ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า

    ลำดับตอนที่ #4 : เกมพนัน (Re-write)

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 62




    เกมพนัน





    เดือนตุลาคม   บีคอนฟิลด์ ลอนดอน

     

    บ้านของก้องภพตั้งอยู่ระหว่างสวนสาธารณะขนาดย่อม เป็นตึกสไตล์จอร์เจียนก่ออิฐสีน้ำตาลแดงมั่นคงแข็งแรง หน้าต่างกระจกสีขาวลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนกระทบแสงแดดยามบ่ายเป็นประกายวับ สนามหญ้าสีเขียวเรียบ มีต้นแอปเปิ้ลสูงราวเจ็ดเมตร ใกล้กันเป็นกอเยอร์บีราออกดอกสีส้มบานสะพรั่งเป็นแพริมรั้ว แถบนี้สงบเงียบน่าอยู่ พวกมิจฉาชีพไม่มีให้เห็นเหมือนย่านอื่น  


     นภกดกริ่งที่เสาประตูรั้วเหล็กดัด มองเข้าไปเห็นชายหนุ่มผิวเข้มรูปร่างท้วมเงยหน้าขึ้นจากรถจักรยาน ที่กำลังเช็ดถูทำความสะอาดอยู่ในโรงรถ

      

    เฮ้ย นภเข้ามา”     คนเป็นเจ้าของหนุ่มบ้านกุลีกุจอเปิดประตูให้   ทำไมเพิ่งโผล่วะ

      

    เสร็จงานก็มาหาแกนี่แหละ คุณแป้งล่ะ”     นภถามถึงภรรยาของเพื่อนตามองไปรอบบริเวณบ้าน เขาไม่ได้มาที่นี่ตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิ 

      

    นภกับก้องภพเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่อยู่โรงเรียนประจำ จนกระทั่งจบไฮสคูล เขาเรียนต่อปริญญาตรีวิศวกรรมในลอนดอนแล้วไปเรียนปริญญาโทด้านบริหารที่แคลิฟอร์เนีย จากนั้นเข้าทำงานที่บริษัทของพ่อ ส่วนก้องภพเรียนปริญญาตรีและโททางเศรษฐศาสตร์ที่นี่ ขณะนี้ทำงานธนาคารด้านวิเคราะห์การลงทุน พบรักกับแป้งซึ่งมาเรียนเภสัชศาสตร์แต่งงานกันแล้วอยู่ที่นี่

      

    คุณแป้งกลับกรุงเทพสองอาทิตย์  คุณแม่จะเข้ารับการผ่าตัด”     ก้องภพก้มลงเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดลงกล่อง แล้วเดินนำนภเข้าบ้าน

      

    คุณแป้งเป็นคนน่ารัก แกน่ะโชคดี”    เขานั่งลงบนโซฟาบุผ้าฝ้ายสีเขียวมะกอก การตกแต่งภายในบ้านยังเหมือนเดิม สะอาดสวยงาม มีระเบียบ

      

    เพื่อนในกลุ่ม ก้องภพเป็นคนสุขุมใจเย็นที่สุดและเป็นคนที่แต่งงานก่อนใคร

     

     ทำเป็นพูดเข้า อย่างแกไม่โชคดีหรือวะ สาว ๆ รุมล้อมทั้งไทยทั้งอังกฤษเลือกได้หรือยัง    ก้องภพลุกขึ้นเดินเข้าครัว ไม่นานถือเบียร์กระป๋องและของขบเคี้ยวออกมายื่นให้เขา

     

     "เมื่อวานฉันเจอแคลร์...วันเกิดพอดี เลยพาไปดูละคร"    นภยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจิบ เหยียดขาพาดสตูลหนังสีดำ  เอนหลังพิงพนักโซฟาหลับตานิ่ง

       

    แคลร์...สาวอังกฤษผมบลอนด์ ผู้มีเรือนร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาสีเขียวอมฟ้า  

      

    "สนุกมากนภ ขอบคุณนะคะที่พามาดูเรื่องนี้ เป็นของขวัญวันเกิดที่ถูกใจที่สุด"    ดูละครเสร็จเธอขอบคุณเสียงอ่อนหวาน ดวงตาเป็นประกายจนเขาไม่กล้าสบตา 

      

    "ดีใจที่คุณชอบ ถ้ามีโอกาสเรามาดูอีกก็ได้ เที่ยวนี้ผมมาอยู่ลอนดอนนาน"  

       

    เขาไปส่งเธอถึงอพาร์ตเมนต์เกือบเที่ยงคืน แคลร์ชวนขึ้นไปดื่มกาแฟต่อบนห้อง เขาปฏิเสธอย่างนุ่มนวล เธอเป็นน้องสาวของเพื่อนรัก... เขากับเควินเรียนโรงเรียนประจำด้วยกันตั้งแต่อายุสิบสองปี  

      

    นึกถึงละคร... อดนึกถึงดวงตากลมโตสีน้ำตาลวาววามคู่นั้นไม่ได้ ...

