ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ก่อนดวงดาวจะเต็มฟ้า

    ลำดับตอนที่ #1 : เชลซีฟลาวเวอร์โชว์ (Re-write)

    • อัปเดตล่าสุด 9 มิ.ย. 62




    เชลซีฟลาวเวอร์โชว์

     













    เดือนพฤษภาคม  คศ.๒๐๑๒ (พศ.๒๕๕๕)

    ลอนดอน ,ประเทศอังกฤษ


      เมื่อทุกคนมาถึงด้านหน้าสถานีรถไฟใต้ดินสโลนสแควร์เวลาแปดโมงเช้าตามนัด  หญิงสาวเรือนร่างโปร่ง สูงปานกลาง ผิวขาวผ่องในชุดเสื้อทีเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์ขาสามส่วน สวมหมวกจ็อกกี้สีกรมท่า ยืนมองบริเวณทางเข้างานด้วยอารมณ์เบิกบาน อากาศสดชื่นแจ่มใส ท้องฟ้าสว่างจ้าสมกับเป็นปลายฤดูใบไม้ผลิ วันศุกร์คือวันอันรื่นรมย์ของเธอ แต่วันนี้พิเศษมากขึ้นไปอีก    

     

     "ครั้งนี้ครบรอบการครองราชย์หกสิบปีของควีนอลิซาเบธที่สอง พวกเราเข้าไปดูนิทรรศการไดมอนด์จูบิลลี่กันก่อน"    เลียม ชายหนุ่มผู้ทำหน้าที่หัวหน้ากลุ่มของสี่หนุ่มสาวนักศึกษาด้านพันธุศาสตร์พืช ชี้มือไปข้างหน้าขณะเดินนำไปยังเต๊นท์จัดแสดงงาน ... เดอะเกรตพาวิลเลียนฮอลล์  

      

      ภายในเต๊นท์ขนาดใหญ่มีการจัดแสดงดอกไม้ พรรณไม้จากทั่วโลกและการจัดสวนประเภทต่างๆ  รางวัลพันธุ์ไม้ยอดเยี่ยมในปีนี้เป็นของต้นถุงมือจิ้งจอกดอกสีชมพู[1]

                    

                   งานเชลซีฟลาวเวอร์โชว์เป็นงานประกวดการจัดสวนและแสดงพันธุ์ไม้ซึ่งมีชื่อเสียงที่สุดในประเทศอังกฤษ จัดโดยราชสมาคมพฤกษศาสตร์แห่งสหราชอาณาจักรในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม มีมาตั้งแต่ปีค.ศ. ๑๘๓๓   บริเวณงานอยู่ที่ลานของโรงพยาบาลรอยัล ย่านเชลซี คนอังกฤษรักการจัดสวนเป็นชีวิตจิตใจ ต่างรอคอยงานนี้ ตั๋วเข้างานต้องซื้อล่วงหน้า ถ้ามาซื้อตั๋วผีหน้างานราคาอาจพุ่งขึ้นหลายเท่า แพร์กับเพื่อนจึงซื้อตั๋วกันตั้งแต่สองเดือนก่อน

                     

                "โอ้โห  ดูนั่นสิ"    ทันย่าอุทานเสียงดัง เดินแหวกคนที่กำลังชมสวนแต่ง ยกกล้องถ่ายรูปขึ้นกดชัตเตอร์                

      

      สวนแต่งที่หนุ่มสาวทั้งห้าหยุดดูและถ่ายรูปอยู่นาน เป็นสวนญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์น่าสนใจมองเห็นธารน้ำใสไหลริน กระท่อมหินแบบชนบทอบอุ่นมีชีวิตชีวา คนจัดใช้มอสมาเป็นองค์ประกอบหลักทำให้โดดเด่น สวนนี้ตรึงตาผู้ชมจำนวนมาก       

                     

                บริเวณจัดงานคึกคักไปด้วยผู้คนเรือนหมื่นทั้งชาวอังกฤษเองและผู้สนใจจากทั่วโลก มีการจัดสวนหลายโซน นักออกแบบแต่ละสวนใช้ความคิดสร้างสรรค์ผสมผสานกับนวัตกรรมใหม่  บางสวนขณะเดินเข้าไปมีน้ำพุผุดขึ้นมา บางสวนมีศาลานั่งเล่นเคลื่อนที่ได้รอบสวนสร้างความตื่นตาให้กับผู้เข้าชม  แต่ละโซนให้ไอเดียใหม่ ๆ สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้  ระหว่างเดินชมงานแพร์เห็นเลียมเจอเคท... ผู้ช่วยอาจารย์ภาควิชาเคมี เธอขอเดินกับเขา

                  

