คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่4 ราตรีกำลังมาเยือน
บทที่4 ราตรีกำลังมาเยือน
“คิดว่าทำแบบนี้ดีแล้วหรือท่านลอร์ด”เสียงทุ้มแหบแห้ง เอ่ยลอดไรฟันท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องทำงานเพดานสูงตกแต่งเลิศหรูสมฐานะผู้เป็นเจ้าของ หลังโต๊ะทำงานไม้มะฮอกกานีตัวยาวมีรูปเขียนขนาดใหญ่ของชายแก่ท่าทางใจดีรูปร่างสมบูรณ์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำทั้งชุด นั่งอยู่บนเก้าอี้นวมสีแดงสดตัวใหญ่ กับเด็กชายตัวเล็กเสื้อคอปกกะลาสีรับกับเรือนผมสีน้ำตาลเข้มและดวงหน้าเยาว์วัยน่าเอ็นดู
ชายหนุ่มเจ้าบ้านอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวเนื้อบาง กับแขนถูกพับถลกขึ้นเพราะอากาศในห้องร้อนจนแทบสุก มองอีกฝ่ายด้วยแววตาเรียบเฉยประดับบนใบหน้าเจ้าเล่ห์ แต่ดูดี ปากบางขยับยิ้ม จ้องมองบุรุษในเสื้อคลุมน้ำเงินเข้มยาวเปิดฮู้ด แลเห็นผู้มาเยือนมีผิวซีขาวซีดจนน่าตกใจราวกับไม่ถูกแดดมาเป็นเวลาหลายสิบปี ดวงหน้ายาว ปลายคางแหลมรับกับดวงตาปูดโปน น่ากลัวจะถลนออกมานอกเบ้า ศีรษะโล่งเตียนโกนล้านเลี่ยนไม่มีผมประดับสักเส้น จมูกงองุ้มหักๆผิดธรรมชาติ พร้อมด้วยฟันเหลืองๆเหยเกซ้อนกันไม่เป็นระเบียบเหล่านั้นซ่อนเร้นเขี้ยวคมไว้เป็นอย่างดี
“แล้วเจ้ากลัวอะไรนอตัน คิดว่าคนอย่างข้าจะทรยศเพียงเพราะผู้หญิงเซซิเลียนคนเดียวงั้นหรือ. . .เจ้าประเมินข้าต่ำเสียไป”ลอร์ดคริสโตเฟอร์ วัสตันเอ่ยน้ำเสียงเฉยชา ก่อนจะหันหลังลุกยืนจากเก้าอี้ตัวงามสุดในห้อง สาวเท้าแช่มช้าตรงไปยังบานหน้าต่างใหญ่ดัดลวดลายโค้งวิจิตร
แล้วเขาจึงค่อยสั่นกระดิ่งอันเล็กเท่าหัวแม่โป้งซึ่งครั้งหนึ่งวางสงบอยู่บนโต๊ะทำงาน เสียงใสแหลมดังกังวานครั้งสองครั้ง ก่อนร่างของคนรับใช้ใบหน้าเหี่ยวย่นในชุดเครื่องแบบสีดำรี่เปิดประตู เข้ามาพร้อมร่างบอบบางใบหน้าขาวซีดผมยาวสีน้ำตาลอ่อน ท่าทางระโหยโรยแรง ปรือเปลือกตามองไปรอบๆช้าๆไม่อาจขัดขืน
พ่อบ้านชราผลักไสร่างด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ ให้แขกผู้มาเยือนด้วยความมึนงง มองร่างนั่นด้วยแววตาประหลาดใจสลับสับเปลี่ยนกับลอร์ดหนุ่มซึ่งบัดนี้เบนหน้าเสมองทางอื่น ราวกับบางสิ่งบางอย่างละความสนใจจากเขาไป ชายดวงหน้าซูบซีดจึงไล้สายตาที่ต้นคอขาวซีดไร้ชีวิตชีวา เลียปากแผลบๆอย่างหิวกระหาย
“เอาไปกินไม่ต้องเกรงใจ ข้ายกให้”ดวงตาสีแดงก่ำมองสับไปมาระหว่างหญิงสาวในอ้อมแขน กับชายหนุ่มผู้เขาแวะมาเยี่ยมเยือนและตรวจเยี่ยมตามบัญชาเบื้องบน
“อัลเฟรด พอแขกจัดการเสร็จแล้ว เก็บกวาดและพาไปส่งข้างนอกอย่างปลอดภัยด้วย”พ่อบ้านชราคำนับรับคำโดยมิได้เอ่ยปากพูดอะไร ให้ผู้เป็นนายต้องขุ่นเคือง ตลอดเวลาหลายปีที่เขาเฝ้ารับใช้นายน้อยผู้เติบใหญ่กลายเป็นนายของเขา หลังจากนายคนก่อนเสียชีวิตไปอย่างกะทันหัน
“ท่านจะไปไหน มายลอร์ด”มันเอ่ยดักอย่างรู้ทัน คริสโตเฟอร์ไม่ตอบ ตรงดิ่งไปยังราวแขวนเสื้อคลุมและหมวก หยิบเสื้อกั๊กสีน้ำตาลมา คลุมทับลวกๆ จัดชายจนดูดีแล้วจึงเอื้อมหยิบหมวกใบโปรดมาสวมใส่
“ออกไปทำธุระ แล้วอย่าลืมสิ่งที่ข้ามอบให้เจ้า. . .พันธมิตรข้า”ชายหนุ่มจับปีกหมวกสักหลาดของตนแทนคำลา “แน่นอนท่านลอร์ด. . .นายท่าน”นอตันยอมสวามิพักตร์แต่โดยดี เห็นร่างสูงรีบผลุนพลันลงบันไดไปพบอัลเฟรตซึ่งรออยู่หน้าประตูบานใหญ่ กระวีกระวาดเปิดประตูรถม้า
