คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ขนมทาร์ตไข่ (Re-write)
๒
ขนมทาร์ตไข่
วันนี้เป็นอีกวันที่มีคนไทยรวมตัวกันมากที่สุด
มุมหนึ่งของไฮด์พาร์กด้านถนนเคนซิงตัน จัดเป็นบริเวณตั้งเต๊นท์ผ้าใบสีขาวขนาดใหญ่เจ็ดหลังเรียงห่างกันเป็นรูปตัวแอล มีเต๊นท์เดี่ยวนับสิบกระจายโดยรอบ
แพร์ เวนดี้และเลียมขนถุงขนมและของซึ่งจะนำมาขายลงจากรถ ลำเลียงไปยังเต๊นท์ที่มีหมายเลขร้านติดอยู่ ตอนนี้มีคนเดินขวักไขว่ แต่ละเต๊นท์เริ่มจัดร้านวางของ ร้านของแพร์อยู่ในเต๊นท์ใหญ่ตรงมุมของตัวแอล ด้านหน้าเต๊นท์ห่างออกไป ตั้งโต๊ะเก้าอี้ไว้ไม่มากนักเพราะว่าคนส่วนใหญ่จะชอบปูผ้านั่งกินกันบนสนามหญ้ามากกว่า
ขนมทาร์ตไข่บรรจุกล่องละหกชิ้นฝีมือของปิง ถูกนำมาเรียงบนโต๊ะปูผ้าสีขาว ใกล้กันเป็นตะกร้าใส่คุ้กกี้เสี่ยงทาย อีกด้านวางขวดแยมทรงกลม ฝาขวดปิดทับอีกชั้นด้วยผ้าฝ้ายพิมพ์ลายดอกไม้เล็กๆมัดริบบิ้นเส้นจิ๋วสีแดง แม่ของเลียมเป็นคนทำให้ พอแพร์เล่าให้ชายหนุ่มฟังว่าอยากออกร้านหาเงินช่วยการกุศล เขาเสนอแยมของแม่ กิจกรรมนี้เธอรู้เมื่อสองอาทิตย์ก่อน สถานทูตไทยเชิญชวนคนไทยที่อยู่ในลอนดอนและเมืองใกล้เคียงมาร่วมงานนี้ จุดประสงค์เพื่อรวบรวมเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในเมืองไทย
"เฝ้าร้านให้หน่อยนะคะ แพร์ขอเดินดูงาน เดี๋ยวมา"
เลียมยิ้ม พยักหน้า แล้วก้มลงติดป้ายราคาบนกล่องต่อ ...
โชคดีได้เลียมกับเวนดี้มาช่วย ไม่อย่างนั้นเธอคงยุ่งกว่านี้หลายเท่า เพราะนึกไม่ออกว่าจะขายอะไร เพื่อนรักคนไทยก็ไม่อยู่ นึกถึงโบว์แล้วเสียดายแทน งานแบบนี้โบว์ชอบมาก มีร้านขายอาหารไทยแทบทุกอย่าง...
