คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แผนปลุกมิสเตอร์ฟูล
ยุคที่5สิ้นสุดลง ณ เวลานี้
ในวันนั้นเกิดปรากฏการณ์ครั้งใหญ่แต่มันก็จบลงอย่างเงียบๆ
สำหรับคนธรรมดาทั่วไปนั้น ปี1368 ยุคที่เป็นเพียงเดือนปีธรรมดา
ผู้คนรู้เพียงว่าคืนหนึ่งในเดือนมิถุนายน จู่ๆพระจันทร์สีแดงก็ส่องแสงเจิดจ้าในกลางดึก ไม่นานนักมันก็หายไปเหลือเพียงจันทร์สีขาวส่องแสง
แน่นอนว่าไม่มีใครสงสัยหรือตื่นตระหนกอะไร ราวกับดวงจันทร์นั้นเป็นสีขาวมาตลอดหลายพันปี
จนกระทั่งถึงเวลาสิ้นปีคริสจักรต่างๆและเหล่าอาณาจักรได้ร่วมกันประกาศถึงยุคสมัยที่5นั้นสิ้นสุดแล้วเป็นการเริ่มยุคสมัยที่6อย่างเป็นทางการ ทว่าผู้คนทั่วไปไม่รู้เลยว่าพวกเขาได้รอดพ้นจากวันสิ้นโลก
เหล่าตัวตนระดับเทวทูตขึ้นไปเท่านั้นที่มีสิทธิรับรู้ร่วมต่อสู้อย่างลึกซึ่งในสงครามวันสิ้นโลก แม้จะได้รับชัยชนะแต่ก็แลกมาด้วยความสูญเสียเกินคณานับ
สุริยัน ผู้เคร่งครัดเลือกจะเสียสละตัวเองแก่อดีตอาจารย์
ทรราช เลือกที่จะต่อสู้ถึงที่สุด
ความรู้ ได้ยอมแลกลำดับตัวเองเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ
ทั้งหมดก็เพื่อให้
พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ มาร่วมสู้ในศึกสุดท้าย
เทพธิดารัตติกาลประสบความสำเร็จในการปรองดองกับ
{แม่น้ำแห่งความมืดนิรันดร์}
และได้เทลิงบัลลังก์เทพ สนธยา มรณะ กลายเป็น อันธนาการนิรันดร์
ด้วยความช่วยเหลือของสามวันวานอย่าง พระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพ,
อันธนาการนิรันดร์,ลอร์ดแห่งความลึกลับ เทพีแห่งชีวิตจึงสามารถใช้
{ความดื้อรั้นของโลก} เพื่อต่อต้านและกำราบ พระมารดาต้นไม้แห่งความปรารถนา ลงได้สำเร็จและ จักรพรรดิมืด ได้ถูกช่วยเหลือจากกัดกร่อนพร้อมกับเข้าร่วมสู้ในศึกสุดท้าย
การต่อสู้ชี้ขาดครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นนอกม่านบาเรียโลก สงครามแนวคิดมากมายทั้งงดงาม ศักดิ์สิทธิ์ เสื่อมทราม เกิดขึ้นมากมายแต่โลกไม่ได้หลบผลกระทบอะไรมากน่ะเพราะมีเหล่าเทวทูตคอยจัดการอิทธิพลที่เข้ามาในโลกอยู่ด้านหลัง
แต่พวกเขาต่างรู้ดีแม้จะได้รับชัยชนะและจุดจบที่ดีเยี่ยมแต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่ได้รับการเสียสละจากคนคนหนึ่ง
เดอะฟูลจากต่างยุคสมัย
นั้นคือคำจารึกที่อยู่ในใจทุกคน วีรบุรุษที่เสียสละไปมากมายเพื่อโลก
ทว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ไม่อยากยอมรับจุดจบแบบนี้จึงได้เรียกเหล่าผู้มาจากยุคเก่ามาประชุม
“พวกเราจะเขียนตอนจบใหม่นี้ด้วยกัน” เหนือมิติสายหมอกมีร่างชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวและแว่นตาขาเดียว อามุนด์ ที่อยู่ในชุดนักวิจัยยุคก่อนใช้มือชี้ไปยังจอฉายภาพดิจิทัลด้านหลังและกล่าวแผนการกับ เหล่าผู้มาจากยุคก่อน สามคนตรงหน้า
