ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Lotm] เรื่องราวของผู้เสียสละ

    ลำดับตอนที่ #8 : พาลีส

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 67


    เมลิสซ่าที่เห็นภาพโดยรอบก็จับกระโปร่งของเธอแน่นโดยไม่รู้ตัว แม้จะรู้ความจริงเกี่ยวกับการ {ตาย} ครั้งแรกของเขาจากเลียวนาร์ดแล้วแต่มันก็ห้ามความรู้สึกเจ็บปวดในใจไม่ได้จริงๆ


     

    เลียวนาร์ดที่มองอยู่ก็ลุกขึ้นมานั่งอย่างจริงจัง ในสถานการณ์แบบนี้เขาคงติดเล่นไม่ได้แล้ว


     

    [เมกูสยิ้มทักทายทุกคนในบริษัทหนามทมิฬและพูดด้วยรอยยิ้ม


     

    “ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ จู่ๆ ก็เกิดความรู้สึกอยากเดินเล่นบนถนนซุตแลน จากนั้นก็อยากเดินขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล“


     

    ‘อาการทางจิตแย่ลงขนาดนี้แล้วหรือ‘


     

    ไคลน์นึกขึ้นได้ว่าในการพบเมกูสคราวก่อนมันพลาดโอกาสใช้เนตรวิญญาณตรวจสอบร่างกายหล่อนอย่างละเอียด ด้วยเหตุนี้กรามซ้ายจึงถูกยกขึ้นเตรียมกระทบ


     

    ทันใดนั้น เสียงปริศนาพลันแผดร้องก้องกังวาลในหัวไคลน์รุนแรง


     

    “ห้ามมอง! ห้ามมองเด็ดขาด!! แกจะตายถ้ามองเธอ!!” ]


     

    ‘นี้คงจะเป็นสถานการณ์เด็กทารกที่มิสเตอร์สตาร์คพูดตอนที่สำรวจสมุดจินตภาพแน่ๆ‘ ออเดรย์พลันนึกถึงสิ่งที่เลียวนาร์ดพูดขึ้นในตอนนั้น แม้เธอจะคิดว่าเขาพูดเล่น…แต่ดูแล้วมันไม่ใช่เลยแถมยังเป็นช่วงที่พวกเขายังลำดับต่ำอยู่อีก!


     

    [ขณะนั้นไคลน์นึกถึงประโยคในสมุดไดอารี่ของโรซาล์ย


     

    “9 สิงหาคม เราไม่สบายใจเลยกับเหตุการณ์ในช่วงสองวันหลังมานี้ อุตส่าห์ตั้งใจปฏิวัติอุตสาหกรรมของโลกให้กลายเป็นยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเต็มตัว แต่สิ่งนี้กลับเป็นเงื่อนไขสำคัญช่วยให้เทพนอกรีตปรากฏตัวบนโลกง่ายขึ้น” ]


     

    โรซาล์นถอนหายใจ เขาสาบานได้ว่าตัวเองไม่เคยต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้จริงๆ แค่มองก็รู้แล้วว่าเหตุการณ์นี้เขามีส่วนผิดไม่เกินกว่าครึ่งแน่นอน


     

    [ไคลน์นึกถึงอีกความเป็นไปได้ แม้จะรู้อยู่แก่ใจแต่สัญชาตญาณกลับปฏิเสธจะรับรู้


     

    ‘ห้ามจ้องมองเทพโดดเด็ดขาด‘ ]


     

    “อ่า…” ทุกคนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นขนลุกแม้จะกลายเป็นครึ่งเทพแล้วก็ตามแต่ประสบการณ์ในเหตุการณ์วันวานก็หวนกลับมาทุกครั้งเมื่อนึกถึง โดยเฉพาะกับแคทลียาที่ดูจะมีอาการมากกว่าคนอื่นเล็กน้อย


     

    [แม้ไคลน์จะไม่อยากยอมรับ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ตรอกย้ำความสงสัยเขาไม่เหลือชิ้นดี เขาเลยขอให้เลียวนาร์ดถ่วงเวลาไว้แล้วเดี้ยวเขาไปหาหัวหน้าด้านล่าง


     