     

    "ใจลอยไปถึงไหนนภ"   ก้องภพหัวเราะเบา ๆ   "เที่ยวนี้แกมานานไหม"  

     

    “ถึงหลังปีใหม่ มานี่ไม่ได้พักเสียทีเดียวมาดูงานและพบลูกค้าใหม่ด้วย อาทิตย์ก่อนทั้งอาทิตย์ฉันวุ่นกับการติดต่อลูกค้า เหนื่อย      คนพูดส่ายหน้า พลางถอนหายใจ   "นี่ยังไม่จบนะ วันมะรืนฉันต้องไปเจอลูกค้าอีกรายที่สต็อกโฮมอาจจะร่วมทุนกันทำโรงแรม"

     

      กับแคลร์ แกก็คบเธอมานานแล้ว ท่าทางเธอชอบแกนะ”    ก้องภพถามเขา  

      

    เพื่อนทุกคนเป็นแบบนี้เหมือนกันหมด อยากรู้กันนักว่าเขาจะลงเอยกับสาวคนไหน

      

    แคลร์เป็นคนน่ารักใจเย็นแต่ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้น แกอย่าลืมแคลร์น่ะน้องสาวของเคฟ ฉันยิ่งไม่คิดเป็นแฟนด้วย ไม่อยากเสียเพื่อน    นภถอนหายใจเฮือก   "คนอย่างฉันไม่รักใครง่าย ๆ หรอกโว้ย"      

      

    คุณรมิตาล่ะสเป็กไหม  ก้องภพยังถามต่อ นี่เฉพาะที่หนุ่มแบงค์เห็นที่นี่ ถ้ารวมสาว ๆ ที่กรุงเทพด้วยน่าจะอีกหลายคน

      

    คุณมิตานั่นพ่อแม่ของเธอเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกับพ่อฉัน  ฉันกับเขาต้องทำงานร่วมกันก็แค่นั้น    นภพูดต่อ   ฉันไม่มีสเป็กอยู่ที่ว่าจะชอบไหม แต่ก็แค่ชอบว่ะ ชอบก็คบกันไปเบื่อก็เลิก เรื่องรักไม่ต้องพูดถึงไม่อยู่ในหัว”    เขาย้ำพลางยกเบียร์ขึ้นดื่มอย่างอารมณ์ดี

      

    ขอให้แน่ทีเถอะวะ ไอ้คนพูดแบบนี้ฉันเห็นมาเยอะแล้ว”   ก้องภพพูดไปหัวเราะไปยกมือชี้หน้าเพื่อน พอดูนาฬิกาบนเคาน์เตอร์บอกเวลาเกือบหนึ่งทุ่ม   “ลุกโว้ย ออกไปหาอะไรกินกันจะกินอะไรดีไทย จีนหรือฝรั่ง” 

     

    "อะไรก็ได้"    ชายหนุ่มผู้มาเยือนตอบพลางยักไหล่น้อย ๆ

     

    ก้องภพเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน ห้านาทีก็ลงมา เขาใส่เสื้อยืดโปโลแขนยาวกับกางเกงยีนส์ สวมแจ็กเก็ต สองหนุ่มขึ้นรถแอสตันมาร์ตินสีตะกั่วซึ่งจอดอยู่ริมรั้ว บ้านของก้องภพอยู่ในเขตบีคอนฟิลด์ห่างจากลอนดอนเพียงสี่สิบห้านาที  นภขับรถออกมาได้ไม่นาน ได้ยินเสียงแหลมถี่ ๆ ของโทรศัพท์มือถือก้องภพ  เขาหันมามองเพื่อน 

      

    แกนัดพล ษิต ทอดด์ รึยัง”     

      

    ก้องภพกดรีโมตหรี่เสียงเพลงลงแล้วล้วงโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ต หันมาตอบเพื่อน   นัดแล้วไอ้พลติดเทกแคร์แฟนอยู่... กำลังหลง  มันจะตามมาที่ร้านจีน”    ก้องภพวางสายจากเพื่อนหันมาบอกเขา

      