“ไปบ้านเซซิเลียน”
“อึก. . .ดะ”ร่างบางกลิ้งล้มนอนคว่ำกับพื้นหินชื้นแฉะ ลมหายใจเหนื่อยหอบก้องดัง พยายามยันกายลุกขึ้นยืนประจันหน้ากับศัตรู ก่อนรวบรวมความกล้าไม่ก็บ้าบิ่นโถมประจันกับชายเสื้อเกราะวาววับปกปิดใบหน้าด้วยหมวกเหล็กภายในห้องใต้ดินลับ หญิงสาวกำดาบขึ้นสนิมแน่น น้ำหนักของมันทำให้ข้อมือของนางอ่อนล้าแทบขยับไม่ได้ แต่หญิงสาวกัดฟันฝืนตั้งรับคมดาบจากอีกฝ่าย หนักแน่น มั่นคง ทันท่วงที มือไม้สั่นไหว แรงอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นทีละน้อย เมื่อแน่ใจว่าจนไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไปจึงผ่อนแรงลงฉับพลัน ส่งผลให้ดาบในมือหลุดไถลไปอีกฝากฝั่งห้อง แต่ด้วยสัญชาตญาณทำให้นางกระโดดถลาไปคว้าดาบกลับมาไว้ในมือรวดเร็ว ตีลังกากลับมายืนท่าทางสง่างามอีกครั้ง
ไม่รอให้เวลาอันมีค่าสูญเสียไป อาวุธเดียวที่มีอยู่ก็โถมฟาดฟันคู่ต่อสู้โดยไม่รั้งรอ อีกฝ่ายตั้งรับได้คล่องแคล่วราวอ่านทุกการเคลื่อนไหวของหญิงสาวออกตั้งแต่แรก และสิ่งที่เธอไม่ได้คาดคิดเอาไว้ล่วงหน้า คือการที่อีกฝ่าย ค่อยๆเบียดตัวเข้าประชิดหญิงสาวผู้อ่อนล้าและเป็นฝ่ายเพลี้ยงพล้ำในขณะนี้
ขาถอยหลังช้าๆตามแรงซึ่งนางจำต้องโอนอ่อนผ่อนตาม ดาบในมือค่อยๆร่วงหล่นเสียงดังกับพื้น ขณะสมองตรองคิดแผนสำรองเพื่อจัดการคนตรงหน้า รู้ตัวอีกทีหลังชนผนังอิฐเข้าอย่างจัง ผนังสองด้านกลายเป็นคุกกักขังเธอเอาไว้อย่างเลี่ยงไม่ได้
ให้ตาย ถูกต้อนจนมุมเองซะได้!!
คนที่ควรจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ กลับเสียเปรียบและจนมุม คนที่ควรจะเสียเปรียบ ก้าวเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีท่าทีจะปล่อยเธอรอดไปง่ายๆ มือของอีกฝ่ายตรงเข้าจับกุมข้อมือของโจแอนผู้ดิ้นขัดขืนขลุกขลัก ตระหนักเดี๋ยวนั้นเองว่าคนตรงนั้น
เขารัดข้อมือหญิงสาวแน่นกว่าเดิม วินาทีนั้นเอง หมวกครอบเหล็กของเขาถูกกระชากออกด้วยฝีมือเจ้าตัว เผยเห็นใบหน้าหล่อเหลาภายใต้แสงคบเพลิงสลัว ยามเรือนผมเป็นลอนน้อยๆคล้ายต้องคลื่นลมทะเลถูกแสงสว่างน้อยนิดส่องกระทบ เป็นประกายสีแดงเจิดจ้าสะท้อนไปมา แววตาสีเข้มรับกับดวงหน้าคมคาย จ้องประสานสายตาสีม่วสงอเมทิสต์ซีดจางเนิ่นนาน . . .โดยไม่อาจหาความหมายของสายตาได้
“คุณ. . .”หญิงสาวตกตะลึง ไม่คิดว่าชายผู้ครั้งหนึ่งสถิตอยู่ในห้วงคำนึงของเธอ แวะเวียนเยี่ยมเยือนในความฝันหลายครั้ง กลับปรากฏตรงหน้าได้. . .ไม่คาดฝันว่าจะชิดใกล้กันถึงเพียงนี้ นี่เขาเป็นใครกันแน่ ชายผู้มีผมประกายเพลิง กับแววตาเปี่ยมล้นด้วยความเสน่หา กำลังจับเธออยู่หมัดในอ้อมแขน
เขาเป็นใคร? ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เขากำลังทำให้นางอับอายและเสื่อมเสียเกียรติด้วยการขโมยจูบแรก . . .และพวกเซซิเลียนแท้จริงก็ไม่มีวันยอมให้เกียรติของพวกเขาถูกทำลายลงเด็ดขาด
หญิงสาวชูมือสูงในอากาศหมายจะตบหน้าเขาสักหน ทว่าเสียงชายชราคุ้นหูเอ่ยขึ้นด้านหลังโจแอนตกตะลึงเมื่อร่างมาใหม่คือผู้เป็นบิดาของเธอ ทำให้นางต้องรีบซ่อนฝ่ามือไว้ด้านหลังทันที ปรับเปลี่ยนสีหน้าเข้มด้วยโทสะเป็นขาวซีดดังเดิม