    ดันท์ที่ได้รับรู้เรื่องจึงวางแผนจะเอา ขี้เถ้าของพระแม่เซเลน่า ออแมารับมือส่วน ไคลน์จะไปอพยพพนักงานฝ่ายพลเรือนทุกคนออกไปพร้อมกับบอกให้สมาชิกคนอื่นคอยป้องกันเหล่าสมบัติวิเศษที่อาจถูกกระตุ้นภายในประตูยานิส]


     

    อัลเจอร์ขมวดคิ้วขึ้นพอได้ยินแบบนั้นก่อนจะหันไปหาเลียวนาร์ด


     

    “แผนนี้มัน…”


     

    เลียวนาร์ดพยักหน้ายอมรับ


     

    ”ฉันรู้ มันไม่ใช่แผนที่ดีที่สุด ในตอนนั้นสภาพจิตใจของหัวหน้าไม่เสถียรจากการถูกกัดกร่อนของสมุดและยังมีปัญหาจากการกินตะกอนเกินอีก“


     

    อัลเจอร์พยักหน้าเข้าใจแล้วหันไปมองภาพบนจอต่อ


     

    [ไคลน์อาศัยจังหวะที่ทุกคนเตรียมตัวเขียนจดหมายถึงอะซิกเล่าทุกอย่างแล้วอยากให้มาช่วย จากนั้นขณะที่พวกเขาเตรียมจะเข้าสู้ ดันท์ก็ได้พูดกับไคลน์ว่ารู้ที่อีกฝ่ายแจ้งเรื่องสิ่งผิดปกติ ของเขากับดาลีย์แต่ดันท์ไม่ได้โกรธอะไรและอธิบายความผิดปกตินั้นให้ไคลน์ฟัง]


     

    พอได้เห็นการพูดคุยของทั้งสอง เลียวนาร์ดก็อดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด แม้จะได้รู้สาเหตุในภายหลังแต่เขาก็ต้องติดอยู่ในฝันร้ายจากการเห็นภาพพวกเขาตายไปอีกนานเลย


     

    [เมกูสที่ใกล้คลุ้มคลั่งกว่าบ้ายิ่งขึ้นเพราะเด็กทารกสัมผัสได้ถึง ขี้เถ้าเซเลน่า ทำให้เกิดศึกการต่อสู้อย่างดุเดือด เลียวนาร์ดได้ใช้สมบัติพิเศษเส้นเลือดหลอดที่เสริมด้วยพลังของพาลีสในร่างขโมยความสามารถในการพูดของเมกูส ส่วนไคลน์ก็ใช้ยันต์สุริยันจัดการปิดท้าย


     

    ในเวลานั้นไคลน์เห็นดันท์ กำลังยืนอย่างองอาจอยู่ในท่าเดิม สวมชุดกันฝนตัวเดิม เขาเห็นหัวใจกำลังยุบพองอย่างเชื่องช้าในกล่องเถ้ากระดูกเซเลน่า


     

    เช่นเดียวกันดันท์เองก็สังเกตเห็นไคลน์มองเขาอยู่


     

    ใบหน้าซีดเซียวของเขายังคงเผยความอบอุ่นในแบบฉบับพี่ใหญ่ คำพูดสุ้มเสียงลุ่มลึกและไพเราะเฉกเช่นทุกครั้ง ณ ตอนนี้ใบหน้าเขาราวกับย้อนไปในวัยยี่สิบตอนต้น สีหน้าแววตามุ่งมั่น


     

    “พวกเราช่วยทิงเก็นไว้ได้” ]


     

    ‘พวกเราช่วยทิงเก็นไว้…’


     

    นั้นคือคำพูดของสุดท้ายของกัปตัน เลียวนาร์ดยังคงมองเพื่อจดจำวาระสุดท้ายที่เขามิอาจเห็นอย่างไม่ลดละแม้บนใบหน้าจะมีน้ำตาไหลออกมาอยู่ก็ตาม


     

    *พรึบ


     

    เอ็มลินยกมือขึ้นมาจับไหล่ให้กำลังใจเลียวนาร์ดอยู่ห่วงๆ แม้พวกเขาจะไม่ค่อยถูกกันแต่มิตรภาพตลอดหลายปีมานี้มันก็แทนกันไม่ได้หรอก…ยกเว้นตอนในคุกน่ะ เรื่องนั้นข้ายังเกลียดเจ้าอยู่