นักศึกษาสาวไทยเดินตามแรงจูงของเพื่อนชาวจีน เวนดี้ตาลุกวาวเมื่อเห็นเต๊นท์หมอดูไพ่ยิปซีซึ่งมีคนยืนรอยี่สิบกว่าคน
"แพร์ ดูไพ่ยิปซีกันเถอะ"
"ไม่ละ เวนดูเถอะ แพร์อยากเดินดูงานให้ทั่ว ๆ ก่อน" เธอบอกเพื่อน
เวนดี้จึงขอแยกตัวรีบเดินเข้าไปรับบัตรคิว เดาได้ว่าเวนดี้คงอยากดูเรื่องแฟนหนุ่มที่เพิ่งคบกันไม่กี่วันนี้เอง ตัวเธอเองเคยดูดวงนับครั้งได้ เป็นเพราะเพื่อนชอบชวนเธอให้ไปเป็นเพื่อนแล้วทำไปทำมาก็โดนลูกยุดูดวงไปด้วย ครั้งล่าสุดอยู่ปีสี่ กระแตกับจิ๊บเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันอยากไปดูไพ่ยิปซีมาก จิ๊บได้ข่าวมาจากเพื่อนของเพื่อนว่าหมอดูคนนี้ดูแม่นสุด ๆ บ้านหมออยู่ไกลถึงอำเภอเสนา จังหวัดอยุธยา เธอถูกเพื่อนบังคับให้นั่งรถไปด้วย ลงท้ายแพร์ได้ดูไพ่ยิปซีด้วย จำได้ว่าหมอดูเป็นผู้หญิงอายุราวสามสิบเศษแต่งหน้าสวย สวมเสื้อผ้ามีสีสัน ใส่เครื่องประดับทั้งสร้อยคอพลอยหลากสีและต่างหูเงินประดับพลอย ที่นิ้วสวมแหวนเกือบทุกนิ้ว พูดจาไพเราะ คุณหมอให้เธอตั้งสมาธิให้ดีแล้วหยิบไพ่สี่ใบ จากนั้นคุณหมอเปิดไพ่ทีละใบแล้วทำนาย แพร์จำได้เมื่อถึงไพ่ใบสุดท้าย
"ใบนี้เป็นใบสรุปนะคะ หนูหยิบไพ่เดอะเวิร์ล ถือว่าดีมาก จะได้รับแต่สิ่งที่ดีแม้มีอุปสรรคใด ๆ เกิดขึ้นก็จะผ่านพ้นไปได้ หวังสิ่งใดก็ได้สิ่งนั้น มีความสำเร็จทุกด้าน เป็นไพ่แห่งสติปัญญาความรอบรู้ ภายในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงในชีวิต โยกย้ายที่อยู่ไปต่างประเทศอาจจะเป็นที่เรียนหรือที่ทำงาน..." หมอดูสาววัยกลางคนพูดเสียงเนิบ
หมอดูถามว่าเธออยากรู้อะไรเพิ่มเติมไหม แพร์ส่ายหน้าถึงอยากรู้ก็ไม่กล้าถาม อายกระแตกับจิ๊บที่นั่งชะเง้อคอมาฟัง ตอนนั้นเธอกำลังเรียนเทอมสุดท้ายเรื่องลุ้นที่สุดในชีวิตก็คืออยากได้ทุนเรียนปริญญาเอก
"เนื้อคู่ล่ะคะ"
เธอไม่ได้ถาม แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ด้วย แพร์หันไปทำตาเขียวใส่กระแต
"มาทั้งทีก็ถามเหอะน่า หมอคะ ยายแพร์เนี่ยเนื้อคู่เกิดหรือยัง" จิ๊บถามต่อ พลางหันไปยักคิ้วแผล่บกับกระแต
"จะเจอกันที่นั่น" หมอดูบอกพร้อมรอยยิ้มอ่อน ๆ
จอมเผือกทั้งสองตาลุกวาว ตั้งท่าจะถามต่อ แพร์รีบขอให้คุณหมอปิดการพยากรณ์
ใกล้เที่ยง อากาศเป็นใจไม่ร้อน ฝนไม่ตก คนไทยและคนต่างชาติทยอยเดินเข้ามาดูงานจนแน่นขนัด บริเวณเต๊นท์ขายอาหารและเครื่องดื่มมีคนเข้าคิวยาวเหยียด กลิ่นก๋วยเตี๋ยวผัดไทย กลิ่นหมูย่างลอยมายั่วน้ำลาย เต๊นท์ขายขนมไม่น้อยหน้า ขนมร้านของแพร์ขายดิบขายดีจนเลียมหยิบใส่ถุงให้ลูกค้าแทบไม่ทัน ตอนนี้ขายกันอยู่สองคนเพราะเวนดี้ถึงคิวออกไปหาหมอดูไพ่ยิปซี ป้องมากับเพื่อนนักเรียนทุนคนไทยอีกสองคนซึ่งเรียนอยู่ที่บริสตอล พวกเขาแวะมาอุดหนุนแยมสองขวดแล้วบอกว่าจะเดินเที่ยวต่อ