“ทำได้ดีมากเจ้าหนุ่ม” ชายหนุ่มดวงหน้าคมคายร่างสูงกำยำน่าดึงดูด ถอยห่างจากเธอเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้เช่นกัน โค้งคำนับรับคำชมจากชายชราด้วยความเต็มใจ มอบรอยยิ้มจืดชืดแทนคำพูดทั้งหมดที่มีอยู่ในหัว ทำตัวปกติไร้พิรุธที่สุด. . .ดูเหมือนจะได้ผลดีเสียด้วย
“บอกกี่ครั้งกี่หน. . .ระวังตัว ป้องกันตัวตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่เคยฟังข้าเลยสักนิด”ผู้เป็นพ่อท่าทางกราดเกรี้ยว หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงแปลกใจไม่น้อย แต่ตอนนี้ หญิงสาวชินชาเสียแล้ว ตั้งแต่เธอเริ่มรับการฝึกเพื่อการเป็นนักล่าโดยเฉพาะ และมันก็มักเป็นเช่นนี้เสมอ
“ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยฝึกลูกสาวไม่ได้เรื่องของข้า”โรเชสเตอร์ว่าอีกหนุ่มยิ้มรับนอบน้อม จนหญิงสาวอดสงสัยไม่ได้ว่าเขามักเป็นคนสุภาพตลอดเวลา หรือมันเป็นเพียงหน้ากากบังหน้ากันแน่ ก็ไม่อาจรู้ได้ สิ่งที่เธอสงสัยทั้งหมดต้องปัดทิ้งไปรวดเร็ว รวมถึงความไม่พอใจเองต้องซ่อนเร้นมันไว้เช่นกันเมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยคำพูดขึ้นโดยไม่มีปี่มีขลุ่ย
“โจแอนนา นี่คือวิลเลี่ยม เลียมฟอร์ด กิเดียนแห่งความมืด”เขาผายมือไปยังวิลเลี่ยมผู้ผงกหัวเป็นการตอบรับคำแนะนำตัวนั้น “วิล นี่โจแอนนา เซซิเลียน ลูกสาวของข้า ว่าที่กิเดียนในอนาคต และโจแอนนา จากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะอยู่ในความดูแลของเขา” คำพูดได้สร้างความแปลกใจให้หญิงสาวไม่น้อย
“คะ? ว่าอะไรนะ?”น้ำเสียงติดจะห้วนสั้นได้ใจความอย่างที่นางถนัด
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน เห็นได้ชัดว่าเจ้าคงเหนื่อยมากกับการเดินทางไปมาระหว่างหุบเขาโนร่ากับที่นี่ พอมาถึงข้าก็ขอให้เจ้าช่วยออกแรงเสียอีก ไม่ไหวเลย” ผู้เป็นพ่อไม่ใส่ใจกับคำพูดนั้น แต่กลับมอบรอยยิ้มเป็นมิตรให้ชายหนุ่มได้ง่ายๆอย่างที่โจแอนไม่เคยเห็นเขาทำ
“ยังไงก็ฝากลุกข้าด้วยก็แล้วกัน เจ้าก็รู้ว่าเมื่อก่อนเอ่อ...กิเดียนอย่างนางต้องได้รับการดูแลพิเสษ”ชายหันหลังกลับขึ้นบันได วิลเลี่ยมเพียงยิ้มจืดชืดอย่างที่เขาถนัดแทนคำตอบ
ไม่นานโจแอนคอยชะโงกหน้าดูบริเวณบันไดอยู่ครุ่หนึ่ง เมื่อแน่ใจว่าผู้เป็นพ่อจะไม่วกมาแล้ว ความโกรธและอับอายที่กักเก็บไว้ในใจถูกปลดปล่อยออกเป็นเสียงบริภาษดังลั่ง
“คุณเลียมฟอร์ด!! คุณมันเป็นไอ้คนไร้มารยาทที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา ไม่เคยมีใครบอกหรือไงว่าการจุมพิตสุภาพสตรีที่เพิ่งรู้จักกันนั้นเป็นเรื่องไม่เหมาะไม่ควร!”น้ำเสียงแข็งห้วนสั้น รับกับแววตาระริกด้วยความโกรธของเจ้าตัวดียิ่ง อีกฝ่ายเองก็ไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อนแต่ประการใด ซ้ำยังตีหน้าขรึมแต่ลอบอมยิ้มมุมปาก
หญิงสาวพยามตบหน้าชายหนุ่ม ทว่าเขาหลบทัน ครั้นลองอีกหน ก็ยังเป็นเช่นเดิม วิลเลี่ยม เลียมฟอร์ดไม่รู้หรือไงว่าเธอกำลังหงุดหงิดอยู่ และดูท่าเขาไม่สำนึกในสิ่งที่ทำลงไปสักนิด หญิงสาวทำอะไรไม่ได้สักอย่าง จะเอาคืนก็ไม่ได้ เธอตัดสินใจกระแทกเท้าขึ้นชั้นบนไปรวดเร็ว หวังไประบายความโกรธในห้องนอนตัวเอง
วิลเลี่ยมเห็นดังนั้นจึงออกวิ่งตามมาติดๆ กระชากแขนนางให้หยุดฝีเท้าลง นางทำตามโดยดี ชายหนุ่มกระตุกแขนอีกครั้งเพื่อให้นางเผชิญหน้ากับเขา
