะ
ความคิดเห็น