    ษิตมันขอช่วยเมียที่ร้านก่อนคืนนี้ลูกค้าเต็มทุกโต๊ะ เสร็จเมื่อไรจะมากับทอดด์คงสักสามทุ่มครึ่งมันจะไปที่ผับเลย” 

      

    ถึงย่านไชน่าทาวน์ นภเลี้ยวรถขึ้นอาคารจอดรถ สองทุ่มตามถนนหนทางร้านรวงประดับไฟคึกคัก ผู้คนเดินขวักไขว่เข้ามาซื้อของและกินอาหาร อากาศเย็นสบาย เขากับก้องภพเดินถึงหน้าร้านจีนชื่อดังร้านหนึ่ง ด้านหน้าเป็นกระจกแต่งขอบสีแดงลายจีนทั้งสี่ด้าน บนเพดานหน้าร้านห้อยโคมสีแดงขนาดใหญ่ประดับไฟระยิบ อาหมวยใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเหมือนไข่ปอก ปากแดงจิ้มลิ้มกำลังยืนเรียกลูกค้า 

      

    กี่ที่คะ เชิญค่ะ จองไว้หรือเปล่า    เธอยิ้มหวานผลักประตูผายมือให้สองหนุ่มเข้าไปในร้าน   

      

    ไม่ได้จองครับ    ก้องภพตอบ

      

    งั้นเชิญชั้นสองเชิญค่ะ ชั้นล่างเต็มทุกโต๊ะแล้ว    เธออยู่ในชุดกี่เพ้าสีแดงแหวกด้านข้างสูงแลเห็นขาขาวๆยามก้าวเดินขึ้นบันได  

      

    ห้องอาหารบนชั้นสองตกแต่งสไตล์จีนเหมือนชั้นล่าง เด่นด้วยสีแดง ผนังสีขาวครีมแต่งขอบไม้เล็ก ๆ ลวดลายอ่อนช้อย โต๊ะคลุมผ้าสีขาวสะอาดเรียบกริบ เก้าอี้ไม้เบาะสีแดง มีทั้งหมดสิบโต๊ะว่างอยู่สามโต๊ะ  

       

    เชิญโต๊ะนี้ค่ะ”    

      

    สาวน้อยชุดแดงเลื่อนเก้าอี้ให้ก้องภพ วางรายการอาหารตรงหน้าลูกค้าแล้วถือปากการอจด  เมนูเด็ดของร้านคือเป็ดย่างเนื้อนุ่มหนังกรอบบางเฉียบกินกับน้ำจิ้มสูตรลับเฉพาะ ใครมาเป็นต้องสั่งพลาดไม่ได้โดยเด็ดขาด พนักงานอีกคนยกกาชาจีนร้อนมาเสิร์ฟ สั่งอาหารเสร็จก้องภพเงยหน้ามองรอบห้อง  

                    

             อ้าว นั่นมันไอ้เคลลี่ มากับใคร    

                     

             เขาเห็นก้องภพเพ่งมองไปยังโต๊ะในสุดเลยมองตาม มีชายหนุ่มหน้าตี๋คนหนึ่งนั่งหันหน้ามาทางก้องภพ  ตรงข้ามกับตี๋หนุ่มเป็นหญิงสาวสองคนคนหนึ่งผมยาวอีกคนผมซอยสั้น    “นั่นกวงนี่

                    

              ก้องภพยิ้ม   แกไม่รู้อะไร ตอนนี้มันเปลี่ยนชื่อแล้วเป็นเคลลี่ ชื่อจริงกำจายก็เปลี่ยนเป็นปกรณ์เกียรติอย่าไปเรียกผิดละกัน

                    

              นภขำจนหัวเราะเสียงดังลั่น 

                     

              “เฮ้ย เบา ๆ สิวะไอ้นภคนเค้าหันมามอง  ก้องภพหรี่ตามองไปที่โต๊ะของหนุ่มที่เป็นประเด็นกล่าวถึง    น้องแพร์กับน้องโบว์นี่เองนึกว่าใคร

                    

             รู้จักหรือวะ”    นภถามอย่างไม่ใส่ใจ แต่เคลลี่นั้นเขารู้จักดี ... ดีมากเสียด้วย เพราะสิ่งที่เคลลี่ทำไว้มันหนักหนาสาหัส  ถ้าเอาคนที่เขาเกลียดขี้หน้ามายืนเรียงแถวกัน บอกได้เลยว่า...เคลลี่นี่แหละอยู่หัวแถว 

                      

