คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เอ็มลินและเดนิส
“หืม? ทำไมเป็นฉากนี้ละ” เอ็มลินพึมพำด้วยเสียงประหลาดใจ ทั้งๆที่คิดว่าภาพจะฉายเรื่องตอนเขาเจอเชอร์ล็อกครั้งแรกซะอีก…อุตส่าห์เตรียมใจพร้อมที่จะรับชมอดีตอันแสนมืดมนของตัวเองแล้วแท้ๆ
คนอื่นๆที่มองอยู่อาจไม่เข้าใจ แต่ชุมนุมทาโรต์จำได้ว่านี้คือปฏิบัติการครั้งแรกของสมาชิกชุมนุมทาโรต์โดยมีผู้เข้าร่วมคือ เดอะสตาร์,เดอะมูน,เดอะจัสติน,เดอะจัดจ์ดมนต์ ซึ่งในคราวนี้ เดอะเวิล์ดกับเดอะฟูลไม่ได้เข้าร่วมด้วยเพราะนี้มันคล้ายกับการแกล้งเด็กมากกว่า
แม้พวกเขาจะสงสัยว่าทำไมถึงฉายเหตุการณ์นี้แต่ก็เลือกที่จะสงบและมองภาพบนจอต่อไป
[ปฏิบัติการเริ่มขึ้นด้วยเลียวนาร์ดทำการดึงเออร์เนสเข้าสู่ห้วงความฝัน จากนั้นออเดรย์ที่ปลอมตัวอยู่ก็ได้แอบเข้ามาสะกดจิตให้ไล่ตามเอ็มลินไป
หลังจากนั้นเสียงระฆังของโบสถ์ได้เรียกความสนใจของทุกคน สร้างโอกาสให้ตัวของเอ็มลินเดินเข้าไปหาเออร์เนสที่กำลังตัวสั่นกระตุกอยู่และมองดูด้วยความเย้ยหยันอย่างสุขใจ
“ค่าเสียหาย“ เอ็มลินมอบเงินชดเชยให้คนขับและเดินหายไป ส่วนเออร์เนสพอมันฟื้นตัว ผลของการสะกดจิตทำให้มันต้องปาข้าวของทุกอย่างใส่เอ็มลินอย่างไม่รู้ตัว
และในตอนนั้นก็มีหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งที่เออร์นาสรับมาจากออเดรย์ได้ตกลงที่พื้นเผยให้เห็นไพ่หน้าการ์ดที่แอบสอดไว้ และบนหน้าการ์ดมีร่างสตรีนั่งอยู่เก้าอี้หินพร้อมดาบและตราชั่ง
ไพ่ทาโรต์ เดอะจัสติน ]
นี่คือการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างสมาชิกไพ่ทาโรต์ในโลกความเป็นจริง หลังจากได้มาเห็นแบบนี้พวกเขาก็อดรู้สึกไม่ได้เลยว่าตัวเองนั้นเคยผ่านอะไรมามากมาย
แม้ว่าชุมนุมของพวกเราจะแปลกประหลาดไปสักหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าชุมนุมทาโรต์นั้นให้ความรู้สึกราวกับเป็นองค์กรลับอย่างแท้จริง ทุกคนต่างไม่รู้ตัวจริงของกันและกันแต่ถึงเป็นแบบนั้น เราก็ยังคงสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้!!