“มีอะไรอีก?” น้ำเสียงของหญิงสาวติดจะห้วนสั้น หากแต่เรียบสงบกว่าเดิม ทำให้เขาพอจะเดาได้ว่านางพยายามสงบใจอยู่ แต่ที่เขาไม่รู้ก็คือ สำหรับนางเองแล้ว การสงบใจที่ว่ามันเป็นเรื่องยากเย็นเสียเหลือเกิน
“เดี๋ยวสิ เมื่อครู่ข้า เอ่อ. . .ข้าขอโทษ. . .และข้า”วิลเลี่ยมพยายามเอ่ยให้นางสนใจ แสร้งถอนหายใจสิ้นหวังหลังพบว่านางคงไม่สนใจคำพูดใดๆของเขา “ข้าสัญญาว่าจะไม่มีเรื่องบาดหมางระหว่างเราอีก”หญิงสาวเม้มปากแน่นพยายามตัดสินใจ “ด้วยเกียรติของข้า”ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น ในที่สุดโจแอนก็ยอมแพ้ พยักหน้าน้อมรับคำขอโทษทีหนึ่งอย่างเสียไม่ได้
แล้วสิ่งที่นางไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มโน้มหน้าลงมาแช่มช้า ตาจ้องสบประสานไม่ละจากดวงหน้าอีกฝ่าย ลมหายใจอุ่นรดแก้มจนขึ้นสี ริมฝีปากอุ่นจรดข้างแก้ม ก่อนจะโลมไล่ตรงมาที่เรียวปากของหญิงสาวผู้พยายามดิ้นขัดขืน แต่ไร้ผล อ้อมแขนแข็งแกร่งประหนึ่งคีมรัดมิให้นางหลุดไปไหนได้ จากนั้นจตึงผละออกช้าๆราวกับไม่ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้น
“เราไม่ใช่คนแปลกหน้าแล้วใช่ไหม หึ?”เขากระซิบแผ่วเบาข้างใบหู ทำให้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ ช่วงนาทีนั้นยาวนานจนแทบลืมหายใจ ชายหนุ่มค่อยๆบรรจงปัดเส้นผมรุงรังปลกหน้าของนาง ช้าๆ แววตาสีครามดึงดูดให้นางไม่อาจละสายตาได้แม้แต่วินาทีเดียว
“เรียกข้าว่าวิล”คราวนี้หญิงสาวไม่อาจขัดขืนได้ ปากขยับตามอย่างว่าง่ายเอ่ยเป็นคำสั้นๆ นุ่มนวลยิ่งกว่าคำใดๆฟที่เคยเอ่ยมาทั้งชีวิต “วิล” นาทีนั้นเองราวกับชายหนุ่มจะโน้มลงมาจุมพิตอีกครั้ง หากแต่เสียงใครบางคนทำให้โจแอนจำต้องผละจากชายหนุ่มรวดเร็ว พยายามก้มหน้ากลบเกลื่อนดวงหน้าแดงก่ำไว้ในความมืด
ไม่นานเธอได้ยินเสียงกดกริ่งที่ประตู เห็นร่างสูงคุ้นตาของลอร์ดหนุ่มคริสโตเฟอร์ วัสตัน ก้าวเข้ามาด้วยท่วงท่าภูมิฐาน
“โจแอน” คริสโตเฟอร์ เดินตรงมาทางนาง ตอนนี้หญิงสาวหวังเพียงไม่ให้เขาเห็นใบหน้าแดงก่ำที่นางพยายามซ่อนไว้ ขณะที่วิลเลี่ยมระบายลมหายใจออกเสียงดังมีความหมาย หากแต่ชายหนุ่มอีกคนกลับสนใจไม่ เขาตรงเข้าจับมือหญิงสาวในทันที พยายามสบตากับนาง และจ้องมองดวงหน้าแดงซึ่งค่อยๆแปรเปลี่ยนกลับมาขาวซีดดังเดิม
วิลเลี่ยมสงเสียงฟึดฟัดทางจมูกครั้นเห็นท่าทีของอลณืดหนุ่มกับหญิงสาว นั่นทำให้โจแอนสะดุ้งตัวเมื่อนึกขึ้นได้ นางเหลือบสายตามองวิลเลี่ยม ลแคริสโตเฟอร์สลับไปมาครู่หนึ่ง ปากปะงาบเริ่มต้นไม่ถูก จนต้องสั่งให้ตัวเองตั้งสติไม่ให้เผลอไผลไปกับดอกไม้และความคิดเหลวไหลในหัว และในที่สุดคำพูดก็หลุดรอดจากริมฝีปากชมพูดระเรื่อจนได้
“พวกคุณสองคนยังไม่รู้จักกันเลย ใช่ไหม?” คริสเป็นฝ่ายหันมาสบตาเธอแล้วส่งยิ้ม. . .ซึ่งขาดความจริงใจที่สุดเท่าที่หญิงสาวเคยได้รับมา “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยแนะนำตัวพวกเราทีเถิด หากเจ้าจะกรุณา” ไม่รอคำตอบจากคุณเลียมฟอร์ด โจแอนขยับตัว รีบปรับเปลี่ยนสีหน้าในทันที กระแอมไอจนแน่ใจว่าโล่งคอดีแล้ว พร้อมเหลือบส่งสายตามองปรามสองฝ่ายก่อนเริ่มต้นการแนะนำตัว
“คริส นี่คือคุณวิมเลี่ยม เลียมฟอร์ด คุณเลียมฟอร์ด นี่คือลอร์ดคริสโตเฟอร์ วัสตัน”เธอผายมือไปที่แต่และฝ่าย เน้นหนักคำว่าลอร์ดเผื่อคุณเลียมฟอร์ดจะได้ตระหนักว่าไม่ควรต่อกรกับชายผู้นี้หากไม่อยากมีเรื่องมีราวใหญ่โต