                 อากาศในตอนบ่ายเริ่มร้อน โชคดีที่ยังไม่มีวี่แววของฝน แพร์ใช้กระดาษเช็ดหน้าซับเหงื่อ รวบผมสีน้ำตาลเข้มยาวสลวยมัดด้วยยางรัดผม  คนเข้าชมงานหนาตามากขึ้น เคทชวนเลียมไปดูร้านขายอุปกรณ์ตกแต่งสวน แพร์ยืนดูสวนแต่งซึ่งได้รับรางวัลชนะเลิศของปีนี้ เธอถือกล้องถ่ายรูปในมือ กระเป๋าใส่กล้องคล้องคอไว้  สะพายกระเป๋าหนังสีดำใบโปรดพาดไหล่ ขยับเท้าถอยออกมาหาระยะถ่ายรูปในมุมกว้าง ... ทันใดนั้นเอง รู้สึกโดนกระแทกตรงไหล่ถลาไปข้างหน้า กล้องถ่ายรูปกระเด็นหลุดมือ หน้าผากกระทบกับเสาเหล็กตรงมุมเต๊นท์ล้มลงไปกองบนพื้นหญ้า

                 

                 " โอ๊ย "    

                 นี่มันเกิดแผ่นดินไหวหรือไง   แพร์เอื้อมมือจับเสาเหล็กยันตัวลุกขึ้น รู้สึกเจ็บหน้าผากและหัวไหล่ขวา

                  

                  "ไอแอมซอรี"   เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหู 

                        

                  แพร์หันกลับเงยหน้าขึ้นมอง เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ ดวงตาสีดำสนิท คิ้วหนาเข้ม แต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบรนด์หรูยืนจ้องหน้าเธอเขม็ง เขายื่นกล้องถ่ายรูปให้ แพร์ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ได้ยินประโยคต่อมาเป็นภาษาไทย   

                     

                  "คราวหน้าระวังหน่อยนะครับ"   พูดเสร็จเขาเดินโอบเอวหญิงสาวผมทองออกไป 

                      

                  อ้าว นี่ตกลงฉันผิดรึไง   แพร์ยืนอึ้ง ... ผู้ชายอย่างนี้ก็มีด้วย เธอไม่เคยเจอใครมารยาทแย่ขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่มาอยู่ลอนดอน

                     

                  "เป็นอะไรหรือเปล่า แพร์"    เลียมวิ่งเข้ามาจับแขนของเธอยกขึ้นแล้วกางออกช้า ๆ เหมือนกลัวหญิงสาวจะเจ็บมากขึ้น   " เจ็บไหม " 

                        

                  " นิดหน่อยค่ะ " 

                        

                  " แน่นะ ไปหาหมอไหม "  เลียมมองทั่วตัวเธอ สายตาบอกว่าเป็นห่วง 

                      

                  นักศึกษาสาวส่ายหน้า ที่จริงก็เจ็บเหมือนกัน ตรงหน้าผากเจ็บลึก ๆ ชอบกล เอามือลูบดูรู้สึกตึง ...ท่าจะโน แพร์เซ็งในอารมณ์ เหลือบเห็นเคทเดินรี่เข้ามาก็ยิ่งเซ็งมากขึ้น  จึงรีบบอกชายหนุ่ม   "ไม่เป็นไรค่ะ เจ็บนิดเดียวเดี๋ยวก็หาย "

                      

                  ผู้ช่วยอาจารย์สาว เพื่อนของเลียมเดินเข้ามายืนชิดชายหนุ่ม  ตามองแพร์แว่บหนึ่ง   "ไปดูด้านนั้นกันต่อนะคะเลียม"   เคทพูดเสียงอ่อนหวานจับแขนเขาไว้

                    

                  อยากแสดงความเป็นเจ้าของก็เชิญตามสบาย แต่อย่ามายุ่งกับเธอก็แล้วกัน  แพร์นึกอย่างขุ่นมัวหันมองไปทางอื่น

                    

                  เขาปลดมือเพื่อนผู้ช่วยอาจารย์สาวลง หันมาพูดกับเธอ   "แพร์ไปนั่งพักกันเถอะ พวกเราอยู่ตรงนั้น"    

                     

                  แพร์มองตามมือชายหนุ่ม  เห็นเพื่อนสามคนนั่งอยู่บนสนามหญ้า  เวนดี้ซึ่งอยู่หอพักเดียวกับเธอกวักมือเรียก เลียมจับแขนเธออย่างระมัดระวังพาเดิน เขาก้มลงมองเธอด้วยความเป็นห่วง เคทหน้าตึง เม้มริมฝีปากแน่นเอื้อมมือเกาะแขนเลียมอีกข้าง แพร์นึกขำมันเป็นภาพที่ตลกพิลึก สามคนที่เดินไปด้วยกันมีสีหน้าอารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง  ชายหนุ่มซื้อแซนวิชกับน้ำผลไม้กระป๋องให้สองสาวและตัวเอง เขายื่นกล่องอาหารให้เคทก่อน แล้วทรุดตัวลงนั่งใกล้แพร์ เธอเห็นเพื่อนมองมาแล้วยิ้มให้กันเมื่อเลียมแกะฟิล์มถนอมอาหารจากแซนวิชให้เธอ ตอนนี้ความอดทนของเคทคงสิ้นสุดลง