[’เจ้านี่กลิ่นแรงแถมยังประหลาดนิดหน่อย แต่ก็ไม่เลว…‘ ในห้องส่วนตัวข้างๆห้องของเอิร์ลมิสทราล ไคลน์ที่กำลังสวมใบหน้าอันแสนธรรมดาได้เพลิดเพลินไปกับการพิจารณารสชาติอาหารอันโอชะของซิลวารัส
แม้ว่าปฏิบัติการนี้จะไม่จำเป็นต้องมีเดอะเวิร์ลหรือเดอะฟูลเข้าร่วม แต่ไคลน์ก็ยังมองว่ามิสจัสติสและเดอะมูน•เอ็มลินต่างก็ขาดประสบการณ์ในทำนองนี้ จึงตัดสินใจแอบมาดูอย่างเงียบๆ คอยยืนยันว่าจะไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
เขาสั่งให้หุ่นเชิดสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลบนโต้ะอาหาร ส่วนร่างต้นเข้าห้องน้ำภายในคฤหาสน์ ส่งตัวเองเข้ามิติสายหมอกคอยจับตามองผ่านแสงวิงวอนพร้อมกับถือคฑาเทพสมุทรในมือให้พร้อม หากพบเหตุไม่คาดฝันสายฟ้าจะผ่าลงไปทันทีเพื่อตักเตือนอีกฝ่ายให้หยุดการกระทำ]
“เขา…อยู่ที่นั้น” สมาชิกชุมนุมไพ่ทาโรต์ต่างคิดแบบนี้เดียวกัน ทุกคนรู้สึกถึงความรู้สึกอันอบอุ่นไหลผ่านหัวใจของพวกเขา
แผนปฏิบัติการนี้สมบูรณ์แบบ ทุกอย่างดำเนินการอย่างมั่นคงและไร้ที่ติจึงแทบไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นอันที่จริงหากมองจากมุมนอกนี้มันก็แค่เกมละเล่นสำหรับเด็กก็เท่านั้น
แม้จะเป็นแบบนั้นมิสเตอร์ฟูลก็ยังคงเป็นห่วงและคอยเป็นปีกอันยิ่งใหญ่เพื่อคุ้มครองพวกเขาในยามที่เกิดเหตุร้าย
“อย่างกับแม่แก่ๆเลยนะ โจว” โรซาล์ยิ้มจิกกัดเล็กน้อย แต่เขาเองก็เคยเป็นแบบนั้น คอยดูแลแบร์นาเนตน้อยให้ปลอดภัยก่อนจะเจ้าลูกนกจะบินได้ด้วยตัวเองและออกจากรังไปในท้องฟัาอันยิ่งใหญ่
“พ่อ…” เหมือนว่าแบร์นาเนตจะรู้ว่าโรซาล์ยคิดอะไร มันจึงทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยเลย
[เลียวนาร์ดที่กำลังจะไปยังเขตเหนือของสะพานเบ็คลันด์ชำเลืองนกพิราบใจกลางจัตุรัสก่อนจะลดเสียงลงและกล่าว
“ตาแก่ คุณคิดว่าปฏิบัติการคราวนี้จะลุล่วงไหม“
หลังจากดึงเออร์เนสเข้าสู่ความฝัน เขาพลิก {บันทึกการเดินทางเลมาโน่} และกระตุ้น {อ้อมกอดเทวทูต} จากนั้นก็แล่นรถม้าออกจากจุดเกิดเหตุโดนไม่ทราบถึงผลลัพธ์ว่าจะออกมาราบรื่นไหม
ภายในใจ พาลีสตอบด้วยเสียงที่ผ่านโลกมามาก
“ในยุคสมัยที่สี่ มีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า {จงเชื่อในพลังของเหล่าทวยเทพ}“
‘กำลังจะบอกว่า หากแผนการนี้ได้รับการอนุมัติจากมิสเตอร์ฟูลมันจะออกมาสำเร็จแน่นอน?’ เลียวนาร์ดพึมพำในใจก่อนจะรู้สึกบางอย่างจึงถามต่อ
”ทำไมสุภาษิตที่ว่าถึงฟังดูไม่สมบูรณ์ละ?“
พาลีสพ้นลมหายใจ
”ใช่…มันยังมีครึ่งหลัง {อย่าหลงเชื่อในความใจดีของพระองค์} ]