คริสมองเขาด้วยหางตา วิลเลี่ยมเองก็จับจ้องชำเลืองมองลอร์ดหนุ่มบ่อยครั้ง แม้ต่างฝ่ายต่างก็ยิ้มจืดชืดหาความจริงใจได้น้อยให้แก่กันโดยไม่พูดจาสักคำ
โจแอนยิ่งรู้สึกอึดอัดตามบรรยากาศของสองหนุ่มที่ดูจะไม่ถูกชะตากัน ไวเท่าความคิด นางรีบเอ่ยขัดความเงียบไม่น่าพิสมัยนี้ทันทีเมื่อคิดหาเรื่องพูดเบี่ยงประเด็นได้
“วันนี้ไม่มีธุระหรือคริส”วิลเลี่ยม เลียมฟอร์ดประหลาดใจไม่น้อยกับความสนิทสนมของสองคนนี้เป็นพิเศษ แต่ไม่ได้เอ่ยปาก เขาไม่แสดงท่าทีสนใจคำพูดของหญิงสาว ราวกับเขาไม่เคยได้ยินคำพูดนั้น
“ไม่มีหรอกโจแอน. . .อ้อ. . .พูดถึงธุระ ก็นึกขึ้นได้ วันนี้ข้ามาเพื่อจะชวนเจ้าออกไปล่าสัตว์ด้วยกันเจ้าจะไปกับข้าได้หรือไม่”หญิงสาวตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
“ตกลง. . .แน่นอน ข้าจะไปกับท่าน” คริสโตเฟอร์คลี่ยิ้มละมุน หญิงสาวแน่ใจว่าได้ยินเสียงหายใจฝืดฝาดมาจากชายหนุ่มอีกคน ผู้แสร้งเมินหน้าไปทางอื่น ไม่ต้องการรับรู้เรื่องราวใดๆทั้งสิ้นบริเวณทางเดินนี้
“เดี๋ยวขอเวลาข้าห้านาที แล้วข้าจะพร้อมไปกับเจ้า”ชายหนุ่มพยักหน้าด้วยความเข้าใจ ขณะที่โจแอนแยกไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกทาง
รถม้าออกตัวโดยไม่รีรอ คนในรถม้าแทบจะหัวทิ่มไปตามๆกัน เว้นเพียงแต่ลอร์ดหนุ่มผู้พยายามกลั้นเสียงหัวเราะเต็มที่ยามเห็นหญิงสาวและชายหนุ่มอีกคนแทบหน้าทิ่มทันทีที่เขาออกคำสั่งออกเดินทาง
ระยะทางจากคฤหาสน์เซซิเลียนไปสู่เทือกเขาไทรตันดูจะยาวไหลเหลือเกิน โดยเฉพาะสำหรับโจแอน หญิงสาวไม่รู้จะทำลายบรรยากาศเงียบกริบได้อย่างไร อีกฝั่งคริสโตเฟอร์หันหน้ามองข้างทางตลอดเวลาพร้อมรอยยิ้มแปลกๆ ขณะชายหนุ่มคนข้างกาย วิลเลี่ยม เลียมฟอร์ดกลับปั้นหน้านิ่งติดจะบึ้งตึงกอดอกแน่น ดูไม่ต่างจากองค์รักษ์ผู้มีหน้าที่เฝ้าเจ้านายเลยสักนิด
“คริส อีกนานไหม?”คนถูกเรียกสะดุ้ง หันมาจับมือโจแอน กระตุกข้อมือนางเบาๆเป็นการเชิญชวนให้นางมานั่งข้างเขา ซึ่งหญิงสาวนั้นรับคำเชิญด้วยความเต็มใจ แม้หางตาแอบเหลือบเห็นวิลเลี่ยมเมินหน้ามองไปทางอื่นอย่างที่คริสโตเฟอร์เคยทำ ผิดแต่ไม่มีรอยยิ้มเช่นบุรุษอีกคนก็เท่านั้น
“ไม่นานหรอก อยู่กับข้าเจ้าจะไม่มีวันเบื่อเสียด้วยซ้ำ ข้ารับรอง”หญิงสาวเลิกโค้งงามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมเล่า?”ชายหนุ่มเพียงกลั้วหัวเราะเป็นคำตอบง่ายๆ “ก็เพราะในรถม้านี้มีอะไรให้ทำมากกว่าการนั่งอยู่เฉยๆนะสิเช่นข้อมูลน่าสนใจเกี่ยวกับปราสาทฤดูใบไม้ผลิที่เรากำลังจะไปล่าสัตว์กัน”
ชายหนุ่มเห็นแววตาสีม่วงซีดไหวน้อยๆ เครื่องหน้าเรียบไม่มีเครื่องสำอางตบแต่ง หากแต่ริมฝีปากกลับเป็นชมพูเรื่องๆอย่างคนมีสุขภาพดี วงหน้าเล็กมองเขาด้วยความตั้งใจแน่วแน่ เรือนผมสีดำสนิทมัดรวมเป็นหางม้ายาวจรดกลางหลัง รับกับชุดเสื้อคอปกแขนยาวติดระบายตรงอก กับกระโปรงซ้อนกลีบสีน้ำตาล และรองเท้าขี่ม้าเข้าชุด ทำให้นางดูกระฉับกระเฉงมีเสน่ห์ในแบบหญิงสาวผู้กระตือรือร้นและห้าวหาญ หากแต่ซ่อนความสุขุมไว้ในที
“โจแอน” ชายหนุ่มเรียกนางเบาๆด้วยเสียงแผ่ว ดวงหน้าร้อนขึ้นฉับพลันไร้สาเหตุ “ค่ะ?”นางเอ่ยตอบเสียงเบาไม่แพ้กัน ชายหนุ่มจับจ้องวดวงหน้าครู่หนึ่งก่อนลอบระบายลมหายใจออก นัยน์ตาทั้งสองสบประสานกัน ในที่สุดมันก็ละจากกันได้เมื่อเสียงไอดังลั่นได้ทำให้คนสองคนแยกจากกันราวกับหลุดพ้นห้วงภวังค์