              เพื่อนของเขาขอไปทักทายผู้หญิงสองคนนั้น นภก้มหน้ากินเป็ดย่างกับปอเปี๊ยะกุ้งบนโต๊ะ  ไม่กี่นาทีก้องภพกลับมานั่งที่โต๊ะ  เด็กเสิร์ฟสาววางจานหมูกรอบ ตามด้วยผักกาดขาวผัดเนื้อปู ข้าวสวยร้อน ๆ มาให้คนละถ้วย ระหว่างนั้นสพล เพื่อนในกลุ่มเดินเข้ามาสมทบแล้วหันไปสั่งข้าวกับเด็กเสิร์ฟ นภรินน้ำชาให้เพื่อน 

                    

              "แกจะสั่งอะไรเพิ่มไหม เมื่อกี้ฉันสั่งหมี่ซั่วผัดผักรวมจานใหญ่"   นภถามคนเพิ่งมา

                     

              "แค่นี้พอ"  สพลคว้าตะเกียบคีบหมูกรอบเข้าปากเคี้ยวอย่างเร็ว แล้วบ่นต่อ    "ส่งคุณสุเสร็จฉันก็รีบมานี่แหละหิวจะตายห่าอยู่แล้ว ผู้หญิงนี่ซื้อของแต่ละอย่างเลือกแล้วเลือกอีก รองเท้าคู่เดียวเดินเลือกสามชั่วโมง"

                     

               “เคลลี่มากับสาวที่ไหน    สพลหันไปบอกพนักงานเสิร์ฟ   ข้าวเพิ่มอีกถ้วยครับ   

                     

               “ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก น้องแพร์กับน้องโบว์”   ก้องภพมองไปทางโต๊ะเคลลี่  

                     

               สพลหยุดกินอาหาร   “ฮ้า นี่มันถึงขั้นควงน้องแพร์แล้วเหรอวะ ไม่น่าเป็นไปได้”    สพลส่ายหน้า คว้าถ้วยชาขึ้นซด   “เห็นแล้วทุเรศว่ะ ทำก้อร่อก้อติก...ไอ้เวรเอ๊ย อาทิตย์ก่อนฉันเห็นมันตามรับตามส่งน้องสาวเพื่อนคุณสุอยู่นะ”  

                     

                นภนั่งฟังเพื่อนคุยเงียบ ๆไม่ออกความเห็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ลอนดอนประจำเหมือนก้องภพและสพล เวลาต้องมาดูงานหรือติดต่อลูกค้าแถวยุโรปจึงจะมีโอกาสแวะมาเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงเป็นครั้งคราว  ฟังดูก้องจะชื่นชมผู้หญิงสองคนนี้ไม่น้อย  เลยอดถามไม่ได้ 

                     

                "ผู้หญิงสองคนเป็นใคร"

                      

                “น้องผมสั้นน่ะน้องโบว์ส่วนอีกคนชื่อน้องแพร์ ฉันสนิทกับน้องแพร์ดีคุณแป้งเอ็นดูมาก คุณลุงเธอเป็นอาจารย์ของป้อง พอน้องแพร์มาเรียนเอกที่นี่เลยฝากฝังให้ป้องช่วยดูแล ป้องเคยเป็นติวเตอร์ให้น้องแพร์ตั้งแต่อยู่มัธยมต้นเลยสนิทเหมือนเป็นน้องสาวคนหนึ่ง   ก้องเล่าต่อ     “เคยมาที่บ้านหลายครั้งแกเป็นเด็กเรียบร้อย

                     

                “เรียบร้อยยังไงถ้าเจอเอาใจพาซื้อของกินข้าวบ่อย ๆ ไม่รอดหรอก รู้อยู่ไอ้กวงมันเลว ยังไม่ได้มันก็ไม่เลิก ได้เมื่อไรก็เมื่อนั้นทิ้งไปหาสาวจีบใหม่... น้องคนนี้ฉันว่าอีกไม่นาน”    นภพูดเสร็จยกน้ำชาขึ้นจิบ

      

       “อ้าว ไอ้ปากเสีย ไอ้ที่แกพูดน่ะยากโว้ยบ้านน้องก็มีฐานะ ครอบครัวเป็นผู้ดีมีตระกูลคงไม่เห็นแก่เงินอย่างแกพูดหรอก”  

                      