“หา? ตอนจบใหม่? แกพูดถึงเรื่องอะไรเนี่ย” โรซาล์ยขมวดคิ้วด้วยสีหน้าไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
“และอีกอย่างนะ ทำไมแกใส่ชุดแบบนั้นฟะ”
อามุนด์ขยับขอบแว่นเล็กน้อยแล้วกางมือสบัดเสื้อคลุม
”เสื้อคลุมชุดนักวิจัยไง พวกคุณไม่รู้จักหรอ?“
สามคนตรงหน้าเอื้อมระอากับคำพูดของอามุนด์ก่อนที่โรซาล์ยจะถามต่อ
”แล้วเจ้านั้นละ?“ เขาชี้ไปยังจอโทรทัศน์ข้างหลัง
”มันคือโปรเจ็กเตอร์หรือจะเรียกโทรทัศน์ก็ได้ ข้าเห็นมันจากความฝันของมิสเตอร์ฟูล ซึ่งมีประโยชน์มากเลยละ” อามุนด์กล่าวภูมิใจและชื่นชมเต็มที่
“เอ่อ…” โรซาล์ยถึงกับพูดไม่ออก
“แล้ว?” อมานีเซียที่เงียบมาตลอดได้พูดขึ้นจากนั้นก็ถามต่อ
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาสงสัยเรื่องนั้น…นายบอกว่ามีแผนที่จะเปลี่ยนตอนจบไม่ใช่หรอ ทำอย่างไง?” เธอพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แน่นอนว่าสามหนุ่มก็เข้าใจเพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งที่มอบชะตากรรมอันโหดร้ายให้เขา หากช่วยได้เธอก็จะทำเต็มที่
อามุนด์อะแฮ่มเล็กน้อยก่อนจะยกมือกดรีโมทเปิดวิดิโอบนจอภาพ ราวกับนักเรียนที่กำลังพรีเซนต์รายงานกับคุณครู หัวข้อคือ
{แผนปลุกเดอะฟูล} By นักเรียนอามุนด์
“ชิ ดูอย่างไงนี้มันก็เป็นการพรีเซนต์รายงานนี้หว่า” โรซาล์ยพึมพำเบาๆ
“เอาละ พวกเราต่างรู้ดีว่าตัวตนระดับสูงจะไม่มีทางตายง่ายๆ มิสเตอร์ฟูลเคยปฏิเสธที่จะคืนชีพเพื่อปกป้องโลก แต่ตราบเท่าที่มีเงื่อนไขเหมาะสมเราก็สามารถปลุกสัญญาณชีวิตในตราประทับจิตวิญญาณของเขาได้“ อามุนด์อธิบายราวกับนักศึกษามือฉมังก่อนจะสไลด์ไปหน้าถัดไป
”ขั้นตอนแรกคือสร้างกายหยาบด้วยอำนาจของ เดอะฟูล,ข้อผิดพลาด,ประตู จากนั้นก็ผสานด้วยอำนาจแห่งชีวิตเพื่อสร้างร่างมนุษย์ขึ้น“
”ขั้นที่สอง” อามุนด์ขยับขอบแว่นตาอีกครั้งก่อนจะเปิดหน้าจอภาพแม่น้ำสีดำ
“ค้นหาร่องรอยมรณะของเขาจาก {แม่น้ำแห่งความมืดนิรันดร์} จากนั้นก็ให้จักรพรรดิมืดบิดเบือนกฏเกณฑ์แห่งความตายโดยได้รับความช่วยเหลือจาก อันธนาการนิรันดร์ ดึงเขาออกมาจากการเร่ร่อนในแดนความตาย แล้วนำวิญญาณใส่ไปในภาชนะที่สร้างไว้”
“ขั้นที่สามคือรวบรวมเพื่อนและผู้ศรัทธามาดูเรื่องราวในอดีตเพื่อปลุกจิตสำนึกของเขาผ่านการสะท้อนความจำและอารมณ์…ส่วนเนื้อหาของวิดิโอที่เราจะดู“ เขาคิดเล็กน้อยก่อนจะยิ้มขึ้น
“ข้ามีความทรงจำทั้งหมดของเขาอยู่ที่นั้น” อามนุด์ชี้ไปยังกระจกวิเศษอาโรเดสวางอยู่ด้านข้าง
“มันได้บันทึกความจริงทั้งหมดที่ไม่ถูกปกปิดควบคู่ไปกับข้าที่เห็นความจำของเขาในความฝันจึงสามารถถ่ายทอดให้ดูได้”
อดัมที่ฟังอยู่ได้ลืมตาขึ้น
“หากพูดถึงเรื่องนี้แล้วมันสำเร็จจริงๆ เจ้ารู้หรือป่าวว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น…หากเขาหายไปเจตจำนงของเร้นลับคนก่อนจะถูกปลุกและเจ้าจะต้องเผชิญหน้าตามลำพัง…ทั้งทีเป็นแบบนั้นเจ้าก็เลือกที่จะทำอย่างงั้นหรอ?”