“จงเชื่อในพลังของเทพ แต่อย่าเชื่อในความใจดีของพระองค์” พาลีสถอนหายอย่างช่วยไม่ได้ แม้ว่าเขาจะทำงานในฐานะเทวทูตเวลาของคริสต์จักรเดอะฟูลมานานแล้ว แต่เขาก็ยังคงยึดถือคติพจน์นี้อยู่ในใจเสมอ
“แต่คุณสามารถเชื่อมิสเตอร์ฟูลได้นะ ตาแก่ เขาไม่ใช่พระเจ้าแต่เป็นเพียงคนธรรมดาที่ผู้สวมบทบาทของพระเจ้าเท่านั้น” ในฐานะที่อยู่ด้วยกันมานานในบางครั้งเลียวนาร์ดก็สามารถอ่านสีหน้าพาลีสได้เหมือนกันจึงพูดถึงเดอะฟูล
พาลีสกลอกตาด้วยความไม่ชอบใจที่ถูกอ่านสีหน้า แต่สุดท้ายเขาก็ยิ้มและยกมือขึ้นมาถูตราศักดิ์สิทธ์ของเดอะฟูลที่หน้าอกแล้วกระซิบเบาๆ
”สรรเสริญเดอะฟูล“
พอภาพบนจอจบหลัง เอ็มลินจึงลุกขึ้นมาหยิบโคมไฟบนแท่นและนำไปปล่อยในแม่น้ำก่อนจะอธิษฐาน
”ฉันหวังว่านายจะได้ลิ้มรสอาหารอร่อยๆทั้งหมดในโลก“
‘เจ้าเคยบอกว่าตัวเองชอบเงินและอาหารทว่าก็ไม่ได้กิน เพราะในอดีตจำเป็นต้องใช้เงินในการเลื่อนลำดับจึงไม่ได้กินอย่างที่ใจต้องการ…แต่ตอนนี้โลกสงบแล้ว เงินเจ้าเองก็มีเยอะมากถ้าเทียบกับเมื่อก่อน…เพราะงั้น กลับมาเถอะ ข้าจะได้พาเจ้าไปเลี้ยงของอร่อยๆ’
พอเอ็มลินกลับมาที่เดิม ทุกคนก็ขบคิดอีกครั้งว่าใครคนต่อไปดีจนเดอร์ริคหันไปยังด้านซ้ายมือซึ่งมีคนแอบมุดอยู่
”หา? ฉันหรอ“ เป็นเดนิสที่เขาพึ่งมาถึงในรอบก่อนหน้า ส่วนหนึ่งเพราะยังติดธุระงานของโบสถ์เดอะฟูเลยมาสาย
”แน่นอนครับ“ เดอร์ริคยิ้มตอบ ทำให้เดนิสรู้ว่าเขาคงไม่มีทางเลือกจึงเดินขึ้นไปบนแท่นและจุดไฟของเทียน ทำให้ภาพเริ่มฉาย
[“ช่วยด้วย กัปตันหายไป!”
บนเรือฝันทองคำเดนิสกำลังเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือกับเกอร์มันโดยใช้ผู้ส่งสารให้นำข้อความไปส่ง
ใช้เวลาไม่นานเกอร์มันก็มาถึงเรือพร้อมกับแอนเดอร์สันที่บังเอิญอยู่ด้วยกันพอดีและเกอร์มันได้ใช้ต่างหูไข่มุกเป็นสื่อกลางทำนายหาเอ็ดวิน่า
“เธอยังชีวิต…แต่ตอนนี้เธออยู่ในสถานะพิเศษ”
เกอร์มันสามารถยืนยันได้แล้วว่าเธออยู่ในสมุด {การเดินทางของกรอซาย} โดยใช้พลังทำนายของมิติสายหมอก จากนั้นจึงลองคิดจะทำลายโดยการใช้คฑาเทพสมุทรและไพ่จักรพรรดิมืด
‘ทรงพลังกว่าที่คิด…นั้นสินะสมุดที่สามารถสร้างโลกอีกใบได้มันจะอ่อนแอได้ไง แสดงว่าการลงทุนซื้อเจ้านี้ในราคาแปดพันปอนด์ต้องคุ้มแน่นอนกับการได้โล่ที่สามารถกันการโจมตีระดับนักบุญ…น่าเสียดายมันเล็กและกว้างไม่พอ‘ พอคิดแบบนั้นไคลน์ก็ตัดสินใจจะซื้อสมุดนี้และออกจากมิติสายหมอก]
แม้พวกเขาจะรู้ว่าไคลน์สามารถใช้ผลเสียของสมบัติปิดผนึกได้อย่างชำนาญ แต่ความคิดแรกของเขาตอนจับสมบัติปิดผนึกระดับ 0 คือการใช้มันเป็นโล่เนี่ยนะ?