“วิล ข้าบอกเจ้าแล้วไง ถ้าไม่สบายก็นอนอยู่บ้าน ไม่ต้องตามมา”หญิงสาวดุ คนถูกว่าตีหน้าเฉยไม่รู้ไม่ชี้ ราวกับว่าเมื่อครู่ตนมิได้ทำอะไรเลย นั่นทำให้หญิงสาวคนเดียวในรถม้าเริ่มโมโหกับผู้ดูแลคนนี้เสียเหลือเกิน กวนประสาทยังไม่พอ แต่ยังดื้อด้านเหมือนผู้หญิงอีกต่างหาก นั่นแหละคือส่วนที่ทำให้หญิงสาวแอบขำอยู่บ่อยๆ
“ปล่อยเจ้าไปกับใครก็ไม่รู้ตามลำพังมันอันตราย บิดาเจ้าคงไม่พอใจแน่”เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด แม้แต่โจแอนก็ไม่คิดว่าจะได้คำตอบจากเขา หลังจากที่ว่าไปเมื่อเกือบห้านาทีที่แล้ว อย่างน้อยการพูดน้อยของเขาก็ยังดีกว่าไม่พูดอะไรสักคำ เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริง หญิงสาวคงลืมไปว่าเขาก็มีตัวตนอยู่บนรถม้ากับนางด้วย
“ข้าว่าบิดาไว้ใจข้าพอจะปล่อยข้ามากับลอร์ดคริสโตเฟอร์ มิใช่ใครก็ไม่รู้อย่างที่เจ้าว่า” นางรีบตัดบทก่อนการโต้เถียงจะยืดยาวไปตลอดทาง หันกลับไปหาลอร์ดหนุ่ม ส่งสายตาแสดงความเสียใจไปให้ “เมื่อครู่ถึงไหนแล้วนะ”ดูท่าชายหนุ่มไม่ถือโทษโกรดเคืองนางด้วยซ้ำ ที่จริงเขาไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรเลยกับคำสนทนาเผ็ดร้อนเมื่อครู่ ดูเหมือนเขาจงใจไม่ได้ยินมันด้วยซ้ำ
ขณะที่คริสโตเฟอร์กำลังนึกไตร่ตรองเรียงลำดับสิ่งที่ตนจะพุดเกี่ยวกับปราสาทฤดูใบไม้ผลิของเขา ภาพความทรงจำเกี่ยวกับที่แห่งนั้น หวนกลับมาอีกครั้ง ทำให้เขาเห็นเด็กชายตัวน้อยผมสีน้ำตาลเข้มกำลังนั่งอยู่บนตักผู้เป็นตาด้วยความสนิทสนม และมีสีหน้าฉงน
ลอร์ดหนุ่มกุมขมับพยายามสลัดไล่ภาพนั้นออกไป หากแต่ความทรงจำนั้นยังตามหลอกหลอนเขาอยู่เสมอ
“ตาครับ เป็นยังไงต่อครับ ตาครับ เป็นยังไง บอกข้ามานะ ขี้โกงนี่ ไม่ยอมเล่าต่อจนจบ ไม่งั้นข้าไม่ไปนอนจริงๆด้วยนะท่านตา”เด็กชายพยายามส่งเสียงออดอ้อนชายชราบนเก้าอี้นวมตัวโปรดของเขา ชายชราผู้มีหนวดเคราหัวเราะน้อยๆ
“ก็ได้ๆ ข้าจะเล่า แต่สัญญานะว่าเจ้าจะตรงกลับห้องนอนเลยทันทีที่จบเรื่องนี้”เจ้าตัวเล็กรีบพยักหน้า ยกมือขึ้น “ผมสัญญาฮะ ผมจะเข้านอนทันที และจะไม่ฝันร้ายด้วย”ผู้เป็นตาลูบหัวหลานเบาๆอย่างรักใคร่ “เจ้าสัญญากับข้าแล้วนะคริส อย่าผิดสัญญาล่ะ”เด็กชายยิ้มกว้างตอบรับท่าทางใสซื่อ
ไม่นานภาพตาหลานค่อยๆแปรเปลี่ยนไป ภาพเด็กชายคนเดิมท่ามกลางสายฝน เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยดินโคลน น้ำฝนลู่เส้นผมจนลงมาปรกหน้าปรกตาแววตาหวาดหวั่นกวาดมองไปรอบๆพยามหาแสงแห่งความหวัง ขณะประคองร่างผู้เป็นตาอยู่ใกล้ๆ น้ำตารินหลั่งไม่อาจหยุดยั้ง
“คุณตา คุณตา คุณตา!!!”
“โอ้ คริส”ชายชราเรียกเด็กชายเสียงแผ่ว “คริส. . .คริส. . .”
“พวกเราใกล้ถึงแล้วล่ะ”คริซโตเฟอร์สะดุ้งสลัดไล่ภาคนั่นออกไปก่อนจะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหลังคาคฤหาสน์ของตนอยู่ไม่ไกล สร้างความประหลาดใจให้หญิงสาวนัยน์ตาสีอัญมณีผู้ดูตื่นเต้นเป็นพิเศษ ใบหน้าขาวซีดดูสดใสด้วยรอยยิ้มร่าเริง รอยยิ้มที่ทำให้คริสได้แต่ลอบมองอยู่เงียบๆ ครุ่นคิดอยู่ในใจ
กิเดียนเอ๋ย ที่นี่จะเป็นที่ๆพวกเจ้าไม่มีวันลืมเลยทีเดียว. . .