                 ถึงจะมีฐานะ มีความรู้ แต่ถ้าเจอลูกตื๊อถี่ ๆ ของขวัญไม่อั้นก็คงไม่นาน น่าเสียดายถ้าไปเสียท่าให้เจ้ากวง  นภหันไปมองหนึ่งหนุ่มกับสองสาวที่ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเดินมาทางโต๊ะของเขาเพื่อลงบันได  เคลลี่ยิ้มให้เขากับเพื่อน หญิงสาวทั้งสองไหว้ก้องภพกับสพล

      

       น้องแพร์นี่นภ เพื่อนพี่มาจากเมืองไทยครับ”    ก้องภพหันมาบอกเขา   "น้องแพร์เรียนเอกที่นี่  น้องโบว์เรียนดนตรีอยู่รอยัลมิวสิก

      

        นภฟังผ่าน ๆ แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเขารับไหว้ 

     

        แพร์อึ้งเมื่อเห็นหน้าเพื่อนของก้องภพชัด ...ไม่คิดว่าจะเจอกันอีก ผู้ชายแย่ที่สุดที่เคยเจอในรอบหลายปีที่ผ่านมา ถึงจะหน้าตาดีแต่นิสัยไม่ไหว  เธอรีบปรับสีหน้าฝืนใจยกมือไหว้

       

        ผับเดอะเรดไลอ้อนย่านเซนต์เจมส์เป็นผับเก่าแก่  ภายในตกแต่งสไตล์วิกตอเรียน เพดานห้องเป็นภาพวาดบนผิวปูนลวดลายเทวดาตัวน้อยลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆ ตรงกลางเพดานติดแป้นไม้แกะสลักสีทองห้อยโคมไฟระย้า หน้าต่างโค้งประดับกระจกสีสะท้อนแสงไฟระยิบ พื้นปูหินอ่อนสีเขียวเข้ม เก้าอี้นวมบุหนังสีดำ  คืนนี้มีคนนั่งดื่มสิบกว่าคน  นภ ก้องภพและสพลถึงผับเกือบสี่ทุ่ม เข้าไปข้างในเห็นทอดด์เพื่อนชาวอังกฤษกับอภิษิตนั่งดื่มเบียร์รอ

     

      “เฮ้ย มานั่งนี่”   อภิษิตโบกมือทัก 

     

      เพื่อนของเขาคนนี้เป็นชายหนุ่มผิวคล้ำเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเขาและก้องภพ พอเรียนจบแต่งงานกับสาวอังกฤษเปิดร้านอาหารไทยในลอนดอน สนิทกับกลุ่มเพื่อนโรงเรียนประจำของนภและก้องภพทุกคน ส่วนทอดด์หนุ่มอังกฤษสูงโย่ง ผมแดง เรียนโรงเรียนประจำด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนจบไฮสคูล แล้วไปเรียนต่อที่อเมริกา ขณะนี้ทำงานในลอนดอน

      

       นภนั่งดื่มเงียบ ๆ ฟังเพื่อนคุยเรื่องการนัดหมายเที่ยวบ้านฟาร์มที่เมืองโชรส์เบอรีรีของเควิน ซึ่งเป็นเพื่อนในกลุ่ม ดูเหมือนจะมีสพลคนเดียวติดดูแลแฟนจึงไม่ไปด้วย  

       

       “เจ้าสาวของเคฟเห็นว่าเป็นลูกครึ่งไทย พ่อเป็นสก็อตพวกแกเคยเจอบ้างไหม”   อภิษิตถาม

       

       “เคยเจอสองครั้ง น่ารักนะคุณเอ้ ชื่อจริงเอริกา ท่าทางคล่องสวยด้วย ทำงานบริษัทผลิตวิสกี้ของครอบครัว”    ก้องภพเล่า

      

       พวกเราตอนนี้เหลือแต่แกกับไอ้พล ไอ้ทอดด์อีกคนที่ยังโสด”    อภิษิตยกเหยือกเบียร์ขึ้นดื่มมองหน้าเขาแล้วหันไปทางสพลซึ่งเดินไปสั่งเบียร์เพิ่มหน้าเคาน์เตอร์

     

       "เห็นไอ้พลแล้วกลุ้มว่ะ คนไม่เคยมีแฟนพอมีกับเขาขึ้นมาก็ทำตัวไม่ถูกเอาอกเอาใจเขาตะพึดตะพือจนไม่เป็นตัวเอง"

     

       "แกรู้จักหรือ"    คนรู้ข่าวล่ากว่าเพื่อนถาม คราวก่อนมาลอนดอนก็เมื่อห้าเดือนที่แล้ว

     