     

    เลียวนาร์ดเองก็รู้สึกเหมือนอ่านความคิดของเอ็มลินได้เลยยิ้มแห้งๆแล้วพยักหน้าให้


     

    “มันเป็นอดีตไปแล้ว”


     

    ใช่ทั้งหมดเป็นอดีตไปแล้ว เราแก้แค้น ลาเวนุส อินซ์•แซงวิลล์ แล้วตอนนี้ถึงเวลาก้าวไปข้างหน้า


     

    [ดันท์ขยิบตาซ้ายให้ไคลน์อย่างแผ่วเบา


     

    กลับกันไคลน์ถึงกับร่างกายทรุดลงหยุดนิ่งอยู่กับที่ราวกับหินเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า เพราะหัวใจของดันท์หยุดเต้นไปแล้ว


     

    ดันท์ล้มฟุบลงพร้อมกับท่อนแขนลงปราศจากเรียวแรง


     

    ภาพตรงหน้าไคลน์เกิดขึ้นอย่างเชื่องช้า แต่มันไม่สามารถทำอะไรได้เลยเพราะร่างกายเองก็ถึงขีดจำกัดแล้ว


     

    *ตุบ


     

    ร่างเขาเองก็ทรุดลงพิงผนังมองไปยังแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาและมองกล่องขี้เถ้าเซเลน่าซึ่งกำลังคืบใกล้เข้ามาหา


     

    ทันใดนั้น ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บแปลบทรวงอกฉับพลัน นัยตาหดเกร็ง ร่างกายแข็งทื่อ


     

    ‘เมกูส…ยังไม่ตายหรอ…ไม่สิ..ศัตรูใหม่หรอ? ผู้ชักใยเบื้องหลัง!!‘


     

    สติของไคลน์เลือนลาง ดวงตาเหม่อลอยฉับพลัน ราวกับวิญญาณออกจากร่าง ลมหายใจเริ่มติดขัด หางตามันเหลือบเห็นรองเท้าบู๊หนังคู่ใหม่ไม่คุ้นตาเมื่อมองตามไปไคลน์ได้พบฝ่ามือสีขาวซีดชุ่มเลือดใครบางคนกำลังห้อยลง


     

    ขณะที่อีกฝ่ายกำลังก้มตัวหยิบเถ้ากระดูกพระแม่เซเลน่า การมองเห็นของไคลน์ก็ดับลงเป็นสีดำสมบูรณ์ ]


     

    “อ๊ากกกก!!!“ เสียงกรี๊ดร้องที่เปี่ยมไปด้วยโทสะของเมลิสซ่าดังออกมาหลังจากเห็นภาพพี่ชายตัวเองตายลง และยิ่งโหมกระหน่ำมากขึ้น เมื่อเห็นตัวการกล้ามาปรากฏต่อหน้า อุปกรณ์ต่างๆในชุดเริ่มทำงานอย่างบ้าคลั่ง พลังวิญญาณเริ่มพลุ่งพล่านออกมา


     

    ชายในชุดนักบวชสีขาวลืมตาขึ้นพร้อมกับนวดไม้กางเขนเล็กน้อย คลื่นวิญญาณปลอบประโลมระดับวันวานกระจายเป็นวงกว้างทำให้สาวน้อยค่อยๆสงบลง


     

    ออเดร์ยเช็ดเหงื่อนิดหน่อย เธอเองก็พยายามปลอบประโลมแล้วแต่ยังคงไม่มากพอเพราะเมลิสซ่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ถือครองพรของเดอะฟูลเนื่องจากไคลน์ได้มอบให้จึงมีพลังวิญญาณสูงมาก


     

    “ขอบคุณค่ะ” ออเดรย์หันไปมองนักบวชด้านหน้า


     

    อดัมไม่ได้หันมาตอบเพียงแค่พยักหน้าให้


     

    “แฮ่ก…แฮ่ก..ขอโทษนะค่ะ” เมลิสซ่าที่สงบสติได้แล้วก็หันมากล่าวคำขอโทษแต่คนอื่นๆก็ไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่พยักหน้าให้เพราะพวกเขาเข้าใจดีในความรู้สึกของเธอ