ไม่ช้ารถม้าค่อยๆหยุดจอดยู่กับที่ ประตูเปิดออกช้าๆ คริสโตเฟอร์ลงเป็นคนแรก ตามด้วยโจแอนและวิลเลี่ยมเดินรั้งท้าย
“มาเถอะ อากาศชักจะเย็นลงทุกที เข้ามาข้างในก่อนมา”คริสโตเฟอร์เป็นฝ่ายเชิญชวน หญิงสาวหนึ่งเดียวก้าวเท้าขึ้นบันไดไปทีละขั้นๆ
“แล้วเจ้าจะไม่เข้ามาหรือ?”โจแอนันกลับมาถามด้วยความสงสัย และก้ได้รอยยิ้มอ่อนโยบนเป็นคำตอบ “เจ้าไปก่อนเถอะ ข้านั้นยังต้องจัดการกับรถม้าให้เรียบร้อยอีก ระหว่างนี้ข้าจะเรียกสาวใช้มาบริการก็แล้วกัน” หญิงสาวพยักหน้าตอบรับ แล้วจึงหายเข้าไปอีกฝากของประตูโดยมีวิลเลี่ยมตามมาติดๆ แม้เขาจะส่งสายตาไม่ไว้ใจไปให้ลอร์ดหนุ่มก็ตาม แต่เขาไม่มีทางเลือก จำต้องติดตามโจแอนไปโดยมิทันได้คิดอะไรมากกว่านี้
ควับ
เสียงการเคลื่อนไหวเงียบเชียบจากร่างดำไม่ปรากฏโฉมหน้าหากดังพอที่จะทำให้ลอร์ดหนุ่มได้ยินมาจากทางด้านหลัง
คริสโตเฟอร์หันตามต้นเสียงทันที แต่แล้วแววตาสีทองของเขาก็ฉายแววประหลาดใจไม่น้อย เพราะร่างที่กำลังกอดอกผิงกรอบประตูอยู่ กำลังจ้องมองเขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ซึ่งรับกับแววตาสีดำสนิทตัดกับผมยาวสีเงินผูกรวบเป็นหางลวกๆ ภายใต้เสื้อคลุมสีน้ำตาลยาวรัดเองด้วยเชือกราวกับนักบวช
“ไง ได้ข่าวว่ากลับมาที่นี่ เป็นไงบ้างคริส”ชายผู้นั้นบรรจงถอดเสื้อคลุมนักบวชพร้อมหยิบมันพาดบ่า เผยให้เห็นร่างสูงสง่าในชุดเสื้อปกแข็งสีฟ้าประดับตราเต็มยศ บ่งบอกว่าเขานั้นแท้จริงแล้วเป็นคนสำคัญของอะไรสักอย่างที่อีกฝ่ายเห็นแล้วยังทำหน้าเบ้
“มีแขกมารึ อยากบอกนะว่าใช่ที่เขาเล่าลือกัน”คริสโตเฟอร์เพียงมองใบหน้านั้นนิ่ง
“คนเดียวกันไม่ผิดแน่”เขาตอบในที่สุด โดยไม่เข้าใจเหตุใดคนผู้นี้ถึงได้ล่วงรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ ทั้งที่มันควรจะเป็นความลับ หรือเบื้องบนรู้แล้วว่าเขาจะทำอะไรอยู่. . .นั่นเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจคาดเดาได้ พูดตามตรงก็คือไม่มีใครเคยคาดเดาแผนการซึ่งไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วมันซ้อนทับกี่ชั้นของสภาสูงได้สักนิด
แม้แต่คนอย่างเขาหรือชายตรงหน้าเองก็ตาม. . .
“อา. . .ความไว้ใจคือความหายนะสินะ”ชายยศสูงมาใหม่เดินตรงมาทางเขา ก่อนจะหยุดยืนเพื่อหันมาเผชิญหน้ากันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ไม่ได้เจอกัน แววตาของอีกฝ่ายระริกราวกับเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นเรื่องสนุกสนานยิ่งนัก
“แต่ก็เป็นดาบสองคม...ระวังล่ะ สักวันคมดาบมันจะหันกลับมาเล่นเจ้าของ อย่าหาว่าข้าใจร้ายไม่เตือนก็แล้วกัน หึๆ”เขาขยับยิ้ม คริสโตเฟอร์ไม่ชอบใจสักนิด ยิ่งแววตาแบบนี้ โทนเสียงสมเพชเวทนานั่นก็อีก
บุรุษหนุ่มกวาดสายตาสอดส่ายไปรอบๆ สุดท้ายก็มาหยุดอยู่กับคนตรงหน้า ซึ่งทำหน้าบึ้งตึงไม่รับแขก แล้วเมื่อเขาตัดสินใจเดินวนเวียนดูลักษณะท่าทางของลอร์ดคริสโตเฟอร์ สำรวจรอบๆบริเวณที่เขายืนอยู่ สังเกตใบหน้าคมเข้มอีกฝ่ายเงียบๆ ทั้งผมสีเงินซีดยาวสลวยเป็นเงา หนวดเคราเป็นหยุมหยิมหย่อมๆบ่งบอกความเป็นชายชาตรีได้ดียิ่ง
“มาที่นี่ต้องการอะไร”คนถูกจ้องถามเสียงเขียวพอๆกับสายตา ทว่าคำตอบที่ได้มากลับเป็นเพียงความเงียบงัน “ข้าถามว่ามาที่นี่ ต้องการอะไร!!”น้ำเสียงค่อยๆห้วนสั้นและกร้าวขึ้นทุกขณะ ความไม่เป็นมิตรปรากฏอยู่รอบบรรยากาศของทั้งคู่
คริสโตเฟอร์จำได้ดี เหตุใดเกลียดคนตรงหน้านัก เหตุที่ทำให้เขาอยากฆ่าบุรุษคนนี้ได้
คนทรยศ!