       "เออสิวะ ผู้หญิงแก่กว่ามันเจ็ดแปดปีเชียวนะ ไอ้เรื่องอายุก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ไอ้คนของเราพอเจอเธอคะ ขา เข้าหน่อยไปไม่เป็นเลย ชี้นกเป็นนก เลิกงานตอนเย็นต้องไปอยู่กับแฟนทุกวัน ไม่ค่อยโผล่หัวมาให้เห็น"   อภิษิตเล่าเป็นฉาก ๆขณะที่ทอดด์นั่งฟังเฉย ปากเคี้ยวถั่วอบ

     

       "พลมันเป็นคนใจอ่อน ตามใจคนก็อย่างนั้นแหละ"   ก้องภพพูดเสริม  

       

       “ฉันว่าไม่นาน คงไม่รอดกรงเล็บของคุณสุ ตัวมันเองอยากจะให้เค้าขย้ำอยู่แล้ว อ่อนหัดจริง ๆ อีกหน่อยจะทนไม่ไหวคอยดูก็แล้วกัน   อภิษิตเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อสพลเดินเข้ามาใกล้  เขาถามชายหนุ่มผู้เป็นหัวข้อสนทนาสด ๆ ร้อน ๆ เฮ้ย พลทำไมไม่ไปบ้านฟาร์มด้วยกันวะ นาน ๆ พวกเราจะอยู่กันครบ

      

      “ฉันต้องไปเป็นเพื่อนคุณสุ คริสต์มาสนี้คุณสุจะไปเยี่ยมครอบครัวเพื่อนสนิทที่พลีมัธ จะปล่อยให้ไปคนเดียวก็ห่วง ผู้หญิงด้วย”     สพลอธิบายเสียงอ่อย

      

      "อ้าว แล้วเมื่อก่อนที่แกยังไม่ได้เป็นแฟนกับคุณสุ เธอไปไหนมาไหนยังไงวะ"

     

      "เออน่า พลมันติดธุระก็ไม่เป็นไร ไอ้นี่ก็เซ้าซี้อยู่ได้"     ก้องภพพูดตัดบทก่อนที่เรื่องจะยืดยาวไม่จบ เดี๋ยวจะพาลทะเลาะกันเสียก่อน

     

      “อาทิตย์ที่แล้วไอ้กวงมันพาสาว ๆ มากินข้าวที่ร้านฉัน คุณสุแฟนแกก็มาด้วย”   อภิษิตเอ่ย

     

      “คงจะเป็นน้องนิดาน้องสาวคุณต้อยเพื่อนของคุณสุมันกำลังจีบอยู่


      วันนั้นฉันอยากเตะมันฉิบ...เลย  คุณต้อยถามมันว่ารู้จักคุณศิ...ศศินาไหม มันพูดยังไงรู้ไหมมันบอกรู้จัก คุณต้อยเลยถามมันว่าเขาลือกันว่าคุณศิเรียนไม่จบกลับเมืองไทยไปก่อนเพราะท้องกับมัน  มันรีบออกตัวว่าเคยคบกันไม่นานไม่มีอะไรในกอไผ่ แล้วช่วงนั้นคุณศิก็คบผู้ชายหลายคน ถ้าอยากรู้มันบอกให้ไปถามนภดู เขาสนิทสนมกันมากบินมาหากันบ่อยๆ มันพูดอย่างนี้เลยนะไอ้นภ”   อภิษิตเล่าพลางจ้องหน้านภเขม็ง

       

       “ไอ้ชั่ว”    เขาโกรธจนลมแทบออกจากหู นึกอยากตะบันหน้าคนพูด 

      

       แต่ตอนนั้นคุณศิแกควงอยู่หลายคนจริง ๆ นะ แต่กับไอ้กวงรู้สึกจะหลายเดือน มันพูดอย่างนี้ไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยเคยเป็นแฟนกันแท้ ๆไอ้เวร เดี๋ยวนี้เสือกชื่อตั้งเคลลี่   อภิษิตพูดเสร็จหันไปเรียกพนักงานขอถั่วเพิ่ม 

     

       “ฉันงงนะ เมื่อกี้เห็นมันพาน้องแพร์กับน้องโบว์มากินข้าวร้านจีน  เออ แล้วเมื่อวันเสาร์ฉันไปซื้อของกับคุณสุที่เวสต์ฟิลด์เจอมันยืนคุยอยู่กับน้องแพร์ นี่มันจะจีบน้องแพร์ควบเลยหรือวะ    สพลให้ความเห็น

      

      “น้องแพร์... พริบดาวน่ะเหรอ    อภิษิตเลิกคิ้วถามเสียงดัง

     