“อ่า~” เหล่ากลุ่มคนที่น้อยครั้งจะได้จับของระดับนั้นรู้สึกเสียดายแทนมาก ส่วนชุมนุมไพ่ทาโรต์รู้สึกอายนิดหน่อยกับความคิดของเทพพวกเขา
[เมื่อไคลน์กลับมายังโลกความจริงและบอกสมาชิกเรือฟันทองคำว่ารู้ตำแหน่งของเอ็ดวิน่าแล้ว
“โอ้!!!!” พวกเขาต่าวตะโกนโห่ร้องดีใจ กลับกันไคลน์มองภาพตรงหน้าและยิ้มอย่างโศกเศร้า
’ถ้าฉันหายไป จะมีคนคิดถึงแบบพวกเขาไหมน่ะ’ ]
พอได้ยินแบบนั้น พวกเขาต่างสัมผัสได้ถึงความอ้างว้างและโดดเดี่ยวของไคลน์ แต่ทุกคนในตอนนั้นไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงหันมามองกันและกันทำให้รู้ว่า
มีอีกมากเลยละที่ยังคิดถึงและรอคอยเขาอยู่
[ไคลน์ได้บอกวิธีเข้าโลกสมุดแก่เดนิสและมอบกระดาษที่จดชื่อนามศักดิ์สิทธิ์ของเดอะฟูลไว้
เดนิสมองชื่อในกระดาษและรู้ได้ว่าหากท่องชื่อของเทพมาร ชะตากรรมหลังจากนี้ถ้าไม่ตายอย่างโหดเหี้ยมก็อาจรอดและได้พร
‘แต่ตอนนี้การช่วยกัปตันคือความสำคัญที่สุด’ เดนิสกัดฟันเอ่ยนามของเดอะฟูลด้วยภาษาเฮอร์มิสโบราณ ]
“อืมๆ เข้าใจความรู้สึกเลย” ซิลกับฟอร์สต่างพยักหน้ากับภาพตรงหน้า พวกเธอเองก็รู้สึกแบบเดียวกันตอนท่องนามของเดอะฟูลครั้งแรก
หากมีสามัญสำนึกหน่อยก็รู้ดีว่าการเอ่ยนามของเทพมารไม่ต่างอะไรกับการเรียกให้ความตายมาหา
แต่เดอะฟูลนั้นแตกต่าง ในคราแรกที่พบกันท่านนั้นแสดงออกถึงความสุภาพนอบน้อมกับสายหมอกที่ให้ความรู้สึกถึงความอบอุ่บและพิศวง
ท่านนั้นตอบรับคำเรียกร้องของพวกเราโดยไม่สนว่าแต่เดิมเรานับถือศาสนาอะไร มินำซ้ำท่านยังให้โอกาสพวกเราได้แข็งแกร่งและให้ความช่วยเหลืออย่างเท่าเทียม…
แต่พวกเราก็ได้มารู้ที่หลัง การแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม คำพูดที่ท่านมักจะพูดประจำไม่เคยเป็นจริงเลยเพราะท่านนั้นได้แจกไปมากมายเพื่อพวกเรา
[หลังจากไคลน์ได้ยินเสียงเรียกของเดนิสเขาจึงมั่นใจว่าภายในโลกสมุดนั้นปลอดภัยจึงได้เข้ามาโดยมีแอนเดอร์สันที่เขาใช้เล่ห์กลหลอกมาด้วยก่อนจะตามหาเดนิสเจอด้วยคฑาทำนายและเข้าไปกระซิบบอกบางอย่าง
“จงจำนามนั้นให้ขึ้นใจ การเอ่ยนามเต็มของพระองค์จะทำให้นายเป็นสาวกเต็มตัว“
”…“ สีหน้าเดนิสพลันบิดเบี้นว ฝืนยิ้มแห้งที่ไม่ต่างจากร้องไห้!
‘ไอแม่*** ฉันไม่อยากเปลี่ยนศาสนา!!! ไม่อยากศรัทธาในตัวตนลึกลับและไม่ทราบที่มา!!’ เดนิสแหกปากบ่นดังในใจ แต่มิได้กล่าวคำได้ออกมา เพราะมันเชื่อว่าหากปฏิเสธ เกอร์มันอาจฝังมันใต้หิมะทันที!!
