คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ออเดรย์และวิล
เมื่อภาพรังไหมปรากฏ อมานีเซียกับโรซาล์ยต่างลุกจากเก้าอี้โดยไม่รู้ตัวด้วยความตกใจแม้แต่อดัมยังแอบลืมตาขึ้นมองเล็กน้อย
นั่นคือสถานที่ที่วิญญาณเราหลับใหลมาตลอดสินะ
เนื่องจากเส้นทางของพวกเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกับเร้นลับจึงมิอาจกลับไปที่ปราสาทต้นกำเนิดได้ในภายหลังแถมยังไม่เคยเห็นรังไหมเหล่านั้นด้วย
“น่าคิดถึงจริงๆ” โรซาล์ยมองไปยังภาพผู้คนในชุดสูทบ้าง ชุดนักศึกษาและมีบางคนถือโทรศัพท์มือถืออีก
อมานีเซียไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่มองไปยังรังไหมสามอันที่ใกล้ชิดกันซึ่งแตกออกไปแล้ว…มันทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นขึ้นมานิดหน่อย
ภาพที่เกิดขึ้นนั้นส่งผลต่ออารมณ์พวกเขาอย่างมากไม่เว้นแม้แต่อดัมที่ยังคงมองเหล่าผู้คนพลางนวดกางเขนในมือ
“…” คนที่เหลือในห้องมิอาจเข้าใจความรู้สึกของสามคนด้านหน้าได้ แต่พวกเขามั่นใจว่านั้นคือความรู้สึกโหยหา,คิดถึง,อ้างว้าง แม้พวกเขาจะเคยเป็นศัตรูกันแต่ในอดีตก็ต่างมีเป้าหมายเดียวกันคือ กลับบ้าน
[ออเดรย์ได้ขอให้ซูซี่เฝ้าประตูห้องไว้ ก่อนที่เธอจะนอนลงบนเตียงให้สายหมอกพาขึ้นไปยังปราสาทต้นกำเนิดเพื่อเริ่มพูดคุยกับเดอะเวิร์ลถึงปัญหา
ในความคิดของออเดรย์ สภาพปัจจุบันของมิสเตอร์เวิร์ลไม่ได้เกิดจากอาการทางจิตและไม่ได้จะคลุ้มคลั่ง แต่เป็นเพราะจุดประสงค์ในการดำรงชีวิตของเขานั้นหายไป หากต้องการช่วย ออเดรย์ต้องหาเป้าหมายระยะสั้นให้อีกฝ่ายและค่อยๆชี้นำค้นหาความหมายของชีวิต]
’ความหมายของชีวิต‘ ออเดรย์เม้มริมฝีปากตัวเองเงียบๆ จริงอยู่ที่เธอสามารถช่วยให้อีกฝ่ายหาเป้าหมายชีวิตต่อไปได้แต่…
เป้าหมายนั่นกลับหนักหนาเกินไปสำหรับเขาและคนที่รักเขา
[ในตอนท้ายสุด ออเดรย์ให้คำแนะนำหนึ่งแก่เดอะเวิร์ล
“อย่าสวมหน้ากากหนาเกินไป”
เดอะเวิร์ลเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากตอนปกติโดยสิ้นเชิง
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและการรักษา”
หลังส่งออเดรย์ออกไป เห็นได้ชัดว่าอาการของไคลน์นั้นดีขึ้นมาก เขามีพลังใจมากพอที่จะเดินทางต่อและค้นหาสาเหตุที่เขามาที่นี้]
เมลิสซ่าถอนหายใจด้วยความโล่งอกและหันไปพูดกับออเดรย์ด้วยความจริงใจ
”ขอบคุณมากค่ะ มิสออเดรย์“
ออเดรย์ส่ายหัวเบาๆ และตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น
“ไม่หรอก ฉันยังทำได้ไม่มากพอ”
ในฐานะหมอส่วนตัวของมิสเตอร์เวิร์ล เธอได้ช่วยเหลือปัญหาทางจิตของเขาอยู่หลายครั้ง แต่เธอไม่สามารถช่วยเหลือไคลน์ได้ในยามที่เขาต้องการเธอที่สุด
ไม่แน่หากให้นักบำบัดคนอื่นมาช่วยมิสเตอร์เวิร์ล อาจทำได้ดีกว่าเธอก็ได้
ทันใดนั้น กลิ่นวานิลลาอันแสนสงบราวกับความอ่อนโยนของดวงจันทร์ก็ลอยมาในโสตประสาทสัมผัสของเธอทำให้จิตใจนั้นสงบลง
ออเดรย์มองไปยังที่มองของกลิ่นและเห็นอมานีเซียกับอดัมกำลังหันกลับมามองเธอ