“แน่นอน” อามุนด์ยิ้มอย่างไม่เปลี่ยนแปลงและมั่นคง
“การมีชีวิตอยู่โดยได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่นมันน่าเบื่อมาก ในเมื่อท่านพ่อและมิสเตอร์ฟูลทำได้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ข้าจะทำไม่ได้”
อดัมยังคงกังวลเล็กน้อย
”ถ้าเช่นนั้น ข้าจะคอยดูแลสภาพจิตใจเจ้าอย่างใกล้ชิด“
”ขอบคุณ“ อามุนด์มองไปดวงตาของอดัมที่แม้จะยังคงสงบแต่เพียงชั่วครู่แต่ก็สั่นไหวเล็กน้อยซึ่งนั้นไม่สามารถรอดพ้นสายตาของอามุนด์ได้หรอก
อดัมไม่คิดจะพูดอะไรต่อเพียงพยักหน้าเห็นด้วยที่จะร่วมมือในแผนการนี้ อามุนด์พยักหน้าขอบคุณก่อนจะหันไปอีกสองคนด้านข้าง
“…เจ้าคิดว่าโอกาสสำเร็จนั้นเท่าไร” เสียงของอมานีเซียยังคงแผ่วบางแต่ก็มีความหวังเล็กน้อย
“ประมาณ 70%”
“ก็ดี…มันคุ้มค่าที่จะลอง“ อมานีเซียหลับตาคิดถึงบางอย่างแล้วพูดตอบด้วยเสียงอันแตกต่างซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
โรซาล์ยที่มองอยู่ก็เอนตัวลุกขึ้นอย่างจริงจัง
”งั้นมามอบหมายงานกันเลยละกัน รัตติกาลกับฉันจะจัดการเรื่องวิญญาณของเขาใน {แม่น้ำแห่งความมืดนิรันดร์}“
”ข้าจะติดต่อลิลิธให้มาช่วยกันเอง ถ้าเป็นเธอละก็หากเกี่ยวข้องกับเดอะฟูลก็ยินดีช่วยเหลือ“ อมานีเซีย
โรซาล์ยพยักหน้าก่อนจะพูดต่อ
“เดี้ยวฉันติดต่อจักรกลให้มาช่วยเรื่องระบบหน้าจอแล้วกัน”
อดัมหันมามองและสงสัยเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าเจ้าไม่อยากเห็นหน้าเขาหรอกรึ?”