"เย็นนี้พี่จะกลับบริสตอล" ป้องบอก
แพร์จัดแจงหยิบขนมทาร์ตไข่หนึ่งกล่องใส่ถุงกระดาษส่งให้ป้อง "เอาไปทานกันบนรถไฟนะคะ"
"เอาไว้ขายเถอะน้องแพร์" ชายหนุ่มยิ้มกว้างยังไม่รับถุงขนม
"ยังมีของขายอีกเยอะค่ะ"
"งั้นเจอกันวันลอยกระทงนะ" เขารับถุง เอื้อมมือตบบ่าเธอเบา ๆ
แพร์ไหว้รุ่นพี่ทั้งสาม มองดูผู้เป็นเหมือนพี่ชายเดินออกไป ความเหงาไม่รู้มาจากไหน จู่จู่ก็ลอยเข้ามากระทบคล้ายสายลมพัดผ่าน รู้สึกคิดถึงบ้านขึ้นมาทันที
ไฮด์พาร์กเต็มไปด้วยสีสันของฤดูใบไม้ผลิ ต้นไม้ใหญ่น้อยแตกยอด ผลิใบผลิดอกสลับสล้างสวยงาม สายลมเย็นฉ่ำพัดต้องผิวหน้า ใบไม้พลิ้วไหวดูมีชีวิตชีวา หญิงสาวดูสุนัขลาบราดอร์สีช็อกโกแลตกำลังวิ่งเล่นกับสุนัขโกลเด้นรีทรีฟเวอร์สีครีม วันนี้คนเข้ามาเดินเล่นมากกว่าทุกวัน ท้องฟ้าสีน้ำเงินแจ่มจ้า อากาศสดชื่น กระรอกอ้วนตัวใหญ่หางฟูฟ่องวิ่งตามมาด้วยหวังจะได้เศษขนมปังหรือลูกนัทพวกมันมักจะไม่ผิดหวัง ทั้ง ๆ ที่ป้ายห้ามให้อาหารกระรอกติดอยู่ตรงหน้า แต่ชาวลอนดอนและชาวต่างชาติอย่างแพร์ก็อดไม่ได้ที่จะยื่นอาหารให้ เมื่อมีเวลาว่างเธอมักจะเดินข้ามถนนเคนซิงตันเข้ามาในสวนนี้บ่อย ๆ มานั่งอ่านหนังสือ ดูคนดูสัตว์ โดยเฉพาะสุนัขนั้นมีมากมายหลายสายพันธุ์ คนที่นี่ชอบทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ จูงสุนัขเดินเล่น ขี่จักรยาน วิ่งออกกำลัง นอนอาบแดดคุยกัน เพียงนั่งมองก็ช่วยคลายความคิดถึงบ้านได้มาก
ภาพตรงหน้าคล้ายบรรยากาศที่คุ้นเคยตอนเป็นเด็ก วันเสาร์อาทิตย์พอรับประทานอาหารเช้าเสร็จ คุณลุงมักพาพี่ชายทั้งสองและแพร์ไปเดินซื้อต้นไม้ ชมสินค้าต่างๆที่พวกแม่ค้าพ่อค้ามาวางขาย เด็กหญิงมีความสุขมากที่ตลาดมีแต่สิ่งน่าสนใจ เธอกับพี่ชายชอบดูโซนขายสัตว์เลี้ยง มีสัตว์สารพัด พวกปลาทั้งปลาตัวเล็กพวกปลากัด ปลาหางนกยูงไปจนถึงปลาคาร์พตัวโตสีสด นกสีสวยที่เคยเห็นในหนังสือ นกบางชนิดเธอไม่รู้จักต้องถามคุณลุง
"นั่นนกปรอดหัวโขน" คุณลุงบอกว่ามันเป็นสัตว์ป่าถูกจับมาใส่กรงขายจนแทบไม่เหลือในธรรมชาติ
จำได้ว่าเธอยืนร้องไห้อยู่ตรงนั้นเพราะสงสารนก นึกเอาเองว่ามันคงพลัดพรากกับพ่อแม่ พี่น้องและคงไม่มีวันได้เจอกันอีก เธอรักสัตว์ไปเดินจตุจักรทีไรมักอ้อนคุณลุงขอซื้อลูกหมาลูกแมวกลับบ้าน บางครั้งก็สำเร็จ บางครั้งคุณลุงก็ใจแข็งไม่ยอมซื้อให้
"นภคะ มิตาขอซื้อทาร์ตไข่หน่อย"
แพร์หันไปมองเจ้าของเสียง... สาวสวยหุ่นนางแบบจับแขนชายหนุ่มรูปร่างสูงเดินตรงมาหน้าร้าน .