“เธอไม่ต้องโทษตัวเองหรอก อย่างที่เขาเคยพูดนั้นคือเส้นทางที่เขาเลือกเดินเอง” เสียงอันเฉยแสนสงบของเทพธิดารัตติกาลดังขึ้นในห้วงจิตใจของออเดรย์
“อึก…ขอบคุณค่ะ” ดวงตาออเดรย์มีน้ำตาไหลเล็กน้อยขณะก้มหัวลงขอบคุณ
อมานีเซียไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยและหันกลับมาดูหน้าจอตามเดิม
อดัมมองออเดรย์ด้วยรอยยิ้ม เป็นเขาเองที่ขอให้อมานีเซียช่วยปลอบประโลมเด็กสาวแต่ด้วยประวัติแย่ๆในอดีต มันก็กระไรอยู่หากเป็นเขาที่ออกตัวช่วย
[ภาพตัดกลับมาช่วงที่ไคลน์ได้เชิญเลียวนาร์ดเข้าชุมนุมทาโรต์ได้สำเร็จโดยให้อีกฝ่ายเลือกไพ่แทนชื่อตัวเอง
”เดอะสตาร์?“ นี้ไม่ใช่ไพ่ที่ตรงกับรสนิยมเลียวนาร์ดเท่าไร แต่เนื่องจากเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิที่มีเดอะฟูลเป็นสักขีพยาน เลียวนาร์ดก็ไม่มีทางเลือกนอกจากน้อมรับไว้
“วันนี้เจ้ากลับไปก่อน การชุมนุมจะมีทุกวันจันทร์บ่ายสามโมงตรงตามเวลาเมืองเบ็คลันด์” ไคลน์ยกเลิกการเชื่อมต่อของเลียวนาร์ดก่อนจะเอนตัวลงและหัวเราะชอบใจเล็กน้อยขณะมองไปยังกองไพ่ที่เลียวนาร์ดสุ่มเมื่อครู่
พวกมันทั้งหมดเป็นไพ่แบบเดียวกันคือ เดอะสตาร์ค!]
’…เอาจริงดิ!!‘ เลียวนาร์ดคิ้วตากระตุกพอได้เห็นความจริงในตอนนั้น แม้จะโกรธแต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจและยิ้มออกมา
“นายยังมีอารมณ์แกล้งฉันอยู่แบบนี้ แสดงว่าสภาพจิตใจนายตอนนั้นยังดีอยู่สินะ”
เมื่อหน้าจอทีวีดับลง เทียนก็กลายเป็นโคมไฟ ซึ่งคือสัญญาณว่าเรื่องจบแล้ว (ทำไมไม่มีเขียนถึงตอนคุยในเมืองมังกรหว่า Byไรท์)
ออเดรย์ลุกขึ้นเดินไปที่แม่น้ำพร้อมกับโคมไฟจากนั้นก็ยกขึ้นมาติดกับหน้าผากเพื่อกระซิบคำอธิษฐาน
“ฉันหวังว่ามิสเตอร์ฟูลจะไม่ต้องสวมหน้ากากหนาอีกต่อไป“
หน้ากากเหล่านั้นเปรียบเสมือนเกราะและกุญแจมือ มันได้ซ่อนหัวใจเขาไว้ในส่วนลึกกับปฏิเสธที่จะให้ใครได้สัมผัส
แต่หัวใจของเขานั้นอ่อนโยนและสวยงามมาก มันคืออัญมณีที่จะแพรวพราวส่องแสงสว่างดุจดวงดาวชั่วนิรันดร์
เมื่อออเดรย์กลับมาที่นั่ง ผู้สมัครคนถัดไปก็ลุกขึ้นโดยคราวนี้เป็นวิลที่เดินมาจุดไฟ ทำให้ภาพบนหน้าปรากฏขึ้น
[รอย•คิง ถูกจับแล้ว
ไคลน์เขียนประโยคนี้ลงในนกกระดาษ จากนั้นก็หลับตานอนและได้พูดคุยกับอสรพิษชะตาว่าเขาขอร้องให้ช่วยเหลือดัควีลล์เพื่อนำของสำคัญออกจากเกาะ
ในวันถัดมาไคลน์ในสภาพเกอร์มันได้รับข้อเสนอจากดัควีลล์ในการคุ้มกันออกจากเกาะ
หลังได้รับเงินพวกเขาก็วางแผนเดินทางขึ้นเรือโดยสารไปเกาะโอลาวี ขณะที่ทั้งสองคนกำลังรอเรือแล่นอยู่นั้น จู่ๆก็เกิดพายุขึ้น ดัควีลล์ที่หวาดกลัวว่าคนทรยศขององค์กรจะตามมาเลยถามเกอร์มันว่าสามารถจัดการพายุได้ไหม
‘ได้สิ ถ้านายอธิษฐานถึงเทพสมุทรฉันก็จะกลับขึ้นไปในมิติสายหมอกตอบสนองคำอธิษฐานและลบพายุนี้ออก แต่นายมั่นใจได้เลยว่าจากนั้นเจ้าสมุทรจะมาหาพวกเราภายในสิบวินาทีโดยส่งสายฟ้ามาก่อนอย่างแรก‘
“ฉันเป็นแค่นักผจญภัย” หลังจากคิดติดตลกในใจเกอร์มันก็ตอบสั้นๆ
เมื่อรู้ว่าเขาคาดหวังในสิ่งเพ้อฝันก็ได้แต่สถบด่าท้องฟ้าในใจ พลางชะโงกศีรษะออกไปนอกหน้าต่างเพื่อตรวจสอบท้องฟ้า
*เปรี้ยง!!!