                     

                  "ฉันจะกลับละค่ะ"  ผู้ช่วยอาจารย์สาวพูดเสียงห้วนใบหน้าเหมือนโกรธใครมาสักร้อยชาติ   

                      

                  เลียมยิ้ม ลุกขึ้นยืนร่ำลาเคท 

                        

                  แพร์ไม่ชอบเคท...  เมื่อวานเธอเข้าห้องสมุดของวิทยาลัย กำลังยืนเลือกหนังสือตรงชั้นหนังสือด้านใน ได้ยินเสียงผู้ชายคุยกับผู้หญิง เสียงนั้นคุ้นหู

                     

                  "คุณไม่ได้ยินพวกภาควิชาเคมีคุยกันรึไง  ที่นี่ไม่ชอบให้มีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ในคณะ เคยมีกรณีอาจารย์กับลูกศิษย์มาแล้ว ถึงจะเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ถ้ากระทบกับงานละก็... มันจะทำให้เสื่อมเสียภาพพจน์ของคณะ" 

                      

                  "ผมว่าเลียมรู้ดีว่าเขาควรวางตัวยังไง แล้วอีกอย่างเขาไม่ใช่อาจารย์ประจำของภาควิชา"

                      

                  "ทำไมจะไม่ใช่ ถึงจะเป็นผู้ช่วยแต่ก็ถือว่าคืออาจารย์เหมือนกันนั่นแหละ"

                       

                  " เรื่องของหัวใจมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะเคท ถ้าคุณรักใครสักคน แล้วจู่จู่มีคนมาสั่งให้เลิกรัก คุณทำได้ไหม"   

                    

                   นั่นเสียงของฮันส์เพื่อนนักศึกษากลุ่มเดียวกับเธอ  แพร์งงกับคำพูดพวกนั้นแต่ไม่อยากเก็บมาใส่ใจ และเธอเองก็ไม่ได้คิดอะไรกับเลียมเกินเลยกว่าการเป็นผู้ร่วมงาน  

                     

                   หญิงสาวมองไปรอบบริเวณที่คนนั่งพักรับประทานอาหาร เต๊นท์ขายอาหาร ขายเครื่องดื่มมีหลายเต๊นท์ก็จริง แต่ก็มีคนเข้าคิวซื้อเป็นแถวยาวทุกเต๊นท์ เธอเห็นชายหญิงสูงวัยคนเอเชียนั่งคุยกันบนสนามหญ้า ป้าเปิดขวดน้ำให้ลุงท่าทางรักใคร่อ่อนโยน แพร์ยิ้มให้ ทั้งคู่ยิ้มตอบ เห็นแล้วคิดถึงคุณลุงคุณป้าที่อยู่กรุงเทพฯ อายุน่าจะพอ ๆ กัน 

                     

                   แพร์กับเวนดี้ขอแยกกลับก่อนตอนบ่ายสาม เพราะเย็นนี้เธอมีนัดสำคัญ เวนดี้เองก็มีนัดกับแฟนหนุ่ม

                    

                   "พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปรับคุณกับเวนดี้ตอนสิบโมง เราจะได้มีเวลาจัดของ"   เลียมบอกระหว่างเดินไปส่งสองสาวตรงประตูทางออก แพร์ยิ้มโบกมือให้ตาดูนาฬิกาข้อมือ... กว่าจะถึงนัดสำคัญอีกตั้งสามชั่วโมง

                  

                    เวนดี้เพื่อนชาวจีนคว้าแขนเธอเดินก้าวยาวผ่านสวนสาธารณะกว้าง สนามหญ้าเขียวขจีที่เพิ่งถูกตัดเรียบกริบเหมือนปูพรม ดอกไฮยาซินธ์สีเหลืองชูช่อไสว ทิวลิปสีม่วง สีชมพูออกดอกแข่งกันสวยสะพรั่งเป็นแนวริมรั้วเหล็กดัดเตี้ย ๆ  ลุงกับป้าคนเดิมเดินจูงมือกันอยู่ข้างหน้า แพร์กับเวนดี้จ้ำเดินจนแซงชายหญิงสูงวัย  สาวไทยหันไปโบกมือให้สองลุงป้า

                      

                    ทั้งคู่ยิ้ม โบกมือมาให้สองสาว        

                      

                    " กู๊ดบาย ... "  แพร์ยิ้มกว้าง เอ่ยลาก่อนหันตัวกลับ

                        

                    จนกระทั่งถึงริมถนนเชลซีบริดจ์  เพื่อนของเวนดี้... ปิง หนุ่มจีนหุ่นสูงชะลูดยิ้มกว้างเดินเข้ามาหา  ในมือของเขามีถุงพลาสติกใบใหญ่บรรจุกล่องขนมเต็มทั้งสองถุง เวนดี้กับปิงทักทายกันเป็นภาษาจีนสองสามประโยค