      นภรู้สึกคุ้นชื่อนี้... พริบดาว

     

      “น้องแพร์คงไม่คิดอะไรกับมันหรอกคงจะบังเอิญมากกว่า”    เสียงของก้องภพบอกความมั่นใจ 

      

      “น้องชายฉันเรียนอยู่คณะเดียวกับน้องแพร์รู้จักกันดี แกเป็นพวกหนอนหนังสือ”    อภิษิตพูด

     

       นภตั้งใจฟัง    “คณะอะไร” 

       

       “สนใจหรือวะนภ คณะวิทยาศาสตร์ชื่อพริบดาว บุณยะภัค ดาวคณะเลยนะแก”   อภิษิต บรรยายสรรพคุณพลางยกเหยือกเบียร์ขึ้นดื่ม  

      

       “จะว่าไปอย่างไอ้นภนี่สิถึงจะเหมาะสมกับน้องแพร์...   หล่อ รวย มีตระกูลค่อยคู่ควรกันหน่อย  ดีเหมือนกันเอาให้ไอ้กวงหน้าหงายเลยมึง ฉันละเกลียดขี้หน้ามันจริงๆ ตั้งแต่เรื่องคุณศศินาแล้ว พอมีเรื่องมีราวก็โบ้ยมาให้แก ความจริงแกบินไปเรียนอเมริกาก่อนที่มันจะคบกับคุณศิเสียอีก แล้วยังสะเออะมาจีบน้องแพร์โธ่...  ไอ้เวร

      

       อย่าไปฟังไอ้ษิตนะนภ เรื่องมันจบไปแล้ว แล้วมันไม่เกี่ยวอะไรกับน้องแพร์”    ก้องภพเตือนเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง 

     

       ที่ผ่านมาฉันไม่เคยสนใจมันอยู่แล้ว แต่มันพูดถึงฉันแบบนี้... แล้วอีกอย่าง... ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาตรฐานสูงขนาดไม่มีใครจีบเธอได้ มันก็ท้าทายดีว่ะ  ครั้งนี้ฉันมาอังกฤษตั้งสองเดือนเวลาเหลือเฟือ ดีกว่าอยู่เปล่าๆจะได้ดัดหลังไอ้กวงด้วย   

                    

                  “เฮ้ย นภ อย่าทำเป็นเล่นไป แกนั่นแหละหลังจะหัก ผู้หญิงเขาไม่ใช่แบบที่แกเจอมา อกหักกันมาเยอะแล้วเค้าไม่เล่นด้วย”    สพลพูดน้ำเสียงเป็นห่วง 

                    

                  ได้ยินแล้ว เขายิ่งรู้สึกอยากเอาชนะ ...จะสักแค่ไหนเชียว 

                  

                  ตั้งแต่เป็นหนุ่มมาจำไม่ได้ว่าเปลี่ยนคู่ควงไปแล้วกี่คน มีทั้งสาวไทยและสาวต่างชาติ ยังไม่เคยมีสาวคนไหนปฏิเสธเขาสักครั้ง มีแต่เต็มอกเต็มใจนั่งเคียงข้างในรถหรู ควงกันไปเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ แม้กระทั่งยังไม่เคยมีสาวคนไหนรังเกียจของขวัญราคาแพงที่เขามอบให้สักคน ชายหนุ่มยิ่งกว่ารู้ว่าตนเองเป็นที่หมายปองของสาว ๆ เพียงใด แต่ละนางล้วนมุ่งมั่นที่จะผูกมัดเขา หวังกันเหลือเกินว่าจะสั่นระฆังวิวาห์ให้ได้ แต่ก็ได้แค่หวังเพราะเขาไม่เล่นด้วย

                     

                เอาอย่างนี้ไหมช่วงฉันอยู่ลอนดอนถ้าจีบติดแกเลี้ยงเหล้าฉัน ถ้าฉันแพ้จะเลี้ยงกลับตกลงไหม”    เขาพูดออกไปเสียงเข้ม  อารมณ์ชักเดือด

                     

                “แกเอาจริงหรือวะนภ”     อภิษิตถามพลางพูดต่อ   ก็ได้ตกลง พลพนันด้วยไหม

                     

                “ฉันไม่อยากยุ่งว่ะ โตแล้วเล่นเป็นเด็กไปได้    สพลกล่าว ขณะที่ก้องภพส่ายหัวไม่เห็นด้วย                                                                             

      