.. เจอกันอีกแล้ว พี่มิตากับนายนั่น
รมิตาชะงักเมื่อเห็นหน้าคนขาย สายตามองสำรวจอย่างรวดเร็วจนแพร์รู้สึกแปลกใจ จากนั้นมองไปที่เลียม แพร์ไหว้พี่สาวของเพื่อน รมิตายิ้มน้อย ๆ รับไหว้ พลางหยิบขวดแยมที่วางเรียงบนถาดขึ้นยื่นให้ชายหนุ่มที่มาด้วยกันดู
"ขวดสวยดีนะคะนภ"
"แยมพวกนี้ใช้สตรอว์เบอร์รี ราสเบอร์รีและดอกกุหลาบ ครอบครัวของผมปลูกเองที่แคนเทอร์เบอรี[1]นะครับ นี่เป็นสูตรของแม่ผม" เลียมแนะนำ
รมิตาซื้อขนมทาร์ตไข่สองกล่องสุดท้ายกับแยมสามขวด ชายหนุ่มหน้าคมเข้มจ่ายเงินแล้วรับถุงใส่ของจากเลียม คนขายหนุ่มยิ้มกว้างกล่าวขอบคุณ ผู้ชายคนนั้นแค่ยิ้มที่มุมปากนิดเดียว แพร์เห็นแล้วนึกเกลียดขี้หน้ามากขึ้นไปอีก
"นั่งพักสักครู่เถอะค่ะ" รมิตาห่อริมฝีปากปล่อยลมหายใจยาวถอดหมวกปีกกว้างออกมาโบก นภปูกระดาษหนังสือพิมพ์บนพื้นสนามหญ้าสำหรับสองคน
"คุณมิตาอยากดื่มน้ำอะไรดีครับ น้ำแร่หรือจะเอาน้ำอัดลม" ชายหนุ่มก้มลงถาม วางถุงใส่ขนมหลายถุงลงใกล้ที่นั่ง
"น้ำแร่ดีกว่าค่ะ" หญิงสาวขอบคุณเสียงอ่อนหวาน ดวงตายาวรีสีดำขลับเป็นประกายระยิบเมื่อสบตาชายหนุ่ม
นภลุกขึ้นเดินไปยังเต๊นท์ขายเครื่องดื่ม ระหว่างทางผ่านหน้าเต๊นท์ขนม เขามองหน้าร้านขายทาร์ตไข่เห็นสาวน้อยขายขนมกำลังมองเขาอยู่พอดี นภจ้องหน้าเธอ แล้วหัวเราะในลำคอ... นึกขำเมื่อเห็นเธอสะดุ้ง
"เด็กร้านขนมนั่น คุณมิตารู้จักหรือครับ"
หญิงสาวเลิกคิ้วมองสบตานภแล้ววางขวดน้ำส้ม " ร้านไหนคะ "
ชายหนุ่มยกถุงใส่ขนมทาร์ตไข่กับแยมให้เธอดูแล้ววางลง รมิตาปรายตามองเขาหัวเราะเสียงเบา
"ไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ นั่นน่ะแพร์ เพื่อนเรียนคณะเดียวกับยายเชอรี่ แต่อยู่คนละกลุ่มกัน เรียนเก่งนะ เก่งพอ ๆ กับเชอรี่ แกได้ทุนมาเรียนที่นี่"
อ้อ... พวกนักเรียนทุน เขาคุ้นเคยกับรมิตาและเชอรี่สองพี่น้องตั้งแต่พวกเธอยังเป็นนักเรียนมัธยม น้องสาวของ รมิตาเรียนหนังสือเก่งมาก ตอนนี้ดูเหมือนจะร่ำเรียนอะไรสักอย่างอยู่ที่ปริ๊นซตัน เด็กสาวคนนี้ ที่จริงก็แค่ผู้หญิงหน้าตาพื้นๆ... ดาษดื่น จะมีดีอยู่หน่อยก็คงนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาล มองแล้วอดมองซ้ำไม่ได้ ...ดวงตาของเธอเหมือน...ยิ้มได้ บ้าจริง กะอีแค่นัยน์ตาธรรมดาคู่หนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองร้านขนมทาร์ตไข่แว่บหนึ่ง