โรซาล์ยเบ้ปาก
”แน่นอน ฉันยังเกลียดเขาอยู่แต่ตอนนี้ต้องมาแก้ปัญหานี้ก่อน ไม่ช้าก็เร็ว ฉันจะไปคุยกับเขาเรื่องโบโนวาเอง“
อดัมพยักหน้าเข้าใจ
“ข้าสามารถจัดสถานที่เหมาะในการรับชมได้และเป็นจุดที่ปลอดภัยเพื่อให้แผนการสมบูรณ์ที่สุด”
อามุนด์ลูบคางแล้วพูดกับโรซาล์ย
“ผมต้องรบกวนคุณติดต่อเหล่าคนใกล้ชิดกับผู้ฟังที่เหมาะสมของมิสเตอร์ฟูลให้มาร่วมด้วยนะ เพราะถ้าผมไปเองคงไม่ดีสักเท่าไร” แม้อามุนด์จะดีขึ้นมากแล้วหลังจากได้รับเจตจำนงและอารมณ์ของไคลน์แต่สุดท้ายภาพลักษณ์ในอดีตที่เขาทำมันก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้มากในสายตาคนอื่น
“ไม่มีปัญหา เดี้ยวให้แบร์นาเนตติดต่อให้ เธอมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาอยู่แล้ว ลที่เหลือก็ปล่อยให้เด็กๆติดต่อกันเอง“
”อืม“ อามุนด์ตบมือเป็นสัญญาณจบชุมนุม
”ผมขอประกาศเริ่มแผนการ {แผนปลุกเดอะฟูล} By นักเรียนอามุนด์และเหล่าคนแก่ทั้งสาม ได้เริ่มขึ้นแล้ว!!“ พูดจบอามุนด์ก็รีบสลายร่างตัวเองหลบดาบอันบิดเบือนของโรซาล์ยและความมืดที่จะกลืนกินเขา
ส่วนลึกของโลกแห่งวิญญาณ ยูโทเปีย
ออเดรย์ในชุดเดรสสีเขียวอ่อนเรียบง่ายเดินบนถนนอันว่างเปล่ามุ่งหน้าไปยังโบสถ์ใจกลางเมือง
หลังจากเข้ามาข้างใน เธอรู้สึกว่าหัวใจนั้นเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยราวกับเธอได้ย้อนกลับไปยังวันแรกที่ได้เข้าสู่โลกเร้นลับ…วันแรกที่ได้เจอมิสเตอร์ฟูล
พอเธอเดินมาถึงหน้าห้องสวดมนต์ก็พบหญิงสาวคนหนึ่งสวมชุดสีน้ำตาลเข้มสีหน้ากังวลและกำลังลังเลว่าจะเข้าไปไหม
“มิสเมลิสซา” ออเดรย์พูดด้วยระยะห่างที่พอดีก่อนจะเดินเข้ามาถาม
“เธอไม่เข้าไปหรอ?”
เมสลิซ่าที่เห็นหน้าผู้มาใหม่อย่างชัดเจนก็ประหลาดใจและพูดด้วยความรู้สึกดีใจ
“มิสออเดรย์!” แต่ไม่นานเธอก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง
“ฉัน…แค่กังวลนิดหน่อยนะ เพราะดูเหมือนในห้องจะมีแต่ผู้ยิ่งใหญ่อยู่มากมายจะให้ฉัน..”
ออเดรย์ยิ้มก่อนจะกุมมือเธอเดินเข้าไปในห้องสวดมนต์
“ทุกคนต่างมีจุดประสงค์และความปรารถนาแบบเดียวกัน เพราะงั้นแล้วไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกค่ะ”
เมลิสซ่าเหมือนจะโล่งใจขึ้นจึงเดินตามไป ส่วนออเดรย์ด้วยสัญชาตญาณ {ผู้ชม} ทำให้เธอสังเกตรอบห้องโดยไม่รู้ตัว
เป็นห้องที่มีกระจกโปร่งใส่เหนือหัว ผนังซ้ายขวาประดับด้วยกระจกที่สลักเรื่องราวของใครบางคนจากจุดเริ่มถึงจุดสิ้นสุด มีโต้ะนั่งยาวตามสไตล์โบสถ์ทั่วไป แบ่งเป็น2ฝั่งด้านซ้ายขวา คั่นด้วยทางเดินตรงกลาง ณ ส่วนปลายสุดของทางเดินมีโต้ะโพเดียมวางอยู่ข้างๆ เหนือหัวนั้นมีจอสีเหลี่ยมขนาดใหญ่ซึ่งเธอเคยเห็นในฝันมิสเตอร์ฟูงจึงรู้ว่ามันเรียกว่า จอโทรทัศน์