ไคลน์พอเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบจึงเผยรอยยิ้มคล้ายคนเสียสติ
“และอีกหนึ่งเรื่องที่ต้องจำเอาไว้ เก็บเรื่องนี้เป็นความลับให้ดีหากมันรั่วไหล กัปตันนายไม่รอดแน่”
“เกี่ยวอะไรกับกัปตัน?”
ไคลน์ยังคงยิ้มอย่างโรคจิต
”ลองเดาดูสิ“
เดนิสพะงาบปากอยู่สักพัก มันพอเข้าใจเหตุผลละ จึงหัวเราะในลำคอและกล่าว
“ฉันดูเหมือนคนเก็บความลับไม่เก่งขนาดนั้นเชียว?”
ไคลน์พยักหน้าและหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อ
“จงเชื่อในพระองค์ จงซื่อสัตย์ต่อท่าน แล้วสักวันนายอาจได้เป็นข้ารับใช้แบบฉัน เมื่อถึงตอนนั้น ชื่อเสียงนายจะดังกระฉ่อนไปทั่วห้าห้วงสมุทร ไม่ด้อยไปกว่าเหล่าพลเรือโจรสลัด”
ขณะกล่าว ไคลน์คิดจะทำสัญลักษณ์มือของสาวกเดอะฟูล แต่เพิ่งนึกได้ว่าของแบบนั้นไม่มีอยู่จริง จึงรำพันในใจแผ่วเบา
’องค์กรลับจำเป็นต้องปกปิดตัวตน พฤติกรรมไร้สาระเช่นนี้ไม่ช่วยให้เกิดประโยชน์อะไร มิสเตอร์แฮงแมนพูดถูกแล้ว‘ ]
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นเล็กน้อยในห้องสวดมนต์ ใบหน้าของเดนิสแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและเขาอายแทบตายตอนเห็นภาพตัวเองในอดีต!!
ใช่ เรารู้ว่าในอดีตเราเป็นคนแบบไหน แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาคือมุขนายก เดนิส!! และเรื่องสัญลักษณ์ที่ไคลน์พูดนายไม่ต้องกังวลอีกแล้วเพราะ คริสจักรเดอะฟูล ได้ก่อกำเนิดขึ้นมาแล้วจริงๆ
[ไคลน์เดินนำแอนเดอร์สันและเดนิสไปยังตำแหน่งของเอ็ดวิน่าจนมาพบกับ
คนยักษ์•กรอชาย ผู้ขับขานเอลฟ์สาว•เซียธาส ไวเคาต์จักรวรรดิโซโลมอน•โมเบธ โซโรอาตเตอร์ นักบวชเคร่งศาสนา•สโนวมัน และทหารโลเอ็น•รอนเซล]
‘ผู้ขับขานเอลฟ์ เซียธาส’ อัลเจอร์มองหญิงสาวเอลฟ์ด้วยสายตาที่หลากหลายอารมณ์ เขาทราบทันทีว่าตะกอนพลังของเขามาจากผู้หญิงคนนี้…และเป็นสาเหตุที่เขาได้รับภารกิจจากราชินีเอลฟ์
[ในระหว่างที่ไคลน์กำลังแลกเปลี่ยนประวัติศาสตร์กับแต่ละคน จู่ๆสโนวมันก็เอ่ยบางอย่างขึ้น เกี่ยวกับเทวทูตมืดซาสเรียและนาม อดัม พริบตานั้นเอง ราชาแห่งแดนเหนือ ยูลิเซี่ยนมาทันทีที่เอ่ยนามสุดท้าย]
“เป็นฝีมือนายหรอ? หัวหน้า” โรซาล์ยหันไปถามนักบวชผมทอง
“มันแค่ตอบสนองต่อชื่อข้า” อดัมอธิบายอย่างไม่ปิดบังและแอบหันไปมองอมานีเซียเพราะเขาไม่เห็นจำได้เลยว่าเคยถูกเรียกในสมุด นั้นหมายความว่ามันถูกปกปิดไว้ แน่นอนว่าอมานีเซียสัมผัสได้ถึงสายตาของอดัมจึงเงยหน้ามองไปดวงตาสีทองอย่างไม่เกรงกลัว