รมิตาเอ่ยต่อ "เชอรี่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนเรียนด้วยกัน แพร์เสน่ห์แรงมากหนุ่ม ๆ จีบเยอะ มาอยู่ลอนดอนก็มีแฟนนะ แต่คนนี้มิตาเพิ่งเคยเห็น" สาวสวยเปิดกล่องขนมหยิบทาร์ตไข่แป้งสีน้ำตาลทองออกมาชิม "ถามถึงอย่างนี้ สนใจแพร์หรือคะ"
นภไม่ตอบ เขายิ้มแล้วยักไหล่ ก็แค่มองผ่าน ๆ ถ้าให้ตอบคงยากเพราะไม่ได้รู้สึกอะไรทั้งนั้น ที่แน่ ๆ ...ยังไม่ได้มาตรฐาน
เวนดี้เดินหน้าบานเข้ามาหน้าร้าน เล่าให้เธอกับเลียมฟังว่า หมอดูไพ่ยิปซีแม่นมากอย่างกับตาเห็น ตอนนั้นเองเสียงโทรศัพท์ของเลียมดังขึ้น ชายหนุ่มสีหน้าเครียดขึ้นระหว่างคุย เขาเก็บโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋า
"พ่อของผมโทรมา อานอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาล ผมต้องรีบไปก่อน" เลียมบอก สายตาของเขาดูวิตกกังวล เขาคว้ากระเป๋าหนังพาดบ่าแล้วก้าวเท้าออกไปอย่างรีบร้อน
บ่ายสามโมง ผู้คนที่มาเดินเที่ยวซาลง เต๊นท์ทั้งหลายเริ่มเก็บของขนย้ายกันชุลมุน ดูจากจำนวนคนที่เข้ามาเดินเที่ยวกับจำนวนอาหารและสินค้าต่าง ๆ ที่คนไทยร่วมใจกันนำมาขายคงได้เงินช่วยการกุศลครั้งนี้ก้อนใหญ่ ขนมในร้านของแพร์ขายหมดเกลี้ยงโดยเฉพาะทาร์ตไข่หมดก่อนเพื่อน ขนมและแยมที่ขายในวันนี้หักต้นทุนแล้วได้เงินสี่ร้อยห้าสิบปอนด์ แพร์มอบให้สถานทูตทั้งหมด รวมกับเงินส่วนตัวของเธออีกสามสิบปอนด์ ... ขอให้บุญกุศลที่ทำในวันนี้ส่งผลให้ปิงกับสองลุงป้าพ้นเคราะห์ปลอดภัยโดยเร็วด้วยเถิด
หลังจากเสร็จงานที่ห้องปฏิบัติการในวันศุกร์ เวนดี้ชวนเธอไปเยี่ยมปิงที่โรงพยาบาลเชลซีและเวสต์มินสเตอร์ ย่านเชลซี สองสาวผลักประตูกระจกบานใหญ่เดินเข้าไปสอบถามหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ แจ้งชื่อผู้ป่วย เจ้าหน้าที่บอกชั้นและแผนกที่เขาได้รับการรักษา แพร์กับเพื่อนขึ้นลิฟท์ไปยังชั้นสี่ กดเจลฆ่าเชื้อโรคที่หน้าห้อง4Bลูบมือจนทั่ว มองผ่านผนังกระจกเห็นห้องขนาดกว้างขวางใช้โทนสีขาวสะอาดทั้งผนัง ประตู โต๊ะ เก้าอี้ ภายในห้องแพร์ได้กลิ่นอ่อน ๆ ของน้ำยาฆ่าเชื้อและกลิ่นยาที่แยกแยะไม่ออก เวนดี้ทำจมูกย่นใส่เธอ ที่เคาน์เตอร์มีพยาบาลนั่งอยู่สี่คน พยาบาลผมแดงวัยราวสามสิบเศษที่กำลังดูจอคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้
"ผู้ป่วยชื่ออะไรคะ"
"หลี่ ปิง จือค่ะ" เวนดี้พูดเสียงเบา
"ห้อง 4B06 คุณเดินตรงไปจนถึงห้องสุดท้ายซ้ายมือ คุณหมอเจ้าของไข้อยู่ที่ห้องพอดีค่ะ" พยาบาลผู้ใจดีพูดเสร็จก้มหน้าดูจอคอมพิวเตอร์ต่อ