     

    [ในเขตชานเมืองทิงเก็น


     

    บ้านเดี่ยวมาพร้อมสวนสวย แต่เริ่มเหี่ยวเฉาลงเมื่อช่วงต้นเดือนกันยายน เอกลักษณ์โดดเด่นของบ้านหลังนี้คือปล่องไฟสีแดงเข้ม


     

    บนโต้ะมีหนังสือโน้ตวางอยู่ มือซีดเทาหันไปยังกระดาษโน้ตด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้ายกับแผนการของตัวที่สำเร็จลงอย่างงดงาม ก่อนจะทำการเขียนจบบทละครด้วยประโยคสุดคลาสสิค


     

    “เรื่องราวในทิงเก็นจบลงเท่านี้“ ]


     

    “แก…แก” ทุกคนในอดไม่ได้ที่จะแผ่ออร่าครึ่งเทพหรือพลังวิญญาณของตน พวกเขาโกรธมากที่อีกฝ่ายใช้ชีวิตของผู้คนราวกับตัวหนังสือในกระดาษ


     

    แม้ว่าทวยเทพจะไม่ต่างกันแต่จุดประสงค์หลักของพวกเขาก็ทำเพื่อปกป้องโลก ไม่ใช่เพราะความเห็นแก่ตัวล้วนๆแบบนี้!


     

    “เหอะ แม้แต่คนในโบสถ์ก็เลวร้ายไม่ต่างจากโจรสลัดหรอก“ เดนิสบ่นออกมาด้วยอารมณ์โกรธนิดหน่อย


     

    ”เห็นด้วยเลย“ โรซาล์ยยกมือขึ้นก่อนจะหันไปทางสาวชุดนักบวชโบราณสีดำข้างๆ


     

    ”ดูท่าเธอจะควบคุมสาวกตัวเองได้ไม่สมบูรณ์น่ะ“


     

    ดวงตาของอมานีเซียหดลีบเล็กน้อยก่อนจะพูดตอบเสียงอันแฝงไปด้วยความเย็นชา


     

    ”ฉันต้องขอโทษที่มีขยะแบบนี้เกิดขึ้น ฉันควรดูแลและจับตามองเหล่าสาวกอย่างใกล้ชิดเพื่อไม่ให้มีคนแบบอินซ์เกิดขึ้นอีก…มุขนายกมิเชล คุณต้องช่วยฉัน“


     

    ”ครับ ท่าน“ เลียวนาร์ดลุกขึ้นก้มตัวลงรับคำพูดของเทพธิดาอย่างกระตือรือร้น


     

    [ณ ชั้นใต้ดินวิหารเซเลน่า


     

    เลียวนาร์ดนั่งบนเก้าอี้อย่างอะไรตายอยาก นัย์ตามันเหม่อลอยขาดสติ แม้จะสภาพร่างกายจะถูกรักษาแล้วแต่จิตใจยังคงด่าถ้อตัวเองยังไม่ลดละ


     

    ในจังหวะนั้นก็มีคนเข้ามาแจ้งเรื่องพบกระดาษจากสำนึกงานใกญ่ว่าให้ระวังปากกา 0-08 เลียวนาร์ดจึงสามารถประติดประต่อทุกอย่างเข้าด้วยกันทำให้เขามีเป้าหมายอย่างการล้างแค้นและจะเข้าร่วมหน่ยวถุงมือแดง


     

    “ศพพร้อมหรือยัง” เลียวนาร์ดกัดฟันถาม


     

    “พร้อม”


     

    “ผมจะไปแจ้งครอบครัวเขาเอง”


     

    ตัดกลับมาที่ บ้านหมายเลข 2 ถนนดารารัตน์


     

    เลียวนาร์ดเดินมากดกริ่งบ้านจนประตูเปิดออกผู้ที่มาคือเมลิสซ่า เธอมองชายตรงหน้าอย่างสงสัย


     

    “เอ่อ…คุณคือ?”