                     

                    "ผมทำตั้งแต่เมื่อวานได้หกสิบกล่องพอไหม"   เขายิ้มจนตาหยีขณะหันมาถามเธอ มือทั้งสองข้างยกถุงขึ้นโชว์

                    

                    "เท่านี้ก็เยี่ยมแล้วค่ะปิง ขอบคุณมาก"   แพร์รีบบอก ดูจากจำนวนขนมชายหนุ่มคงใช้เวลาทั้งคืนทำให้ เธอชำระเงินค่าขนมให้เขา 

                    

                     ปิงเดินไปส่งแพร์กับเวนดี้ที่สถานีรถไฟใต้ดิน  เขาพาเดินเข้าตรอก พื้นปูหินสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ แต่ละก้อนเท่ากันหมดเหมือนตารางหมากรุก ตึกย่านนี้ก่ออิฐสีแดงคล้ำตัดกับประตูหน้าต่างกระจกขอบสีขาว ไม่ค่อยมีผู้คนสัญจรเท่าไร ระหว่างทางได้ยินเสียงร้อง  เขาวางถุง... ยกมือขึ้นห้ามไม่ให้สองสาวเดินตามมา เธอกับเวนดี้วิ่งไปหลบตรงมุมตึก...ผู้ชายชาวอาหรับสองคน คนหนึ่งตัวสูงผอม อีกคนตัวเตี้ยรูปร่างหนากว่า คนร้ายตัวสูงกระชากกระเป๋าสะพายจากหญิงสูงวัยรูปร่างบอบบาง เธอส่งเสียงขอให้ช่วย ชายสูงวัยยื่นกระเป๋าใส่เงินให้คนร้าย มือของเขาโชกเลือด มันคว้าไปหยิบของในนั้นออกแล้วเหวี่ยงกระเป๋าทิ้ง 

                      

                    ผู้ชายคนนั้นอ้อนวอนให้ปล่อยผู้หญิงกับตัวเขา   "อย่าทำอะไรเราเลยนะ"

                      

                    "เร็ว เดี๋ยวตำรวจมา"    

                     

                    คนร้ายตัวเตี้ยตะโกนบอกคนร้ายอีกคน แล้วควักมีดจ้วงแทงหญิงคนนั้นไม่ยั้ง 

                      

                    " หยุดนะ "    ปิงพูดเสียงดัง

                     

                    หนุ่มโย่งชาวจีนพุ่งเข้าใส่คนตัวเตี้ย  ชนจนล้มลงด้วยกันทั้งคู่ คนร้ายลุกขึ้นได้ก่อนเงื้อมีดแทงปิงเลือดไหลทะลักจากโคนขา   

                      

                    " โอ๊ย "    ปิงร้องลั่น

                      

                    "แส่ดีนักนะมึง"    

                     

                     ปิงต่อยกลับ    

                     

                     เธอเห็นผู้ชายอีกคนโดนคนร้ายตัวสูงยิง ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเธอกับเวนดี้ทำอะไรไม่ถูก  ยืนจับมือกันอกสั่นขวัญแขวน

                     

                     "โทรเรียกเก้าเก้าเก้าเร็วเวนดี้"      แพร์กระซิบเสียงสั่น หัวใจเต้นแรงเหมือนจะทะลุออกมา ตาคอยหันไปมองเหตุการณ์  

                       

                     ชายหญิงเคราะห์ร้ายล้มลงนอนจมกองเลือด ปิงโดนรุม วายร้ายตัวสูงล้วงปืนออกมายิงปิง เขาร้องลั่นผงะหงายหลัง ไม่นานเสียงไซเรนรถเก๋งตำรวจดังโหยหวนมาแต่ไกล ตามมาด้วยนายตำรวจขี่มอเตอร์ไซด์อีกสองคัน  รถตำรวจยังไม่ทันจอดสนิท  คนร้ายทั้งสองเผ่นขึ้นมอเตอร์ไซค์หนีไปได้  ตำรวจหนุ่มสองคนวิ่งลงมาดูผู้เคราะห์ร้ายชายหญิง  เธอกับเวนดี้รีบเข้าไปดูปิงซึ่งนอนอยู่ที่พื้น เขายังลืมตาใบหน้าบิดเบี้ยวบอกความเจ็บปวด 

                       

                    " คุณเห็นเหตุการณ์ใช่ไหมครับ "  ตำรวจหนุ่มผมแดงหันมาถามสองสาว 

                       