“เบื้องบนกำลังมีการเคลื่อนไหว คืนนี้พวกเขาจะส่งสัญญาเปิดศึก”นั่นคือคำตอบ หากไม่ได้ทำให้ลอร์ดหนุ่มขยับเขยื้อนได้สักนิด ตรงกันข้าม มันทำให้เขาเยือกเย็นกว่าเก่า พร้อมตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“รู้แล้ว และมันจะเกิดขึ้นที่นี่”
“อย่าบอกนะว่าพวกนั้นมอบหมายงานให้เจ้า หรือว่า. . .งานที่ว่าคือ”ชายผมเงินครุ่นคิดแต่คนตรงหน้าสวนขึ้นแทบจะในทันที ใบหน้าของลอร์ดวัสตันกำลังน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทว่ารังสีอำมหิตกลับไม่มีผลต่อคนตรงหน้าสักนิด
“ไม่ใช่กงการอะไรของเจ้าเรจน์”
เรจน์เพียงกลั้วหัวเราะเบาๆในลำคอ ซึ่งคริสไม่เข้าใจว่าอะไรทำให้ขบขันได้
“นึกว่าจะไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยนามกับข้าเสียแล้วนะคริสตี้”ถ้อยคำนั้นกำลังทำให้ความอดทนที่มีอยู่จำกัดของเขาขาดสะบั้นลงในพริบตา ครู่ต่อมาชายหนุ่มโถมตัวเข้าประชิดรวดเร็ว ตรงเข้าจับปกเสื้อเชิ้ตของเรจน์แน่น แววตาสีทองกรุ่นด้วยโทสะที่จะระเบิดอยู่รอมร่อ จ้องมองแววตาสีนิลเคียดแค้นราวกับจะแผดเผาให้เป็นจุลเสียตรงนั้น
“แกทำลายทุกอย่าง ยังจะมีหน้ากลับมาอีกหรอ ไอ้คนทรยศ!!”ในเวลานี้หากมีใครสักคนบังเอิญเดินผ่านมาแล้วละก็ คงจะอดหวาดกลัวกับภาพที่เห็นไม่ได้ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากาผู้ดีสูงศักดิ์ของคริสโตเฟอร์ กำลังแสยะยิ้มแยกเขี้ยวกลายเป็นปิศาจทันตาเห็น
“เพราะแก เพราะแกคนเดียว!! แกทำให้เขาตาย เป็นเพราะแก!!”
“หึ เลือดร้อนสมกับฉายาของเจ้าเสียจริง”ท่าทางเรจน์จะไม่ยี่หระต่อท่าทีโหดร้ายเลยสักนิด แววตาสีนิลหลุบต่ำลงชั่วครู่ ท่าทีของคริสโตเฟอร์สงบลงกลับกลายเป็นมนุษย์หนุ่มดังเดิม หากความโกรธยังมีอยู่ จึงส่งผลให้เขายกปกเสื้อของอีกฝ่ายสูงกว่าเดิม
“หนึ่งในสี่จตุรปิศาจผู้เป็นที่ไว้วางใจของสภาสูง ปิศาจเลือดอุ่น คริสโตเฟอร์ วัสตัน”
ร่างสูงกว่าถูกเหวี่ยงลงพื้นง่ายดายยามนี้ ผมสีเงินหลุดลุ่ยจากที่รวบลงมายาวสยาย ภาพนั้นทำให้พวกม้า ส่งเสียงร้องตื่นกลัว พยายามดีดตัวออกไปจากคอก ก่อนจะสงบลงเมื่อทั้งสองคนหยุดการต่อสู้กับแล้ว
“ถ้าหมดเรื่องก็ไปซะ ข้ามีธุระ”
คริสสางผมสีน้ำตาลยุ่งของตนด้วยความหงุดหงิด เมินหน้าไปทางอื่นไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งสิ้น หวังให้บุรุษด้านหลังยอมจากไปโดยดี ในที่สุด หลังจากที่เรจน์ลุกขึ้นก้มหยิบเสื้อคลุมนักบวชซึ่งกองอยู่กับพื้นขึ้นมาสวม ดึงฮู้ดครอบหัวลากฝีเท้าด้านหน้า
“ขอให้สนุกกับคืนนี้คริส ถ้าให้ข้าพูดนะ แม่นักล่านั่นน่ะ ระวังหน่อยก็ดีถ้าไม่อยากให้ลูกแกะกลายเป็นหมาป่า ก็ควรจะกำจัดเสียแต่ตอนนี้”
ไม่นานร่างนั่นก็หายไปเหลือเพียงอากาศธาตุและความงุนงงไว้ให้
“นอตัน!”เสียงคนเรียกเย็นเชียบทำให้เจ้าขอบชื่อถึงกับขนลุกได้ทันที แปลกใจนักเหตุใดที่ทำให้คนเป็นนายเย็นชาและแลดูร้ายกาจมากผิดปกติ
“ขอรับนายท่าน”นอตันค่อยๆคืบคลายออกจากซอกหลืบช้าๆ ร่างขาวซีดปรากฏให้เห็น ขณะที่ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับบุรุษนัยน์ตาปิศาจ
“เอาล่ะ ไปจัดเตรียมปาร์ตี้ได้แล้ว ความสนุกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นนับแต่คืนนี้เป็นต้นไป”
อีกฝ่ายโค้งคำนับรับคำนอบน้อมตามที่ได้รับการอบรมมา แล้วจึงหายจากไปในความมืดมิด ทิ้งลอร์ดหนุ่มเสยผมสีน้ำตาลเข้มของเขาอย่างรำคาญใจอีกครั้ง และแววตาสีทองของเขาสะดุดทันใดเมื่อเห็นว่าฝนเริ่มลงเม็ด
ความคิดเห็น