     

    “เพื่อนร่วมงานของไคลน์…พี่ชายคุณ”


     

    จู่ๆหัวใจเมลิสซ่าพลันสั่นไหวอย่างรู้สึกไม่ดี เธอเขย้งเท้าเหลือบไปด้านหลังหวังจะเห็นหน้าของพี่ชายที่คุ้นเคยแต่ปรากฏว่าไม่พบใคร เมลิสซ่าถามด้วยเสียงสั่น


     

    “แล้ว…ไคลน์ไปไหน”


     

    เลียวนาร์ดหลับตาเล่าเรื่อง


     

    “ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ่ง ขณะที่พี่ชายคุณพยายามช่วยเหลือผู้อื่นเขาถูกสังหารด้วยฝีมือของอาชญากรจิตใจต่ำทราม…เขา คือวีรบุรุษ”


     

    ดวงตาของเมลิสว่าสั่นไหว ร่างกายสั่นเท่าไม่หยุด บัตรชมละครสามใบหลุดลงพื้น เผยให้เชื่อละครเวทีชัดเจน


     

    {ท่านเคาต์หวนคืน} ]


     

    พอทุกคนเห็นใบละครกับชื่อก็รู้สึกหนักที่อกขึ้นมา ออเดรย์นึกถึงตอนที่เธอสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติตอนที่เขาพบเมลิสซ่าในมหาลัยเลียวนาร์ดนึกถึงตัวตนดอน ดัสเนส


     

    เมลิสว่ายังคงร้องไห้อยู่ แม้จะสงบลงบ้างแต่มันก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาได้จริงๆ


     

    [ณ งานศพ หลังจากงานจบลง ที่หน้าหลุมศพของวีรบุรุษสลักชื่อ ไคลน์ แสงจันทร์สีแดงเข้มส่องแสงมายังป้ายสุสาน


     

    *ตึง!!


     

    ทันใดนั้น ป้ายสุสานล้มลงพร้อมกับมีมือทะลุชั้นดินออกมา พร้อมกับโลงศพที่ถูกเปิดออกและมีมือซีดพยายามปีนขึ้นมาจากหลุม


     

    ไคลน์ลุกขึ้นมานั่งแล้วมองไปรอบๆอย่างแปลกใจพร้อมกับยิ้มอย่างเศร้าๆพอเห็นชื่อตัวเองบนป้ายสุสาน]


     

    ทุกคนที่อยู่ในบรรยากาศเศร้าๆก่อนหน้าพลันหายไปในฉับพลัน แม้แต่อมานีเซียที่มองอยู่ก็ถอนหายใจ


     

    ”อันที่จริงเขาสามารถกลับมาที่โบสถ์ได้เสมอ“ หากเขากลับมาเธอสามารถมอบตำแหน่งคนโปรดเพื่อช่วยเหลือเขาได้ แต่น่าเสียดายความสัมพันธ์ของเธอกับเขายังไม่ดีขนาดพูดคุยกัน เพราะเธอช่วยเขาเพียงแค่เพื่อลงทุน เขาเองก็ช่วยเธอเพราะข้อตกลง…มันคงจะดีกว่านี้ถ้าฉันตัดสินใจไปคุยกับนายตั้งแต่แรก โจว


     

    ”เฮ้อ~ อย่างน้อยเขาก็ได้รับการสนับสนุนน้า“ โรซาล์ยยิ้มอย่างอ่อนแรงเรียกร้องความยุติธรรม ทำไมทีเขาไม่เห็นมีใครสนับสนุนแบบนี้บ้างละ!


     

    ”หืม? ฉันไม่ได้ดูแลนายหรอ?“ อดัมลืมตาขึ้นแล้วหันมามองโรซาล์ย รอยยิ้มนั้นแสดงถึงคำท้วงหนี้มากมายที่โรซาล์ยติดเขาไว้ในการสนับสนุนต่างๆ


     

    ”แฮะๆ ผมพูดเล่นน้า หัวหน้า อย่างซีเรียสสิ“

     

     

    ”เฮ้อ“ แบร์นาเนตไม่เคยรู้สึกอายขนาดนี้มาก่อนเลย ขักจะคิดแล้วว่าการนั่งใกล้พ่อตัวเองเป็นความคิดที่ดีไหม


     