                     นายตำรวจซักถามเธอกับเวนดี้สั้น ๆ ระหว่างนั้นรถพยาบาลมาถึงพอดี บุรุษพยาบาลทำการเคลื่อนย้ายผู้เคราะห์ร้ายชายหญิงทั้งสองซึ่งนอนแน่นิ่ง แพร์เพิ่งเห็นถนัดตา... โธ่ ลุงกับป้าที่เพิ่งเดินผ่านสวนสาธารณะด้วยกันนี่เอง รู้สึกสงสารสองผู้สูงวัยที่โดนทำร้ายอย่างทารุณกลางวันแสก ๆ  แพร์ก้มลงหยิบกระเป๋าหนังสีดำสำหรับใส่เงินตกอยู่บนพื้นสภาพฉีกขาด เธอยื่นให้ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน ตำรวจอีกคนเข้าประคองปิง เขาบาดเจ็บสาหัสหางตามีเลือดไหลริน ใบหน้าแตกยับ กลางลำตัวและขาเลือดแดงเถือก ผู้บาดเจ็บทั้งสามคนถูกนำส่งโรงพยาบาลทันที 

                     

                     เธอหันกลับไปมองที่เกิดเหตุด้วยความรู้สึกสลดหดหู่ บนพื้นทางเดินมีคราบเลือดเปรอะ กลิ่นคาวเลือดลอยมากระทบจมูก เห็นแผ่นกระดาษสีขาวเล็ก ๆ สะท้อนแสงอาทิตย์พลิกไปมาตามแรงลมไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ... คงปลิวมาจากที่ไหนสักแห่ง 

                    

                     "แพร์ คุณตำรวจรอ"    เวนดี้ตะโกนเร่ง 

                      

                     สาวไทยกับสาวจีนต้องไปสถานีตำรวจเพื่อให้ปากคำ  กว่าจะเสร็จเป็นเวลาเกือบหกโมงเย็น ทำไปทำมาเวลาที่เหลือเฟือแต่แรกหดหายกลายเป็นต้องรีบล่ก ๆ ไปขึ้นรถไฟใต้ดินกลับหอพักด้วยจิตใจห่อเหี่ยวเป็นห่วงปิงและสองลุงป้า

                    

                      หกโมงสี่สิบห้านาที แพร์ขึ้นรถเมล์หมายเลขเก้าสิบสี่ลงป้ายหน้าห้างเซลฟริดเจสบนถนนออกซ์ฟอร์ด เดินไปจนถึงห้างเฮาส์ออฟเฟรเซอร์เลี้ยวซ้ายเข้าตรอกเล็กแคบ ถนนปูหิน สองข้างทางเรียงรายไปด้วยร้านเสื้อผ้า ร้านรองเท้าแบรนด์เนม ร้านกาแฟ ร้านขายตุ๊กตาเครื่องกระเบื้อง มีร้านอาหารไทยตกแต่งสวยงามร้านหนึ่ง  เธอเร่งเดินสลับวิ่งมาตลอดทาง  

                         

                     ในที่สุดก็ถึงหัวมุมถนนมารีโบนส์  หน้าร้านเป็นกระจกทั้งสองด้าน ร้านปลาทอด...โกลเด้นโบ๊ท   โชคดีพี่ป้องยังมาไม่ถึง   

                         

                     ค่ำนี้เป็นนัดสำคัญที่แพร์รอมาทั้งอาทิตย์ รุ่นพี่ซึ่งเธอสนิทและนับถือเหมือนพี่ชายคนหนึ่ง  เดินทางจากบริสตอลมาลอนดอน  เขาจะเลี้ยงอาหารร้านโปรดเพื่อฉลองในโอกาสวิทยานิพนธ์ผ่านแล้ว นอกจากนี้เขายังได้ทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยต่ออีกสองปีเรียกว่าโชคดีสุด ๆ ได้ประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีกเพียบแถมยังได้เงินด้วย ตัวเธอเองก็อยากทำเหมือนพี่โป้งนะ ถ้าเรียนจบก็อยากสมัครทำงานเป็นผู้ช่วยอาจารย์ต่อสักสองสามปี แต่คงยากเพราะคุณลุงคุณป้า ผู้เป็นญาติผู้ใหญ่สองคนในชีวิตของเธอรอวันหลานสาวคนเดียวเรียนจบ ตั้งแต่วันแรกที่ออกเดินทางมาที่นี่ รู้ดีว่าท่านทั้งสองรักและเป็นห่วงที่สุด อยากให้รีบเรียนรีบกลับบ้าน เธอจึงมุ่งมั่นกับการเรียนเพื่อจบตามแผนให้ได้ภายในสี่ปี 

                        

                   ที่พิเศษกว่านั้นวันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดป้องเสียด้วย แพร์ตั้งใจจะเซอร์ไพรซ์เขา เธอสั่งชีสเค้กบลูเบอร์รีจาก  ร้านครัมส์แอนด์ครีมไว้  ร้านนี้อยู่ฝั่งตรงข้ามร้านโกลเด้นโบ๊ท

         