“เฮ้อ~ พวกคุณนี้น้า~” โรซาล์ยรำพันขึ้น ผ่านมาสิบปีแล้วยังจะจิกกัดกันอีก
[พวกเราทุกคนสู้อย่างไม่ถอยหนี ด้วยความร่วมมือกับการสละชีวิตของกรอซายในที่สุดก็สามารถชนะมังกร ยูริเซี่ยนได้และเปิดประตูสู่โลกภายนอก
กรอซายมองไปยังแสงของประตูซึ่งเป็นทางออกก่อนจะกำหมัดและยกขึ้นชี้ไปที่ทุกคนแล้วยิ้มอ่อนโยน
“พวกเราทำสำเร็จ…คนยักษ์….ไม่เคยถอย“ เสียงของมันขาดห้วงกระทันหัน ศีรษะที่มีดวงตาแนวตั้งห้อยลงและปิดอย่างช้าๆ ]
แม้พวกเราจะพึ่งได้รู้จักกับกรอซาย แต่คนยักษ์คนนี้ก็มอบความประทับใจให้กับทุกคนในห้องสวดมนต์เป็นอย่างดี
”ขอให้เจ้าหลับอย่างสงบ“ อดัมสวดส่งวิญญาณอย่างแผ่วเบา
[เมื่อทุกคนออกมาจากสมุด แต่พริบตานั้นเหล่าผู้ที่ติดอยู่ในสมุดกว่าร้อยปีก็ค่อยๆสลายกลายเป็นเถ้าเหลือเพียงตะกอนพลัง]
”ตาแก่…“ เลียวนาร์ดเหลือบมองพาลีสที่เขากำลังมองภาพหลานของตนได้ตายทั้งรอยยิ้มขณะจับมือของเอลฟ์สาว
“อ่า…ข้าชินแล้ว ข้าอยู่มานานจนเห็นโมเบธตั้งแต่เล็กจนโตรวมทั้งคนอื่นๆ…นี้คือราคาของการมีอายุยืนยาว”
คำพูดของพาลีสได้เข้าสู่หัวใจของเหล่าผู้มีอายุยืนทุกคน โดยเฉพาะกับฟอร์สเทวทูตหน้าใหม่ที่กำลังก้มหน้าคิดกับตัวเองว่าเธอคงต้องเจอสถานการณ์แบบเดียวกันอีกมากในอนาคตสินะ
“ฟอร์ส…” ซิลรู้ดีว่าเพื่อนของตัวเองคิดอะไรกอดเธอเอาไว้ ทำให้ฟอร์สยิ้มทั้งน้ำตาเธอกลัวจริงๆว่าเพื่อนๆของเธอจะจากไปตามกาลเวลา สมาชิกไพ่ทาโรต์คนอื่นก็เช่นกันพวกเขาต่างมองกันและกันช้วงระยะเวลาสิบปีที่ได้ทำงานร่วมกันนั้นสร้างสายสัมพันธ์แห่งสายหมอกอันแน่นแฟ้น…หากต้องจากกันด้วยอายุไขมันก็รู้สึกเศร้าไม่น้อยเลย
เดนิสตั้งสติแล้วหยิบโคมไฟที่พึ่งแปรสภาพจากเทียนเดินไปทางแม่น้ำและปล่อยวางลง
ตอนเขารู้ครั้งแรกว่า เกอร์มันคือเดอะฟูล ความรู้สึกเขาไม่ใช่ความโกรธที่ถูกหลอกแต่เป็นความรู้สึกชื่นชม ในฐานะผู้ส่งสารของท่านทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเดอะฟูลต้องทำงานหนักขนาดไหนตลอดสิบปีมานี้ทั้งในฐานะเทพและเทวทูตลงทัณฑ์
“ฉันภาวนาให้เกอร์มันมีเพื่อนมากกว่านี้”
การล่าและการผจญของพวกเราจบลงแล้ว เพื่อนเอ่ย ได้เวลาที่นายต้องกลับบ้านมาหาครอบครัวของนาย
เมื่อเดนิสกลับมาที่นั่งเดิม แบร์นาเนตก็อาสาลุกขึ้นเป็นคนถัดไปและจุดเทียนบนแท่นปรากฏภาพ
[บนท้องฟ้าเหนือเบ็คลันด์ ปรากฏเรือเหาะของฟุซัค
ได้ทิ้งระเบิดลงมาตามจุดของเมือง เป็นสัญญาณถึงสงคราม]
ความคิดเห็น