       พริบดาว บุณยะภัค... ใช่แล้วเธอนั่นเองที่ทำให้น้องชายของเขาเสียใจอยู่หลายปี  เวลานั้นเขาเรียนปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ทางบ้านส่งข่าวให้รู้ว่านัทกินยาเกินขนาดแทบเสียชีวิต ซึมจัดจนต้องดร็อปเรียน เขากลับมาดูแลน้องชายหลายครั้งกว่าจะดีขึ้น แล้วยอมกลับไปเรียนใหม่ 

      

        ในชีวิตของนภ... คนที่เขารักมากที่สุดคือพ่อและน้องชาย... หลังจากเหตุการณ์นั้น นัทเงียบขรึมไม่ร่าเริงเหมือนเคย พ่อของเขาให้ฝึกงานอยู่ในบริษัทจะได้ดูแลใกล้ชิด กว่านภจะเกลี่ยกล่อมให้เรียนปริญญาโทต่อได้ต้องใช้เวลานาน จนบัดนี้นัทเรียนจบทำงานรับผิดชอบในส่วนของโรงแรมได้เป็นที่น่าพอใจ แต่อย่างไรก็ตาม ... เธอจะต้องชดใช้

     

       เออ ฉันถามหน่อย  แกไปจีบเขาเล่น ๆ แบบนี้ไม่กลัวไปเผลอรักเขาขึ้นมาจริง ๆ เหรอวะ”    อภิษิตจ้องหน้านภพร้อมส่งยิ้มยียวน  

     

       “รักเหรอวะ... ยาก เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอก ความสำคัญอยู่ที่ฉันอยากทำให้ไอ้กวงมันหน้าหงายก็แค่นั้น”   เขาตอบทั้งที่ยังงงกับคำถามของเพื่อน  

     

       ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นโว้ย  คือฉันหมายถึงถ้าแกเกิดไปรักเขาจริง ๆ ขึ้นมา แต่น้องเค้าไม่เล่นด้วยแกจะทำยังไงวะ”  

     

        นภปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น ไม่คิดว่าจะได้ยินเรื่องตลกขนาดนี้    ไอ้ษิต... อย่างฉันนี่นะจะไม่เล่นด้วย ฉันแทบไม่เคยต้องจีบผู้หญิง ที่คบอยู่ก็มากันเองทั้งนั้น แล้วถ้าฉันลงทุนจีบมีหรือจะไม่เล่นด้วย

     

        มันก็ไม่แน่หรอกไม่งั้นฉันไม่รับคำท้าของแก น้องเค้าไม่ง่ายอย่างที่แกคิดนะโว้ย” 

     

        สพลมองหน้าเพื่อนเห็นนภทำท่าฮึดฮัดไม่พอใจ ...ไอ้ษิตนี่ก็ปากเสียไม่รู้จะไปแหย่มันทำไมรู้อยู่แล้วว่าไอ้นภมันชอบเอาชนะเคยยอมแพ้ใครที่ไหน ยิ่งไอ้กวงคู่อริด้วยแล้วมันไม่ยอมแน่  เฮ้อ...เดี๋ยวจะไปกันใหญ่น้องแพร์ไม่รู้อะไรจะพลอยโดนร่างแหไปด้วย  สพลไม่กล้าท้วงติง มองไปทางก้องภพหวังให้ช่วยปรามเพื่อน  

     

       นภ ษิตฉันว่าเลิกคุยเรื่องนี้เถอะมันเลยเถิดไปกันใหญ่  อย่าเอาน้องเค้าเข้าไปเกี่ยวข้องฉันขอร้อง”  ก้องภพพูดตัดบทสั้นๆ 

      

       “วันพฤหัสหน้าเป็นวันลอยกระทง  คุณสุจะไปลอยที่วัดพุทธปทีปไปกันไหมพวกแก”    สพลรีบเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะบรรยากาศชักไม่ค่อยดี

      

       “ป้องว่าจะมาค้างที่บ้านเหมือนกัน เห็นว่านัดเพื่อนๆไว้หลายคนจะไปลอยกระทงที่วัดพุทธปทีปเสร็จแล้วจะเข้ามาทำอาหารกินกัน น้องแพร์ น้องโบว์ก็ไปด้วย  ฉันคงไม่ไปนั่งอยู่บ้านดื่มเบียร์ดีกว่า พวกแกเข้ามาบ้านฉันสิ"

       “เออ ฉันจะเข้าไปบ้านแก”   นภรับคำ 

              

                                                       ..........................................



     

    สวัสดีค่ะทุกคน ตอนนี้เป็นความเคลื่อนไหวทางฝ่ายหนุ่มๆกันบ้างนะคะ  


      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×