เวนดี้จูงมือเธอเดินไปที่ห้องของปิง หญิงสาวใจคอเริ่มสั่นอดรู้สึกตื่นเต้นกังวลไม่ได้ วันนั้นปิงบาดเจ็บถือว่าสาหัสมาก ทั้งโดนแทง โดนต่อยและโดนยิง ผ่านมาเจ็ดวันแล้วหวังว่าเขาจะอาการดีขึ้น ภายในห้องผู้ป่วย มีหมอผู้หญิงสวมเสื้อกาว์นสีขาวและพยาบาลสาวสองคนยืนอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย
"คนไข้พ้นขีดอันตรายแล้วนะคะ เราเพิ่งย้ายเขาออกจากห้องไอซียูมาอยู่ที่หอผู้ป่วยรวมเมื่อวานเย็น" หมอผู้หญิงเชื้อชาติอินเดียวัยกลางคน สวมแว่นสายตากรอบสีดำละสายตาจากชาร์ตบันทึกการรักษาตรงหน้าบอกเธอกับเพื่อนด้วยท่าทีสุภาพ
ปิงอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีขาวนวลของโรงพยาบาลเขานอนหลับตาอยู่บนเตียงผู้ป่วย ใบหน้าเหลี่ยมซูบตอบ ขาวเผือด สายน้ำเกลือระโยงระยาง ศีรษะพันผ้ากอซ โหนกแก้มซ้ายยังบวมช้ำ บริเวณท้องปิดด้วยผ้ากอซผืนใหญ่ คนป่วยขยับขาเล็กน้อย ลืมตามองมาที่เวนดี้กับเธอ
"เป็นไงบ้าง เจ็บแผลมากไหมปิง" เวนดี้ยืนข้างเตียงกุมมือชายหนุ่ม
"เจ็บ ดีที่ได้ยาแก้ปวด" เขายกมือแตะท้อง นิ่วหน้าตอบเสียงแผ่ว
"หมอบอกไหมว่าต้องอยู่ที่นี่อีกนานแค่ไหน"
"ยังไม่บอก คงเป็นเดือน" เขาถอนหายใจยาว "ผู้หญิงที่โดนทำร้ายเสียชีวิตแล้ว ผู้ชายยังอาการหนัก เมื่อตอนสายตำรวจเข้ามาคุยกับผม"
แพร์ได้ยินแล้วใจหายวูบ ... เพิ่งเห็นหน้าไม่กี่วันมานี้เอง หลังจากเยี่ยมปิงสองสาวชวนกันขึ้นลิฟต์ไปที่แผนกไอซียู เพื่อถามไถ่อาการของคุณลุงผู้บาดเจ็บกับพยาบาล พอประตูลิฟต์เปิดเห็นเลียมยืนอยู่ตรงหน้า เขาดูเคร่งเครียดและอ่อนล้า
"คุณสองคนมาเยี่ยมใครหรือครับ" เลียมถาม เมื่อทั้งสามนั่งลงบนเก้าอี้สำหรับผู้มาเยี่ยมผู้ป่วย ด้านหน้าเคาน์เตอร์พยาบาล
เธอเล่าให้เขาฟังเรื่องปิงและสองลุงป้า จึงได้รู้ว่าทั้งสองเป็นญาติผู้ใหญ่ของเขา
"อามาซาโกะเป็นน้องสาวของพ่อผม เพิ่งเสียชีวิตเมื่อเช้านี้ ผมอยู่ที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน ทางโรงพยาบาลบอกให้รู้แต่แรกแล้วว่า...คงไม่รอด พ่อกับแม่ของผมจะเข้าลอนดอนให้ได้ แต่ผมบอกให้รออยู่ที่บ้าน พรุ่งนี้เช้าผมจะรับศพอามาซาโกะกลับแคนเทอร์เบอร์รี รอให้อาเขยดีขึ้นก่อนจึงค่อยทำพิธีศพ"
แพร์รู้สึกเศร้าใจ... เธอกับเวนดี้กล่าวแสดงความเสียใจกับเลียม เขาเม้มริมฝีปากแน่น พูดเสียงสั่น