    [หลังจากเคารพสุสานของดันท์ ไคลน์ใช้พลังทำนายแนวทางและตัวการว่าตอนนี้อยู่เบ็คลันด์ เขาจึงไม่สามมรถอยู่ต่อได้แล้ว


     

    หลังออกจากสุสาน ไม่รู้เพราะอะไรแต่ขาเขาเดินกลับมาบ้านอย่างไม่รู้ตัว ด้วยความสุขเปี่ยมล้นหัวใจ ชายหนุ่มรีบข้ามถนนไปยังบ้านแต่ก็ชะงักลงกลางคัน


     

    มันยิ้มอย่างขมขื่น พล่างส่งเสียงพึมพำปลอบใจตัวเอง


     

    “แบบนี้ดีแล้ว”


     

    “ดีแล้วจริงๆ“


     

    ”ปัญหาและความวุ่นวานจากฝีมือเราในอนาคตจะได้ไม่หันไปลงกับพวกเขาภายหลัง เงินชดใช้ที่โบสถ์มอบให้น่าจะมากพอให้ครอบครัวมีชีวิตอยู่ต่อได้แม้เบ็นสันจะหางานไม่ได้“ ]


     

    ”ฮือ~” เสียงร้องไห้ของเมลิสซ่าดังอีกครั้งอย่างมิอาจอดกลั้น เขาเป็นแบบนี้เสมอ เขาคิดแค่ว่าคนอื่นจะสบายดีไหมแต่ไม่คิดจะห่วงตัวเองเลย


     

    ‘นายไม่สังเกตเลยหรือไงว่าใบหน้านายมันเจ็บปวดมากแค่ไหน…ทำไมถึงทำร้ายตัวเองแบบนี้ละ‘


     

    “ไคลน์ พวกเรามีชีวิตที่ดี มีหลานให้นายดูแลด้วย แต่มันมิอาจสมบูรณ์ได้ถ้าขาดนาย…ได้โปรด…กลับมาเถอะนะ พี่ค่ะ”


     

    [ไคลน์ออกมาจากถนนและหามุมนอนในตรอกแห่งหนึ่งแล้วผล็อยหลับไป แต่จู่ๆเขาก็ถูกปลุกโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ


     

    “แกนอนที่ตรงนี้ไม่ได้!”


     

    “ริมถนนและสวนสาธารณะไม่ได้มีไว้ให้พวกขี้เกียจสันหลังยาว ไร้งาน ไร้บ้านแบบแกมานอนพัก นี่คือกฏหมายสำหรับบังคับใช้คนจนโดยเฉพาะ!“ ]


     

    “ให้ตายสิ แม้แต่วีรบุรุษที่สละชีวิตก็โดนทำแบบนี้” โรซาล์ยบ่นท้อกับระเบียบของโลกนิดหน่อย เขารู้ว่านายตำรวจนั้นไม่ได้ทำอะไรผิดแต่มันก็อดบ่นไม่ได้ที่เห็นสหายตัวเองโดนด่าทั้งที่พึ่งสละชีวิตช่วยเมืองไว้


     

    [เช้าวันรุ่งขึ้น ไคลน์เดินทางไปถอนธนาคารมา 200 ปอนด์จากบัญชีลับของตนจากนั้นก็ไปซื้อตัวรถไฟ แต่ก็เลือกที่จะเดินทางไปตอนช่วงบ่าย]


     

    “อย่างน้อยเขาก็ยังมีเงินสินะ” ฟอร์สถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่เห็นเขายังมีสบายดีและมีหนทางรอดอยู่


     

    “ฮิฮิ แม้จะช่วยได้ไม่มากแต่ฉันก็ดีใจที่ได้ช่วยนะ” ออเดร์ยซึ่งเห็นเงินนั้นก็รู้ได้ว่ามันคือเงินของเธอที่มอบให้กับข้ารับใช้ของมิสเตอร์ฟูล ยิ่งพอมารู้ว่าเงินตัวเองได้ช่วยชีวิตผู้มีพระคุณก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างมีความสุข เพราะเธอในตอนนั้นสามารถช่วยได้แค่เรื่องเงินเท่านั้น


     