         แพร์มองผ่านผนังกระจกพบว่าคนนั่งเต็มทุกโต๊ะ  พนักงานชายที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีเดินออกมาบอกด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า รอสักครู่มีโต๊ะรอชำระเงินอยู่  เธอมองรอบห้องมีหลายโต๊ะเป็นคนทำงานบริษัทออกมารับประทานอาหารค่ำ

         

         โต๊ะริมสุดติดกระจก แพร์สะดุดตาสาวสวยไฮโซนั่งดื่มเหมือนรอใครสักคน  ยังไม่มีอาหารวางบนโต๊ะ  สาวคนนั้นคอยเหลือบดูนาฬิกาข้อมือเป็นระยะ แล้วหันมามองที่ประตูร้าน  ...รมิตา  แพร์พึมพำเธอรู้จัก...พี่สาวของเชอรี่เพื่อนเรียนภาควิชาชีววิทยาตอนอยู่กรุงเทพฯ รุ่นเดียวกันแต่อยู่คนละกลุ่ม  

         ลูกค้าโต๊ะใกล้ประตูทางออกลุกขึ้นพอดี  พนักงานเก็บจานและแก้วบนโต๊ะพ่นสเปรย์ทำความสะอาดพลางใช้ผ้าเช็ดโต๊ะอย่างรวดเร็ว แล้วส่งสายตาบอกให้เข้ามานั่งได้  เธอสั่งเครื่องดื่มโคล่าไว้ก่อน  ดื่มคู่กับการรับประทานปลาทอดแล้วเข้ากันดี แก้เลี่ยนด้วย สั่งเสร็จแพร์รีบวิ่งออกไปนอกร้านเพื่อรับเค้ก  อย่างมากก็แค่ห้านาที กลับมาแล้วค่อยสั่งอาหาร พี่ป้องคงมาถึงพอดี 


         พนักงานร้านเบเกอรีประคองเค้กลงกล่องกระดาษสีขาว แล้วฉีดสเปรย์บลูเบอรีลิเคียวร์ลงไปบาง ๆ ที่หน้าเค้ก กลิ่นเหล้ากับกลิ่นมูสบลูเบอรีหอมละมุนขึ้นมาจากกล่อง หัวใจของแพร์พองฟูเมื่อมอง ... มันสวยน่ากินมาก ... เค้กทรงกลมขนาดสองปอนด์มีสี่ชั้น ชั้นล่างเป็นเนื้อเค้กวานิลลา ชั้นถัดไปเป็นครีมชีสสีขาวนวลแล้วจึงเป็นมูสบลูเบอรีสีม่วงเข็ม เนื้อของมูสมีบลูเบอรีหมักเหล้าผสมอยู่ ด้านบนสุดโรยผลบลูเบอรีสดเต่งสีม่วงคลำ้เต็มหน้าเค้ก  พี่ป้องต้องปลื้มใจสุด ๆ เขาชอบกินชีสบลูเบอรีมากแต่ยังไม่เคยลองของเจ้านี้  ร้านนี้มีชื่อเสียงเรื่องชีสเค้ก โดยเฉพาะบลูเบอรีชีสเค้กถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของร้านเลยทีเดียว

       

         แพร์เดินแกมวิ่งถือถุงกระดาษสีขาวใบใหญ่ใส่กล่องเค้กข้ามถนนกลับมา  ยังไม่ทันก้าวเท้าขึ้นขอบทาง  เสียงแตรรถดังลั่นข้างหู พร้อมกับรถสปอร์ตสีตะกั่วพุ่งเข้ามาจอดตรงที่เธอยืน

         

         ว้าย !


         แพร์สะดุ้งโหยงร้องวี้ดปล่อยถุงกระดาษในมือ ตัวรถกับตัวเธอห่างกันไม่เกินห้าเซนติเมตร หญิงสาวยืนหอบหายใจแรง ดวงตาเบิกกว้างนึกว่าจะสิ้นชีพก่อนเรียนจบเสียแล้ว เธอมองผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ก้าวลงจากรถมายืนจ้องตรงหน้า ต่างฝ่ายต่างจ้องหน้ากันเขม็ง


         ฝ่ายตัวเตี้ยกว่าเกินคืบต้องเงยหน้า ยกมือขึ้นชี้หน้าฝ่ายตัวสูงเสียงสั่นเพราะยังตกใจไม่หาย


         "นาย นายมัน ..." 