"อามาซาโกะกับอาเขยไม่มีลูก เธอรักผมเหมือนลูก ... เมื่อก่อนครอบครัวผมอยู่ที่เกียวโต พ่อแม่ของผมสอนในมหาวิทยาลัยไม่มีเวลาดูแลลูก ๆ อาจึงเลี้ยงผมกับพี่ชายและน้องสาวมาตั้งแต่ยังเล็ก จนกระทั่งอามาซาโกะไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก แต่งงานกับอาเขยแล้วใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ปกติอามาซาโกะกับอาเขยจะมาเยี่ยมพวกเราที่นี่สามสี่ปีครั้ง มาทีก็ไม่ต่ำกว่าสองเดือน" พูดจบเขาเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรงเหมือนพยายามสะกดอารมณ์
แพร์ฟังแล้วน้ำตาซึมสงสารอาหญิงของเลียม จำได้ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนในงานเชลซีฟลาวเวอร์โชว์ท่าทางของหญิงสูงวัยผู้เคราะห์ร้ายอ่อนโยนและใจดี ยังได้ยิ้มให้กันถึงสองครั้ง เวนดี้เองก็ยกมือขึ้นป้ายน้ำตา
"อาทั้งสองอยากมาเที่ยวชมดอกไม้ ชมสวนในงานเชลซี เห็นว่าจะพักในลอนดอนสองสัปดาห์แล้วจะกลับไปฉลองวันเกิดของอามาซาโกะครบหกสิบสองปีที่บ้านพ่อแม่ผมที่แคนเทอร์เบอรี ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะ... ไม่ได้..." เลียมหยุดพูด เขาขบกรามแน่น ดวงตาแดงก่ำ
เธอมองตาเลียมเอื้อมจับมือเขาให้กำลังใจ เขาพาเธอกับเวนดี้ไปสวมเสื้อคลุมและหมวกปลอดเชื้อ เพื่อเข้าเยี่ยมอาเขยที่ห้องไอซียูหรือห้องผู้ป่วยหนักซึ่งเป็นบริเวณจัดไว้โดยเฉพาะสำหรับรักษาผู้ป่วยที่มีอาการสาหัสเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เธอเห็นหมอ เจ้าหน้าที่และพยาบาลหลายคนคอยดูแลใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยได้ทันท่วงที
"ช่วงนี้ยังต้องระวัง หมอแนะนำให้เยี่ยมจากตรงนี้จะได้ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ" เขาอธิบายเสียงเบา
แพร์ เลียมและเวนดี้เยี่ยมผู้ป่วยโดยมองผ่านผนังกระจก อาเขยของเลียมนอนหลับตานิ่ง ใกล้เตียงมีสายยางและสายไฟหลายสายถูกต่อพ่วงระหว่างเตียงผู้ป่วยกับอุปกรณ์เครื่องช่วยชีวิต ทั้งเครื่องตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต สายยางที่ต่อกับเส้นเลือดเพื่อให้ยาผ่านกระแสเลือด
"การใช้เครื่องมือช่วยชีวิตพวกนี้ ทำให้เจ็บปวดและไม่สบายตัว หมอจึงให้ยาแก้ปวดกับยาระงับประสาททำให้ง่วงนอน ผมมาดูทีไรก็เห็นอาหลับตลอด"
ผู้ช่วยอาจารย์หนุ่มเดินลงมาส่งสองสาวที่ชั้นล่าง "ผมลางานไว้สองวัน พวกคุณทำงานกันไปก่อน วันพุธผมจะเข้าไปที่ตึก" เขาบอกเมื่อเธอกับเวนดี้ลากลับ
______________________
สวัสดีค่ะ ขอบคุณมากมายที่ทุกคนสละเวลาอันมีค่ามาอ่านและให้คำแนะนำ ทำให้มีกำลังใจฮึกเหิมขึ้นเยอะเลยค่ะ ยังไงติดตามกันต่อนะคะ
กระรอกในไฮด์ปาร์ก
ความคิดเห็น