ในเวลานี้ที่นั่งส่วนใหญ่ได้มีคนจองแล้วได้แก่ มีวันวานกับเทพแท้จริงนั่งอยู่แถวแรกส่วนคนอื่นๆก็นั่งตามความสนิทสนมของตัวเอง
เมื่อออเดรย์มองคราวๆผู้ที่นั่งอยู่แถวถัดมาจะมี ชุมนุมไพ่ทาโรต์ มิสเตอร์อะซิก
ท่านวิลกับท่านพาลีส โต้ะด้านซ้ายมือมีมิสชารอน และท่านไรเน็นต์
ส่วนถัดท่านพาลีสจะมี ท่านแบร์นาเนตและแคทลียาที่นั่งด้านหลังจักรพรรดิโรซาล์ย แต่ส่วนที่เธอแปลกใจที่สุดคือ เทวทูตสงคราม ท่านเมดีซีที่นั่งอยู่สุดปลายโต้ะคนเดียวก็มาด้วย
ออเดรย์ยิ้มกับภาพอันหาดูได้ยากนี้ก่อนจะเดินนำเมลิสซ่าไปแถวสุดท้ายฝั่งตรงข้ามและนั่งใกล้ฟอร์สที่อีกข้างมีซิลนั่งอยู่
หลังจากนั่งลงเธอก็มุ่งความสนใจไปยังโทรทัศน์ที่หน้าสุดของห้องและทางด้านขวามือก็มีช่องว่างขนาดใหญ่ซึ่งมีสะพานไม้ที่เชื่อมกับแม่น้ำสีดำ โดยในแม่น้ำมีร่างชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนเรือ เป็นใบหน้าอันคุ้นเคยที่มีบรรยากาศคล้ายนักศึกษาจบใหม่กำลังหลับตาอยู่
เมลิสซ่าที่เห็นว่าใครนอนอยู่ก็ตื่นตระหนกเล็กน้อยแต่เพราะกลัวว่าอาจทำลายบรรยากาศจึงเงียบลง
ไม่นานนักอามุนด์ก็เดินออกมาจากประตูทางฝั่งซ้ายมือในชุดราวกับนักบุญผู้เคร่งครัดเตรียมเทศนาแต่ก็ยังแฝงความขี้เล่น สวมหมวกปลายแหลมตามปกติกับแว่นตาขาเดียว มีสร้อยที่มีสัญลักษณ์ศักดิ์สิทธิ์ของเดอะฟูลห้อยอยู่ที่คอ เขาเดินมายังตำแหน่งคนพูดและเริ่มกล่าว
“อะแฮ่ม เนื่องจากทุกคนอยู่ที่นี้แล้ว ผมจะพยายามไม่พูดมากเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานะครับ” อามุนด์ชี้ไปยังเรือที่จอดอยู่ที่แม่น้ำ
“ข้างในนั้นคือร่างกายหยาบที่สร้างขึ้น เพื่อจะรองรับวิญญาณแต่การจะทำแบบนั้นได้เราจำเป็นต้องปลุกจิตสำนึกของมิสเตอร์ฟูลที่ยังคงหลับให้ตื่นขึ้นซะก่อน”
“โดยสิ่งที่เราต้องทำคือการดูภาพสะท้อนความจำของเขาผ่านพิธีกรรมที่จะฉายบนจอสี่เหลี่ยมอันนี้“ เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะมองไปรอบด้าน
”เอาละ ถ้าเอาแต่พูดคงไม่เห็นภาพเพราะงั้นแล้วจะมีใครอาสาเป็นคนแรกไหม?“
ทุกคนมองไปรอบๆว่าใครจะไปก่อนดีและมีคุณสมบัติที่จะเป็นคนแรกไหม จนกระทั่งมีเสียงสั่นเล็กน้อยดังขึ้นจากแถวสุดท้าย
”ให้ฉันทำเป็นคนแรกเอง“
เมื่อทุกคนหันไปก็เห็นเมลิสซ่ากำลังยกมือ แต่เพราะถูกสายตามากมายจับจ้องเธอเลยประมาทนิดหน่อยก่อนจะสูดลมหายใจให้เต็มปอดและพูดอย่างมั่นคง
“ได้โปรด ให้ฉันได้ทำเพื่อเขาเถอะ”
“มิสเมลิสซา” ออเดรย์มองเธออย่างกังวล
“ฉันอยากทำอะไรเพื่อเขาบ้างน่ะ” เธอยิ้มตอบกลับขณะให้กำลังใจตัวเอง
ความคิดเห็น