สายฟ้าสีเงินผ่าลงกลางกบาลของดัควีลล์โดยที่ไคลน์ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆมิอาจช่วยเหลืออะไรได้เลย]
“…” ทุกคนในห้องไม่รู้จะพูดอะไรดี จะสงสารที่อีกฝ่ายโดนฟ้าผ่ากลางหัวมันก็ใช่อยู่ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าฟ้ามืดขนาดนั้นเองจะชะโงกหัวออกไปทำไม
[ไคลน์ได้ให้ยาแก่ดัควีลล์ตามคำแนะนำของนกฮูกพูดได้ ซึ่งช่วยชีวิตและจากนั้นทั้งสองก็ได้เข้ามาพักในห้อง
ทางด้านไคลน์มันเริ่มตะหนักแล้วว่างานคุ้มกันนี้มีบางอย่างแปลกๆเลยถามดัควีลล์ว่าปิดบังอะไรเขา เพราะมันจะได้สามารถเลือกวิธีการปกป้องถูก
แต่ดัควีลล์กลับอ้างด้วยเหตุผลไร้สาระ ทว่าเขากลับโชคดีเกอร์มันนั้นเชื่อข้ออ้างนั้นอย่างสนิทใจ]
”ฝีมือของลูกเต๋านั้นสินะ” ซิลสังเกตได้ว่าลูกเต๋านั้นต้องเป็นตัวการแน่นอนเพราะด้วยความฉลาดของเกอร์มัน ข้ออ้างแบบนั้นไม่น่าใช้ได้ผลกับเขา
[ทว่าหลังจากนั้นดัควีลล์นั้นโชคร้ายติดต่อกันจนต้องสารภาพกับเกอร์มันว่าทั้งหมดเป็นเพราะลูกเต๋า
”มุขนายตลกนี้นะ“ แต่โชคร้ายของดัควีลล์ที่ลูกเต๋าตอนนั้นได้ทำให้เกอร์มันไม่เชื่อคำพูด จนกระทั่งไคลน์กลับไปมิติสายหมอกและได้รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด]
”ถึงมันจะไม่เหมาะที่จะพูดตอนนี้แต่เหมือนมิสเตอร์ฟูลจะชอบใช้ห้องน้ำก่อนเข้ามิติสายหมอกตลอดเลยอะ“ ฟอร์สกระซิบถามซิล
”แล้วจากนั้นเธอก็เลยคิดว่าอีกฝ่ายมีปัญหากับต่อมลูกหมากสินะ“ ซิลจำตอนพวกเธอไปเป็นองค์รักษ์ให้ดอนดัสเนสได้ และเป็นตอนนั้นเองที่พวกเธอคิดไปเองว่าอีกฝ่ายมีปัญหากับระบบขับไถ่!
[ไคลน์กลับสู่ความเป็นจริงและขอให้ดัควีลล์กับนกฮูกแฮรี่คอยเฝ้าระวังลูกเต๋าไว้ แต่ในพริบตานั้นลูกเต๋าก็เปลี่ยนเป็นสองแต้ม
“มันเปลี่ยนแล้วๆ สองแต้ม!!” นกฮูกแฮรี่ร้องเสียงหลง เป็นสัญญาณให้ไคลน์กระโดดไปจับดัควีลล์ก้มหมอบลง
*ปัง!
กระสุนจากห้องตรงข้ามทะลุผ่านจุดที่ดัควีลล์ยืนก่อนหน้าไป หรือก็คือหากเกอร์มันไม่ช่วยนักปรุงยาอ้วนคนนี้อาจตายไปแล้วเพราะถูกกระสุนลูกหลง!]