       

         "คุณอีกแล้วหรือ..."    เขาพูดเสียงเข้ม ทำสีหน้ารำคาญ  ก่อนจะเดินผ่านตัวเธอไป


         ไอ้... ไอ้ผู้ชายลูกกะตาดำเหมือนอีกา

       

         หญิงสาวโกรธจนหูอื้อ  ดวงตาจับจ้องเจ้าของแผ่นหลังกว้างที่กำลังผลักประตูกระจกเข้าไปในร้านปลาทอดอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่าทำให้ใครเดือดร้อนบ้าง  แพร์กำมือแน่นกว่าจะตั้งสติได้ ก้มลงหยิบถุงใส่กล่องเค้กที่ตั้งใจจะเซอร์ไพรซ์พี่ป้อง จะกลับไปซื้อใหม่ตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เค้กร้านนี้ต้องสั่งล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งวัน  เธอเสียใจจนน้ำตาคลอ  รีบเดินตามเข้าไปในร้าน... ยังไงต้องพูดให้สำนึก คนอะไรผิดแล้วไม่ขอโทษสักคำ  ... แต่แล้วก็ชะงักเปลี่ยนใจเมื่อเห็นเขาเข้าไปนั่งที่โต๊ะริมกระจก

     

         ฮึ... ที่แท้ก็พวกเดียวกับเชอรี่ 

        

         แพร์วางถุงกระดาษลงบนเก้าอี้ข้างตัว รินโคล่าเย็นเฉียบใส่แก้วยกดื่ม นับหนึ่งถึงสิบในใจพยายามขจัดความขุ่นมัวออกไป หญิงสาวหยิบรายการอาหารออกมาดู  อาหารในร้านนี้ล้วนเป็นปลามีทั้งปลาค็อด ปลาแฮดด็อก  เครื่องเคียงแล้วแต่จะเลือกมันฝรั่งทอด เมล็ดถั่วลันเตาต้ม สลัดผักสด ระหว่างนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอดังระรัว

       

        "มีอุบัติเหตุนิดหน่อยอีกสิบนาทีพี่จะถึง  ช่วยสั่งปลาค็อดกับมันทอดให้พี่ด้วยนะ"   

       

        ไม่นานชายหนุ่มวัยราวสามสิบปี รูปร่างสันทัดผิวขาว ผมดำสนิทตัดสั้น สวมเสื้อยืดสีขาวทับด้วยแจ็กเก็ตกับกางเกงยีนส์ สะพายเป้สีดำ เดินยิ้มกว้างเข้ามานั่งที่โต๊ะ แพร์ยิ้ม พนมมือไหว้

       

        " เป็นไงมั่ง วิทยานิพนธ์ของน้องแพร์ "   เขาถามเมื่อวางเป้แล้วลงนั่งเก้าอี้ตรงข้าม

        

        " ยังตรวจแก้อยู่ค่ะ มกราน่าจะเรียบร้อย "   คนเป็นศิษย์ตอบพลางยื่นแผ่นรายการอาหารสีขาวให้ติวเตอร์สมัยเรียนมัธยมที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเรียนที่ประเทศอังกฤษในเวลาไล่เลี่ยกัน

       

         ป้องสั่งขนมปังทาเนยกับสลัดผักสดเพิ่ม แพร์ตาโต ขนมปังทาเนยร้านนี้เนื้อนุ่มกลิ่นหอมอร่อยมาก พ่อครัวหั่นขนมปังให้ซะหนา แล้วก็ทาเนยหนามากด้วย  ปกติเวลาแพร์มากับเพื่อนแค่สองคนจะไม่สั่งเพราะปลาทอดกับเครื่องเคียงจานเดียวก็อิ่มตื้อ

        

        " พี่หิว "   เขาตอบสั้น ๆ ตามองหน้าเธอเขม็ง  " หน้าผากไปโดนอะไรมา "

       

        " เมื่อเช้าแพร์ดวงไม่ดีโดนชน หน้าผากโขกเสา เมื้อกี้ก็ทำถุงใส่เค้กวันเกิดจะให้พี่ป้องตก... เซ็ง "     เธอกัดฟันพูดไปได้ไม่กี่คำพอท้ายประโยคเสียงชักสั่น อารมณ์โมโหกลับมาอีกรอบ

        

        " ถือว่าฟาดเคราะห์ไป พี่ขอบใจมากเรื่องเค้ก "   ป้องแตะแขนคนเป็นน้องเบา ๆ

        

        พนักงานเสิร์ฟวางอาหารจานใหญ่ลงตรงหน้า ปลาค็อดชิ้นยาวชุบแป้งทอดกรอบสีเหลืองทอง เคียงมากับมันฝรั่งแท่งสี่เหลี่ยมทอดกรอบ และเม็ดถั่วลันเตาสีเขียวสดต้มใหม่กลิ่นหอมฉุย ควันสีขาวลอยขึ้นเป็นไอ  

       

       “มาซะที หิวไส้จะขาดอยู่แล้ว”     ป้องจัดแจงตักซอสทาร์ทาร์สีขาวข้นราดลงบนเนื้อปลา บีบมะนาวลงไป ใช้ส้อมจิ้มปลาเข้าปาก 

       