    [ไคลน์กลับมามองประตูบ้านโมเร็ตติเป็นครั้งสุดท้ายแต่พอมองกลับไป มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนเขามาที่นี้ครั้งแรก ความอ้างว้างที่ต้องจากบ้านตัวเองอีกครั้ง สมัยเพิ่งเดินทางมาในร่างของไคลน์ โมเร็ตติ]


     

    ”นั้นคือบ้านของนายเสมอ…ประตูบ้านโมเร็ตติจะเป็นบ้านของพี่ตลอดไป พวกเรารอนายกลับมาอยู่นะ” เมลิสซ่ายิ้มดีใจพอได้เห็นความคิดของพี่ชาย ถึงพวกเขาจะไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ แต่การที่เขามองบ้านของพวกเธอเป็นบ้านจริงๆของเขา…มันรู้สึกอบอุ่นจริงๆ


     

    [หลังจากนั้นไคลน์แอบตามสองพี่น้องไปโรงละคร และหลังจากมองอยู่นานแล้วเห็นว่าพวกเขายังคงรู้สึกเศร้าอยู่เลยไปปลอมตัวเป็นตัวตลกแล้วเข้าหาพวกเขาเพื่อให้ดอกไม้สีทองอร่าม สัญลักษณ์แทนความสุข


     

    เมื่อสองพี่น้องเงยหน้า ก็พบรอยยิ้มอย่างจริงจังปรากฏชัดเจนท่ามกลางแถบสีฉูดฉาดบนใบหน้า เป็นรอยยิ้มแห่งความสุข


     

    สุขจนล้นปรี่


     

    เปี่ยมด้วยความอบอุ่นเหนือคำบรรยาย ]


     

    “พี่ชายบ้า!” แม้จะด่าแบบนั้นแต่เมลิสว่าก็ยังยิ้มอยู่ดี เธอจำความฝันตลอดหลายปีมานี้ได้ ว่าเขาตอนเป็นเดอะฟูลมักมาหาเธอในรูปลักษณ์ตัวตลกแบบนั้น…ภาพสุดท้ายที่มาคือเขามาให้ดอกไม้เธอ สิ่งที่แตกต่างคือคราวนี้เป็นเขาเองที่จากไปแบบไม่กลับมาอีก


     

    พาลีสยิ้มกับภาพสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้นแล้วนำโคมไฟมาปล่อยในแม่น้ำพร้อมกับคำอธิฐาน


     

    “เจ้าเด็กน้อย กลับบ้านเถอะ”


     

    เขาไม่เหลือสายเลือดครอบครัวอีกแล้วในตอนนี้ แม้จะมีพอมีอยู่บ้างอย่างเลียวนาร์ดที่เขาเริ่มมองอีกฝ่ายเป็นหลานจริงๆก็เถอะ


     

    ‘เพราะอย่างงั้น เธอควรกลับมาหาครอบครัวที่ยังรอเธออยู่นะ‘


     

    หลังจากพาลีสกลับมาก็ไม่มีใครลุกขึ้น ทุกคนตามหันมองหน้ากันแหละกันจนเลือกที่จะเอาหนึ่งในสมาชิกของชุมนุมทาโรต์ให้ไป


     

    อัลเจอร์รีบออกตัวว่าให้รุ่นแรกไปก่อนซึ่งเขาเสนอออเดร์ยเพราะเธอคือผู้ก่อตั้งชื่อชุมนุมทาโรต์จริงๆ


     

    “ฉันหรอ?” ออเดรย์ถามอย่างแปลกใจเล็กน้อยไม่คิดเลยว่าเธอจะโดนโยนมาให้แบบนี้


     

    ’เดี้ยวนะ ถ้าเรื่องของเราก็น่าจะเป็นตอนนั้นนิ’ พอคิดถึงสถานการณ์ตอนนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเขินอายนิดหน่อยแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จึงเดินขึ้นไปจุดไฟ


     

    [รังไหมที่หอยอยู่บนอากาศในความมืดมีบุคคลร่างมากมายที่ใส่ชุดต่างจากโลกปกติ โดยในนั้นมีรังไหมสามอันนั้นว่างเปล่า]


    พวกเราปกป้องทิงเก็นไว้
    ยิ้มสิ อย่าเศร้าเลย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×