ประสบการณ์ตลกเกินจริงนี้นอกจากจะไม่ทำให้ทุกคนขำแล้ว มันยังทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวเจ้าลูกเต๋านี้ขึ้นมาจับใจ
“เหอะ ความตายเวอร์ชั่นเร้นลับกำลังมา” โรซาล์ยพึมพำถึงหนังเก่าสมัยอดีตที่ว่าตัวละครหลักมักจะตายด้วยเหตุบังเอิญ {อันนี้เฮียแกล้อถึง ‘หนังโกงความตาย’ อะครับ}
[หลังจากนั้นไคลน์ได้ให้พวกดัควีลล์คอยเฝ้าระวังเอาไว้ ก่อนจะหลับตาเพื่อจะได้ปรึกษากับอสรพิษชะตาจนรู้ว่ามิติสายหมอกสามารถข่มลูกเต๋าได้จึงลืมตาตื่นขึ้นเพื่อไปนำมันวางไว้บนโต้ะยาวทองแดง
ไคลน์ยิ้มมุมปากอย่างเชื่องช้า เผยให้เห็นรอยยิ้มแสนอ่อนโยนและใจดี มันกระซิบกับลูกเต๋าบนโต้ะอย่างใจเย็น
“ขอต้อนรับสู่คอนเสิร์ต” ]
ทุกคนเมื่อได้เห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยนผิดกับการกระทำนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขนหัวลุกโดยเฉพาะฟอร์สที่ตอนนี้มองอีกฝ่ายเห็นเป็นภาพเกอร์มันยิ้มไปแล้ว
”เยี่ยม! ตอนนั้นแกแกล้งเจ้าลูกเต๋านั้น หลังจากนั้นก็กลับมาแกล้งข้า!! เจ้าเป็นอะไรกับคนในเส้นทางประสัตว์ประหลาดกันเนี่ย!!“ วิลลุกขึ้นประท้วง เพราะเขารู้ว่าอีกฝ่ายชอบรังแกคนในเส้นทางนี้ตลอด
[หลังจากข่มขู่ลูกเต๋าจนอยู่หมัด ไคลน์ก็ลงจากมิติสายหมอกไปแจ้งดัควีลล์ว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมแล้วและในที่สุดพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดหมายอย่างปลอดภัย]
หน้าจอดับลงเป็นจังหวะเดียวกับที่เทียนกลายเป็นโคมไฟลอยมาหาวิลเพื่อนำไปวางในแม่น้ำ
ในฐานะ งูแห่งโชคชะตา เขานั้นคุ้นชินกับความไม่เที่ยงธรรมของมันมานานแล้ว และยังเคยจ่ายล่วงหน้าเพื่อรอของขวัญแห่งชะตา
แต่หลังจากได้พบไคลน์และเล็งเห็นโอกาสในการปรองดองกับเอกลักษณ์ ไม่รู้ว่าตอนไหนแต่เขาเริ่มช่วยเหลือไคลน์โดยหวังสิ่งตอบแทนแค่เล็กๆน้อยๆ
ใครจะไปรู้ว่าในวันนี้เป็นครั้งแรกตลอดช่วงชีวิตที่ผ่าน ที่จะต่อสู้กับโชคชะตาเป็นครั้งแรก..เพื่อนำเพื่อนคนนั้นกลับมา
วิลนำโคมไฟลงในแม่น้ำพลางกระซิบคำอธิษฐาน
”ให้โอกาสฉันหน่อย ให้ฉันได้มีโอกาสพานายไปกินไอศครีมด้วยกัน“
พอเสร็จแล้วเขาก็กลับมานั่งที่เดิม คนต่อไปก็ลุกขึ้นไปยืนบนโพเดียมต่อซึ่งคราวนี้ก็คือเอ็มลิน
[อีกด้านหนึ่งของจัตุรัสฮิลลัน เอ็มลิน•ไวท์ที่กำลังชื่นชมการแสดงของดนตรีริมถนน พลันเงยหน้าขึ้นกระทันหันจ้องมองนกที่บินมาใกล้ๆ
จากนั้น มันยกมือขึ้นและกดหมวกทรงสูงไว้บนหัว ก้มศีรษะเล็กน้อยเดินด้วยความเร็วสูงไปยังใจกลางจัตุรัส ขยับเข้าใกล้น้ำพุ ในระหว่างทางร่าของเอ็มลินก็ปะปนไม่กับฝูงชนโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น]
ความคิดเห็น