       "รสชาติไม่เปลี่ยนนะร้านนี้"    เขาพูดพลางเคี้ยวไปด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย "น้องแพร์ลองราดซอสทาร์ทาร์ด้วยสิ อย่างนั้นจะอร่อยได้ไง"    ป้องเลื่อนโถกระเบื้องใส่ซอสครีมสีขาวข้นมาตรงหน้ารุ่นน้องสาว

       

       "แพร์ไม่ชอบ มันเลี่ยน ปลาก็ทอดอยู่แล้วยังจะใส่ซอสเข้าไปอีก"   เธอคว้าขวดเกลือ พริกไทยเหยาะลงไปในจานเล็กน้อย ยิ้มให้ป้อง  "นี่แหละ อร่อยที่สุดละค่ะ"

        

       “อาจารย์กับคุณป้าเป็นไงบ้าง” 

        

       “สบายดีค่ะ คุณลุงว่าจะมาเที่ยวที่นี่กับคุณป้ากลางปีหน้า

       

       พี่จะชวนไปเที่ยวงานลอยกระทงด้วยกัน  ปีที่แล้วก็ไม่ได้ไป ปีนี้ได้ข่าวว่าทางวัดจัดงานยิ่งใหญ่มากเป็นงานลอยกระทงและก่อพระเจดีย์ทราย พี่นัดพวกเราไว้หลายคน  พี่แต๋วกับพี่ก้อยจะออกร้านขายผัดไทยด้วย ไปอุดหนุนพี่เค้าหน่อย  อาทิตย์หน้าค่อยนัดเจอกัน”   ชายหนุ่มพูดยืดยาว   ชวนเพื่อนไปเยอะ ๆ เค้าจะได้เห็นประเพณีของเรา”  

         

        แพร์ยิ้มรับ  ไปแน่คะพี่ป้อง

       

        ป้อง ปองวิชช์  ศิริวิเศษกุลเป็นลูกศิษย์ของดร.พิพัฒน์ บุณยะภัค ลุงของแพร์ หลังจากสอนอยู่ที่ภาควิชาฟิสิกส์สามปีก็ได้ทุนเรียนต่อปริญญาเอกที่บริสตอล  ตอนเธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมดร.พิพัฒน์เคยให้เขามาเป็นติวเตอร์สอนวิชาฟิสิกส์ให้ที่บ้านหลายปี  จึงคุ้นเคยกับแพร์และครอบครัวของอาจารย์เป็นอย่างดี เมื่อหญิงสาวมาเรียนต่อที่นี่ ผู้เป็นลุงจึงฝากฝังให้ป้องช่วยดูแลหลานสาวคนเดียว เพราะชายหนุ่มนั้นนอกจากเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดแล้ว ยังเป็นคนอัธยาศัยดีมีน้ำใจและป๊อปปูลาร์กว้างขวางในหมู่นักเรียนทุน

        

                  พอทั้งคู่รับประทานเสร็จ  แพร์อวยพรวันเกิดเขา แต่ไม่กล้าให้ชีสเค้ก

       

        "พี่ไม่ถือหรอกน้องแพร์"  

       

        เขาคว้าถุงกระดาษยกกล่องเค้กออกมาเปิด เธอกลั้นใจชำเลืองมอง

        

        เค้กเละทั้งก้อน...  

       

        ชายหนุ่มชวนเธอใช้ช้อนตักกินจนเกลี้ยง  แถมยังชมว่าเค้กอร่อยมากและขอบคุณเธอ  หญิงสาวรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมานิดหน่อย

     

                   แพร์เข้าห้องพักเดินไปผลักหน้าต่างกระจกบานใหญ่เพื่อรับลมเย็น  หลังจากอาบน้ำใส่ชุดนอน รู้สึกเจ็บหัวไหล่ หน้าผากบวมปูดเหมือนลูกมะนาวสีม่วงคล้ำ ปวดระบมมากขึ้น  เธอหยิบยาหม่องออกมาทาเบา ๆ  มองแผลแล้วนึกโมโห

                     

                  ไม่เคยมีวันศุกร์ไหนแย่เท่านี้มาก่อน แต่ที่แย่ที่สุด... ก็คือนายนั่น

                                                                      


                                                     __________________

     

    สวัสดีค่ะทุกคน วอลนัทนะคะ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรก

    ตัวของวอลนัทชอบอ่านนิยายโรมานซ์ อ่านแล้วมีความสุข และเชื่อว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามทำให้โลกใบนี้น่าอยู่และมีความหมาย

    ก่อน... ดวงดาวจะเต็มฟ้า  เล่าชีวิตรักของนักศึกษาไทยในต่างแดนผ่านบรรยากาศชนบทอันงดงามของประเทศอังกฤษและสองบทเพลงคลาสสิกสุดไพเราะ

    ฝากติดตามผลงานของวอลนัทด้วยนะคะ

    สุขสันต์วันคริสมาสต์ค่ะทุกคน


    ฝากภาพสวย ๆ จากงานเชลซีฟลาวเวอร์โชว์มาดูเล่นนะคะ

















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×